เจ้าควรแสวงหาหนทางแห่งการเข้ากันได้กับพระคริสต์

เราได้ทำงานไปมากมายท่ามกลางมนุษย์ ซึ่งระหว่างนั้นเราก็ได้แสดงวจนะไปมากมายด้วย  วจนะเหล่านี้ล้วนเป็นไปเพื่อความรอดของมนุษย์และแสดงไว้เพื่อที่มนุษย์อาจเข้ากับเราได้  อย่างไรก็ตาม เราได้รับผู้คนมาเพียงไม่กี่คนบนแผ่นดินโลกที่เข้ากันได้กับเรา และดังนั้นเราจึงกล่าวเลยว่ามนุษย์ไม่ได้มองเห็นคุณค่าแห่งวจนะของเรา—มันเป็นเพราะมนุษย์ไม่สามารถเข้ากันได้กับเรา  ในหนทางนี้ งานที่เราทำจึงไม่ได้เป็นเพียงเพื่อให้มนุษย์สามารถนมัสการเราได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นไปเพื่อให้มนุษย์สามารถเข้ากันได้กับเรา  มนุษย์ได้ถูกทำให้เสื่อมทรามและมีชีวิตในกับดักของซาตาน  ผู้คนทั้งหมดมีชีวิตในเนื้อหนัง มีชีวิตในความอยากได้อยากมีที่เห็นแก่ตัวและไม่มีใครแม้แต่คนเดียวในหมู่พวกเขาที่เข้ากันได้กับเรา  มีพวกที่บอกว่าพวกเขาเข้ากันได้กับเรา แต่ผู้คนเช่นนี้ทั้งหมดนมัสการรูปเคารพที่คลุมเครือ  แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับว่านามของเราบริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ย่ำไปในเส้นทางที่ไปตรงกันข้ามกับเรา และคำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยความโอหังและความมั่นใจในตนเอง  นี่เป็นเพราะว่าโดยรากลึกแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่อต้านเราและเข้ากันไม่ได้กับเรา  ทุกวันพวกเขาแสวงหาร่องรอยต่างๆ ของเราในพระคัมภีร์และใช้การสุ่มค้นหาบทตอนที่ “เหมาะสม” ซึ่งพวกเขาอ่านอย่างไม่รู้จบและท่องจำเหมือนคัมภีร์ทั้งหลาย พวกเขาไม่รู้วิธีที่จะเข้ากันได้กับเราหรืออะไรคือความหมายของการต่อต้านเรา  พวกเขาแค่อ่านคัมภีร์ทั้งหลายไปอย่างมืดบอด  ภายในพระคัมภีร์นั้น พวกเขากักขังพระเจ้าผู้คลุมเครือซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นและไม่สามารถมองเห็นได้ และนำออกมาชมดูในเวลาว่างของพวกเขา  พวกเขาเชื่อในการดำรงอยู่ของเราภายในขอบเขตของพระคัมภีร์เท่านั้นและพวกเขาถือว่าเราเทียบเท่าพระคัมภีร์ กล่าวคือไม่มีพระคัมภีร์ไม่มีเราและไม่มีเราไม่มีพระคัมภีร์  พวกเขาไม่ใส่ใจต่อการดำรงอยู่หรือการกระทำของเรา แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นกลับอุทิศการให้ความสนใจอย่างที่สุดและเป็นพิเศษให้กับทุกๆ คำในพระคัมภีร์  ผู้คนอีกมากมายกว่านั้นถึงกับเชื่อว่าเราไม่ควรทำสิ่งใดก็ตามที่เราปรารถนาจะทำเว้นแต่จะถูกบอกไว้ล่วงหน้าโดยพระคัมภีร์  พวกเขาให้ความสำคัญกับพระคัมภีร์มากเกินไป  อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเห็นความสำคัญของคำพูดที่เป็นตัวอักษรมากเกินไปจนถึงขอบข่ายที่พวกเขาจะใช้ข้อพระคัมภีร์จากพระคัมภีร์มาวัดทุกคำที่เราพูดและเพื่อกล่าวโทษเรา  สิ่งที่พวกเขาแสวงหาไม่ใช่หนทางแห่งการเข้ากันได้กับเราหรือหนทางแห่งการเข้ากันได้กับความจริง แต่เป็นหนทางแห่งการเข้ากันได้กับวจนะของพระคัมภีร์และพวกเขาเชื่อว่าสิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ไม่ใช่งานของเราโดยไม่มีข้อยกเว้น  ผู้คนเช่นนี้ไม่ใช่พงศ์พันธุ์ผู้เคร่งครัดต่อหน้าที่ของพวกฟาริสีหรอกหรือ?  พวกฟาริสีชาวยิวใช้ธรรมบัญญัติของโมเสสกล่าวโทษพระเยซู  พวกเขาไม่ได้แสวงหาความเข้ากันได้กับพระเยซูในเวลานั้น แต่ทำตามธรรมบัญญัติอย่างขยันขันแข็งตามตัวอักษร จนถึงขอบข่ายที่—หลังจากที่ได้ตั้งข้อหาแก่พระองค์ว่าไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติในพันธสัญญาเดิมและไม่ใช่พระเมสสิยาห์แล้ว—พวกเขาได้ตอกตรึงพระเยซูผู้ไร้ความผิดเข้ากับกางเขนในท้ายที่สุด  อะไรคือธาตุแท้ของพวกเขา?  มิใช่การที่พวกเขาไม่ได้แสวงหาหนทางแห่งการเข้ากันได้กับความจริงหรอกหรือ?  พวกเขาหมกมุ่นกับทุกๆ คำในพระคัมภีร์ในขณะที่ไม่ใส่ใจทั้งต่อเจตจำนงของเราและต่อขั้นตอนและวิธีการทำงานของเรา  พวกเขาไม่ใช่ผู้คนที่แสวงหาความจริง แต่เป็นผู้คนที่เกาะติดอย่างตายตัวอยู่กับวจนะ พวกเขาไม่ใช่ผู้คนที่เชื่อในพระเจ้า แต่เป็นผู้คนที่เชื่อในพระคัมภีร์  โดยแก่นแท้แล้ว พวกเขาคือสุนัขเฝ้าพระคัมภีร์ เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์นานาของพระคัมภีร์ เพื่อค้ำจุนความทรงเกียรติของพระคัมภีร์และเพื่อคุ้มครองเกียรติภูมิของพระคัมภีร์ พวกเขาถึงกับตอกตรึงพระเยซูผู้ทรงเปี่ยมปรานีไว้กับกางเขน  พวกเขาทำสิ่งนี้ก็แค่เพื่อคุ้มครองพระคัมภีร์เท่านั้นและเพื่อธำรงสถานะของทุกๆ คำในพระคัมภีร์ไว้ในหัวใจของผู้คน  ดังนั้นพวกเขาจึงพอใจที่จะเลือกละทิ้งอนาคตของพวกเขาและเครื่องบูชาลบล้างบาปเพื่อกล่าวโทษพระเยซูผู้ไม่ทรงปฏิบัติตามของพระคัมภีร์จนสิ้นพระชนม์  พวกเขาทั้งหมดก็คือข้ารับใช้ของทุกๆ คำในพระคัมภีร์มิใช่หรือ?

แล้วผู้คนในทุกวันนี้เล่า?  พระคริสต์ได้เสด็จมาเพื่อปลดปล่อยความจริง แต่พวกเขากลับเลือกขับไล่พระองค์ออกไปจากพิภพนี้ เพื่อที่พวกเขาอาจได้รับการเข้าสู่สวรรค์และได้รับพระคุณ  พวกเขากลับเลือกปฏิเสธการมาของความจริงอย่างสิ้นเชิงเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของพระคัมภีร์ และพวกเขากลับเลือกตอกตรึงพระคริสต์ผู้ทรงกลับคืนสู่เนื้อหนังไว้กับกางเขนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจในการดำรงอยู่นิรันดร์กาลของพระคัมภีร์  มนุษย์สามารถได้รับความรอดของเราได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของเขาช่างมุ่งร้ายและธรรมชาติของเขาเป็นปรปักษ์ต่อเรายิ่งนัก  เรามีชีวิตท่ามกลางมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของเรา  ครั้นเราฉายความสว่างของเราไปบนตัวมนุษย์ เขาก็ยังคงไม่รู้เท่าทันเลยแม้แต่น้อยถึงการดำรงอยู่ของเรา ครั้นเราปลดปล่อยความโกรธเคืองของเราใส่มนุษย์ เขาก็ปฏิเสธการดำรงอยู่ของเราด้วยความกร้าวแกร่งที่มากขึ้นไปอีก  มนุษย์ค้นคว้าความเข้ากันได้กับวจนะและความเข้ากันได้กับพระคัมภีร์ แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวมาอยู่เบื้องหน้าเราเพื่อแสวงหาหนทางแห่งการเข้ากันได้กับความจริง  มนุษย์มองขึ้นมาหาเราในสวรรค์และอุทิศความกังวลสนใจเป็นพิเศษให้กับการดำรงอยู่ของเราในสวรรค์ แต่ไม่มีใครเลยที่เป็นห่วงเราในเนื้อหนัง เพราะเราที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางมนุษย์นั้นมีนัยสำคัญน้อยเกินไปแค่นั้นเอง  พวกที่แสวงหาความเข้ากันได้กับวจนะในพระคัมภีร์เท่านั้นและผู้ที่แสวงหาความเข้ากันได้กับพระเจ้าที่คลุมเครือเท่านั้นล้วนเป็นภาพที่น่าสังเวชแก่สายตาของเรานัก  นั่นเป็นเพราะว่าสิ่งที่พวกเขานมัสการคือวจนะที่ตายแล้วกับพระเจ้าองค์หนึ่งซึ่งสามารถมอบสมบัติล้ำค่าเกินบรรยายให้พวกเขาได้ สิ่งที่พวกเขานมัสการคือพระเจ้าองค์หนึ่งที่จะวางพระองค์เองไว้ในการควบคุมของมนุษย์—พระเจ้าองค์หนึ่งซึ่งไม่มีตัวตน  เช่นนั้นแล้ว ผู้คนเช่นนี้จะสามารถได้รับอะไรจากเราเล่า?  มนุษย์นั้นต้อยต่ำเกินไปจริงๆ สำหรับวจนะ  พวกที่ต่อต้านเรา ผู้ที่เรียกร้องอย่างไร้ขีดจำกัดจากเรา ผู้ที่ไม่มีความรักในความจริง ผู้ที่กบฏต่อเรา—พวกเขาจะสามารถเข้ากันได้กับเราได้อย่างไรกัน?

พวกที่ต่อต้านเราคือพวกที่เข้ากันไม่ได้กับเรา  นี่ก็เป็นกรณีเดียวกันกับในหมู่พวกที่ไม่รักความจริง  พวกที่กบฏต่อเรานั้นยิ่งต่อต้านเราและเข้ากันไม่ได้กับเราเสียยิ่งกว่า  เราส่งพวกที่เข้ากันไม่ได้กับเราทั้งหมดไปสู่มือของมารร้ายและเรายกพวกเขาให้กับความเสื่อมทรามของมารร้าย ให้พวกเขามีอิสระเต็มที่ในการเปิดเผยความมุ่งร้ายของพวกเขาและท้ายที่สุด ก็ส่งมอบพวกเขาให้มารร้ายได้สวาปาม  เราไม่ใส่ใจว่ามีคนมากเท่าใดนมัสการเรา ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเราไม่ใส่ใจว่ามีคนมากเท่าใดที่เชื่อในเรา  ทั้งหมดที่น่าเป็นห่วงสำหรับเราคือมีคนมากเท่าใดที่เข้ากันได้กับเรา  นั่นเป็นเพราะทุกคนที่เข้ากันไม่ได้กับเราเป็นพวกมารร้ายที่ทรยศเรา พวกเขาเป็นศัตรูของเราและเราจะไม่วางบรรดาศัตรูของเรา “ขึ้นแท่น” ในบ้านของเรา  บรรดาผู้ที่เข้ากันได้กับเราจะรับใช้เราไปตลอดกาลในบ้านของเราและพวกที่ต่อต้านเราจะต้องทนทุกข์ไปตลอดกาลกับการลงโทษของเรา  พวกที่ใส่ใจเพียงถ้อยคำในพระคัมภีร์เท่านั้นและไม่กังวลต่อทั้งความจริงและการแสวงหารอยเท้าของเรา—พวกเขาต่อต้านเราเพราะพวกเขาจำกัดเราตามพระคัมภีร์ กักขังเราไว้ภายในพระคัมภีร์และดังนั้นจึงเป็นการหมิ่นประมาทเราจนถึงขีดสุด ผู้คนเช่นนี้จะสามารถมาอยู่เบื้องหน้าเราได้อย่างไร?  พวกเขาไม่ใส่ใจกิจการของเรา หรือเจตจำนงของเรา หรือความจริง แต่กลับหมกมุ่นอยู่กับถ้อยคำทั้งหลายแทน—ถ้อยคำที่ทำให้ตาย  ผู้คนเช่นนี้จะสามารถเข้ากันกับเราได้อย่างไร?

เราได้แสดงวจนะออกไปมากมายแล้วและได้แสดงเจตจำนงและอุปนิสัยของเราอีกด้วย แต่ถึงกระนั้น ผู้คนก็ยังคงไม่สามารถรู้จักเราและเชื่อในเรา  หรืออาจกล่าวได้ว่าผู้คนยังคงไม่สามารถเชื่อฟังเรา  พวกที่มีชีวิตอยู่ภายในพระคัมภีร์ พวกที่มีชีวิตอยู่ภายในธรรมบัญญัติ พวกที่มีชีวิตอยู่บนกางเขน พวกที่ดำเนินชีวิตตามคำสอน พวกที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางงานที่เราทำในวันนี้—ใครหรือในหมู่พวกเขาที่เข้ากันได้กับเรา?  พวกเจ้าแค่คิดถึงการได้รับพรและบำเหน็จ แต่ไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าจะเข้ากับเราได้จริงๆ อย่างไร หรือจะกีดกันตัวเจ้าเองจากการต่อต้านเราได้อย่างไร  เราผิดหวังในตัวพวกเจ้าเหลือเกิน เพราะเราได้ให้พวกเจ้าไปมากมาย แต่เราได้รับมาจากพวกเจ้าน้อยยิ่งนัก  เล่ห์ลวงของพวกเจ้า ความโอหังของพวกเจ้า ความโลภของพวกเจ้า ความอยากได้อยากมีอันฟุ้งเฟ้อของพวกเจ้า การทรยศของพวกเจ้า การไม่เชื่อฟังของพวกเจ้า—มีสิ่งใดสามารถหนีพ้นการสังเกตของเรา?  พวกเจ้าสะเพร่ากับเรา พวกเจ้าหลอกเรา พวกเจ้าดูถูกเรา พวกเจ้าโอ้โลมเรา พวกเจ้าบีบบังคับเราและขู่เข็ญเราให้พลีอุทิศ—ความมุ่งร้ายเช่นนี้จะสามารถหลบหลีกการลงโทษของเราไปได้อย่างไร?  การทำชั่วทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นปฏิปักษ์ต่อเราและเป็นข้อพิสูจน์ความเข้ากันไม่ได้ของพวกเจ้ากับเรา พวกเจ้าแต่ละคนเชื่อว่าตัวพวกเจ้าเองเข้ากันได้กับเราเหลือเกิน แต่หากเป็นอย่างนั้นแล้วไซร้ หลักฐานที่แย้งไม่ขึ้นเช่นนี้จะนำไปใช้กับใครเล่า?  พวกเจ้าเชื่อว่าตัวพวกเจ้าเองมีความจริงใจและความจงรักภักดีจนถึงที่สุดต่อเรา  พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าใจดีเหลือเกิน มีความสงสารเห็นใจเหลือเกินและได้อุทิศให้กับเรามากเหลือเกิน  พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าได้ทำมามากเกินพอแล้วเพื่อเรา  แต่พวกเจ้าเคยเทียบเคียงสิ่งนี้กับบรรดาการกระทำของพวกเจ้าบ้างหรือไม่?  เราบอกเลยว่าพวกเจ้าโอหังมากเต็มที โลภมากเต็มที สุกเอาเผากินมากเต็มที เล่ห์เหลี่ยมสารพัดที่เจ้าใช้หลอกเรานั้นแยบยลมากเต็มที และเจ้ามีเจตนาที่น่าเหยียดหยามและวิธีการที่น่าเหยียดหยามมากมายเต็มที  ความจงรักภักดีของพวกเจ้าขาดแคลนเกินไป ความตั้งใจจริงของพวกเจ้าน้อยนิดเกินไปและมโนธรรมของพวกเจ้ายิ่งขาดพร่องเสียยิ่งกว่า  ในหัวใจของพวกเจ้ามีความมุ่งร้ายมากเกินไป และไม่มีใครเลยที่ได้รับการยกเว้นจากมัน แม้กระทั่งเรา  พวกเจ้าปิดกั้นเราเพื่อประโยชน์ของลูกหลานของเจ้าหรือสามีของเจ้าหรือการเอาตัวรอดของเจ้า  แทนที่จะห่วงใยเรา เจ้าห่วงใยครอบครัวของพวกเจ้า ลูกหลานของพวกเจ้า สถานะของพวกเจ้า อนาคตของพวกเจ้า และความปลาบปลื้มยินดีของพวกเจ้าเอง เมื่อใดเล่าที่พวกเจ้าเคยนึกถึงเราในขณะที่พวกเจ้าพูดหรือทำอะไร?  ในวันที่หนาวจัด ความคิดของพวกเจ้าหันไปหาลูกหลาน สามี ภรรยาหรือบิดามารดาของพวกเจ้า  ในวันที่ร้อนระอุ ก็ไม่มีที่ให้เราอยู่ในความคิดของพวกเจ้าเลยเช่นกัน  เมื่อเจ้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า เจ้ากำลังนึกถึงผลประโยชน์ของตนเอง คิดถึงความปลอดภัยส่วนบุคคลของเจ้าเอง คิดถึงบรรดาสมาชิกในครอบครัวของเจ้า  เจ้าเคยได้ทำสิ่งใดที่เป็นไปเพื่อเราหรือ?  คราใดหรือที่เจ้าเคยนึกถึงเรา?  เมื่อใดหรือที่เจ้าเคยอุทิศตนเองอย่างเต็มกำลังให้กับเราและงานของเรา?  หลักฐานของความเข้ากันได้กับเราของเจ้าอยู่ที่ใด?  ความเป็นจริงแห่งความจงรักภักดีของเจ้าที่มีต่อเราอยู่ที่ใด?  ความเป็นจริงแห่งการเชื่อฟังเราของเจ้าอยู่ที่ใด?  คราใดหรือที่พวกเจ้าไม่มีเจตนาที่จะได้รับพรของเรา?  พวกเจ้าเล่นตลกและหลอกลวงเรา พวกเจ้าล้อเล่นกับความจริง เจ้าปกปิดการดำรงอยู่ของความจริงและทรยศต่อเนื้อแท้ของความจริง  อะไรหรือที่รอพวกเจ้าอยู่ในอนาคตจากการต่อต้านเราเช่นนี้?  พวกเจ้าเพียงแสวงหาความเข้ากันได้กับพระเจ้าที่คลุมเครือและเพียงแสวงหาความเชื่อที่คลุมเครือ แต่เจ้าไม่สามารถเข้ากันได้กับพระคริสต์  ความมุ่งร้ายของเจ้าจะไม่นำมาซึ่งการลงทัณฑ์อันสาสมแบบเดียวกันกับที่คนเลวสมควรได้รับหรอกหรือ?  ในเวลานั้นพวกเจ้าจะตระหนักว่าไม่มีใครที่เข้ากันไม่ได้กับพระคริสต์สามารถหลีกหนีวันแห่งพระพิโรธไปได้ และพวกเจ้าจะค้นพบว่าผลการกระทำอันสาสมที่จะทรงกระทำต่อพวกที่ต่อต้านพระคริสต์นั้นเป็นแบบใด  เมื่อวันนั้นมาถึง ความฝันของพวกเจ้าที่จะได้รับพรสำหรับความเชื่อในพระเจ้าของพวกเจ้าและที่จะได้รับทางเข้าสู่สวรรค์นั้นจะแตกกระจายไปทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม มันจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับบรรดาผู้ที่เข้ากันได้กับพระคริสต์  แม้ว่าพวกเขาได้สูญเสียไปมาก แม้ว่าพวกเขาจะทนทุกข์กับความยากลำบากมากมาย แต่พวกเขาจะได้รับมรดกทั้งหมดที่เรายกให้กับมวลมนุษย์  ในท้ายที่สุด พวกเจ้าจะเข้าใจว่าลำพังเราเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าผู้ชอบธรรม และลำพังเราเท่านั้นที่สามารถพามวลมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันสวยงามของเขาได้

ก่อนหน้า: ผู้ที่ถูกเรียกมีมากมาย แต่ผู้ที่ถูกเลือกมีเพียงนิดเดียว

ถัดไป: เจ้าเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger