8. พวกเราเชื่อว่า องค์พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดก็เพราะว่า พระองค์ได้ทรงยกโทษให้กับบาปของพวกเรา และทรงไถ่พวกเราจากบาปของพวกเรา  ตอนนี้พวกคุณให้คำพยานว่า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย เป็นการทรงปรากฏของพระผู้ช่วยให้รอด และว่าพระองค์กำลังทรงแสดงความจริงและกำลังทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งการพิพากษาซึ่งเริ่มต้นจากพระนิเวศของพระเจ้าเพื่อชำระมนุษย์ให้สะอาดและช่วยมนุษย์ให้รอดอย่างถึงที่สุด และทำให้มนุษย์เป็นอิสระจากอิทธิพลมืดของซาตาน  พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงชำระมนุษย์ให้สะอาดและช่วยมนุษย์ให้รอดอย่างถึงที่สุดอย่างไรหรือ?

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระราชกิจของพระเจ้าในการทรงจุติเป็นมนุษย์ครั้งปัจจุบันคือการแสดงออกถึงพระอุปนิสัยของพระองค์ผ่านการตีสอนและการพิพากษาเป็นหลัก  โดยการก่อร่างขึ้นบนรากฐานนี้ พระองค์ทรงนำความจริงมาสู่มนุษย์มากขึ้นและชี้ให้เขาเห็นหนทางแห่งการฝึกฝนปฏิบัติที่มากขึ้น ส่งผลให้สัมฤทธิ์วัตถุประสงค์ของพระองค์ในการพิชิตมนุษย์และช่วยเขาให้รอดจากอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของเขาเอง  นี่คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพระราชกิจของพระเจ้าในยุคแห่งราชอาณาจักร

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, คำนำ

พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายทรงใช้ความจริงหลากหลายเพื่อสั่งสอนมนุษย์ เพื่อตีแผ่แก่นแท้ของมนุษย์ และเพื่อชำแหละคำพูดและความประพฤติของมนุษย์  พระวจนะเหล่านี้ประกอบด้วยความจริงนานัปการ อาทิ หน้าที่ของมนุษย์ วิธีที่มนุษย์ควรเชื่อฟังพระเจ้า วิธีที่มนุษย์ควรจงรักภักดีต่อพระเจ้า วิธีที่มนุษย์ควรจะดำรงชีวิตเยี่ยงมนุษย์ธรรมดา ตลอดจนพระปัญญาและพระอุปนิสัยของพระเจ้า เป็นต้น พระวจนะเหล่านี้ล้วนชี้นำไปที่เนื้อแท้ของมนุษย์และอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของเขา โดยเฉพาะ พระวจนะซึ่งตีแผ่ว่ามนุษย์เมินหมิ่นพระเจ้าอย่างไร ได้ถูกตรัสโดยพาดพิงถึงวิธีที่มนุษย์เป็นตัวแทนของซาตานและกองกำลังฝ่ายศัตรูผู้ต่อต้านพระเจ้า ในการทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งการพิพากษาของพระองค์ พระเจ้าไม่เพียงทรงทำให้ธรรมชาติของมนุษย์ชัดเจนขึ้นอย่างเรียบง่ายด้วยพระวจนะไม่กี่คำ แต่พระองค์ยังทรงทำการตีแผ่ จัดการ และตัดแต่งเป็นช่วงเวลายาวนาน  วิธีการตีแผ่ การจัดการ และการตัดแต่งอันแตกต่างกันทั้งหมดเหล่านี้ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยถ้อยคำธรรมดาสามัญ แต่ด้วยความจริงที่มนุษย์ไม่มีโดยสิ้นเชิง มีเพียงวิธีการเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถเรียกว่าการพิพากษา โดยผ่านการพิพากษาแบบนี้เท่านั้นที่มนุษย์จะสามารถถูกสยบและโน้มน้าวจนหมดใจเกี่ยวกับพระเจ้า และยิ่งกว่านั้น ยังได้รับความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า สิ่งที่พระราชกิจแห่งการพิพากษาทำให้เกิดขึ้นคือความเข้าใจที่มนุษย์มีต่อพระพักตร์ที่แท้จริงของพระเจ้า และความจริงเกี่ยวกับความเป็นกบฏของเขาเอง พระราชกิจแห่งการพิพากษาช่วยให้มนุษย์ได้รับความเข้าใจอย่างมากในน้ำพระทัยของพระเจ้า ในจุดประสงค์ของพระราชกิจของพระเจ้า และในบรรดาความล้ำลึกที่ไม่สามารถเข้าใจได้สำหรับเขา นอกจากนี้ยังช่วยให้มนุษย์ตระหนักรู้ถึงธาตุแท้อันเสื่อมทรามและรากเหง้าของความเสื่อมทรามของเขา รวมทั้งค้นพบความน่าเกลียดของมนุษย์ ผลกระทบเหล่านี้ล้วนเป็นผลจากพระราชกิจแห่งการพิพากษา เพราะสาระสำคัญของพระราชกิจนี้อันที่จริงแล้วคือพระราชกิจที่แผ่วางความจริง หนทาง และชีวิตของพระเจ้าออกมาต่อผู้คนทั้งหมดที่มีความเชื่อในพระองค์ พระราชกิจนี้คือพระราชกิจแห่งการพิพากษาที่พระเจ้าทรงทำ

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระคริสต์ทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาด้วยความจริง

การทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมของพระเจ้าถูกทำให้สำเร็จลุล่วงได้โดยวิถีทางใด?  มันสำเร็จลุล่วงได้โดยวิถีทางของพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์  พระอุปนิสัยของพระเจ้าส่วนใหญ่แล้วประกอบด้วยความชอบธรรม พระพิโรธ พระบารมี การพิพากษา และการสาปแช่ง และส่วนใหญ่แล้วพระองค์ทรงทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมโดยวิถีทางของการพิพากษาของพระองค์  ผู้คนบางคนไม่เข้าใจ  และถามว่าเหตุใดพระเจ้าจึงทรงมีความสามารถทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมได้โดยผ่านทางการพิพากษาและการสาปแช่งเท่านั้น  พวกเขากล่าวว่า “หากพระเจ้าทรงประสงค์จะสาปแช่งมนุษย์ มนุษย์จะไม่ตายหรอกหรือ?  หากพระเจ้าทรงประสงค์จะพิพากษามนุษย์ มนุษย์จะไม่ถูกกล่าวโทษหรอกหรือ?  เช่นนั้นแล้วเหตุใดเขายังคงสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้อีกเล่า?”  เช่นนี้คือคำพูดของผู้คนที่ไม่รู้จักพระราชกิจของพระเจ้า  สิ่งที่พระเจ้าทรงสาปแช่งคือความไม่เชื่อฟังของมนุษย์ และสิ่งที่พระองค์ทรงพิพากษาคือบาปทั้งหลายของมนุษย์  ถึงแม้ว่าพระองค์ตรัสอย่างเกรี้ยวกราดและอย่างไม่ปรานี พระองค์ก็ทรงเปิดเผยทั้งหมดที่อยู่ภายในมนุษย์ โดยการเปิดเผยผ่านทางพระวจนะที่เข้มขรึมเหล่านี้ซึ่งเป็นแก่นแท้ภายในมนุษย์ ทว่าโดยผ่านทางการพิพากษาดังกล่าวนั้น พระองค์ก็ทรงมอบความรู้อันลึกซึ้งเกี่ยวกับแก่นแท้ของเนื้อหนังให้แก่มนุษย์ และเช่นนั้นเองมนุษย์จึงนบนอบเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า  เนื้อหนังของมนุษย์เป็นเนื้อหนังที่มีบาปและมีซาตาน เนื้อหนังนั้นไม่เชื่อฟัง และมันเป็นวัตถุแห่งการตีสอนของพระเจ้า  ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้มนุษย์รู้จักตัวเขาเอง พระวจนะแห่งการพิพากษาของพระเจ้าจึงต้องเกิดขึ้นกับเขา และต้องใช้กระบวนการถลุงทุกประเภท เมื่อนั้นเท่านั้นพระราชกิจของพระเจ้าจึงสามารถมีประสิทธิผลได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าสามารถรู้จักความน่ารักของพระเจ้าได้โดยการรับประสบการณ์กับบททดสอบอันเจ็บปวดเท่านั้น

ไม่ว่าพระเจ้าทรงพิพากษามนุษย์หรือทรงสาปแช่งเขา ทั้งสองสิ่งนั้นทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม กล่าวคือ ทั้งสองถูกกระทำไปเพื่อที่จะทำให้สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ภายในมนุษย์มีความเพียบพร้อม  มนุษย์ได้รับการถลุงโดยผ่านทางวิถีทางนี้ และเป็นวิธีซึ่งทำให้สิ่งที่ขาดหายไปภายในมนุษย์มีความเพียบพร้อมโดยผ่านทางพระวจนะและพระราชกิจของพระองค์  พระราชกิจของพระเจ้าทุกขั้นตอน—ไม่ว่าจะเป็นพระวจนะที่เกรี้ยวกราด หรือการพิพากษา หรือการตีสอน—ทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม และถูกต้องเหมาะสมอย่างแน่นอน  ตลอดยุคทั้งหลายพระเจ้ามิเคยได้ทรงพระราชกิจเหมือนเช่นนี้เลย วันนี้ พระองค์ทรงพระราชกิจภายในตัวพวกเจ้า เพื่อที่พวกเจ้าจะซึ้งคุณค่าในพระปรีชาญาณของพระองค์  ถึงแม้ว่าพวกเจ้าได้ทนทุกข์กับความเจ็บปวดบางอย่างภายในตัวพวกเจ้า แต่หัวใจของพวกเจ้ารู้สึกมั่นคงและอยู่อย่างสงบ มันเป็นพรของพวกเจ้าที่มีความสามารถชื่นชมพระราชกิจช่วงระยะนี้ของพระเจ้าได้  ไม่ว่าสิ่งที่พวกเจ้ามีความสามารถที่จะได้รับในอนาคตจะเป็นอะไร แต่ทั้งหมดที่พวกเจ้ามองเห็นจากพระราชกิจของพระเจ้าในตัวพวกเจ้าวันนี้คือความรัก  หากมนุษย์ไม่ได้รับประสบการณ์กับการพิพากษาและกระบวนการถลุงของพระเจ้า การกระทำทั้งหลายและความเร่าร้อนของเขาก็จะคงอยู่ในระดับผิวเผินตลอดเวลา และอุปนิสัยของเขาก็จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  สิ่งนี้นับว่าเป็นการได้ถูกพระเจ้ารับไว้กระนั้นหรือ?  วันนี้ ถึงแม้ว่าภายในมนุษย์ยังคงโอหังและทะนงตนอยู่มาก แต่อุปนิสัยของมนุษย์ก็มั่นคงมากกว่าแต่ก่อนมากนัก  การจัดการกับเจ้าของพระเจ้ากระทำไปเพื่อที่จะช่วยเจ้าให้รอด และถึงแม้ว่าเจ้าอาจจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดบ้าง ณ เวลานั้น แต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอุปนิสัยของเจ้าจะมาถึง  ณ เวลานั้น เจ้าจะมองกลับไปและเห็นว่าพระราชกิจของพระเจ้าชาญฉลาดเพียงใด และ ณ เวลานั้น เจ้าจะสามารถเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างแท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าสามารถรู้จักความน่ารักของพระเจ้าได้โดยการรับประสบการณ์กับบททดสอบอันเจ็บปวดเท่านั้น

หากเจ้าไม่รู้พระอุปนิสัยของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะล้มลงระหว่างการทดสอบทั้งหลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเจ้าไม่ตระหนักว่าพระเจ้าทรงทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมอย่างไร พระเจ้าทรงทำให้พวกเขามีความเพียบพร้อมด้วยวิธีการใด และเมื่อการทดสอบทั้งหลายของพระเจ้าจะมาถึงเจ้าและการทดสอบเหล่านั้นไม่ตรงกันกับมโนคติอันหลงผิดทั้งหลายของเจ้า เจ้าจะไม่สามารถตั้งมั่นได้  ความรักที่แท้จริงของพระเจ้าคือพระอุปนิสัยทั้งหมดทั้งมวลของพระองค์ และเมื่อพระอุปนิสัยทั้งหมดทั้งมวลของพระเจ้าได้ถูกแสดงแก่ผู้คน การนี้จะนำสิ่งใดมาสู่เนื้อหนังของเจ้า?  เมื่อพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าถูกแสดงแก่ผู้คน เนื้อหนังของพวกเขาจะทนทุกข์กับความเจ็บปวดมากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หากเจ้าไม่ทนทุกข์กับความเจ็บปวดนี้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะไม่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าได้ อีกทั้งเจ้าจะไม่สามารถอุทิศความรักที่แท้จริงแด่พระเจ้าได้  หากพระเจ้าทรงทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อม พระองค์จะทรงแสดงพระอุปนิสัยทั้งหมดทั้งมวลของพระองค์แก่เจ้าอย่างแน่นอน  นับตั้งแต่เวลาแห่งการทรงสร้างจนกระทั่งถึงวันนี้ พระเจ้าไม่เคยทรงแสดงพระอุปนิสัยทั้งหมดทั้งมวลของพระองค์ต่อมนุษย์—แต่ในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายพระองค์ทรงเปิดเผยมันต่อผู้คนกลุ่มนี้ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงลิขิตไว้ล่วงหน้าและได้ทรงคัดเลือกไว้แล้ว และโดยการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม พระองค์ทรงเผยให้เห็นพระอุปนิสัยของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงใช้ทำให้ผู้คนกลุ่มหนึ่งครบบริบูรณ์  เช่นนั้นคือความรักที่แท้จริงของพระองค์ต่อผู้คน  การได้รับประสบการณ์กับความรักที่แท้จริงของพระเจ้าพึงประสงค์ให้ผู้คนสู้ทนความเจ็บปวดสุดขีด และจ่ายราคาที่สูง  หลังจากการนี้เท่านั้นพวกเขาจึงจะได้รับการทรงรับไว้โดยพระเจ้าและสามารถถวายความรักที่แท้จริงของพวกเขากลับคืนแด่พระเจ้าได้ และเมื่อนั้นเท่านั้นพระทัยของพระเจ้าจึงจะพึงพอพระทัย  หากผู้คนปรารถนาที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า และหากพวกเขาปรารถนาที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ และถวายความรักที่แท้จริงของพวกเขาแด่พระเจ้าอย่างครบถ้วน เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะต้องได้รับประสบการณ์กับความทุกข์มากมายและความทรมานหลายอย่างจากรูปการณ์แวดล้อมทั้งหลายของพวกเขา เพื่อทนทุกข์กับความเจ็บปวดที่เลวร้ายกว่าความตาย  ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะถูกบีบให้ถวายหัวใจที่แท้จริงของพวกเขากลับคืนแด่พระเจ้า  การที่ใครบางคนรักพระเจ้าอย่างแท้จริงหรือไม่นั้นจะถูกเปิดเผยในช่วงระหว่างความยากลำบากและกระบวนการถลุง  พระเจ้าทรงชำระความรักของผู้คนให้บริสุทธิ์ และการนี้สัมฤทธิ์ได้ท่ามกลางความยากลำบากและกระบวนการถลุงเท่านั้นด้วยเช่นกัน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง

พระเจ้าทรงมีหลายวิถีทางในการทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม  พระองค์ทรงนำสภาพแวดล้อมทุกลักษณะมาใช้ในการจัดการกับอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของมนุษย์ และทรงใช้สิ่งต่างๆ นานาในการตีแผ่มนุษย์ ในแง่หนึ่ง พระองค์ทรงจัดการกับมนุษย์ ในอีกแง่หนึ่ง พระองค์ทรงตีแผ่มนุษย์ และในอีกแง่หนึ่ง พระองค์ทรงเปิดเผยมนุษย์ โดยทรงขุดคุ้ยและเปิดเผย “ความล้ำลึก” ในส่วนลึกของหัวใจของมนุษย์ และทรงแสดงให้มนุษย์เห็นธรรมชาติของเขาโดยการเปิดเผยสภาวะมากมายของเขาออกมา  พระเจ้าทรงทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมโดยผ่านทางวิธีการมากมาย—โดยผ่านทางการเปิดเผย โดยผ่านทางการจัดการกับมนุษย์ โดยผ่านทางกระบวนการการถลุงมนุษย์ และการตีสอน—เพื่อที่มนุษย์อาจรู้ว่าพระเจ้านั้นทรงสัมพันธ์กับชีวิตจริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เฉพาะบรรดาผู้มุ่งเน้นการปฏิบัติเท่านั้นที่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้

พระราชกิจที่กำลังทรงทำอยู่ตอนนี้คือการทำให้ผู้คนละทิ้งซาตาน บรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา  การพิพากษาทั้งมวลโดยพระวจนะมุ่งที่จะเปิดโปงอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของมนุษยชาติ และทำให้ผู้คนสามารถเข้าใจแก่นแท้ของชีวิตได้  การพิพากษาซ้ำๆ เหล่านี้เสียดแทงหัวใจของผู้คน  การพิพากษาแต่ละครั้งเกี่ยวข้องโดยตรงกับชะตากรรมของพวกเขา และหมายให้สร้างบาดแผลแก่หัวใจของพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะสามารถปล่อยมือจากสิ่งต่างๆ เหล่านั้นทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขามารู้จักชีวิต รู้จักโลกที่โสมมนี้ รู้จักพระปรีชาญาณและความทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า และรู้จักมวลมนุษย์ที่ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอีกด้วย  ยิ่งมนุษย์ได้รับการตีสอนและการพิพากษาประเภทนี้มากขึ้นเท่าใด หัวใจของมนุษย์ก็ยิ่งสามารถได้รับบาดเจ็บมากขึ้นและวิญญาณของเขาก็ยิ่งสามารถถูกปลุกให้ตื่นมากขึ้นเท่านั้น  การปลุกวิญญาณของผู้คนที่ถูกทำให้เสื่อมทรามสุดขีดและถูกหลอกลวงอย่างลึกล้ำมากที่สุดเหล่านี้ให้ตื่นคือเป้าหมายของการพิพากษาประเภทนี้  มนุษย์ไม่มีวิญญาณ นั่นคือวิญญาณของเขาได้ตายไปนานแล้ว และเขาหารู้ไม่ว่ามีฟ้าสวรรค์ หารู้ไม่ว่ามีพระเจ้าองค์หนึ่ง และหารู้ไม่อย่างแน่นอนว่าเขากำลังดิ้นรนอยู่ในห้วงเหวแห่งความตาย เขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าเขากำลังมีชีวิตอยู่ในนรกชั่วนี้บนแผ่นดินโลก?  เขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าศพเน่าเหม็นของเขานี้ได้ตกลงไปในแดนคนตายโดยผ่านทางการทำให้เสื่อมทรามของซาตาน?  เขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินโลกได้ถูกมวลมนุษย์ทำให้ย่อยยับจนเกินกว่าจะซ่อมแซมได้นานแล้ว?  และเขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าพระผู้สร้างได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกในวันนี้ และกำลังทรงค้นหากลุ่มคนที่เสื่อมทรามที่พระองค์จะสามารถช่วยให้รอดได้?  แม้หลังจากที่มนุษย์ได้รับประสบการณ์กับทุกกระบวนการถลุงและทุกการพิพากษาที่เป็นไปได้ แต่จิตสำนึกที่ทึมทึบของเขาก็ยังคงแทบไม่รู้สึกตัว และจริงๆ แล้วไม่ตอบสนองแต่อย่างใดเลย  มนุษยชาติช่างเสื่อมนัก!  และแม้ว่าการพิพากษาประเภทนี้จะเป็นเหมือนลูกเห็บโหดร้ายที่ตกลงมาจากฟ้า แต่ก็เป็นประโยชน์ใหญ่หลวงที่สุดต่อมนุษย์  หากไม่เป็นเพราะการพิพากษาผู้คนเยี่ยงนี้ก็คงจะไม่มีผลลัพธ์และคงจะเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่จะช่วยผู้คนให้รอดจากห้วงเหวแห่งความระทมทุกข์  หากไม่เป็นเพราะพระราชกิจนี้ก็คงจะยากยิ่งที่ผู้คนจะออกมาจากแดนคนตาย เพราะหัวใจของพวกเขาได้ตายไปนานแล้ว และวิญญาณของพวกเขาได้ถูกซาตานเหยียบย่ำนานมาแล้ว  การช่วยพวกเจ้าที่ได้จมลงสู่ก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของความเสื่อมให้รอดพึงต้องมีการร้องเรียกพวกเจ้าอย่างแข็งขัน พิพากษาพวกเจ้าอย่างแข็งขัน  เมื่อนั้นเท่านั้นจึงจะเป็นไปได้ที่จะปลุกหัวใจที่เย็นจนแข็งของพวกเจ้าให้ตื่น

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มีเพียงผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตอันเปี่ยมความหมายได้

เจ้าควรรู้ว่าความเพียบพร้อม ความครบถ้วนบริบูรณ์ และการได้มนุษย์มาของพระเจ้า ไม่นำอะไรมานอกจากดาบและการเฆี่ยนตีบนเนื้อหนังของพวกเขา เช่นเดียวกับความทุกข์ที่ไม่รู้จบ กองเพลิง การพิพากษาที่ไร้ความปรานี การตีสอน และการสาปแช่ง และบททดสอบอันไร้ขอบเขต  นั่นคือเบื้องลึกและความจริงของพระราชกิจแห่งการบริหารจัดการมนุษย์  อย่างไรก็ตาม สรรพสิ่งเหล่านี้ทั้งมวลถูกชี้นำไปที่เนื้อหนังของมนุษย์ และลูกศรแห่งความเป็นศัตรูทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่เนื้อหนังของมนุษย์อย่างไร้ความปรานี (เพราะมนุษย์รู้เท่าไม่ถึงการณ์) ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อเห็นแก่พระสิริและคำพยานของพระองค์ และเพื่อการบริหารจัดการของพระองค์  นี่เป็นเพราะพระราชกิจของพระองค์ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่เพื่อแผนทั้งหมดทั้งมวลด้วย ตลอดจนเพื่อทำให้น้ำพระทัยดั้งเดิมของพระองค์ลุล่วงเมื่อครั้งที่พระองค์ทรงสร้างมวลมนุษย์ขึ้นมา  ดังนั้น บางทีร้อยละเก้าสิบของสิ่งที่มนุษย์ประสบนั้นเกี่ยวข้องกับความทุกข์และบททดสอบของไฟ และน้อยมากที่จะมีวันที่แสนหวานและมีความสุขที่เนื้อหนังของมนุษย์โหยหา  หรือไม่มีเลยด้วยซ้ำ  นับประสาอะไรที่มนุษย์จะสามารถชื่นชมช่วงเวลาแห่งความสุขในเนื้อหนัง ใช้เวลาที่สวยงามกับพระเจ้าได้  เนื้อหนังนั้นโสโครก ดังนั้นสิ่งที่เนื้อหนังของมนุษย์เห็นหรือได้ชื่นชมนั้นไม่มีอะไรนอกจากการตีสอนของพระเจ้า ซึ่งมนุษย์พบว่าไม่น่าโปรดปราน ราวกับว่ามันขาดสำนึกรับรู้ที่ปกติ  นี่เป็นเพราะพระเจ้าจะทรงสำแดงให้เห็นว่าพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ ซึ่งไม่ได้รับความโปรดปรานจากมนุษย์นั้น ไม่ยอมผ่อนปรนให้กับการทำให้ขุ่นเคืองของมนุษย์ และเกลียดบรรดาศัตรู  พระเจ้าทรงเปิดเผยพระอุปนิสัยทั้งหมดทั้งมวลของพระองค์ด้วยวิถีทางใดๆ ที่จำเป็น ด้วยเหตุนั้นจึงทรงสรุปปิดตัวพระราชกิจแห่งการสู้รบกับซาตานหกพันปีของพระองค์—พระราชกิจแห่งความรอดของมวลมนุษย์ทั้งปวง และการทำลายล้างซาตานแห่งอดีตกาล!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จุดประสงค์ของการบริหารจัดการมวลมนุษย์

พระวจนะของพระเจ้าแต่ละคำกระทบหนึ่งจุดสำคัญในความเป็นมนุษย์ของพวกเรา ทิ้งให้พวกเรามีบาดแผลและเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น  พระองค์ทรงเปิดโปงมโนคติที่หลงผิดของพวกเรา การจินตนาการของพวกเรา และอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของพวกเรา  จากทั้งหมดที่พวกเราพูดและทำ ลงไปถึงทุกๆ ความคิดและความคิดเห็นของพวกเรา ธรรมชาติแก่นแท้ของพวกเราถูกเปิดโปงในพระวจนะของพระองค์ ทำให้พวกเราตกอยู่ในสภาวะของความกลัวและตัวสั่นปราศจากที่ให้ซุกซ่อนความละอายของพวกเรา  ข้อแล้วข้อเล่า พระองค์ทรงบอกพวกเราเกี่ยวกับการกระทำของพวกเรา จุดมุ่งหมายและเจตนาของพวกเราทั้งหมด แม้กระทั่งอุปนิสัยอันเสื่อมทรามที่พวกเราไม่เคยค้นพบ ทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนถูกเปิดโปงในความไม่เพียบพร้อมอันน่าสังเวชของพวกเรา และยิ่งไปกว่านั้น ถูกเอาชนะไปอย่างหมดรูป  พระองค์ทรงพิพากษาพวกเราที่ต่อต้านพระองค์ ทรงตีสอนพวกเราที่หมิ่นประมาทและกล่าวโทษพระองค์ และทรงทำให้พวกเรารู้สึกว่าในสายพระเนตรของพระองค์ กล่าวคือ พวกเราไม่มีคุณลักษณะของการไถ่โทษแม้สักอย่างเดียว รู้สึกว่าพวกเราเป็นซาตานที่มีชีวิต  ความหวังของพวกเราถูกทำลาย พวกเราไม่กล้าทำการเรียกร้องอย่างไร้เหตุผลจากพระองค์หรือเก็บงำการออกแบบอันใดกับพระองค์อีกต่อไป และแม้แต่ความฝันทั้งหลายของพวกเราก็มลายวับไปในชั่วข้ามคืน  นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครในพวกเราสามารถจินตนาการได้และไม่มีใครในพวกเราสามารถยอมรับได้  ภายในชั่วแวบเดียว พวกเราสูญเสียดุลยภาพภายในของพวกเราไปและไม่รู้วิธีไปต่อบนถนนที่ทอดตัวอยู่ข้างหน้า หรือวิธีไปต่อในความเชื่อของพวกเรา  ดูเหมือนว่าความเชื่อของพวกเราได้ถอยกลับไปอยู่ที่จุดเริ่มต้น และราวกับว่าพวกเราไม่เคยพบองค์พระเยซูเจ้าหรือได้รู้จักพระองค์มาก่อนเลย  ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเราทำให้พวกเราเต็มไปด้วยความงุนงงสับสนและทำให้พวกเราสองจิตสองใจละล้าละลัง  พวกเราท้อแท้ พวกเราผิดหวัง และลึกลงไปในใจพวกเรา มีความเดือดดาลและความอับอายที่ไม่สามารถเก็บกดเอาไว้ได้  พวกเราพยายามระบายออก ค้นหาทางออก และยิ่งไปกว่านั้น เฝ้ารอพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเราต่อไป เพื่อที่พวกเราอาจจะได้เทใจของพวกเราออกมาให้พระองค์  แม้มีบางครั้งที่ภายนอกพวกเราดูเหมือนมีสมดุล ทั้งไม่หยิ่งผยองและไม่ถ่อมตน แต่ในใจพวกเรา พวกเราทุกข์ใจกับความรู้สึกสูญเสียที่พวกเราไม่เคยรู้สึกมาก่อน  แม้บางครั้งพวกเราอาจดูภายนอกว่านิ่งสงบผิดปกติ แต่จิตใจของพวกเรากำลังปั่นป่วนด้วยความทรมานเหมือนทะเลพายุ  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ได้ปลดเปลื้องพวกเราจากความหวังและความฝันทั้งปวงของพวกเรา เป็นการยุติความอยากได้อยากมีอันฟุ้งเฟ้อของพวกเราและทิ้งให้พวกเราหมดความเต็มใจที่จะเชื่อว่าพระองค์คือพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเราและสามารถช่วยชีวิตพวกเราได้  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ได้เปิดรอยแยกระหว่างพวกเรากับพระองค์ ซึ่งเป็นรอยแยกที่ลึกเสียจนไม่มีใครเต็มใจที่จะข้ามมัน  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์เป็นครั้งแรกที่พวกเราทนทุกข์กับความล้มเหลวครั้งใหญ่เช่นนี้ ความอัปยศอันใหญ่หลวงยิ่งนักในชีวิตของพวกเรา  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ทำให้พวกเราซาบซึ้งอย่างแท้จริงในพระเกียรติและความไม่ยอมผ่อนปรนของพระเจ้าต่อการทำให้ขุ่นเคืองของมนุษย์ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว พวกเราช่างต่ำช้าเหลือเกิน ช่างมีมลทินเหลือเกิน  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ทำให้พวกเราตระหนักเป็นครั้งแรกว่าพวกเราโอหังและอวดตัวเพียงใด และมนุษย์จะไม่มีวันเท่าเทียมกับพระเจ้าหรือตีเสมอกับพระเจ้าอย่างไร  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ได้ทำให้พวกเราโหยหาไม่อยากมีชีวิตต่อไปในอุปนิสัยอันเสื่อมทรามเช่นนี้ โหยหาที่จะกำจัดตัวพวกเราเองออกจากธรรมชาติแก่นแท้นี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และหยุดทำตัวเลวร้ายและน่ารังเกียจต่อพระองค์  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ได้ทำให้พวกเรามีความสุขในการเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ ไม่กบฏต่อการเรียบเรียงจัดวางและการจัดการเตรียมการของพระองค์อีกต่อไป  การพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ได้ทำให้พวกเรามีความอยากที่จะอยู่รอดและทำให้พวกเรามีความสุขที่จะยอมรับพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเราอีกครั้ง…พวกเราได้ก้าวออกจากพระราชกิจแห่งการพิชิตชัย ออกจากนรก ออกจากหุบเขาแห่งเงื้อมเงาของความตาย…พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงรับพวกเราผู้คนกลุ่มนี้ไว้แล้ว!  พระองค์ทรงมีชัยเหนือซาตานและทำให้บรรดาไพร่พลทั้งหลายของพวกศัตรูของพระองค์พ่ายแพ้!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 4: มองดูการทรงปรากฏของพระเจ้าในการพิพากษาและการตีสอนของพระองค์

ก่อนหน้า: 7. พวกคุณให้คำพยานว่า พระเจ้าทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายเพื่อที่จะชำระมนุษย์ให้สะอาดและช่วยมนุษย์ให้รอดอย่างถึงที่สุด แต่ฉันได้อ่านพระวจนะที่แสดงโดยพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แล้ว และบางพระวจนะค่อนข้างรุนแรง—พระวจนะเหล่านั้นกล่าวโทษและสาปแช่งมนุษย์  นี่ไม่ใช่การลงโทษมนุษย์หรอกหรือ?  จะเรียกว่าเป็นการชำระให้สะอาดและความรอดของมนุษย์ได้อย่างไรกัน?

ถัดไป: 9. พวกคนอิสราเอลได้เชื่อในพระยาห์เวห์มารุ่นแล้วรุ่นเล่า และสามารถพบเจอผู้คนที่เชื่อในองค์พระเยซูเจ้าได้ทั่วโลก  เนื่องจากพระยาห์เวห์ องค์พระเยซูเจ้า และพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้นเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน ทำไมหรือพวกคุณจึงพูดว่า ไม่ต้องคำนึงว่าผู้คนเชื่อในพระยาห์เวห์หรือพระเยซูหรือไม่ หากพวกเขาไม่ยอมรับพระราชกิจพิพากษายุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาก็ย่อมจะถูกกำจัดทิ้ง?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger