พวกที่ไม่เรียนรู้และยังคงไม่รู้เท่าทัน: พวกเขาไม่ใช่สัตว์เดียรัจฉานหรอกหรือ?

เมื่อเจ้าเดินบนเส้นทางของวันนี้ อะไรคือประเภทของการไล่ตามเสาะหาที่เหมาะสมที่สุด?  ในการไล่ตามเสาะหาของเจ้า เจ้าควรมองว่าตัวเจ้าเองเป็นบุคคลประเภทใด?  มันทำให้เจ้าต้องรู้ว่าเจ้าควรเข้าหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเจ้าในวันนี้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบหรือความยากลำบากทั้งหลาย หรือการตีสอนและการสาปแช่งอย่างไร้ความปรานี  เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว เจ้าควรทบทวนสิ่งเหล่านี้อย่างพิถีพิถันในทุกกรณี  เหตุใดเราจึงพูดเช่นนี้?  เราพูดเช่นนี้เพราะว่าในที่สุดแล้ว สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับเจ้าในวันนี้คือการทดสอบที่อุบัติขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในช่วงเวลาสั้นๆ บางที ตามความเห็นของเจ้าแล้วการทดสอบเหล่านี้ไม่ได้รบกวนจิตวิญญาณเป็นพิเศษ และดังนั้นเจ้าจึงปล่อยให้สิ่งต่างๆ ล่องลอยไปตามครรลองธรรมชาติของพวกมัน และไม่คำนึงถึงว่าการทดสอบเหล่านั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าในการไล่ตามเสาะหาความก้าวหน้า  เจ้าช่างไร้ความคิดนัก!  ไร้ความคิดมากเสียจนเจ้าคิดถึงสินทรัพย์ที่มีค่านี้ราวกับว่าเป็นเมฆที่ลอยอยู่ต่อหน้าต่อตาเจ้า และเจ้าไม่ทะนุถนอมความล้ำค่าของการโบยตีที่เกรี้ยวกราดซึ่งกระหน่ำลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่านี้—การโบยตีที่สั้นและดูเหมือนจะมีน้ำหนักน้อยนิดสำหรับเจ้า—แต่กลับมองการโบยตีเหล่านี้ด้วยความวางเฉยที่เย็นชา ไม่นำพาใส่ใจ และปฏิบัติต่อการโบยตีเหมือนเป็นเพียงการตีถูกโดยบังเอิญเท่านั้น  เจ้าช่างโอหังเหลือเกิน!  กับการโจมตีที่ดุดันเหล่านี้ การโจมตีที่คล้ายพายุที่มาครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าแสดงให้เห็นเพียงการมองข้ามแบบไร้มารยาทเท่านั้น บางครั้งเจ้าก็ไปไกลถึงขั้นยิ้มให้อย่างเยือกเย็นด้วยซ้ำ โดยเผยให้เห็นการแสดงความไม่แยแสโดยสิ้นเชิง—เพราะเจ้าไม่เคยคิดกับตัวเจ้าเองเลยสักครั้งว่าเหตุใดเจ้าจึงต้องทนทุกข์กับ “โชคร้ายต่างๆ” เช่นนี้อยู่ร่ำไป  เป็นไปได้หรือว่าเราไม่เป็นธรรมกับมนุษย์เหลือเกิน?  เราหาเรื่องจ้องจับผิดเจ้ากระนั้นหรือ?  ถึงแม้ว่าปัญหาในวิธีการคิดของเจ้าอาจจะไม่รุนแรงเท่ากับที่เราได้พรรณนาไป แต่เจ้าก็ได้แต่งแต้มภาพเขียนของโลกภายในของเจ้าให้สมบูรณ์แบบมานานแล้วโดยผ่านทางความสำรวมภายนอกของเจ้า  ไม่มีความจำเป็นสำหรับเราแต่อย่างใดที่จะต้องบอกเจ้าว่า สิ่งเดียวที่ถูกซ่อนเร้นไว้ในส่วนลึกของหัวใจของเจ้าคือคำพูดปรามาสไร้เหตุผลและร่องรอยเลือนรางของความเศร้าใจที่คนอื่นแทบจะมองไม่ออก  เจ้าด่าทอเพราะเจ้ารู้สึกว่าการทนทุกข์กับการทดสอบเช่นนี้ช่างไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง และเจ้าเต็มไปด้วยความหดหู่ใจเพราะการทดสอบต่างๆ ทำให้เจ้ารู้สึกถึงความอ้างว้างของโลก  แทนที่จะมองว่าการโบยตีซ้ำๆ เหล่านี้และการกระทำเพื่อบ่มวินัยเป็นการคุ้มครองคุ้มครองที่ดีที่สุด เจ้ากลับเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างปัญหาอย่างไร้สติของฟ้า หรือไม่ก็เป็นการลงทัณฑ์อันสาสมที่เหมาะกับเจ้า  เจ้าช่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์เหลือเกิน!  เจ้ากักเก็บเวลาดีๆ ไว้ในความมืดอย่างไร้ปรานี ครั้งแล้วครั้งเล่าเจ้ามองดูการทดสอบและการกระทำเพื่อบ่มวินัยที่น่าอัศจรรย์เป็นดั่งการโจมตีจากศัตรูของเจ้า  เจ้าไม่รู้วิธีที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของเจ้า และเจ้าเต็มใจที่จะพยายามทำเช่นนั้นน้อยลงไปอีกด้วยซ้ำเพราะเจ้าไม่เต็มใจที่จะได้รับสิ่งใดจากการตีสอนซ้ำๆ นี้ ซึ่งก็โหดร้ายด้วยสำหรับเจ้า  เจ้าไม่พยายามที่จะสำรวจค้นหรือท่องสำรวจด้วยเช่นกัน และเพียงแค่ปล่อยตัวเองให้เป็นไปตามชะตากรรมของเจ้า ไปที่ใดก็ตามที่มันนำทางเจ้าไป  สิ่งที่อาจดูเหมือนว่าเป็นการกระทำเพื่อตีสอนที่โหดร้ายสำหรับเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงหัวใจของเจ้า อีกทั้งไม่ได้เข้ายึดครองหัวใจของเจ้า แต่กลับทิ่มแทงหัวใจของเจ้าแทน  เจ้ามอง “การตีสอนที่โหดร้าย” นี้ว่าเป็นแค่เพียงศัตรูของเจ้าในชีวิตนี้เท่านั้น และดังนั้นเจ้าจึงไม่ได้รับอะไรเลย  เจ้าช่างมองตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอเสียเหลือเกิน!  เจ้าไม่ค่อยจะเชื่อว่าเจ้าทนทุกข์กับการทดสอบต่างๆ เช่นนี้ก็ด้วยเหตุแห่งความน่าเหยียดหยามของเจ้าเอง แต่เจ้ากลับมองตัวเจ้าเองว่าโชคร้าย โดยพูดมากยิ่งขึ้นไปอีกว่าเราคอยจับผิดเจ้าอยู่เสมอ  และบัดนี้ที่สิ่งทั้งหลายได้มาถึงทางผ่านนี้แล้ว เจ้ารู้จริงเกี่ยวกับสิ่งที่เราพูดและทำมากเพียงใด?  จงอย่าคิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยบุคคลมาต่กำเนิด ซึ่งต่ำกว่าฟ้าสวรรค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สูงกว่าแผ่นดินโลกอย่างไม่สิ้นสุด  เจ้าห่างไกลจากการเป็นคนฉลาดกว่าผู้ใดอื่น—และอาจกล่าวได้ด้วยซ้ำว่าการที่เจ้าโง่กว่าผู้คนใดที่มีเหตุผลบนแผ่นดินโลกอย่างมากก็ดูน่ารักดี เพราะเจ้าคิดถึงตัวเองอย่างอวดดีเกินไปและไม่เคยได้มีสำนึกรับรู้ของความด้อยกว่าเลย ราวกับว่าเจ้าสามารถมองทะลุการกระทำของเราลงไปถึงรายละเอียดที่เล็กกระจิดริดที่สุด  ในประเด็นที่เป็นข้อเท็จจริงนั้น เจ้าคือใครสักคนที่โดยพื้นฐานแล้วขาดพร่องเหตุผล เพราะเจ้าไม่รู้เลยสักนิดว่าเราตั้งใจที่จะทำอะไร และเจ้ายิ่งตระหนักรู้น้อยลงไปใหญ่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้  และดังนั้นเราจึงพูดว่าเจ้าไม่แม้แต่จะทัดเทียมกับชาวนาเฒ่าที่กำลังตรากตรำทำงานบนผืนดิน ชาวนาที่ไม่ได้มีการล่วงรู้ถึงชีวิตมนุษย์แม้แต่น้อย แต่ก็ยังมอบความไว้วางใจทั้งหมดของเขาไว้กับพรแห่งฟ้าสวรรค์เมื่อเขาทำการเพาะปลูกบนแผ่นดิน  เจ้าไม่เจียดความคิดแม้เพียงวินาทีเดียวให้กับชีวิตของเจ้า เจ้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชื่อเสียง และเจ้ายิ่งมีความรู้จักตัวเองน้อยกว่านั้นอีก  เจ้าช่าง “อยู่เหนือเรื่องทั้งหมด” เหลือเกิน!  เราวิตกกังวลอย่างแท้จริงกับเจ้า หนุ่มเจ้าสำอางช่างสำรวจ และเจ้า สาวน้อยผู้สะโอดสะอง กล่าวคือ เจ้าจะสามารถทนทานต่อการโจมตีของพายุที่ถึงกับใหญ่กว่าเดิมทั้งหลายได้อย่างไร?  หนุ่มเจ้าสำอางเหล่านี้ไม่แยแสสถานการณ์ลำบากที่พวกเขาประสบอยู่อย่างสิ้นเชิง  สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ดูเหมือนเป็นเรื่องกระจิริดและดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยี่หระกับมัน และไม่ได้รู้สึกคิดลบ อีกทั้งไม่คิดว่าตัวพวกเขาเองต่ำต้อย แต่พวกเขากลับไปเดินกรีดกรายตามถนนพร้อมกับโบกพัดของพวกเขาไปมาเหมือนเมื่อก่อนแทน  “ผู้คนที่มีชื่อเสียง” ซึ่งไม่เรียนรู้และยังคงไม่รู้เท่าทันเหล่านี้ ไม่มีแนวคิดว่าเหตุใดกันแน่เราจึงพูดสิ่งเหล่านี้กับพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรำคาญ พวกเขาก็แค่ตรวจสอบตัวพวกเขาเองอย่างฉาบฉวย และจากนั้นก็ดำเนินการทั้งหลายต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลงหนทางอันชั่วของพวกเขา ทันทีที่พวกเขาไปจากเรา พวกเขาก็เริ่มวิ่งอาละวาดบนโลกอีกครั้งโดยเดินกร่างและฉ้อโกงใหม่  การแสดงออกบนใบหน้าของเจ้าช่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วนัก  ดังนั้นจึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เจ้ากำลังพยายามหลอกลวงเราด้วยวิธีนี้—เจ้าช่างกล้า!  นางสาวตัวน้อยที่สวยสะคราญพวกนั้นก็น่าหัวเราะยิ่งกว่าเสียอีก  เมื่อได้ยินถ้อยคำเร่งร้อนของเราและเมื่อเห็นสถานการณ์ลำบากที่พวกเขากำลังเผชิญ น้ำตาก็ไหลรินออกมาเองอาบใบหน้าของพวกเขา ร่างของพวกเขาบิดไปมา และพวกเขาดูเหมือนว่ากำลังสร้างความวุ่นวาย—ช่างน่าสะอิดสะเอียน!  เมื่อตระหนักถึงวุฒิภาวะของตัวพวกเขาเอง พวกเขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงของพวกเขาและนอนอยู่ตรงนั้น ร่ำไห้ไม่หยุด แทบจะเป็นเหมือนว่าพวกเขามาถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว  และเมื่อวจนะเหล่านี้ได้แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความไม่รู้จักโตและความต่ำต้อยของพวกเขาเอง หลังจากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นถูกความคิดลบกดทับจนความสว่างหายไปจากดวงตาของพวกเขา ไม่พร่ำบ่นเกี่ยวกับเราและไม่เกลียดชังเรา พวกเขาก็กลายเป็นติดอยู่ในความคิดลบของตนโดยสิ้นเชิง และในทำนองเดียวกันพวกเขาก็ล้มเหลวที่จะเรียนรู้และยังคงไม่รู้เท่าทัน  หลังจากที่ได้ผละจากเราไป พวกเขากลับกระโดดโลดเต้นและเล่นสนุกไปรอบๆ เสียงหัวเราะกังวานของพวกเขาเหมือนเสียงของ “เจ้าหญิงระฆังเงิน”  พวกเขาช่างเปราะบางและขาดพร่องความรักตัวเองนัก!  พวกเจ้าทั้งหมด ของเสียมีตำหนิของมวลมนุษย์—พวกเจ้าช่างขาดพร่องความเป็นมนุษย์ยิ่งนัก!  พวกเจ้าไม่รู้วิธีรักตัวพวกเจ้าเอง หรือวิธีคุ้มครองคุ้มครองตัวพวกเจ้าเอง พวกเจ้าไม่มีสำนึกรับรู้ พวกเจ้าไม่แสวงหาหนทางที่แท้จริง พวกเจ้าไม่รักความสว่างที่แท้จริง และที่มากไปกว่านั้นคือ  พวกเจ้าไม่รู้วิธีทะนุถนอมตัวพวกเจ้าเอง  สำหรับหลักคำสอนที่เราได้มอบให้พวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่านั้น พวกเจ้าได้ผลักไสมันไปไว้ที่ด้านหลังของจิตใจของเจ้ามานานแล้ว  กระทั่งถึงจุดที่ปฏิบัติต่อคำสอนเหล่านั้นเหมือนของเล่นไว้ฆ่าเวลาในยามว่างของพวกเจ้า ทั้งหมดเหล่านี้พวกเจ้ามักจะคำนึงถึงในแง่ที่เป็น “ยันต์” ส่วนตัวของพวกเจ้าเองเสมอ  เมื่อถูกซาตานกล่าวหา เจ้าก็อธิษฐาน เมื่อมีความคิดเชิงลบ เจ้าก็ตกอยู่ในการหลับลึก เมื่อมีความสุข เจ้าก็วิ่งวุ่นไปมาอย่างลำพอง เมื่อเราดุด่าเจ้า เจ้าก็พินอบพิเทา และแล้ว ทันทีที่เจ้าไปจากเบื้องหน้าเรา เจ้าก็หัวเราะด้วยความเริงร่าอันน่าชัง  เจ้ารู้สึกว่าอยู่เหนือผู้อื่นทั้งปวง แต่เจ้าไม่เคยมองเห็นตัวเจ้าเองว่าโอหังที่สุด และมีแต่จะยิ่งอวดดี ลำพองใจ และหยิ่งผยองเกินคำบรรยายมากขึ้นทุกทีเท่านั้น  เหล่า “สุภาพบุรุษหนุ่ม” “สาวน้อย” “ท่านขุนนาง” และ “ท่านผู้หญิง” ที่ไม่เรียนรู้และยังคงไม่รู้เท่าทัน จะสามารถคำนึงถึงวจนะของเราว่าเป็นสมบัติล้ำค่าได้อย่างไร?  เราขอถามเจ้าอีกครั้งว่า เจ้าได้เรียนรู้อะไรกันแน่จากวจนะของเราและงานของเราตลอดเวลาอันยาวนานเช่นนี้?  เป็นอันว่าเจ้ามีทักษะในการหลอกลวงของเจ้ามากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่?  หรือมีความเจนจัดในเนื้อหนังของเจ้ามากยิ่งขึ้น?  หรือมีความไม่เคารพในท่าทีที่เจ้ามีต่อเรามากยิ่งขึ้น?  เราบอกเจ้าตรงๆ ว่า เป็นงานทั้งหมดนี้ที่เราได้ทำไปนี่เองที่ได้ทำให้เจ้าผู้เคยมีความกล้าของหนูตัวหนึ่ง เกิดมีใจกล้ามากขึ้น  ความประหวั่นพรั่นใจที่เจ้ารู้สึกต่อเราลดน้อยลงในแต่ละวันที่ผ่านไป เพราะเราเปี่ยมปรานีเกินไปและไม่เคยกำหนดใช้บทลงโทษกับเนื้อหนังของเจ้าโดยวิธีการที่รุนแรง  บางทีในสายตาของเจ้า เราอาจเพียงแค่กำลังพูดวจนะที่แข็งกร้าว—แต่มีบ่อยครั้งกว่ามากที่เราแสดงให้เจ้าเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และเราแทบไม่เคยติเตียนเจ้าใส่หน้าเจ้า  ยิ่งไปกว่านั้นเรายอมให้อภัยความอ่อนแอของเจ้าตลอดมา และเป็นเพราะการนี้ทั้งสิ้นที่เจ้าปฏิบัติต่อเราเฉกเช่นงูที่ปฏิบัติต่อชาวนาผู้ใจดี  เราเลื่อมใสทักษะและความเฉียบแหลมระดับสูงสุดในพลังการสังเกตการณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ยิ่งนัก!  เราขอบอกความจริงประการหนึ่งกับเจ้าว่า วันนี้มันสำคัญน้อยมากว่าเจ้ามีหัวใจแห่งความยำเกรงหรือไม่ เราทั้งไม่ร้อนใจและไม่วิตกกังวลเกี่ยวกับการนั้น  แต่เราก็ต้องบอกเจ้าเช่นนี้ด้วยว่า เจ้า “บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ” ผู้ไม่เรียนรู้และยังคงไม่รู้เท่าทันนี้ ในท้ายที่สุดจะถูกความฉลาดหยุมหยิมที่หลงตัวเองของเจ้าทำให้พังครืน—เจ้าจะเป็นผู้ที่ทนทุกข์และถูกตีสอน  เราจะไม่โง่พอที่จะร่วมทางกับเจ้าในขณะที่เจ้ายังทนทุกข์ต่อไปในนรก เพราะเราไม่ใช่ประเภทเดียวกับเจ้า  จงอย่าลืมว่าเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตทรงสร้างซึ่งถูกเราสาปแช่งแล้ว แต่ก็ยังถูกเราสอนและช่วยให้รอดด้วยเช่นกัน  และไม่มีอะไรเลยในตัวเจ้าที่เราจะลังเลใจที่จะผละจาก  ในเวลาใดก็ตามที่เราทำงานของเรา เราไม่เคยถูกจำกัดโดยบุคคล อุบัติการณ์ หรือวัตถุใดๆ  ท่าทีของเราและทรรศนะของเราเกี่ยวกับมวลมนุษย์ยังคงเหมือนเดิมตลอดมา เราไม่ได้มีไมตรีให้เจ้าเป็นการเฉพาะเพราะเจ้าคือรยางค์หนึ่งของการบริหารจัดการของเรา และห่างไกลจากการเป็นสิ่งพิเศษกว่าชีวิตอื่นใด  นี่คือคำแนะนำของเราต่อเจ้า กล่าวคือ เจ้าต้องจำไว้ตลอดเวลาว่าเจ้าไม่ใช่อะไรมากไปกว่าสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง!  ถึงแม้ว่าเจ้าอาจแบ่งปันการดำรงอยู่ของเจ้าร่วมกันกับเรา เจ้าก็ควรรู้จักอัตลักษณ์ของเจ้าเอง จงอย่าคิดเข้าข้างตัวเจ้าเองเกินไป  ต่อให้เราไม่ดุว่าเจ้า หรือตัดแต่งเจ้า แต่ทักทายเจ้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นี่ก็ไม่พอที่จะพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นประเภทเดียวกันกับเรา เจ้า—เจ้าควรรู้ตัวเจ้าเองว่าเป็นฝ่ายไล่ตามเสาะหาความจริง ไม่ใช่ความจริงเป็นฝ่ายไล่ตามเสาะหาเจ้า!  เจ้าต้องพร้อมตลอดเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับวจนะของเรา  เจ้าไม่สามารถหลีกหนีการนี้ได้  ในระหว่างเวลาที่มีค่านี้ เมื่อเจ้ามีโอกาสที่หายากนี้ เราเร่งเร้าให้เจ้าพยายามเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง  จงอย่าหลอกเรา เราไม่จำเป็นต้องให้เจ้าใช้คำเยินยอมาพยายามหลอกลวงเรา  เมื่อเจ้าแสวงหาเรา นั่นไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของเราเลย แต่เพื่อประโยชน์ของเจ้าเองต่างหาก!

ก่อนหน้า: อัตลักษณ์ประจำตัวมนุษย์และคุณค่าของเขา แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเช่นไร?

ถัดไป: ประชากรที่ได้รับเลือกในจีนไม่สามารถเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ใดในอิสราเอล

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger