เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงกลับมาพระองค์จะยังทรงถูกเรียกว่าพระเยซูไหม?

วันที่ 14 เดือน 11 ปี 2021

ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เสด็จมาแล้ว ทรงแสดงความจริง ปรากฏและทรงงานเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด ตั้งแต่เผยแพร่หนังสือ พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ ไปทั่วโลกทางออนไลน์ ผู้คนได้เห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นความจริง และได้ยินเสียงของพระเจ้า พวกเขาอาจยังไม่เห็นพระพักตร์ของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แต่ก็แน่ใจว่า นั่นล้วนเป็นพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่านี่คือพระเจ้าตรัสกับมวลมนุษย์ และพระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ พวกเขาได้ประจักษ์การปรากฏและทรงงานของบุตรมนุษย์ และพบรอยพระบาทของพระเจ้า พวกเขาเร่งรุดบอกข่าวด้วยความตื่นเต้น ยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างเบิกบาน มาเบื้องพระบัลลังก์ของพระเจ้า พวกเขากินดื่มพระวจนะของพระเจ้าทุกวัน ยิ่งอ่านก็ยิ่งได้รับความรู้แจ้ง ชื่นชมการให้น้ำและเลี้ยงดูของพระวจนะ เรียนรู้ความจริงมากมาย ความเชื่อก็เติบโต พวกเขาเร่งเผยแผ่พระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เป็นพยานว่าพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จมาช่วยมนุษย์ให้รอดแล้ว พวกเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความเชื่อและกำลัง และพบความชูใจจากพระวจนะของพระองค์ พวกเขามีเป้าหมายและทิศทางที่เหมาะสมในชีวิต และกำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อพระเจ้า เป็นพยานให้พระเจ้า ผู้คนทั่วโลกกำลังสืบค้นหนทางที่แท้จริงเพิ่มขึ้น ตอนนี้ความวิบัติทุกรูปแบบเริ่มกระหน่ำลงมา ทุกคนจำต้องแสวงหนทางที่แท้จริง ย่างพระบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การปรากฏและงานของพระผู้ช่วยให้รอด นี่คือกระแสที่ไม่อาจเลี่ยง ในชุมชนศาสนาจากทุกประเทศในโลก หลายคนยอมรับหนทางที่แท้จริงและหันเข้าหาพระองค์ทุกวัน คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ถูกตั้งขึ้นในหลายประเทศ ทำให้อิสยาห์ข้อนี้ลุล่วงอย่างสมบูรณ์ “ในวาระสุดท้ายจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จะถูกสถาปนาขึ้นเป็นที่สูงสุดของภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้อยู่เหนือบรรดาเนินเขา ประชาชาติทั้งหมดจะหลั่งไหลเข้ามาหา(อิสยาห์ 2:2) ขณะที่ คนมากมายกำลังสืบค้นหนทางที่แท้จริงอย่างหิวกระหาย บางคนได้ยืนยันว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นความจริง เปี่ยมสิทธิอำนาจ และฤทธานุภาพ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าพระองค์ทรงปรากฏเหมือนคนปกติ ไม่ได้ทรงปรากฏในกายวิญญาณ ไม่ได้แสดงสัญญาณและการอัศจรรย์ ก็ติดอยู่กับสิ่งนั้นและไม่ยอมรับพระองค์ และบางคนเห็นโดยไม่เคลือบแคลงสงสัยว่าพระวจนะเป็นความจริงทั้งหมด แต่เพราะพระวจนะเหล่านั้นไม่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ จึงไม่แน่ใจว่าพระองค์คือองค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับมา พวกเขาจึงติดอยู่ตรงนี้และไม่ยอมรับพระองค์ ยังมีคนอื่นที่รับรู้ว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นความจริง และมาจากพระเจ้า แต่พอเห็นพระคัมภีร์กล่าวว่า “พระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ และวันนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์” (ฮีบรู 13:8) ก็เชื่อว่าพระนามพระเยซูจะไม่เปลี่ยนแปลง พระนามพระองค์ไม่ใช่พระเยซู และพระคัมภีร์ไม่เคยกล่าวถึงนามพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาจึงไม่ยอมรับว่าพระองค์คือพระผู้ช่วยให้รอด คิดว่าการยอมรับพระองค์จะเป็นการทรยศองค์พระเยซูเจ้า จึงติดในเรื่องนั้น และไม่ยอมรับพระองค์ ทั้งสามสถานการณ์ ล้วนกลับมาที่ปัญหาซึ่งเป็นรากฐานข้อเดียว พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงดูเหมือนคนปกติธรรมดา ทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสคือความจริง ซึ่งเปี่ยมฤทธานุภาพ และสิทธิอำนาจ แต่พระองค์ไม่ถูกเรียกว่าพระเยซู และไม่ได้ทรงปรากฏเป็นกายวิญญาณของพระเยซู พวกเขาจึงไม่ยอมรับว่าพระองค์คือองค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับมา เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ตามมโนคติอันหลงผิดเท่านั้น แต่การทรงปรากฏและงานของพระเจ้ามีความล้ำลึกที่ไม่อาจหยั่งถึง หากไม่แสวงหาความจริง และตัดสินสิ่งต่างๆ ตามพระวจนะและงานของพระองค์ ก็หาคำตอบที่ถูกต้องไม่ได้ การยึดติดตัวอักษรในพระคัมภีร์ ด้วยดวงตามืดบอด ไม่ยอมรับพระคริสต์ผู้ทรงแสดงความจริง จะนำผลสืบเนื่องที่คิดไม่ถึงมา นี่เหมือนผู้ถือศาสนายิวที่ไม่ยอมรับการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้าและถูกสาปแช่ง บทเรียนอันเจ็บปวดนี้อยู่ต่อหน้าเรามาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้ พระผู้ช่วยให้รอดเสด็จมาแล้ว เราพอจะคาดได้ว่าผลสืบเนื่องของการไม่แสวงหาความจริงจะเป็นยังไง เช่นนั้น เมื่อกลับมา พระผู้ช่วยให้รอดจะยังชื่อ “พระเยซู” ไหม? ผมจะแบ่งปันความเข้าใจของตัวเองในเรื่องนี้สักเล็กน้อยนะครับ

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจ วิธียืนยันว่านี่คือพระผู้ช่วยให้รอด เราไม่อาจดูแค่ว่าพระองค์พระนามองค์พระเยซูเจ้าไหม ดูเหมือนองค์พระเยซูเจ้าไหม กุญแจสำคัญคือพระองค์แสดงความจริงและทรงงานของพระเจ้าได้หรือไม่ ทรงช่วยมนุษย์ ให้รอดได้ไหม ตราบใดที่พระองค์ทรงแสดงความจริง แสดงเสียงของพระเจ้าและทรงงานช่วยมนุษย์ให้รอดได้ พระองค์จะถูกเรียกยังไง หรือทรงดูธรรมดาแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เราแน่ใจได้ว่านี่คือพระเจ้าในร่างมนุษย์ องค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับมา พระองค์คือพระผู้ช่วยให้รอด หากเรายึดตามพระนาม หรือลักษณะภายนอกของพระองค์ ก็จะทำพลาดได้ง่ายเกินไป เราต่างรู้ว่าพระเจ้าทรงใช้พระนามพระยาห์เวห์ในยุคธรรมบัญญัติ และทรงใช้พระนามพระเยซูในยุคพระคุณ พระองค์ไม่ได้ทรงถูกเรียกว่าพระยาห์เวห์ แต่กลับใช้พระนามพระเยซู แต่องค์พระเยซูเจ้าคือพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ คือพระยาห์เวห์พระเจ้านุ่งห่มเนื้อหนังเป็นบุตรมนุษย์ เสด็จมาเพื่อทรงปรากฏและทรงงาน องค์พระเยซูเจ้าและพระยาห์เวห์พระเจ้าร่วมพระวิญญาณเดียว องค์พระเยซูเจ้าทรงเผยหนทางกลับใจและความล้ำลึกแห่งราชอาณาจักร พร้อมกับงานแห่งการไถ่ของพระองค์ พิสูจน์อย่างครบถ้วนว่าพระองค์คือพระเจ้าในร่างมนุษย์ คือการทรงปรากฏของพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว และพระผู้ช่วยให้รอด ตอนนั้นผู้ถือศาสนายิวไม่อาจเห็นเรื่องนั้นได้ แม้หลายคนรับรู้ว่าหนทางขององค์พระเยซูเจ้านั้นเปี่ยมฤทธานุภาพและสิทธิอำนาจ เพราะพระองค์ไม่ได้พระนาม “เมสสิยาห์” และทรงดูเหมือนคนทั่วไป พวกเขาจึงปฏิเสธและกล่าวโทษพระองค์ ไม่ว่าหนทางขององค์พระเยซูเจ้าสูงส่งแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สืบค้น แต่กล่าวหาว่าพระองค์ทรงหมิ่นศาสนา และถึงกับตรึงพระองค์บนกางเขน พวกเขาจึงถูกพระเจ้าลงโทษ พวกเขาผิดพลาดไปตรงไหน? พวกเขาไม่รู้ว่าการทรงปรากฏในรูปมนุษย์คืออะไร และไม่รู้ว่าเทวสภาพของพระเจ้านั้นเห็นได้ผ่านการแสดงความจริง ดังนั้นไม่ว่าบุตรมนุษย์ทรงแสดงความจริงแค่ไหน หรืองานยิ่งใหญ่แค่ไหน พวกเขาก็ไม่ยอมรับว่าพระองค์คือพระเจ้า พวกเขานิยามพระองค์ว่าเป็นมนุษย์ ปักใจไม่ยอมเชื่อในเรื่องนี้ พวกเขาจึงพลาดความรอดของพระเจ้า จนสุดท้ายถูกลงโทษและสาปแช่ง นั่นไม่ใช่ความเขลาและความไม่รู้ของมนุษย์เหรอ? ตอนนี้ แม้ว่าหลายคนในโลกศาสนารับรู้ว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นความจริง และมาจากพระเจ้า ก็ยังยึดกับองค์พระคัมภีร์ตามตัวอักษร ตามมโนคติอันหลงผิดของตัวเอง ยืนกรานว่าพระเจ้าทรงพระนามพระเยซูเท่านั้น และคือพระนามพระองค์เมื่อทรงกลับมา ในเมื่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไม่ได้พระนามพระเยซู และไม่ได้เสด็จมาบนเมฆในสัณฐานพระเยซู พวกเขาจึงไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิงว่าพระองค์คือองค์พระเยซูเจ้า พวกเขาไม่ได้กำลังทำผิดพลาดเช่นเดียวกันกับคนยิวหรอกเหรอครับ? ผลก็คือ พวกเขายังไม่ได้ต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า จึงจะตกลงสู่มหาวิบัติ ตีอก และร่ำไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความหวังที่จะต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้าและถูกรับขึ้นไปก่อนความวิบัติจะไม่ลุล่วงเลย แบบนั้นมันไม่น่าเศร้าหรอกเหรอครับ? จริงไหม ที่พระนามพระเยซูของพระเจ้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง? พระคัมภีร์รองรับในเรื่องนี้ไหม? แล้วพระวจนะล่ะ? ที่จริง พระคัมภีร์กล่าวว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาด้วยพระนามใหม่ อิสยาห์กล่าวไว้ชัดเจนว่า “บรรดาประชาชาติจะเห็นความชอบธรรมของท่าน และพระราชาทั้งหลายเห็นศักดิ์ศรีของท่าน และเขาจะเรียกท่านด้วยชื่อใหม่ ซึ่งพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์จะประทาน(อิสยาห์ 62:2) และวิวรณ์กล่าวว่า “คนที่ชนะ เราจะตั้งให้เขาเป็นเสาหลักอยู่ในพระวิหารของพระเจ้าของเรา และเขาจะไม่ออกไปจากพระวิหารอีกเลย และบนตัวเขา เราจะจารึกพระนามพระเจ้าของเรา และชื่อเมืองของพระเจ้าของเรา คือนครเยรูซาเล็มใหม่ที่ลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา และเราจะจารึกนามใหม่ของเราด้วย(วิวรณ์ 3:12) สองข้อนี้กล่าวชัดเจนถึงพระเจ้าทรงมีพระนามใหม่ ในเมื่อเป็นชื่อใหม่ พระนามที่พระองค์ไม่เคยมีมาก่อน จึงแน่ใจได้ว่าเมื่อทรงกลับมาจะไม่พระนามพระเยซู แล้วพระนามใหม่คืออะไร? พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ครับ เรื่องนี้ตรงกับคำเผยพระวจนะในวิวรณ์ “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา ปฐมและอวสาน ผู้เป็นอยู่ ผู้เคยเป็นอยู่ และผู้ที่จะมา ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด(วิวรณ์ 1:8)ฮาเลลูยา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่ คือพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด(วิวรณ์ 19:6) และในอีกหลายข้อ เช่น วิวรณ์บท 4 ข้อ 8 บท 11 ข้อ 17 และบท 16 ข้อ 7 กล่าวถึงพระนาม “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” ชัดว่า พระนามคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ในยุคสุดท้าย เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลยครับ การเชื่อ ว่าพระนามพระเยซูของพระเจ้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ว่าในยุคสุดท้ายจะพระนามพระเยซู เป็นมโนคติอันหลังผิดของมนุษย์ ซึ่งไม่สอดคล้องกับความจริง

มาถึงจุดนี้ บางคนอาจจะถามว่า พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนพระนามทำไม? ความหมายเบื้องหลังเรื่องนี้คืออะไร? พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเปิดเผยความล้ำลึกของความจริงเหล่านี้แล้ว เพื่อเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีขึ้น มาดูพระวจนะกันครับ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “บางคนพูดว่าพระนามของพระเจ้านั้นไม่เปลี่ยน ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมพระนามของพระยาห์เวห์จึงได้กลายเป็นพระเยซูเล่า? ได้มีการพยากรณ์ไว้ว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา แล้วเหตุใดชายคนที่มาจึงชื่อพระเยซู? เหตุใดพระนามของพระเจ้าจึงเปลี่ยนพระราชกิจดังกล่าวไม่ได้ถูกดำเนินการนานมาแล้วหรอกหรือ? ขอพระเจ้าทรงโปรดไม่ปฏิบัติพระราชกิจซึ่งใหม่กว่าในวันนี้เลย? พระราชกิจแห่งวันวานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และพระราชกิจของพระเยซูสามารถเกิดขึ้นตามหลังพระราชกิจของพระยาห์เวห์ได้ เช่นนั้นแล้ว พระราชกิจอื่นๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นต่อจากพระราชกิจของพระเยซูเชียวหรือ? หากพระนามของพระยาห์เวห์สามารถเปลี่ยนเป็นพระเยซู แล้วพระนามของพระเยซูจะไม่สามารถเปลี่ยนได้เช่นกันหรือ? ไม่มีอะไรในเรื่องนี้ที่แปลกประหลาดเลย เป็นเพียงแค่ว่าผู้คนนั้นด้อยปัญญาเกินไป พระเจ้าจะทรงเป็นพระเจ้าเสมอ ไม่สำคัญว่าพระราชกิจของพระองค์จะเปลี่ยนไปเช่นใด และไม่คำนึงถึงว่าพระนามของพระองค์อาจเปลี่ยนไปเช่นใด พระอุปนิสัยและพระปรีชาญาณของพระองค์จะไม่มีวันเปลี่ยน หากเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าทรงได้รับการเรียกขานได้ว่าพระเยซูเท่านั้น เช่นนั้นแล้วความรู้ของเจ้าก็ย่อมถูกจำกัดมากเกินไปแล้ว(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์ผู้ที่ได้จำกัดเขตพระเจ้าไว้ในมโนคติที่หลงผิดของเขาสามารถได้รับวิวรณ์ของพระเจ้าได้อย่างไร?)

ในแต่ละยุค พระเจ้าทรงพระราชกิจใหม่และมีพระนามใหม่ พระองค์จะทำพระราชกิจเดียวกันในยุคที่แตกต่างกันได้อย่างไร? พระองค์จะทรงยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมได้อย่างไร? พระนามของพระเยซูนั้นใช้ทำพระราชกิจแห่งการไถ่ ดังนั้นพระองค์จะยังคงใช้พระนามเดียวกันเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาในยุคสุดท้ายหรือ? พระองค์จะยังทรงพระราชกิจแห่งการไถ่อยู่อีกหรือ? เหตุใดจึงเป็นว่าพระยาห์เวห์กับพระเยซูคือหนึ่งเดียวกัน ทว่าทั้งสององค์กลับมีพระนามที่ต่างกันในยุคที่ต่างกัน? มิใช่เพราะว่ายุคแห่งพระราชกิจของทั้งสององค์นั้นแตกต่างกันหรอกหรือ? ชื่อเพียงชื่อเดียวสามารถเป็นตัวแทนพระเจ้าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์หรือ? เมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าจึงต้องมีพระนามที่ต่างกันในยุคที่ต่างออกไป และพระองค์ต้องใช้พระนามนั้นๆ มาเปลี่ยนแปลงยุคและเป็นตัวแทนยุคนั้น เพราะชื่อเพียงชื่อเดียวไม่สามารถแทนพระเจ้าพระองค์เองได้อย่างเต็มเปี่ยม และแต่ละชื่อสามารถเป็นตัวแทนพระอุปนิสัยของพระเจ้าในยุคหนึ่งๆ ได้เฉพาะในแง่มุมที่เกี่ยวกับยุคเท่านั้น ทั้งหมดที่ชื่อหนึ่งต้องทำก็คือเป็นตัวแทนพระราชกิจของพระองค์ ดังนั้นพระเจ้าจึงสามารถเลือกพระนามใดก็ได้ที่เหมาะสมกับพระอุปนิสัยของพระองค์เพื่อเป็นตัวแทนยุคนั้นทั้งยุค(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3))

‘พระยาห์เวห์’ คือชื่อที่เราใช้ในช่วงระหว่างงานของเราในอิสราเอล และหมายถึงพระเจ้าของคนอิสราเอล (ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร) ที่สามารถเวทนามนุษย์ สาปแช่งมนุษย์ และนำทางชีวิตของมนุษย์ พระเจ้าผู้ทรงครองมหาฤทธานุภาพและเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาญาณ ‘พระเยซู’ คือ อิมมานูเอล ซึ่งหมายถึงเครื่องบูชาลบล้างบาปอันเปี่ยมไปด้วยความรัก เปี่ยมไปด้วยความสงสาร และไถ่บาปให้มนุษย์ พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจของยุคพระคุณ และพระองค์ทรงเป็นตัวแทนยุคพระคุณ และสามารถเป็นตัวแทนได้เพียงหนึ่งส่วนของพระราชกิจของแผนการบริหารจัดการเท่านั้น… พระเยซูเท่านั้นคือพระผู้ไถ่ของมวลมนุษย์ และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปที่ได้ไถ่มวลมนุษย์ให้พ้นจากบาป กล่าวคือ พระนามของพระเยซูมาจากยุคพระคุณและได้มาดำรงอยู่เพราะพระราชกิจแห่งการไถ่ในยุคพระคุณ พระนามของพระเยซูได้มาดำรงอยู่เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนของยุคพระคุณได้เกิดใหม่และได้รับการช่วยให้รอด และเป็นพระนามเฉพาะสำหรับการไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวง(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว)

หากมนุษย์ยังคงถวิลหาการเสด็จมาถึงของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย และยังคงคาดหวังว่าพระองค์จะเสด็จมาถึงในพระฉายาที่พระองค์ทรงใช้ในแคว้นยูเดีย เช่นนั้นแล้วแผนการบริหารจัดการสำหรับหกพันปีทั้งหมดทั้งสิ้นก็คงจะหยุดลงไปแล้วในยุคแห่งการไถ่ และคงไม่อาจคืบหน้าไปได้มากกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยุคสุดท้ายจะไม่มีวันมาถึง และยุคนั้นจะไม่มีวันถูกนำพาไปถึงบทอวสาน นี่เป็นเพราะพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดทรงดำรงอยู่เพื่อการไถ่และความรอดของมวลมนุษย์เท่านั้น เราได้ใช้ชื่อพระเยซูเพียงเพื่อประโยชน์ของคนบาปทั้งหมดในยุคพระคุณเท่านั้น แต่ไม่ใช่ชื่อที่เราจะใช้เพื่อนำพามวลมนุษย์ทั้งปวงไปสู่บทอวสาน แม้ว่าพระยาห์เวห์ พระเยซู และพระเมสสิยาห์ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนวิญญาณของเราทั้งสิ้น แต่ชื่อเหล่านี้ก็แค่แสดงถึงยุคที่แตกต่างกันของแผนการบริหารจัดการของเราเท่านั้น และไม่ได้เป็นตัวแทนเราในความครบถ้วนทั้งมวลของเรา ชื่อต่างๆ ซึ่งผู้คนบนแผ่นดินโลกใช้เรียกขานเราไม่สามารถแสดงชัดถึงอุปนิสัยครบถ้วนทั้งมวลของเราและทุกอย่างที่เราเป็นได้ ชื่อเหล่านั้นเป็นเพียงชื่อต่างๆ ซึ่งผู้คนใช้เรียกขานเราระหว่างยุคที่ต่างกันเท่านั้น และดังนั้น เมื่อยุคสุดท้าย—ยุคแห่งวันสุดท้าย—มาถึง ชื่อของเราก็จะเปลี่ยนอีกครั้ง เราจะไม่ถูกเรียกว่าพระยาห์เวห์ หรือพระเยซู นับประสาอะไรที่จะเรียกว่าพระเมสสิยาห์—เราจะถูกเรียกว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ผู้ทรงฤทธานุภาพพระองค์เอง และภายใต้ชื่อนี้เราจะนำยุคทั้งยุคไปสู่บทอวสาน(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว)

ผมคิดว่าเราเห็นได้ถึง นัยสำคัญของการที่พระเจ้าเปลี่ยนพระนามของพระองค์ พระเจ้าทรงใหม่เสมอไม่เคยเก่า และพระราชกิจก็ไปข้างหน้าเสมอ เมื่อยุคเปลี่ยนไปพระนามก็เปลี่ยน เพราะพระราชกิจของพระองค์เปลี่ยนไป กับงานทุกระยะของพระองค์ กับยุคใหม่ทุกยุคสมัย พระเจ้าทรงใช้พระนามที่มีความหมายโดยเฉพาะ เพื่อแทนงานที่ทรงทำอยู่และพระอุปนิสัยที่ทรงแสดงสำหรับยุคนั้น เห็นแบบนี้ เราจะไม่จำกัดพระเจ้าไว้ภายในพระนาม พระยาห์เวห์และพระเยซูแค่เพียงสองพระนามเท่านั้น เราจะไม่จำกัดพระเจ้าในมโนคติอันหลงผิดของตัวเอง เราทุกคนรู้ว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นหมายรวมทุกอย่าง ทรงมีปัญญาและทรงมหิทธิฤทธิ์! ไม่มีภาษามนุษย์ใดแสดงเรื่องนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งหรือสองชื่อ ไม่มีพระนามจำนวนใด แทนสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นโดยสมบูรณ์ได้ นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงใช้ชื่อต่างกันในแต่ละยุค พระเจ้าทรงพระนามพระยาห์เวห์ในยุคธรรมบัญญัติ และทรงประกาศธรรมบัญญัติและพระบัญญัติภายใต้ชื่อนั้น พระองค์ทรงนำชีวิตของมนุษย์บนโลก ทำให้พวกเขารู้จักบาป ควรใช้ชีวิตยังไง ควรนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้ายังไง พระยาห์เวห์คือพระนามที่พระเจ้าทรงใช้สำหรับยุคธรรมบัญญัติ และเป็นเพียงตัวแทนพระราชกิจของพระองค์ในยุคนั้น พระอุปนิสัยแห่งความเมตตา พระบารมี และพระพิโรธของพระองค์ เมื่อสิ้นสุดยุคธรรมบัญญัติ ผู้คนเริ่มถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามมากขึ้น เปี่ยมบาปมากขึ้นเรื่อยๆ ทำตามธรรมบัญญัติไม่ได้ หากเป็นต่อไป พวกเขาจะตายภายใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อไถ่มวลมนุษย์ พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นบุตรมนุษย์เพื่อทรงพระราชกิจ ทรงงานแห่งการไถ่ภายใต้พระนามพระเยซู พระองค์ทรงเริ่มยุคพระคุณ และสิ้นสุดยุคธรรมบัญญัติ องค์พระเยซูเจ้าทรงให้เรากลับใจ และอภัยบาปของเรา ประทานสันติสุขและความเบิกบาน และพระคุณมากล้น สุดท้าย พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขน ทรงไถ่ให้มวลมนุษย์ พระเยซูคือพระนามพระเจ้าสำหรับยุคพระคุณ และเป็นตัวแทนงานแห่งการไถ่ของพระองค์สำหรับยุคนั้น พร้อมกับพระอุปนิสัยแห่งความรักและเมตตาของพระองค์ จากพระราชกิจของพระเจ้าสองระยะนี้ เราเห็นได้ว่าพระนามของพระองค์มีนัยสำคัญ เป็นตัวแทนพระราชกิจและพระอุปนิสัยของพระเจ้าสำหรับยุคนั้นๆ ลองคิดดูนะครับ หากองค์พระเยซูเจ้าใช้นามพระยาห์เวห์ในยุคพระคุณ พระราชกิจของพระเจ้าก็คงหยุดที่ยุคธรรมบัญญัติ มวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามคงไม่มีวันได้รับการไถ่ และเราทุกคนคงถูกประหารภายใต้ธรรมบัญญัติเพราะบาป เราก็คงไม่อยู่รอดมาจนถึงวันนี้ เช่นกัน ในยุคสุดท้าย หากองค์พระเยซูเจ้ามาในนามพระเยซู งานของพระเจ้าก็คงยังอยู่ในระยะแห่งการไถ่ และเราคงได้รับเพียงการไถ่และอภัยบาปขององค์พระเยซูเจ้า ธรรมชาติเปี่ยมบาปที่เรามีคงไม่ถูกแก้ไข เราคงไม่มีทางหนีจากบาปและถูกชำระให้บริสุทธิ์ และคงไม่คู่ควรกับราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ องค์พระเยซูเจ้าเผยพระวจนะเรื่องการทรงกลับมาในยุคสุดท้ายหลายครั้ง ว่าจะทรงแสดงความจริงและทรงงานพิพากษาเพื่อชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ ช่วยมวลมนุษย์ให้รอดจากบาปและนำเราเข้าสู่ราชอาณาจักร ดังที่องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “เราไม่พิพากษาคนที่ได้ยินถ้อยคำของเราและไม่ทำตาม เพราะว่าเราไม่ได้มาเพื่อจะพิพากษาโลก แต่มาเพื่อจะช่วยโลกให้รอด ถ้าใครไม่ยอมรับเราและไม่รับคำของเรา จะมีสิ่งหนึ่งพิพากษาเขา คำที่เรากล่าวแล้วนั่นแหละจะพิพากษาเขาในวันสุดท้าย(ยอห์น 12:47-48)เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกกับพวกท่าน แต่ตอนนี้ท่านยังรับไม่ไหว เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล(ยอห์น 16:12-13) ดังนั้นในยุคสุดท้าย เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มยุคใหม่และพระราชกิจใหม่ พระองค์จะยังทรงถูกเรียกว่าพระเยซูไหม? ไม่อย่างแน่นอนครับ พระองค์ทรงกลับมาในยุคสุดท้ายเพื่อทรงงานในนามพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เริ่มยุคแห่งราชอาณาจักร และสิ้นสุดยุคพระคุณ พระองค์ทรงแสดงความจริงเพื่อทรงงานพิพากษาโดยเริ่มที่พระนิเวศ เพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอดจากบาป จากกำลังบังคับของซาตาน สร้างกลุ่มผู้ชนะให้เสร็จ แล้วพระองค์จะกระหน่ำมหาวิบัติมาเพื่อลงโทษคนชั่ว ปูนบำเหน็จคนดี ลบล้างยุคเก่า แล้วราชอาณาจักรของพระคริสต์จะเป็นจริงขึ้นบนโลก นี่ทำให้คำเผยพระวจนะในวิวรณ์ลุล่วง “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา ปฐมและอวสาน ผู้เป็นอยู่ ผู้เคยเป็นอยู่ และผู้ที่จะมา ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด(วิวรณ์ 1:8)ฮาเลลูยา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่ คือพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด(วิวรณ์ 19:6)

พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นที่รู้จักในนามพระยาห์เวห์ เรายังเคยถูกเรียกว่าพระเมสสิยาห์เช่นกัน และครั้งหนึ่งผู้คนเรียกเราว่าพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดด้วยความรักและความเคารพยกย่อง อย่างไรก็ดี ณ วันนี้ เราไม่ใช่พระยาห์เวห์หรือพระเยซูซึ่งผู้คนได้รู้จักในช่วงเวลาที่ผ่านมาอีกต่อไป เราคือพระเจ้าผู้ที่ได้กลับมาในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ที่จะนำพายุคนี้ไปสู่บทอวสาน เราคือพระเจ้าพระองค์เองซึ่งลุกขึ้นมาจากสุดปลายแผ่นดินโลก สมบูรณ์พร้อมด้วยอุปนิสัยอันครบถ้วนทั้งมวลของเรา และเต็มเปี่ยมไปด้วยสิทธิอำนาจ เกียรติ และสง่าราศี ผู้คนไม่เคยเข้ามาร่วมสัมพันธ์กับเรา ไม่เคยได้รู้จักเรา และไม่รู้เท่าทันในอุปนิสัยของเราตลอดเวลา ตั้งแต่การสร้างโลกจนกระทั่งวันนี้ ไม่มีบุคคลสักคนเดียวที่เคยเห็นเรา นี่คือพระเจ้าผู้ที่ทรงปรากฏต่อมนุษย์ในยุคสุดท้ายแต่ได้ทรงถูกซ่อนไว้ท่ามกลางมนุษย์ พระองค์ทรงอาศัยอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ทรงเที่ยงแท้และเป็นจริง ดุจดวงสุรีย์ที่แผดเผาและเปลวเพลิงที่ลุกโชน ทรงเปี่ยมด้วยฤทธานุภาพและปริ่มล้นด้วยสิทธิอำนาจ ไม่มีแม้แต่คนเดียวหรือสิ่งเดียวที่จะไม่ถูกพิพากษาโดยวจนะของเรา และไม่มีแม้แต่คนเดียวหรือสิ่งเดียวที่จะไม่ถูกชำระให้บริสุทธิ์ผ่านทางการแผดเผาของไฟ ในท้ายที่สุด ชนชาติทั้งมวลจะได้รับการอวยพรเพราะวจนะของเรา และจะถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นๆ เพราะวจนะของเราเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ ผู้คนทั้งหมดในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายจะเห็นว่าเราคือพระผู้ช่วยให้รอดที่ได้กลับมา และเห็นว่าเราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ซึ่งพิชิตมวลมนุษย์ทั้งปวง และทุกคนจะเห็นว่าครั้งหนึ่งเราคือเครื่องบูชาลบล้างบาปสำหรับมนุษย์ แต่เห็นว่าในยุคสุดท้ายเรายังได้กลายเป็นเปลวเพลิงแห่งสุริยันซึ่งเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้เป็นจุณเช่นเดียวกับองค์ตะวันแห่งความชอบธรรมซึ่งเปิดเผยทุกสรรพสิ่งด้วย นี่คืองานของเราในยุคสุดท้าย เราใช้ชื่อนี้และครองอุปนิสัยนี้เพื่อที่ผู้คนทั้งหมดจะได้เห็นว่าเราคือพระเจ้าที่ชอบธรรม ดวงสุรีย์ที่แผดเผา เปลวเพลิงที่ลุกโชน และเพื่อที่ทุกคนจะได้นมัสการเรา พระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว และเพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเรา เราไม่ใช่เพียงแค่พระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น และเราไม่ใช่เพียงพระผู้ไถ่ เราคือพระเจ้าของสิ่งทรงสร้างทั้งมวลทั่วทั้งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและห้วงทะเล(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว)

พระวจนะของพระองค์ชัดเจนมาก พระยาห์เวห์ พระเยซู และพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือพระนาม ของพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว พระองค์ทรงใช้พระนามต่างกันสำหรับยุคธรรมบัญญัติ ยุคพระคุณ และยุคราชอาณาจักร แม้ว่าพระราชกิจของพระองค์และพระนามของพระองค์ เปลี่ยนไปตามยุค และทรงปรากฏในแบบต่างๆ กัน แก่นแท้ของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยน พระอุปนิสัย สิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นจะไม่มีวันเปลี่ยน พระองค์คือพระเจ้าหนึ่งเดียว ชั่วนิรันดร์ ทรงงานเพื่อนำ ไถ่ และช่วยมวลมนุษย์ให้รอดโดยสมบูรณ์ ในยุคสุดท้าย พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ถึงแม้ไม่ทรงพระนามพระเยซู และทรงดูเหมือนคนปกติทั่วไป พระองค์ก็ทรงแสดงความจริง ที่ชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์และช่วยให้รอด ทรงงานพิพากษาโดยเริ่มที่พระนิเวศ ทรงพิพากษาและเปิดโปงผู้คน ด้วยพระวจนะ เปิดเผยความเสื่อมทรามอย่างหนักและธรรมชาติเยี่ยงซาตานของเรา และทรงแสดงความจริงทุกแง่มุมที่จำเป็นเพื่อชำระเราให้บริสุทธิ์และช่วยให้รอด ผู้ที่ทรงเลือกสรรกินดื่มพระวจนะทุกวัน ยอมรับการพิพากษา ตีสอน จัดการ ทดสอบ และถลุง โดยพระวจนะ อุปนิสัยอันเสื่อมทรามก็ค่อยๆ ถูกชำระให้บริสุทธิ์และเปลี่ยนแปลง พวกเขาค่อยๆ รอดพ้นจากความชั่วและกำลังบังคับของซาตาน และได้รับความรอดจากพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์สร้างกลุ่มผู้ชนะเสร็จแล้วก่อนความวิบัติ แสดงพระปัญญาและความทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างเต็มที่ ในระหว่างพระราชกิจของพระองค์ แม้มีการข่มเหงอย่างโหดเหี้ยมจากกองกำลังซาตานของพรรคคอมมิวนิสต์ บวกกับการหมิ่นประมาทอย่างบ้าคลั่งของศัตรูของพระคริสต์ในโลกศาสนา ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรก็ได้เผยแผ่จากตะวันออกสู่ตะวันตก ไปจนทั่วทุกมุมโลก นี่แสดงว่างานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้ากำลังจะเสร็จสิ้น พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงมีชัยเหนือซาตาน และได้รับพระสิริทั้งปวง! มหาวิบัติได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และโลกศาสนาก็ตกอยู่ในความโกลาหล แต่พวกเขาหลายคนก็ยังคงยึดมั่นในพระนามขององค์พระเยซูเจ้าแบบหัวชนฝา รอให้พระองค์เสด็จมาบนเมฆ ไม่ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงความจริงมากเพียงใด งานของพระองค์ยิ่งใหญ่แค่ไหน พวกเขาก็ไม่รับรู้ ไม่ยอมรับ ถึงกับกล่าวโทษและต่อต้านการทรงปรากฏและงานของพระองค์อย่างบ้าคลั่ง พวกเขาแตกต่างยังไงจากพวกฟาริสีที่ยึดติดกับ พระนามของพระเมสสิยาห์ ต่อต้านองค์พระเยซูเจ้าอย่างบ้าคลั่ง? พวกเขาไม่ใช่คนที่ตรึงพระเจ้าบนกางเขนเหรอ? พวกเขายึดติดกับพระนามองค์พระเยซูเจ้าโดยเปล่าประโยชน์ แต่ต่อต้านพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างบ้าคลั่ง พวกคุณคิดว่าสุดท้ายอะไรรอพวกเขาอยู่ครับ?

มาสรุป ด้วยการชมวิดีโอพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์กันครับ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พวกเจ้าปรารถนาที่จะรู้ต้นตอหรือไม่ว่าทำไมพวกฟาริสีจึงต่อต้านพระเยซู? พวกเจ้าปรารถนาที่จะรู้ธาตุแท้ของพวกฟาริสีหรือไม่? พวกเขาเต็มไปด้วยความเพ้อฝันเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาเชื่อเพียงว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา ทว่าไม่ได้ไล่ตามเสาะหาความจริงของชีวิต และดังนั้น แม้กระทั่งวันนี้พวกเขาก็ยังคงรอคอยพระเมสสิยาห์ เพราะพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับหนทางแห่งชีวิต และไม่รู้ว่าหนทางแห่งความจริงคืออะไร พวกเจ้าพูดว่า ผู้คนที่โง่เขลา ดื้อรั้น และไม่รู้เท่าทันเช่นนั้นได้รับพรของพระเจ้าได้อย่างไร? พวกเขาจะสามารถมองเห็นพระเมสสิยาห์ได้อย่างไร? พวกเขาต่อต้านพระเยซูเพราะพวกเขาไม่รู้ทิศทางของพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพวกเขาไม่รู้หนทางแห่งความจริงที่พระเยซูตรัส และยิ่งไปกว่านั้น เพราะพวกเขาไม่เข้าใจพระเมสสิยาห์ และเนื่องจากพวกเขาไม่เคยพบเห็นพระเมสสิยาห์และไม่เคยได้ร่วมเคียงกับพระเมสสิยาห์ พวกเขาทำผิดพลาดที่ยึดติดกับพระนามของพระเมสสิยาห์เท่านั้น ในขณะที่ต่อต้านเนื้อแท้ของพระเมสสิยาห์ในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ โดยธาตุแท้แล้ว พวกฟาริสีเหล่านี้ดื้อรั้น โอหัง และไม่เชื่อฟังความจริง หลักการของความเชื่อที่พวกเขามีในพระเจ้าคือ ไม่สำคัญว่าการประกาศของพระองค์จะลุ่มลึกเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าสิทธิอำนาจของพระองค์จะสูงส่งเพียงใดก็ตาม พระองค์ไม่ใช่พระคริสต์หากพระองค์ไม่ได้รับการขนานพระนามว่าพระเมสสิยาห์ การเชื่อนี้ไม่ได้โง่เขลาและไร้สาระน่าขันหรอกหรือ? เราถามพวกเจ้าต่อไปอีกว่า ด้วยความที่พวกเจ้าไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับพระเยซูเลยแม้แต่น้อย พวกเจ้าจะไม่ทำผิดพลาดอย่างพวกฟาริสีในช่วงยุคเริ่มแรกได้อย่างง่ายดายสุดขีดหรอกหรือ? เจ้ามีความสามารถที่จะหยั่งรู้หนทางแห่งความจริงได้หรือไม่? เจ้ามีความสามารถที่จะรับประกันได้อย่างแท้จริงหรือไม่ว่าเจ้าจะไม่ต่อต้านพระคริสต์? เจ้ามีความสามารถที่จะติดตามพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้หรือไม่? หากเจ้าไม่รู้ว่าเจ้าจะต่อต้านพระคริสต์หรือไม่ เช่นนั้นแล้วเราพูดเลยว่าเจ้าก็กำลังใช้ชีวิตหมิ่นเหม่ใกล้ความตายแล้ว ผู้ที่ไม่รู้จักพระเมสสิยาห์ต่างสามารถที่จะต่อต้านพระเยซู ปฏิเสธพระเยซู ใส่ร้ายป้ายสีพระองค์ ผู้คนที่ไม่เข้าใจพระเยซูล้วนสามารถที่จะปฏิเสธพระองค์และประณามพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสามารถมองเห็นการทรงกลับมาของพระเยซูว่าเป็นการหลอกลวงของซาตาน และผู้คนเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้นจะพากันกล่าวโทษพระเยซูผู้ที่ได้ทรงกลับสู่เนื้อหนัง ทั้งหมดนี้ไม่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกกลัวหรือ? พวกเจ้าจะเผชิญกับการหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความย่อยยับที่พระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีต่อคริสตจักรทั้งหลาย และการบอกปัดทุกสิ่งที่พระเยซูทรงแสดงออก เจ้าจะสามารถได้รับสิ่งใดจากพระเยซูหรือ หากพวกเจ้ามึนงงสับสนถึงเพียงนี้? พวกเจ้าจะสามารถเข้าใจพระราชกิจของพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงกลับมาสู่เนื้อหนังบนเมฆขาวได้อย่างไร หากพวกเจ้าปฏิเสธอย่างหัวดื้อไม่ยอมที่จะตระหนักถึงความผิดพลาดของพวกเจ้า? เราขอบอกพวกเจ้าถึงสิ่งนี้ว่า ผู้คนที่ไม่ได้รับความจริง แต่ยังรอการเสด็จมาถึงของพระเยซูบนเมฆขาวอย่างหูหนวกตาบอด จะหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอน และพวกเขาคือหมวดหมู่ที่จะถูกทำลาย(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ในเวลาที่เจ้าได้เห็นกายจิตวิญญาณของพระเยซู พระเจ้าจะได้ทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดินโลกขึ้นใหม่แล้ว)

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

องค์พระเยซูเจ้าทรงไถ่มวลมนุษย์แล้วเหตุใดพระองค์จึงทรงงานพิพากษาเมื่อทรงกลับมาในยุคสุดท้าย

สองพันปีก่อน องค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ ถูกตรึงกางเขนเพื่อไถ่บาปของมวลมนุษย์ ทรงเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป...

พระราชกิจแห่งการพิพากษาของพระเจ้าในยุคสุดท้ายชำระมวลมนุษย์ให้บริสุทธิ์และช่วยมวลมนุษย์ให้รอดอย่างไร?

ผู้คนต่างตระหนักแล้วว่าความวิบัติครั้งใหญ่มาถึงเราแล้ว ผู้ที่คาดหวังว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาบนเมฆก็รอคอยด้วยลมหายใจที่แผ่วลง...

การมองให้ออกว่าพระเจ้าพระองค์เดียวทรงราชกิจสามระยะอย่างไร

วันนี้หัวข้อการสามัคคีธรรมของเราก็คือ “การมองให้ออกว่าพระเจ้าพระองค์เดียวทรงราชกิจสามระยะอย่างไร” หัวข้อนี้สำคัญ...

ติดต่อเราผ่าน Messenger