ต. ว่าด้วยวิธีไล่ตามเสาะหาการรักพระเจ้า

436. เนื้อแท้ของพระเจ้ามิใช่มีไว้เพียงเพื่อให้มนุษย์เชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น นั่นมีไว้เพื่อให้มนุษย์รัก แต่หลายคนในบรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้าไม่สามารถที่จะค้นพบ “ความลับ” นี้ ผู้คนไม่กล้าที่จะรักพระเจ้า อีกทั้งพวกเขาไม่ลองพยายามที่จะรักพระองค์ พวกเขาไม่เคยได้ค้นพบว่ามีมากมายนักเกี่ยวกับพระเจ้าซึ่งควรค่าที่จะรัก พวกเขาไม่เคยได้ค้นพบว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ซึ่งทรงรักมนุษย์ และว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ซึ่งสถิตอยู่เพื่อให้มนุษย์รัก ความน่ารักชื่นชมของพระเจ้าแสดงออกในพระราชกิจของพระองค์ เฉพาะเมื่อพวกเขาได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระองค์แล้วเท่านั้น ผู้คนจึงสามารถค้นพบความน่ารักชื่นชมของพระองค์ ด้วยประสบการณ์จากการลงมือทำจริงของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาจึงสามารถซาบซึ้งในความน่ารักชื่นชมของพระเจ้า และไม่มีใครเลยที่สามารถค้นพบความน่ารักชื่นชมของพระเจ้าได้หากปราศจากการสังเกตการนั้นในชีวิตจริง มีมากมายนักเกี่ยวกับพระเจ้าที่ให้รัก แต่หากปราศจากการเข้าเชื่อมความสัมพันธ์กับพระองค์อย่างลงมือทำจริง ผู้คนย่อมไม่สามารถที่จะค้นพบมันได้ กล่าวคือ หากพระเจ้าไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ผู้คนคงจะไม่สามารถเข้าเชื่อมความสัมพันธ์กับพระองค์อย่างลงมือทำจริงได้ และหากพวกเขาไร้สามารถที่จะเข้าเชื่อมความสัมพันธ์กับพระองค์อย่างลงมือทำจริง พวกเขายังคงจะไม่สามารถได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระองค์ได้เช่นกัน—และดังนั้นความรักของพวกเขาสำหรับพระเจ้าคงจะด่างพร้อยไปด้วยความเท็จและจินตนาการอันมากมาย ความรักสำหรับพระเจ้าบนสวรรค์ไม่เป็นจริงเหมือนความรักสำหรับพระเจ้าบนแผ่นดินโลก ด้วยเหตุที่ความรู้ของผู้คนเกี่ยวกับพระเจ้าบนสวรรค์ถูกสร้างขึ้นบนการจินตนาการทั้งหลายของพวกเขา แทนที่จะเป็นบนสิ่งซึ่งพวกเขาได้เห็นกับตาของตัวเองและสิ่งซึ่งพวกเขาได้รับประสบการณ์ด้วยตนเองโดยเฉพาะ เมื่อพระเจ้าเสด็จมายังแผ่นดินโลก ผู้คนสามารถมองดูกิจการที่พระองค์ทรงทำจริงและความน่ารักชื่นชมของพระองค์ และพวกเขาสามารถเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพระอุปนิสัยปกติและสัมพันธ์กับชีวิตจริงของพระองค์ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นจริงกว่าความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าบนสวรรค์นับหลายพันเท่า ไม่ว่าผู้คนจะรักพระเจ้าบนสวรรค์มากเพียงใดก็ตาม ไม่มีอะไรเป็นจริงเกี่ยวกับความรักนี้ และนั่นเต็มไปด้วยแนวคิดทั้งหลายแบบมนุษย์ ไม่สำคัญว่าความรักของพวกเขาสำหรับพระเจ้าบนแผ่นดินโลกจะน้อยนิดเพียงใด ความรักนี้ก็ยังคงเป็นจริง ต่อให้มีความรักนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยังคงมีความจริงแท้ พระเจ้าทรงทำให้ผู้คนรู้จักพระองค์โดยผ่านทางพระราชกิจที่เป็นจริง และพระองค์ทรงได้รับความรักของพวกเขาโดยผ่านทางความรู้นี้เอง นั่นก็เหมือนกับเปโตรตรงที่ว่า หากเขาไม่ได้ใช้ชีวิตกับพระเยซู คงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะชื่นชมบูชาพระเยซู ดังนั้น ความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อพระเยซูก็ถูกสร้างขึ้นบนการเข้าเชื่อมความสัมพันธ์ของเขากับพระเยซูด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะทำให้มนุษย์รักพระองค์ พระเจ้าจึงได้เสด็จมาท่ามกลางมนุษย์และทรงดำเนินพระชนม์ชีพร่วมกับมนุษย์ และทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำให้มนุษย์เห็นและได้รับประสบการณ์ก็คือความเป็นจริงของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าจะดำเนินชีวิตภายในความสว่างแห่งพระองค์ตลอดกาล

437. “ความรัก” ก็เป็นดั่งชื่อของมันซึ่งอ้างอิงถึงอารมณ์ความรู้สึกหนึ่งซึ่งบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน ที่เจ้าใช้หัวใจของเจ้าเพื่อรัก เพื่อรู้สึก และเพื่อไตร่ตรอง ในความรักไม่มีเงื่อนไข ไม่มีสิ่งกีดขวาง และไม่มีระยะห่าง ในความรักไม่มีความสงสัย ไม่มีการหลอกลวง และไม่มีความเจ้าเล่ห์ ในความรักไม่มีการค้าขาย และไม่มีสิ่งใดไม่บริสุทธิ์ หากเจ้ารัก เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่หลอกลวง พร่ำบ่น ทรยศ ก่อกบฏ เรียกร้องหรือแสวงหาที่จะได้รับบางสิ่งหรือได้รับในบางปริมาณที่เจาะจง หากเจ้ารัก เจ้าก็จะมอบอุทิศตัวของเจ้าอย่างยินดี จะทนทุกข์ความยากลำบากอย่างยินดี เจ้าจะไปกันได้กับเรา เจ้าจะละทิ้งทุกอย่างที่เจ้ามีเพื่อเรา เจ้าจะยอมละทิ้งครอบครัวของเจ้า อนาคตของเจ้า วัยเยาว์ของเจ้า และการสมรสของเจ้า หาไม่แล้ว ความรักของเจ้าจะไม่ใช่ความรักเลย แต่เป็นการหลอกลวงและการทรยศ! ความรักของเจ้าเป็นแบบใด? มันคือรักแท้? หรือเทียมเท็จ? เจ้าได้ละทิ้งมากเพียงใด? เจ้าได้มอบถวายให้มากเพียงใด? เราได้รับความรักจากเจ้ามากเพียงใด? เจ้ารู้หรือไม่? หัวใจของพวกเจ้าเต็มไปด้วยความชั่วร้าย การทรยศ และความหลอกลวง—ดังนั้นแล้ว ความรักของพวกเจ้ามากเท่าใดที่ไม่บริสุทธิ์? พวกเจ้าคิดว่าเจ้าได้ยอมละทิ้งเพื่อเรามากพอแล้ว พวกเจ้าคิดว่าความรักที่พวกเจ้ามีต่อเรานั้นมากพอแล้ว แต่ถ้าเช่นนั้น เหตุใดคำพูดและการกระทำของพวกเจ้าจึงเป็นกบฏและหลอกลวงอยู่เสมอ? พวกเจ้าติดตามเรา แต่เจ้าไม่รับรู้ถึงวจนะของเรา สิ่งนี้ถือเป็นความรักหรือ? พวกเจ้าติดตามเรา แต่กระนั้น พอถึงเวลา เจ้าก็กำจัดเราให้พ้นทาง สิ่งนี้ถือเป็นความรักหรือ? พวกเจ้าติดตามเราแต่เจ้าไม่เชื่อใจเรา สิ่งนี้ถือเป็นความรักหรือ? พวกเจ้าติดตามเรา แต่เจ้าไม่สามารถยอมรับการดำรงอยู่ของเราได้ สิ่งนี้ถือเป็นความรักหรือ? พวกเจ้าติดตามเรา แต่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติต่อเราอย่างเหมาะสมกับผู้ที่เราเป็น และเจ้าทำให้สิ่งต่างๆ ยากสำหรับเราในทุกครั้งที่เราพยายามทำบางสิ่ง สิ่งนี้ถือเป็นความรักหรือ? พวกเจ้าติดตามเรา แต่เจ้าพยายามหลอกและโป้ปดเราในทุกเรื่อง สิ่งนี้ถือว่าเป็นความรักหรือไม่? พวกเจ้ารับใช้เรา แต่เจ้าไม่ได้เกรงกลัวเรา สิ่งนี้ถือเป็นความรักหรือ? พวกเจ้าต่อต้านเราในทุกด้านและทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหมดนี้ถือเป็นความรักหรือ? พวกเจ้าได้มอบอุทิศมามาก นั่นคือความจริง แต่พวกเจ้าก็ยังไม่เคยปฏิบัติในสิ่งที่เราพึงประสงค์จากพวกเจ้า สิ่งนี้สามารถถือเป็นความรักได้หรือ? จากการคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแสดงให้เห็นว่าภายในพวกเจ้าไม่มีเค้าของความรักต่อเราเลยแม้แต่น้อย หลังจากช่วงเวลาการทำงานหลายปีของเราและวจนะมากมายที่เราได้จัดหาให้ พวกเจ้าได้รับไปจริงๆ มากเท่าใด? สิ่งนี้ไม่ควรค่าแก่การมองย้อนกลับไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนหรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ผู้ที่ถูกเรียกมีมากมาย แต่ผู้ที่ถูกเลือกมีเพียงนิดเดียว

438. ไม่มีบทเรียนใดลึกซึ้งไปกว่าบทเรียนของการรักพระเจ้า และอาจกล่าวได้ว่าบทเรียนที่ผู้คนเรียนรู้จากเวลาทั้งชีวิตเกี่ยวกับความเชื่อก็คือจะรักพระเจ้าได้อย่างไรนั่นเอง กล่าวคือ หากเจ้าเชื่อในพระเจ้า เจ้าต้องรักพระเจ้า หากเจ้าเพียงแค่เชื่อในพระเจ้าแต่ไม่รักพระองค์และยังไม่ได้ได้มาซึ่งความรู้เรื่องพระเจ้า และยังไม่เคยรักพระเจ้าด้วยความรักที่แท้จริงซึ่งมาจากภายในหัวใจของเจ้า เช่นนั้นแล้วการเชื่อในพระเจ้าของเจ้าก็ไร้ประโยชน์ หากในการเชื่อในพระเจ้าของเจ้านั้น เจ้าไม่รักพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็มีชีวิตอยู่โดยสูญเปล่า และชีวิตทั้งชีวิตของเจ้าก็ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาชีวิตทั้งหมด หากตลอดชั่วชีวิตของเจ้านั้น เจ้าไม่เคยรักหรือทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย เช่นนั้นแล้วการที่เจ้ามีชีวิตอยู่จะมีประโยชน์อันใด? และการเชื่อในพระเจ้าของเจ้าจะมีประโยชน์อันใด? นั่นไม่ใช่ความพยายามที่สูญเปล่าหรอกหรือ? กล่าวคือ หากผู้คนต้องการที่จะเชื่อและรักพระเจ้า เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะต้องแลกมาด้วยบางอย่าง แทนที่จะพยายามปฏิบัติตนด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งอย่างผิวเผิน พวกเขาควรแสวงหาความรู้ความเข้าใจเชิงลึกที่แท้จริงในส่วนลึกของหัวใจของพวกเขา หากเจ้ามีความกระตือรือร้นในเรื่องการร้องเพลงและการเต้นรำ แต่ไม่สามารถนำความจริงมาปฏิบัติได้ จะพูดว่าเจ้ารักพระเจ้าได้อย่างไร? การรักพระเจ้าพึงต้องมีการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง และจำเป็นที่เจ้าจะต้องสืบลึกลงไปภายในเมื่อบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้า พยายามที่จะจับความเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า และพยายามที่จะมองให้เห็นว่าน้ำพระทัยพระเจ้าคืออะไรในเรื่องนั้น พระองค์ทรงขอให้เจ้าสัมฤทธิ์ผลสิ่งใด และเจ้าควรใส่ใจในน้ำพระทัยของพระองค์อย่างไร ตัวอย่างเช่น บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นซึ่งพึงประสงค์ให้เจ้าต้องสู้อดทนต่อความยากลำบาก ซึ่งในเวลานั้นเจ้าควรเข้าใจว่าน้ำพระทัยพระเจ้าคืออะไร และเจ้าควรใส่ใจในน้ำพระทัยของพระองค์อย่างไร เจ้าจะต้องไม่ทำให้ตนเองพึงพอใจ กล่าวคือ จงวางตัวเจ้าเองลงเสียก่อน ไม่มีสิ่งใดน่าสังเวชมากไปกว่าเนื้อหนัง เจ้าต้องพยายามที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และเจ้าต้องทำหน้าที่ของเจ้าให้สำเร็จลุล่วง ด้วยความคิดทั้งหลายเช่นนี้ พระเจ้าจะทรงนำความรู้แจ้งอันพิเศษมาให้เจ้าในเรื่องนี้ และหัวใจของเจ้าจะพบการชูใจด้วยเช่นกัน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง

439. วันนี้ พวกเจ้าทุกคนรู้ว่าการเชื่อในพระเจ้าของมนุษย์นั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อความรอดของจิตใจและความอยู่ดีมีสุขของเนื้อหนังแต่เพียงประการเดียวเท่านั้น อีกทั้งไม่ได้เป็นไปเพื่อการทำให้ชีวิตของเขาบริบูรณ์ขึ้นโดยผ่านทางการรักพระเจ้า เป็นต้น ดังที่เป็นอยู่ขณะนี้ หากเจ้ารักพระเจ้าเพื่อประโยชน์ของความอยู่ดีมีสุขของเนื้อหนัง หรือความเพลิดเพลินเพียงชั่วครู่ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว แม้ว่าในท้ายที่สุด ความรักของเจ้าต่อพระเจ้าจะไปถึงจุดสูงสุดและเจ้าไม่ได้ร้องขออะไรมากไปกว่านั้น ความรักนี้ที่เจ้าแสวงหายังคงเป็นความรักที่เจือปนและไม่เป็นที่พึงพอพระทัยต่อพระเจ้า พวกที่ใช้ความรักต่อพระเจ้าเพื่อทำให้การดำรงอยู่อันโฉดเขลาของตนบริบูรณ์ขึ้นและเติมช่องว่างในหัวใจของตนนั้น คือผู้คนประเภทที่โลภโมโทสันเพื่อชีวิตที่มีความสบาย ไม่ใช่บรรดาผู้ที่พยายามที่จะรักพระเจ้าอย่างแท้จริง ความรักประเภทนี้ถูกบีบบังคับ มันเป็นการไล่ตามเสาะหาความพึงพอใจทางจิตใจ และพระเจ้าไม่จำเป็นต้องทรงมีมัน เช่นนั้นแล้ว ความรักของเจ้าคือความรักประเภทใดกัน? เจ้ารักพระเจ้าเพื่ออะไร? มีความรักที่แท้จริงต่อพระเจ้ามากเพียงใดภายในตัวเจ้าในขณะนี้? ความรักของพวกเจ้าส่วนใหญ่คือความรักประเภทที่ได้กล่าวมาแล้ว ความรักเช่นนั้นสามารถคงไว้ได้เพียงสถานะปัจจุบันที่เป็นอยู่เท่านั้น มันไม่สามารถบรรลุถึงสภาวะแห่งการเปลี่ยนแปลงไปได้ อีกทั้งมันก็ไม่สามารถหยั่งรากลึกในมนุษย์ได้ ความรักประเภทนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานและเหี่ยวเฉาไปโดยไม่ได้ออกดอกออกผลเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หลังจากที่เจ้าได้รักพระเจ้าแล้วในแบบอย่างเช่นนั้น หากไม่มีใครสักคนที่จะนำพาเจ้าในเส้นทางข้างหน้า เมื่อนั้น เจ้าก็จะย่อยยับ หากเจ้าสามารถรักพระเจ้าได้ในช่วงเวลาของการรักพระเจ้าเพียงเท่านั้น แต่ภายหลังอุปนิสัยของชีวิตของเจ้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะยังคงไม่สามารถหนีพ้นจากภายใต้การปกคลุมแห่งอิทธิพลของความมืด เจ้าจะยังคงไร้ความสามารถที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของซาตานและเล่ห์เพทุบายของมัน ไม่มีใครเยี่ยงบุคคลเช่นนี้จะสามารถได้รับการทรงรับไว้โดยพระเจ้าอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ในท้ายที่สุดแล้ว จิตวิญญาณ ดวงจิต และร่างกายของพวกเขาจะยังคงเป็นของซาตาน ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับการนี้เลย ผู้คนทุกคนที่ไม่สามารถได้รับการทรงรับไว้โดยพระเจ้าอย่างครบถ้วนบริบูรณ์จะกลับไปยังสถานที่ดั้งเดิมของพวกเขา นั่นคือ กลับไปสู่ซาตาน และพวกเขาจะลงไปที่บึงไฟและกำมะถันเพื่อรับการลงโทษขั้นตอนถัดไปจากพระเจ้า บรรดาผู้ที่ได้รับการทรงรับไว้โดยพระเจ้าคือบรรดาผู้ที่ละทิ้งซาตานและหนีพ้นจากแดนครอบครองของมัน พวกเขาถูกนับรวมอย่างเป็นกิจจะลักษณะท่ามกลางผู้คนแห่งราชอาณาจักร นี่คือแบบอย่างที่ผู้คนแห่งราชอาณาจักรกลายมาเป็น เจ้าเต็มใจที่จะกลายเป็นบุคคลประเภทนี้หรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะได้รับการทรงรับไว้โดยพระเจ้าหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะหนีพ้นจากแดนครอบครองของซาตานและกลับสู่พระเจ้าหรือไม่? ขณะนี้เจ้าเป็นของซาตานหรือเจ้าถูกนับรวมท่ามกลางผู้คนแห่งราชอาณาจักร?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ผู้เชื่อควรที่จะยึดถือทัศนคติแบบใด

440. มนุษย์ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้การปกคลุมของอิทธิพลแห่งความมืดมิดเสมอมา ถูกพันธนาการด้วยอิทธิพลของซาตาน ไม่สามารถหลีกหนีไปได้ และอุปนิสัยของเขาหลังจากที่ได้ถูกซาตานแปรสภาพแล้วก็ยิ่งกลายเป็นเสื่อมทรามลงเรื่อยๆ อาจพูดได้ว่ามนุษย์ได้ดำเนินชีวิตท่ามกลางอุปนิสัยอันเสื่อมทรามเยี่ยงซาตานเสมอมา และไม่สามารถรักพระเจ้าได้อย่างแท้จริง เมื่อเป็นดังนี้แล้ว หากมนุษย์ปรารถนาที่จะรักพระเจ้า เขาจะต้องปลดเปลื้องความคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ ความรู้สึกว่าตนสำคัญเหนือผู้อื่น ความโอหัง ความทะนงตน และอื่นๆ ในทำนองนั้น—ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอุปนิสัยของซาตาน หาไม่แล้ว ความรักของมนุษย์ก็จะเป็นความรักที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นความรักเยี่ยงซาตาน และเป็นความรักซึ่งไม่สามารถได้รับการเห็นชอบจากพระเจ้าโดยสิ้นเชิง หากไม่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม ไม่ได้รับการจัดการ ไม่ได้ถูกทำลาย ไม่ได้รับการตัดแต่ง ไม่ได้ถูกคุมวินัย ไม่ได้ถูกตีสอน และไม่ได้รับการถลุงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยตรง ก็จะไม่มีใครสามารถรักพระเจ้าได้อย่างแท้จริงเลย

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์ที่เสื่อมทรามไม่สามารถเป็นตัวแทนพระเจ้าได้

441. เมื่อผู้คนติดต่อพระเจ้าด้วยหัวใจของพวกเขา เมื่อหัวใจของพวกเขามีความสามารถที่จะหันไปหาพระองค์ได้อย่างครบบริบูรณ์ นี่คือขั้นตอนแรกในความรักพระเจ้าของมนุษย์ หากเจ้าต้องการรักพระเจ้า อันดับแรกเจ้าต้องมีความสามารถที่จะหันหัวใจของเจ้าไปหาพระองค์ให้ได้ก่อน การหันหัวใจของเจ้าไปหาพระเจ้าคืออะไร? คือเมื่อทุกสิ่งที่เจ้าไล่ตามเสาะหาในหัวใจของเจ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการรักและการได้รับพระเจ้า นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าได้หันหัวใจของเจ้าไปหาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว และนอกเหนือจากพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์แล้ว แทบไม่มีสิ่งอื่นใดในหัวใจของเจ้า (ครอบครัว ความร่ำรวย สามี ภรรยา บุตร เป็นต้น) ถึงแม้ว่ามี สิ่งต่างๆ ดังกล่าวไม่สามารถครองหัวใจของเจ้าได้ และเจ้าไม่คิดถึงความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ในอนาคตของเจ้า ยกเว้นการไล่ตามเสาะหาการรักพระเจ้าเท่านั้น ในเวลาดังกล่าวเจ้าจะได้หันหัวใจของเจ้าไปหาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว สมมติว่าเจ้ายังคงกำลังวางแผนเพื่อตัวเจ้าเองในหัวใจของเจ้า และไล่ตามเสาะหาผลประโยชน์ส่วนตนโดยคิดอยู่เสมอว่า: “ฉันจะร้องขอเล็กๆ น้อยๆ จากพระเจ้าได้เมื่อใด? ครอบครัวของฉันจะกลายเป็นร่ำรวยเมื่อใด? ฉันจะได้เสื้อผ้าดีๆ บ้างเมื่อใด?…” หากเจ้ากำลังใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าหัวใจของเจ้ายังไม่ได้หันไปหาพระเจ้าอย่างครบถ้วน หากเจ้ามีเพียงพระวจนะของพระเจ้าในหัวใจของเจ้า และเจ้ามีความสามารถที่จะอธิษฐานต่อพระเจ้าและกลายมาใกล้ชิดพระองค์อยู่เสมอ—เสมือนว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดกับเจ้ามาก เสมือนว่าพระเจ้าทรงอยู่ภายในตัวเจ้าและเจ้าอยู่ภายในพระองค์—หากเจ้าอยู่ในสภาวะแบบนั้น นั่นหมายความว่าหัวใจของเจ้าอยู่ในการสถิตของพระเจ้า หากเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้า และกินและดื่มพระวจนะของพระองค์ทุกวัน นึกถึงงานของคริสตจักรอยู่เสมอ และหากเจ้าแสดงการคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า ใช้หัวใจของเจ้าเพื่อรักพระองค์อย่างจริงแท้ และทำให้พระองค์สมดังพระทัย เช่นนั้นแล้วหัวใจของเจ้าจะเป็นของพระเจ้า หากหัวใจของเจ้าถูกสิ่งอื่นๆ มากมายครองอยู่ เช่นนั้นแล้วหัวใจของเจ้าก็ยังคงถูกซาตานครอง และยังไม่ได้หันไปหาพระเจ้าอย่างแท้จริง เมื่อหัวใจของใครสักคนหันไปหาพระเจ้าอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาจะมีความรักที่จริงแท้ซึ่งเกิดขึ้นเองเพื่อพระองค์ และจะสามารถพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้าได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจยังคงมีช่วงเวลาแห่งความเขลาและความไร้เหตุผล แต่พวกเขาแสดงความกังวลต่อผลประโยชน์ของพระนิเวศของพระเจ้า พระราชกิจของพระองค์ และการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของพวกเขาเอง และหัวใจของพวกเขานั้นมีเจตนาที่ดี ผู้คนบางคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นไปเพื่อคริสตจักร ทั้งที่อันที่จริงแล้วพวกเขากำลังทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวพวกเขาเอง ผู้คนเยี่ยงนี้มีเจตนาแบบผิดๆ พวกเขาคดโกงและหลอกลวง และสิ่งที่พวกเขาทำนั้นส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขาเอง คนจำพวกนี้ไม่ได้ไล่ตามเสาะหาความรักของพระเจ้า หัวใจของพวกเขายังคงเป็นของซาตาน และไม่สามารถหันไปหาพระเจ้าได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงไม่ทรงมีวิถีทางใดที่จะได้รับคนจำพวกนี้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, รักอันจริงแท้สำหรับพระเจ้าเกิดขึ้นได้เอง

442. ในทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำภายในผู้คนนั้น ภายนอกแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นการปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายระหว่างผู้คน ราวกับว่ากำเนิดมาจากการจัดการเตรียมการของมนุษย์หรือจากการแทรกแซงของมนุษย์ แต่หลังฉากนั้น ทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือเดิมพันที่ซาตานได้วางไว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพึงต้องให้ผู้คนตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาต่อพระเจ้า เพื่อเป็นตัวอย่าง จงดูเมื่อโยบถูกทดสอบ กล่าวคือ หลังฉากนั้น ซาตานกำลังวางเดิมพันกับพระเจ้า และสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับโยบนั้นคือความประพฤติของพวกมนุษย์และการแทรกแซงของพวกมนุษย์ เบื้องหลังทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในตัวพวกเจ้าคือเดิมพันของซาตานกับพระเจ้า—เบื้องหลังมันทั้งหมดคือการสู้รบ ตัวอย่างเช่น หากเจ้ามีอคติต่อบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้า เจ้าจะมีคำพูดที่เจ้าต้องการพูด—คำพูดซึ่งเจ้ารู้สึกว่าอาจเป็นที่ไม่พอพระทัยต่อพระเจ้า—แต่หากเจ้าไม่พูดคำพูดเหล่านั้น เจ้าจะรู้สึกถึงความกระอักกระอ่วนภายใน และ ณ ชั่วขณะนี้ การสู้รบจะเริ่มขึ้นภายในตัวเจ้า กล่าวคือ “ฉันจะพูดหรือไม่พูดดี” นี่คือการสู้รบ ด้วยเหตุนี้ ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเผชิญมีการสู้รบอย่างหนึ่ง และเมื่อมีการสู้รบภายในตัวเจ้า เนื่องเพราะความร่วมมือจริงและความทุกข์จริงของเจ้า พระเจ้าจึงทรงพระราชกิจภายในตัวเจ้า ท้ายที่สุด เจ้าจะสามารถละวางเรื่องนั้นลงได้ภายในตัวของเจ้าและโทสะก็ดับไปตามธรรมชาติ เช่นนั้นคือผลจากความร่วมมือของเจ้ากับพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้คนทำพึงกำหนดให้พวกเขาต้องจ่ายราคาหนึ่งในความพยายามทั้งหลายของพวกเขา หากปราศจากความยากลำบากจริง พวกเขาจะไม่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ พวกเขาไม่แม้กระทั่งมาใกล้เคียงกับการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยเลย และพวกเขาก็แค่พ่นคำขวัญที่ว่างเปล่าทั้งหลายเท่านั้น! คำขวัญที่ว่างเปล่าเหล่านี้จะสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้หรือ? เมื่อพระเจ้าและซาตานทำการสู้รบในอาณาจักรฝ่ายจิตวิญญาณ เจ้าควรทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยอย่างไร และเจ้าควรตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าต่อพระองค์อย่างไร? เจ้าควรรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้าเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่และเป็นเวลาที่พระเจ้าทรงจำเป็นต้องให้เจ้าเป็นคำพยาน แม้สิ่งเหล่านั้นอาจดูเหมือนว่าไม่สำคัญจากภายนอก แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพวกมันแสดงให้เห็นว่าเจ้ารักพระเจ้าหรือไม่ หากเจ้ารัก เจ้าจะสามารถตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าต่อพระองค์ได้ และหากเจ้าไม่ได้นำการรักพระองค์ไปปฏิบัติ นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่ใช่ใครบางคนที่นำความจริงไปปฏิบัติ แสดงให้เห็นว่าเจ้าปราศจากความจริง และปราศจากชีวิต แสดงให้เห็นว่าเจ้าคือแกลบ! ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้คนเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าทรงจำเป็นต้องให้พวกเขาตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาต่อพระองค์ แม้ไม่มีอะไรที่สำคัญกำลังเกิดขึ้นกับเจ้า ณ ชั่วขณะนี้และเจ้าไม่ได้เป็นคำพยานที่ยิ่งใหญ่ แต่ทุกรายละเอียดในชีวิตประจำวันของเจ้าก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคำพยานต่อพระเจ้า หากเจ้าสามารถได้รับความเลื่อมใสจากบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้า บรรดาสมาชิกครอบครัวของเจ้า และทุกๆ คนรอบตัวเจ้า หากวันหนึ่ง บรรดาผู้ที่ไม่เชื่อมาหา และเลื่อมใสทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ และเห็นว่าทั้งหมดที่พระเจ้าทรงกระทำนั้นน่ามหัศจรรย์ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะได้เป็นคำพยานแล้ว แม้ว่าเจ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและขีดความสามารถของเจ้านั้นต่ำ แต่เจ้าจะสามารถทำให้พระองค์พึงพอพระทัยและใส่ใจน้ำพระทัยของพระองค์ได้โดยผ่านทางการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า โดยแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าพระราชกิจยิ่งใหญ่ใดที่พระองค์ได้ทรงทำไปในผู้คนที่มีขีดความสามารถต่ำที่สุด เมื่อผู้คนได้มารู้จักพระเจ้าและได้กลายเป็นผู้ชนะทั้งหลายต่อหน้าซาตาน จงรักภักดีต่อพระเจ้าเป็นอย่างมาก เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดมีความกล้ามากไปกว่าผู้คนกลุ่มนี้ และนี่เป็นคำพยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้ว่าเจ้าจะไร้ความสามารถในการทำงานที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้าก็สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ คนอื่นๆ ไม่สามารถละวางมโนคติอันหลงผิดทั้งหลายของพวกเขาลงได้ แต่เจ้าสามารถทำได้ คนอื่นๆ ไม่สามารถเป็นคำพยานต่อพระเจ้าในช่วงระหว่างประสบการณ์จริงของพวกเขาได้ แต่เจ้าสามารถใช้วุฒิภาวะแท้จริงและการกระทำทั้งหลายของเจ้าเพื่อตอบแทนความรักของพระเจ้าและเป็นคำพยานที่กังวานก้องต่อพระองค์ได้ นี่เท่านั้นที่ถือเป็นการรักพระเจ้าอย่างแท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง

443. ยิ่งเจ้านำความจริงไปฝึกฝนปฏิบัติมากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งมีความจริงมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเจ้านำความจริงไปฝึกฝนปฏิบัติมากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งครองความรักของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเจ้านำความจริงไปฝึกฝนปฏิบัติมากขึ้นเท่าใด พระเจ้าก็ยิ่งทรงอวยพรเจ้ามากขึ้นเท่านั้น หากเจ้าฝึกฝนปฏิบัติในหนทางนี้เสมอ ความรักของพระเจ้าที่มีให้เจ้าจะค่อยๆ ทำให้เจ้าได้เห็น เหมือนดั่งที่เปโตรได้มารู้จักพระเจ้าไม่มีผิด กล่าวคือ เปโตรได้พูดว่าพระเจ้าไม่เพียงทรงมีพระปรีชาญาณในการสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่งเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น ได้พูดว่าพระองค์ยังทรงมีพระปรีชาญาณในการทรงพระราชกิจจริงในผู้คนเช่นกัน เปโตรได้พูดว่าพระองค์ไม่เพียงทรงคู่ควรกับความรักของผู้คนเพราะการทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่งของพระองค์เท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น เพราะพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการทรงสร้างมนุษย์ ในการทรงช่วยมนุษย์ให้รอด ในการทรงทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม และในการทรงยกความรักของพระองค์ให้เป็นมรดกแก่มนุษย์เช่นกัน เปโตรได้พูดว่ามีมากมายในพระองค์ซึ่งคู่ควรกับความรักของมนุษย์ด้วยเช่นกัน เปโตรได้พูดกับพระเยซูด้วยว่า “การทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่ง เป็นเหตุผลเดียวเท่านั้นที่พระองค์ทรงสมควรได้รับความรักของมนุษย์หรือ? ในพระองค์นั้นมีมากกว่านี้ที่ควรค่าที่จะรัก พระองค์ทรงปฏิบัติและทรงเคลื่อนไหวในชีวิตจริง พระวิญญาณของพระองค์ทรงสัมผัสข้าพระองค์ภายใน พระองค์ทรงบ่มวินัยข้าพระองค์ พระองค์ทรงตำหนิข้าพระองค์—สิ่งเหล่านี้ยิ่งคู่ควรกับความรักของผู้คนมากขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ” หากเจ้าปรารถนาที่จะได้เห็นและได้รับประสบการณ์กับความรักของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ย่อมจะต้องท่องสำรวจและแสวงหาในชีวิตจริงและจะต้องเต็มใจที่จะละวางเนื้อหนังของเจ้าเองลงไว้ก่อน เจ้าจะต้องตั้งปณิธานนี้ เจ้าจะต้องเป็นใครบางคนที่มีความแน่วแน่ผู้ซึ่งสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ในทุกสรรพสิ่ง โดยปราศจากการเกียจคร้านหรือการละโมบในความชื่นชมยินดีของเนื้อหนัง ไม่ใช่มีชีวิตอยู่เพื่อเนื้อหนังแต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า อาจมีบางเวลาที่เจ้าไม่ได้ทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า คราวหน้า แม้ว่านั่นจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เจ้าก็จะต้องทำให้พระองค์พึงพอพระทัยและจะต้องไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง เมื่อเจ้าได้รับประสบการณ์ในหนทางนี้ เจ้าจะได้มารู้จักพระเจ้า เจ้าจะเห็นว่าพระเจ้าทรงสามารถสร้างฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่ง ว่าพระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อที่ผู้คนสามารถมองเห็นพระองค์จริงๆ และเข้าเชื่อมความสัมพันธ์กับพระองค์จริงๆ เจ้าจะเห็นว่าพระองค์ทรงสามารถดำเนินไปในหมู่มนุษย์ และว่าพระวิญญาณของพระองค์ทรงสามารถทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมในชีวิตจริง ทรงยอมให้พวกเขาเห็นความน่ารักชื่นชมของพระองค์และได้รับประสบการณ์กับความมีวินัยของพระองค์ การตีสอนของพระองค์ และพระพรของพระองค์ หากเจ้าได้รับประสบการณ์ในหนทางนี้เสมอ ในชีวิตจริงเจ้าจะไม่สามารถแยกจากพระเจ้าได้ และหากวันหนึ่งสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าไม่ปกติต่อไป เจ้าก็จะสามารถทนทุกข์จากการตำหนิและรู้สึกผิดได้ เมื่อเจ้ามีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า เจ้าจะไม่มีวันปรารถนาที่จะทิ้งพระเจ้า และหากวันหนึ่งพระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงทิ้งเจ้า เจ้าจะกลัว และจะพูดว่าเจ้าน่าจะตายเสียดีกว่าที่จะถูกพระเจ้าทรงทิ้งไป ทันทีที่เจ้ามีอารมณ์เหล่านี้ เจ้าจะรู้สึกว่าเจ้าไม่สามารถที่จะทิ้งพระเจ้าได้ และในหนทางนี้ เจ้าจะมีรากฐานอย่างหนึ่ง และจะชื่นชมความรักของพระเจ้าอย่างแท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าจะดำเนินชีวิตภายในความสว่างแห่งพระองค์ตลอดกาล

444. วันนี้เจ้ารักพระเจ้ามากเพียงใด? และเจ้ารู้ทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงทำไว้ในตัวเจ้ามากเพียงใด? เหล่านี้คือสิ่งที่เจ้าควรจะเรียนรู้ เมื่อพระเจ้าเสด็จมาถึงบนแผ่นดินโลก ทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงทำในมนุษย์และยอมให้มนุษย์มองเห็นนั้น ก็เพื่อที่มนุษย์จะได้รักพระองค์และรู้จักพระองค์อย่างแท้จริง ที่มนุษย์มีความสามารถที่จะทนทุกข์เพื่อพระเจ้า และมีความสามารถที่จะมาได้ไกลถึงเพียงนี้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรักของพระเจ้า และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะความรอดของพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะการพิพากษาและพระราชกิจแห่งการตีสอนที่พระเจ้าได้ทรงดำเนินการในมนุษย์ หากเจ้าปราศจากการพิพากษา การตีสอน และการทดสอบของพระเจ้า และหากพระเจ้ามิได้ทรงทำให้พวกเจ้าทนทุกข์แล้วไซร้ เช่นนั้นแล้ว พูดตรงๆ ก็คือ พวกเจ้าก็มิได้รักพระเจ้าอย่างแท้จริงเลย ยิ่งพระราชกิจของพระเจ้าในมนุษย์ยิ่งใหญ่ขึ้นเท่าใด และยิ่งความทุกข์ของมนุษย์ใหญ่หลวงมากขึ้นเท่าใด ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นเท่านั้นว่าพระราชกิจของพระเจ้ามีความหมายมากเพียงใด และหัวใจของมนุษย์ผู้นั้นก็จะยิ่งมีความสามารถที่จะรักพระเจ้าได้อย่างแท้จริงมากขึ้นเท่านั้น เจ้าเรียนรู้วิธีรักพระเจ้าอย่างไร? เมื่อปราศจากความทรมานและกระบวนการถลุง ปราศจากการทดสอบอันแสนเจ็บปวด—และยิ่งกว่านั้น หากทั้งหมดที่พระเจ้าทรงให้แก่มนุษย์คือพระคุณ ความรัก และความปรานี—เจ้าจะสามารถไปถึงจุดแห่งการรักพระเจ้าอย่างแท้จริงได้หรือไม่? ในด้านหนึ่ง ในระหว่างการทดสอบของพระเจ้า มนุษย์ได้มารู้ความขาดตกบกพร่องของเขาและได้มาเห็นว่าเขานั้นไม่สำคัญ น่าเหยียดหยาม และต่ำต้อย ว่าเขาไม่มีสิ่งใดและไม่ใช่สิ่งใดเลย ในอีกด้านหนึ่ง ในระหว่างการทดสอบของพระองค์ พระเจ้าทรงสร้างสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันสำหรับมนุษย์ที่ทำให้มนุษย์มีความสามารถที่จะรับประสบการณ์กับความดีงามของพระเจ้าได้มากขึ้น แม้ว่าความเจ็บปวดนั้นจะใหญ่หลวง และบางครั้งไม่สามารถผ่านพ้นไปได้—กระทั่งถึงระดับของความโศกเศร้าแสนสาหัส—ด้วยการรับประสบการณ์กับมัน มนุษย์มองเห็นว่าพระราชกิจของพระเจ้าในตัวเขาดีงามเพียงใด และบนรากฐานนี้เท่านั้นที่จะมีความรักแท้จริงสำหรับพระเจ้าเกิดขึ้นในมนุษย์ วันนี้ มนุษย์เห็นว่า ด้วยพระคุณ ความรัก และความปรานีของพระเจ้าอย่างเดียวนั้น เขาไม่สามารถพอที่จะรู้จักตัวเขาเองได้อย่างแท้จริง และนับประสาอะไรที่เขาจะมีความสามารถที่จะรู้จักแก่นแท้ของมนุษย์ได้ โดยผ่านทั้งทางกระบวนการถลุงและการพิพากษาของพระเจ้า และในระหว่างกระบวนการถลุงในตัวมันเองนี้เท่านั้น มนุษย์จึงจะสามารถรู้ความขาดตกบกพร่องของเขา และรู้ว่าเขาไม่มีสิ่งใดเลย ด้วยเหตุนี้ ความรักต่อพระเจ้าของมนุษย์จึงถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของกระบวนการถลุงและการพิพากษาของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าสามารถรู้จักความน่ารักของพระเจ้าได้โดยการรับประสบการณ์กับบททดสอบอันเจ็บปวดเท่านั้น

445. วันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้นั้น พวกเขาเชื่อว่าความทุกข์นั้นปราศจากคุณค่า พวกเขาถูกโลกประกาศตัดขาด ชีวิตในบ้านของพวกเขามีปัญหา พวกเขาไม่เป็นที่รักของพระเจ้า และความสำเร็จที่คาดว่าจะเป็นไปได้ในอนาคตของพวกเขามืดมัว ความทุกข์ของผู้คนบางคนไปถึงจุดขีดสุด และความคิดของพวกเขาหันเข้าหาความตาย นี่มิใช่ความรักที่แท้จริงต่อพระเจ้า ผู้คนเช่นนั้นเป็นคนขลาด พวกเขาไม่มีความเพียรพยายาม พวกเขาอ่อนแอและไร้กำลัง! พระเจ้าทรงใคร่กระหายที่จะให้มนุษย์รักพระองค์ แต่ยิ่งมนุษย์รักพระองค์มากขึ้นเท่าใด ความทุกข์ของมนุษย์ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งมนุษย์รักพระองค์มากขึ้นเท่าใด การทดสอบของมนุษย์ก็จะหนักหนาขึ้นเพียงนั้น หากเจ้ารักพระองค์ เช่นนั้นแล้วความทุกข์ทุกประเภทจะบังเกิดขึ้นกับเจ้า—และหากเจ้าไม่รักพระองค์ เช่นนั้นแล้วก็อาจเป็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นสำหรับเจ้า และทั้งหมดรอบตัวเจ้าจะสงบสุข เมื่อเจ้ารักพระเจ้า เจ้าจะรู้สึกว่าหลายอย่างรอบตัวเจ้าไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ และเพราะวุฒิภาวะของเจ้าต่ำมากเกินไปเจ้าจึงจะไม่ได้รับการถลุง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจะไม่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ และเจ้าจะรู้สึกอยู่เสมอว่าน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นสูงส่งเกินไป ว่ามันห่างไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะเอื้อมถึง เนื่องจากทั้งหมดนี้เองเจ้าจึงจะได้รับการถลุง—เพราะมีความอ่อนแอมากมายภายในตัวเจ้า และมากมายที่ไม่สามารถทำให้สมดังน้ำพระทัยพระเจ้าได้ เจ้าจึงจะได้รับการถลุงจากภายใน กระนั้น พวกเจ้ายังต้องมองเห็นอย่างชัดเจนว่าการชำระให้บริสุทธิ์จะสัมฤทธิ์ผลได้ก็โดยผ่านทางกระบวนการถลุงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ในระหว่างวันสุดท้ายเหล่านี้พวกเจ้าต้องเป็นคำพยานต่อพระเจ้า ไม่สำคัญว่าความทุกข์ของเจ้าจะมากมายเพียงใด เจ้าควรต้องเดินไปจนถึงวาระสิ้นสุด และแม้กระทั่งถึงลมหายใจสุดท้ายของพวกเจ้า พวกเจ้ายังคงต้องสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าและนบนอบต่อการจัดการเตรียมการของพระเจ้า การนี้เท่านั้นคือการรักพระเจ้าอย่างแท้จริง และการนี้เท่านั้นคือคำพยานที่หนักแน่นและดังกึกก้อง เมื่อเจ้าถูกซาตานทดลอง เจ้าควรจะกล่าวว่า “หัวใจของฉันเป็นของพระเจ้า และพระเจ้าได้ทรงรับฉันไว้แล้ว ฉันไม่สามารถทำให้เจ้าพึงพอใจได้—ฉันต้องอุทิศทั้งหมดของฉันเพื่อการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย” ยิ่งเจ้าทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยมากขึ้นเท่าใด พระเจ้าก็จะยิ่งทรงอวยพรให้เจ้ามากขึ้นเท่านั้น และพลังความรักของเจ้าต่อพระเจ้าก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นแล้ว เจ้าก็จะมีความเชื่อและความแน่วแน่ด้วยเช่นกัน และจะรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่คู่ควรและมีความสำคัญมากยิ่งไปกว่าชีวิตที่ใช้ไปกับการรักพระเจ้า สามารถกล่าวได้ว่า ตราบใดที่มนุษย์รักพระเจ้า เขาจะไม่มีความเศร้าโศกเลย ถึงแม้จะมีหลายครั้งที่เนื้อหนังของเจ้าอ่อนแอ และเจ้าถูกรุมเร้าด้วยความยากลำบากแท้จริงมากมาย ในระหว่างเวลาเหล่านี้เจ้าจะไว้วางใจในพระเจ้าอย่างแท้จริง และภายในวิญญาณของเจ้าเจ้าจะได้รับการปลอบโยน และเจ้าจะรู้สึกถึงความมั่นใจ และรู้สึกว่าเจ้ามีบางสิ่งให้พึ่งพา ในหนทางนี้ เจ้าจะมีความสามารถเอาชนะสภาพแวดล้อมมากมายได้ และดังนั้นเจ้าจะไม่พร่ำบ่นเกี่ยวกับพระเจ้าเนื่องจากความระทมที่เจ้าทนทุกข์ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เจ้าจะต้องการที่จะร้องเพลง เต้นรำ และอธิษฐาน ต้องการที่จะชุมนุมและพูดคุย ต้องการที่จะพิจารณาพระเจ้า และเจ้าจะรู้สึกว่าผู้คน เรื่องราว และสิ่งต่างๆ ทั้งหมดรอบตัวเจ้าที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้นั้นล้วนเหมาะสม หากเจ้าไม่รักพระเจ้า ทั้งหมดที่เจ้ามองดูจะน่าเบื่อสำหรับเจ้า และไม่มีสิ่งใดที่จะน่าพอใจในสายตาเจ้าเลย ในวิญญาณของเจ้าเจ้าจะไม่เป็นอิสระแต่ถูกบีบคั้น หัวใจของเจ้าจะพร่ำบ่นเกี่ยวกับพระเจ้าตลอดเวลา และเจ้าจะรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าทนทุกข์กับความทรมานมากมายเหลือเกิน และมันช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย หากเจ้ามิได้ไล่ตามเสาะหาเพื่อเห็นแก่ความสุข แต่เพื่อทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และเพื่อมิให้ถูกซาตานกล่าวหา เช่นนั้นแล้วการไล่ตามเสาะหาเช่นนั้นจะมอบพละกำลังอันยิ่งใหญ่ให้เจ้าเพื่อรักพระเจ้า มนุษย์มีความสามารถที่จะกระทำการทั้งหมดที่พระเจ้าตรัส และทั้งหมดที่เขาทำมีความสามารถที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้—นี่คือความหมายของการครอบครองความเป็นจริง การไล่ตามเสาะหาความพึงพอพระทัยของพระเจ้าคือการใช้ความรักของเจ้าต่อพระองค์เพื่อนำพระวจนะของพระองค์มาปฏิบัติ ไม่ว่าเวลาใด—แม้ในยามที่คนอื่นๆ ไม่มีพละกำลัง—ด้านในของเจ้ายังคงมีหัวใจซึ่งรักพระเจ้าอยู่ ซึ่งโหยหาและคิดถึงพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง นี่คือวุฒิภาวะที่แท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าสามารถรู้จักความน่ารักของพระเจ้าได้โดยการรับประสบการณ์กับบททดสอบอันเจ็บปวดเท่านั้น

446. ในระหว่างกระบวนการถลุงอันขมขื่นนี่เองที่มนุษย์สามารถตกไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของซาตานได้อย่างง่ายดายที่สุด ดังนั้นเจ้าควรรักพระเจ้าอย่างไรในระหว่างการถลุงเช่นนี้? เจ้าควรรวบรวมเจตจำนงของเจ้า และวางหัวใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และอุทิศช่วงเวลาสุดท้ายของเจ้าให้กับพระองค์ ไม่ว่าพระเจ้าทรงถลุงเจ้าอย่างไร เจ้าควรมีความสามารถที่จะนำความจริงมาปฏิบัติเพื่อสนองน้ำพระทัยของพระเจ้า และเจ้าควรแสวงหาพระเจ้าและแสวงหาการเข้าสนิทด้วยตัวเจ้าเองโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ ในเวลาต่างๆ เช่นนี้ ยิ่งเจ้านิ่งเฉยเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งกลายเป็นลบมากขึ้นเท่านั้น และจะยิ่งง่ายขึ้นต่อการที่เจ้าจะถดถอย เมื่อเจ้าจำเป็นต้องทำงานตามหน้าที่ของเจ้า แม้เจ้าจะทำมันได้ไม่ดี แต่เจ้าทำทั้งหมดที่สามารถทำได้ และทำเช่นนั้นโดยไม่ได้ใช้อะไรที่มากไปกว่าความรักพระเจ้าของเจ้าเลย ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร—ไม่ว่าพวกเขาจะพูดว่าเจ้าทำได้ดีแล้ว หรือว่าเจ้าทำได้ไม่ดี—เจตนาของเจ้านั้นถูกต้อง และเจ้าไม่ใช่คนที่มองว่าตัวเองชอบธรรมอยู่เสมอ เพราะเจ้ากำลังกระทำในนามของพระเจ้า เมื่อผู้อื่นตีความเจ้าผิด เจ้าก็มีความสามารถที่จะอธิษฐานต่อพระเจ้าและพูดว่า “โอ้ พระเจ้า! ข้าพระองค์ไม่ขอให้ผู้อื่นยอมผ่อนปรนให้ข้าพระองค์หรือปฏิบัติต่อข้าพระองค์อย่างดี อีกทั้งไม่ขอให้พวกเขาเข้าใจหรือเห็นชอบในตัวข้าพระองค์ ข้าพระองค์เพียงขอให้ข้าพระองค์มีความสามารถที่จะรักพระองค์ในหัวใจของข้าพระองค์ได้ ขอให้ข้าพระองค์รู้สึกสบายใจ และขอให้มโนธรรมของข้าพระองค์ชัดเจน ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้คนอื่นชมเชย หรือนับถือข้าพระองค์ให้สูงส่ง ข้าพระองค์เพียงพยายามจากหัวใจของข้าพระองค์ที่จะทำให้พระองค์พึงพอพระทัย ข้าพระองค์รับบทบาทของข้าพระองค์ด้วยการทำทั้งหมดที่ข้าพระองค์ทำได้ และถึงแม้ว่าข้าพระองค์จะโง่เขลา เซ่อซ่า มีขีดความสามารถต่ำ และมืดบอด ข้าพระองค์ก็รู้ว่าพระองค์ทรงดีงาม และข้าพระองค์เต็มใจที่จะอุทิศทั้งหมดที่ข้าพระองค์มีเพื่อพระองค์” ทันทีที่เจ้าอธิษฐานในหนทางนี้ ความรักพระเจ้าของเจ้าก็จะอุบัติขึ้นมา และเจ้าจะรู้สึกผ่อนบรรเทาลงอย่างมากในหัวใจเจ้า นี่คือความหมายของการปฏิบัติความรักที่มีต่อพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์สามารถมีความรักแท้จริงได้ โดยการได้รับประสบการณ์กับกระบวนการถลุงเท่านั้น

447. มนุษย์ควรรักพระเจ้าอย่างไรในระหว่างกระบวนการถลุง? โดยการใช้ความแน่วแน่ที่จะรักพระเจ้ามายอมรับกระบวนการถลุงของพระองค์ กล่าวคือ ในระหว่างกระบวนการถลุง เจ้ารู้สึกทรมานภายใน ราวกับมีดเล่มหนึ่งบิดควงอยู่ในหัวใจของเจ้า ทว่าเจ้าก็ยังเต็มใจที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยโดยใช้หัวใจของเจ้าซึ่งรักพระองค์ และเจ้าไม่นำพาที่จะใส่ใจเนื้อหนัง นี่คือความหมายของการนำความรักพระเจ้ามาปฏิบัติ เจ้ารู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายใน และความทุกข์ของเจ้าได้ไปถึงจุดหนึ่ง ทว่าเจ้าก็ยังคงเต็มใจที่จะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและอธิษฐานด้วยการกล่าวว่า “โอ้ พระเจ้า! ข้าพระองค์ไม่สามารถไปจากพระองค์ได้ แม้ว่าภายในตัวข้าพระองค์นั้นมีความมืดมิด ข้าพระองค์ก็ปรารถนาที่จะทำให้พระองค์พึงพอพระทัย พระองค์ทรงรู้จักหัวใจของข้าพระองค์ และข้าพระองค์อยากให้พระองค์ประทานความรักของพระองค์มากขึ้นภายในตัวข้าพระองค์” นี่คือการปฏิบัติในระหว่างกระบวนการถลุง หากเจ้าใช้ความรักที่มีต่อพระเจ้าเป็นรากฐาน กระบวนการถลุงก็จะสามารถนำพาเจ้าเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น และทำให้เจ้าสนิทสนมกับพระเจ้ามากขึ้น เนื่องจากเจ้าเชื่อในพระเจ้า เจ้าต้องส่งมอบหัวใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า หากเจ้ามอบถวายและวางหัวใจของเจ้าลงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าจนหมดสิ้นแล้วไซร้ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะปฏิเสธพระเจ้าหรือไปจากพระเจ้าในระหว่างกระบวนการถลุง ด้วยหนทางนี้ สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะกลายเป็นใกล้ชิดมากขึ้นทุกทีและมีความเป็นปกติมากขึ้นทุกที และการเข้าสนิทของเจ้ากับพระเจ้าก็จะกลายเป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ หากเจ้าปฏิบัติในหนทางนี้เสมอแล้วไซร้ เจ้าก็จะใช้เวลาในความสว่างของพระเจ้ามากขึ้น และใช้เวลาภายใต้การทรงนำของพระวจนะของพระองค์มากขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของเจ้ามากยิ่งขึ้นเช่นกัน และความรู้ของเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้นวันต่อวัน เมื่อถึงวันที่การทดสอบของพระเจ้าตกมาถึงเจ้าอย่างฉับพลัน เจ้าจะไม่เพียงมีความสามารถที่จะยืนเคียงข้างพระเจ้าได้เท่านั้น แต่ยังจะสามารถเป็นคำพยานให้แก่พระเจ้าได้ด้วยเช่นกัน ณ เวลานั้น เจ้าก็จะเป็นเหมือนกับโยบ และเหมือนกับเปโตร ครั้นได้เป็นคำพยานให้กับพระเจ้าแล้ว เจ้าก็จะรักพระองค์อย่างแท้จริง และจะวางชีวิตของเจ้าให้กับพระองค์อย่างเปรมปรีดิ์ เจ้าจะเป็นพยานของพระเจ้า และเป็นผู้ซึ่งพระเจ้าทรงรัก ความรักที่ได้รับประสบการณ์กับกระบวนการถลุงแล้วนั้นแข็งแกร่ง ไม่อ่อนแอ ไม่ว่าพระองค์ทรงเกณฑ์เจ้าให้เข้าสู่การทดสอบของพระองค์เมื่อใดหรืออย่างไรก็ตาม เจ้าก็จะมีความสามารถที่จะวางความกังวลของเจ้าเกี่ยวกับการที่เจ้ามีชีวิตอยู่หรือตายลงได้ สามารถละทิ้งทุกอย่างเพื่อพระเจ้าอย่างเปรมปรีดิ์ และสามารถสู้ทนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระเจ้าอย่างมีความสุข—เมื่อเป็นดังนั้น ความรักของเจ้าจะบริสุทธิ์และความเชื่อของเจ้าจะแท้จริง เมื่อถึงตอนนั้นเท่านั้นที่เจ้าจะเป็นใครบางคนที่ได้รับความรักจากพระเจ้าอย่างแท้จริง และที่พระเจ้าได้ทรงทำให้มีความเพียบพร้อมอย่างแท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์สามารถมีความรักแท้จริงได้ โดยการได้รับประสบการณ์กับกระบวนการถลุงเท่านั้น

448. พระเจ้าทรงตีสอนและพิพากษามนุษย์เพราะเป็นข้อพึงประสงค์ตามพระราชกิจของพระองค์ และยิ่งไปกว่านั้น เพราะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ มนุษย์จำเป็นต้องถูกตีสอนและพิพากษา และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วเท่านั้น เขาจึงสามารถสัมฤทธิ์ความรักที่มีต่อพระเจ้า วันนี้ พวกเจ้าได้รับการทำให้เชื่อมั่นอย่างถึงที่สุด แต่พอเผชิญกับความพลาดพลั้งเพียงน้อยนิด เจ้าก็มีปัญหาเสียแล้ว วุฒิภาวะของเจ้าช่างด้อยนัก วุฒิภาวะของเจ้าช่างด้อยนัก และเจ้ายังคงจำเป็นที่จะต้องได้รับประสบการณ์กับการตีสอนและการพิพากษาเช่นนั้นมากขึ้น เพื่อสัมฤทธิ์ในความรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น วันนี้ พวกเจ้าพอมีความเคารพต่อพระเจ้าอยู่บ้าง และพวกเจ้ายำเกรงพระเจ้า และพวกเจ้ารู้ว่าพระองค์คือพระเจ้าเที่ยงแท้ แต่พวกเจ้าไม่มีความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระองค์ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า พวกเจ้าได้สัมฤทธิ์ในความรักอันบริสุทธิ์แล้ว ความรู้ของพวกเจ้านั้นผิวเผินเกินไป และวุฒิภาวะของพวกเจ้านั้นก็ยังคงไม่พอเพียง เมื่อพวกเจ้าเผชิญกับสภาพแวดล้อมหนึ่งจริงๆ พวกเจ้าก็ยังคงไม่ได้เป็นพยาน การเข้าสู่ของพวกเจ้าที่เป็นไปในเชิงรุกนั้นน้อยเกินไป และพวกเจ้าไม่มีแนวคิดเลยว่าจะปฏิบัติอย่างไร ผู้คนส่วนใหญ่นิ่งเฉยและเฉื่อยชา พวกเขาเพียงแอบรักพระเจ้าอย่างลับๆ ในหัวใจของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่มีหนทางของการปฏิบัติ ทั้งยังไม่ชัดเจนว่าอะไรคือเป้าหมายของพวกเขา บรรดาผู้ซึ่งได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมไม่เพียงแต่ครองสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติ แต่ยังครองความจริงซึ่งเกินล้ำเกณฑ์ประเมินทางมโนธรรม ความจริงซึ่งสูงส่งกว่ามาตรฐานของมโนธรรม พวกเขาไม่เพียงใช้มโนธรรมในการจ่ายคืนให้กับความรักของพระเจ้า แต่ที่มากกว่านั้นคือ พวกเขาได้รู้จักพระเจ้า และได้มองเห็นว่าพระเจ้าทรงน่ารักและมีค่าควรแก่ความรักของมนุษย์ และได้มองเห็นว่ามีมากมายเหลือเกินให้รักในพระเจ้า มนุษย์จึงอดไม่ได้ที่จะรักพระองค์! ความรักที่มีต่อพระเจ้าของบรรดาผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วนั้น เป็นไปเพื่อทำให้ความทะเยอทะยานส่วนตัวของพวกเขาเองลุล่วง ความรักของพวกเขาเป็นความรักที่เกิดขึ้นเอง ความรักซึ่งไม่ร้องขอสิ่งใดกลับคืนเลย และไม่ใช่การแลกเปลี่ยน พวกเขารักพระเจ้าหาใช่เพราะอื่นใดเลยนอกจากความรู้ที่พวกเขามีเกี่ยวกับพระองค์ ผู้คนเช่นนั้นไม่สนใจว่าพระเจ้าประทานพระคุณให้แก่พวกเขาหรือไม่ และไม่พอใจกับสิ่งใดมากไปกว่าการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย พวกเขาไม่ต่อรองกับพระเจ้า ทั้งยังไม่ใช้มโนธรรมมาประเมินความรักของพวกเขาที่มีต่อพระเจ้าว่า “พระองค์ได้ทรงมอบให้ข้าพระองค์ ดังนั้นข้าพระองค์จึงรักพระองค์เป็นการตอบแทน หากพระองค์ไม่ทรงมอบให้ข้าพระองค์แล้วไซร้ ข้าพระองค์ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดให้พระองค์เป็นการตอบแทน” บรรดาผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมเชื่อเสมอว่า “พระเจ้าคือพระผู้สร้าง และพระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจในตัวพวกเรา เพราะฉันมีโอกาสนี้ มีสภาพเงื่อนไข และมีคุณสมบัติในการที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม การไล่ตามเสาะหาของฉันจึงควรเป็นการดำเนินชีวิตที่มีความหมาย และฉันควรทำให้พระองค์พึงพอพระทัย”

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

449. ในระหว่างเวลาชีวิตของเขา เปโตรได้รับประสบการณ์กับกระบวนการถลุงหลายร้อยครั้งและได้ก้าวผ่านความทุกข์ยากสาหัสอันเจ็บปวดมากมายหลายครั้ง กระบวนการถลุงนี้ได้กลายเป็นรากฐานของความรักสูงสุดที่เขามีต่อพระเจ้า และเป็นประสบการณ์ซึ่งมีนัยสำคัญที่สุดของทั้งชีวิตของเขา การที่เขามีความสามารถที่จะมีความรักสูงสุดต่อพระเจ้าได้นั้น ในทางหนึ่งก็เพราะความแน่วแน่ของเขาที่จะรักพระเจ้า อย่างไรก็ดี ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มันเป็นเพราะกระบวนการถลุงและความทุกข์ที่เขาได้ก้าวผ่านนี่เอง ความทุกข์นี้ได้กลายเป็นเครื่องนำทางไปบนเส้นทางแห่งการรักพระเจ้า และเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การทรงจำที่สุดสำหรับเขา หากผู้คนไม่ได้ก้าวผ่านความเจ็บปวดแห่งกระบวนการถลุงในยามที่กำลังรักพระเจ้า เช่นนั้นแล้วความรักของพวกเขาย่อมเต็มไปด้วยความไม่บริสุทธิ์และความเลือกชอบของตัวพวกเขาเอง ความรักเช่นนี้เต็มไปด้วยแนวความคิดของซาตาน และโดยรากฐานแล้วไม่สามารถที่จะสนองน้ำพระทัยของพระเจ้าได้เลย การมีความแน่วแน่ที่จะรักพระเจ้าไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับการรักพระเจ้าอย่างแท้จริง แม้ว่าทั้งหมดที่พวกเขาคิดอยู่ในหัวใจของพวกเขานั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการรักและการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และแม้ว่าความคิดของพวกเขาดูเหมือนถูกอุทิศให้กับพระเจ้าอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ และปลอดจากแนวความคิดใดๆ ของมนุษย์ กระนั้นเมื่อความคิดของพวกเขาถูกนำพามาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระองค์หาได้ทรงชมเชยหรืออวยพระพรความคิดเหล่านั้นเลย แม้แต่เมื่อตอนที่ผู้คนเข้าใจความจริงทั้งหมดอย่างครบถ้วนแล้ว—เมื่อพวกเขาได้มารู้จักความจริงทั้งหมดแล้ว—นี่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นสัญญาณหนึ่งของการรักพระเจ้า ไม่สามารถพูดได้ว่าผู้คนเหล่านี้รักพระเจ้าจริงๆ ทั้งที่ได้เข้าใจความจริงไปแล้วมากมายโดยปราศจากการก้าวผ่านกระบวนการถลุง ผู้คนก็ยังไม่สามารถนำความจริงเหล่านี้มาปฏิบัติได้อยู่ดี มีเพียงในระหว่างกระบวนการถลุงเท่านั้นที่ผู้คนสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของความจริงเหล่านี้ได้ เมื่อนั้นเท่านั้นที่ผู้คนสามารถซึ้งคุณค่าความหมายภายในของความจริงเหล่านี้อย่างแท้จริง ณ เวลานั้นเอง เมื่อพวกเขาลองใหม่อีกครั้ง พวกเขาก็มีความสามารถที่จะนำความจริงมาปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม และโดยสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้า ณ เวลานั้นเองที่แนวความคิดแบบมนุษย์ของพวกเขาลดน้อยลง ความเสื่อมทรามแบบมนุษย์ของพวกเขาถูกลดลง และภาวะอารมณ์ต่างๆ แบบมนุษย์ของพวกเขาอ่อนบรรเทาลง มีเพียง ณ เวลานั้นเองที่การปฏิบัติของพวกเขาคือการสำแดงอันแท้จริงของความรักที่มีต่อพระเจ้า ผลจากความจริงแห่งความรักที่มีต่อพระเจ้านั้นไม่ได้สัมฤทธิ์ผ่านความรู้ที่พูดออกมาหรือความเต็มใจทางจิตใจ และไม่อาจสัมฤทธิ์อย่างง่ายดายผ่านการทำความเข้าใจความจริงนั้น มันจำเป็นที่ผู้คนต้องจ่ายราคา พวกเขาต้องก้าวผ่านความขมขื่นมากมายในระหว่างกระบวนการถลุง และเมื่อนั้นเท่านั้นที่ความรักของพวกเขาจะกลายมาบริสุทธิ์และสมดังพระทัยของพระเจ้าเอง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์สามารถมีความรักแท้จริงได้ โดยการได้รับประสบการณ์กับกระบวนการถลุงเท่านั้น

450. จนใกล้ถึงบทอวสานของชีวิตเขา หลังจากที่เขาได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วนั่นเองที่เปโตรกล่าวไว้ว่า “โอ้ พระเจ้า! หากข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักสองสามปี ข้าพระองค์คงจะปรารถนาให้สัมฤทธิ์ความรักพระองค์ที่บริสุทธิ์กว่าและลึกซึ้งกว่านี้” เมื่อตอนที่เขากำลังจะถูกตอกตรึงกับกางเขน ในหัวใจของเขาได้อธิษฐานว่า “โอ้ พระเจ้า! ณ บัดนี้ เวลาของพระองค์ได้มาถึงแล้ว เวลาที่พระองค์ทรงตระเตรียมไว้ให้ข้าพระองค์ได้มาถึงแล้ว ข้าพระองค์จักต้องถูกตรึงกางเขนเพื่อพระองค์ ข้าพระองค์จักต้องเป็นคำพยานนี้ต่อพระองค์ และข้าพระองค์หวังว่า ความรักของข้าพระองค์จะสามารถสนองข้อพึงประสงค์ทั้งหลายของพระองค์ และหวังว่าความรักของข้าพระองค์จะกลายเป็นบริสุทธิ์ขึ้นกว่าเดิมได้ วันนี้เป็นวันที่ข้าพระองค์รู้สึกชูใจและมั่นใจที่จะสามารถตายเพื่อพระองค์และถูกตอกตรึงกับกางเขนเพื่อพระองค์ เพราะไม่มีสิ่งใดที่สมใจข้าพระองค์มากไปกว่าการสามารถถูกตรึงกางเขนเพื่อพระองค์ และสนองความปรารถนาทั้งหลายของพระองค์ และสามารถถวายตัวข้าพระองค์แด่พระองค์ ถวายชีวิตข้าพระองค์แด่พระองค์ โอ้ พระเจ้า! พระองค์ทรงดีงามยิ่งนัก! หากพระองค์จะทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์คงจะยิ่งเต็มใจที่จะรักพระองค์มากขึ้น ตราบที่ข้าพระองค์ยังมีชีวิต ข้าพระองค์จะรักพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะรักพระองค์อย่างลึกซึ้งมากขึ้น พระองค์ทรงพิพากษาข้าพระองค์ และตีสอนข้าพระองค์ และทดสอบข้าพระองค์ ก็เพราะข้าพระองค์ไม่ชอบธรรม เพราะข้าพระองค์ได้ทำบาปลงไป และพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์กลายเป็นที่ประจักษ์ชัดขึ้นต่อข้าพระองค์ นี่คือพระพรหนึ่งสำหรับข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์สามารถรักพระองค์ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น และข้าพระองค์เต็มใจที่จะรักพระองค์ในหนทางนี้ต่อให้พระองค์ไม่ทรงรักข้าพระองค์ก็ตาม ข้าพระองค์เต็มใจที่จะมองดูพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ เพราะนี่ทำให้ข้าพระองค์สามารถมีชีวิตที่มีความหมายมากขึ้น ข้าพระองค์รู้สึกว่าชีวิตข้าพระองค์ในตอนนี้เปี่ยมความหมายมากขึ้น เพราะข้าพระองค์ถูกตรึงกางเขนเพื่อประโยชน์ของพระองค์ และการตายเพื่อพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่เปี่ยมความหมาย กระนั้นข้าพระองค์ก็ยังคงไม่รู้สึกพึงพอใจ เพราะข้าพระองค์รู้จักพระองค์น้อยเกินไป ข้าพระองค์รู้ว่า ข้าพระองค์ไม่สามารถทำให้ความปรารถนาของพระองค์นั้นลุล่วงโดยครบบริบูรณ์ และได้ตอบแทนพระองค์น้อยนิดเกินไป ในชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ไร้ความสามารถที่จะคืนทั้งหมดทั้งมวลของข้าพระองค์ให้กับพระองค์ ข้าพระองค์ยังห่างไกลนักในเรื่องนี้ ณ ชั่วขณะนี้ที่ข้าพระองค์มองย้อนกลับไป ข้าพระองค์รู้สึกเป็นหนี้พระองค์มากเหลือเกิน และข้าพระองค์มีเพียงชั่วขณะนี้เท่านั้นที่จะชดเชยความผิดพลาดทั้งหมดของข้าพระองค์และความรักทั้งหมดที่ข้าพระองค์ยังไม่ได้ถวายตอบแทนพระองค์เลย”

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

451. มนุษย์ต้องไล่ตามเสาะหาที่จะดำเนินชีวิตซึ่งมีความหมาย และไม่ควรพึงพอใจกับรูปการณ์แวดล้อม ณ ปัจจุบันของเขา ในการดำเนินชีวิตตามภาพลักษณ์ของเปโตร เขาต้องครองความรู้และประสบการณ์ของเปโตร มนุษย์ต้องไล่ตามเสาะหาสิ่งทั้งหลายที่สูงส่งกว่าและลุ่มลึกกว่า เขาต้องเสาะหาความรักพระเจ้าซึ่งบริสุทธิ์ขึ้นและลึกซึ้งขึ้น และเสาะหาชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย นี่เท่านั้นที่เป็นชีวิต กล่าวคือ เมื่อนั้นเท่านั้นที่มนุษย์จะเป็นดั่งเปโตร เจ้าจะต้องมุ่งเน้นการเป็นฝ่ายรุกในการเข้าสู่ในทางบวกของเจ้า และต้องไม่ยอมให้ตัวเองล่าถอยอย่างยอมจำนนเพื่อเห็นแก่ความสบายชั่วครู่ชั่วยาม พลางเพิกเฉยต่อความจริงทั้งหลายซึ่งลุ่มลึกกว่า เฉพาะเจาะจงกว่า และสัมพันธ์กับชีวิตจริงมากกว่า ความรักของเจ้าต้องสัมพันธ์กับชีวิตจริง และเจ้าต้องหาหนทางต่างๆ ที่จะปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตอันต่ำทรามและไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใดนี้ซึ่งไม่ต่างอะไรจากชีวิตของสัตว์ตัวหนึ่ง เจ้าต้องใช้ชีวิตที่มีความหมาย ชีวิตที่มีคุณค่า และเจ้าต้องไม่หลอกตัวเองหรือปฏิบัติต่อตนเองเสมือนเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่เอาไว้เล่นด้วย สำหรับทุกคนซึ่งทะเยอทะยานที่จะรักพระเจ้านั้น ไม่มีความจริงที่ไม่อาจได้มา และไม่มีความยุติธรรมที่พวกเขาไม่อาจตั้งมั่นเพื่อมันได้ เจ้าควรใช้ชีวิตของเจ้าอย่างไรหรือ? เจ้าควรรักพระเจ้าและใช้ความรักนี้สนองข้อพึงปรารถนาของพระองค์อย่างไร? ไม่มีเรื่องใดในชีวิตเจ้าที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าต้องมีความทะเยอทะยานและความมานะบากบั่น และไม่ควรเป็นดั่งพวกที่ใจเสาะ พวกที่ปวกเปียกอ่อนแอ เจ้าต้องเรียนรู้วิธีที่จะได้รับประสบการณ์กับชีวิตซึ่งเปี่ยมความหมายและได้รับประสบการณ์กับความจริงอันเปี่ยมความหมาย และไม่ควรปฏิบัติต่อตัวเจ้าเองอย่างขอไปทีแบบนั้น เมื่อเจ้าไม่ตระหนักถึงมัน ชีวิตเจ้าก็จะผ่านเจ้าไปโดยเจ้าไม่ทันไหวตัว หลังจากนั้น เจ้าจะมีโอกาสที่จะได้รักพระเจ้าอีกครั้งหรือ? มนุษย์สามารถรักพระเจ้าได้หรือ หลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว? เจ้าจักต้องมีความทะเยอทะยานและมโนธรรมดุจดังเปโตร ชีวิตเจ้าจะต้องเปี่ยมความหมาย และเจ้าต้องไม่เล่นเกมกับตัวเจ้าเอง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และในฐานะบุคคลซึ่งเสาะหาพระเจ้า เจ้าต้องสามารถพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเจ้าควรปฏิบัติต่อชีวิตของเจ้าอย่างไร เจ้าควรถวายตัวเจ้าเองต่อพระเจ้าอย่างไร เจ้าควรมีความเชื่อที่เปี่ยมความหมายยิ่งขึ้นในพระเจ้าอย่างไร และด้วยความที่เจ้ารักพระเจ้า เจ้าควรรักพระองค์ในหนทางที่บริสุทธิ์มากขึ้น สวยงามมากขึ้น และดีงามมากขึ้นอย่างไร

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

452. หากผู้คนปรารถนาที่จะรักพระเจ้า พวกเขาจะต้องลิ้มรสความน่ารักชื่นชมของพระเจ้าและเห็นความน่ารักชื่นชมของพระเจ้า เมื่อนั้นเท่านั้นจึงสามารถมีหัวใจดวงหนึ่งซึ่งรักพระเจ้าถูกปลุกเร้าขึ้นในตัวพวกเขา หัวใจดวงหนึ่งซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมอบตัวพวกเขาเองเพื่อพระเจ้าอย่างจงรักภักดี พระเจ้าไม่ทรงทำให้ผู้คนรักพระองค์โดยผ่านทางคำพูดและการแสดงออกหรือโดยผ่านการจินตนาการของพวกเขา และพระองค์ไม่ทรงบีบบังคับผู้คนให้รักพระองค์ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระองค์กลับทรงปล่อยให้พวกเขารักพระองค์จากการตัดสินใจเลือกของพวกเขาเอง และพระองค์ทรงปล่อยให้พวกเขาเห็นความน่ารักชื่นชมของพระองค์ในพระราชกิจและถ้อยดำรัสของพระองค์ ซึ่งหลังจากนี้แล้วจึงมีความรักสำหรับพระเจ้าเกิดขึ้นในตัวพวกเขา ในหนทางนี้เท่านั้นผู้คนจึงจะสามารถเป็นคำพยานต่อพระเจ้าได้อย่างแท้จริง ผู้คนไม่ได้รักพระเจ้าเพราะพวกเขาได้ถูกผู้อื่นรบเร้าให้ทำเช่นนั้น อีกทั้งนั่นไม่ใช่แรงกระตุ้นทางอารมณ์ชั่วขณะ พวกเขารักพระเจ้าเพราะพวกเขาได้เห็นความน่ารักชื่นชมของพระองค์ พวกเขาได้เห็นว่ามีมากมายในพระองค์ซึ่งคู่ควรกับความรักของผู้คน เพราะพวกเขาได้เห็นความรอด พระปรีชาญาณ และกิจการอันมหัศจรรย์ของพระองค์—และผลก็คือ พวกเขาสรรเสริญพระเจ้าอย่างแท้จริงและโหยหาในพระองค์อย่างแท้จริง และมีความปรารถนาอันแรงกล้าซึ่งถูกปลุกเร้าในตัวพวกเขาถึงขนาดที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้หากปราศจากการได้รับพระเจ้า เหตุผลที่ทำไมบรรดาผู้ที่ให้คำพยานต่อพระเจ้าอย่างแท้จริงสามารถให้คำพยานที่ก้องกังวานต่อพระองค์ได้ เป็นเพราะคำพยานของพวกเขาตั้งอยู่บนรากฐานของความรู้ที่แท้จริงและการโหยหาที่แท้จริงในพระเจ้า คำพยานดังกล่าวไม่ได้ถูกถวายให้ตามแรงกระตุ้นทางอารมณ์ แต่โดยสอดคล้องกับความรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับพระเจ้าและพระอุปนิสัยของพระองค์ เพราะพวกเขาได้มารู้จักพระเจ้า พวกเขาจึงรู้สึกว่าพวกเขาจะต้องให้คำพยานต่อพระเจ้าอย่างแน่นอนและทำให้ทุกคนซึ่งโหยหาในพระเจ้ารู้จักพระเจ้า และตระหนักรู้ความน่ารักชื่นชมของพระเจ้าและสภาวะความเป็นจริงของพระองค์ เช่นเดียวกับความรักของผู้คนสำหรับพระเจ้า คำพยานของพวกเขานั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ นั่นเป็นจริงและมีนัยสำคัญและคุณค่าจริง นั่นไม่ได้มีสภาวะนิ่งเฉยหรือกลวงเปล่าและไร้ความหมาย เหตุผลที่มีเพียงบรรดาผู้ที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริงเท่านั้นที่มีคุณค่าและความหมายมากที่สุดในชีวิตของพวกเขา เหตุผลที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง ก็คือว่าผู้คนเหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตในความสว่างแห่งพระเจ้าและสามารถมีชีวิตเพื่อพระราชกิจและการบริหารจัดการของพระเจ้า นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในความมืดมิด แต่ดำเนินชีวิตในความสว่าง พวกเขาไม่ได้มีชีวิตที่ไร้ความหมาย แต่เป็นชีวิตซึ่งได้รับการอวยพรโดยพระเจ้า มีเพียงบรรดาผู้ที่รักพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถให้คำพยานกับพระเจ้าได้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เป็นพยานของพระเจ้า มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้รับการอวยพรโดยพระเจ้า และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถรับพระสัญญาของพระเจ้าไว้ บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าเป็นคนสนิทของพระเจ้า พวกเขาคือผู้คนที่เป็นที่รักโดยพระเจ้า และพวกเขาสามารถชื่นชมพระพรไปพร้อมกับพระเจ้า มีเพียงผู้คนเช่นนี้เท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ไปชั่วกัลปาวสาน และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดกาลภายใต้การดูแลเอาพระทัยใส่และการปกป้องของพระเจ้า พระเจ้าทรงดำรงอยู่เพื่อให้ผู้คนรัก และพระองค์ทรงคู่ควรกับความรักของผู้คนทั้งหมด แต่ไม่ใช่ผู้คนทั้งหมดที่สามารถรักพระเจ้าได้ และไม่ใช่ผู้คนทั้งหมดที่สามารถให้คำพยานกับพระเจ้าและถือครองฤทธานุภาพร่วมกับพระเจ้าได้ เพราะพวกเขาสามารถให้คำพยานกับพระเจ้าและอุทิศความพยายามของพวกเขาทั้งหมดให้แก่พระราชกิจของพระเจ้า บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริงสามารถเดินได้ทุกหนแห่งเบื้องใต้ฟ้าสวรรค์โดยไม่มีใครกล้าต่อต้านพวกเขา และพวกเขาสามารถกวัดแกว่งฤทธานุภาพบนแผ่นดินโลกและปกครองประชากรทั้งหมดของพระเจ้า ผู้คนเหล่านี้ได้มาพร้อมหน้ากันจากทั่วทุกมุมโลก พวกเขาพูดภาษาที่แตกต่างกันและมีสีผิวที่แตกต่างกัน แต่การดำรงอยู่ของพวกเขามีความหมายเดียวกัน พวกเขาทุกคนมีหัวใจซึ่งรักพระเจ้า พวกเขาทุกคนมีคำพยานเดียวกัน พวกเขาทุกคนมีความแน่วแน่เดียวกัน และความปรารถนาเดียวกัน บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าสามารถเดินได้อย่างอิสระทั่วทั้งโลก และบรรดาผู้ที่ให้คำพยานเรื่องพระเจ้าสามารถเดินทางได้ข้ามจักรวาล ผู้คนเหล่านี้เป็นที่รักโดยพระเจ้า พวกเขาได้รับการอวยพรโดยพระเจ้า และพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ภายในความสว่างแห่งพระองค์ตลอดกาล

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าจะดำเนินชีวิตภายในความสว่างแห่งพระองค์ตลอดกาล

ก่อนหน้า: ด. ว่าด้วยวิธีที่จะเลือกเส้นทางในความเชื่อของคนเรา

ถัดไป: ถ. ว่าด้วยวิธีที่จะสัมฤทธิ์ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger