97. ลาก่อนวันของการไล่ตามเงินทอง

ผมเกิดมาในครอบครัวยากจน กับพ่อแม่ที่ไร้เล่ห์มารยาและทำงานหนักของผมที่เลี้ยงดูครอบครัวด้วยการทำไร่ ตอนเป็นเด็ก ผมเห็นคนฐานะดีในหมู่บ้านชื่นชมยินดีกับอาหารและเสื้อผ้าดีๆ และได้รับการชื่นชมและการสนับสนุนจากคนอื่น ผมอิจฉาพวกเขาและเชื่อว่าการมีเงินหมายถึงมีทุกอย่าง ขนาดในความฝัน ผมก็ปรารถนาจะหาเงินให้ได้เยอะๆ ผมแอบตั้งมั่นเอาไว้ว่า จะร่ำรวยและใช้ชีวิตที่สูงส่งในอนาคต

หลังจากแต่งงาน เพื่อให้บรรลุความฝันของผมโดยเร็ว ผมย้ายเข้าไปในอยู่ในเมืองคนเดียวเพื่อทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง ถึงจะทำงานล่วงเวลาอยู่หลายปี ผมก็ยังเก็บเงินได้น้อยนิด ผมเริ่มใคร่ครวญอยู่ในใจ ว่าการทำงานหนักชั่วชีวิตหนึ่งอาจไม่มีวันลุล่วงความฝันของผมได้ หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก ผมจึงตัดสินใจมาเป็นผู้รับเหมาและเริ่มทำกิจการก่อสร้างของตัวเอง ผมขอยืมเงินจากญาติพี่น้องและเพื่อนๆ มาซื้อที่ดินในเมืองหนึ่งแปลง และก่อสร้างตึกหนึ่งหลัง เพื่อให้ได้สัญญาและหาเงินได้อย่างรวดเร็ว ผมใช้เส้นสายและของกำนัลเพื่อให้ได้โครงการจากบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่างานออกมาดี ทุกวันผมเริ่มคุมงานในไซต์ก่อสร้างตั้งแต่เช้าตรู่ บ่อยครั้งที่ผมไม่ได้กินมื้อเช้า และผมก็ตรวจสอบงานหลังจากที่คนงานทำเสร็จในตอนเย็น งานไหนที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานจะถูกรื้อทิ้งและสร้างใหม่ด้วยแรงงานล่วงเวลา ในที่สุดผมก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารของบริษัท และได้งานโครงการเพิ่ม ผ่านไปสองปี ผมหาเงินได้จำนวนหนึ่ง ผมใช้หนี้และปรับปรุงบ้านใหม่ ผมรู้สึกถึงความชื่นบานยินดีที่บรรยายไม่ได้ในหัวใจของผม ช่วงตรุษจีน ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ มาฉลองกันที่บ้านผม บางคนยิ้มและพูดกับผมว่า “หัวหน้า เรามาอวยพรให้หัวหน้ามีความสุขในปีใหม่! ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป ขอให้กิจการรุ่งเรือง!” คนอื่นจับมือผมและพูดว่า “เราทุกคนหวังพึ่งพาคุณในการหาเงิน!” ณ ตอนนั้น ผมรู้สึกเหมือนเป็นศูนย์กลางความสนใจ ถูกล้อมรอบด้วยความชื่นชม ผมคิดกับตัวเองว่า “มีเงินนี่มันดีจริงๆ พอมีเงิน คนก็ชื่นชมนับถือ และเราสามารถใช้ชีวิตที่สูงส่งได้” คิดถึงเรื่องนี้แล้วผมรู้สึกพึงพอใจมาก เพื่อหาเงินให้ได้มากขึ้น ผมรับโครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีกหลายโครงการ และทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยตั้งแต่ฟ้าสางจรดเย็นทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไป ตอนกลางคืนผมนอนไม่หลับ เป็นห่วงว่าคนงานอาจจะตกจากนั่งร้านจนเกิดเป็นอุบัติเหตุ ส่งผลให้สูญเสียทางการเงินก้อนใหญ่ ผมรู้สึกกดดันทุกวันและทนทุกข์จากอาการไข้ เป็นหวัด และเวียนหัวบ่อยๆ แม้จะสูงห้าฟุตแปดนิ้ว แต่ผมหนักราว 120 ปอนด์เท่านั้น เวลาพูดก็อ่อนแรงและหลับผล็อยไปแม้แต่ตอนยืนอยู่ ผมอยากพักจริงๆ แต่ถ้าผมไม่รับโครงการก่อสร้าง ผมก็จะหาเงินไม่ได้หรือไม่ได้รับความชื่นชมจากผู้อื่น ผมไม่มีทางเลือกนอกจากรวบรวมพละกำลังและทำงานต่อไป ขณะที่ผมหาเงินได้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าการทนทุกข์และความเหนื่อยล้าทั้งหมดของผมนั้นคุ้มค่า ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างของผมกำลังไปได้ดีนั้นเอง ภรรยาผมกำลังทำงานอยู่บนนั่งร้านชั้นสาม กำลังทำผนังอยู่ เธอบังเอิญสะดุดไม้กระดานตกลงมาที่ชั้นหนึ่ง และหมดสติไปในทันที เธอถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วนและได้รับการรักษาฉุกเฉินอยู่กว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่อาการจะทรงตัวและฟื้นคืนสติในที่สุด ใช้เวลานานกว่าหนึ่งเดือนเพื่อให้อาการเธอดีขึ้นจนพอจะออกจากโรงพยาบาลได้

หลังจากนั้น พี่สาวผมรู้ว่าภรรยาผมออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็เลยมาเยี่ยมเรา เธอแบ่งปันพระราชกิจยุคสุดท้ายของพระเจ้ากับเรา ผมจำได้ว่าในตอนนั้นผมซาบซึ้งใจอย่างมากกับพระวจนะของพระเจ้าบางบทตอน  พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “นับแต่ชั่วขณะที่เจ้าเข้ามาในโลกนี้พร้อมกับเสียงร้องจ้า เจ้าก็เริ่มทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วง  เจ้าแสดงไปตามบทบาทของเจ้าและเริ่มการเดินทางของชีวิตของเจ้า เพื่อแผนของพระเจ้าและเพื่อการทรงลิขิตของพระองค์  ไม่ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังอย่างไร และการเดินทางข้างหน้าของเจ้าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีใครสามารถหลีกหนีการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของฟ้าสวรรค์ได้ และไม่มีใครควบคุมชะตาลิขิตของตนเองได้ เพราะมีเพียงพระองค์ผู้ทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งเท่านั้นที่สามารถทำงานเช่นนั้นได้  นับตั้งแต่วันที่มนุษย์ได้มาสู่การดำรงอยู่ พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจเช่นนี้มาตลอด บริหารจัดการจักรวาล กำกับกฎเกณฑ์แห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับทุกสรรพสิ่งและวิถีการเคลื่อนที่ของทุกสรรพสิ่งเหล่านั้น  เช่นเดียวกับทุกสรรพสิ่ง—มนุษย์ได้รับการบำรุงเลี้ยงอย่างเงียบเชียบและไม่รู้ตัว ด้วยความอ่อนหวานและหยาดฝน ตลอดจนหยดน้ำค้างจากพระเจ้า เช่นเดียวกับทุกสรรพสิ่ง—มนุษย์อยู่ภายใต้การจัดวางเรียบเรียงของพระหัตถ์พระเจ้าโดยไม่รู้ตัว หัวใจและจิตวิญญาณของมนุษย์ถูกกุมไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ทุกอย่างในชีวิตของเขาอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้า  ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม ทุกสิ่งและทุกอย่าง ไม่ว่าที่มีชีวิตอยู่หรือตายแล้วก็ตาม จะเคลื่อนย้าย เปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นมาใหม่และปลาสนาการไปตาม พระดำริของพระเจ้า  นี่คือหนทางที่พระเจ้าทรงปกครองสรรพสิ่ง(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตมนุษย์)  จากการอ่านพระวจนะของพระเจ้า ผมได้เข้าใจว่า ชะตากรรมของทุกคนล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ที่ภรรยาผมตกจากชั้นสามและรอดชีวิต ไม่ใช่เพราะเธอโชคดี แต่เป็นเพราะการคุ้มครองของพระเจ้า ผมนึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในไซต์ก่อสร้างของผู้รับเหมารายอื่นๆ คนงานบางคนตกจากนั่งร้านชั้นสามและไม่อาจช่วยให้รอดได้แม้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว คนอื่นตกจากนั่งร้านชั้นสองหรือชั้นหนึ่งและตายคาที่ นี่ล้วนเป็นพยานยืนยันไม่ใช่หรือในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสไว้ว่า “ไม่มีใครควบคุมชะตาลิขิตของตนเองได้ เพราะมีเพียงพระองค์ผู้ทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งเท่านั้นที่สามารถทำงานเช่นนั้นได้”? วันนี้ที่พี่สาวผมเผยแผ่ข่าวประเสริฐให้กับเราก็เป็นอธิปไตยของพระเจ้าที่ทรงจัดการเตรียมการไว้เช่นกัน จากการสามัคคีธรรมของเธอ ผมได้เรียนรู้ว่ามนุษย์ทุกคนและทุกสรรพสิ่งนั้นถูกสร้างโดยพระเจ้า พระเจ้าทรงทำพระราชกิจสามขั้นตอนเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด ทรงนำและจัดเตรียมให้แก่มวลมนุษย์จนถึงทุกวันนี้ พระราชกิจในยุคสุดท้ายนี้คือพระราชกิจขั้นสุดท้ายของพระเจ้าในการช่วยมวลมนุษย์ให้รอด และโอกาสที่ผู้คนจะได้รับการช่วยให้รอดนั้นหาได้ยาก เราจะมีชะตาลิขิตที่ดีได้ก็ด้วยการเชื่อในพระเจ้าและนมัสการพระเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้น ภรรยากับผมยอมรับข่าวประเสริฐยุคสุดท้ายของพระเจ้าอย่างยินดี และเราเข้าร่วมการชุมนุมอย่างกระตือรือร้นนับแต่นั้น ระหว่างการชุมนุม เหล่าพี่น้องสามัคคีธรรมพระวจนะของพระเจ้า และผมเข้าใจความจริงบางประการที่ทำให้หัวใจผมรู้สึกนิ่งและสงบเป็นพิเศษ ปลดปล่อยความอัดอั้นที่ผมรู้สึกก่อนหน้านั้น

ต่อมา ผู้นำเห็นว่าผมมีส่วนร่วมกับการชุมนุมอย่างกระตือรือร้น และอยากจัดแจงให้ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มให้น้ำผู้มีความเชื่อใหม่สามคน แต่ผมลังเลใจนิดหน่อย เพราะผมบริหารการก่อสร้างในตอนกลางวันและต้องบันทึกประเด็นงานและทำบัญชีตอนกลางคืน ผมจะหาเวลาที่ไหนไปให้น้ำผู้มีความเชื่อใหม่? ผมไม่อยากทำหน้าที่นี้ แต่ผมก็รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย ตอนที่ผมเชื่อในพระเจ้าแรกๆ และยุ่งกับงานก่อสร้าง เหล่าพี่น้องชายหญิงมาให้น้ำและสนับสนุนผมในตอนเย็นๆ ช่วยให้ผมเข้าใจความจริงผ่านการสามัคคีธรรมพระวจนะของพระเจ้า เมื่อตอนนี้มีผู้มีความเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นในคริสตจักรและมีคนช่วยให้น้ำไม่พอ ผมก็ควรช่วยทำในส่วนของผม เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผมอธิษฐานถึงพระเจ้า ขอให้พระองค์ทรงนำและให้ความรู้แจ้งแก่ผมเพื่อให้ผมเลือกได้ถูกต้อง ผมอ่านพระวจนะของพระเจ้าเหล่านี้ “เราขอบอกสิ่งเดียวนี้กับพวกเจ้าว่า การปฏิบัติหน้าที่ของมนุษย์คือสิ่งที่เขาควรทำ และหากเขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของเขาได้ เช่นนั้นแล้วนี่ก็คือความเป็นกบฏของเขา  โดยผ่านทางกระบวนการของการทำหน้าที่ของเขา มนุษย์ค่อยๆ เปลี่ยนไป และโดยผ่านทางกระบวนการนี้ เขาแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของเขา  ด้วยเหตุนี้ ยิ่งเจ้าสามารถทำหน้าที่ของเจ้าได้มากเท่าใด เจ้าก็จะได้รับความจริงมากขึ้นเท่านั้น และการแสดงออกของเจ้าก็จะยิ่งกลายเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความแตกต่างระหว่างพันธกิจของพระเจ้าผู้ประสูติเป็นมนุษย์และหน้าที่ของมนุษย์)  พระวจนะของพระเจ้าช่วยให้ผมเข้าใจว่า ในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง การปฏิบัติหน้าที่ของเราเป็นเรื่องที่ปกติและชอบด้วยเหตุผลโดยแท้ เพราะชีวิตของเรามาจากพระเจ้า และทุกสิ่งที่เราได้ชื่นชมคือของขวัญจากพระองค์ การทำหน้าที่ของเราก็เหมือนการกตัญญูต่อพ่อแม่ เป็นความรับผิดชอบและภาระหน้าที่อย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าผมไม่ยอมรับหน้าที่นี้ นั่นก็คงจะขาดมโนธรรมอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น การเกื้อหนุนและให้น้ำผู้มีความเชื่อใหม่ทำกันตอนเย็นๆ สัปดาห์ละสองครั้งเท่านั้น คงจะไม่รบกวนการบริหารงานก่อสร้างของผมมากนัก เมื่อตระหนักอย่างนี้แล้ว ผมจึงตกลงรับหน้าที่นี้ บางครั้งเมื่อผมไม่สามารถแก้ปัญหาสภาวะหรือมโนคติอันหลงผิดของผู้มีความเชื่อใหม่ได้ ผมอธิษฐานถึงพระเจ้าและขอให้พระองค์ทรงชี้นำ ด้วยการอ่านพระวจนะของพระเจ้า ผมเข้าใจความจริงบางประการโดยไม่รู้ตัว สภาวะและมโนคติอันหลงผิดของผู้มีความเชื่อใหม่ได้รับการแก้ไข และความเข้าใจความจริงในนิมิตของผมก็ชัดเจนขึ้น ผมเริ่มทำหน้าที่อย่างกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะผมรู้สึกว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ ผมสามารถรับความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์และการเป็นผู้นำ เข้าใจความจริงมากขึ้น อีกทั้งได้รับความรู้สึกสงบและเชื่อมั่นในหัวใจของผม

ต่อมา เมื่อเหล่าพี่น้องเห็นความกระตือรือร้นของผมในการไล่ตามเสาะหาความจริง พวกเขาได้เลือกผมให้ทำหน้าที่เป็นมัคนายกข่าวประเสริฐ ผมมีความสุขทีเดียว ผมรู้ว่าหน้าที่ที่มาถึงผมนี้เป็นการแสดงออกถึงความรักของพระเจ้า ผมต้องการทนุถนอมสิ่งนี้และทำหน้าที่นี้ให้ดี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีความกังวลบางอย่างอยู่ในใจ ธุรกิจก่อสร้างของผมโตขึ้นมาก กำไรในธุรกิจก็มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผมยอมรับหน้าที่ของมัคนายกข่าวประเสริฐ ผมจะมีแรงไปบริหารกิจการก่อสร้างน้อยลงแน่นอน ซึ่งทำให้รายได้น้อยลง ผมพบว่าตัวเองเลือกไม่ถูก แล้วผมก็จำได้ว่าพระราชกิจในยุคสุดท้ายคือพระราชกิจสุดท้ายของพระเจ้าในการช่วยเหลือมวลมนุษย์ให้รอด ถ้าผมจดจ่อกับการหาเงินอย่างเดียวและละเลยหน้าที่ของตัวเอง แล้วผมจะได้รับความจริงได้อย่างไร? ผมจึงอธิษฐานถึงพระเจ้า ขอให้พระองค์ทรงนำผมในการแสวงหาความจริงและแก้ไขความยากลำบากของผมเอง ผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่ง “วันนี้ สิ่งที่พวกเจ้าพึงต้องสัมฤทธิ์ผลไม่ใช่ข้อเรียกร้องเพิ่มเติม แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหมดควรกระทำ  หากพวกเจ้าไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งหน้าที่ของพวกเจ้าหรือไม่สามารถทำมันได้ดี เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าไม่ได้กำลังนำความยากลำบากมาสู่ตัวพวกเจ้าเองหรอกหรือ?  พวกเจ้าไม่ได้กำลังเสี่ยงกับความตายอยู่หรือ?  พวกเจ้าจะยังคงสามารถคาดหวังที่จะมีอนาคตและความสำเร็จที่มองว่าน่าจะเป็นไปได้ได้อย่างไร?  พระราชกิจของพระเจ้าได้รับการทรงกระทำเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ และความร่วมมือของมนุษย์ก็ได้รับการถวายเพื่อประโยชน์ของการบริหารจัดการของพระเจ้า  หลังจากที่พระเจ้าได้ทรงกระทำทุกสิ่งที่พระองค์ควรทรงกระทำแล้ว มนุษย์พึงต้องทุ่มเทในการปฏิบัติของเขาและร่วมมือกับพระเจ้า  ในพระราชกิจของพระเจ้า มนุษย์ควรทุ่มเทจนสุดความพยายาม ควรมอบถวายความจงรักภักดีของเขา และไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมโนคติที่หลงผิดมากมาย หรือนั่งนิ่งเฉยและรอความตาย  พระเจ้าสามารถเสียสละพระองค์เองเพื่อมนุษย์ แล้วเหตุใดมนุษย์จึงไม่สามารถถวายความจงรักภักดีของเขาแด่พระเจ้าเล่า?  พระเจ้าทรงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับมนุษย์ แล้วเหตุใดมนุษย์จึงไม่สามารถถวายความร่วมมือสักเล็กน้อยบ้างเล่า?  พระเจ้าทรงพระราชกิจเพื่อมวลมนุษย์ แล้วเหตุใดมนุษย์จึงไม่สามารถทำหน้าที่บางอย่างของตนเพื่อประโยชน์แห่งการบริหารจัดการของพระเจ้าเล่า?  พระราชกิจของพระเจ้าได้มาไกลถึงขนาดนี้ แม้กระนั้น พวกเจ้าก็ยังเพียงมองเห็นแต่ไม่ลงมือทำ พวกเจ้าได้ยินแต่ไม่ขยับตัว  ผู้คนเช่นนี้ไม่ใช่เป้าหมายของความพินาศหรอกหรือ?  พระเจ้าได้ทรงอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างของพระองค์แก่มนุษย์ แล้วเหตุใดวันนี้มนุษย์จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างจริงจังจริงใจบ้าง?  สำหรับพระเจ้า พระราชกิจของพระองค์คือลำดับความสำคัญแรกของพระองค์ และพระราชกิจในการบริหารจัดการของพระองค์ย่อมมีความสำคัญที่สุด  สำหรับมนุษย์ การนำพระวจนะของพระเจ้าไปปฏิบัติและทำให้ข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าลุล่วงคือลำดับความสำคัญแรกของเขา  พวกเจ้าทั้งหมดควรเข้าใจสิ่งนี้(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้าและการปฏิบัติของมนุษย์)  หลังจากอ่านพระวจนะของพระเจ้า ผมซาบซึ้งใจอย่างมาก พระเจ้านั้น เพื่อไถ่บาปของมวลมนุษย์ เริ่มแรกทรงปรากฏในรูปมนุษย์และถูกตรึงกางเขนเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์ ในยุคสุดท้าย พระเจ้าทรงปรากฏในรูปมนุษย์อีกครั้ง เพื่อแสดงความจริงทั้งมวลที่จำเป็นต่อความรอดอันบริบูรณ์ของมนุษย์ ทรงสามัคคีธรรมความจริงเหล่านี้อย่างชัดเจนและถี่ถ้วน เพื่อช่วยให้เราเข้าใจความจริงได้ดีขึ้น ได้รับความจริง และได้มาซึ่งการช่วยให้รอด ทุกอย่างที่พระเจ้าทรงทำนั้นเพื่อเรา ฉะนั้นทำไมผมถึงทำหน้าที่ของผมเพื่อตอบแทนความรักของพระเจ้าไม่ได้? ผมไม่ได้คำนึงถึงเจตนารมณ์ของพระเจ้าเลย และกังวลว่าการยอมรับหน้าที่นี้จะกระทบกับรายได้ของตัวเอง ผมอยากจะปฏิเสธ สิ่งที่ผมคำนึงถึงคือเรื่องจะหาเงินอย่างไร และไม่ได้ใส่ใจเรื่องหน้าที่ ผมเห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจอย่างแท้จริง! เมื่อเหล่าพี่น้องเลือกให้ผมทำหน้าที่มัคนายกข่าวประเสริฐ นั่นคือหน้าที่ที่พระเจ้าทรงส่งมาให้ผม เป็นความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ และผมควรยอมรับและนบนอบ ถ้าผมปฏิเสธ ผมก็ไม่คู่ควรจะถูกเรียกว่ามนุษย์ และผมจะเสียโอกาสในการได้รับความจริง และจะถูกกำจัดออกไปในท้ายที่สุด ถึงผมจะไม่สามารถปล่อยวางการยึดติดกับความร่ำรวยได้ในทันที ผมก็เต็มใจจะกระทำตนให้สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าและยอมรับหน้าที่นี้ โดยทำสุดความสามารถเพื่อลุล่วงหน้าที่

ในตอนแรก ผมสามารถจัดการหาเวลามาร่วมชุมนุม มาฝึกหัดการเผยแผ่ข่าวประเสริฐ และการเป็นพยานกับเหล่าพี่น้องชายหญิงได้ แต่เมื่อผมรับโครงการก่อสร้างมากขึ้น ผมพบว่าตัวเองสละเวลาที่ควรเอาไปทำหน้าที่และร่วมชุมนุม ครั้งหนึ่ง เจ้าของที่ดินคนหนึ่งต้องการให้ผมสร้างอาคารสามชั้นสี่หลังร่วมกับโครงการเพิ่มเติมบางอย่าง ผมลังเล โครงการนี้สำคัญ และผมยังมีอีกโครงการหนึ่งที่ยังไม่เสร็จสิ้นที่ผมต้องกังวลเรื่องการบริหาร ถ้าตกลงรับโครงการใหม่ แปลว่าผมจะยิ่งมีเวลาน้อยลงสำหรับหน้าที่และการชุมนุม ผมพยายามต่อรองกับเจ้าของที่ดินเพื่อเลื่อนวันเริ่มโครงการ แต่เขาไม่ตกลง ผมรู้สึกกดดัน เพราะถ้าไม่สามารถเริ่มตรงเวลาได้ก็จะทำให้สัญญาที่เซ็นไว้เป็นโมฆะ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางการเงินและชื่อเสียงของผมเสียหาย ต่อไปใครจะไว้ใจให้ผมทำโครงการถ้าผมไม่สามารถลุล่วงพันธสัญญาได้ ผมจะยังหาเงินได้ไหมถ้าไม่มีโครงการ? ถึงจะเป็นกังวล สุดท้ายผมก็ตกลงตามข้อเรียกร้องของเจ้าของที่ดินและยุ่งกับงานก่อสร้างงานใหม่ บางครั้้งเมื่อมีปัญหาหลายอย่างที่ไซต์ก่อสร้าง ผมจะแค่เหลือบดูพระวจนะของพระเจ้าในตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน สิ่งนี้ไม่เพียงขัดขวางชีวิตด้านวิญญาณปกติของผม แต่ยังทำให้ผมไม่มีเวลาให้การทำงานข่าวประเสริฐ ในช่วงนั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีผลลัพธ์ในงานข่าวประเสริฐ ผมรู้สึกผิดในใจนิดหน่อย ผมแอบตั้งมั่นในใจว่า ไม่ว่าในอนาคตการก่อสร้างจะยุ่งแค่ไหน ผมต้องให้ความสำคัญกับเข้าร่วมการชุมนุมและการทำหน้าที่ของผม

วันหนึ่ง ขณะที่ผมจัดแจงเพื่อร่วมการชุมนุมไว้แล้ว จู่ๆ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นระหว่างเดินทาง ไซต์ก่อสร้างมีปัญหาที่ต้องให้ผมไปจัดการทันที ผมลังเล ครั้้งนี้เดิมทีผมอยากไปร่วมชุมนุมและสามัคคีธรรมเรื่องงานข่าวประเสริฐ แต่ตอนนี้เกิดปัญหานี้ขึ้น ถ้าผมไปรับมือกับปัญหาที่ไซต์ ผมจะไม่สามารถร่วมการชุมนุมได้ นี่จะไม่เป็นการหลอกลวงพระเจ้าหรอกหรือ? แต่ถ้าผมไม่ไปแล้วเจ้าของที่ดินร้องเรียนล่ะ? ชื่อเสียงและฐานะการเงินของผมอาจจะเสียหายได้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมจะบริหารโครงการก่อสร้างของผมได้อย่างไร? ผมตัดสินใจให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการก่อสร้างก่อน และสัญญากับตัวเองว่าจะหาเวลาให้กับการชุมนุมและหน้าที่ในภายหลัง ผมจึงไปที่ไซต์ก่อสร้าง

เมื่อกลับบ้านมาในตอนเย็นและทบทวนเหตุการณ์ในวันนั้น ผมรู้สึกผิดในใจ ผมวางแผนไว้ว่าจะไปร่วมชุมนุม แต่กลับยอมให้ความกังวลเรื่องการเงินมาขัดขวางการทำหน้าที่ของผม ในช่วงนี้ การจดจ่อกับงานก่อสร้างของผมกีดขวางความคืบหน้าในการเผยแผ่ข่าวประเสริฐ และผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของผมอย่างถูกควร แต่ถ้าผมพักงานก่อสร้างและหยุดหาเงิน ผมจะใช้ชีวิตที่รุ่งเรืองและได้รับการนับถือได้อย่างไร? ด้วยความรู้สึกขัดแย้งในใจ ผมมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและอธิษฐาน “พระเจ้า ข้าพระองค์รู้สึกหนักใจ ข้าพระองค์รู้ว่าการเชื่อในพระองค์และทำหน้าที่ของข้าพระองค์นั้นเป็นเรื่องที่ปกติและชอบด้วยเหตุผลโดยแท้ แต่ข้าพระองค์ทำใจปล่อยวางเรื่องเงินได้ยาก โปรดทรงนำข้าพระองค์ให้ตัดสินใจถูกต้องด้วยเถิด” หลังจากอธิษฐาน ใจผมค่อยๆ สงบลง ในการแสวงหาของผม ผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่ง “หากเราจะวางเงินจำนวนหนึ่งตรงหน้าพวกเจ้าตอนนี้ และให้พวกเจ้ามีอิสระในการเลือก—และหากเราไม่กล่าวโทษพวกเจ้าเนื่องจากตัวเลือกของพวกเจ้า—เมื่อนั้น พวกเจ้าส่วนใหญ่คงจะเลือกเงินและละทิ้งความจริง  คนที่ดีกว่าในหมู่พวกเจ้าคงจะยอมละทิ้งเงินและเลือกความจริงอย่างลังเล ในขณะที่ผู้ที่อยู่ระหว่างกลางคงจะหยิบฉวยเงินไว้ในมือข้างหนึ่งและความจริงไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง  เช่นนั้นแล้ว ธาตุแท้ของพวกเจ้าจะไม่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดหรอกหรือ?  เมื่อต้องเลือกระหว่างความจริงและสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าจงรักภักดี พวกเจ้าจะเลือกตัวเลือกนี้กันทุกคน และทัศนคติของพวกเจ้าก็จะยังคงเป็นเหมือนเดิม  ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกหรือ?  มีผู้คนไม่มากนักในหมู่พวกเจ้าที่ได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างถูกและผิดมิใช่หรือ?  ในการแข่งกันระหว่างด้านบวกกับด้านลบ ดำและขาว พวกเจ้าตระหนักรู้อย่างแน่นอนถึงตัวเลือกที่พวกเจ้าได้เลือกระหว่างครอบครัวกับพระเจ้า ลูกๆ กับพระเจ้า สันติสุขกับการแตกแยก ความร่ำรวยกับความยากจน สถานภาพกับความธรรมดาสามัญ การได้รับการสนับสนุนกับการถูกทิ้งขว้าง เป็นต้น… ชัดเจนแล้วว่าหลายปีแห่งการมอบอุทิศและความพยายามนั้นไม่ได้นำพาอะไรมาให้เรามากไปกว่าการทอดทิ้งและความสิ้นหวังของพวกเจ้า แต่ความหวังของเราที่มีต่อพวกเจ้าเติบโตไปพร้อมกับแต่ละวันที่ผ่านไป เนื่องจากวันของเราได้ถูกแผ่วางต่อหน้าทุกคนอย่างสมบูรณ์แล้ว  กระนั้น พวกเจ้าก็ยังยืนกรานที่จะแสวงหาสิ่งที่มืดมนและชั่วร้ายทั้งหลาย และปฏิเสธที่จะคลายมือของเจ้าที่ยึดจับสิ่งเหล่านั้นไว้  เช่นนั้นแล้ว บทอวสานของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร?  พวกเจ้าเคยให้การคิดคำนึงถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบหรือไม่?  หากพวกเจ้าถูกขอให้เลือกอีกครั้ง แล้วจุดยืนของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าจงรักภักดีต่อใคร?)  สิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดโปงคือสภาวะของผม ผมก็เป็นคนหนึ่งที่กำเงินไว้ในมือข้างหนึ่งและอีกข้างกำความจริงเอาไว้ไม่ใช่หรือ? ผมประกาศว่าเต็มใจทำหน้าที่ของผมเพื่อสนองพระเจ้า และตั้งปณิธานในหัวใจว่าจะขัดขืนเนื้อหนังและทำหน้าที่ของผมให้ดี แต่เมื่อหน้าที่ของผมขัดแย้งกับผลประโยชน์เรื่องเงิน ผมกลับไม่สามารถต้านทานความเย้ายวนของเงินและชื่อเสียงได้ ผมพบว่าผมเดินตามความปรารถนาของตัวเองโดยไม่รู้ตัวและเลือกเงิน ผมรู้ว่าการรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่นี้ต้องการเวลาและความพยายามมากขึ้น ทำให้ผมไม่มีเวลาทำหน้าที่ แต่ถึงอย่างนั้้น ผมก็ยังเลือกรับงานเพื่อหาเงินให้ได้มากขึ้นและได้รับความชื่นชมจากผู้อื่น ถึงแม้ผมจะรู้อยู่แล้วว่าผิด หัวใจผมจดจ่อกับการหาเงินและละเลยไม่ติดตามงานข่าวประเสริฐเป็นเวลาเดือนกว่า ผลคือการเผยแพร่ข่าวประเสริฐไม่คืบหน้า ผมปฏิบัติต่อหน้าที่ที่พระเจ้าประทานให้ผมแบบนี้ ซึ่งนั่นทำให้ผมติดค้างพระเจ้าอย่างแท้จริง

จากนั้นผมใคร่ครวญว่า ทำไมผมถึงปล่อยวางเรื่องเงินไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าการทำหน้าที่จะนำผมไปสู่การได้รับความจริง หลังจากนั้นในการแสวงหาของผม ผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าสองบทตอน “ซาตานใช้วิธีการชนิดที่แยบยลมาก วิธีการซึ่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับมโนคติที่หลงผิดของผู้คน ซึ่งไม่แตกต่างกันทางความคิดเลยแม้แต่น้อย มันอาศัยวิธีการนี้ทำให้ผู้คนยอมรับหนทางแห่งการดำรงชีวิตของมัน กฎเกณฑ์ในการดำรงชีวิตของมันโดยไม่รู้ตัว และทำให้ผู้คนตั้งเป้าหมายในชีวิตและทิศทางในชีวิตของพวกเขา และพวกเขายังเกิดความมักใหญ่ใฝ่สูงในชีวิตโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย  ไม่สำคัญว่าความมักใหญ่ใฝ่สูงในชีวิตเหล่านี้อาจดูโอ่อ่าผ่าเผยเพียงใด มันถูกเชื่อมโยงกับ ‘ชื่อเสียง’ และ ‘ผลตอบแทน’ อย่างแยกกันไม่ออก  ทุกสิ่งทุกอย่างที่บุคคลที่ยิ่งใหญ่หรือมีชื่อเสียงคนใดก็ตาม—ในข้อเท็จจริงนั้นก็คือผู้คนทั้งหมด—ดำเนินรอยตามในชีวิต มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสองคำนี้เท่านั้นคือ ‘ชื่อเสียง’ และ ‘ผลตอบแทน’  ผู้คนคิดว่าทันทีที่พวกเขามีชื่อเสียงและผลตอบแทน พวกเขาก็ย่อมสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์เพื่อให้ได้ชื่นชมสถานะอันสูงส่งและความมั่งคั่งอันใหญ่หลวง และเพื่อชื่นชมชีวิต  พวกเขาคิดว่าชื่อเสียงและผลตอบแทนคือต้นทุนอย่างหนึ่งที่พวกเขาสามารถใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตแห่งการแสวงหาความยินดีและความชื่นชมยินดีแบบมัวเมาของเนื้อหนัง  เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชื่อเสียงและผลตอบแทนซึ่งมวลมนุษย์ละโมบยิ่งนัก ผู้คนจึงมอบร่างกาย จิตใจของพวกเขา ทั้งหมดที่พวกเขามี อนาคตของพวกเขาและโชคชะตาของพวกเขาให้ซาตานอย่างเต็มใจ แม้ไม่รู้ตัวก็ตาม  พวกเขาทำเช่นนั้นโดยที่ไม่มีความลังเลแม้แต่อึดใจ ไม่รู้เท่าทันอยู่ร่ำไปถึงความจำเป็นที่จะต้องเอาทั้งหมดที่พวกเขาได้มอบไปแล้วกลับคืนมา  ผู้คนสามารถรักษาการควบคุมตัวเองได้หรือไม่ในเมื่อพวกเขาได้หลบภัยอยู่ในซาตานในลักษณะนี้และกลายเป็นจงรักภักดีต่อมันแล้ว?  แน่นอนว่าไม่  พวกเขาถูกซาตานควบคุมอย่างสมบูรณ์และอย่างถึงที่สุด พวกเขาได้จมดิ่งลงในปลักตมอย่างสมบูรณ์และอย่างถึงที่สุด และไร้ความสามารถที่จะปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระได้ เมื่อใครสักคนจมปลักอยู่ในชื่อเสียงและผลตอบแทน พวกเขาจะไม่แสวงหาสิ่งที่สดใส สิ่งที่ยุติธรรม หรือบรรดาสิ่งที่สวยงามและดีงามอีกต่อไป  นี่เป็นเพราะพลังยั่วยวนที่ชื่อเสียงและผลตอบแทนมีอยู่เหนือผู้คนนั้นมากเกินไป  พวกมันกลายเป็นสิ่งสำหรับให้ผู้คนไล่ตามเสาะหาชั่วชีวิตของพวกเขาและกระทั่งชั่วนิรันดร์โดยไม่มีที่สิ้นสุด  นี่ไม่จริงหรือไร?(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 6)  “ซาตานใช้ชื่อเสียงและผลตอบแทนควบคุมความคิดของมนุษย์ จนกระทั่งทั้งหมดที่ผู้คนสามารถนึกถึงได้ก็คือชื่อเสียงและผลตอบแทน  พวกเขาต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน ทนทุกข์จากความยากลำบากทั้งหลายเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน สู้ทนความอัปยศอดสูเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน พลีอุทิศทุกสิ่งที่พวกเขามีเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน และพวกเขาจะทำการพิพากษาหรือการตัดสินใจอันใดก็เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชื่อเสียงและผลตอบแทน  ซาตานผูกมัดผู้คนเข้ากับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นก็ด้วยวิธีนี้ และพวกเขาก็ไม่มีทั้งความเข้มแข็งและความกล้าที่จะขว้างโซ่ตรวนออกไป  พวกเขาแบกโซ่ตรวนเหล่านี้ไว้โดยที่ไม่รู้ตัว และเดินต่อไปข้างหน้าด้วยความลำบากยากเย็นอันใหญ่หลวง(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 6)  เมื่อใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า ผมก็เข้าใจว่า เป้าหมายของซาตานในการล่อลวงผู้คนให้ไล่ตามเสาะหาเงินทอง ชื่อเสียง และผลประโยชน์ ก็เพื่อควบคุมผู้คนและทำให้คนเสื่อมทราม ชักนำหัวใจของพวกเขาให้ห่างจากพระเจ้ามากยิ่งขึ้น สุดท้ายก็ดักผู้คนไว้ในบ่วงแร้วของซาตานที่พวกเขาไม่อาจทำให้ตัวเองหลุดพ้นออกมาได้ ทุกวันผมทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยตั้งแต่เช้าจรดค่ำที่โครงการก่อสร้างเพื่อหาเงิน เรื่องนี้ต้นตอเกิดจากอิทธิพลจากน้ำพิษของซาตานตั้งแต่วัยเด็กของผม อย่างเช่น “เงินทำให้โลกหมุนไป” และ “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีเงิน ก็จะทำอะไรไม่ได้” ผมเชื่อว่ามีเงินแปลว่ามีทุกอย่าง รวมถึงความชื่นชมจากผู้อื่น และวิถีชีวิตที่เหนือกว่า ขณะที่โครงการก่อสร้างของผมเติบโตใหญ่ขึ้น และผมได้รับคำสรรเสริญอย่างสูงจากญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ผมก็ยิ่งหลงเชื่อมากขึ้นไปอีกว่าความร่ำรวยทำให้คนอื่นชื่นชมได้ ผมทำให้การไล่ตามเสาะหาเงินทองเป็นเป้าหมายของชีวิตของผม ผมลงแรงอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเพื่อสิ่งนี้ทุกวัน ใช้ชีวิตอยู่กับความกลัวและความวิตกกังวล เป็นกังวลอยู่เสมอเรื่องอุบัติเหตุในไซต์งานกับผลที่จะตามมา มองภายนอก จะเห็นว่าผมหาเงินได้และได้รับชื่อเสียง แต่ภายใน ผมรู้สึกเก็บกด ร่างกายของผมทนทุกข์ และภรรยาผมก็เกือบสูญเสียชีวิต แต่ถึงจะเจอประสบการณ์เหล่านี้ ผมก็ยังไม่อาจปล่อยวางการไล่ตามเสาะหาความร่ำรวย ชื่อเสียง และผลประโยชน์ หลังจากเข้ามายังพระนิเวศของพระเจ้า ผมได้เข้าใจว่าการเชื่อในพระเจ้าควรรวมถึงการไล่ตามเสาะหาความจริง แต่ผมก็ไม่สามารถมองทะลุอุบายของซาตานได้ และพบว่าตัวเองต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์โดยไม่รู้ตัว ในฐานะมัคนายกข่าวประเสริฐ ผมมีหน้าที่ทำงานข่าวประเสริฐให้ดี แต่เพื่อหาเงินให้ได้มากขึ้น ผมกลับละเลยไม่ติดตามงานข่าวประเสริฐเป็นเวลาหนึ่งเดือน ผมละวางหน้าที่ของตัวเอง ธรรมชาติของพฤติกรรมนี้รวมกันเป็นการหลอกลวงและทรยศพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น ผมหมกมุ่นกับการบริหารโครงการก่อสร้างทุกวัน ละเลยการอุทิศตนฝ่ายวิญญาณและการชุมนุม ทำให้หัวใจของผมลอยห่างจากพระเจ้าออกไปอีกและชีวิตผมประสบกับความสูญเสีย ถ้าผมยังเป็นแบบนี้ต่อไป สุดท้ายผมจะเสียโอกาสในการทำหน้าที่และได้มาซึ่งการช่วยให้รอด ในที่สุดผมก็รู้ตัวว่าการไล่ตามเสาะหาความร่ำรวย ชื่อเสียง และผลประโยชน์นั้นไม่ใช่เส้นทางที่ดี นี่คือวิธีการที่ซาตานใช้สร้างความเสื่อมทรามและทำร้ายผู้คน เป็นเครื่องมือผูกมัด ที่ท้ายที่สุดแล้วนำไปสู่การถูกซาตานยั่วเย้าและทำร้าย

ต่อมา ผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าอีกบทตอนหนึ่ง “สิ่งที่พวกเจ้าต้องการหนักหนาไม่ใช่ความจริงหรือชีวิต  ทั้งยังไม่ใช่หลักการทั้งหลายเกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติของพวกเจ้า นับประสาอะไรที่จะใช่งานอันอุตสาหะของเรา  หากแต่สิ่งที่พวกเจ้าต้องการนักหนาก็คือทุกสิ่งที่พวกเจ้าครองในเนื้อหนัง นั่นก็คือ ความอุดมด้วยโภคทรัพย์ สถานะ ครอบครัว ชีวิตสมรส และอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน  พวกเจ้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานและคำพูดของเราโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเราจึงสามารถสรุปรวบรวมความเชื่อของพวกเจ้าได้เป็นคำหนึ่งคำ นั่นก็คือ ขอไปที  พวกเจ้าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สัมฤทธิ์ในสิ่งทั้งหลายที่พวกเจ้าอุทิศตัวให้อย่างสมบูรณ์ แต่เราได้ค้นพบแล้วว่าพวกเจ้าจะไม่ทำแบบเดียวกันเพื่อประโยชน์ในเรื่องทั้งหลายที่เกี่ยวกับความเชื่อในพระเจ้าของพวกเจ้า  พวกเจ้ากลับเพียงแค่อุทิศตัวมากกว่าคนอื่นและจริงจังแน่วแน่กว่าคนอื่นเมื่อเทียบกัน  นี่คือเหตุที่เรากล่าวว่าคนที่ขาดหัวใจแห่งความจริงใจสุดซึ้งคือคนที่ล้มเหลวในการเชื่อในพระเจ้าของพวกเขา  จงคิดให้ถ้วนถี่เถิด—มีความล้มเหลวอยู่มากมายท่ามกลางพวกเจ้าหรือไม่?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ว่าด้วยบั้นปลาย)  พระวจนะของพระเจ้าช่วยให้ผมเข้าใจว่า การเชื่อในพระเจ้าต้องใช้การไล่ตามเสาะหาความจริงและการลุล่วงในหน้าที่ของตนเอง ด้วยการทำหน้าที่ของเราและการเข้าใจความจริง เราจะค่อยๆ ทิ้งอุปนิสัยเสื่อมทรามของเรา และด้วยเหตุนั้นจึงสามารถรับการช่วยให้รอดจากพระเจ้าได้ ผมจำสิ่งที่องค์พระเยซูเจ้าเคยตรัสไว้ได้ว่า “ทุกคนในพวกท่านที่ไม่ได้สละสิ่งสารพัดที่มีอยู่จะเป็นสาวกของเราไม่ได้(ลูกา 14:33)  ในยุุคพระคุณ เปโตรไม่ไล่ตามเสาะหาความร่ำรวย ชื่อเสียง หรือผลประโยชน์ เมื่อองค์พระเยซูเจ้าทรงเรียกหาเขา เขาสามารถปล่อยวางจากการทำประมงของตนและติดตามพระองค์ สิ่งที่เขาไล่ตามเสาะหามีเพียงความจริง การลุล่วงหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง และการรู้จักตัวเองผ่านพระวจนะของพระเจ้า ทิ้งอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของตัวเอง ท้ายที่สุด เขาเป็นพยานที่งดงามและกึกก้องให้พระเจ้า เขาได้รับการทำให้เพียบพร้อมโดยพระองค์ และใช้ชีวิตที่มีความหมาย เมื่อคิดทบทวนถึงประสบการณ์ของเปโตร ผมก็ตระหนักได้ว่า การไล่ตามเสาะหาความจริงและปฏิบัติหน้าที่ของเรานั้นช่างมีความหมาย ตอนนี้วิบัติอันยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าผมยังเกาะติดกับการไล่ตามเสาะหาความร่ำรวย ชื่อเสียง และผลประโยชน์ ละเลยความจริงและหน้าที่ของตัวเอง ก็จะสายเกินไป ท้ายที่สุด ผมจะมีแต่ตกลงสู่วิบัติ ร้องไห้คร่ำครวญและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ผมต้องเอาอย่างเปโตรและไล่ตามเสาะหาความจริง ผมไม่อาจให้การหาเงินมาก่อนการปฏิบัติหน้าที่ของผม เพื่อให้สามารถเข้าร่วมการชุมนุมเป็นประจำและทำหน้าที่ของผมได้ ผมหารือกับภรรยาถึงความคิดเรื่องการขายเครื่องมือก่อสร้างทั้งหมดของเราให้คนอื่น และรับงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อรักษาความเป็นอยู่ของเรา ตอนแรกภรรยาผมไม่เห็นด้วย แต่ผมอธิบายความคิดและความเข้าใจของผมให้เธอฟัง และเธอก็ไม่คัดค้านอีก ต่อมา ผมก็ขายเครื่องมือทั้งหมดและอุทิศตนให้กับการปฏิบัติหน้าที่แบบเต็มเวลา ในการทำหน้าที่ของผม ผมพบว่า งานและการชี้นำของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นอยู่ในความร่วมมือของผมกับเหล่าพี่น้องชายหญิง และผมรูู้สึกได้รับการปลดปล่อยและเป็นอิสระ เมื่อไรก็ตามที่ผมเผยให้เห็นความเสื่อมทรามของตัวเอง ผมจะแสวงหาความจริง ทบทวนและพยายามรู้ถึงเจตนาของตัวเอง รวมทั้งธรรมชาติและผลที่ตามมาของการกระทำของผม เมื่อผมสามารถขัดขืนตัวเองและปฏิบัติตนสอดคล้องกับหลักธรรมความจริงได้ ผมรู้สึกถึงความชื่นบานยินดีและความสงบในใจ ด้วยประสบการณ์นี้ ผมได้รับความเข้าใจที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงถึงความสำคัญของการไล่ตามเสาะหาความจริงและการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง

ผ่านไปสักระยะ ระหว่างที่ผมทำงานเล็กๆ น้อยๆ อยู่ เจ้านายของผมพูดกับผมว่า “ผมรู้ว่าคุณมีความสามารถบริหารโครงการก่อสร้างได้ ที่นี่มีงานเยอะนะ กำไรก็ดีพอใช้ เรามาร่วมมือกันเถอะ หุ้นกันคนละครึ่ง เป็นไปได้นะที่เราจะหาเงินได้คนละหลายแสนหยวน” พอได้ยินเจ้านายพูดแบบนั้น ผมก็รู้สึกลังเลใจ และคิดว่า “นี่เป็นโอกาสหาเงินก้อนโตที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ถ้าฉันทำแบบนี้สัก 2-3 ปี ฉันอาจหาเงินได้หลายล้านเลย ชีวิตจะดีขึ้นอีกหน่อย ฉันตกลงตามข้อเสนอของเจ้านายดีไหมนะ?” แต่แล้วผมก็เกิดความคิดขึ้นมาอีกอย่าง “ถ้าฉันไปทำงานบริหารโครงการเพื่อเงิน ฉันจะไปร่วมการชุมนุมกับทำหน้าที่ได้อย่างไร? ฉันจะเสียโอกาสได้รับความจริงและได้รับการช่วยให้รอดจากพระเจ้า นี่่คืออุบายของซาตานไม่ใช่หรือ? ซาตานกำลังพยายามล่อลวงฉันด้วยเงิน แต่ฉันจะหลงกลมันไม่ได้” ผมจึงปฏิเสธเจ้านาย เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของผม เจ้านายผมก็กลับไปอย่างผิดหวัง

จากประสบการณ์เหล่านี้ ผมตระหนักถึงโทษและผลที่ตามมาจากการไล่ตามเสาะหาความร่ำรวย ชื่อเสียง และผลประโยชน์ ผมมองข้อเท็จจริงได้ทะลุปรุโปร่งว่าซาตานใช้เงินทองมาทดลองและทำให้คนเสื่อมทราม ผมยังเข้าใจด้วยว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เราไล่ตามเสาะหาความจริงและปล่อยวางเรื่องความร่ำรวย เพื่อปลดปล่อยเราจากการทำร้ายของซาตานและช่วยให้เราได้มาซึ่งความจริงและการช่วยให้รอดของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่มีความหมายและมีค่าที่สุด ตอนนี้ผมสามารถละวางงานกับเงินไว้ก่อน และทุ่มเทตัวเองอย่างเต็มที่ในการทำหน้าที่ของผม ด้วยการชี้นำจากพระวจนะของพระเจ้า ผมจึงได้รับความรู้ทั้งหมดนี้และเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขอบคุณพระเจ้า!

ก่อนหน้า: 90. ฉันจะไม่คร่ำครวญเรื่องชะตากรรมของตัวเองอีกต่อไป

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

29. ข้าราชการกลับใจ

โดย เจินซิน ประเทศจีนพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ตั้งแต่การทรงสร้างโลกจนถึงปัจจุบันนี้...

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger