80. รอดพ้นจากวังวนข่าวลือ

โดย วิลเลียม, ประเทศสหรัฐอเมริกา

เดือนตุลาคม ค.ศ. 2016 ผมมาที่รัฐนิวยอร์ก และหลังจากนั้นก็ได้รับบัพติศมาในพระนามขององค์พระเยซูเจ้าที่คริสตจักรแห่งหนึ่งของชาวจีน กลายมาเป็นคริสเตียน  แต่หลังจากอยู่คริสตจักรนี้ได้ปีกว่า ผมกลับได้เรียนรู้เพียงวิธีอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญเท่านั้น ส่วนความรู้เรื่ององค์พระผู้เป็นเจ้าและความเข้าใจในพระคัมภีร์กลับผิวเผิน ซึ่งทำให้ผมผิดหวัง  ดังนั้นผมจึงค้นหาคำเทศนาดูเอาเองทางยูทูบบ่อยๆ จะได้สามารถเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เดือนมีนาคม ค.ศ. 2018 ผมได้พบพี่น้องชายหญิงสองสามคนในนิวยอร์ก และได้เรียนรู้ความจริงและความล้ำลึกมากมายที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนด้วยการชุมนุมและสามัคคีธรรมกับพวกเขา อย่างเช่น เรื่องราวเบื้องหลังพระคัมภีร์ อะไรคือการประสูติเป็นมนุษย์ อะไรคือความรอด ความแตกต่างระหว่างพระคริสต์เที่ยงแท้กับพวกพระคริสต์เทียมเท็จ ความแตกต่างระหว่างพระราชกิจของพระเจ้ากับงานของมนุษย์ และอื่นๆ  นี่ทำให้ผมตาสว่างและได้อะไรมากมาย  ผมเพลิดเพลินกับการชุมนุมเหล่านั้นมาก  ในการชุมนุมครั้งหนึ่ง พี่น้องชายไบรซ์อ่านถ้อยคำมากมายที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ให้ฟัง  สิ่งนี้ทำให้ผมประหลาดใจมาก จึงถามไปว่าถ้อยคำที่อ่านเป็นของใคร  เขาบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้คือถ้อยดำรัสของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย  ตอนที่ได้ยินชื่อ “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” ผมตกใจมาก  ศิษยาภิบาลกับเหล่าผู้อาวุโสตักเตือนพวกเราอยู่เรื่อยว่าอย่าไปติดต่อสมาชิกของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไม่ว่าในทางใด  พวกเขาบอกว่าคนเหล่านั้นเชื่อในตัวบุคคลคนหนึ่ง ไม่ใช่พระเยซูคริสต์  ผมรู้สึกไม่สบายใจและเริ่มรู้สึกกระวนกระวายจนนั่งไม่ติดที่  ผมฟังสิ่งที่ไบรซ์พูดไม่รู้เรื่องอีกเลยหลังจากนั้น ผมจึงหาข้ออ้างแล้วออกจากการชุมนุม

พอกลับถึงบ้าน ผมก็นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เพราะภาพที่ผมชุมนุมกับสมาชิกจากคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คอยแวบเข้ามาในหัว  การสามัคคีธรรมของพวกเขาให้ความรู้แจ้งและสัมพันธ์กับชีวิตจริงอย่างมาก ทั้งยังเป็นประโยชน์กับผมมาก  แต่สิ่งที่ศิษยาภิบาลกับเหล่าผู้อาวุโสพูดถึงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ดังก้องอยู่ในหู  ผมกลุ้มใจและไม่รู้จะฟังใครดี  ผมจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและเข้าเว็บไซต์ที่ผมไว้ใจที่สุดคือวิกิพีเดีย เพื่อดูว่าพูดถึงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ว่าอย่างไร  พอได้อ่านในวิกิพีเดียว่าคริสตจักรนี้ก่อตั้งโดยบุคคลคนหนึ่ง เป็นองค์กรของมนุษย์มากกว่าจะเป็นคริสตจักรของพระเจ้า ทั้งยังมีรายงานด้านลบที่น่าตกใจจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผมก็วิตกขึ้นมาทันที และไม่กล้าฟังการสามัคคีธรรมของพวกเขาอีกต่อไป  ผมกำลังจะลบข้อมูลการติดต่อทั้งหมดของพวกเขา แต่ตอนที่กำลังจะกดลบ ผมก็นึกถึงตอนที่คบหาเป็นเพื่อนกับพวกเขาขึ้นมา  พวกเขาซื่อตรง มีความรักและความอดทนต่อผู้อื่น และผมก็ชื่นชมบุคลิก แบบอย่างในการใช้ชีวิต รวมถึงวิธีพูดคุยของพวกเขามาก  ผมมีแต่ความประทับใจที่ดีกับพวกเขา  พวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ผมเห็นทางออนไลน์สักนิด  นี่ทำให้ผมฉุกคิด  แต่ผมเชื่อมั่นในวิกิพีเดียมากเกินไป ดังนั้นหลังจากคิดทบทวนดูแล้ว ผมก็ยังตัดสินใจลบช่องทางติดต่อกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทิ้งทั้งหมด และไปเล่าให้พี่น้องชายปีเตอร์ฟังถึงสิ่งที่ผมรู้มา เขากำลังศึกษาพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ร่วมกับผม  ปีเตอร์บอกว่าการรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราต้องจริงจัง และได้โน้มน้าวผมไม่ให้ด่วนตัดสินคริสตจักร แต่ให้อธิษฐานมากขึ้นและแสวงหาการทรงนำขององค์พระผู้เป็นเจ้า  ผมมีความรู้สึกที่ขัดแย้งกันเองอยู่ภายในอย่างมาก คิดว่า “ที่เขาพูดก็มีเหตุผล  การรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้าคือเรื่องสำคัญที่พวกเราต้องถือจริงจัง  ถ้าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมา และฉันไม่ตรวจสอบ ฉันจะไม่พลาดโอกาสรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้าหรอกหรือ?”  ผมเลยอธิษฐานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า!  ตอนนี้ข้าพระองค์สับสนมาก  คำเทศนาของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ให้การบำรุงเลี้ยงจริงๆ และข้าพระองค์ก็ได้อะไรมามากมาย  แต่วิกิพีเดียบอกว่านี่เป็นองค์กรของมนุษย์มากกว่าจะเป็นคริสตจักรของพระเจ้า  องค์พระผู้เป็นเจ้า!  ข้าพระองค์ไม่มีปัญญาแยกแยะ  ข้าพระองค์กลัวจะหลงผิดและขอการทรงนำจากพระองค์ด้วย”

วันหนึ่งขณะเดินทางไปคริสตจักร พี่น้องหญิงคนหนึ่งเล่าเรื่องหนึ่งให้ผมฟังว่า “มีผู้เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าคนหนึ่งขอให้พระเจ้าทรงช่วยเขาให้รอดในช่วงเวลาที่วิกฤติ พระเจ้าจึงทรงจัดการเตรียมโอกาสให้เขาได้รับการช่วยให้รอดถึงสามครั้ง แต่เขาก็พลาดทุกครั้ง  เขาบอกว่า ‘ไม่ ผมอธิษฐานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว  องค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมจะทรงช่วยผมให้รอด’  พอตายไป เขาถึงตระหนักว่าพระเจ้าทรงจัดการเตรียมโอกาสสามครั้งนั้นให้เขา และเขาเสียชีวิตเพราะไม่สามารถคว้าโอกาสเหล่านั้นเอาไว้”  ที่คริสตจักร ผมประหลาดใจมากที่พบว่าศิษยาภิบาลของผมก็เล่าเรื่องเดียวกันไม่มีผิด  ผมตกใจและคิดว่า “เหลือเชื่อ!  ฉันได้ฟังคนสองคนเล่าเรื่องเดียวกันภายในวันเดียว ย้ำเตือนให้ฉันคว้าโอกาสที่จะได้รับการช่วยให้รอดจากพระเจ้าเอาไว้  นี่องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังตรัสบอกให้ฉันสืบค้นพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ต่อไปใช่ไหม?”  ดังนั้นผมจึงตัดสินใจตรวจสอบเรื่องราวของฟ้าแลบจากทิศตะวันออกต่อไป

ผมติดต่อไปหาไบรซ์และเล่าความสับสนให้เขาฟัง  ผมบอกว่า “ผมรู้ว่าการสามัคคีธรรมของคุณมีความจริงและมีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  ทั้งยังเป็นประโยชน์กับผมมาก  แต่ผมเห็นในวิกิพีเดียว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก่อตั้งโดยชายแซ่จ้าว เป็นองค์กรของมนุษย์มากกว่าคริสตจักรของพระเจ้า และยังมีรายงานด้านลบจากรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกมากมายทางอินเทอร์เน็ต นั่นทำให้ผมมีข้อสงสัยบางอย่าง และผมอยากปรึกษาคุณในเรื่องนี้”  ไบรซ์ตอบกลับมาว่า “เวลาสืบค้นหนทางที่แท้จริง พวกเราไม่สามารถพึ่งพาเว็บไซต์ของผู้ไม่เชื่อ กลุ่มบางกลุ่ม พรรคการเมือง หรือสิ่งที่ผู้คนพูดกัน  พวกเราต้องดูว่าหนทางนี้มีความจริงไหม ใช่พระราชกิจของพระเจ้าหรือเปล่า  นี่คือหลักธรรมขั้นพื้นฐานที่สุดและสำคัญที่สุด  ตอนที่องค์พระเยซูเจ้าเสด็จมาทรงพระราชกิจ พวกฟาริสีก็กุข่าวลือสารพัดอย่างเกี่ยวกับพระองค์ และพูดสิ่งที่หมิ่นประมาทไว้มากมาย บอกว่าพระองค์มิได้ทรงปฏิสนธิโดยเดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าพระวจนะของพระองค์ลบหลู่ศาสนา และว่าองค์พระเยซูเจ้าทรงใช้ราชามารไล่ผีปีศาจให้  พวกเขาถึงกับบอกว่าพระองค์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์ และอื่นๆ  ชาวยิวหลายคนฟังพวกหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี และไม่กล้าติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า  แต่เปโตร ยอห์น และคนอื่นๆ เห็นว่าหนทางที่พระองค์ทรงประกาศ ปาฏิหาริย์และพระราชกิจของพระองค์ล้วนมาจากพระเจ้า และมีสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระเจ้า พวกเขาจึงติดตามองค์พระเยซูเจ้าและได้รับความรอดจากพระองค์  ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่ากุญแจสำคัญในการสืบค้นหนทางที่แท้จริงคือการดูว่าหนทางนั้นมีความจริงและพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม  นั่นคือหลักปฏิบัติเพียงข้อเดียวเท่านั้น”  จากนั้นไบรซ์ได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์บทตอนหนึ่ง  พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “หลักธรรมพื้นฐานที่สุดในการแสวงหาทางอันเที่ยงแท้คืออะไร?  เจ้าต้องมองไปที่ว่ามีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในหนทางนี้หรือไม่ ว่าวจนะเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงความจริงหรือไม่ ผู้ใดได้รับการเป็นพยานยืนยันให้ และมันสามารถนำสิ่งใดมาให้เจ้าได้  การแยกแยะระหว่างทางอันเที่ยงแท้และทางอันเทียมเท็จนั้นจำเป็นต้องใช้ความรู้พื้นฐานหลายแง่มุม ซึ่งสิ่งที่เป็นรากฐานที่สุดของมันก็คือการบอกได้ว่าพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีอยู่ในนั้นหรือไม่  เพราะแก่นแท้ของการเชื่อของผู้คนในพระเจ้าคือการเชื่อในพระวิญญาณของพระเจ้า และแม้กระทั่งการเชื่อของพวกเขาในพระเจ้าผู้ประสูติเป็นมนุษย์ก็เป็นเพราะว่าเนื้อหนังนี้เป็นร่างจำแลงของพระวิญญาณของพระเจ้า ซึ่งหมายความว่าการเชื่อดังกล่าวยังคงเป็นการเชื่อในพระวิญญาณ  มีความแตกต่างหลายประการระหว่างพระวิญญาณและเนื้อหนัง แต่เพราะว่าเนื้อหนังนี้มาจากพระวิญญาณ และเป็นพระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่มนุษย์เชื่อจึงยังคงเป็นแก่นแท้ประจำพระองค์ของพระเจ้า  ดังนั้นในการแยกแยะว่ามันเป็นทางอันเที่ยงแท้หรือไม่ เหนือสิ่งอื่นใดเจ้าต้องมองไปที่ว่ามันมีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าต้องมองไปที่ว่ามีความจริงอยู่ในหนทางนั้นหรือไม่(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่รู้จักพระเจ้าและพระราชกิจของพระองค์เท่านั้นที่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้)  ไบรซ์สามัคคีธรรมต่อไปว่า “ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาโดยเริ่มที่พระนิเวศของพระเจ้า  พระองค์ทรงแสดงความจริงทั้งปวงซึ่งชำระมวลมนุษย์ให้สะอาดและช่วยพวกเขาให้รอด เช่น จุดมุ่งหมายแห่งพระราชกิจบริหารจัดการของพระเจ้า เรื่องราวเบื้องหลังพระราชกิจแห่งยุคธรรมบัญญัติ ยุคพระคุณ และยุคราชอาณาจักร รวมถึงผลสัมฤทธิ์ของพระราชกิจนั้น ความล้ำลึกแห่งการประสูติเป็นมนุษย์และพระนามของพระเจ้า และอีกมากมาย  พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงพิพากษาและเปิดโปงธรรมชาติเยี่ยงซาตานของผู้คน รวมถึงความจริงเกี่ยวกับความเสื่อมทรามของพวกเขา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เยาะเย้ยท้าทายพระเจ้า และเป็นรากเหง้าของความชั่วและความมืดมิดในโลก  พระองค์ตรัสบอกพวกเราว่าซาตานทำให้มวลมนุษย์เสื่อมทรามอย่างไร และพระเจ้าทรงช่วยมวลมนุษย์ให้รอดอย่างไร  พระองค์ยังประทานเส้นทางที่จะปลดเปลื้องความเสื่อมทรามและได้รับความรอดจากพระเจ้าให้แก่พวกเรา ทั้งยังทรงเปิดเผยจุดจบของบุคคลทุกจำพวกอีกด้วย  ความจริงที่พระองค์ทรงแสดงและพระราชกิจแห่งการพิพากษาของพระองค์นั้นทำให้คำเผยพระวจนะขององค์พระเยซูเจ้าที่ว่า ‘เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกกับพวกท่าน แต่ตอนนี้ท่านยังรับไม่ไหว เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล(ยอห์น 16:12-13)  ลุล่วงโดยสมบูรณ์ รวมทั้งทำให้คำเผยพระวจนะใน 1 เปโตร ที่ว่า ‘เพราะถึงเวลาแล้ว ที่การพิพากษาจะเริ่มต้นที่ครอบครัวของพระเจ้า(1 เปโตร 4:17)  พลอยลุล่วงไปด้วย  ผู้เชื่อแท้จริงหลายคนจากทุกนิกายที่ถวิลหาการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้านั้น ต่างเห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือความจริงและเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้า  พวกเขาลงความเห็นว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมา พวกเขาจึงมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  ทุกสิ่งที่มาจากพระเจ้าย่อมจะรุ่งเรือง  ภายในเวลาเพียง 20 ปี ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์จึงเผยแผ่ไปทั่วประเทศจีน และตอนนี้ก็กำลังขยายไปทั่วโลก  นี่คือฤทธานุภาพและสิทธิอำนาจอันทรงเอกลักษณ์ของพระเจ้า และเป็นผลแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  นี่คือการสำแดงถึงพระปัญญาและความทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า  ข้อเท็จจริงเหล่านี้พิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมา ว่าพระราชกิจของพระองค์คือหนทางที่แท้จริงและเป็นการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้าย”

เมื่อได้ฟังการสามัคคีธรรมของไบรซ์ ผมก็รู้สึกว่ามีเพียงสิ่งที่มาจากพระเจ้าเท่านั้นที่จะฟูเฟื่องยิ่งๆ ขึ้นไป  พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือความจริงโดยแท้และเปิดเผยความล้ำลึกและความจริงมากมายจริงๆ  นอกจากพระเจ้าแล้ว จะมีใครแสดงความจริงได้อีก?  ถ้าผมไม่ได้อ่านความจริงของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในการค้นหาหนทางที่แท้จริง เอาแต่หลับหูหลับตาเชื่อเรื่องโกหกที่โพสต์ตามเว็บไซต์บางแห่งและเผยแพร่โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้วละก็ การทำเช่นนั้นย่อมจะโง่เขลาอย่างเหลือเชื่อ  ไบรซ์ชวนผมดูหนังเรื่อง “การปฏิวัติทัศนคติของฝ่ายแดงในบ้าน”  พ่อของตัวละครหลักเป็นหัวหน้าฝ่ายงานแนวร่วมเทศบาล และสิ่งที่เขาพูดนั้นเหมือนที่ผมเห็นในวิกิพีเดียไม่มีผิด  เขาบอกว่าคริสตจักรก่อตั้งโดยชายคนหนึ่งแซ่จ้าว บอกว่าสมาชิกคริสตจักรทุกคนต่างเรียกชายคนนี้ว่าคนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ และพวกเขาฟังคำเทศนาของผู้ชายคนนี้ตลอดเวลา นั่นจึงหมายความว่าคริสตจักรนี้เป็นองค์กรของมนุษย์ ไม่ใช่คริสตจักรของพระเจ้า  ตัวละครหลักก็ตอบกลับไปว่า “ใครก่อตั้งศาสนาคริสต์?  ใครก่อตั้งนิกายคาทอลิก?  เป็นไปได้ไหมว่าเปาโลหรือเปโตรคือผู้ก่อตั้ง?  ใครก่อตั้งศาสนายูดาห์?  เป็นไปได้ไหมว่าเป็นโมเสส?  ทั้งหมดนี้ไร้สาระไม่ใช่หรือ?  พรรคคอมมิวนิสจ์จีนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าไม่เคยยอมรับว่าพระเจ้ามีอยู่จริง การยอมรับว่าพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง  ไม่ว่าพระคริสต์ผู้ประสูติเป็นมนุษย์จะทรงแสดงความจริงมากขนาดไหน พระราชกิจของพระองค์จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน หรือความรอดของพระองค์จะยิ่งใหญ่ปานไหน พวกเขาก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปฏิเสธ ปกปิด และกล่าวโทษ  พวกเขาคิดว่าศาสนาคริสต์และนิกายคาทอลิกก็ก่อตั้งโดยมนุษย์เช่นกัน และนี่คือเรื่องที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง  ถ้าไม่ใช่เพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้า ก็ย่อมจะไม่มีผู้เชื่อหรือผู้ติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า และไม่มีทางที่จะมีศาสนาคริสต์  นั่นคือข้อเท็จจริง  ไม่ว่าอัครสาวกทั้งหลายจะมีพรสวรรค์ขนาดไหน พวกเขาจะก่อตั้งคริสตจักรได้อย่างไร?  เพียงเพราะผู้คนยอมรับในความเป็นผู้นำและการเลี้ยงดูของอัครสาวก ก็แปลว่าศาสนาคริสต์ก่อตั้งโดยมนุษย์แล้วหรือ?  คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เกิดขึ้นได้เพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทั้งสิ้น  เพราะพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงความจริงมากมายเหลือเกิน และเพราะผู้คนรู้ว่านี่คือพระสุรเสียงของพระเจ้าและมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า คริสตจักรถึงได้ถือกำเนิดขึ้น  หลังจากที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เริ่มต้นพระราชกิจ พระองค์ก็ทรงเป็นพยานยืนยันให้มนุษย์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ว่าเป็นผู้นำของคริสตจักร  เขาเป็นเหมือนโมเสสในยุคธรรมบัญญัติหรือเหล่าอัครสาวกในยุคพระคุณ  พระเจ้าทรงใช้เขารดน้ำ เลี้ยงดู และนำทางประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร  เขากำลังทำหน้าที่ของมนุษย์อยู่  ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรอธิษฐานในพระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และในการชุมนุม พวกเขาก็อ่านและสามัคคีธรรมถึงพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรยอมรับและนบนอบต่อการเป็นผู้นำของมนุษย์คนนี้ตามพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  พรรคคอมมิวนิสต์จีนโกหกหน้าตาย บอกว่าความเชื่อของพวกเราอยู่ที่คนคนนี้  พวกเขาไม่ยอมรับการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทั้งยังปฏิเสธความจริงที่พระองค์ทรงแสดง  พวกเขามีเหตุจูงใจแอบแฝง  ถ้าไม่ใช่เพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ก็จะไม่มีคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  นั่นคือข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้”  ผมรู้สึกว่าตัวละครหลักคนนี้พูดถูก  คริสตจักรเกิดขึ้นเพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า แต่เพียงเพราะพระเจ้าทรงใช้ใครบางคนให้มานำคริสตจักร พรรคคอมมิวนิสต์จีนเลยบอกว่าคริสตจักรก่อตั้งโดยมนุษย์  นั่นไม่ไร้สาระหรอกหรือ?  พรรคคอมมิวนิสต์จีนรู้ว่าคริสเตียนในคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แล้วทำไมพวกเขาถึงบอกว่าเป็นองค์กรของมนุษย์ที่ก่อตั้งโดยบุคคลคนหนึ่ง?  ขณะที่ผมพิศวงกับเรื่องนี้อยู่ ตัวละครหลักก็พูดต่อไปอีกว่า “แล้วทำไมรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงบอกว่าคริสตจักรนี้เป็นองค์กรของมนุษย์?  ทำไมพวกเขาไม่พูดถึงพระเจ้าในเนื้อหนัง?  ทำไมพวกเขาไม่เคยกล่าวถึงหนังสือ ‘พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์’ เลย?  ความจริงที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงคือสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกลัวมากที่สุด เพราะพวกเขารู้ว่าผู้เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทุกคนยอมรับพระองค์เพราะพวกเขาอ่านหนังสือ ‘พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์’  พวกเขาเลยพยายามทำให้ผู้คนไขว้เขวด้วยการบอกว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ก่อตั้งโดยมนุษย์ เพื่อปิดบังความจริงที่ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายทรงปรากฏแล้วและทรงพระราชกิจ  จุดหมายที่แท้จริงของการที่พวกเขาทำแบบนี้ก็คือเพื่อหยุดยั้งผู้คนไม่ให้ติดตามพระเจ้า  พวกเขาบิดเบือนความจริง ยืนกรานว่าคริสตจักรแห่งการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าคือองค์กรของมนุษย์  นี่คือข้ออ้างที่พวกเขาใช้กดขี่คริสตจักรของพระเจ้า”  ในตอนนั้นเองที่ผมตระหนักว่า คำกล่าวอ้างของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์กรของมนุษย์ คือการเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงและเป็นข้ออ้างที่จะปราบปรามและข่มเหงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  ยิ่งไปกว่านั้น ทางพรรคพูดแบบนี้เพื่อทำให้ผู้คนเข้าใจผิดและหยุดยั้งพวกเขาจากการมีความเชื่อและติดตามพระเจ้า  นั่นคือเหตุจูงใจอันชั่วของพรรคคอมมิวนิสต์จีน!

หลังจากดูคลิปวิดีโอนั้นแล้ว ไบรซ์ก็สามัคคีธรรมว่า “การสร้างข่าวลือพวกนี้และการกล่าวโทษคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่สามารถแยกออกจากธรรมชาติเยี่ยงปีศาจของพรรคที่เกลียดชังความจริงและต้านทานพระเจ้า  พวกเราต่างรู้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เชื่อในพระเจ้า และเชื่อในลัทธิมาร์กซ์-เลนิน  พรรคเกลียดชังความจริง การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้ายิ่งกว่าอะไร และตั้งแต่ก่อตั้งประเทศใน ค.ศ. 1949 พรรคก็ปราบปรามและข่มเหงความเชื่อต่างๆ ทางศาสนาอย่างบ้าคลั่ง  พรรคกล่าวโทษคริสตจักรตามบ้านว่าเป็นลัทธิชั่ว ทั้งยังเผาและทำลายพระคัมภีร์ไปนับไม่ถ้วน  พรรคจับกุม ข่มเหง และจำคุกคริสเตียนและชาวคาทอลิกไปไม่รู้เท่าไร  การข่มเหงทางศาสนายิ่งโหดร้ายขึ้นอีกตั้งแต่สีจิ้นผิงขึ้นสู่อำนาจ  ‘คริสตจักรพึ่งพาตนเองสามประการ’ ถูกปิดและรื้อถอน ไม้กางเขนนับไม่ถ้วนถูกทำลายทิ้ง  พรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงขั้นวางแผนว่าจะเขียนพระคัมภีร์และคัมภีร์อัลกุรอานขึ้นมาใหม่ เพื่อกวาดล้างความเชื่อทางศาสนาให้สิ้นไป  นับแต่พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงปรากฏในประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ไล่ล่าพระองค์ ตระเวนหาไปทุกแห่งหน  จับกุมและข่มเหงชาวคริสเตียนอย่างบ้าคลั่ง  หลายคนถูกจับเข้าคุกและทรมานอย่างโหดเหี้ยมจนพิการหรือเสียชีวิต และมีผู้คนอีกหนึ่งล้านกว่าคนถูกบีบให้หนีออกจากบ้านของตน  พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้สื่อต่างๆ เผยแพร่ข่าวลือและยุยงให้เกิดปัญหา เพื่อให้ร้ายและป้ายสีคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  นี่คือการปลุกปั่นและทำให้ประชาชนชาวจีนและชาวโลกเข้าใจผิด พวกเขาจะได้พลอยต่อต้านและกล่าวโทษคริสตจักรไปด้วย  ทางพรรคพยายามที่จะกวาดล้างพระราชกิจในยุคสุดท้ายของพระเจ้า  พวกเราเห็นได้จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือปีศาจชั่วที่ต่อต้านพระเจ้า แล้วยังชักนำผู้คนให้เข้าใจผิดและทำร้ายพวกเขา  พรรคคือสัตว์ร้าย คือพญานาคใหญ่จากหนังสือวิวรณ์!  นี่ทำให้คำเผยพระวจนะในพระคัมภีร์ที่ว่า ‘พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก(วิวรณ์ 12:9)  ‘สัตว์ร้ายเปิดปากของมันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า พูดหมิ่นประมาทต่อพระนามของพระองค์ ต่อสถานที่สถิตของพระองค์ และต่อพวกที่อยู่ในสวรรค์(วิวรณ์ 13:6)  ลุล่วงโดยสมบูรณ์  การได้ฟังเรื่องโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะที่กำลังสืบค้นหนทางที่แท้จริงและแสวงหาการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้านั้นช่างน่าขัน!  และบางคนก็อ่านสิ่งที่เขียนในวิกิพีเดียขณะสืบค้นหนทางที่แท้จริง โดยบอกว่าพวกเขาไว้ใจเว็บไซต์นั้น และจะเชื่อก็ต่อเมื่อวิกิพีเดียบอกว่าเป็นหนทางที่แท้จริงเท่านั้น  พวกเขาใช้วิกิพีเดียมากำหนดว่าใช่หนทางที่แท้จริงหรือเปล่า แบบนั้นสอดคล้องกับความจริงหรือ?  วิกิพีเดียมีความจริงหรือไร?  นั่นเป็นเว็บไซต์ของผู้ไม่เชื่อ  พวกเขารวบรวมเนื้อหาและเขียนทุกอย่างจากมุมมองของผู้ไม่เชื่อ  ผู้ไม่เชื่อทุกคนต่างถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอย่างลึกล้ำและทรยศพระเจ้า  พวกเขาไม่ใช่ผู้คนที่มีความเชื่อ  พวกเขาแค่เออออไปกับคนหมู่มากและเล่าเรื่องโกหกเรื่องแล้วเรื่องเล่า  พวกเขาจะพูดตามสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนพูดเท่านั้น  ทำไมไม่ไปสัมภาษณ์คริสตจักรเองเสียเลยล่ะ?  ทำไมถึงไม่รายงานเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมและตามข้อเท็จจริง?  พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แสดงความจริงมากมายหลายอย่างและเขย่าโลกศาสนาทั้งวงการ ถึงกับสั่นสะเทือนโลกทั้งใบด้วยซ้ำไป  ทำไมไม่รายงานข้อเท็จจริงที่ว่านี้?  คำพยานทุกรูปแบบจากสมาชิกของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ถึงประสบการณ์ที่พวกเขามีกับพระราชกิจของพระเจ้าก็มีอยู่ในโลกออนไลน์มาสักพักแล้ว  ทำไมไม่พูดถึงเรื่องเหล่านั้นเลย?  รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนข่มเหงคริสตจักรอย่างโหดเหี้ยม แล้วเรื่องนี้ก็ได้รับการตีพิมพ์ทางเว็บไซต์ขององค์กรสิทธิมนุษยชนสากลทั้งหลาย  ทำไมพวกเขาไม่อ้างอิงถึงเรื่องนี้กัน?  ทำไมพวกเขาถึงตีพิมพ์แต่คำพูดเยี่ยงมารของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนและโลกศาสนาที่มีแต่ข่าวลือและการใส่ไคล้คริสตจักร?  พวกเขาไม่ได้จงใจซ่อนเร้นความจริงและเผยแพร่เรื่องโกหกของรัฐบาลซาตานหรอกหรือ?  นี่เน้นย้ำให้เห็นประเด็นปัญหาอะไร?  ให้เห็นว่าพวกเขาคือเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อที่ซาตานใช้ชักนำผู้คนให้เข้าใจผิด  ถ้าพวกเราเชื่อวิกิพีเดียเวลาตรวจสอบหนทางที่แท้จริง ถ้าพวกเราเชื่อคำพูดเยี่ยงมารของเว็บไซต์นั้น แบบนั้นจะไม่เป็นการโง่เขลาหรอกหรือ?  ผู้คนมากมายทำผิดพลาดเช่นนี้ในการสืบค้นหนทางที่แท้จริงของตน  หากพวกเขาเห็นว่ารัฐบาลต่างๆ และโลกศาสนากล่าวโทษบางสิ่งว่าไม่ใช่หนทางที่แท้จริง พวกเขาก็จะไม่เชื่อสิ่งนั้น  พวกเขาใช่ผู้เชื่อจริงๆ หรือ?  การไม่แสวงหาพระวจนะของพระเจ้าหรือฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าในการค้นหาของตน แต่กลับเชื่อถ้อยคำของซาตาน และเชื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับเหล่านักบวชสอนศาสนา แปลว่าพวกเขาเชื่อและติดตามซาตาน แปลว่าพวกเขาถูกสัตว์ร้ายชักนำให้ไขว้เขวและจับตัวไปแล้ว แปลว่าพวกเขามีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย”

การสามัคคีธรรมของไบรซ์ทำให้ผมเชื่ออย่างสนิทใจ  ผมคิดเสมอว่าวิกิพีเดียเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดที่ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง  ผมไว้ใจมาก แต่แล้วผมก็ตระหนักได้ในตอนนั้นว่านี่เป็นเว็บไซต์ของผู้ไม่เชื่อ ไม่มีความจริงหรือมีพระเจ้าเป็นพยานยืนยันให้เลย เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งไว้รับใช้ซาตาน  ไม่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะแพร่ความเห็นนอกรีตอะไรที่บิดเบี้ยวออกมาก็ตาม วิกิพีเดียก็จะเอาความเห็นวิบัติเหล่านี้มาเล่าซ้ำ  จะเชื่อถือสิ่งที่เว็บไซต์นี้พูดได้อย่างไร?  การสืบค้นหนทางที่แท้จริงของผมควรเป็นไปตามพระวจนะของพระเจ้า  ผมควรจะดูว่าหนทางนี้มีความจริงไหม ได้รับการถ่ายทอดโดยพระเจ้าหรือเปล่า และมีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม เพราะพระเจ้าเท่านั้นคือความจริง คือหนทาง และคือชีวิต และมีเพียงพระเจ้าที่ทรงแสดงความจริงได้ และแสดงให้พวกเราเห็นเส้นทางที่จะปลดเปลื้องบาปและได้รับการช่วยให้รอดอย่างบริบูรณ์ได้  แต่แม้ผมจะมองเห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือความจริงและมาจากพระเจ้า ผมก็ยังถูกข่าวลือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและถ้อยคำในเว็บไซต์ที่น่าจะเชื่อถือได้คอยควบคุม และไม่กล้าศึกษาพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  ผมช่างสับสนจริงๆ!  แต่ต้องขอบคุณพี่น้องชายหญิงที่ช่วยเหลือผมอย่างต่อเนื่องและสามัคคีธรรมถึงความจริงให้ผมฟัง ผมจึงไม่ถูกหลอกลวง  ไม่อย่างนั้นผมคงพลาดโอกาสที่จะต้อนรับการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

จากนั้นไบรซ์ก็สามัคคีธรรมต่อไปอีกว่า “ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำพูดเยี่ยงมารที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดและป้องกันไม่ให้พวกเขาสืบค้นหนทางที่แท้จริง ทำไมพระเจ้าถึงทรงอนุญาตให้มีข่าวลือเหล่านี้?  เจตนารมณ์อันดีงามและพระปัญญาของพระเจ้าอยู่เบื้องหลังการนี้  พวกเราจะเข้าใจเมื่อพวกเราดูสิ่งที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสไว้ ความว่า ‘ในแผนการของเรานั้น ซาตานได้ย่องตามหลังแต่ละขั้นตอนตลอดมา และในฐานะตัวประกอบเสริมความเด่นแห่งสติปัญญาของเรา มันได้พยายามค้นหาหนทางและวิถีทางที่จะทำให้แผนการดั้งเดิมของเรายุ่งเหยิงเสมอ  กระนั้นเราสามารถพ่ายแพ้ต่อกลอุบายอันล่อลวงของมันได้หรือ?  สรรพสิ่งบนสวรรค์และบนแผ่นดินโลกทำหน้าที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ของเรา กลอุบายอันล่อลวงของซาตานจะต่างออกไปได้อย่างไร?  ตรงนี้นี่เองที่สติปัญญาของเราเข้ามาบรรจบ นี่เองคือสิ่งอัศจรรย์เกี่ยวกับกิจการของเรา และเป็นหลักการปฏิบัติงานสำหรับแผนการบริหารจัดการทั้งมวลของเรา  ในยุคแห่งการสร้างราชอาณาจักร เรายังคงไม่หลบเลี่ยงกลอุบายอันหลอกลวงของซาตาน แต่ทำงานที่เราต้องทำต่อไป  ท่ามกลางจักรวาลและทุกสรรพสิ่งนั้น เราได้เลือกสรรการกระทำของซาตานมาเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นของเรา  นี่ไม่ใช่การสำแดงถึงสติปัญญาของเราหรอกหรือ?  นี่ไม่ใช่สิ่งซึ่งน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับงานของเราอย่างแน่แท้หรอกหรือ?’  (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 8)  พระวจนะของพระเจ้าแสดงให้พวกเราเห็นว่าในพระราชกิจของพระองค์ พระองค์มิได้ทรงหลบหลีกกลอุบายของซาตาน แต่ทรงเอากลอุบายเหล่านั้นมาใช้กำหนดจุดจบของผู้คนทุกประเภท  พระราชกิจของพระเจ้าในยุคราชอาณาจักรคือช่วงระยะสุดท้ายของการที่พระองค์จะทรงช่วยมวลมนุษย์ให้รอด  พระองค์ทรงแสดงความจริงเพื่อพิพากษาและชำระผู้คนให้สะอาด พลางจำแนกผู้คนไปตามประเภทของพวกเขาด้วย ให้รางวัลคนดีและลงโทษคนเลวในท้ายที่สุด และสิ้นสุดพระราชกิจของยุคนี้ทั้งยุค  พระเจ้าจะทรงทำให้คนที่เชื่อในพระองค์อย่างจริงใจและรักความจริงกลายเป็นผู้ชนะ และจะทรงพาพวกเขาเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระองค์  พระองค์จะทรงเปิดโปงและกำจัดผู้ปราศจากความเชื่อที่เอาแต่พยายามกินขนมปังให้อิ่มหนำ รวมทั้งคนชั่วและศัตรูของพระคริสต์ทั้งหมดที่ต้านทานพระเจ้าออกไป  คำโกหกทั้งหลายที่เผยแพร่โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนนี้คือเครื่องมือที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อสัมฤทธิ์พระราชกิจของพระองค์  ผู้เชื่อแท้จริงและเทียมเท็จ ข้าวสาลีและข้าวละมาน  แกะและแพะ ย่อมจะถูกเปิดเผยกันทั้งหมดในพายุแห่งคำโกหกนี้  นี่คือการทดสอบที่ทุกคนที่ยอมรับพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าต้องผ่าน  องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า ‘แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นก็ตามเรา… และจะไม่มีใครแย่งชิงแกะนั้นไปจากมือของเราได้(ยอห์น 10:27-28)  แกะของพระเจ้าย่อมได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และผู้เชื่อแท้จริงทุกคนที่รักความจริงย่อมไม่สนใจสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือโลกศาสนาพูด ไม่สนใจสิ่งที่เขียนโดยสื่อหรือตามเว็บไซต์  พวกเขาดูแค่ว่าเป็นพระราชกิจของพระเจ้าหรือไม่ เป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าหรือเปล่า เมื่อพวกเขาแน่ใจว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือความจริงและเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้า พวกเขาย่อมติดตามพระองค์ โดยไม่มีใคร สิ่งใด หรือเหตุการณ์ไหนมาขวางได้  พวกเขาตกลงใจที่จะติดตามพระเจ้า  พวกเขาคือหญิงพรหมจารีมีปัญญา  ส่วนผู้ปราศจากความเชื่อที่ไม่รักความจริงและพยายามแต่จะกินขนมปังให้ตนอิ่มท้องเท่านั้น ย่อมไม่แสวงหาความจริง แต่กลับยอมรับวาจาเยี่ยงมารของซาตานอย่างมืดบอด และเออออเผยแพร่คำโกหกตามพรรคคอมมิวนิสต์จีนและนักบวชในโลกศาสนา ตัดสินและกล่าวโทษพระราชกิจในยุคสุดท้ายของพระเจ้าอย่างบ้าคลั่ง  พวกเขาล้วนถูกเปิดโปงว่าเป็นข้าวละมาน เป็นผู้รับใช้ที่ชั่วและเป็นศัตรูของพระคริสต์  พวกเขาจะถูกกำจัดออกไปและจะถูกทิ้งให้ร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในความวิบัติทั้งหลาย  คำพูดเยี่ยงมารของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและโลกศาสนา เผยให้เห็นข้าวสาลีและข้าวละมาน แกะและแพะ ผู้รับใช้ที่ดีและชั่ว  ท้ายที่สุดแล้วพระเจ้าจะทรงกำหนดจุดจบของผู้คนตามวิธีการที่พวกเขาเข้าหาพระราชกิจในยุคสุดท้ายของพระเจ้า ตามสิ่งที่พวกเขาทำลงไป  เห็นได้ชัดเจนว่าคำโกหกและกลอุบายของซาตานกำลังรับใช้พระราชกิจของพระเจ้า”

นั่นอันตรายเหลือเกิน!  ข่าวลือและคำพูดเยี่ยงมารพวกนี้เกือบจะขังผมไว้นอกประตูของราชอาณาจักรเสียแล้ว  ความคิดนี้ทำให้ผมกลัว  การมีความเชื่อ แต่ขาดพร่องวิจารณญาณและไม่แสวงหาความจริง มีความเสี่ยงจริงๆ  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ากุญแจสำคัญในการสืบค้นหนทางที่แท้จริงนั้นคือการคอยฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า และดูว่าเป็นความจริงไหม เป็นพระราชกิจของพระเจ้าหรือเปล่า  พวกเราจะเชื่อเรื่องโกหกของปีศาจพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้เป็นอันขาด และพวกเราจำต้องมีวิจารณญาณแยกแยะสิ่งที่ศิษยาภิบาล ผู้อาวุโส และเว็บไซต์ทั้งหลายพูดอีกด้วย พวกเราจะเอาแต่หลับหูหลับตาเชื่อทุกสิ่งที่พวกเขาพูดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราอาจตกอยู่ในรังของซาตานได้ทุกเมื่อ และพลาดโอกาสที่จะรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้าและถูกรับขึ้นไปสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์  การรอดพ้นจากวังวนข่าวลือและได้ต้อนรับการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความกรุณาและความรอดที่พระเจ้าทรงมีให้ผม!  ขอคำขอบคุณจงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์!

ก่อนหน้า: 79. เพียงเพื่อเงินสามแสนหยวน

ถัดไป: 81. ทางที่เลือกโดยไม่เสียใจ

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

43. เมื่อปล่อยวางความเห็นแก่ตัว ฉันจึงเป็นอิสระ

โดย เสี่ยวเว่ย ประเทศจีนพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ในอุปนิสัยของผู้คนปกตินั้นไม่มีความคดโกงหรือการหลอกลวง ผู้คนมีสัมพันธภาพปกติต่อกัน...

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger