เจ้ามีจุดยืนว่าด้วยจดหมายฝาก 13 ฉบับอย่างไร?

ภาคพันธสัญญาใหม่ของพระคัมภีร์มีจดหมายฝาก 13 ฉบับของเปาโลบรรจุอยู่  ในช่วงเวลาที่เขาได้ทำงานของเขา เปาโลได้เขียนจดหมาย 13 ฉบับเหล่านี้ถึงคริสตจักรทั้งหลายซึ่งเชื่อในพระเยซูคริสต์  นั่นคือ เปาโลได้รับการอุ้มชูและได้เขียนจดหมายเหล่านี้หลังจากที่พระเยซูได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์  จดหมายทั้งหลายของเขาเป็นคำพยานถึงการฟื้นคืนพระชนม์และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ขององค์พระเยซูเจ้าหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ และจดหมายเหล่านี้ยังได้เผยแผ่หนทางแห่งการกลับใจใหม่และการแบกกางเขนด้วยเช่นกัน  แน่นอนว่าข่าวสารและคำพยานทั้งหมดเหล่านี้หมายที่จะสอนพี่น้องชายหญิงในหลากหลายตำแหน่งที่ตั้งรอบแคว้นยูเดีย ณ เวลานั้น เพราะย้อนกลับไปในเวลานั้น เปาโลเป็นผู้รับใช้ขององค์พระเยซูเจ้า และเขาได้รับการอุ้มชูให้เป็นพยานให้กับองค์พระเยซูเจ้า  ในระหว่างแต่ละช่วงเวลาของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น ผู้คนที่แตกต่างหลากหลายได้รับการอุ้มชูให้ปฏิบัติพระราชกิจอันแตกต่างกันของพระองค์ นั่นคือ การทำงานของบรรดาอัครทูตเพื่อที่จะสืบสานพระราชกิจที่พระเจ้าทรงทำให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยพระองค์เอง  หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงพระราชกิจโดยตรง และไม่มีผู้คนที่ได้รับการอุ้มชูขึ้น เช่นนั้นแล้วก็คงจะยากมากที่พระราชกิจจะถูกดำเนินการจนเสร็จสิ้น  เมื่อเป็นเช่นนั้น เปาโลจึงได้กลายเป็นผู้หนึ่งซึ่งถูกซัดโทษใส่ในขณะที่อยู่บนถนนมุ่งสู่ดามัสกัส และจากนั้นก็ได้รับการอุ้มชูให้เป็นพยานคนหนึ่งสำหรับองค์พระเยซูเจ้า  เขาเป็นอัครทูตคนหนึ่งนอกเหนือไปจากบรรดาสาวกสิบสองคนของพระเยซู  นอกจากการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแล้ว เขายังรับภาระหน้าที่ทำงานเป็นผู้เลี้ยงให้กับคริสตจักรทั้งหลาย ณ ตำแหน่งที่ตั้งอันหลากหลายซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลบรรดาพี่น้องชายหญิงของคริสตจักรทั้งหลาย—กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การนำทางพี่น้องชายหญิงในองค์พระผู้เป็นเจ้า  คำพยานของเปาโลนั้นเป็นไปเพื่อทำให้ข้อเท็จจริงของการฟื้นคืนพระชนม์และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ขององค์พระเยซูเจ้าเป็นที่รู้กัน รวมถึงเพื่อสอนผู้คนให้กลับใจ สารภาพ และเดินบนหนทางแห่งกางเขน  เขาเป็นหนึ่งในบรรดาพยานของพระเยซูคริสต์ในกาลสมัยนั้น

จดหมายฝาก 13 ฉบับของเปาโลได้รับการคัดเลือกเพื่อใช้ในพระคัมภีร์  เขาได้เขียนจดหมายฝากทั้งสิ้น 13 ฉบับเพื่อกล่าวถึงสภาวะอันแตกต่างกันของผู้คนในหลากหลายสถานที่  เขาได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เขียนจดหมายฝากเหล่านั้น และได้สอนบรรดาพี่น้องชายหญิงทุกหนแห่งจากตำแหน่งของอัครทูตคนหนึ่ง (จากจุดยืนของผู้รับใช้คนหนึ่งขององค์พระเยซูเจ้า)  ด้วยเหตุนี้ จดหมายทั้งหลายของเปาโลจึงไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากคำเผยพระวจนะหรือจากนิมิตทั้งหลายโดยตรง แต่มาจากงานที่เขาได้เข้ารับภาระหน้าที่  จดหมายเหล่านี้ไม่ได้แปลกประหลาด อีกทั้งไม่ยากที่จะเข้าใจดังเช่นคำเผยพระวจนะทั้งหลาย  จดหมายเหล่านี้แค่ถูกเขียนขึ้นเป็นจดหมาย และไม่ได้รวมเอาทั้งคำเผยพระวจนะและความล้ำลึกทั้งหลายเข้าไปด้วย มีก็เพียงคำพูดในเชิงแนะนำสั่งสอนธรรมดาสามัญเท่านั้น  แม้ว่าคำพูดมากมายในจดหมายเหล่านี้อาจจะยากสำหรับผู้คนที่จะจับความเข้าใจหรือยากเย็นที่จะเข้าใจได้ แต่คำเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจากการตีความของเปาโลเองและจากความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น  เปาโลเป็นแค่อัครทูตคนหนึ่ง เขาเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งซึ่งองค์พระเยซูเจ้าทรงใช้งาน ไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะ  ในขณะที่เดินผ่านหลากหลายแผ่นดิน เขาได้เขียนจดหมายถึงพี่น้องชายหญิงของคริสตจักรทั้งหลาย หรือในขณะที่เขาเจ็บป่วย เขาก็ได้เขียนถึงคริสตจักรทั้งหลายที่อยู่ในใจของเขาเป็นพิเศษ แต่เป็นที่ซึ่งเขาไม่สามารถไปถึงได้  ดังนั้นแล้ว จดหมายทั้งหลายของเขาจึงถูกผู้คนเก็บรักษาไว้ และต่อมาก็ได้ถูกชนรุ่นหลังรวบรวมสะสม จัดระเบียบ และจัดเรียงให้อยู่ต่อจากพระกิตติคุณทั้งสี่ในพระคัมภีร์  แน่นอนว่าพวกเขาได้คัดเลือกและทำการรวมเล่มจดหมายที่ดีที่สุดทั้งหมดซึ่งเปาโลได้เขียนไว้  จดหมายฝากเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของพี่น้องชายหญิงแห่งคริสตจักรทั้งหลาย และเป็นที่ร่ำลือถึงเป็นพิเศษในสมัยของเขา  ตอนที่เปาโลเขียนจดหมายเหล่านี้ขึ้น จุดประสงค์ของเขาไม่ใช่เพื่อเขียนงานฝ่ายจิตวิญญาณที่จะทำให้พี่น้องชายหญิงของเขาสามารถพบเส้นทางแห่งการปฏิบัติ หรือชีวประวัติฝ่ายจิตวิญญาณที่จะแสดงออกถึงประสบการณ์ทั้งหลายของเขาเอง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเขียนหนังสือเพื่อกลายเป็นผู้ประพันธ์คนหนึ่ง  เขาแค่กำลังเขียนจดหมายถึงพี่น้องชายหญิงของเขาแห่งคริสตจักรขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า  เปาโลได้สอนพี่น้องชายหญิงของเขา จากตำแหน่งของเขาในฐานะผู้รับใช้คนหนึ่ง เพื่อบอกพี่น้องเหล่านั้นเกี่ยวกับภาระของเขา เกี่ยวกับน้ำพระทัยขององค์พระเยซูเจ้า และบอกว่ามีกิจใดบ้างที่พระองค์ได้ทรงไว้วางพระทัยมอบหมายให้ผู้คนทำสำหรับภายภาคหน้า  นี่คืองานที่เปาโลได้ปฏิบัติ  คำพูดของเขานั้นค่อนข้างให้ความเจริญสำหรับประสบการณ์ของพี่น้องชายหญิงในภายภาคหน้าทั้งปวง  ความจริงทั้งหลายที่เขาได้สัมพันธ์สนิทไปในจดหมายหลายฉบับเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้คนในยุคพระคุณควรที่จะปฏิบัติ ซึ่งเป็นเหตุผลที่จดหมายเหล่านี้ถูกจัดการเตรียมการให้เข้าไปอยู่ในภาคพันธสัญญาใหม่โดยชนรุ่นหลังต่อมา  ไม่ว่าจุดจบของเปาโลนั้นลงเอยเช่นใด เขาก็คือใครคนหนึ่งซึ่งได้รับการใช้งานในกาลสมัยของเขา และเป็นผู้ที่ได้เกื้อหนุนพี่น้องชายหญิงของเขาในคริสตจักรทั้งหลาย  จุดจบของเขาถูกกำหนดพิจารณาจากธาตุแท้ของเขา รวมถึงการที่เขาได้ถูกซัดโทษใส่ในเบื้องต้นด้วย  ย้อนไปตอนนั้น ที่เขาสามารถกล่าวคำพูดเหล่านั้นได้ก็เพราะเขามีพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเป็นเพราะพระราชกิจนี้นี่เองที่เปาโลแบกรับภาระเพื่อคริสตจักรทั้งหลาย  เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงสามารถจัดหาให้กับบรรดาพี่น้องชายหญิงของเขาได้  อย่างไรก็ดี เนื่องจากรูปการณ์แวดล้อมพิเศษบางอย่าง  เปาโลจึงไม่สามารถไปยังคริสตจักรทั้งหลายเพื่อทำงานด้วยตนเองโดยเฉพาะ ดังนั้นเขาจึงเขียนจดหมายถึงคริสตจักรเหล่านั้นเพื่อตักเตือนเหล่าพี่น้องชายหญิงในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขา  ในตอนแรกนั้น เปาโลได้ข่มเหงบรรดาสาวกขององค์พระเยซูเจ้า แต่หลังจากที่พระเยซูได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์—นั่นก็คือ หลังจากที่เปาโล “ได้เห็นความสว่าง”—เขาก็หยุดข่มเหงบรรดาสาวกขององค์พระเยซูเจ้า และไม่ได้ข่มเหงธรรมิกชนเหล่านั้นผู้ซึ่งประกาศข่าวประเสริฐเพื่อประโยชน์แห่งหนทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป  หลังจากที่เปาโลได้เห็นพระเยซูทรงปรากฏแก่เขาเป็นความสว่างอันเจิดจ้าแล้ว เขาจึงยอมรับพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า และด้วยเหตุนี้จึงได้กลายเป็นใครคนหนึ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้งานเพื่อเผยแผ่ข่าวประเสริฐ

งานของเปาโลในสมัยนั้นเป็นเพียงการเกื้อสนุนและจัดหาให้แก่บรรดาพี่น้องชายหญิงของเขา  เขาไม่ได้เป็นเหมือนกับผู้คนบางคนซึ่งปรารถนาที่จะบากบั่นสร้างอาชีพการงานหรือผลิตงานวรรณกรรม สำรวจทางออกอื่นๆ หรือค้นหาเส้นทางทั้งหลายนอกพระคัมภีร์ เพื่อที่จะใช้นำทางผู้คนเหล่านี้ในคริสตจักรทั้งหลาย ให้พวกเขาทั้งหมดสามารถบรรลุการเข้าสู่ใหม่  เปาโลเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งถูกใช้งาน ในการทำสิ่งทั้งหลายซึ่งเขาได้ทำไปนั้น เขาเพียงทำหน้าที่ของเขาให้ลุล่วงเท่านั้น  หากเขาไม่ได้แบกรับภาระเพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เช่นนั้นแล้วเขาก็คงได้ถูกพิจารณาไปแล้วว่าได้ละเลยหน้าที่ของเขา  หากเกิดบางสิ่งซึ่งเป็นการรบกวน หรือมีอุบัติการณ์ของการทรยศในคริสตจักรซึ่งนำไปสู่สภาวะอันไม่ปกติของผู้คนที่นั่น เช่นนั้นแล้วเขาก็อาจจะถูกพิจารณาได้ว่าไม่ได้ปฏิบัติงานของเขาอย่างถูกต้องเหมาะสม  หากคนทำงานคนหนึ่งแบกภาระต่อคริสตจักร และยังทำงานเต็มความสามารถของพวกเขาด้วย เช่นนั้นแล้ว นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าบุคคลคนนี้เป็นคนทำงานที่มีคุณสมบัติเพียงพอ—มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะถูกใช้งาน  หากบุคคลหนึ่งไม่รู้สึกถึงภาระเพื่อคริสตจักร และไม่สัมฤทธิ์ผลลัพธ์เลยในงานของพวกเขา และผู้คนส่วนใหญ่ซึ่งพวกเขานำทางนั้นอ่อนแอหรือพวกเขาถึงกับล้มลง เช่นนั้นแล้ว คนทำงานดังกล่าวก็ไม่ได้ลุล่วงหน้าที่ของพวกเขา  ในทำนองเดียวกัน เปาโลก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาจำต้องดูแลคริสตจักรทั้งหลายและเขียนจดหมายถึงบรรดาพี่น้องชายหญิงของเขาอยู่เนืองนิจ  ในลักษณะนี้เขาจึงสามารถจัดหาให้กับคริสตจักรทั้งหลายและดูแลบรรดาพี่น้องชายหญิงของเขาได้ ในหนทางนี้เท่านั้นที่คริสตจักรทั้งหลายสามารถรับการจัดเตรียมและการเป็นผู้เลี้ยงจากเขา  คำพูดในจดหมายทั้งหลายที่เขาได้เขียนขึ้นนั้นลุ่มลึกมาก แต่คำพูดเหล่านั้นก็ถูกเขียนถึงพี่น้องชายหญิงของเขาภายใต้ภาวะของการที่เขาได้บรรลุความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเขาได้ถักทอประสบการณ์ส่วนตัวทั้งหลายของเขาและภาระที่เขารู้สึกเข้าไปในงานเขียนของเขา  เปาโลเป็นเพียงบุคคลหนึ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้งาน และเนื้อหาในจดหมายของเขาล้วนสอดแทรกประสบการณ์ส่วนตัวของเขา  งานที่เขาได้ทำเพียงเป็นตัวแทนงานของอัครทูตคนหนึ่ง ไม่ใช่พระราชกิจซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปฏิบัติโดยตรง และนั่นก็ยังแตกต่างไปจากพระราชกิจของพระคริสต์ด้วยเช่นกัน  เปาโลเพียงลุล่วงหน้าที่ของเขาเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาได้จัดหาให้กับพี่น้องชายหญิงในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาด้วยภาระของเขา รวมทั้งประสบการณ์ส่วนตัวและความรู้ความเข้าใจเชิงลึกของเขา  เปาโลเพียงกำลังทำงานตามพระบัญชาของพระเจ้าให้เสร็จสิ้นด้วยการจัดเตรียมความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและความเข้าใจส่วนตัวของเขา แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ตัวอย่างของพระราชกิจซึ่งพระเจ้าพระองค์เองได้ทรงทำโดยตรง  เมื่อเป็นเช่นนั้น งานของเปาโลจึงผสมปนเปไปด้วยประสบการณ์ของมนุษย์และด้วยทรรศนะและความเข้าใจทั้งหลายของมนุษย์เกี่ยวกับงานของคริสตจักร  อย่างไรก็ดี ไม่อาจกล่าวได้ว่า ทรรศนะและความเข้าใจเหล่านี้ของมนุษย์เป็นงานของพวกวิญญาณชั่วหรืองานของเลือดและเนื้อหนัง อาจกล่าวได้เพียงว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความรู้และประสบการณ์ของบุคคลหนึ่งผู้ซึ่งได้รับความรู้แจ้งจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  โดยการนี้เราหมายความว่าจดหมายของเปาโลไม่ใช่หนังสือจากสวรรค์  จดหมายเหล่านี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้ถูกดำรัสหรือแสดงออกโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย แต่เป็นเพียงการแสดงออกถึงภาระของเปาโลที่มีต่อคริสตจักร  จุดประสงค์ของเราในการกล่าวเรื่องทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้พวกเจ้าเข้าใจความแตกต่างระหว่างพระราชกิจของพระเจ้าและงานของมนุษย์ กล่าวคือ พระราชกิจของพระเจ้าเป็นตัวแทนพระเจ้าพระองค์เอง ในขณะที่งานของมนุษย์เป็นตัวแทนหน้าที่และประสบการณ์ของมนุษย์  คนเราไม่ควรมองพระราชกิจปกติของพระเจ้าว่าเป็นเจตจำนงของมนุษย์ และไม่ควรมองพระราชกิจเหนือธรรมชาติของพระองค์ว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น คนเราไม่ควรมองการประกาศอันสูงส่งของมนุษย์ว่าเป็นถ้อยดำรัสของพระเจ้าหรือเป็นหนังสือจากสวรรค์  ทรรศนะดังกล่าวทั้งหมดนั้นคงจะไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรม  ผู้คนจำนวนมาก เมื่อได้ยินว่าเราชำแหละจดหมายฝาก 13 ฉบับของเปาโล ก็เชื่อว่าจะต้องไม่อ่านจดหมายของเปาโล และเชื่อว่าเปาโลเป็นคนบาปมหันต์  ถึงกับมีผู้คนจำนวนมากที่คิดว่าวจนะของเรานั้นไร้ความรู้สึก ว่าการประเมินของเราที่มีต่อจดหมายฝากของเปาโลไม่ถูกต้อง และว่าจดหมายเหล่านั้นไม่อาจถือว่าเป็นการแสดงออกถึงประสบการณ์และภาระของมนุษย์ได้  พวกเขาเชื่อว่าควรจะถือว่าจดหมายเหล่านั้นเป็นพระวจนะของพระเจ้าต่างหาก ว่าจดหมายเหล่านั้นสำคัญพอกันกับหนังสือวิวรณ์ของยอห์น และไม่อาจถูกย่นย่อหรือเพิ่มเติมได้ และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเชื่อว่าจดหมายเหล่านั้นไม่อาจได้รับการอธิบายอย่างไม่มีพิธีรีตองได้  การยืนยันทั้งหมดนี้ของมนุษย์ไม่ใช่ไม่ถูกต้องหรอกหรือ?  นั่นมิใช่ว่ามีเหตุโดยทั้งสิ้นมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้คนไม่มีสำนึกรับรู้หรอกหรือ?  จดหมายของเปาโลเป็นประโยชน์ต่อผู้คนอย่างมากและมีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 2,000 ปีแล้ว  อย่างไรก็ดี จนถึงวันนี้ก็ยังคงมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สามารถหยั่งถึงได้อยู่ดีว่า ย้อนไปตอนนั้นเขาได้พูดอะไรไว้  ผู้คนล่วงรู้ว่าจดหมายของเปาโลเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาทั้งหมดของศาสนาคริสต์ และล่วงรู้ว่าไม่มีใครสามารถคลายปมจดหมายเหล่านี้ได้ และไม่มีใครสามารถเข้าใจจดหมายได้อย่างถ้วนทั่ว  โดยข้อเท็จจริงแล้ว จดหมายเหล่านี้ก็แค่เป็นเหมือนชีวประวัติของบุคคลฝ่ายจิตวิญญาณคนหนึ่ง และไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับพระวจนะของพระเยซูหรือนิมิตอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่ยอห์นได้เห็น  ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ยอห์นเห็นคือนิมิตอันยิ่งใหญ่จากสวรรค์—คำเผยพระวจนะเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้าเอง—ซึ่งมิอาจสัมฤทธิ์โดยมนุษย์ได้ ในขณะที่จดหมายของเปาโลนั้นเป็นเพียงการพรรณนาถึงสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งได้เห็นและได้รับประสบการณ์เท่านั้น  เป็นสิ่งที่มนุษย์มีความสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่ทั้งคำเผยพระวจนะและนิมิต เป็นเพียงจดหมายซึ่งถูกส่งไปยังสถานที่ต่างๆ  อย่างไรก็ดี สำหรับผู้คนในสมัยนั้น เปาโลคือคนทำงานคนหนึ่ง และดังนั้นคำพูดของเขาจึงมีคุณค่า เพราะเขาคือใครคนหนึ่งซึ่งได้ยอมรับสิ่งที่เขาได้รับความไว้วางใจมอบหมายให้ทำ  ดังนั้น จดหมายของเขาจึงเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่แสวงหาพระคริสต์  แม้ว่าคำเหล่านั้นไม่ได้ตรัสโดยพระเยซูเอง แต่ในท้ายที่สุดแล้วคำเหล่านั้นก็มีแก่นสารสำคัญสำหรับเวลานั้น  เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้คนที่เกิดมาตามหลังเปาโลจึงได้จัดเรียงจดหมายของเขาไว้ในพระคัมภีร์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้จดหมายเหล่านี้ถูกส่งต่อมาจนถึงวันนี้ได้  พวกเจ้าเข้าใจความหมายของเราหรือไม่?  เราเพียงกำลังให้คำอธิบายที่ถูกต้องแม่นยำแก่เจ้าเกี่ยวกับจดหมายเหล่านี้ และกำลังชำแหละจดหมายเหล่านี้โดยไม่มีการปฏิเสธประโยชน์และคุณค่าที่จดหมายมีต่อผู้คนในฐานะแหล่งอ้างอิง  หากหลังจากอ่านวจนะของเราแล้ว พวกเจ้าไม่เพียงปฏิเสธจดหมายของเปาโล แต่ยังกำหนดพิจารณาจดหมายเหล่านี้ว่านอกรีตหรือไร้คุณค่า เช่นนั้นแล้วก็ย่อมกล่าวได้เพียงแค่ว่า ความสามารถในการจับใจความของพวกเจ้านั้นอ่อนด้อยเกินไป เช่นเดียวกับความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและการตัดสินสิ่งทั้งหลายของเจ้า แน่นอนว่า ไม่อาจกล่าวได้ว่าวจนะของเราเอียงไปด้านเดียวเกินไป  ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?  สิ่งสำคัญที่พวกเจ้าจะต้องจับใจความก็คือสถานการณ์ตามจริงของงานของเปาโลในเวลานั้นและปูมหลังที่ทำให้จดหมายของเขาถูกเขียนขึ้น  หากเจ้ามีทรรศนะที่ถูกต้องเกี่ยวกับรูปการณ์แวดล้อมเหล่านี้ เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าก็ย่อมจะมีทรรศนะที่ถูกต้องเกี่ยวกับจดหมายฝากของเปาโลเช่นกัน  ในเวลาเดียวกัน ทันทีที่พวกเจ้าได้หยั่งถึงแก่นแท้ของจดหมายเหล่านั้น การประเมินของเจ้าเกี่ยวกับพระคัมภีร์ย่อมจะถูกต้อง และเจ้าจะเข้าใจว่าเหตุใดจดหมายฝากของเปาโลจึงเป็นที่ได้รับการนมัสการเช่นนั้นโดยผู้คนรุ่นต่อมาเป็นเวลาหลายปีดีดัก รวมถึงเหตุใดจึงถึงกับมีผู้คนมากมายที่ปฏิบัติต่อเขาประดุจพระเจ้า  นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่เจ้าน่าจะคิดด้วยหรอกหรือ หากพวกเจ้าไม่เคยเข้าใจ?

คนเราซึ่งไม่ใช่พระเจ้าพระองค์เองไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระเจ้าพระองค์เองได้  งานของเปาโลนั้นอาจกล่าวได้เพียงว่าเป็นส่วนหนึ่งของทรรศนะของมนุษย์และเป็นส่วนหนึ่งของความรู้แจ้งแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์  เปาโลได้เขียนคำพูดเหล่านี้จากมุมมองของมนุษย์ พร้อมด้วยความรู้แจ้งจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  นี่ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยาก  ดังนั้นจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่คำพูดของเขาจะสอดแทรกประสบการณ์บางอย่างของมนุษย์ และต่อมาภายหลังเขาก็ได้ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเองเพื่อจัดเตรียมและสนับสนุนพี่น้องชายหญิงของเขาในเวลานั้น  จดหมายที่เขาเขียนขึ้นไม่สามารถถูกจัดหมวดหมู่ให้เป็นการศึกษาชีวิตได้ ทั้งยังไม่สามารถถูกจัดหมวดหมู่ให้เป็นชีวประวัติหรือข่าวสารได้  ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่ทั้งความจริงที่คริสตจักรปฏิบัติและไม่ใช่ประกาศกฤษฎีกาบริหารของคริสตจักร  ในฐานะใครคนหนึ่งซึ่งมีภาระ—บุคคลหนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ทำงาน—นี่คือบางอย่างที่พวกเขาก็แค่จำต้องทำ  หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงอุ้มชูผู้คนและทรงมอบภาระอย่างหนึ่งแก่พวกเขา แต่พวกเขากลับไม่รับงานของคริสตจักร และไม่สามารถบริหารจัดการกิจการงานทั้งหลายของคริสตจักรให้ดีได้ หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดของคริสตจักรให้เป็นที่น่าพึงพอใจได้ เช่นนั้นแล้วนี่ย่อมพิสูจน์ว่าผู้คนเหล่านั้นไม่ทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วงอย่างถูกต้องเหมาะสม  ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งล้ำลึกมากนักสำหรับอัครทูตคนหนึ่งที่จะสามารถเขียนจดหมายได้ตลอดครรลองการทำงานของพวกเขา  นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานของพวกเขา พวกเขามีภาระผูกพันที่จะต้องทำงานนั้น  จุดประสงค์ของพวกเขาในการเขียนจดหมายทั้งหลายนั้นไม่ใช่เพื่อเขียนเรื่องการศึกษาชีวิตหรือชีวประวัติฝ่ายจิตวิญญาณ และแน่นอนที่สุดว่า ไม่ใช่เพื่อเปิดอีกหนทางหนึ่งให้กับเหล่าธรรมิกชน  แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาได้เขียนจดหมายเพื่อลุล่วงหน้าที่รับผิดชอบของพวกเขาเองและเพื่อเป็นผู้รับใช้ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้า เพื่อที่พวกเขาจะสามารถมีเรื่องรายงานกับพระเจ้าได้โดยการเสร็จสิ้นกิจทั้งหลายที่พระองค์ได้ไว้วางพระทัยมอบหมายแก่พวกเขา  พวกเขาต้องรับผิดชอบตัวเองและรับผิดชอบพี่น้องชายหญิงของพวกเขาในงานของพวกเขา และพวกเขาต้องทำงานของตัวเองให้ดีและจริงจังกับกิจการงานทั้งหลายของคริสตจักร นั่นคือ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการงานของพวกเขา

หากพวกเจ้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับจดหมายของเปาโลแล้ว พวกเจ้าก็จะมีแนวคิดและการประเมินที่ถูกต้องเกี่ยวกับจดหมายฝากทั้งของเปโตรและของยอห์น  พวกเจ้าจะไม่มีวันมองจดหมายเหล่านี้ว่าเป็นหนังสือจากสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์และมิอาจล่วงละเมิดได้อีก นับประสาอะไรที่เจ้าจะถือว่าเปาโลเป็นพระเจ้า  จะว่าไปแล้ว พระราชกิจของพระเจ้าแตกต่างจากงานของมนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้น การแสดงออกทั้งหลายของพระองค์จะสามารถเป็นเหมือนกับการแสดงออกของพวกเขาได้อย่างไร?  พระเจ้ามีพระอุปนิสัยเฉพาะของพระองค์เอง ในขณะที่มนุษย์มีหน้าที่ที่พวกเขาควรที่จะทำให้ลุล่วง  พระอุปนิสัยของพระเจ้าแสดงออกในพระราชกิจของพระองค์ ในขณะที่หน้าที่ของมนุษย์จำแลงรูปอยู่ในประสบการณ์ทั้งหลายของมนุษย์และแสดงออกในการไล่ตามเสาะหาของมนุษย์  ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า บางสิ่งบางอย่างคือการแสดงออกของพระเจ้าหรือการแสดงออกของมนุษย์โดยผ่านทางพระราชกิจที่ทำลงไป  พระราชกิจไม่จำเป็นต้องได้รับการอธิบายโดยพระเจ้าพระองค์เอง อีกทั้งไม่พึงต้องมีมนุษย์มาเพียรพยายามเป็นพยานให้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่จำเป็นต้องให้พระเจ้าพระองค์เองข่มปรามบุคคลใด  ทั้งหมดนี้มาในแบบของการเปิดเผยตามธรรมชาติ ไม่ได้ถูกบังคับและไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์สามารถแทรกแซงได้  หน้าที่ของมนุษย์สามารถรับรู้ได้โดยผ่านทางประสบการณ์ของพวกเขา และไม่ได้พึงต้องให้ผู้คนทำงานเชิงประสบการณ์อันใดที่เป็นการพิเศษเพิ่มเติม  แก่นแท้ทั้งหมดของมนุษย์สามารถถูกเปิดเผยในยามที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ของตน ขณะที่พระเจ้าสามารถแสดงพระอุปนิสัยอันเป็นเนื้อแท้ของพระองค์ในยามที่ทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์  หากเป็นงานของมนุษย์ เช่นนั้นแล้วก็ย่อมไม่สามารถถูกปิดบังได้มิด  หากเป็นพระราชกิจของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วก็ย่อมเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ที่พระอุปนิสัยของพระเจ้าจะถูกผู้ใดปกปิดเอาไว้ได้ นับประสาอะไรที่จะถูกมนุษย์ควบคุม  ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถถูกกล่าวถึงว่าเป็นพระเจ้า และงานและคำพูดของพวกเขาก็ไม่สามารถถูกมองได้ว่าศักดิ์สิทธิ์หรือถูกพิจารณาได้ว่ามิอาจเปลี่ยนแปลง  ส่วนพระเจ้าอาจถูกพูดถึงว่าเป็นมนุษย์ได้ เพราะพระองค์ได้ทรงสวมเนื้อหนังให้กับพระองค์เอง แต่พระราชกิจของพระองค์มิอาจถูกพิจารณาได้ว่าเป็นงานของมนุษย์หรือหน้าที่ของมนุษย์  ยิ่งไปกว่านั้น ถ้อยดำรัสของพระเจ้าและจดหมายของเปาโลก็มิอาจถูกนำมาเทียบเท่ากันได้ อีกทั้งการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้าและคำพูดที่เป็นการแนะนำสั่งสอนของมนุษย์ก็ไม่อาจนำมาพูดถึงในแง่ที่เท่าเทียมกันได้  ดังนั้น จึงมีหลักธรรมต่างๆ ที่แยกความต่างระหว่างพระราชกิจของพระเจ้ากับงานของมนุษย์  สิ่งเหล่านี้ถูกแยกความแตกต่างไปตามแก่นแท้ของตัวเอง ไม่ใช่ตามขอบเขตของงานหรือความมีประสิทธิภาพชั่วคราวของงาน  เกี่ยวกับหัวข้อนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ทำผิดพลาดในด้านหลักธรรม  นี่เป็นเพราะมนุษย์มองดูที่สิ่งที่อยู่ภายนอก อันเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถสัมฤทธิ์ได้ ในขณะที่พระเจ้าทอดพระเนตรตรงแก่นแท้ ซึ่งไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเนื้อของมวลมนุษย์  หากเจ้าถือว่าพระวจนะและพระราชกิจของพระเจ้าเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทั่วไป และมีทรรศนะว่างานขนาดใหญ่ของมนุษย์เป็นพระราชกิจของพระเจ้าซึ่งทรงสวมใส่เนื้อหนังอยู่ แทนที่จะเป็นหน้าที่ที่มนุษย์ทำให้ลุล่วง เช่นนั้นแล้วไม่ใช่ว่าเจ้าเข้าใจหลักธรรมผิดไปหรอกหรือ?  จดหมายและชีวประวัติทั้งหลายของมนุษย์สามารถเขียนขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ต้องอยู่บนรากฐานของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ถ้อยดำรัสและพระราชกิจของพระเจ้าไม่สามารถสำเร็จลุล่วงได้อย่างง่ายดายโดยมนุษย์ หรือสัมฤทธิ์ได้โดยสติปัญญาและการคิดของมนุษย์ อีกทั้งผู้คนก็ไม่สามารถอธิบายถ้อยดำรัสและพระราชกิจของพระเจ้าได้อย่างถ้วนทั่วหลังจากที่ได้สำรวจค้นสิ่งเหล่านั้นแล้ว  หากเรื่องเกี่ยวกับหลักธรรมเหล่านี้ไม่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาใดในตัวพวกเจ้า เช่นนั้นแล้วก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าความเชื่อของพวกเจ้านั้นไม่แท้จริงอย่างยิ่งหรือไม่ได้รับการถลุง  อาจกล่าวได้แค่เพียงว่าความเชื่อของพวกเจ้าเต็มไปด้วยความคลุมเครือ และทั้งสับสนงุนงงและไร้ซึ่งหลักธรรม  หากไม่มีแม้กระทั่งความเข้าใจในประเด็นปัญหาอันเป็นแก่นสารขั้นพื้นฐานที่สุดเกี่ยวกับพระเจ้าและมนุษย์แล้ว ความเชื่อชนิดนี้ไม่ใช่ความเชื่อที่ขาดพร่องความสามารถในการล่วงรู้โดยสิ้นเชิงหรอกหรือ?  เปาโลจะสามารถเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ถูกใช้งานไปจนตลอดประวัติศาสตร์ทั้งหมดได้อย่างไร?  เขาจะสามารถเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้เคยทำงานให้กับคริสตจักรได้อย่างไร?  เขาจะสามารถเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้เขียนถึงคริสตจักรทั้งหลายเพื่อเกื้อหนุนคริสตจักรเหล่านั้นได้อย่างไร?  ไม่ว่าขนาดหรืออิทธิพลของงานของผู้คนเหล่านี้ หรือแม้กระทั่งผลลัพธ์ของงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม มิใช่ว่าหลักธรรมทั้งหลายและแก่นสารของงานดังกล่าวล้วนคล้ายคลึงกันหรอกหรือ?  ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับงานของผู้คนเหล่านี้ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากพระราชกิจของพระเจ้าหรอกหรือ?  แม้จะมีความแตกต่างมากมายที่ชัดเจนระหว่างแต่ละช่วงระยะของพระราชกิจของพระเจ้า และถึงแม้วิธีการมากมายในพระราชกิจของพระองค์ไม่เป็นเหมือนกันโดยทั้งหมดทั้งสิ้นก็ตาม วิธีการทั้งหมดนั้นไม่ได้มีแหล่งที่มาและแก่นสารเดียวเท่านั้นหรอกหรือ?  ดังนั้น หากบุคคลหนึ่งยังคงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ในขณะนี้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ย่อมขาดพร่องเหตุผลเกินไป  หากหลังจากที่อ่านวจนะเหล่านี้แล้ว บุคคลหนึ่งยังคงกล่าวว่าจดหมายของเปาโลศักดิ์สิทธิ์และมิอาจล่วงละเมิดได้ และแตกต่างจากชีวประวัติทั้งหลายของบุคคลสำคัญไม่ว่าคนใดในฝ่ายจิตวิญญาณ เช่นนั้นแล้วเหตุผลของบุคคลคนนี้ก็ผิดปกติเกินไปอย่างมาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคำสอนที่ไร้สำนึกโดยสิ้นเชิง  ต่อให้เจ้านมัสการเปาโล เจ้าก็ไม่สามารถใช้ความรู้สึกอันอบอุ่นที่เจ้ามีต่อเขามาบิดเบือนความจริงของข้อเท็จจริงทั้งหลาย หรือมาหักล้างการมีอยู่ของความจริงได้  ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เราได้พูดไปแล้วไม่ใช่การจุดไฟเผางานและจดหมายทั้งหมดของเปาโลแต่อย่างใดหรือปฏิเสธคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงในฐานะแหล่งอ้างอิง  ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของเราในการพูดวจนะเหล่านี้ก็เพื่อให้พวกเจ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องเหมาะสมและมีการประเมินที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับทุกสรรพสิ่งและผู้คน กล่าวคือ นี่เท่านั้นที่เป็นเหตุผลปกติ นี่เท่านั้นคือสิ่งที่ผู้คนที่ชอบธรรมผู้ซึ่งครองความจริงควรที่จะมีติดตัวไว้

ก่อนหน้า: พระเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้าของสิ่งมีชีวิตทรงสร้างทั้งปวง

ถัดไป: ความสำเร็จหรือความล้มเหลวขึ้นอยู่กับเส้นทางที่มนุษย์เดิน

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger