5. ในยุคทั้งหลายของทั้งภาคพันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญาใหม่นั้น พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจในประเทศอิสราเอล  องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงเผยพระวจนะไว้ว่า พระองค์จะทรงกลับมาในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงกลับมา พระองค์ควรเสด็จมาถึงในประเทศอิสราเอล  แต่พวกคุณก็ยังให้คำพยานว่าองค์พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับมาเรียบร้อยแล้ว ว่าพระองค์ได้ทรงปรากฏเป็นมนุษย์และกำลังทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ในประเทศจีน  ประเทศจีนเป็นชนชาติที่ถูกปกครองโดยพรรคการเมืองที่เป็นอเทวนิยม  ไม่มีในประเทศใดเลยที่มีการต้านทานพระเจ้าและการข่มเหงคริสตชนที่ใหญ่หลวงกว่านี้  การทรงกลับมาของพระผู้เป็นเจ้าจะสามารถเป็นการมายังประเทศจีนได้อย่างไรกัน?

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง

“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงที่ดวงอาทิตย์ตก นามของเราก็ใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย” (มาลาคี 1:11)

“เพราะว่าฟ้าแลบจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกอย่างไร การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้น ซากศพอยู่ที่ไหนฝูงนกแร้งก็จะรุมล้อมกันอยู่ที่นั่น” (มัทธิว 24:27-28)

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง

(บทที่คัดสรรจาก พระวจนะของพระเจ้า)

ช่วงระยะหนึ่งของพระราชกิจของสองยุคก่อนหน้านี้ทรงดำเนินการเสร็จสิ้นในประเทศอิสราเอล และอีกช่วงระยะหนึ่งทรงดำเนินการในแคว้นยูเดีย  กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ทั้งสองช่วงระยะของพระราชกิจนี้หาได้พ้นไปจากประเทศอิสราเอลไม่ และแต่ละช่วงระยะได้ปฏิบัติกับประชากรที่ทรงเลือกสรรเป็นอันดับแรก  ผลลัพธ์ก็คือคนอิสราเอลเชื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น  เพราะพระเยซูทรงพระราชกิจในแคว้นยูเดียที่ซึ่งพระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขน พวกยิวจึงมองว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของประชาชนชาวยิว  พวกเขาคิดว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของพวกยิวแต่ผู้เดียวไม่ใช่ของชนชาติอื่นใด คิดว่าพระองค์ทรงไม่ใช่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่บาปคนอังกฤษ หรือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่บาปคนอเมริกัน แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่บาปคนอิสราเอล และเป็นพวกยิวนั่นเองที่พระองค์ได้ทรงไถ่บาปในประเทศอิสราเอล  อันที่จริงแล้ว พระเจ้าทรงเป็นองค์เจ้านายของทุกสรรพสิ่ง  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงพระองค์ไม่เพียงทรงเป็นพระเจ้าของคนอิสราเอลหรือของพวกยิวเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง  ทั้งสองช่วงระยะก่อนหน้านี้ของพระราชกิจของพระองค์เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอลซึ่งได้สร้างมโนคติที่หลงผิดบางอย่างไว้ในผู้คน  พวกเขาเชื่อว่าพระยาห์เวห์ทรงพระราชกิจของพระองค์ในประเทศอิสราเอล เชื่อว่าพระเยซูพระองค์เองทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์เสร็จสิ้นในแคว้นยูเดีย และยิ่งไปกว่านั้น เชื่อว่าพระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทรงพระราชกิจ—และไม่ว่ากรณีใดก็ตาม พระราชกิจนี้ไม่ได้แผ่ขยายไปพ้นประเทศอิสราเอล  พระเจ้าไม่ได้ทรงพระราชกิจในคนอียิปต์หรือคนอินเดีย พระองค์ทรงพระราชกิจในคนอิสราเอลเท่านั้น  ดังนั้น ผู้คนจึงก่อมโนคติที่หลงผิดสารพัดและวาดขอบพระราชกิจของพระเจ้าขึ้นภายในขอบเขตหนึ่ง  พวกเขากล่าวว่าเมื่อพระเจ้าทรงพระราชกิจ พระองค์ต้องทรงทำเช่นนั้นท่ามกลางประชากรที่ทรงเลือกสรรและทำในประเทศอิสราเอล นอกจากคนอิสราเอลแล้ว พระเจ้าจะไม่ทรงพระราชกิจต่อผู้อื่นเลย และไม่มีขอบเขตที่กว้างใหญ่กว่านี้อีกแล้วในพระราชกิจของพระองค์  พวกเขาเข้มงวดเป็นพิเศษเมื่อมาถึงเรื่องการจัดให้พระเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ไม่แตกแถวและไม่อนุญาตให้พระองค์ขยับออกนอกเขตแดนของประเทศอิสราเอล  เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่มโนคติที่หลงผิดของมนุษย์เท่านั้นหรอกหรือ?  พระเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์ทุกชั้นและแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสร้างสิ่งทรงสร้างทั้งปวงขึ้นมา ดังนั้นพระองค์จะทรงจำกัดพระราชกิจของพระองค์ไว้กับประเทศอิสราเอลเท่านั้นได้อย่างไร?  หากเป็นเช่นนั้นแล้ว การที่พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงขึ้นมาจะเป็นประโยชน์อันใดเล่า?  พระองค์ทรงสร้างทั้งพิภพและพระองค์ทรงดำเนินแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระองค์จนเสร็จสิ้นไม่เพียงในประเทศอิสราเอล แต่กับทุกๆ คนในจักรวาล  ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรหรือรัสเซีย ทุกคนเป็นพงศ์พันธุ์ของอาดัม พวกเขาล้วนถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า  ไม่มีแม้สักคนในพวกเขาสามารถหลบหนีออกนอกเขตแดนของการทรงสร้างได้และไม่มีแม้สักคนในพวกเขาสามารถแยกตัวเองออกจากป้ายฉลาก “พงศ์พันธุ์ของอาดัม” ได้  พวกเขาล้วนเป็นสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า พวกเขาล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอาดัม และพวกเขาก็เป็นพงศ์พันธุ์อันเสื่อมทรามของอาดัมและเอวา  ไม่ใช่มีแต่คนอิสราเอลเท่านั้นที่เป็นสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า แต่ทุกชนชาติก็เป็น เพียงแต่ว่าบางคนได้ถูกสาปแช่งและบางคนได้รับการอวยพร  มีมากมายหลายสิ่งที่น่าพอใจเกี่ยวกับคนอิสราเอล พระเจ้าทรงพระราชกิจต่อพวกเขาในตอนเริ่มต้นเพราะพวกเขาเสื่อมทรามน้อยที่สุด  คนจีนนั้นไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบกับพวกเขาได้เลย พวกเขาด้อยกว่ามาก  ดังนั้น ในตอนแรกเริ่ม พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจท่ามกลางประชาชนอิสราเอลและช่วงระยะที่สองของพระราชกิจของพระองค์นั้นได้ทรงดำเนินการในแคว้นยูเดียเท่านั้น—ซึ่งได้นำไปสู่มโนคติที่หลงผิดและกฎเกณฑ์มากมายท่ามกลางมนุษย์  โดยข้อเท็จจริงแล้ว หากพระเจ้าต้องทรงทำตามมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ พระองค์ก็จะทรงเป็นเพียงพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น และดังนั้น จะไม่สามารถแผ่ขยายพระราชกิจของพระองค์ไปยังชนต่างชาติ เพราะพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้นและไม่ทรงเป็นพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง  คำเผยพระวจนะทั้งหลายกล่าวไว้แล้วว่า พระนามของพระยาห์เวห์จะได้รับการขยายความไปในหมู่ชนต่างชาติ กล่าวไว้ว่าจะแพร่กระจายไปยังชนต่างชาติ  เหตุใดจึงได้เผยพระวจนะไว้เช่นนี้เล่า?  หากพระเจ้าทรงเป็นเพียงพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น พระองค์ก็จะทรงพระราชกิจในประเทศอิสราเอลเท่านั้น  ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์จะไม่ทรงแพร่กระจายพระราชกิจนี้ และพระองค์จะไม่ทรงกล่าวคำเผยพระวจนะเช่นนี้ ในเมื่อพระองค์ทรงกล่าวคำเผยพระวจนะนี้ไว้แล้ว พระองค์ก็จะทรงแผ่ขยายพระราชกิจของพระองค์ไปท่ามกลางชนต่างชาติ ท่ามกลางทุกชนชาติและทุกแผ่นดินอย่างแน่นอน  ในเมื่อพระองค์ทรงกล่าวไว้เช่นนี้ พระองค์ก็จำต้องทรงปฏิบัติ นี่คือแผนการของพระองค์เพราะพระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่ง และเป็นพระเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง  ไม่ว่าพระองค์จะทรงพระราชกิจท่ามกลางคนอิสราเอลหรือทั่วแคว้นยูเดียทั้งหมด พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำก็คือพระราชกิจของทั้งจักรวาลและพระราชกิจของมนุษยชาติทั้งมวล  พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำในวันนี้ในชนชาติแห่งพญานาคใหญ่สีแดง—ในชนต่างชาติ—ยังคงเป็นพระราชกิจของมนุษยชาติทั้งมวล  ประเทศอิสราเอลสามารถเป็นฐานสำหรับพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลกได้ ในทำนองเดียวกัน ประเทศจีนก็สามารถเป็นฐานสำหรับพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชนต่างชาติได้เช่นกัน  บัดนี้พระองค์ยังไม่ได้ทรงลุล่วงในคำเผยพระวจนะที่ว่า “พระนามของพระยาห์เวห์จะได้รับการขยายให้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางชนต่างชาติ” ไปแล้วหรอกหรือ?  ขั้นตอนแรกของพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชนต่างชาติทั้งหลายก็คือพระราชกิจนี้เอง พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำในชนชาติของพญานาคใหญ่สีแดง  ที่พระเจ้าซึ่งทรงปรากฏในรูปมนุษย์ควรทรงพระราชกิจในแผ่นดินนี้และทรงพระราชกิจท่ามกลางผู้คนที่ถูกสาปแช่งเหล่านี้นั้น ไม่ลงรอยกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง เหล่านี้คือผู้คนที่ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาทั้งหมด พวกเขาไม่มีค่าเลยและพวกเขาถูกพระยาห์เวห์ทอดทิ้งไปในตอนแรกเริ่ม  ผู้คนสามารถถูกผู้คนอื่นทอดทิ้งได้ แต่ถ้าพวกเขาถูกพระเจ้าทอดทิ้งแล้วไซร้ ก็จะไม่มีใครสิ้นไร้สถานะไปกว่านี้แล้ว จะไม่มีใครที่มีค่าต่ำกว่านี้แล้ว  สำหรับสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า การถูกครอบงำโดยซาตานหรือถูกทอดทิ้งโดยผู้คนนั้นเป็นบางสิ่งที่รู้สึกเจ็บปวดมาก—แต่สำหรับสิ่งทรงสร้างที่ถูกพระผู้สร้างทอดทิ้ง มันหมายความว่าพวกเขาไม่อาจมีสถานะต่ำกว่านี้ได้แล้ว  พงศ์พันธุ์ของโมอับถูกสาปแช่ง และพวกเขาได้ถือกำเนิดขึ้นในประเทศล้าหลังนี้ ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นประเทศของผู้คนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของความมืดทั้งหมด พงศ์พันธุ์ของโมอับมีสถานะต่ำที่สุด  เพราะผู้คนเหล่านี้มีสถานะต่ำที่สุดตลอดมา พระราชกิจที่ทรงทำต่อพวกเขาจึงสามารถพังทลายมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ให้สิ้นไปได้อย่างดีที่สุด และยังเป็นประโยชน์มากที่สุดต่อแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระเจ้าทั้งหมดอีกด้วย  การทรงพระราชกิจเช่นนี้ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพังทลายมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ และพระเจ้าทรงเปิดตัวยุคสมัยก็ด้วยการนี้ กล่าวคือ พระองค์ทรงพังทลายมโนคติที่หลงผิดทั้งหมดของมนุษย์ ด้วยการนี้ พระองค์ทรงสิ้นสุดพระราชกิจของยุคพระคุณทั้งหมด ก็ด้วยการนี้  พระราชกิจแรกของพระองค์ได้ทรงดำเนินการไปในแคว้นยูเดีย ภายในเขตแดนของประเทศอิสราเอล ท่ามกลางชนต่างชาติทั้งหลายนั้น พระองค์ไม่ได้ทรงพระราชกิจใดๆ เพื่อเปิดยุคสมัยใหม่  ช่วงระยะสุดท้ายของพระราชกิจไม่เพียงทรงดำเนินการท่ามกลางคนต่างชาติเท่านั้น แต่ยังยิ่งมากไปถึงท่ามกลางบรรดาผู้ที่ถูกสาปแช่ง  ประเด็นเดียวนี้คือหลักฐานที่สามารถสร้างความอัปยศให้แก่ซาตานได้อย่างมากที่สุด และดังนั้น พระเจ้าจึงทรง “กลายเป็น” พระเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงในจักรวาล องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งทุกสรรพสิ่ง วัตถุแห่งการนมัสการสำหรับทุกสิ่งที่มีชีวิต

วันนี้ มีพวกที่ยังคงไม่เข้าใจว่าอะไรคือพระราชกิจใหม่ที่พระเจ้าได้ทรงเริ่มทำ  ท่ามกลางชนต่างชาติ พระเจ้าได้ทรงนำมาซึ่งการเริ่มต้นใหม่  พระองค์ได้เริ่มยุคสมัยใหม่และริเริ่มพระราชกิจใหม่—และพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกิจนี้กับพงศ์พันธุ์ของโมอับ  นี่ไม่ใช่พระราชกิจใหม่ที่สุดของพระองค์หรอกหรือ?  ไม่มีใครเลยสักคนทั่วทั้งประวัติศาสตร์ได้เคยมีประสบการณ์กับพระราชกิจนี้มาก่อน  ไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ และนับประสาอะไรที่จะได้ซาบซึ้งกับมัน  พระปัญญาของพระเจ้า การอัศจรรย์ของพระเจ้า ความไม่อาจหยั่งถึงได้ของพระเจ้า ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ล้วนถูกสำแดงให้ปรากฏผ่านช่วงระยะนี้ของพระราชกิจ พระราชกิจแห่งยุคสุดท้าย  นี่ไม่ใช่พระราชกิจใหม่ พระราชกิจซึ่งพังทลายมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์หรอกหรือ?  มีพวกที่คิดดังนี้ว่า “ในเมื่อพระเจ้าทรงสาปแช่งโมอับและได้ตรัสไว้ว่าพระองค์จะละทิ้งพงศ์พันธุ์ของโมอับ แล้วในตอนนี้ พระองค์จะสามารถช่วยพวกเขาให้รอดได้อย่างไร?” เหล่านี้คือพวกคนต่างชาติที่ถูกพระเจ้าทรงสาปแช่งและขับออกจากประเทศอิสราเอล คนอิสราเอลเรียกพวกเขาว่า “สุนัขต่างชาติ”  ในมุมมองของทุกคน พวกเขาไม่เพียงเป็นสุนัขต่างชาติเท่านั้น แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ยังเป็นบุตรแห่งการทำลายล้าง ซึ่งกล่าวได้ว่า พวกเขาไม่ใช่ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร  พวกเขาอาจเกิดมาภายในเขตแดนของประเทศอิสราเอล แต่พวกเขาไม่ได้เป็นของประชาชนอิสราเอล และถูกขับไล่ไปยังชนต่างชาติ  พวกเขาต่ำต้อยที่สุดในบรรดาผู้คนทั้งหมด  แท้จริงแล้วมันเป็นเพราะพวกเขาต่ำต้อยที่สุดท่ามกลางมนุษยชาติที่พระเจ้าทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในการเปิดตัวยุคใหม่ท่ามกลางพวกเขา เนื่องจากพวกเขาเป็นตัวแทนของมนุษยชาติที่เสื่อมทราม  พระราชกิจของพระเจ้านั้นมีการคัดสรรและตั้งเป้าเอาไว้ พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำในผู้คนเหล่านี้ในวันนี้ก็เป็นพระราชกิจที่ทรงปฏิบัติต่อสรรพสิ่งทรงสร้างเช่นกัน  โนอาห์เป็นสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า เช่นเดียวกับพงศ์พันธุ์ของเขา  ผู้ใดในพิภพที่มีเลือดเนื้อคือสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า  พระราชกิจของพระเจ้าชี้ตรงไปที่สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งหมด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครบางคนถูกสาปแช่งหลังจากที่พวกเขาถูกทรงสร้างขึ้นหรือไม่  พระราชกิจการบริหารจัดการของพระองค์นั้นชี้ตรงไปที่สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งหมด ไม่ใช่ผู้คนที่ทรงเลือกสรรซึ่งยังไม่ถูกสาปแช่ง เนื่องจากพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ให้เสร็จสิ้นท่ามกลางสรรพสิ่งทรงสร้างของพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงดำเนินการจนสำเร็จบริบูรณ์อย่างแน่นอน และพระองค์จะทรงพระราชกิจท่ามกลางผู้คนเหล่านั้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพระราชกิจของพระองค์  ดังนั้นพระองค์จึงทรงสลายธรรมเนียมปฏิบัติทั้งหมดลงเมื่อพระองค์ทรงพระราชกิจท่ามกลางผู้คน สำหรับพระองค์แล้ว คำว่า “ถูกสาปแช่ง” “ถูกตีสอน” และ “ได้รับการอวยพร” นั้นไร้ความหมาย!  พวกยิวนั้นก็ดี เช่นเดียวกับประชาชนอิสราเอลที่ทรงเลือกสรร พวกเขาเป็นคนที่มีขีดความสามารถดีและความเป็นมนุษย์ที่ดี ในช่วงเริ่มต้นนั้น พระยาห์เวห์ได้เปิดตัวพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางพวกเขา และทรงพระราชกิจแรกสุดของพระองค์—แต่การปฏิบัติพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยพวกเขาในวันนี้ย่อมไร้ความหมาย  พวกเขาอาจเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งทรงสร้างด้วยเช่นกัน และอาจมีหลายสิ่งที่เป็นบวกเกี่ยวกับพวกเขา แต่การดำเนินการช่วงระยะนี้ของพระราชกิจท่ามกลางพวกเขาย่อมไร้ความหมาย พระเจ้าจะไม่สามารถพิชิตผู้คนและจะไม่สามารถโน้มน้าวใจสรรพสิ่งทรงสร้างได้ทั้งหมด ซึ่งแท้จริงแล้วคือเหตุผลของการสับเปลี่ยนพระราชกิจของพระองค์มายังผู้คนเหล่านี้ในประเทศของพญานาคใหญ่สีแดง  ที่มีนัยสำคัญยิ่งใหญ่ที่สุดในที่นี้คือการที่พระองค์ทรงเปิดตัวยุคสมัย การที่พระองค์ทรงพังทลายกฎเกณฑ์ทั้งหมดและมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ทั้งหมด และการที่พระองค์ทรงสิ้นสุดพระราชกิจของยุคพระคุณทั้งหมด  หากพระราชกิจปัจจุบันของพระองค์ถูกดำเนินการเสร็จสิ้นท่ามกลางคนอิสราเอล เมื่อถึงเวลาที่แผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระองค์ปิดตัวลง ทุกคนก็จะเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น เชื่อว่าคนอิสราเอลเท่านั้นที่เป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เชื่อว่าชาวอิสราเอลเท่านั้นที่สมควรได้รับพระพรและพระสัญญาของพระเจ้าเป็นมรดก  การจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายในชนต่างชาติของประเทศแห่งพญานาคใหญ่สีแดงทำให้พระราชกิจของพระเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงนั้นสำเร็จลุล่วงลง พระองค์ทรงเสร็จสิ้นพระราชกิจการบริหารจัดการของพระองค์ครบถ้วนทั้งหมดและพระองค์ก็จบพระราชกิจส่วนกลางของพระองค์ในชนชาติของพญานาคใหญ่สีแดง  หัวใจสำคัญของพระราชกิจทั้งสามช่วงระยะนี้คือความรอดของมนุษย์กล่าวคือ การทำให้สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงนมัสการพระผู้สร้าง  ดังนั้น จึงมีความหมายยิ่งใหญ่ต่อแต่ละช่วงระยะของพระราชกิจ พระเจ้าไม่ทรงทำสิ่งใดที่ปราศจากความหมายหรือคุณค่า  ในด้านหนึ่งนั้น ช่วงระยะนี้ของพระราชกิจนำมาซึ่งยุคสมัยใหม่และยุติสองยุคสมัยก่อนหน้า ในอีกด้านหนึ่งนั้น มันพังทลายมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ทั้งหมดและหนทางอันเก่าแก่ทั้งหมดของความเชื่อและความรู้ของมนุษย์  พระราชกิจของสองยุคก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการไปตามมโนคติที่หลงผิดต่างๆ นานาของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ช่วงระยะนี้ขจัดมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ออกไปจนหมดสิ้น ส่งผลให้พิชิตมนุษยชาติได้อย่างถึงที่สุด พระเจ้าจะทรงพิชิตผู้คนทั้งหมดทั่วจักรวาล ด้วยการพิชิตพงศ์พันธุ์ของโมอับผ่านพระราชกิจที่ทรงดำเนินการท่ามกลางพงศ์พันธุ์ของโมอับ  นี่คือนัยสำคัญลึกสุดของช่วงระยะนี้ของพระราชกิจของพระองค์ และเป็นแง่มุมที่มีค่าที่สุดของช่วงระยะนี้แห่งพระราชกิจของพระองค์  ต่อให้ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าสถานะของตัวเจ้านั้นต่ำต้อยและเจ้ามีค่าต่ำ เจ้าจะยังคงรู้สึกว่าเจ้าได้พบกับสิ่งที่น่าชื่นบานที่สุด กล่าวคือ เจ้าได้รับพระพรอันยิ่งใหญ่เป็นมรดก ได้รับพระสัญญาอันยิ่งใหญ่ และเจ้าสามารถช่วยให้พระราชกิจยิ่งใหญ่ของพระเจ้านี้สำเร็จลุล่วงไปได้  เจ้าได้เห็นโฉมพระพักตร์ที่แท้จริงของพระเจ้า เจ้ารู้จักพระอุปนิสัยโดยธรรมชาติของพระเจ้าและเจ้าทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า  สองช่วงระยะก่อนหน้าของพระราชกิจของพระเจ้าดำเนินการในประเทศอิสราเอล  หากช่วงระยะนี้ของพระราชกิจของพระองค์ในยุคสุดท้ายดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นท่ามกลางคนอิสราเอลอีกเช่นกันแล้วไซร้ ไม่เพียงแต่สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงจะเชื่อว่ามีเพียงคนอิสราเอลเท่านั้นที่เป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร แต่แผนการบริหารจัดการทั้งสิ้นของพระเจ้าจะพลาดจากการบรรลุผลที่ทรงพึงปรารถนา  ในระหว่างช่วงเวลาที่สองช่วงระยะของพระราชกิจของพระองค์ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วในประเทศอิสราเอล ไม่มีทั้งพระราชกิจใหม่—และพระราชกิจใดอันใดแห่งการเปิดตัวยุคสมัยใหม่—ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปท่ามกลางชนต่างชาติ  ช่วงระยะในวันนี้ของพระราชกิจ—พระราชกิจแห่งการเปิดตัวยุคสมัยใหม่—ดำเนินการท่ามกลางชนต่างชาติก่อน และยิ่งไปกว่านั้น ดำเนินการเริ่มแรก ท่ามกลางพงศ์พันธุ์ของโมอับ ดังนั้นจึงเป็นการเปิดตัวทั้งยุคสมัย  พระเจ้าได้ทรงพังทลายความรู้ใดๆ ที่ถูกบรรจุอยู่ในมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ โดยไม่ทรงยอมให้หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย  ในพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยของพระองค์ พระองค์ได้ทรงพังทลายมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ บรรดาวิถีอันเก่าแก่แห่งความรู้ของมนุษย์ก่อนหน้านี้  พระองค์ทรงให้ผู้คนมองเห็นว่ากับพระเจ้าแล้ว ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีอะไรเก่าแก่เกี่ยวกับพระเจ้า มองเห็นว่าพระราชกิจที่พระองค์ทรงทำนั้นล้วนมีเสรีภาพทั้งสิ้น ล้วนเป็นอิสระทั้งสิ้นและมองเห็นว่าพระองค์ทรงถูกต้องในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ  เจ้าต้องนบนอบอย่างสุดใจต่อพระราชกิจใดก็ตามที่พระองค์ทรงทำท่ามกลางสรรพสิ่งทรงสร้าง  พระราชกิจทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำมีความหมายและทรงดำเนินการเสร็จสิ้นโดยสอดคล้องกับน้ำพระทัยและพระปัญญาของพระองค์เอง และไม่ได้เป็นไปตามตัวเลือกและมโนคติที่หลงผิดทั้งหลายของมนุษย์  หากมีบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ย่อมทรงทำ และถ้ามีบางสิ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ก็ย่อมไม่ทรงทำไม่ว่ามันจะดีเพียงใด!  พระองค์ทรงพระราชกิจและทรงคัดสรรผู้รับและที่ตั้งของพระราชกิจของพระองค์โดยสอดคล้องกับความหมายและจุดประสงค์ของพระราชกิจของพระองค์  พระองค์ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ในอดีตในยามที่พระองค์ทรงพระราชกิจ และพระองค์ไม่ทรงทำตามสูตรเก่าๆ อีกด้วย  แต่พระองค์กลับทรงวางแผนพระราชกิจของพระองค์โดยสอดคล้องกับนัยสำคัญของพระราชกิจแทน  ในท้ายที่สุด พระองค์จะบรรลุประสิทธิผลอันแท้จริงและเป้าหมายที่มุ่งหวังไว้  หากเจ้าไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ในวันนี้ พระราชกิจนี้จะไม่เกิดประสิทธิผลในตัวเจ้าเลย

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า

พระราชกิจของพระยาห์เวห์คือการสร้างโลก นั่นคือการเริ่มต้น พระราชกิจช่วงระยะนี้คือปลายทางของพระราชกิจ และเป็นการสรุปปิดตัว  เริ่มแรกนั้นพระราชกิจของพระเจ้าดำเนินไปท่ามกลางผู้ที่ได้รับการเลือกสรรชาวอิสราเอล และเป็นรุ่งอรุณของยุคใหม่ในสถานที่ที่บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งหมด  พระราชกิจช่วงระยะสุดท้ายดำเนินไปในประเทศที่ไม่บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาประเทศทั้งปวง เพื่อพิพากษาโลกและนำพายุคไปสู่กาลอวสาน  ในช่วงระยะแรกนั้น พระราชกิจของพระเจ้าดำเนินไปในสถานที่ที่สดใสที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวง และช่วงระยะสุดท้ายก็ดำเนินไปในสถานที่ที่มืดมนที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวง และความมืดมนนี้จะถูกขับออกไป และความสว่างจะถูกนำมา และผู้คนทั้งหมดจะได้รับการพิชิต  เมื่อผู้คนจากสถานที่ที่ไม่บริสุทธิ์ที่สุดและมืดมิดที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวงนี้ได้รับการพิชิต และประชากรทั้งหมดทั้งมวลยอมรับรู้ว่ามีพระเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ และเมื่อทุกบุคคลเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ เช่นนั้นแล้ว ข้อเท็จจริงนี้จะถูกใช้ดำเนินพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยไปทั่วทั้งจักรวาล  พระราชกิจช่วงระยะนี้มีความเป็นสัญลักษณ์ กล่าวคือ  ทันทีที่พระราชกิจของยุคนี้เสร็จสิ้นลง พระราชกิจแห่งการบริหารจัดการหกพันปีก็จะมาถึงบทอวสานอันสมบูรณ์  ทันทีที่พวกที่อยู่ในสถานที่ที่มืดมนที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวงได้รับการพิชิตแล้ว ก็ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่าทั่วทุกหนแห่งจะเป็นเช่นนั้นด้วย  เมื่อเป็นดังนี้จึงมีเพียงพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยในประเทศจีนเท่านั้นที่มีการใช้สัญลักษณ์อย่างมีความหมาย  ประเทศจีนคือรูปจำแลงแห่งกำลังบังคับทั้งมวลของความมืด และผู้คนของประเทศจีนเป็นตัวแทนของทุกคนที่เป็นมนุษย์ เป็นของซาตาน และมีเลือดมีเนื้อหนัง  ผู้คนชาวจีนนี่เองที่ถูกพญานาคใหญ่สีแดงทำให้เสื่อมทรามที่สุด ต่อต้านพระเจ้าอย่างหนักหน่วงที่สุด มีสภาวะความเป็นมนุษย์ที่ต่ำช้าและไม่บริสุทธิ์ที่สุด และดังนั้นพวกเขาจึงเป็นแม่แบบของมนุษยชาติที่เสื่อมทรามทั้งหมด  นี่มิได้หมายความว่าประเทศอื่นไม่มีปัญหา มโนคติอันหลงผิดของมนุษย์ล้วนเหมือนกันทั้งหมด และถึงแม้ว่าผู้คนของประเทศเหล่านี้อาจมีขีดความสามารถดี แต่หากพวกเขาไม่รู้จักพระเจ้า เช่นนั้นแล้วก็ต้องเป็นว่าพวกเขาต่อต้านพระองค์  เหตุใดชาวยิวจึงได้ต่อต้านและเยาะเย้ยท้าทายพระเจ้า?  เหตุใดพวกฟาริสีก็ต่อต้านพระองค์เช่นกัน?  เหตุใดยูดาสจึงทรยศพระเยซู?  ณ เวลานั้นสาวกจำนวนมากไม่รู้จักพระเยซู  หลังจากที่พระเยซูทรงถูกตรึงกางเขนและได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เหตุใดผู้คนจึงยังคงไม่เชื่อในพระองค์?  การไม่เชื่อฟังของมนุษย์ไม่เหมือนกันหมดหรอกหรือ?  ผู้คนของประเทศจีนเพียงถูกยกมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น และเมื่อพวกเขาได้รับการพิชิต พวกเขาจะกลายเป็นแบบอย่างและตัวอย่าง และจะทำหน้าที่เป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับผู้อื่น  เหตุใดเราจึงกล่าวอยู่เสมอว่าพวกเจ้าเป็นผู้ช่วยให้กับแผนการบริหารจัดการของเรา?  ความเสื่อมทราม ความไม่บริสุทธิ์ ความไม่ชอบธรรม การต่อต้าน และการเป็นกบฏได้ถูกสำแดงอย่างสมบูรณ์ที่สุด และถูกเปิดเผยอยู่ในรูปแบบสารพันภายในตัวผู้คนของประเทศจีนนั่นเอง  ในด้านหนึ่ง พวกเขามีขีดความสามารถอ่อนด้อย และในอีกด้านหนึ่ง ชีวิตและชุดความคิดของพวกเขาล้าหลัง และนิสัยใจคอ สภาพแวดล้อมทางสังคม ครอบครัวที่ให้กำเนิดของพวกเขา—ทั้งหมดล้วนอ่อนด้อยและล้าหลังที่สุด  สถานะของพวกเขาก็ต่ำต้อยเช่นกัน พระราชกิจในที่แห่งนี้จึงมีความเป็นสัญลักษณ์ และหลังจากที่พระราชกิจแห่งการทดสอบนี้ดำเนินไปอย่างครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว พระราชกิจที่ตามมาของพระเจ้าจะง่ายกว่านี้มาก  หากพระราชกิจขั้นตอนนี้สามารถเสร็จสมบูรณ์ เช่นนั้นแล้ว พระราชกิจที่ตามมาก็ย่อมเป็นที่ชัดเจน  ทันทีที่พระราชกิจขั้นตอนนี้สำเร็จลุล่วงไป ก็ย่อมจะสัมฤทธิ์ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างเต็มที่ และพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยทั่วทั้งจักรวาลก็ย่อมจะถึงกาลอวสานอย่างสมบูรณ์  แท้จริงแล้ว ทันทีที่พระราชกิจท่ามกลางพวกเจ้าประสบความสำเร็จ นี่ก็ย่อมจะเทียบเท่ากับความสำเร็จไปทั่วจักรวาล  นี่คือความสำคัญของการที่ว่าเหตุใดเราจึงให้พวกเจ้าทำหน้าที่เป็นแบบอย่างและตัวอย่าง  ความเป็นกบฏ การต่อต้าน ความไม่บริสุทธิ์ ความไม่ชอบธรรม—ทั้งหมดล้วนพบเจออยู่ในตัวผู้คนเหล่านี้ และในตัวพวกเขายังมีความเป็นกบฏทั้งปวงของมวลมนุษย์  พวกเขาไม่ธรรมดาจริงๆ  ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้รับการยกชูให้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพิชิตชัย และทันทีที่พวกเขาถูกพิชิต พวกเขาจะกลายเป็นตัวอย่างและแบบอย่างสำหรับผู้อื่นไปเอง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (2)

พระเจ้าได้ทรงทำให้ผู้คนกลุ่มนี้เป็นศูนย์รวมพระราชกิจทั่วทั้งจักรวาลของพระองค์  พระองค์ได้เสียสละพระโลหิตทั้งหมดในพระหทัยของพระองค์แก่พวกเจ้า พระองค์ได้เรียกคืนพระราชกิจทั่วทั้งจักรวาลของพระวิญญาณและทรงมอบทั้งหมดนั้นให้แก่พวกเจ้า  นั่นคือสาเหตุที่พวกเจ้าเป็นกลุ่มคนที่โชคดี  ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังได้ทรงย้ายพระสิริของพระองค์จากประเทศอิสราเอล จากประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรร มาที่พวกเจ้า และพระองค์จะทรงสำแดงจุดประสงค์แห่งแผนการของพระองค์ผ่านทางกลุ่มนี้ทั้งหมด  เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจึงเป็นผู้ที่จะได้รับมรดกของพระเจ้า และยิ่งไปกว่านี้ พวกเจ้าคือทายาทแห่งพระสิริของพระเจ้า  บางทีพวกเจ้าทุกคนอาจจำคำพูดเหล่านี้ได้ ความว่า “เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ”  พวกเจ้าทุกคนเคยได้ฟังคำพูดเหล่านี้มาก่อน แต่ไม่มีใครในหมู่พวกเจ้าที่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดเหล่านี้เลย  วันนี้พวกเจ้าตระหนักรู้อย่างลุ่มลึกถึงนัยสำคัญที่แท้จริงของคำพูดเหล่านี้แล้ว  คำพูดเหล่านี้จะได้รับการทำให้ลุล่วงโดยพระเจ้าในระหว่างยุคสุดท้าย และจะได้รับการทำให้ลุล่วงในบรรดาผู้ที่ถูกพญานาคใหญ่สีแดงข่มเหงอย่างทารุณโหดร้ายในแผ่นดินที่มันนอนขดกายอยู่  พญานาคใหญ่สีแดงข่มเหงพระเจ้าและเป็นศัตรูของพระเจ้า และฉะนั้น ในแผ่นดินนี้ เหล่าผู้เชื่อในพระเจ้าจึงตกอยู่ภายใต้การเหยียดหยามและกดขี่ และผลที่ได้ก็คือคำพูดเหล่านี้ได้รับการทำให้ลุล่วงในตัวพวกเจ้า ในคนกลุ่มนี้นี่เอง  เนื่องจากพระราชกิจเริ่มเปิดตัวในแผ่นดินที่ต่อต้านพระเจ้า พระราชกิจทั้งปวงของพระเจ้าจึงเผชิญกับอุปสรรคมหาศาล และการทำพระวจนะมากมายของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงย่อมใช้เวลา  ด้วยเหตุนั้น ผลแห่งพระวจนะของพระเจ้าประการหนึ่งก็คือผู้คนได้รับการถลุง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความทุกข์  พระเจ้าทรงมีความลำบากยากเย็นมหาศาลในการดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในแผ่นดินแห่งพญานาคใหญ่สีแดง—แต่พระเจ้าก็ทรงปฏิบัติพระราชกิจช่วงระยะหนึ่งของพระองค์ผ่านทางความลำบากยากเย็นนี้ อันเป็นการสำแดงพระปัญญาของพระองค์และกิจการอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์ และทรงใช้โอกาสนี้ทำให้ผู้คนกลุ่มนี้ครบบริบูรณ์  พระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งการชำระให้บริสุทธิ์และการพิชิตชัยของพระองค์ผ่านทางความทุกข์ของผู้คน ผ่านทางขีดความสามารถของพวกเขา และผ่านทางอุปนิสัยเยี่ยงซาตานทั้งปวงของผู้คนในแผ่นดินอันโสมมนี้ เพื่อที่พระองค์อาจได้รับพระสิริจากการนี้ และเพื่อที่พระองค์อาจได้รับบรรดาผู้ที่จะเป็นพยานให้แก่กิจการของพระองค์  ดังนี้คือนัยสำคัญทั้งหมดของการเสียสละทั้งปวงที่พระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อผู้คนกลุ่มนี้  นั่นก็คือพระเจ้าทรงพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยโดยผ่านทางพวกที่ต่อต้านพระองค์นี่เอง และด้วยเหตุนี้เท่านั้นที่ฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจะสามารถได้รับการสำแดง  กล่าวได้อีกนัยว่า เฉพาะพวกที่อยู่ในแผ่นดินที่ไม่สะอาดเท่านั้นที่ควรค่าแก่การสืบทอดพระสิริของพระเจ้า และการนี้เท่านั้นที่สามารถขับเน้นให้ฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าโดดเด่นขึ้นมาได้  นั่นคือสาเหตุที่พระเจ้าได้รับพระสิริจากแผ่นดินที่ไม่สะอาด และจากเหล่าคนที่มีชีวิตอยู่ในแผ่นดินที่ไม่สะอาด  เช่นนี้เองคือน้ำพระทัยของพระเจ้า  พระราชกิจในช่วงระยะของพระเยซูก็เช่นกัน กล่าวคือ พระองค์สามารถได้รับพระสิริในท่ามกลางพวกฟาริสีที่ข่มเหงพระองค์เท่านั้น  หากไม่ใช่เพราะการข่มเหงของพวกฟาริสีและการทรยศของยูดาส พระเยซูย่อมจะไม่ทรงถูกเยาะเย้ยถากถางหรือใส่ร้ายป้ายสี และยิ่งไม่ทรงถูกตรึงกางเขน และด้วยเหตุนั้นพระองค์ก็จะไม่สามารถได้รับพระสิริ  ที่ที่พระเจ้าทรงพระราชกิจในแต่ละยุค และที่ที่พระองค์ทรงพระราชกิจของพระองค์ในเนื้อหนัง ก็คือที่ที่พระองค์ได้รับพระสิริ และเป็นที่ที่พระองค์ทรงรับไว้ซึ่งผู้ที่พระองค์ตั้งพระทัยที่จะรับไว้  นี่คือแผนการแห่งพระราชกิจของพระเจ้า และนี่คือการบริหารจัดการของพระองค์

ในแผนการนานหลายพันปีของพระเจ้า มีพระราชกิจสองส่วนที่ทรงทำในเนื้อหนัง ส่วนแรกคือพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขน ซึ่งทำให้พระองค์ได้รับพระสิริ อีกส่วนคือพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยและความเพียบพร้อมแห่งยุคสุดท้าย ซึ่งทำให้พระองค์ได้รับพระสิริ  นี่คือการบริหารจัดการของพระเจ้า  ดังนั้น จงอย่ามองพระราชกิจของพระเจ้าหรือพระบัญชาที่พระเจ้าทรงมีต่อพวกเจ้าเป็นเรื่องเรียบง่าย  พวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นผู้สืบทอดความไพศาลแห่งพระสิรินิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบของพระเจ้า และเรื่องนี้ได้ถูกลิขิตไว้เป็นพิเศษแล้วโดยพระเจ้า  จากพระสิริทั้งสองส่วน หนึ่งในนั้นสำแดงอยู่ในตัวพวกเจ้า หนึ่งส่วนแห่งพระสิริของพระเจ้านี้ได้ประทานแก่พวกเจ้าหมดแล้ว เพื่อให้เป็นมรดกของพวกเจ้า  นี่คือการที่พระเจ้าทรงยกย่องพวกเจ้า และยังเป็นแผนการซึ่งพระองค์ได้ทรงลิขิตไว้ล่วงหน้ามานานแล้วอีกด้วย  ด้วยความยิ่งใหญ่ของพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงกระทำในแผ่นดินซึ่งพญานาคใหญ่สีแดงอาศัยอยู่ หากพระราชกิจนี้ถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น ก็คงเกิดดอกผลมหาศาลไปนานแล้ว และมนุษย์ก็คงจะพร้อมใจกันยอมรับพระราชกิจนี้ไปแล้ว  ยิ่งไปกว่านั้น พระราชกิจนี้คงจะง่ายดายมากเสียจนคณะสงฆ์แห่งทิศตะวันตกผู้เชื่อในพระเจ้าไม่อาจจะยอมรับได้ เนื่องจากมีช่วงระยะซึ่งเป็นพระราชกิจของพระเยซูเป็นตัวอย่างนำมาก่อน  นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าไม่อาจสัมฤทธิ์ช่วงระยะนี้ของพระราชกิจแห่งการได้รับพระสิริในที่อื่น เมื่อพระราชกิจได้รับการสนับสนุนจากผู้คนและเป็นที่ตระหนักรู้ของชนชาติทั้งหลาย พระสิริของพระเจ้าก็ไม่สามารถตั้งมั่นได้  นี่เองคือนัยสำคัญพิเศษของพระราชกิจช่วงระยะนี้ในแผ่นดินนี้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้าเรียบง่ายดังที่มนุษย์จินตนาการหรือไม่?

พระเจ้าได้เผยพระวจนะไว้ในหลายแห่งว่า พระองค์กำลังจะทรงได้รับบรรดาผู้ชนะในแผ่นดินซีนิม  ในเมื่อมันเป็นในทิศตะวันออกของโลกนี่เองที่บรรดาผู้ชนะจะถูกได้รับ ดังนั้น สถานที่ซึ่งพระเจ้าจะทรงเหยียบย่างในการปรากฏในรูปมนุษย์ครั้งที่สองของพระองค์ก็ต้องเป็นแผ่นดินซีนิมโดยไม่มีข้อสงสัย ซึ่งเป็นจุดที่แน่ชัดว่าเป็นที่ซึ่งมังกรใหญ่สีแดงนอนขดตัวอยู่  ที่นั่น พระเจ้าจะทรงได้รับพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดง เพื่อที่มันจะได้ถูกทำให้ปราชัยอย่างไม่มีชิ้นดีและได้รับความอับอาย  พระเจ้ากำลังจะทรงปลุกผู้คนเหล่านี้ให้ตื่น โดยแบกภาระความทุกข์อย่างหนัก เพื่อปลุกเร้าพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะตื่นอย่างเต็มที่ และเพื่อทำให้พวกเขาเดินออกจากม่านหมอกและละทิ้งพญานาคใหญ่สีแดง  พวกเขาจะตื่นจากความฝันของพวกเขา จะระลึกได้ถึงธาตุแท้ของพญานาคใหญ่สีแดง จะกลายเป็นสามารถมอบหัวใจทั้งดวงของพวกเขาให้แก่พระเจ้าได้ จะลุกขึ้นจากการกดขี่ของกำลังบังคับมืด จะยืนขึ้นในทิศตะวันออกของโลก และจะกลายเป็นข้อพิสูจน์แห่งชัยชนะของพระเจ้า  ในหนทางนี้เท่านั้นที่พระเจ้าจะทรงได้รับพระสิริ  ลำพังเหตุผลนี้เท่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงนำพระราชกิจที่เคยมาถึงปลายทางในอิสราเอลมาสู่ดินแดนที่พญานาคใหญ่สีแดงนอนขดตัวอยู่ และหลังจากที่ได้จากไปเกือบสองพันปี ก็ทรงได้มาสู่เนื้อหนังอีกครั้งเพื่อสานต่อพระราชกิจแห่งยุคพระคุณ  พระเจ้ากำลังทรงเปิดตัวพระราชกิจใหม่ในเนื้อหนังต่อตาเปล่าของมนุษย์  แต่ในทรรศนะของพระเจ้า พระองค์กำลังทรงสานต่องานแห่งยุคพระคุณ แต่ก็เป็นหลังจากช่วงผลัดเปลี่ยนไม่กี่พันปีแล้วเท่านั้น และด้วยการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ตั้งและโครงการในพระราชกิจของพระองค์เท่านั้น

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (6)

ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนอเมริกัน คนอังกฤษ หรือสัญชาติอื่นใด เจ้าควรก้าวออกนอกขอบเขตของสัญชาติของเจ้าเอง ก้าวข้ามตัวของเจ้าเอง และชมพระราชกิจของพระเจ้าจากสถานะของสิ่งมีชีวิตที่ทรงสร้างขึ้น  ด้วยวิธีนี้เจ้าจะไม่วางข้อจำกัดบนรอยพระบาทของพระเจ้า  นี่เป็นเพราะว่าทุกวันนี้ผู้คนมากมายมีความคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงปรากฏในประเทศหนึ่งประเทศใดโดยเฉพาะหรือท่ามกลางผู้คนบางกลุ่ม  นัยสำคัญของพระราชกิจของพระเจ้านั้นลึกซึ้งยิ่งนัก และการทรงปรากฏของพระเจ้ามีความสำคัญยิ่งนัก!  มโนคติที่หลงผิดและความคิดของมนุษย์จะสามารถหยั่งวัดสองสิ่งนั้นได้อย่างไร  และดังนั้นเราจึงบอกว่า เจ้าควรตีฝ่ามโนคติที่หลงผิดเรื่องสัญชาติและชาติพันธุ์เพื่อแสวงหาการทรงปรากฏของพระเจ้า  เช่นนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะไม่ถูกจำกัดด้วยมโนคติที่หลงผิดของเจ้าเอง เช่นนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะมีคุณสมบัติที่จะต้อนรับการทรงปรากฏของพระเจ้า  มิฉะนั้น เจ้าจะยังคงอยู่ในความมืดมิดนิรันดร์ และไม่มีวันได้รับการยอมรับจากพระเจ้า

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล  พระองค์ไม่ทรงถือว่าพระองค์เป็นสมบัติส่วนตัวของประเทศหรือผู้คนใดๆ แต่ทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ตามที่พระองค์ได้ทรงวางแผนไว้ โดยปราศจากการถูกจำกัดขอบเขตทั้งในรูปแบบ ประเทศ หรือผู้คนใดๆ  บางทีเจ้าอาจไม่เคยจินตนาการถึงรูปแบบนี้ หรือบางที ทัศนคติของเจ้าที่มีต่อรูปแบบนี้เป็นไปในทางปฏิเสธ หรือบางที ประชาชาติที่พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์และผู้คนที่พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์อาจบังเอิญถูกเลือกปฏิบัติโดยทุกคน และบังเอิญเป็นผู้คนที่ล้าหลังที่สุดบนแผ่นดินโลก  ถึงอย่างนั้น พระเจ้าก็มีพระปรีชาญาณของพระองค์  ด้วยมหิทธานุภาพของพระองค์ และโดยอาศัยความจริงของพระองค์และพระอุปนิสัยของพระองค์ พระองค์ได้ทรงรับไว้อย่างแท้จริงซึ่งผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจิตใจตรงกันกับพระองค์ และผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งพระองค์ทรงปรารถนาที่จะทำให้ครบบริบูรณ์—เป็นกลุ่มคนภายใต้การปกครองของพระองค์ ผู้ซึ่งได้ทนฝ่าการทดสอบและความทุกข์ลำบากทุกรูปแบบและการข่มเหงทุกรูปแบบ สามารถติดตามพระองค์จนถึงปลายทาง  จุดมุ่งหมายของการทรงปรากฏของพระเจ้า ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่กับรูปแบบหรือประชาชาติใดๆ คือการทำให้พระองค์สามารถปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ให้เสร็จสมบูรณ์ได้ตามที่พระองค์ได้ทรงวางแผนไว้  นี่เป็นเหมือนเมื่อครั้งพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ในแคว้นยูเดีย กล่าวคือ จุดมุ่งหมายของพระองค์คือการบรรลุพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขนเพื่อไถ่บาปให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล  แม้กระนั้น ชาวยิวก็เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงทำเช่นนี้ และพวกเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะสามารถเป็นเนื้อหนังและทรงอยู่ในรูปร่างขององค์พระเยซูเจ้า  “เป็นไปไม่ได้” ของพวกเขากลายเป็นพื้นฐานให้พวกเขาประณามและต่อต้านพระเจ้า และในที่สุดก็นำไปสู่การทำลายล้างประเทศอิสราเอล  วันนี้ผู้คนมากมายได้กระทำความผิดที่คล้ายกัน  พวกเขาป่าวประกาศด้วยพละกำลังทั้งหมดของพวกเขาถึงการทรงปรากฏของพระเจ้าที่กำลังใกล้เข้ามา แต่ในเวลาเดียวกันก็ประณามการทรงปรากฏของพระองค์ “เป็นไปไม่ได้” ของพวกเขาจำกัดการทรงปรากฏของพระเจ้าภายในขอบเขตของจินตนาการของพวกเขาอีกครั้ง  และดังนั้นเราจึงได้เห็นผู้คนมากมายระเบิดหัวเราะอย่างป่าเถื่อนและแหบห้าวหลังจากที่ได้มาพบกับพระวจนะของพระเจ้า  แต่เสียงหัวเราะนี้แตกต่างจากการประณามและการดูหมิ่นของชาวยิวเพียงใดหรือไม่?  พวกเจ้าไม่เคารพยำเกรงเมื่ออยู่ต่อหน้าความจริง และยิ่งไม่มีความรู้สึกโหยหาเลยหรือ?  ทั้งหมดที่เจ้าทำคือศึกษาโดยไร้ความพิถีพิถันและรอคอยด้วยความไม่แยแสสะเพร่า  เจ้าจะสามารถได้อะไรจากการศึกษาและการรอคอยเช่นนี้?  เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้รับคำแนะนำส่วนตัวจากพระเจ้าหรือ?  หากเจ้าไม่สามารถเข้าใจถ้อยดำรัสของพระเจ้าแล้ว เจ้าจะมีคุณสมบัติในทางใดที่จะประจักษ์ในการทรงปรากฏของพระเจ้า?  ที่ใดก็ตามที่พระเจ้าทรงปรากฏ ความจริงก็จะถูกแสดงที่นั่น และพระสุรเสียงของพระเจ้าก็จะอยู่ที่นั่น  เฉพาะบรรดาผู้ที่สามารถยอมรับความจริงเท่านั้นที่จะสามารถได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า และเฉพาะผู้คนเช่นนี้เท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะประจักษ์ในการทรงปรากฏของพระเจ้า  จงปลดปล่อยมโนคติที่หลงผิดของเจ้า!  จงเงียบเสียงตัวเจ้าเองและนำถ้อยคำเหล่านี้มาอ่านอย่างระมัดระวัง  หากเจ้าโหยหาความจริง พระเจ้าจะทรงให้ความรู้แจ้งกับเจ้าและเจ้าจะเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์และพระวจนะของพระองค์ จงปลดปล่อยความเห็นของพวกเจ้าเกี่ยวกับ “เป็นไปไม่ได้”!  ยิ่งผู้คนเชื่อว่าบางสิ่งเป็นไปไม่ได้มากเท่าใด ก็มีโอกาสที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น เพราะพระปรีชาญาณของพระเจ้าทะยานสูงกว่าฟ้าสวรรค์ พระราชดำริของพระเจ้าอยู่สูงกว่าความคิดของมนุษย์ และพระราชกิจของพระเจ้าอยู่เหนือขอบเขตของความคิดและมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์  ยิ่งบางสิ่งเป็นไปไม่ได้มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีความจริงที่สามารถค้นหาได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งบางสิ่งอยู่เลยมโนคติที่หลงผิดและจินตนาการของมนุษย์มากเท่าใด มันก็ยิ่งบรรจุน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น  นี่เป็นเพราะ ไม่ว่าพระองค์จะทรงเปิดเผยพระองค์ที่ใด พระเจ้าก็ยังคงเป็นพระเจ้า และเนื้อแท้ของพระองค์จะไม่เปลี่ยนแปลงด้วยเหตุของสถานที่หรือลักษณะของการทรงปรากฏของพระองค์  พระอุปนิสัยของพระเจ้ายังคงเหมือนเดิมไม่ว่ารอยพระบาทของพระองค์จะอยู่ที่ใด และไม่ว่ารอยพระบาทของพระเจ้าจะอยู่ที่ใด พระองค์ก็เป็นพระเจ้าของมวลมนุษย์ทั้งปวง เช่นเดียวกับที่องค์พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงเป็นเพียงพระเจ้าของชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่เป็นพระเจ้าของผู้คนทั้งหมดในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาอีกด้วย และยิ่งไปกว่านั้นอีก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวในจักรวาลทั้งมวล  ดังนั้นให้พวกเราแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าและค้นพบการทรงปรากฏของพระองค์ในถ้อยดำรัสของพระองค์ และก้าวตามให้ทันก้าวพระบาทของพระองค์!  พระเจ้าทรงเป็นความจริง หนทาง และชีวิต  พระวจนะของพระองค์และการทรงปรากฏของพระองค์ดำรงอยู่ในเวลาเดียวกัน และพระอุปนิสัยและรอยพระบาทของพระองค์เปิดกว้างต่อมวลมนุษย์ตลอดเวลา  พี่น้องชายหญิงที่รัก เราหวังว่าพวกเจ้าสามารถเห็นการทรงปรากฏของพระเจ้าในคำพูดเหล่านี้ เริ่มติดตามก้าวพระบาทของพระองค์ในขณะที่เจ้าก้าวไปข้างหน้าสู่ยุคใหม่ และเข้าสู่สวรรค์และโลกใหม่ที่สวยงามซึ่งพระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ที่กำลังรอคอยการทรงปรากฏของพระองค์!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 1: การทรงปรากฏของพระเจ้าได้นำมาซึ่งยุคใหม่

ก่อนหน้า: 4. พวกเราได้เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้ามาหลายปี และได้ทำงานอย่างหนักเพื่อพระองค์เสมอมา รอคอยการทรงกลับมาของพระองค์อย่างระแวดระวัง  พวกเราเชื่อว่า พวกเราควรได้รับวิวรณ์เกี่ยวกับการทรงกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นอันดับแรกก่อนใคร  ตอนนี้พวกคุณให้คำพยานว่าองค์พระเยซูเจ้าทรงกลับมาแล้ว ถ้าอย่างนั้น ทำไมพวกเราจึงยังไม่ได้รับวิวรณ์เกี่ยวกับการนี้เลย?  การที่พวกเรายังไม่ได้รับนั้นพิสูจน์ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงกลับมา  พวกเราผิดปกติหรือที่คิดเช่นนี้?

ถัดไป: 6. พวกเราได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไปมากมาย  พระวจนะเหล่านั้นครองสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพ และพระวจนะเหล่านั้นเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าจริงๆ  ทว่าพวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสกล่าวว่า ในพระคัมภีร์เขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่พวกท่านด่วนละทิ้งพระองค์ผู้ซึ่งทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์ และหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย ซึ่งที่จริงไม่ใช่ข่าวประเสริฐ แต่มีบางคนทำให้พวกท่านยุ่งยาก และปรารถนาบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์  แม้แต่เราเองหรือทูตจากฟ้าสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป” (กาลาเทีย 1:6-8)  โดยอาศัยคำพูดเหล่านี้ที่เปาโลพูดไว้ พวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสกล่าวว่า การเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของพวกเรานั้นไถลห่างจากพระนามขององค์พระเยซูเจ้า และจากหนทางขององค์พระเยซูเจ้า  พวกเขากล่าวว่า พวกเราเชื่อในอีกข่าวประเสริฐหนึ่ง และว่านี่คือการละทิ้งความเชื่อ การทรยศต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า  แม้พวกเรารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นผิด แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะกล่าวอย่างแน่ใจได้ว่าพวกเขาผิดในหนทางใด  กรุณาสามัคคีธรรมกับพวกเราเกี่ยวกับการนี้เถิด

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger