พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล - บทที่ 26
ผู้ใดได้อยู่ในนิเวศของเราเรื่อยมา? ผู้ใดได้ลุกขึ้นหยัดยืนเพื่อประโยชน์ของเรา? ผู้ใดได้ประสบทุกข์แทนเรา? ผู้ใดหรือที่ได้ให้คำปฏิญาณของเขาต่อหน้าเรา? ผู้ใดได้ติดตามเรามาจนถึงปัจจุบัน และยังไม่ได้กลับกลายเป็นหมางเมิน? เหตุใดพวกมนุษย์ทั้งปวงจึงเย็นชาและไร้ความรู้สึก? เหตุใดมวลมนุษย์จึงได้ทอดทิ้งเรา? เหตุใดมนุษยชาติจึงได้เหนื่อยหน่ายกับเรามากขึ้นทุกที? เหตุใดหนอในโลกมนุษย์นี้จึงไม่มีความอบอุ่นเลย? ในขณะที่อยู่ในศิโยน เราได้ลิ้มรสความอบอุ่นซึ่งมีในสวรรค์ และในขณะที่อยู่ในศิโยน เราได้ชื่นชมพรซึ่งมีในสวรรค์ เป็นอีกครั้งที่เราได้มามีชีวิตอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์ เราได้ลิ้มรสความขมขื่นของโลกมนุษย์ และเราได้เห็นหมดทุกสภาวะที่แตกต่างกันซึ่งมีอยู่ท่ามกลางพวกมนุษย์ด้วยตาของเราเอง โดยไม่ทันตระหนักรู้ มนุษย์ได้เปลี่ยนไปเมื่อเราได้ “เปลี่ยนแปลง” และเขาก็ได้มาถึงวันเวลาปัจจุบันในหนทางนี้เท่านั้นเอง เราไม่ได้พึงประสงค์ให้มนุษย์สามารถทำสิ่งใดก็ตามเพื่อประโยชน์ของเรา และเราไม่ได้พึงประสงค์ให้เขาเพิ่มอะไรก็ตามขึ้นมาเพื่อเรา เราเพียงต้องการให้เขาสามารถกระทำโดยสอดคล้องกับแผนการของเรา และอย่าไม่เชื่อฟังเราหรือเป็นเครื่องหมายแห่งความอัปยศต่อเรา แต่เป็นพยานอันกึกก้องให้กับเรา ท่ามกลางพวกมนุษย์ ได้มีบรรดาผู้ที่เป็นพยานที่ดีต่อเราและทำให้นามของเราได้รับเกียรติ แต่เป็นไปได้อย่างไรที่การฝึกฝนหรือการประพฤติปฏิบัติของมนุษย์จะสามารถทำให้หัวใจของเราพึงพอใจได้? เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสามารถเป็นไปตามหัวใจของเรา หรือทำให้สมดังเจตจำนงของเราได้? ทั้งภูเขาและห้วงน้ำบนแผ่นดินโลก และมวลดอกไม้ ต้นหญ้า และต้นไม้บนแผ่นดินโลกทั้งมวลล้วนแสดงให้เห็นงานจากมือของเรา ทั้งหมดดำรงอยู่เพื่อนามของเรา ทว่าเหตุใดเล่ามนุษย์จึงไม่สามารถสัมฤทธิ์มาตรฐานของข้อเรียกร้องของเราได้? นี่อาจเป็นเพราะความต่ำต้อยอันน่าสังเวชของเขาหรือไม่? นี่อาจเป็นเพราะการยกย่องที่เรามีให้เขาหรือไม่? นี่อาจเป็นที่ว่าเราใจร้ายต่อเขามากเกินไปหรือไม่? เหตุใดมนุษย์จึงยำเกรงต่อข้อเรียกร้องของเราเสมอ? ในวันนี้ ท่ามกลางมวลชนในราชอาณาจักร เหตุใดเจ้าจึงเพียงฟังเสียงเราแต่กลับไม่ปรารถนาที่จะเห็นหน้าเรา? เหตุใดเจ้าจึงมองไปที่วจนะของเราเท่านั้นโดยปราศจากการจับคู่วจนะเหล่านั้นเข้ากับวิญญาณของเรา? เหตุใดเจ้าจึงแยกเราให้อยู่ในฟ้าสวรรค์เบื้องบนกับแผ่นดินโลกเบื้องล่างแบบนั้น? จะเป็นไปได้หรือที่เราเมื่ออยู่บนแผ่นดินโลกไม่เหมือนกับเราที่อยู่ในฟ้าสวรรค์? จะเป็นไปได้หรือที่เราเมื่ออยู่ในฟ้าสวรรค์ไม่สามารถลงมายังแผ่นดินโลก? จะเป็นไปได้หรือที่เราเมื่ออยู่บนแผ่นดินโลกไม่มีค่าพอที่จะได้รับการยกชูขึ้นสู่สวรรค์? ราวกับว่า เมื่ออยู่บนแผ่นดินโลก เราเป็นสิ่งทรงสร้างที่ต่ำต้อย ราวกับว่า เมื่ออยู่ในฟ้าสวรรค์ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการยกย่อง และราวกับว่า มีหุบเหวที่ไม่สามารถเชื่อมสะพานได้ระหว่างฟ้าสวรรค์กับแผ่นดินโลก แม้ว่าในโลกมนุษย์ พวกเขาดูเหมือนไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับต้นกำเนิดของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ แต่กลับกำลังกระทบกระทั่งกับเราอยู่เสมอ ราวกับว่าวจนะของเรามีเพียงเสียงเท่านั้น แต่ไม่มีความหมายเลย มวลมนุษย์ทั้งปวงใช้ความพยายามกับวจนะของเรา กระทำการตรวจสอบรูปลักษณะภายนอกของเรากันไปเอง แต่พวกเขาทั้งหมดก็ประสบกับความล้มเหลว ความพยายามของพวกเขาไร้ผลและกลับถูกวจนะของเราบดขยี้จนคว่ำลงไปแทน และไม่กล้าลุกขึ้นมาอีกเลย
เมื่อเราทดสอบความเชื่อของมวลมนุษย์ ไม่มีมนุษย์สักคนที่เป็นพยานที่แท้จริง ไม่มีสักคนที่สามารถให้ได้ทั้งหมดที่เขามี มนุษย์ยังคงซ่อนเร้นและปฏิเสธไม่ยอมเปิดตัวเองต่อไป ราวกับว่าเราอาจกำลังจะมัดหัวใจเขา แม้แต่โยบก็ยังไม่เคยตั้งมั่นอย่างแท้จริงในช่วงระหว่างการทดสอบของเขา และเขาก็ไม่ได้กำจายความหอมหวานออกมาในท่ามกลางความทุกข์ ผู้คนทั้งหมดล้วนผลิตกลิ่นอายเจือจางของความเขียวชอุ่มในความอบอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาไม่เคยคงความเขียวชอุ่มในสายลมกรรโชกอันเย็นเยียบแห่งฤดูหนาว ด้วยวุฒิภาวะที่ผอมกะหร่องและมีแต่กระดูกของเขา มนุษย์จึงไม่สามารถทำให้เจตนารมณ์ของเราลุล่วงได้ ในมนุษยชาติทั้งหมด ไม่มีใครเลยที่สามารถทำหน้าที่เป็นแบบอย่างสำหรับผู้อื่นได้ เพราะพวกมนุษย์ทั้งหมดนั้นโดยพื้นฐานแล้วก็เป็นเหมือนๆ กันและไม่มีอะไรแตกต่างจากกันและกันเลย มีสิ่งที่แยกแยะพวกเขาออกจากคนอื่นน้อยมาก ด้วยเหตุผลนี้ กระทั่งวันนี้แล้ว พวกมนุษย์ก็ยังคงไม่สามารถที่จะรู้จักงานของเราได้อย่างครบถ้วน จนเมื่อการตีสอนของเราเคลื่อนลงมายังมวลมนุษย์ทั้งปวงแล้วเท่านั้น พวกเขาจึงจะกลายเป็นตระหนักรู้ถึงงานของเราโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว และเมื่อปราศจากการกระทำสิ่งใดๆ ของเรา หรือการบังคับใครต่อใครของเรา มนุษย์จึงจะมารู้จักเรา และเห็นงานของเราด้วยผลจากการนั้น นี่คือแผนการของเรา เป็นแง่มุมเกี่ยวกับงานของเราที่ถูกสำแดงให้ประจักษ์ และเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรจะรู้ ในราชอาณาจักรนั้น สิ่งต่างๆ นับหมื่นแสนของการสร้างโลกเริ่มฟื้นคืนชีวิตและได้รับพลังชีวิตคืนมา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในสภาวะของแผ่นดินโลก อาณาเขตระหว่างแผ่นดินหนึ่งกับอีกแผ่นดินก็เริ่มขยับเขยื้อนเช่นกัน เราได้เผยวจนะไปแล้วว่า เมื่อแผ่นดินถูกแบ่งจากแผ่นดิน และแผ่นดินรวมกันเป็นหนึ่งกับอีกแผ่นดิน นี่จะเป็นเวลาที่เราจะกระหน่ำชนชาติต่างๆ ทั้งหมดให้แหลกเป็นชิ้นๆ ณ เวลานี้ เราจะเริ่มต้นใหม่ในทุกการสร้างและการแบ่งกั้นสัดส่วนทั้งจักรวาล ด้วยการนั้นจึงจะเป็นการทำให้จักรวาลเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และแปลงรูปสิ่งเก่าๆ ให้เป็นสิ่งใหม่—นี่คือแผนการของเรา และเหล่านี้คืองานของเรา เมื่อประชาชาติและผู้คนทั้งหมดของโลกกลับคืนมายังหน้าบัลลังก์ของเรา ถึงตอนนั้นเราจึงจะนำเอาความเอื้ออารีแห่งสวรรค์มาทั้งหมดและมอบให้กับโลกมนุษย์ เพื่อที่พิภพนั้นจะได้ปริ่มล้นไปด้วยความเอื้ออารีอันหาใดเทียบเคียงเพราะเรา แต่ตราบที่พิภพเก่ายังคงมีอยู่ต่อไป เราจะทุ่มความเดือดดาลของเราไปที่ชนชาติต่างๆ ของมัน แถลงการณ์ประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราอย่างเปิดเผยให้ทั่วทั้งจักรวาล และตีสอนผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืน
เมื่อเราหันหน้าพูดกับจักรวาล มวลมนุษย์ทั้งปวงได้ยินเสียงเรา และในทันใดนั้นเอง ก็มองเห็นงานทั้งหมดที่เราได้ทำลงไปทั่วทั้งจักรวาล พวกที่ตั้งตนต่อต้านเจตจำนงแห่งเรา กล่าวคือ ผู้ที่ต่อต้านเราด้วยความประพฤติของมนุษย์ ย่อมจะตกอยู่ภายใต้การตีสอนของเรา เราจะนำเอามวลหมู่ดารามหาศาลในสวรรค์ชั้นฟ้ามาและทำให้พวกมันใหม่ และดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ก็จะถูกทำให้ใหม่เพราะเรา—ผืนฟ้าทั้งหลายจะไม่เป็นเหมือนดังที่พวกมันเคยเป็นอีกต่อไป และสิ่งต่างๆ นับไม่ถ้วนบนแผ่นดินโลกจะถูกทำใหม่ ทั้งหมดจะกลายเป็นครบบริบูรณ์โดยผ่านทางวจนะของเรา ประชาชาติทั้งหลายภายในจักรวาลจะถูกแบ่งกั้นสัดส่วนใหม่และแทนที่ด้วยราชอาณาจักรของเรา เพื่อที่ประชาชาติบนแผ่นดินโลกจะหายลับไปตลอดกาล และทั้งหมดจะกลายเป็นราชอาณาจักรหนึ่งซึ่งนมัสการเรา ประชาชาติทั้งมวลแห่งแผ่นดินโลกจะถูกทำลายและยุติการดำรงอยู่ ในบรรดามนุษย์ภายในจักรวาล ทุกคนที่เป็นของมารจะถูกทำลายจนสิ้นซาก และพวกที่บูชาซาตานทั้งหมดจะถูกสังหารสิ้นโดยไฟของเราที่กำลังเผาผลาญ—นั่นก็คือ ยกเว้นบรรดาผู้ที่อยู่ในกระแสตอนนี้ ทั้งหมดจะกลายเป็นเถ้าถ่าน เมื่อเราตีสอนกลุ่มชนทั้งหลาย บรรดาผู้ที่อยู่ในโลกศาสนาจะคืนสู่อาณาจักรของเรา ถูกงานของเราพิชิตในขอบข่ายที่ต่างกันไป เนื่องเพราะพวกเขาจะได้เห็นการลงมาจุติขององค์หนึ่งเดียวผู้บริสุทธิ์โดยการขี่เมฆขาวแล้ว ผู้คนทั้งหมดจะถูกแยกไปตามประเภทของพวกเขา และจะได้รับการตีสอนที่สมน้ำสมเนื้อกับการกระทำของพวกเขา ผู้คนทั้งหมดที่ได้ยืนต้านเราจะมีอันพินาศ นั่นคือ สำหรับบรรดาผู้ที่ความประพฤติของพวกเขาบนแผ่นดินโลกไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา พวกเขาจะดำรงอยู่บนแผ่นดินโลกต่อไปภายใต้การปกครองของบุตรทั้งหลายของเราและประชากรของเรา เพราะวิธีการประพฤติปฏิบัติตนของพวกเขา เราจะเปิดเผยตัวเราต่อกลุ่มชนนับไม่ถ้วนและชนชาติต่างๆ มากมายหลายชาติ และด้วยเสียงของเราเอง เราจะส่งเสียงก้องไปบนแผ่นดินโลก ป่าวประกาศถึงการเสร็จสิ้นงานอันยิ่งใหญ่ของเราเพื่อที่มวลมนุษย์ทั้งปวงจะได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง
เนื่องจากเสียงของเรามีความเข้มลึก เราจึงสังเกตเห็นสภาวะของจักรวาลไปด้วยเช่นกัน โดยผ่านทางวจนะของเรา สิ่งต่างๆ แห่งการสร้างนับหมื่นแสนถูกทำให้ใหม่ทั้งหมด ฟ้าสวรรค์เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับแผ่นดินโลก มนุษยชาติถูกเปิดโปงในรูปทรงดั้งเดิมของตน และแต่ละบุคคลถูกแยกไปตามประเภทของพวกเขาอย่างช้าๆ และพบหนทางกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวตัวเองอย่างนึกไม่ถึง นี่จะทำให้เรายินดีอย่างใหญ่หลวง เราเป็นอิสระจากการรบกวนและงานอันยิ่งใหญ่ของเราก็สำเร็จลุล่วงลงโดยไม่อาจล่วงรู้ได้ และสิ่งต่างๆ แห่งการสร้างนับหมื่นแสนก็ถูกแปลงสภาพไป เมื่อตอนที่เราได้สร้างโลกขึ้นมา เราวางรูปแบบทุกสรรพสิ่งไปตามประเภทของพวกมัน วางทุกสรรพสิ่งที่มีรูปทรงไว้ในประเภทเดียวกันกับพวกมัน เมื่อปลายทางของแผนการบริหารจัดการของเราขยับใกล้เข้ามา เราจะทำให้สภาวะเดิมของสิ่งสร้างกลับคืนมา เราจะคืนทุกสิ่งทุกอย่างสู่วิถีที่มันเคยเป็นอยู่เดิม โดยเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างอย่างลุ่มลึก เพื่อที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนสู่อ้อมอกแห่งแผนการของเรา เวลานั้นได้มาถึงแล้ว! ช่วงระยะสุดท้ายของแผนการของเรากำลังใกล้จะสำเร็จลุล่วงแล้ว อา โลกเก่าที่ช่างไม่สะอาด! เจ้าจะตกอยู่ภายใต้วจนะของเราอย่างแน่นอน! เจ้าจะถูกแผนการของเราลดทอนลงไปเป็นสิ่งที่ไม่ใช่อะไรเลยอย่างแน่นอน! อา สิ่งต่างๆ แห่งการสร้างนับหมื่นนับแสน! พวกเจ้าทั้งหมดจะได้รับชีวิตใหม่ภายในวจนะของเรา—พวกเจ้าจะมีองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งทรงอธิปไตยของพวกเจ้า อา โลกใหม่ที่บริสุทธิ์และไร้มลทิน! พวกเจ้าจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ภายในสง่าราศีของเราอย่างแน่นอน! อา ภูเขาศิโยน! จะไม่เงียบงันต่อไปอีกแล้ว—เราได้กลับมาอย่างมีชัยแล้ว! จากท่ามกลางการสร้าง เราพินิจพิเคราะห์ทั้งแผ่นดินโลก บนแผ่นดินโลก มวลมนุษย์ได้เริ่มชีวิตใหม่และได้มาซึ่งความหวังใหม่ อา ประชากรของเรา! เหตุใดเล่าพวกเจ้าจึงไม่สามารถคืนชีวิตกลับมาได้ภายในความสว่างของเรา? เหตุใดหรือพวกเจ้าจึงไม่สามารถกระโดดโลดเต้นเพื่อความชื่นบานภายใต้การนำของเรา? แผ่นดินทั้งหลายกำลังพากันร้องตะโกนด้วยความยินดีปรีดา ห้วงน้ำทั้งหลายต่างพากันเสียงแหบแห้งด้วยการสรวลเสเฮฮาอย่างรื่นเริงยินดี! อา อิสราเอลคืนชีพ! ไฉนเจ้าจึงไม่รู้สึกภาคภูมิใจเพราะการลิขิตไว้ล่วงหน้าของเรา? ผู้ใดกันเล่าที่ได้ร่ำไห้? ผู้ใดกันเล่าที่ได้พิลาปคร่ำครวญ? อิสราเอลประเทศเก่านั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป และอิสราเอลของวันนี้ได้ผงาดลุกขึ้นแล้ว ตั้งตรงและตระหง่านอยู่ในพิภพนี้ และได้ลุกขึ้นยืนอยู่ในหัวใจของมนุษยชาติทั้งมวล อิสราเอลของวันนี้จะบรรลุถึงแหล่งกำเนิดแห่งการดำรงอยู่โดยผ่านทางประชากรของเราอย่างแน่นอน! อา อียิปต์ที่น่าเกลียดชัง! แน่นอนเลยว่า เจ้าไม่ได้ยังคงยืนต้านเราอยู่ ใช่หรือไม่? เจ้าสามารถฉวยประโยชน์จากความปรานีของเราและพยายามที่จะหนีการตีสอนของเราได้อย่างไรกัน? เจ้าจะไม่ดำรงอยู่ภายในการตีสอนของเราได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่า บรรดาผู้ที่เรารักทั้งหมดจะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร และพวกที่ยืนต้านเราทั้งหมดก็จะถูกเราตีสอนไปชั่วนิรันดรอย่างแน่นอน เพราะเราเป็นพระเจ้าที่หวงแหน และจะไม่ละเว้นพวกมนุษย์ไปโดยง่ายสำหรับทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำลงไป เราจะเฝ้าดูแผ่นดินโลกทั้งปวง และในการปรากฏทางทิศตะวันออกของโลกพร้อมกับความชอบธรรม บารมี ความโกรธเคือง และการตีสอนนั้น เราจะเปิดเผยตัวเราเองต่อชุมนุมชนอันมากมายเหลือคณนาของมนุษยชาติ!
29 มีนาคม ค.ศ. 1992