คริสเตียนชาวเมียนมาคนหนึ่งกับประสบการณ์ในนรกหลังความตาย

วันที่ 31 เดือน 03 ปี 2023

โดย ดานี พม่า

ฉันสนใจ ศาสนาคริสต์ตั้งแต่เด็ก แต่เพราะครอบครัวเป็นชาวพุทธ ฉันเลยไม่ได้มาเป็นคริสเตียน ในตอนนั้น ฉันเคยได้ยินเรื่องนรก แต่ฉัน ก็ไม่เชื่อจริงๆ

เดือนเมษายน 2022 มีเพื่อนชวนฉัน เข้าร่วมชุมนุมทางออนไลน์ นั่นเป็นครั้งแรก ที่ฉันได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันรู้สึกว่า พระวจนะคือสิ่งที่พระผู้สร้างจากสวรรค์ตรัสแก่มนุษย์ หลังจากนั้น ฉันได้อ่านพระวจนะมากมายทางออนไลน์ ฉันได้รู้ว่า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว และพระเจ้าเสด็จลงมาแล้วเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด แต่เพราะครอบครัวขัดขวาง และเพราะฉันยึดติดสิ่งทางโลก ฉันเลยไม่ได้เข้าชุมนุมเป็นประจำ และถึงกับ ออกจากกลุ่มชุมนุมไประยะหนึ่ง

แล้ววันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2023 ราวเก้าโมงครึ่ง หลังชุมนุมเสร็จฉันค่อนข้างเหนื่อย จึงล้มตัวลงนอนพัก ต่อมาน้องชายบอกฉันว่า ไม่ว่าครอบครัวพยายามปลุกฉันยังไง ฉันก็ไม่ตื่น พวกเขาจึงพาฉันไปโรงพยาบาลทันที หมอทำการตรวจและบอกว่าฉันหยุดหายใจแล้ว เขาจึงออกใบมรณบัตรให้ ครอบครัวเลยต้องพาฉันกลับบ้าน พวกเขาแจ้งทางญาติและเพื่อนบ้าน รวมถึงเตรียมจัดงานศพ และฝังฉันในอีกสามวันให้หลัง

ตอนนั้น ฉันไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้เพียงว่า ฉันได้เดินทางไปอีกโลกหนึ่ง ฉันอยู่ในชุดคลุมสีขาว เดินไปตามทางเล็กๆ ที่มืดสนิท และปกคลุมด้วยควัน ฉันมองไม่เห็นท้องฟ้า หรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นทางลงเขา เป็นหลุมเป็นบ่อ ขรุขระและคดเคี้ยว สองข้างทาง ฉันคลำเจอแต่ต้นไม้ประหลาดที่ปกคลุมไปด้วยหนาม ซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันยังได้ยินเสียงร้องของสัตว์ดังอยู่รอบตัว… ฉันเดินเท้าเปล่าไปตามทางนั้น และมันเซาะเข้าเท้าฉัน ร่างกายของฉันร้อนจัด และฉันก็หายใจไม่ค่อยออก ฉันเดินไปเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับปีศาจชุดดำ มันใส่ชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉันไม่เห็นหน้าหรือเท้าของมันเลย มันพูดว่า “จงมากับข้า!” เสียงของมันน่ากลัวจริงๆ ฉันพยายามพูด ด้วยความกลัวว่า “จะพาฉันไปไหนหรือ? ฉันไม่เคยมา ฉันไม่ไป ฉันอยากกลับบ้าน” ฉันอยากจะหนี แต่แล้ว ปีศาจที่ใส่ชุดคลุมสีกรมท่าสี่ถึงห้าตนก็ลอยมา คว้าฉันและพูดว่า “เจ้าตายแล้ว เจ้ากลับไปไม่ได้ ขณะมีชีวิต เจ้าทำบาปมามาก และต้องถูกลงโทษจากบาปที่ทำไป”

จากนั้น พวกมันก็พาฉันไปหน้าประตูบานใหญ่ ที่มีปีศาจยืนเฝ้ายามอยู่หลายตน ปีศาจเหล่านั้นตัวสูง มีตาและหูขนาดใหญ่ บางตนมีฟันแหลมยื่นออกมา ทำให้ดูน่าตกใจ พวกมันถืออาวุธ และเปลือยท่อนบน สวมสร้อยที่ทำจากกระดูก และมีกระโหลกมนุษย์ห้อยที่ตัว เนื้อตัวพวกมันเต็มไปด้วยแผล ทันทีที่ทวารบาลเปิดประตู ฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงม ที่นั่นเต็มไปด้วย เสียงของการดิ้นรนจากความทรมานสาหัส ข้างในนั้นร้อนมาก ร้อนแสบแผดเผา ฉันกลัวจริงๆ เลยถามปีศาจว่า “ฉันทำอะไรผิดหรือ? ฉันไม่ควรมาอยู่ที่นี่” พวกปีศาจให้ฉันดูบาปทั้งหมดที่ทำในชีวิตทีละอย่าง ว่าฉันทำวันไหน เวลาไหน นาทีและวินาทีไหน แม้แต่เรื่องที่ฉันโกหกไปโดยไม่ได้คิดอะไร ก็ถูกบันทึกไว้ครบถ้วนชัดเจน อย่างเช่น 5 กันยายน 2022 พี่น้องชายหญิงโทรมาชวนให้ฉันไปชุมนุม แต่ฉันกำลังรู้สึกแย่จากครอบครัวกดดัน และไม่ได้ไป 10 กันยายน 2022 ฉันหนีการชุมนุม และไม่รับสายพี่น้องชายหญิง เพราะไม่อยากเจอพวกเขา 5 ตุลาคม 2022 ฉันถอนตัวจากทุกกลุ่มชุมนุม และตัดการติดต่อกับสมาชิกคริสตจักรคนอื่นๆ 6 ตุลาคม 2022 ฉันเดินจากพระเจ้ามา เพราะชอบกระแสทางโลกและการเล่นสนุก ฉันอึ้งไปเลย พอเห็นว่าตัวเองทำบาปมากแค่ไหน ฉันก็กลัวจริงๆ

จากนั้น ปีศาจในชุดดำก็พาฉันไปที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีป้ายที่ทำจากไม้ บอกว่า นี่คือสถานที่ลงโทษคนขี้โกง ชอบตัดสิน หรือหมิ่นประมาทพระเจ้า นี่คือที่ที่ฉัน ได้เห็นการลงโทษอันโหดร้ายที่สุด การลงโทษแบบแรกคือ การให้แมลงชอนไชออกจากปากและผิวหนังของคนที่ถูกลงโทษ และกัดพวกเขา เพื่อให้แมลงเหล่านั้น กัดกินพวกเขาทั้งตัว มันน่ากลัวจริงๆ การลงโทษแบบที่สอง ผู้ที่ถูกลงโทษนั้นเปลือยกาย พวกเขาถูกพาไปยังไม้กระดานยาวๆ แผ่นหนึ่ง ที่ลงโทษได้ทีละสิบคน พวกเขาต้องคุกเข่า มือของพวกเขาถูกมัดไพล่หลัง และเอาคางวางไว้บนไม้กระดานนั้น พวกเขามีเชือกพันอยู่รอบคอ พอเชือกถูกดึงไปข้างหลัง ลิ้นของพวกเขาก็ยื่นออกมา อีกฝั่งของไม้กระดาน ปีศาจที่หน้าตาน่าเกลียด มีเขาอยู่บนหัว ใช้ตะขอเกี่ยวลิ้นพวกเขา แล้วกระชากมันออกมา บางคนถูกดึงลิ้นออกมายาวเป็นสองเท่า แล้วปีศาจก็จะใช้ตะปูที่ยาวเท่าปากกา ตอกลิ้นพวกเขาลงกับไม้ ที่มีไฟลุกโชนอยู่ข้างใต้ ปีศาจตนนั้นยังใช้น้ำเดือดราดลงบนลิ้นอย่างไม่หยุดหย่อน น้ำที่ร้อนเป็นไฟนั้น ถูกนำมาจากบ่อที่อยู่ไกลออกไป เอามาให้ปีศาจทุกตนอย่างต่อเนื่อง เมื่อราดบนลิ้นใคร ลิ้นนั้นก็จะถูกทำลายไม่เหลือซาก บางคนถึงกับลูกตาถลนออกจากเบ้า จากนั้น พวกปีศาจก็ราดน้ำนี้ลงไปทั้งตัว พวกเขาจึงถูกทำลายจนสิ้นซาก พวกที่โดนลงโทษกรีดร้องอย่างทรมาน จนกระทั่งตาย เป็นภาพที่น่าสยอง บางคนทนไม่ไหว และตายในไม่ช้า แต่หากพวกเขายังต้องถูกลงโทษเพราะบาปอื่นอีก พวกเขาจะถูกชุบชีวิต เพื่อมาลงโทษต่อ หากลงโทษเสร็จแล้วพวกเขาไม่ตาย แมลงก็จะผุดออกมาตามร่างกายและกินพวกเขาเข้าไป จากนั้นพวกเขาจะกลับมามีชีวิต และถูกลงโทษด้วยวิธีอื่น

การลงโทษแบบที่สาม คือโยนลงบ่อน้ำที่ร้อนเหมือนไฟ ฉันเห็นจานเหล็กขนาดมหึมาใบหนึ่ง ผูกติดอยู่กับเชือกจำนวนสี่เส้น ในเวลาเพียงเสี้ยววิ คนราวหนึ่งถึงสองร้อยคนจากสถานที่ลงโทษอีกแห่ง ก็มาโผล่บนจานนี้ พวกเขาคุกเข่าเปลือยกายบนจานที่ร้อนดั่งไฟ ขณะที่เชือกหนามบนตัว มัดเข้าที่มือและร่างกายส่วนบนโดยอัตโนมัติ คนเหล่านี้มาจากศาสนาและเชื้อชาติต่างๆ บ้างไม่เชื่อในพระเจ้า บ้างก็เป็นคริสเตียนหรือคนพุทธ พวกเขาถูกลงโทษเพราะไม่ยอมรับงานใหม่ของพระเจ้า ทั้งยังหมิ่นประมาทและตัดสินพระเจ้า แม้ว่าบางคน จะยอมรับงานใหม่ของพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็เชื่อแบบผิวเผิน ขอไปที และหลอกลวง คนประเภทนั้นย่อมถูกพระเจ้าลงโทษเช่นกัน พวกเขาล้วนเรียกหาพระเจ้าที่ตนเชื่อ บ้างร้องหาพระเจ้าองค์นั้น บ้างร้องหาองค์นี้ เป็นเสียงโหวกเหวก ที่ฉันได้ยินไม่ถนัด ไม่ว่าพวกเขาจะร้องเรียกยังไง ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ จากนั้น พวกเขาก็ถูกพาไปยังบ่อขนาดใหญ่ ที่มีน้ำเดือดพล่านอยู่ในบ่อ เชือกนั้นคลายออกโดยอัตโนมัติ จานเหล็กเอียงลง และทั้งหมดก็ตกลงไป โดนต้ม โดนทอด แผดเผาเสียจนพวกเขากรีดร้องอย่างทรมาน บางคนอยู่ที่ขอบบ่อ สู้สุดตัวเพื่อคลานออกมา แต่ก็ตกกลับลงไป ในไม่ช้า เสียงกรีดร้องเหล่านั้นก็หายไป ทุกคนตาย ลอยอยู่บนผิวน้ำในบ่อนั้น เมื่อทุกคนตายหมดแล้ว ตาข่ายยักษ์ก็จะช้อนพวกเขาขึ้นไป และพวกเขาก็ฟื้นขึ้นมา เพื่อถูกลงโทษต่อไป

จากนั้นฉันก็ถูกพาตัวไปที่อื่น คนที่นั่นถูกลงโทษสารพัดวิธี เพราะดูถูกพ่อแม่ ผู้สูงอายุ หรือครูของตัวเอง บางคนร่างกายเปลือยเปล่า ถูกโซ่ตะปูล่ามที่คอ แขน และขา พวกเขาถูกเฆี่ยนจนเนื้อแตกละเอียด ทั้งเนื้อและเลือดไหลลงมา พวกเขาดิ้นรนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ปีศาจในนรก ใช้ขวานจามมือและเท้าของพวกเขาจนขาด และใช้สิ่งที่ดูเหมือนค้อน ทุบพวกเขาจนแหลก ขณะถูกลงโทษ พวกเขาถูกถามว่า “ตอนนั้นเจ้าคิดที่จะไม่ทำบาปนี้หรือ?” พวกเขากลับใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ และพวกเขาถูกทรมานจนตาย แล้วก็ฟื้นขึ้นมาเพื่อโดนลงโทษต่อไป บางคนถูกฝังทั้งเป็น พื้นบริเวณนั้นเคลื่อนไหว ดูปั่นป่วน และในดินมีไฟลุกโชน พวกที่โดนลงโทษจะค่อยๆ ถูกดูด และจมลงไปในดินจนตาย

จากนั้นฉันก็ถูกพาตัวไปสถานที่ลงโทษคนเล่นชู้ พวกเขาพากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอด บ้างก็ถูกลูกธนูยิงตาย ขณะที่คนอื่นถูกแทงตาย บางคนถูกสัตว์วิ่งไล่และโดนกัดจนตาย สุดท้ายก็ไม่มีใครหนีไปได้ และทุกคนก็ตาย คนที่ตายไปแล้วก็กลับมามีชีวิต เพื่อรับโทษต่อไป

ฉันได้เห็นอีกที่หนึ่ง เอาไว้ลงโทษคนขี้โกงและหวังร้ายต่อผู้อื่น คนที่เอาเปรียบ คิดคำนวณ หรือคนที่อิจฉาผู้อื่น ที่นั่นมีสะพานแขวนที่เป็นพื้นไม้ ขึงด้วยเชือกหนามทั้งสองข้าง หากจับเชือกก็จะเลือดออก แต่ถ้าไม่จับ พวกเขาก็จะร่วง สู่ทะเลเพลิงเบื้องล่าง แม้จะไม่หล่นลงไป พวกเขาก็จะต้องถูกบดในเครื่องบดเนื้อ แล้วไปจบในทะเลเพลิงอยู่ดี

บางคนที่กังวลกับภาพลักษณ์มาก เสียเวลากับการพยายามทำตัวให้ดูดี แต่ไม่เชื่อในพระเจ้าเลย และถึงกับตัดสิน และหมิ่นประมาทพระองค์ ใบหน้าของพวกเขา ถูกแมลงกัดกินไปทีละน้อย นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ถูกลงโทษเพราะด่าทอคนอื่น ลักขโมย และอื่นๆ ตามแต่บาปที่พวกเขาทำ ผู้คนจะถูกลงโทษด้วยวิธีหนึ่งซ้ำๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นอีกวิธี เมื่อได้เห็นภาพนี้ ฉันก็ตัวสั่นด้วยความกลัว อันที่จริงการถูกลงโทษแบบนั้น ย่อมจะเลวร้ายแน่นอน! ฉันเสียใจกับบาปที่ทำลงไป แต่ฉันไม่รู้จะไปอ้อนวอนใคร ใครที่ช่วยฉันได้ ตอนนั้น ฉันพร่ำท่องพระสูตรด้วยความสับสน แต่ก็ไม่มีใครตอบ และฉันไม่ได้กลัวน้อยลงเลย จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ฉันเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ สิ่งที่พระองค์ตรัส ก็ผุดขึ้นมา “ในชีวิตประจำวันของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะเผชิญกับความลำบากยากเย็นอันใด เจ้าต้องมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า สิ่งแรกที่เจ้าควรทำคือคุกเข่าอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด(พระวจนะฯ เล่ม 3 บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย, ในการเชื่อในพระเจ้า การได้รับความจริงสำคัญที่สุด) ฉันรู้ว่า พระเจ้าทรงปกครองทุกสิ่ง และสิ่งที่ฉันเจอพระองค์ก็ทรงอนุญาต ฉันจึงควรเรียกหาพระองค์ ฉันนึกถึงบาปต่างๆ ที่เคยทำ ฉันปฏิเสธ และขอไปทีใส่พระเจ้า ฉันเชื่อและเข้าชุมนุมตอนที่รู้สึกดี แต่กลับหนีการชุมนุม ตอนไม่รู้สึกแบบนั้น ฉันเป็นคริสเตียน แต่ไม่เชื่อพระเจ้าอย่างแท้จริง ฉันขอไปที และหลอกพระองค์ ฉันมีความสุขที่ได้มัวเล่นสนุก แต่ไม่ใช้เวลานมัสการพระเจ้าเลย พอนึกดูแล้ว ฉันก็เสียใจจริงๆ และอธิษฐานถึงพระเจ้าในใจว่า “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ลูกทำบาปมามาก ลูกไม่แยแส และทำตัวเมินเฉยใส่พระองค์ มีความสุขกับการทำบาป และไม่ทำหน้าที่ให้ดี ตอนนี้ลูกกลัว และเสียใจจริงๆ ลูกไม่อยากมาที่นี่ และถูกลงโทษเพราะบาปพวกนั้น ลูกพร้อมกลับใจ โปรดให้โอกาสลูกด้วย ลูกอยากนบนอบต่อการทรงจัดเตรียม และทำทุกอย่างตามน้ำพระทัย” ฉันเฝ้าอธิษฐาน และสารภาพบาป กลับใจต่อพระเจ้า สำหรับบาปที่ทำลงไปทีละอย่าง ฉันค่อยๆ สงบใจลง และไม่ค่อยรู้สึกกลัวอีกต่อไป ต่อมา ฉันรู้สึกเหมือนว่า มีเสียงหนึ่ง กำลังเรียกชื่อฉัน แล้วฉันก็เห็นลำแสง และเสียงจากแสงนั้น ก็พูดกับฉันว่า “ดานี เจ้ากลับใจแล้วหรือยัง? เจ้าทำบาปมากมาย เจ้าต้องพึ่งพิงพระเจ้า และหยุดทำบาปเหล่านี้ เจ้าจะรอให้ถูกลงโทษแล้วค่อยกลับใจไม่ได้ จงสลักพระวจนะเอาไว้ในใจ และไล่ตามความจริง เจ้าต้องเข้าใจและปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า คราวหน้า เจ้าจะไม่ได้รับความรอดอีก ขณะที่ยังมีชีวิต จงตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้ดี และเข้าสู่ราชอาณาจักร อย่าทำบาปหรือทำผิดพลาดซ้ำอีก อย่าทำในสิ่งที่เจ้าจะเสียใจ ในเมื่อหน้าที่ของเจ้ายังไม่เสร็จสิ้น เจ้าจะไม่ตาย เจ้าจะไปช่วยคนเหล่านั้น ที่ตกลงสู่ความวิบัติ”

เสียงที่พูดนั้น ไม่ใช่เสียง ของคนที่ฉันรู้จัก เป็นเสียงที่เหมือนพูดมาตามลม มันฟังดูไม่ชัดเลย แต่ฉันก็เข้าใจได้ แม้จะเป็นคำที่รุนแรง แต่ก็เตือนสติฉัน ทำให้ฉันรู้สึกสงบ เป็นคำพูดที่อบอุ่น ปลอดภัย ฉันมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงกำลังช่วยฉันให้รอด และประทานชีวิตที่สองให้ หลังจากได้ยินเสียงนี้ ฉันก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ

หลังจากฟื้นแล้ว ฉันตัวสั่นเทา ยังรู้สึกกลัวอยู่จริงๆ ฉันรู้สึกแย่และเสียใจจริงๆ ที่ได้ทำบาปลงไปตั้งมากมาย ฉันรู้ว่า นี่คือพระเจ้าทรงกำลังเตือนฉัน ทุกสิ่งที่พระเจ้าตรัสเป็นความจริง ฉันต้องเชื่อในสิ่งที่พระองค์ตรัส และฟังพระองค์ ฉันจะเอาแต่ปฏิเสธ และพอไปทีกับพระองค์ไม่ได้ พระเจ้ากำลังประทานโอกาส ที่ฉันจะปล่อยผ่านไปไม่ได้อีก ฉันบอกน้องชายว่า “พี่อยากคุยกับพี่น้องหญิงซัมเมอร์” พี่น้องหญิงซัมเมอร์ คือผู้ให้น้ำที่คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เป็นคนที่ชุมนุมออนไลน์กับฉันบ่อยๆ พอรู้เรื่องของฉัน ซัมเมอร์ก็ส่งพระวจนะมาให้ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พระเจ้าทรงรับผิดชอบชีวิตมนุษย์ทุกๆ ชีวิต และพระองค์ทรงรับผิดชอบไปจนถึงที่สุด พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้แก่เจ้า และต่อให้ในสภาพแวดล้อมที่ซาตานได้ทำลายล้างแล้วนี้ เจ้าได้ถูกทำให้ล้มป่วย ได้รับมลพิษ หรือถูกละเมิด นั่นก็ไม่สำคัญ—พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมให้แก่เจ้า และพระเจ้าจะทรงปล่อยให้เจ้าดำรงชีวิตต่อไป พวกเจ้าควรมีความเชื่อในการนี้ พระเจ้าจะไม่ทรงอนุญาตให้มนุษย์ตายโดยง่าย(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 7)ตั้งแต่เวลาที่เจ้าถือกำเนิดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พระเจ้าได้ทรงดำเนินพระราชกิจมากมายกับเจ้า แต่พระองค์ไม่ทรงบอกเล่าแบบหมดเปลือกในทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำแก่เจ้า พระเจ้าไม่ได้ทรงอนุญาตให้เจ้ารู้การนี้ และพระองค์ไม่ได้ทรงบอกเจ้า อย่างไรก็ดี สำหรับมวลมนุษย์ ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำนั้นสำคัญ ตามพระดำริของพระเจ้านั้น มันคือบางสิ่งบางอย่างที่พระองค์ต้องทรงทำ ในพระทัยของพระองค์มีบางสิ่งสำคัญที่พระองค์ทรงจำเป็นต้องทำซึ่งเกินเลยสิ่งใดในบรรดาสิ่งเหล่านี้ไปมาก นั่นคือ ตั้งแต่เวลาที่บุคคลถือกำเนิดมาจนถึงปัจจุบัน พระเจ้าต้องทรงรับประกันความปลอดภัยของพวกเขา… ‘ความปลอดภัย’ นี้หมายความว่าเจ้าจะไม่ถูกซาตานสวาปามเข้าไป นี่สำคัญไหม? การไม่ถูกซาตานสวาปามเข้าไป—นี่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเจ้าหรือไม่? ใช่แล้ว นี่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยส่วนตัวของเจ้า และไม่อาจมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าได้ ทันทีที่เจ้าถูกซาตานสวาปามเข้าไป ดวงจิตของเจ้าและเนื้อหนังของเจ้าไม่เป็นของพระเจ้าอีกต่อไป พระเจ้าจะไม่ทรงช่วยเจ้าให้รอดอีกต่อไป พระเจ้าทรงละทิ้งบรรดาดวงจิตและผู้คนที่ถูกซาตานสวาปามเข้าไป ดังนั้นเราจึงกล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่พระเจ้าต้องทรงทำก็คือการรับประกันความปลอดภัยนี้ของเจ้า เพื่อรับประกันว่าเจ้าจะไม่ถูกซาตานสวาปามเข้าไป เรื่องนี้สำคัญมาก ไม่ใช่หรอกหรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 6)

การอ่านพระวจนะ ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย เหมือนฉันมีที่พึ่ง ประสบการณ์นี้ยิ่งทำให้ฉันชัดเจน ว่าตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ พระเจ้าทรงนำเรา ทรงเฝ้าดูแล และปกป้องเราทุกขณะ ฉันควรมาเฉพาะพระพักตร์ ทำหน้าที่ และตอบแทนพระคุณอันเหลือเชื่อ ฉันต้องเป็นพยานยืนยันว่า พระเจ้าทรงปกครองทุกสิ่งจริงๆ รวมถึงโลกฝ่ายวิญญาณ ที่เรามองไม่เห็นด้วยตา นรกนั้นมีอยู่จริงๆ ฉันไม่ได้ประสบกับความทรมานจากการถูกลงโทษ แต่ฉันเห็นภาพผู้คนถูกทรมานในนรกนั้น คนรอบตัวฉันหลายคนไล่ตามกระแสทางโลก ติดตามซาตาน พวกเขาไม่ได้มาเฉพาะพระพักตร์ ฉันเป็นห่วงพวกเขาจริงๆ และไม่อยากให้คนที่ฉันรู้จักตกนรก ไปทนทุกข์แบบนั้น ไม่ว่าพวกเขายอมรับงานแห่งยุคสุดท้ายหรือไม่ ฉันก็จะลุล่วงความรับผิดชอบ และเป็นพยานกับพวกเขาว่านรกมีจริง และสิทธิอำนาจของพระเจ้ามีอยู่จริง มีเพียงพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ที่ช่วยให้เรารอดจากความทรมานนั้นได้ ฉันอยากอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์บทตอนหนึ่ง แก่คนที่ยังไม่มาเฉพาะพระพักตร์ และคนที่ยอมรับพระองค์แล้ว แต่ไม่หวงแหนความรอดของพระองค์

พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “งานขั้นสุดท้ายของเราไม่ใช่แค่เพื่อลงโทษมนุษย์เท่านั้น แต่เพื่อการจัดการเตรียมบั้นปลายของมนุษย์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นไปเพื่อที่ผู้คนทั้งหมดอาจรับรู้กิจการและการกระทำของเรา เราต้องการให้แต่ละบุคคลได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นถูกต้อง และได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นเป็นการแสดงออกของอุปนิสัยของเรา ที่ให้กำเนิดมวลมนุษย์นั้นไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ นับประสาอะไรที่จะเป็นการกระทำของธรรมชาติ แต่เป็นเรา ผู้บำรุงเลี้ยงทุกสิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ในการสร้าง หากปราศจากการดำรงอยู่ของเรา มวลมนุษย์ย่อมมีแต่จะพินาศและทุกข์ทนจากการหวดเฆี่ยนแห่งหายนะเท่านั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะได้เห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อันสวยงาม หรือโลกอันเขียวขจีอีกเลย มวลมนุษย์จะเผชิญเพียงค่ำคืนอันเยือกเย็นและหุบเขาแห่งเงามรณะซึ่งไร้ปรานี เราคือความรอดเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ เราคือความหวังเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เราก็คือพระองค์ผู้ซึ่งเป็นที่พึ่งแห่งการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์ทั้งปวง หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะหยุดนิ่งลงในทันที หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะทุกข์ทนกับมหันตภัยและถูกบรรดาผีสางทุกลักษณะเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า กระนั้นก็ยังไม่มีใครใส่ใจเรา เราได้ทำงานที่ไม่มีใครอื่นทำได้ และหวังเพียงแค่ว่ามนุษย์จะสามารถตอบแทนเราด้วยความประพฤติที่ดีงามบ้าง แม้จะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถตอบแทนเราได้ เราก็จะยังคงยุติการเดินทางไกลของเราในโลกมนุษย์ลง และเริ่มต้นขั้นตอนถัดไปของงานของเราที่กำลังคลี่คลายออกมา เนื่องจากการเร่งรุดไปมาของเราทั้งหมดท่ามกลางมนุษย์ในช่วงหลายปีมานี้ให้ดอกผลดี และเราก็ยินดีมาก สิ่งที่เราสนใจไม่ใช่จำนวนผู้คน แต่เป็นความประพฤติที่ดีงามของพวกเขาเสียมากกว่า ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เราหวังว่าพวกเจ้าจะตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของตัวเจ้าเอง เมื่อนั้นเราจึงจะพึงพอใจ มิฉะนั้นแล้ว ไม่มีใครเลยในบรรดาพวกเจ้าที่จะสามารถหนีรอดจากความวิบัติที่จะตกมาถึงเจ้าได้ ความวิบัตินั้นมีจุดกำเนิดอยู่ที่เราและแน่นอนว่าถูกจัดวางเรียบเรียงโดยเรา หากพวกเจ้าไม่สามารถปรากฏว่าดีงามได้ในสายตาของเรา เช่นนั้นพวกเจ้าก็จะไม่อาจหนีรอดจากความทุกข์ของความวิบัติไปได้(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของเจ้า)

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อเราผ่าน Messenger