28. การไล่ตามไขว่คว้าชื่อเสียงและผลประโยชน์นำมาซึ่งชีวิตที่มีความสุขไหม?

เหลียงจื้อ ประเทศจีน

ในปี 1998 บริษัทที่ผมกับภรรยาทำงานอยู่ล้มละลาย และพวกเราทั้งคู่ตกงาน ในตอนนั้น สถานการณ์ทางการเงินที่บ้านเราค่อนข้างย่ำแย่ แม่ผมป่วยและมีค่ารักษาพยาบาล อีกทั้งเรายังต้องจ่ายค่าเล่าเรียนลูกด้วย ผมพยายามขอยืมเงินจากเพื่อนและญาติ แต่ไม่มีใครเต็มใจช่วยเหลือ ผมได้เห็นว่าผู้คนแล้งน้ำใจต่อกันได้มากเพียงใด ผมคิดในใจว่า “ฉันต้องหาเงินให้ได้มากขึ้นและสร้างเนื้อสร้างตัว จะได้ไม่มีใครมาดูถูกฉันอีก!” หลังจากนั้นผมก็เริ่มทำฟาร์มหมูและร่วมมือกับคนอื่นๆ เพื่อเปิดบริษัท แต่ทุกอย่างล้มเหลว และผมก็ลงเอยด้วยการเป็นหนี้ก้อนโต ต่อมามีคนแนะนำให้ผมทำงานเป็นนักบัญชีที่บริษัทด้านโลจิสติกส์แห่งหนึ่ง ผมหวงแหนงานนี้มาก เพราะเป็นงานในบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และผมคิดว่าตราบใดที่ทำงานหนัก จะมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ผมมักจะทำงานล่วงเวลาเพื่อให้สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวดีขึ้น เจ้านายชื่นชมผม และเริ่มไว้วางใจให้ผมทำงานด้านการเงินที่สำคัญที่สุดของบริษัทหลายงาน ผมจัดการงานทุกงานอย่างรอบคอบ แถมผมขยันและรับผิดชอบงานทุกงานที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งทำให้เจ้านายสบายใจ เจ้านายพอใจในตัวผมมาก ผมจึงได้เลื่อนตำแหน่งทีละขั้นเรื่อยมา จากตำแหน่งนักบัญชีไปเป็นผู้จัดการแผนก และนี่ทำให้ขอบเขตความรับผิดชอบของผมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ญาติสนิทมิตรสหาย และเพื่อนร่วมงานที่เคยดูถูกผมก็เริ่มมาประจบประแจงผม ผมรู้สึกมีความสุขมากและคิดว่าในที่สุดผมก็มีบางอย่างให้ไขว่คว้าในชีวิต เมื่อคิดเรื่องนั้น แม้ว่าตอนนั้นผมจะเป็นเพียงผู้จัดการแผนก แต่ผมก็รู้สึกว่าหากผมได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีก ไม่เพียงแต่รายได้ของผมจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของผมก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย และป่านนั้นผมจะประสบความสำเร็จจริงๆ แล้ว และผมจะได้รับทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์

หลังจากนั้นสักพัก ญาติคนหนึ่งมาประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าแห่งยุคสุดท้ายแก่ผม หลังจากไปร่วมชุมนุมได้สักพัก ผมก็เข้าใจว่าความจริงที่พระเจ้าทรงแสดงในยุคสุดท้ายนั้นมีไว้เพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด และตราบใดที่คนเราไล่ตามเสาะหาความจริงและอุปนิสัยของพวกเขาเปลี่ยนไป พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองจากพระเจ้าในช่วงที่เกิดความวิบัติครั้งใหญ่ และจะสามารถเข้าสู่บั้นปลายที่งดงาม จากนั้นเป็นต้นมา นอกจากจะทำงานประจำ ผมจะร่วมชุมนุมกับพี่น้องชายหญิง กินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า และร้องเพลงนมัสการเพื่อสรรเสริญพระเจ้า ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็เริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง ช่วงแรกหน้าที่ของผมไม่ได้ขัดแย้งกับงานมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป หน้าที่ของผมเริ่มยุ่งมากขึ้น และบางครั้งผมต้องหยุดงานติดต่อกันหลายวัน ผมเริ่มรู้สึกกังวลว่าหน้าที่ของผมจะส่งผลกระทบต่องาน เนื่องจากงานด้านการเงินที่ผมรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับเงิน ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ผมตกงานได้ และถ้าสุดท้ายแล้วเจ้านายไล่ผมออก ความหวังทั้งหมดของผมก็จะพังทลาย ผมสงสัยว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น ญาติสนิทมิตรสหาย และเพื่อนร่วมงานจะยังนับถือฉันมากขนาดนั้นอยู่ไหม?” ยิ่งไปกว่านั้น สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวผมก็เพิ่งจะเริ่มดีขึ้น และถ้าผมทำพลาดและเสียงานนี้ไป เราจะลงเอยกลับไปอยู่อย่างยากแค้นอีก หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ผมก็ตัดสินใจลางานน้อยลงและรับงานมากขึ้น หลังจากนั้น แม้แต่ตอนผมลางานเพื่อไปทำหน้าที่ ผมก็จะโทรติดตามงานที่ผู้ช่วยของผมทำ คอยเตือนและเคี่ยวเข็ญเขาเสมอให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมถึงกับทำงานหนักขึ้นในเวลางานปกติ และถึงกับกังวลเรื่องงานในช่วงการเฝ้าเดี่ยว แม้แต่ตอนใกล้ถึงเวลาเลิกงาน หากได้รับมอบหมายงาน ผมจะรีบทำทันที ในขณะที่คนอื่นกลับบ้านไปพักผ่อนหลังเลิกงาน ผมจะอยู่ที่ออฟฟิศและทำงานล่วงเวลาต่อไป บางครั้งผมก็ทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น และผมจะเหนื่อยล้าจนปวดหลังและร่างกายหมดเรี่ยวแรง ผมตั้งใจว่าจะอ่านพระวจนะของพระเจ้าเมื่อกลับถึงบ้าน แต่หลังจากอ่านได้เพียงไม่กี่บรรทัด สมองของผมจะเริ่มปิดตัว และเริ่มง่วงเกินกว่าจะอ่านต่อไปได้ ผมถึงกับปลอบใจตัวเองว่า “เอาไว้ค่อยอ่านทีหลังตอนมีเวลามากกว่านี้ก็แล้วกัน” จากนั้นผมก็จะเข้านอน บางครั้งผมก็อยากจะสงบใจเพื่อไตร่ตรองพระวจนะของพระเจ้าอย่างถี่ถ้วน แต่ผมไม่มีแรงจริงๆ ทันทีที่มีคนโทรหาผมเรื่องบริษัท ผมจะปิดหนังสือพระวจนะของพระเจ้าและไปจัดการ แม้ว่าผมจะยังทำหน้าที่ของตัวเอง ในฐานะผู้เชื่อ แต่แค่จะทำการเฝ้าเดี่ยวเป็นประจำหรือมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้าผมก็ยังทำไม่ได้ ผมรู้สึกไม่สบายใจมากและคิดว่านี่ไม่ใช่ชีวิตแบบที่ผมอยากมี แต่เมื่อคิดถึงเกียรติยศที่งานนี้มอบให้ผม ผมก็รู้สึกว่าไม่อาจละทิ้งมันได้ ผมตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

หลังจากเห็นว่าผมทุ่มเทและรับผิดชอบมากเพียงใด เจ้านายก็เลื่อนตำแหน่งให้ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการชำระบัญชีการเงินที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการชำระบัญชีค่าขนส่งสินค้าทั่วทั้งเครือข่าย นี่เป็นแผนกที่สำคัญที่สุดของบริษัท และการได้รับตำแหน่งนี้หมายความว่าผมใกล้จะไปถึงเป้าหมายที่จะมีรถและบ้านเป็นของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์เพิ่มเติมที่มาพร้อมกับการได้รับตำแหน่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือบุคคล ทุกคนที่อยากได้เงินล่วงหน้าหรืออยากให้รายได้ค่าขนส่งออกเร็วขึ้น ต่างก็มาหาผมเพื่อประจบเอาใจ ยิ่งไปกว่านั้น ผมมีสิทธิในการเสนอแนะเกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือน การมอบหมายงาน และการเปลี่ยนตำแหน่งของบุคลากรในแผนก มีคนมาประจบสอพลอผมมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งตอนผมโพสต์ข้อความในกลุ่มงาน หลายคนจะตอบกลับมา และการตอบกลับอย่างท่วมท้นแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน การเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้มาพร้อมกับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น แถมผมได้รับรายได้พิเศษเยอะด้วย คนใหญ่คนโตหลายคนที่ตั้งใจขอความช่วยเหลือจากผมจะนำของดีท้องถิ่น ทั้งบุหรี่และสุราราคาแพง บัตรกำนัล และสิ่งของอื่นๆ มาให้ผมเป็นครั้งคราว และช่วงเทศกาลวันหยุดทุกครั้งก็เหมือนฤดูเก็บเกี่ยวของผม บางครั้งผมก็คิดว่าในฐานะผู้เชื่อ ผมควรเป็นคนซื่อสัตย์ และไม่ใช้อำนาจของตัวเองแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเหมือนที่ผู้ไม่มีความเชื่อทำ แต่ผมไม่อาจต้านทานการทดลองของผลประโยชน์ได้ ผมตระหนักดีถึงข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า แต่ก็ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากดวงตาล้ามาเป็นเวลานาน การมองเห็นของผมจึงค่อยๆ แย่ลง และการนอนดึกบ่อยเกินไปทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและน่องบวม ทำให้ผมรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจหลังจากทำงานมาทั้งวัน ผมรู้ว่าการทำแบบนี้ต่อไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ผมก็หยุดไม่ได้ ถ้าไม่มีงานนี้ ผมจะสูญเสียผลประโยชน์ทางวัตถุทั้งหมดและความชื่นชมจากทุกคน บางครั้งระหว่างการชุมนุม พี่น้องชายหญิงจะพูดคุยกันว่ามีประสบการณ์กับสิ่งทั้งหลายอย่างไร ว่ามองเห็นแง่มุมของความเสื่อมทรามของตัวเองอย่างไร และชดใช้ความผิดอย่างไรหลังจากอ่านพระวจนะของพระเจ้า ผมรู้สึกอิจฉามากและคิดว่า “พี่น้องชายหญิงเหล่านี้ล้วนไล่ตามเสาะหาการเปลี่ยนแปลงด้านอุปนิสัย แต่ฉันยังคงดิ้นรนอยู่ในหล่มเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ ลืมเรื่องละทิ้งอุปนิสัยที่เสื่อมทรามของตัวเองไปได้เลย ฉันยังไม่ได้ดำเนินชีวิตตามแบบคริสตชนด้วยซ้ำ ฉันกลายเป็นทาสเงินในทุกแง่มุมแล้ว!” ผมรู้ว่างานนี้ฉุดรั้งการไล่ตามเสาะหาความจริงและความเชื่อในพระเจ้าอย่างมาก แต่ผมก็ยังไม่อาจตัดใจละทิ้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ที่ผมได้รับจากงานนี้ได้ ผมรู้ว่าทันทีที่ผมละทิ้งสิ่งเหล่านั้น ความรุ่งโรจน์และความชื่นชมยินดีทางวัตถุทั้งหมดที่ผมได้รับจากการทำงานหนักมาหลายปีจะสูญไป ผมรู้สึกขัดแย้งมากและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

วันหนึ่งที่การชุมนุม ผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่ง “มนุษย์ต้องไล่ตามเสาะหาที่จะดำเนินชีวิตซึ่งมีความหมาย และไม่ควรพึงพอใจกับรูปการณ์แวดล้อม ณ ปัจจุบันของเขา  ในการดำเนินชีวิตตามภาพลักษณ์ของเปโตร เขาต้องครองความรู้และประสบการณ์ของเปโตร  มนุษย์ต้องไล่ตามเสาะหาสิ่งทั้งหลายที่สูงส่งและลุ่มลึกขึ้น  เขาต้องไล่ตามเสาะหาการรักพระเจ้าที่บริสุทธิ์ขึ้นและลึกซึ้งขึ้น และเสาะหาชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย  นี่เท่านั้นที่เป็นชีวิต เมื่อนั้นเท่านั้นที่มนุษย์จะเป็นดั่งเปโตร  เจ้าต้องมุ่งเน้นการเข้าสู่ในเชิงรุกและในด้านที่เป็นบวก เจ้าต้องไม่ทำตัวนิ่งดูดายและปล่อยให้ตัวเองกลับไปเป็นเช่นเดิมเพราะเห็นแก่ความสบายชั่วครู่ชั่วยาม พลางเมินความจริงที่ลุ่มลึกขึ้น ลงรายละเอียดมากขึ้น และสัมพันธ์กับชีวิตจริงมากขึ้น  เจ้าต้องมีความรักที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง และต้องหาทางทำทุกสิ่งที่เป็นไปได้เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตที่เสื่อมทรุดและไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใดนี้ซึ่งไม่ต่างอะไรจากชีวิตของสัตว์ตัวหนึ่ง  เจ้าต้องใช้ชีวิตที่มีความหมาย ชีวิตที่มีคุณค่า และเจ้าต้องไม่หลอกตัวเองหรือปฏิบัติต่อตนเองเสมือนเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่เอาไว้เล่นด้วย(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา)  พระวจนะของพระเจ้าทำให้ผมรู้แจ้งจริงๆ พระเจ้าทรงพึงประสงค์ให้เราเอาอย่างเปโตร ผู้ซึ่งไม่เข้าไปพัวพันกับเรื่องทางโลก และสามารถละทิ้งชื่อเสียง ผลประโยชน์ สถานะ และความยินดีทางเนื้อหนังเพื่อไล่ตามเสาะหาชีวิตที่มีความหมาย เปโตรมีผลงานทางวิชาการที่ยอดเยี่ยม และด้วยเชาวน์ปัญญาของเขา เขาสามารถเป็นข้าราชการในตอนนั้นได้อย่างแน่นอน แต่เขารู้สึกว่าการไล่ตามไขว่คว้าชื่อเสียงและผลประโยชน์ทางโลกผ่านทางอาชีพข้าราชการนั้นไม่มีความหมาย และเขาอยากแสวงหาชีวิตที่มีความหมายแทน ต่อมา พระเจ้าทรงเรียกเปโตรให้ติดตามพระองค์ และเขาได้รับความจริงมากมาย เริ่มเข้าใจพระเจ้าอย่างแท้จริง และในที่สุดก็มีความรักสูงสุดต่อพระเจ้าและนบนอบจนถึงขั้นยอมตาย และได้รับความเห็นชอบจากพระเจ้า จากนั้นผมก็มองดูตัวเองในแง่มุมนี้ เพื่อดำเนินชีวิตอันเป็นที่เคารพนับถือและก้าวหน้า ผมทุ่มเทพลังงานทั้งหมดไปกับการทำงาน แต่ผมจะได้รับอะไรจากการไล่ตามไขว่คว้าเงิน ผลประโยชน์ และความยินดีทางเนื้อหนังแบบนี้ล่ะ? เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว ต่อให้ความอยากได้อยากมีทางเนื้อหนังของผมได้รับการสนอง และผมบรรลุเป้าหมายของตัวเองในการมีรถ บ้าน และสถานะ หากผมไม่อาจได้รับความจริงแม้ว่าจะเชื่อในพระเจ้าแล้วก็ตาม ชีวิตแบบนั้นจะมีความหมายอะไร? จะไม่ใช้ชีวิตแบบเสียเปล่าหรอกหรือ? การดำเนินชีวิตเพียงเพื่อสนองความยินดีทางเนื้อหนัง ก็ไม่ต่างจากการดำเนินชีวิตเยี่ยงสัตว์ และไม่ว่าความยินดีทางเนื้อหนังจะดีเพียงใด สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ให้ผลสำเร็จอะไร แม้ว่าความแน่วแน่ของผมจะยังไม่ถึงขั้นเปรโต แต่ผมก็ต้องพยายามมุ่งไปให้ถึง และให้ความสำคัญกับการกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าและไล่ตามเสาะหาความจริงมากขึ้น ผมจึงอธิษฐานถึงพระเจ้า ขอให้พระองค์ทรงเปิดเส้นทางให้ผม “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่อยากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ข้าพระองค์อยากไล่ตามเสาะหาความจริงอย่างขยันขันแข็ง แม้ว่าตอนนี้ความเข้าใจของข้าพระองค์จะยังมีจำกัด แต่ข้าพระองค์ก็เต็มใจที่จะละทิ้งเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ทีละน้อย ขอพระองค์ทรงนำทางข้าพระองค์ให้หลุดพ้นจากหล่มเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ด้วยเถิด” หลังจากอธิษฐาน ผมก็รู้สึกสงบลงมาก

วันหนึ่ง จู่ๆ เจ้านายก็ขอคุยกับผม เขาบอกว่างานชำระบัญชีค่าขนส่งสินค้าพัฒนามาจนเป็นระบบแล้ว แต่งานชำระบัญชีค่าการบินยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และเขาอยากให้ผมรับผิดชอบงานนี้ งานชำระบัญชีค่าการบินมีเกียรติน้อยกว่างานชำระบัญชีค่าขนส่งสินค้ามาก แต่ปริมาณงานก็น้อยกว่ามาก และผมเห็นชัดเจนว่าพระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของผม และทรงกำลังนำทางผมทีละก้าวเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ตามวุฒิภาวะของผม คนใหญ่คนโตหลายคนในภาคส่วนการขนส่งสินค้าเป็นพวกหัวสูงมาก และเมื่อพวกเขาได้ยินว่าผมถูกย้าย ทุกคนก็ตีตัวออกห่างผมและไม่อยากข้องเกี่ยวกับผม บางครั้งตอนพวกเขาเห็นผม ก็จะแสร้งล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วทำเป็นรับสาย เทียบกับเมื่อก่อนตอนมีผู้คนมาคอยวนเวียนรอบตัว นี่รู้สึกเหมือนการตกต่ำอย่างแท้จริง และผมรู้สึกคิดถึงสมัยที่ผู้คนชื่นชมและประจบประแจงผม วันหนึ่งที่การชุมนุม ผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่งว่า “ในการสู้รบกันทั้งหมดระหว่างด้านบวกกับด้านลบ ดำและขาว ระหว่างครอบครัวกับพระเจ้า ลูกๆ กับพระเจ้า การสามัคคีกับการแตกแยก ความมั่งคั่งกับความยากจน สถานภาพกับความธรรมดาสามัญ การได้รับการสนับสนุนกับการถูกปฏิเสธ เป็นต้น—แน่นอนว่าพวกเจ้าไม่ได้ไม่รู้ถึงตัวเลือกที่พวกเจ้าได้เลือก!  ระหว่างครอบครัวที่สามัคคีกับครอบครัวที่แตกแยก พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรก และเลือกเช่นนั้นโดยไม่ลังเล  ระหว่างความร่ำรวยและหน้าที่ พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรกอีกครั้ง และยิ่งขาดความตั้งใจที่จะกลับเข้าฝั่ง ระหว่างความหรูหราฟุ่มเฟือยกับความยากจน พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรก เมื่อต้องเลือกระหว่างบุตรชาย บุตรสาว ภรรยาและสามีของพวกเจ้ากับเรา พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรก  และระหว่างมโนคติอันหลงผิดกับความจริง พวกเจ้าก็ยังเลือกอย่างแรก  เมื่อได้เผชิญกับการกระทำอันชั่วในทุกรูปแบบของพวกเจ้า เราก็เพียงหมดความเชื่อมั่นในตัวพวกเจ้าแล้วเท่านั้น เราเพียงแต่ประหลาดใจเท่านั้น  คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีทางทำให้หัวใจของพวกเจ้าอ่อนลงได้  ทุกหยาดหยดจากหทัยที่เราได้สละมาหลายปีช่างน่าประหลาดใจที่ไม่ได้นำพาอะไรมาให้เรามากไปกว่าการทอดทิ้งและการลาออกของพวกเจ้า แต่ความหวังของเราที่มีต่อพวกเจ้าเติบโตไปพร้อมกับแต่ละวันที่ผ่านไป เนื่องจากวันของเราได้ถูกแผ่วางต่อหน้าทุกคนอย่างสมบูรณ์แล้ว  กระนั้นในตอนนี้พวกเจ้าก็ยังคงไล่ตามเสาะหาสิ่งที่มืดมนและชั่ว และปฏิเสธที่จะคลายมือของเจ้าที่ยึดจับสิ่งเหล่านั้นไว้  เช่นนั้นแล้ว จุดจบของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร?  พวกเจ้าเคยให้การคิดคำนึงถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบหรือไม่?  หากพวกเจ้าถูกขอให้เลือกอีกครั้ง แล้วจุดยืนของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร?  มันจะยังคงเป็นอย่างแรกอยู่อีกหรือไม่?  พวกเจ้ายังจะนำความผิดหวังและความโศกเศร้าที่น่าเวทนามาสู่เราอยู่หรือไม่?  หัวใจของพวกเจ้าจะมีความอบอุ่นแต่เพียงน้อยนิดเช่นเดิมหรือไม่?  พวกเจ้ายังจะไม่ตระหนักรู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อชูใจเราอยู่หรือไม่?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าจงรักภักดีต่อใคร?)  คำถามของพระเจ้าแต่ละข้อกระทบใจผม แม้ว่าผมจะเชื่อในพระเจ้า แต่ผมก็ยังหลงกลเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ ผมใช้พลังงานส่วนใหญ่ของตัวเองไปกับงานและการหาเงิน และถึงกับไม่สามารถทำการเฝ้าเดี่ยวตามปกติหรืออ่านพระวจนะของพระเจ้าได้ ด้วยงานล่าสุดที่ได้รับมอบหมายใหม่ แม้ว่าผมจะยอมรับสิ่งนี้จากพระเจ้าได้ แต่หลังจากเข้ามาทำงานชำระบัญชีค่าการบิน ผมก็เห็นคนใหญ่คนโตหลายคนที่เคยประจบประแจงผมเปลี่ยนความคิดไปกระทันหัน และผมก็รู้สึกหวั่นไหว ผมรู้สึกว่าการมีอำนาจนั้นดีกว่า และถ้าเราไม่มีอำนาจ จะไม่มีใครนับถือเรา ผมเลยยังคิดถึงสมัยที่ผมจัดการงานชำระบัญชีค่าขนส่งสินค้า ผมเป็นคนประเภทที่ถูกพระเจ้าเปิดโปงว่าภักดีต่อเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์เท่านั้นจริงๆ! การเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้คือการที่พระเจ้าทรงเปิดเส้นทางให้ผม และด้วยปริมาณงานชำระบัญชีค่าการบินน้อยกว่างานชำระบัญชีค่าขนส่งสินค้ามาก ผมจึงมีเวลาว่างที่จะเสริมสร้างตัวเองมากขึ้นด้วยพระวจนะของพระเจ้า และใช้เวลาว่างเพื่อประกาศข่าวประเสริฐแก่เพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผมในการไล่ตามเสาะหาความจริงและการทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยความคิดนี้ ผมจึงเลิกคิดถึงงานเดิม

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2013 เจ้านายผมรวมแผนกชำระบัญชีค่าขนส่งสินค้าและบัญชีค่าการบินเข้าด้วยกัน โดยสร้างแผนกใหม่และมอบความรับผิดชอบทั้งหมดให้ผม ตอนนี้ปริมาณงานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเทียบกับตอนที่ผมดูแลงานเดียว แต่ก็ยังมีเรื่องให้ต้องดูแลอยู่มาก และเวลาของผมก็ค่อยๆ เริ่มหมดไปกับงานอีกครั้ง ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสมัยที่ผมรับผิดชอบงานชำระบัญชีค่าการบิน ตอนที่มีเวลามากกว่านี้ และผมไม่เพียงทำการเฝ้าเดี่ยวเป็นประจำได้ แต่ยังใช้เวลาประกาศข่าวประเสริฐแก่เพื่อนร่วมงานด้วย ซึ่งทำให้ผมได้เข้าใจความจริงหลายประการ ค้นพบข้อบกพร่องของตัวเอง และได้มีประสบการณ์กับเจตนารมณ์อันเร่งด่วนของพระเจ้าในการช่วยผู้คนให้รอด แต่ตอนนี้ผมใช้พลังงานทั้งหมดไปกับงาน และผมตระหนักว่าการที่เจ้านายตัดสินใจให้ผมรับผิดชอบแผนกที่เพิ่งถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นการทดลองจากซาตาน ผมเลยอยากลาออกจากงาน แต่เมื่อคิดว่างานนี้เป็นผลจากการทำงานหนักมาหลายปี ผมก็รู้สึกเสียดายที่จะทิ้งไปง่ายๆ ผมเลยอธิษฐานถึงพระเจ้า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์กำลังลำบาก ถ้าข้าพระองค์ลาออก ข้าพระองค์จะต้องใช้ชีวิตสมถะ และทุกสิ่งที่ข้าพระองค์เคยใฝ่ฝันจะกลายเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ข้าพระองค์รู้ว่าการไล่ตามเสาะหาความจริงนั้นสำคัญกว่า ดังนั้น ขอพระองค์โปรดนำทางข้าพระองค์ด้วยเถิด” ในช่วงเวลานั้น ผมมักจะอธิษฐานถึงพระเจ้าเพื่อขอการชี้แนะและการทรงนำจากพระองค์ และผมตั้งใจหาพระวจนะของพระเจ้ามาอ่าน วันหนึ่งผมได้ยินเพลงสดุดีแห่งพระวจนะของพระเจ้าที่มีชื่อว่า “โลกนี้คือสถานพักพิงของเจ้าหรือ?

1  …โลกคือที่หยุดพักของเจ้าจริงๆ หรือ?  โดยการหลีกเลี่ยงการตีสอนของเรา เจ้าสามารถบรรลุรอยยิ้มบางที่สุด ซึ่งแสดงความปลาบปลื้มจากโลกได้จริงๆ หรือ?  เจ้าสามารถใช้ความชื่นชมยินดีชั่วขณะเดียวของเจ้าเพื่อปกปิดความว่างเปล่าในหัวใจของเจ้า ความว่างเปล่าซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ ได้จริงๆ หรือ?

2  เจ้าอาจมีความสามารถหลอกทุกคนในครอบครัวของเจ้าได้ แต่เจ้าไม่มีวันสามารถหลอกเราได้  เพราะความเชื่อของเจ้านั้นมีน้อยเกินไป จนถึงทุกวันนี้ เจ้าจึงยังคงไร้พลังอำนาจที่จะค้นพบความปีติยินดีใดๆ ที่ชีวิตมีให้  เราเร่งเร้าเจ้า กล่าวคือ การใช้ครึ่งชีวิตของเจ้าอย่างจริงใจเพื่อเห็นแก่เราดีกว่าการใช้ทั้งชีวิตของเจ้าในเรื่องธรรมดาสามัญและงานที่ทำให้ยุ่งและไม่มีประโยชน์สำหรับเนื้อหนัง สู้ทนความทุกข์ทั้งมวลที่มนุษย์คนหนึ่งแทบจะไม่สามารถทนได้  การหวงแหนความล้ำค่าของตัวเจ้าเองมากมายยิ่งนักและหลบหนีจากการตีสอนของเราเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ใดเล่า?…

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การเป็นมนุษย์ที่แท้จริงหมายถึงอะไร

พระวจนะของพระเจ้ากินใจผมมาก ผมนึกถึงตอนที่ผมทำงานไม่หยุดหย่อนเหมือนเครื่องจักรทุกวันเพื่อไล่ตามไขว่คว้าเงิน สถานะ และชีวิตที่มั่งคั่งทางวัตถุ และสุดท้ายผมก็อ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ และต้องทนทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ตอนที่ผมรับผิดชอบงานชำระบัญชีค่าการบิน ถึงแม้จะมีรายได้พิเศษน้อยลง แต่ผมก็มีเวลากินและดื่มพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้น และหัวใจของผมก็ใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น ซึ่งทำให้ทรรศนะฝ่ายวิญญาณของผมเปลี่ยนไป เมื่อความวิบัติต่างๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากผมยังคงยึดติดเงินและสถานะ เมื่อพระราชกิจของพระเจ้าเสร็จสิ้น หากผมไม่ได้รับความจริงและตายในความวิบัติเหล่านั้น ก็จะสายเกินไปที่จะสำนึกผิด พระเจ้าทรงได้เตรียมโอกาสที่ดีเช่นนี้ไว้ให้ผม โดยให้ผมได้รับการหล่อเลี้ยงและการให้น้ำจากพระวจนะของพระองค์ และให้ผมได้ชุมนุมและสามัคคีธรรมถึงพระวจนะกับพี่น้องชายหญิง จัดเตรียมการค้ำจุนฝ่ายวิญญาณแก่ผม แต่ผมกลับไม่สำสึกบุญคุณเลย ผมไม่เข้าใจเจตนารมณ์อันเร่งด่วนของพระเจ้าในการช่วยผู้คนให้รอด ผมไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง และผมยังคงวางแผนเพื่ออนาคตและความเป็นอยู่ของตัวเองเท่านั้น การตรากตรำทำงานหนักทั้งหมดนี้เพื่อเห็นแก่เนื้อหนังตัวเองเป็นการเสียเปล่ามิใช่หรือ? การสนใจแต่ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ตรงหน้าผม ทำให้ผมสูญเสียโอกาสที่จะได้รับความจริงและชีวิต ผมช่างคิดอะไรสั้นๆ เสียจริง! สิ่งของทางวัตถุที่ผมไล่ตามนั้นไม่มีประโยชน์ในความวิบัติ และจะไม่ช่วยผมให้รอดเลย เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ ผมก็คุกเข่าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ติดค้างพระองค์จริงๆ พระองค์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด แต่ข้าพระองค์กลับไม่ได้คิดจะตอบแทนพระองค์ และยังคงยึดติดเงินและสถานะ สิ่งเหล่านี้นำการทดลองเช่นนั้นมาให้ข้าพระองค์ พระเจ้า ข้าพระองค์มีวุฒิภาวะน้อยเกินไป ข้าพระองค์ไม่อยากถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามและกลายเป็นตัวตลกไปเรื่อยๆ ในโลกโสมมใบนี้ โปรดประทานความแน่วแน่ให้ข้าพระองค์ขบถต่อเนื้อหนังด้วยเถิด เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้ทำหน้าที่ของตัวเองแบบเต็มเวลาเพื่อตอบแทนความรักของพระองค์”

ต่อมาผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่ง และเริ่มเห็นผลที่ตามมาของการไล่ตามไขว่คว้าชื่อเสียงและผลประโยชน์ชัดเจนขึ้น พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ซาตานใช้ชื่อเสียงและผลประโยชน์มาควบคุมความคิดของมนุษย์ ทำให้ผู้คนนึกถึงแต่สองสิ่งนี้เท่านั้น  พวกเขาต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ ทนทุกข์จากความยากลำบากทั้งหลายเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ สู้ทนความอัปยศอดสูและยอมแบกรับภาระอันหนักอึ้งก็เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ พลีอุทิศทุกสิ่งที่พวกเขามีเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ และพวกเขาจะทำการวินิจฉัยหรือการตัดสินใจอันใดก็เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงและผลประโยชน์  ซาตานล่ามผู้คนไว้กับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นก็ด้วยวิธีนี้ และเมื่อใส่โซ่ตรวนเหล่านี้แล้ว พวกเขาก็ไม่มีทั้งความเข้มแข็งและความกล้าที่จะหลุดเป็นอิสระ  พวกเขาแบกโซ่ตรวนเหล่านี้ไว้โดยไม่รู้ตัว และเดินต่อไปข้างหน้าด้วยความลำบากยากเย็นอย่างยิ่ง  และเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์นี้ มวลมนุษย์จึงออกห่างจากพระเจ้าและทรยศพระองค์ ทั้งยังเลวลงเรื่อยๆ  เมื่อเป็นเช่นนี้ คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าจึงถูกทำลายในท่ามกลางชื่อเสียงและผลประโยชน์ของซาตานด้วยวิธีนี้นี่เอง  ทีนี้ พอมองดูการกระทำทั้งหลายของซาตาน สิ่งจูงใจส่อแววร้ายทั้งหลายของมันไม่น่ารังเกียจอย่างถึงที่สุดหรอกหรือ?  บางทีวันนี้พวกเจ้าอาจจะยังไม่สามารถมองทะลุถึงแรงจูงใจอันร้ายกาจของซาตาน เพราะพวกเจ้าคิดไปว่าชีวิตย่อมจะไร้ความหมายหากไม่มีชื่อเสียงและผลประโยชน์ และพวกเจ้าก็นึกว่าหากผู้คนทิ้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ไว้ข้างหลัง พวกเขาจะไม่สามารถเห็นหนทางข้างหน้าได้อีกต่อไป ไม่สามารถเห็นเป้าหมายของพวกเขาได้อีกต่อไป และอนาคตของพวกเขาก็จะมืดมน คลุมเครือ และหม่นมัว  แต่ทว่าวันหนึ่งพวกเจ้าทั้งหมดจะตระหนักรู้อย่างช้าๆ ว่าชื่อเสียงและผลประโยชน์คือโซ่ตรวนอันมหึมาที่ซาตานใช้ล่ามมนุษย์เอาไว้  เมื่อวันนั้นมาถึง เจ้าจะต่อต้านการควบคุมของซาตานอย่างสิ้นเชิงและไม่ยอมรับโซ่ตรวนที่ซาตานใช้ล่ามเจ้าเอาไว้แต่อย่างใด  เมื่อถึงเวลาที่เจ้าอยากเป็นอิสระจากทุกสิ่งที่ซาตานปลูกฝังเอาไว้ในตัวเจ้า เมื่อนั้นเจ้าจึงจะแยกทางกันอย่างเด็ดขาดกับซาตาน และเจ้าจะเกลียดทุกสิ่งที่ซาตานนำมาให้เจ้าอย่างแท้จริง  เมื่อนั้นเท่านั้นมวลมนุษย์จึงจะมีความรักและการโหยหาที่แท้จริงต่อพระเจ้า(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 6)  พระวจนะของพระเจ้าตอกย้ำตรงจุด เปิดโปงว่าซาตานใช้ชื่อเสียงและผลประโยชน์เพื่อผูกมัดและควบคุมผู้คน ผมถูกแนวคิดของซาตานครอบงำมานานแล้ว อย่างเช่น “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีเงิน ก็จะทำอะไรไม่ได้” “เงินทำให้โลกหมุนไป” และ “มนุษย์ดิ้นรนขึ้นที่สูง น้ำไหลลงที่ต่ำ” และแนวคิดเหล่านี้เข้ามาครอบงำผม เป็นเวลาหลายปีที่ผมทำงานล่วงเวลาและทำให้สุขภาพของตัวเองทรุดลงอย่างมากเพื่อไล่ตามไขว่คว้าเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ และผมเริ่มอธิษฐานถึงพระเจ้าน้อยลงและอ่านพระวจนะของพระองค์น้อยลง ออกห่างพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นว่าพี่น้องชายหญิงบางคนใช้เวลาของตัวเองไล่ตามเสาะหาความจริง และพวกเขาก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในชีวิต แต่สำหรับผม ขณะที่ไล่ตามไขว่คว้าเงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์ ผมแทบไม่ก้าวหน้าในชีวิตเลย นี่เป็นการสูญเสียที่เลวร้ายมาก! หลายปีที่ผ่านมา ผมทุ่มเทกับงานและทนรับความอับอาย และสุดท้าย แม้ว่าความฝันของผมจะกลายเป็นจริง แต่ผมก็คดโกงและหลอกลวงมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาวันๆ ไปกับการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างไม่จริงใจ แต่มีท่าทีเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน สูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความซื่อตรงเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ และดำเนินชีวิตที่ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ผมนึกถึงผู้ประกอบการที่เคยโด่งดังคนหนึ่ง ชายผู้กลายเป็นเศรษฐีพันล้านตั้งแต่ยังหนุ่ม ผู้ที่ในช่วงที่มีชื่อเสียงและเงินทองมากที่สุด ต้องเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำวันละหลายงาน เขาไม่ยอมพักผ่อนแม้จะเหนื่อยล้ามาก ผลที่ตามมาคือเขาล้มป่วยและเสียชีวิตก่อนอายุสี่สิบ นี่คือผลลัพธ์สุดท้ายจากการที่ซาตานใช้ชื่อเสียงและผลประโยชน์เพื่อทำร้ายผู้คน องค์พระเยซูเจ้าเคยตรัสไว้ว่า “เขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของหมดทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน? หรือคนนั้นจะนำอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับคืนมา?(มัทธิว 16:26)  ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ประทานความจริงทั้งหมดแก่เราอย่างสมัครใจเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด หากผมยังยึดติดชื่อเสียงและผลประโยชน์ ตำแหน่งของผมอาจจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ผมจะสูญเสียโอกาสที่จะได้รับความจริงและถูกช่วยให้รอด ผมไม่อยากไขว่คว้าสิ่งที่ผมมองว่าเป็นอุดมคติอีกต่อไปแล้ว และตัดสินใจหาโอกาสลาออกจากงานและสละตัวเองแบบเต็มเวลาเพื่อพระเจ้า ผมเริ่มเตรียมการส่งมอบงาน และผมไปคุยกับคุณซู ผู้จัดการทั่วไปของผม เพื่อหารือเรื่องการลาออก คุณซูพูดว่า “เพื่อดำเนินเรื่องการลาออกของคุณ ต้องหาคนมาแทน และเรื่องนี้จะใช้เวลานาน แต่ถ้าคุณขอลางานเป็นเวลานาน ผมจะจัดแจงให้ผู้จัดการสักคนเข้ามารับช่วงต่องานของคุณได้ และคุณจะสามารถส่งมอบความรับผิดชอบของตัวเอง และจากนั้นก็ไปได้” หลังจากพิจารณา ผมก็เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้ และในขณะที่รอความคืบหน้า ผมก็เริ่มเตรียมการส่งมอบงาน

วันหนึ่งในช่วงต้นเดือนตุลาคม เจ้านายพูดกับผมว่า “ผมได้ยินมาว่าคุณต้องลางานหกเดือนเพราะเรื่องครอบครัว นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหมู่พนักงานฝ่ายการเงินในบริษัทของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตำแหน่งที่สำคัญอย่างของคุณ แต่ครั้งนี้ครั้งเดียว ผมอนุมัติให้คุณเป็นพิเศษแล้ว และระหว่างลางานหกเดือน เงินเดือนของคุณจะยังคงเท่าเดิม เมื่อคุณกลับมา คุณจะได้รับเงินทั้งหมดในคราวเดียว และผมจะเก็บตำแหน่งผู้จัดการไว้ให้คุณ” หลังจากขอบคุณเจ้านาย ผมก็ออกจากออฟฟิศ คำพูดของเจ้านายทำให้ผมตื้นตันมาก ได้รับเงินเดือนโดยไม่ได้ทำงานหกเดือน และจะเก็บตำแหน่งผู้จัดการไว้ให้ผมเหรอ? ดูเหมือนว่าบริษัทจะเห็นคุณค่าผมมาก ผมนึกถึงตอนที่เจ้านายวางแผนให้ผมรับช่วงต่องานด้านการเงินของสำนักงานใหญ่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมจะได้เป็นผู้บริหารในบริษัท และนั่นหมายถึงจะมีคนมากขึ้นที่ชื่นชมผม ในช่วงเวลานั้น ผมรู้สึกว่าความคิดและเจตนาของผมผิดไป และผมนึกถึงพระวจนะของพระเจ้าสองบทตอนที่ผมได้อ่านที่การชุมนุมครั้งก่อนๆ “ในทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำภายในตัวผู้คนนั้น ภายนอกแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายระหว่างผู้คน ราวกับว่ากำเนิดมาจากการจัดการเตรียมการของมนุษย์หรือจากการรบกวนของมนุษย์  แต่หลังฉากนั้น ทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือเดิมพันที่ซาตานได้วางไว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพึงต้องให้ผู้คนตั้งมั่นในคำพยานที่พวกเขามีให้พระเจ้า  เพื่อเป็นตัวอย่าง จงดูเมื่อโยบถูกทดสอบ กล่าวคือ หลังฉากนั้น ซาตานกำลังทำการเดิมพันกับพระเจ้า และสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับโยบนั้นคือการกระทำของมนุษย์และการรบกวนของพวกมนุษย์  เบื้องหลังทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในตัวพวกเจ้าคือเดิมพันของซาตานกับพระเจ้า—เบื้องหลังทั้งหมดนั้นคือการสู้รบ(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง)  “เมื่อผู้คนรับประสบการณ์จนถึงวันที่ทัศนะของพวกเขาที่มีต่อชีวิตและความหมายกับพื้นฐานแห่งการดำรงอยู่ของพวกเขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วโดยสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาได้รับการปรับเปลี่ยนจนถึงแก่น และได้กลายเป็นใครอีกคนหนึ่งแล้ว นี่ไม่น่าเหลือเชื่อหรอกหรือ?  นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ  มีเพียงเมื่อเจ้ากลายเป็นไม่สนใจในชื่อเสียง ผลตอบแทน สถานะ เงินตรา ความยินดี อำนาจและความรุ่งโรจน์ของโลกนี้ และสามารถปล่อยพวกมันไปได้อย่างง่ายดายเท่านั้น เจ้าจึงจะมีสภาพเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง  บรรดาผู้ที่พระเจ้าจะทรงทำให้ครบบริบูรณ์ในท้ายที่สุดก็คือกลุ่มที่เป็นดังนี้นี่เอง พวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อความจริง มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า และมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งที่ยุติธรรม  นี่คือสภาพเหมือนของมนุษย์จริงแท้(พระวจนะฯ เล่ม 3 บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย, ภาคที่สาม)  จากพระวจนะของพระเจ้า ผมได้เข้าใจว่าแม้คำพูดของเจ้านายดูเหมือนจะสนองความต้องการทางเนื้อหนังของผม แต่ก็มีแผนลวงเยี่ยงซาตานอยู่เบื้องหลัง ซาตานมีเจตนาจะใช้เงิน ชื่อเสียง และผลประโยชน์เพื่อทดลองผมและบีบให้ผมรับใช้มันต่อไป เพื่อที่ในที่สุดผมจะได้สูญเสียโอกาสที่จะได้รับการช่วยให้รอด พระเจ้าทรงหวังให้ผมดำเนินชีวิตเพื่อได้รับความจริงและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง นี่คือเป้าหมายที่ผมควรจะไล่ตามเสาะหา พระวจนะของพระเจ้าทำให้ความเชื่อของผมหนักแน่นขึ้น และผมก็จัดการขั้นตอนการส่งมอบงานอย่างรวดเร็ว ขั้นตอนการส่งมอบงานดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก และผมตระหนักว่าทุกอย่างอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าและพระเจ้าทรงจัดวางเรียบเรียงไว้แล้ว ไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากลาออก ผมเริ่มทำหน้าที่ตัวเองในคริสตจักร และผมมีเวลาทำการเฝ้าเดี่ยวและดำเนินชีวิตคริสตจักรเป็นประจำ ผมชื่นชมที่ได้รับการให้น้ำและการหล่อเลี้ยงจากพระวจนะของพระเจ้าทุกวัน และหัวใจของผมก็เต็มไปด้วยความสงบและความชื่นบานยินดี เมื่อผมพบความลำบากยากเย็นในหน้าที่ตัวเอง ผมก็อธิษฐานถึงพระเจ้าและปรึกษาพี่น้องชายหญิงที่เป็นคู่ทำงานของผม และไปหาผู้นำเวลาเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ บางครั้งพี่น้องชายหญิงก็ชี้ให้ผมเห็นข้อบกพร่องในหน้าที่ตัวเอง และแม้ว่าจะน่าอายนิดน่อย แต่ด้วยการอธิษฐานและการกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า ผมก็สามารถนบนอบและค้นพบเส้นทางแห่งการปฏิบัติจากพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งช่วยให้หน้าที่ของผมมีประสิทธิผลมากขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการชี้แนะของพระเจ้า!

จากประสบการณ์นี้ ผมได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เงินและสถานะนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีแบบชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น และต่อให้ผมได้รับความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และผลประโยชน์เกินกว่าที่ผมเคยคิดฝัน แต่ก็จะเป็นเพียงความรุ่งโรจน์เพียงชั่วครู่ ตามมาด้วยความว่างเปล่า และผมจะลงเอยด้วยการเป็นเครื่องสังเวยให้ซาตาน ทุกวันนี้ผมหลุดพ้นจากการทดลองของเงินทองและสถานะได้แล้ว หลีกหนีการทรมานของซาตาน และเดินบนเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการชี้แนะจากพระวจนะของพระเจ้า พระราชกิจของพระเจ้าในการช่วยมวลมนุษย์ให้รอดเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงอย่างแท้จริง และผมขอขอบคุณพระเจ้าจากก้นบึ้งของหัวใจ!

ก่อนหน้า: 25. การเผยแผ่ข่าวประเสริฐในช่วงเกิดโรคระบาด

ถัดไป: 48. การยอมรับคำแนะนำและความช่วยเหลือเป็นประโยชน์ต่อฉันอย่างไร

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

29. ข้าราชการกลับใจ

โดย เจินซิน ประเทศจีนพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ตั้งแต่การทรงสร้างโลกจนถึงปัจจุบันนี้...

43. เมื่อปล่อยวางความเห็นแก่ตัว ฉันจึงเป็นอิสระ

โดย เสี่ยวเว่ย ประเทศจีนพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ในอุปนิสัยของผู้คนปกตินั้นไม่มีความคดโกงหรือการหลอกลวง ผู้คนมีสัมพันธภาพปกติต่อกัน...

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger