98. หลังฉากการข่มเหงของครอบครัวหนึ่ง

โดย เฉินลี่, ประเทศจีน

แม่กับพี่สาวของฉันแบ่งปันข่าวประเสริฐแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์กับฉันในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009  หลังจากยอมรับข่าวประเสริฐ ฉันก็อ่านพระวจนะของพระเจ้าทุกวัน และเข้าร่วมการชุมนุมและสามัคคีธรรมกับพี่น้องชายหญิง  ฉันค่อยๆ มาเข้าใจความจริงบางส่วนจากพระวจนะของพระเจ้า ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับรากเหง้าของความมืดและความชั่วในโลก สิ่งที่เราควรไล่ตามเสาะหาในชีวิต และวิธีใช้ชีวิตที่มีความหมาย  การหาเส้นทางที่ถูกต้องในชีวิตทำให้ฉันมีความสุข ผ่อนคลาย และไร้กังวลมาก  สามีกับลูกสาวของฉันสังเกตเห็นว่าหลังจากมาเป็นผู้เชื่อ ฉันมักจะอารมณ์ดีขึ้น พวกเขาจึงไม่ต่อต้านความเชื่อของฉัน  ต่อมา สามีของฉันต้องทิ้งบ้านเพื่อไปทำงาน ดังนั้นฉันจึงคอยดูแลลูกๆ ในขณะที่เผยแผ่ข่าวประเสริฐไปด้วย

ค่ำวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 2013 จู่ๆ สามีของฉันก็โทรมาบอกฉันด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งมากว่า “จากนี้เป็นต้นไป คุณอยู่บ้านทำสิ่งที่ควรทำก็พอ ห้ามเชื่อในพระเจ้าอีก  ทั้งข่าวโทรทัศน์และในโลกออนไลน์ต่างบอกว่าผู้เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์พวกนั้นละทิ้งครอบครัวของตัวเอง  อย่าไปถึงจุดที่คุณหันหลังให้ครอบครัว  อีกอย่าง การมีความเชื่อนั้นผิดกฎหมายในประเทศจีน และถ้าทางราชการรู้เข้า คุณจะถูกจับ  คนธรรมดาอย่างเราจะเป็นปฏิปักษ์กับพรรคคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร?  ถ้ารัฐบาลบอกว่าคุณนับถือศาสนาไม่ได้ ก็อย่าทำ  อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน!”  ด้วยกลัวว่าโทรศัพท์มือถือของฉันอาจจะถูกตำรวจดักฟังอยู่ ฉันจึงไม่ให้เขาพูดต่อ  หลังจากวางสายฉันกลัดกลุ้มมาก  เขาหลับหูหลับตาฟังเรื่องโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร?  เขารู้ว่าการเชื่อในพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีและเขาก็สนับสนุนความเชื่อของฉัน แล้วทำไมทันทีที่เขาได้ยินคำโกหกของพวกนั้น เขาจึงพยายามขัดขวางฉัน?  เห็นได้ชัดว่าการติดตามพระเจ้าเป็นเส้นทางที่ถูกต้องในชีวิต ทำไมพรรคคอมมิวนิสต์จึงไม่ยอมให้ผู้คนมีความเชื่อ?  ในฐานะผู้เชื่อ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ดังนั้นทำไมพวกนั้นจึงยืนกรานที่จะจับกุมและข่มเหงพวกเรา?  หลังจากนั้นฉันบอกถึงความสับสนของตัวเองกับพี่น้องหญิงคนหนึ่งในการชุมนุม และเธอก็แบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่งกับฉัน  พระเจ้าตรัสว่า “พญานาคใหญ่สีแดงข่มเหงพระเจ้าและเป็นศัตรูของพระเจ้า และฉะนั้น ในแผ่นดินนี้ เหล่าผู้เชื่อในพระเจ้าจึงตกอยู่ภายใต้การเหยียดหยามและกดขี่… เนื่องจากพระราชกิจเริ่มเปิดตัวในแผ่นดินที่ต่อต้านพระเจ้า พระราชกิจทั้งปวงของพระเจ้าจึงเผชิญอุปสรรคมหาศาล และการทำให้พระวจนะมากมายของพระองค์สำเร็จลุล่วงย่อมใช้เวลา  ด้วยเหตุนั้น เป็นเพราะพระวจนะของพระเจ้า ผู้คนจึงได้รับการถลุง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความทุกข์  พระเจ้าทรงมีความลำบากยากเย็นมหาศาลในการดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในแผ่นดินแห่งพญานาคใหญ่สีแดง—แต่พระเจ้าก็ทรงปฏิบัติพระราชกิจช่วงระยะหนึ่งของพระองค์ผ่านทางความลำบากยากเย็นนี้ อันเป็นการสำแดงพระปัญญาของพระองค์และกิจการอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์ และทรงใช้โอกาสนี้ทำให้ผู้คนกลุ่มนี้ครบบริบูรณ์  พระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งการชำระให้บริสุทธิ์และการพิชิตชัยของพระองค์ผ่านทางความทุกข์ของผู้คน ผ่านทางขีดความสามารถของพวกเขา และผ่านทางอุปนิสัยเยี่ยงซาตานทั้งปวงของผู้คนในแผ่นดินอันโสมมนี้ เพื่อที่พระองค์อาจได้รับพระสิริจากการนี้ และเพื่อที่พระองค์อาจได้รับบรรดาผู้ที่จะเป็นพยานให้แก่กิจการของพระองค์  ดังนี้คือนัยสำคัญทั้งหมดของการเสียสละทั้งปวงที่พระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อผู้คนกลุ่มนี้(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้าเรียบง่ายดังที่มนุษย์จินตนาการหรือไม่?)  หลังจากอ่านพระวจนะบทตอนนี้ เธอก็สามัคคีธรรมกับฉันว่า “พรรคคอมมิวนิสต์ไม่เชื่อในพระเจ้า มันเป็นปีศาจที่ต่อต้านพระเจ้า และมันไม่อาจทนให้ใครมีความเชื่อ นมัสการพระเจ้าได้เลย  ตั้งแต่เข้ามามีอำนาจ มันจับกุมและข่มเหงคริสตชนมาตลอด  ตอนนี้ที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงปรากฏและกำลังทรงพระราชกิจในยุคสุดท้าย ทรงแสดงความจริงเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด พรรคคอมมิวนิสต์กลัวว่าผู้คนจะอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เข้าใจความจริงและได้รับปัญญาแยกแยะ  แล้วพวกเขาจะเห็นโฉมหน้าชั่วร้ายของมันอย่างแท้จริงและไม่หลงเชื่อมันอีกต่อไป ผู้คนจะไม่ติดตามมันอีก  ด้วยเหตุนั้นมันจึงรีบเร่งยกระดับการต่อต้านและกล่าวโทษพระเจ้า และการข่มเหงบรรดาผู้เชื่ออย่างเฉียบขาด  มันยังเผยแพร่ข่าวลือและคำพูดเยี่ยงมารทุกรูปแบบเพื่อนำญาติมิตรผู้ไม่เชื่อของพวกเราให้หลงผิด และยุยงให้พวกเขาก่อกวนและขัดขวางไม่ให้พวกเราติดตามพระเจ้า  พรรคคอมมิวนิสต์ต้องการให้ทุกคนปฏิเสธและทรยศพระเจ้าเพื่อให้พวกเราสูญเสียความรอดของพระเจ้าและลงเอยด้วยการถูกลงโทษในนรกไปพร้อมกับมัน  ถ้าพวกเราถูกครอบครัวควบคุมและไม่กล้าติดตามพระเจ้าหรือไม่กล้าทำหน้าที่ นั่นก็หมายความว่าพวกเราได้หลงเล่ห์กลของซาตานและสูญเสียโอกาสที่จะได้รับความรอดไปแล้ว  พระเจ้าทรงอนุญาตให้พวกเราทนทุกข์กับการปราบปรามและการจับกุมของพรรคคอมมิวนิสต์ พระองค์ทรงใช้มันทำงานให้พระองค์เพื่อที่พวกเราจะสามารถมองเห็นแก่นแท้เยี่ยงปีศาจของมันได้อย่างชัดเจน ได้รับปัญญาแยกแยะมัน และปฏิเสธมัน  ในขณะเดียวกัน พระเจ้าทรงสามารถทำให้ความเชื่อของพวกเราเพียบพร้อมและทำให้พวกเราเป็นผู้ชนะโดยผ่านการนี้  น้ำพระทัยอันกรุณาของพระเจ้าอยู่ในการนี้!”  หลังจากฟังการสามัคคีธรรมของพี่น้องหญิงคนนี้ ฉันก็เห็นชัดเจนว่าพระเจ้าทรงอนุญาตการกดขี่ของพรรคคอมมิวนิสต์และการก่อกวนจากครอบครัวของฉันเพื่อให้ฉันสามารถเห็นเต็มตาว่าพรรคนี้คือมารซาตาน ศัตรูของพระเจ้า  นี่คือพระปัญญาภายในพระราชกิจของพระเจ้า  พรรคคอมมิวนิสต์เผยแพร่คำโกหกเพื่อนำผู้คนไปในทางผิดๆ เพื่อให้พวกเขาเห็นด้วยกับมันในการต่อต้านพระเจ้าและข่มเหงบรรดาผู้เชื่อ บ่อนทำลายและทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงัก  นี่คือเจตนาชั่วของพรรคคอมมิวนิสต์ และฉันรู้ว่าฉันไม่อาจหลงเล่ห์กลของซาตานได้

หลังจากนั้น พี่น้องหญิงคนนั้นก็อ่านพระวจนะของพระเจ้าอีกบทตอนหนึ่งให้ฉันฟังว่า “ในฐานะผู้เชื่อในพระเจ้า พวกเจ้าแต่ละคนควรซาบซึ้งในการที่เจ้าได้รับการยกย่องสูงสุดและได้รับความรอดสูงสุดอย่างแท้จริงจากการที่ได้รับพระราชกิจของพระเจ้าแห่งยุคสุดท้าย และพระราชกิจตามแผนการของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำในตัวเจ้า ณ วันนี้  พระเจ้าได้ทรงทำให้ผู้คนกลุ่มนี้เป็นศูนย์รวมพระราชกิจทั่วทั้งจักรวาลของพระองค์  พระองค์ได้เสียสละพระโลหิตทั้งหมดในพระหทัยของพระองค์แก่พวกเจ้า พระองค์ได้เรียกคืนพระราชกิจทั่วทั้งจักรวาลของพระวิญญาณและทรงมอบทั้งหมดนั้นให้แก่พวกเจ้า  นั่นคือสาเหตุที่พวกเจ้าเป็นกลุ่มคนที่โชคดี  ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังได้ทรงย้ายพระสิริของพระองค์จากประเทศอิสราเอล จากประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรร มาที่พวกเจ้า และพระองค์จะทรงสำแดงจุดประสงค์แห่งแผนการของพระองค์ผ่านทางกลุ่มนี้ทั้งหมด  เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจึงเป็นผู้ที่จะได้รับมรดกของพระเจ้า และยิ่งไปกว่านี้ พวกเจ้าคือทายาทแห่งพระสิริของพระเจ้า(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้าเรียบง่ายดังที่มนุษย์จินตนาการหรือไม่?)  การอ่านพระวจนะบทตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างเหลือเชื่อ  เพื่อที่จะช่วยพวกเรา ซึ่งถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอย่างลึกล้ำให้รอด พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และเสด็จมายังแผ่นดินโลกเพื่อทรงพระราชกิจเป็นครั้งที่สอง ทรงทนทุกข์กับการต่อต้าน การกล่าวโทษ และแม้แต่การหมิ่นประมาทจากพรรคคอมมิวนิสต์และโลกศาสนา  พระองค์ทรงทนความเสียพระเกียรติอย่างยิ่ง ทรงแสดงความจริงและทรงพระราชกิจเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด ทรงมอบพระโลหิต พระเสโท และน้ำพระเนตรทั้งหมดของพระองค์  นี่คือความรักอันผิดธรรมดาของพระเจ้า!  พระราชกิจของพระเจ้ากำลังใกล้จะปิดลง  โอกาสที่จะได้รับความรอดนี้เป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่ฉันไม่อาจพลาดได้ ไม่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จะกดขี่เพียงใด หรือไม่ว่าสามีของฉันจะขัดขวางฉันอย่างไร ฉันก็รู้ว่าฉันต้องมีความเชื่อและติดตามพระเจ้า  หลังจากนั้น สามีของฉันโทรมาหาฉันครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อพยายามห้ามไม่ให้ฉันเชื่อในพระเจ้า ถึงกับเสียงดังใส่ฉัน ซึ่งออกจะเจ็บปวด แต่ฉันรู้ว่าการมีความเชื่อนั้นถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้นฉันจึงไม่เคยถูกเขาหน่วงเหนี่ยวและฉันก็ทำหน้าที่ของฉันต่อไป

จากนั้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 เมื่อสามีเห็นว่าฉันยังไม่ล้มเลิกความเชื่อ เขาก็ออกจากที่ที่เขาทำงานกลับมาที่เมืองของพวกเรา  เขาพูดกับฉันอย่างดุเดือดมากว่า “ผมบอกคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่าคุณต้องล้มเลิกความเชื่อของคุณ แต่คุณก็ไม่ฟัง  ทุกคนทั้งออนไลน์และในทีวีต่างพูดว่าผู้คนละทิ้งครอบครัวหลังจากกลายเป็นผู้เชื่อ แต่คุณก็ยังเชื่ออยู่หรือ?”  ฉันคิดในใจว่าการที่พรรคคอมมิวนิสต์กล่าวหาว่าผู้เชื่อละทิ้งครอบครัวเป็นแค่การโทษเหยื่อ  มันไม่ยอมให้ผู้คนมีความเชื่อและเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง มันจึงจับกุมและข่มเหงคริสตชนอย่างบ้าคลั่ง บังคับพี่น้องชายหญิงมากมายให้หนีจากบ้านและเร่ร่อนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง  เห็นชัดว่าพี่น้องชายหญิงไม่สามารถกลับบ้านเนื่องจากการกดขี่ของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่พวกนั้นกลับพูดว่าพวกเราละทิ้งครอบครัวหลังจากกลายมาเป็นผู้เชื่อ  นี่เป็นการบิดเบือนความจริงไม่ใช่หรือ?  ฉันจึงพูดกับสามีว่า “ทุกอย่างที่ผู้คนพูดกันทางออนไลน์เป็นเท็จ  ข้อมูลพวกนั้นเป็นแค่คำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่กล่าวโทษ ป้ายสีคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์…”  แต่เขาไม่ฟังฉันเลย  เขาพูดแค่ว่า “อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาพูดกันบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นถ้าคุณเชื่อในพระเจ้าต่อไป แล้วรัฐบาลรู้เข้า คุณจะถูกจับและถูกส่งเข้าคุก  พรรคคอมมิวนิสต์สามารถทำอะไรก็ได้  ถ้าพวกนั้นพูดว่าคุณไม่ควรเชื่อ ก็เลิกเชื่อเสีย  ไข่จะไปทุบหินแตกได้อย่างไร?  ผมจะอยู่ที่บ้านจับตาดูคุณ ถ้าคุณยังคงเชื่อต่อไป เราก็หย่ากัน!”  ฉันคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกเราหย่ากันแล้วไม่มีใครดูแลลูกๆ ทั้งสองคน?  พวกเขาจะลงเอยบนเส้นทางที่ผิดไหม?  การสูญเสียความรักของแม่ตอนอายุน้อยขนาดนี้จะเป็นการทำร้ายพวกเขาอย่างเหลือเชื่อ!  ความคิดที่ว่าลูกๆ ของพวกเราจะเจ็บปวดขนาดไหนและจะไม่เป็นธรรมต่อพวกเขาเพียงใดนั้นบีบหัวใจเป็นที่สุด  ฉันรีบมาอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าว่า “พระเจ้า!  สามีต้องการหย่ากับข้าพระองค์ และข้าพระองค์เป็นห่วงลูกๆ เหลือเกิน  โปรดทรงคุ้มครองข้าพระองค์และอนุญาตให้ข้าพระองค์ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งด้วยเถิด”  หลังจากอธิษฐาน ฉันนึกถึงบางสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “ชะตากรรมของมนุษย์ถูกควบคุมโดยพระหัตถ์ของพระเจ้า  เจ้าไม่สามารถควบคุมตัวของเจ้าเองได้ กล่าวคือ ทั้งที่มนุษย์สาละวนเร่งรีบและทำตัวให้ยุ่งวุ่นวายเพื่อตัวเขาเองอยู่เสมอ เขาก็ยังคงไม่สามารถควบคุมตัวเขาเองได้  หากเจ้าสามารถล่วงรู้ความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของเจ้าเอง หากเจ้าสามารถควบคุมชะตากรรมของเจ้าเองได้ เจ้าจะยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตทรงสร้างอยู่อีกหรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การฟื้นฟูชีวิตที่ปกติของมนุษย์และการนำมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันน่าอัศจรรย์)  พระวจนะของพระเจ้าทำให้หัวใจของฉันสว่างขึ้นจริงๆ และแสดงให้ฉันเห็นว่าชะตากรรมของผู้คนล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า  ฉันทำได้ดีที่สุดแค่ดูแลชีวิตลูกๆ ให้ดีขึ้นอีกหน่อย ฉันไม่อาจกำหนดได้ว่าพวกเขาจะมีชะตากรรมเช่นไร หรือพวกเขาอาจจะทนทุกข์มากแค่ไหน  ฉันจำเป็นต้องฝากพวกเขาไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าและนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า  ความคิดนี้เปิดโอกาสให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก—ฉันไม่รู้สึกร้าวรานขนาดนั้นอีกต่อไป  ฉันยังตระหนักด้วยว่าการที่สามีถูกคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์นำให้หลงผิด พยายามกีดกันไม่ให้ฉันติดตามพระเจ้า และขู่ว่าจะหย่ากับฉันล้วนเป็นเล่ห์เหลี่ยมของซาตาน  ฉันไม่อาจตกหลุมพรางของมันได้  ฉันจึงบอกเขาว่า “ฉันจะไม่มีวันล้มเลิกความเชื่อ  การเชื่อในพระเจ้าและการอ่านพระวจนะของพระเจ้าคือการเป็นคนดีและเดินบนทางที่ถูกต้อง  ทำไมคุณจึงเห็นดีเห็นงามกับพรรคและขวางทางฉันตลอด?”  ทันใดนั้นเขาก็ผลักฉันลงไปบนเตียงแล้วตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “รัฐบาลของพวกเราต่อต้านศาสนา  ถ้าพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ต้องการให้เราเป็นผู้เชื่อ ก็อย่าเป็นผู้เชื่อ!  ใครจะเอาชนะพวกนั้นได้?”  ลูกสาวของพวกเราเห็นเหตุการณ์นี้ทั้งหมด และกลัวมากจนโผเข้ามาพูดว่า “พ่อคะ ทำไมทำแบบนี้? ตั้งแต่แม่เริ่มเชื่อในพระเจ้า แม่ก็มีความสุขขึ้นมาก  ความเชื่อเป็นสิ่งที่ดีนะคะ!  พ่ออย่าไปยุ่งกับความเชื่อเลย!”  สามีของฉันไม่ฟังเธอสักนิดและตบหน้าลูก  ฉันโกรธมาก!  เขาตีลูกสาวของพวกเราแค่เพราะเธอพูดปกป้องฉัน  ฉันเห็นว่าสามีกำลังติดตามพรรคคอมมิวนิสต์และพยายามกีดกันฉันจากความเชื่อราวกับคนบ้า เขาไม่เหลือเหตุผลใดๆ แล้ว  ฉันไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีก และพาลูกสาวของพวกเรากลับไปที่ห้องของเธอ  วันรุ่งขึ้น สิ่งแรกที่พวกเราทำคือไปสำนักกิจการพลเรือน  ก่อนที่พวกเราจะเริ่มขั้นตอนการหย่า ลุงของสามีฉันก็ปรากฏตัวขึ้น และภายใต้คำแนะนำของเขา สามีของฉันก็ตัดสินใจไม่หย่า

หลังจากนั้น สามีของฉันยังคงกดขี่และขัดขวางความเชื่อของฉัน  เขาเหน็บแนมฉันอยู่ตลอดและชักสีหน้าทุกครั้งที่เห็นฉันกลับจากการชุมนุม  ท่าทีของเขาเลวร้ายลงทุกที  คืนหนึ่งประมาณสี่ทุ่ม สามีของฉันเมากลับมาบ้านและลากฉันขึ้นเตียงเหมือนคนคลุ้มคลั่ง พูดจากระแทกกระทั้นว่า “ตอนนี้คุณเชื่อในพระเจ้า ผมไม่สามารถสู้หน้าใครในโลกนี้ได้เลย  ทุกคนต่างก็พูดถึงศาสนาของคุณ  เพื่อนๆ ของพวกเราคิดอย่างไรกับผมแล้วตอนนี้?  ถ้าคุณยังเชื่อในเรื่องพระเจ้าต่อไป คุณจะถูกรัฐบาลจับกุมและจัดการ  สุดท้ายจะไม่มีใครในครอบครัวของเราเชิดหน้าอยู่ได้สักคนเดียว  คุณต้องเลิกเชื่อ!”  ฉันค่อนข้างเป็นคนขี้ขลาด เมื่อฉันเห็นว่าเขาดูดุดันแค่ไหนฉันก็กลัวขึ้นมา  เขาดื่มเข้าไปมากและกำลังเดือดดาล เขาอาจจะทำอะไรบ้างฉันก็ไม่รู้  ฉันเฝ้าร้องหาให้พระเจ้าทรงคุ้มครองฉันแล้วค่อยๆ สงบใจลงได้  เมื่อเห็นว่าฉันยังคงไม่ล้มเลิกความเชื่อ สามีก็ยิ่งโกรธมากขึ้น  เขาคว้าตัวฉันขึ้นจากเตียงแล้วทุ่มฉันลงกับพื้น จากนั้นก็ต่อยหน้าฉันหลายครั้ง จนฉันตาเขียวช้ำ  ฉันบอกเขาว่า “การที่ฉันมีความเชื่อไม่ได้ผิดอะไร คุณมาตีฉันทำไม?  ทำไมคุณจึงเข้าข้างพรรคคอมมิวนิสต์และกดขี่ฉันตลอด?”  เขาไม่ฟังอะไรที่ฉันพูดเลย แต่ยกตัวฉันขึ้นแล้วอุ้มไปทางหน้าต่าง ทำตัวเหมือนคนวิปลาสเต็มขั้น  ฉันอธิษฐานต่อพระเจ้าในหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เขาอุ้มฉันไปบนขอบหน้าต่าง จับข้อเท้าฉันไว้ และปล่อยให้ฉันห้อยหัว ทั้งตัวห้อยอยู่นอกหน้าต่าง  แล้วเขาก็ตะโกนว่า “พูดสิ!  พูดว่าแกจะล้มเลิกความเชื่อ!  ถ้าไม่พูด ฉันจะโยนแกลงไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้!”  พวกเราอาศัยอยู่ชั้นห้า ดังนั้นถ้าเขาโยนฉันลงไป ฉันต้องตายแน่  ฉันกลัวมากและเฝ้าอธิษฐานถึงพระเจ้าว่า “พระเจ้า!  โปรดทรงคุ้มครองข้าพระองค์และทรงมอบความเชื่อให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด  ต่อให้ข้าพระองค์ตายวันนี้ ข้าพระองค์ก็จะไม่ยอมแพ้แก่ซาตาน!”  ตอนนั้นเอง จู่ๆ ฉันก็นึกถึงประสบการณ์ของโยบ  พระเจ้าทรงให้เขาอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลาที่เขารับบททดสอบ และซาตานก็เฝ้าดูเช่นกัน  ในที่สุดโยบก็ตั้งมั่นในคำพยานที่เขามีให้พระเจ้า และซาตานก็ถูกทำให้อับอายและล่าถอยไป  ดังนั้นฉันจึงร้องบอกซาตานในหัวใจว่า “ซาตาน ฉันไม่สนว่าแกใช้กลวิธีชั่วร้ายแบบไหนกับฉัน ฉันจะไม่มีวันทรยศพระเจ้า  ฉันจะเชื่อในพระเจ้าและติดตามพระองค์ต่อไป ต่อให้ฉันจะต้องตายก็ตาม!”  ทันทีที่ฉันตั้งปณิธานนี้ ฉันก็รู้สึกว่าร่างกายเบามาก และแม้ว่าฉันจะห้อยหัวอยู่ ฉันก็ไม่รู้สึกว่ามีเลือดมาคั่งที่หัวฉันเลย  ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงบางอย่างประคองตัวฉันเอาไว้  ฉันรู้ว่าสามีไม่มีกำลังมากพอที่จะจับฉันเอาไว้ได้อย่างแน่นอน  นี่คือการคุ้มครองของพระเจ้า และฉันขอบคุณพระเจ้าในหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ตอนนั้นเอง ลูกๆ ของพวกเราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากระเบียงอีกแห่ง พวกเขาวิ่งมาเคาะประตู ร้องไห้และตะโกน แต่สามีของฉันล็อกประตูจากด้านใน พวกเขาจึงเข้ามาไม่ได้  ลูกสาวของพวกเราไปที่ระเบียงอีกแห่งหนึ่งแล้วตะโกนว่า “พ่อ คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?”  เธอร้องไห้เสียงดังมาก และกรีดร้องใส่เขาตลอดไม่ให้โยนฉันลงไป  จากนั้นก็ดูเหมือนจู่ๆ เขาก็ได้สติ แล้วดึงฉันกลับขึ้นไป  ฉันเต็มไปด้วยความกตัญญูรู้คุณต่อพระเจ้า  ถ้าไม่ใช่เพราะการคุ้มครองของพระเจ้า ฉันก็คงตายไปแล้วอย่างแน่นอน

คืนนั้นฉันข่มตาหลับไม่ได้เลย คิดถึงวันเวลาที่ฉันกับสามีทำงานหนักด้วยกัน พวกเราเข้ากันได้ดีเสมอ และตอนแรกที่ฉันมีความเชื่อ เขาก็ไม่ขวางทางฉันสักนิด  แต่ตอนนี้เขาเชื่อคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์และกดขี่ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า  ไม่ว่าฉันจะอธิบายให้เขาฟังอย่างไร เขาก็ไม่ยอมฟังและขู่ว่าจะหย่ากับฉันเพื่อให้ฉันล้มเลิกความเชื่อด้วยซ้ำ  เขาถึงกับลงไม้ลงมือกับฉันและเกือบจะโยนฉันลงมาจากหน้าต่างชั้นห้า  เขาดูเหมือนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง  มันน่าเศร้าและทำให้ใจสลายอย่างมาก  ฉันไม่เข้าใจว่าสามีของตัวเองเปลี่ยนไปอย่างนั้นได้อย่างไร  ตอนนั้นเอง ฉันก็นึกถึงพระวจนะเหล่านี้จากพระเจ้าที่ว่า “บรรดาผู้เชื่อกับบรรดาผู้ไม่มีความเชื่อไม่สามารถเข้ากันได้ ตรงกันข้าม พวกเขาขัดแย้งซึ่งกันและกัน” และ “ผู้ใดที่ไม่เชื่อในพระเจ้าผู้ประสูติเป็นมนุษย์คือผู้เป็นเยี่ยงปีศาจ และมิหนำซ้ำ ยังจะถูกทำลาย… ใครคือซาตาน ใครคือปีศาจ และใครคือศัตรูของพระเจ้าหากไม่ใชพวกผู้ต้านทานซึ่งไม่เชื่อในพระเจ้า?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าและมนุษย์จะเข้าสู่การหยุดพักด้วยกัน)  ฉันตระหนักว่า นั่นไม่ใช่การที่สามีของฉันเปลี่ยนไปในฐานะคนคนหนึ่ง แต่แก่นแท้ของเขาถูกเผยออกมาต่างหาก  เขารู้ดีว่าความเชื่อในพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดี แต่เขาก็ยังยืนอยู่ข้างพรรคคอมมิวนิสต์มาต่อต้านฉัน  โดยแก่นแท้แล้ว เขาเกลียดชังและต่อต้านพระเจ้า  นั่นคือสาเหตุที่เขาสามารถเป็นคนชั่วช้ากับฉันอย่างมากได้  เขาสูญเสียเหตุผลไปหมดสิ้นจนเกือบจะฆ่าฉัน นั่นคือการสำแดงของปีศาจ!  ฉันใช้ชีวิตอยู่กับมารที่ต่อต้านพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง พวกเราอยู่บนเส้นทางที่ต่างกัน—ดังนั้นพวกเราจะมีความสุขร่วมกันได้อย่างไร?  ตอนแรกเขาดีกับฉัน แต่นั่นแค่เพราะฉันคลอดลูกให้เขา และคอยดูแลงานบ้านทั้งหมด  แต่ตอนนี้ที่ความเชื่อของฉันกระทบกระเทือนผลประโยชน์ของตัวเขาเอง เขาก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา  การตระหนักถึงเรื่องนี้ช่วยให้ฉันได้รับปัญญาแยกแยะเหนือแก่นแท้ที่แท้จริงของสามี และใจของฉันก็สามารถละวางเขาลงได้เล็กน้อย  ต่อมา ฉันอ่านบทตอนนี้ในพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “เมื่อพระเจ้าทรงพระราชกิจ ดูแลบุคคลผู้หนึ่ง และทรงเฝ้ามองบุคคลผู้นี้ และเมื่อพระองค์ทรงโปรดปรานและให้ความเห็นชอบในตัวบุคคลผู้นี้ ซาตานย่อมตามไปอย่างใกล้ชิด พยายามทำร้ายและชักพาบุคคลดังกล่าวให้หลงผิด  หากพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะได้บุคคลผู้นี้เอาไว้ ซาตานก็จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของมันเพื่อขัดขวางพระเจ้า ใช้ลูกเล่นเลวๆ อันหลากหลายมาทดลอง รบกวน และบั่นทอนพระราชกิจของพระเจ้า เพื่อที่จะสัมฤทธิ์วัตถุประสงค์ที่ซ่อนเร้นของมัน  วัตถุประสงค์นี้คืออะไร?  มันไม่ต้องการให้พระเจ้าได้รับผู้ใดสักคน  มันต้องการช่วงชิงผู้ที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะได้ไว้มาครองเสียเอง มันต้องการที่จะควบคุมพวกเขา กำกับดูแลพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเคารพบูชามัน เพื่อให้พวกเขาเข้าร่วมกับมันในการกระทำความชั่วและต้านทานพระเจ้า  นี่ไม่ใช่แรงจูงใจที่ชั่วร้ายเลวทรามของซาตานหรอกหรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 4)  ฉันพิจารณาพระวจนะของพระเจ้า และตระหนักว่าซาตานใช้กลวิธีชั่วทุกรูปแบบเพื่อบ่อนทำลายความเชื่อของผู้คน ทำทุกวิถีทางที่จะแข่งกับพระเจ้าเพื่อแย่งชิงผู้คน  แบบนั้นทุกคนก็จะบูชาซาตานและทรยศพระเจ้า แล้วเสียโอกาสที่จะได้รับความรอด  การรักษาความเชื่อในพระเจ้าให้เข้มแข็ง เชื่อฟังพระองค์ต่อไป และตั้งมั่นในคำพยานที่คุณมีให้พระองค์ คือทางเดียวที่จะต่อสู้กลับเล่ห์กลของซาตานและทำให้มันอับอายอย่างแท้จริง  ฉันนึกถึงประสบการณ์ของโยบที่ว่า โยบยำเกรงพระเจ้าและหลีกเลี่ยงความชั่ว ดังนั้นซาตานจึงรังเกียจโยบ โจมตี และทดสอบเขา  ซาตานทำให้โยบสูญเสียทรัพย์สินและลูกๆ ทั้งหมด แต่ว่าโยบไม่เพียงไม่ตำหนิพระเจ้า เขาสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยซ้ำ  และแล้วซาตานก็ทำให้ฝีหนองขึ้นลามทั่วตัวโยบ และให้ภรรยาของเขาโจมตีเขา พยายามทำให้เขาทิ้งพระเจ้า  โยบไม่เพียงไม่คล้อยตามเท่านั้น แต่เขายังประณามภรรยาว่าเป็นหญิงโง่  ท้ายที่สุด โยบเป็นพยานที่ดังกึกก้องให้แก่พระเจ้า และซาตานก็อับอายอย่างสิ้นเชิง  ฉันนึกย้อนถึงสิ่งที่ฉันประสบมา คำโกหกที่พรรคคอมมิวนิสต์กุขึ้น รวมทั้งการที่มันใช้สามีของฉันเพื่อต่อต้านความเชื่อของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามที่จะทำให้ฉันทรยศพระเจ้าและลงนรกไปถูกลงโทษพร้อมกับมันในท้ายที่สุด  ฉันรู้ว่าฉันต้องเอาอย่างโยบ ไม่ว่าซาตานจะใช้กลวิธีชั่วร้ายเช่นไรกับฉัน ฉันก็ไม่อาจยอมแพ้มันได้  ฉันต้องมีความเชื่อในพระเจ้า พึ่งพิงพระองค์ และตั้งมั่นในคำพยานของตน  เมื่อคิดแบบนี้ฉันก็ผ่อนคลายลงมาก และฉันรู้สึกเป็นอิสระในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน  หลังจากเรื่องนี้ สามีของฉันเห็นว่าฉันยังคงยึดมั่นที่จะเชื่อในพระเจ้าและประกาศข่าวประเสริฐต่อไป ดังนั้นเขาจึงไม่มัวพะวงกับความเชื่อของฉันให้มากเกินไป

หลังจากนั้นลูกสาวของฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ลูกชายของฉันไม่ได้สอบ  สามีของฉันต้องการทำทุกอย่างในอำนาจของเขาเพื่อให้ลูกชายได้สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพ  วันหนึ่ง สามีของฉันกลับมาและพูดกับฉันอย่างฉุนเฉียวว่า “คุณกับแม่ของคุณทำผมฟังหมดแล้วจริงๆ!  ผมพยายามให้ลูกชายของพวกเราได้สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพ แต่พวกนั้นพบว่าแม่ของคุณนับถือศาสนา ผมจึงต้องพูดทุกอย่างที่พอจะพูดได้เพื่อหว่านล้อมพวกเขา บวกกับใช้เงินและให้ของขวัญพวกเขาเพื่อที่จะตกลงกันให้สำเร็จ  อย่าคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ!  ถ้าคุณยังคงเชื่อต่อไปแล้วรัฐบาลรู้เข้า ลูกชายของพวกเราจะไม่ได้เข้ากองทัพ และลูกสาวของพวกเราจะไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย  พวกเขาจะไม่มีอนาคตอีกต่อไป  ทำไมคุณไม่คิดถึงบ้านของพวกเรา ลูกๆ ของพวกเราบ้าง?  ถ้าคุณยืนกรานจะเชื่อต่อไป ก็ไม่มีทางที่พวกเราจะไปต่อด้วยกันได้  เราจะต้องหย่ากัน  ลองเก็บไปคิดดู!”  เมื่อเขาพูดแบบนั้นฉันก็โกรธมาก  พรรคคอมมิวนิสต์ชั่วร้ายจนกู่ไม่กลับจริงๆ มันคุกคามอนาคตของลูกๆ ของฉันเพื่อให้ฉันทรยศพระเจ้า  ฉันเกลียดมันจากก้นบึ้งของหัวใจ!  แต่พอฉันคิดว่าความเชื่อของฉันส่งผลกระทบต่ออนาคตของลูกๆ และคิดว่าพวกเขาจะตำหนิและเกลียดฉันอย่างแน่นอน ฉันก็กลัดกลุ้มทีเดียวและรู้สึกเหมือนฉันติดหนี้พวกเขา  แล้วฉันก็นึกถึงพระวจนะเหล่านี้จากพระเจ้าทีว่า “อาชีพที่คนเราเสาะหา สิ่งที่คนเราทำเพื่อเลี้ยงชีพ และความอุดมสมบูรณ์ในโภคทรัพย์ที่คนเราสั่งสมได้ในชีวิตไม่ได้ถูกชี้ขาดโดยบิดามารดาของคนเรา พรสวรรค์ของคนเรา ความพยายามของคนเรา หรือความทะเยอทะยานของคนเรา แต่ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้วโดยพระผู้สร้าง(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3)  เป็นความจริง  ชะตากรรมของผู้คนล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และชะตากรรมของลูกๆ ของฉันก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าเช่นกัน  พระเจ้าทรงลิขิตไว้นานแล้วว่าพวกเขาจะมีอาชีพอะไรและจะมีอนาคตเช่นไร  มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถบงการได้ และไม่ใช่สิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์สามารถชี้ขาดได้  นอกจากนี้ ต่อให้พรรคคอมมิวนิสต์ทำให้แน่ใจว่าลูกสาวของฉันจะเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ และจะหางานดีๆ ทำไม่ได้เพราะเหตุนั้น นั่นก็หมายความว่านโยบายของพวกมันชั่วร้ายเกินไป ไม่ใช่ความผิดอะไรของฉันเลย  เมื่อฉันคิดถึงเรื่องนี้แบบนั้น ฉันก็ค่อยๆ ละวางความกังวล และพูดกับสามีว่า “ฉันคิดดูดีแล้ว ความเชื่อของฉันไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้าคุณกลัวจะพลอยติดร่างแหและอยากจะหย่าจริงๆ เราก็ไปทำเอกสารหย่ากันเถอะ”  เขาพูดว่า “ถ้าเราหย่ากัน คุณจะไม่ได้ส่วนแบ่งในทรัพย์สินของครอบครัวเรา!”  เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็โกรธมาก  พวกเราแต่งงานกันมา 20 ปี แต่เขาต้องการจะหย่าแค่เพราะฉันเชื่อในพระเจ้า และจะไม่แบ่งทรัพย์สินของครอบครัวพวกเราที่มีมากกว่าหนึ่งล้านหยวนให้ฉันแม้แต่สตางค์เดียว  เขาต้องการให้ฉันไปมือเปล่า  ช่างไร้หัวใจ!  ฉันมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า “ความสุขในชีวิตสมรส” อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว และหย่ากับสามีโดยไม่มีความลังเลใจใดๆ

ฉันรู้สึกมีสันติสุขมากและเป็นอิสระจริงๆ ตอนที่พวกเราเดินออกจากสำนักกิจการพลเรือน  การที่พระเจ้าทรงนำฉันทีละขั้นตอน และความรู้แจ้งจากพระวจนะของพระองค์นั่นเองที่เปิดโอกาสให้ฉันเอาชนะการทดลองและการโจมตีของซาตาน  ฉันขอบคุณความปรานีและการคุ้มครองจากพระเจ้ามาก!  ในประเทศจีน การมีความเชื่อหมายถึงการก้าวผ่านการกดขี่และความทุกข์ยากมากมาย แต่ไม่ว่าฉันอาจจะประสบอะไรในอนาคต ฉันก็แน่ใจว่าฉันจะติดตามพระเจ้าจนถึงปลายทางอย่างแน่นอน!

ก่อนหน้า: 97. ผลสืบเนื่องของการผูกพันทางอารมณ์มากเกินไป

ถัดไป: 99. การคิดทบทวนของผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

29. ข้าราชการกลับใจ

โดย เจินซิน ประเทศจีนพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ตั้งแต่การทรงสร้างโลกจนถึงปัจจุบันนี้...

43. เมื่อปล่อยวางความเห็นแก่ตัว ฉันจึงเป็นอิสระ

โดย เสี่ยวเว่ย ประเทศจีนพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ในอุปนิสัยของผู้คนปกตินั้นไม่มีความคดโกงหรือการหลอกลวง ผู้คนมีสัมพันธภาพปกติต่อกัน...

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger