แนวความคิดเรื่องตรีเอกานุภาพสมเหตุสมผลไหม?

วันที่ 03 เดือน 10 ปี 2021

ตั้งแต่องค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ทรงพระราชกิจแห่งยุคพระคุณ นานสองพันปี คริสตศาสนาทั้งหมดได้นิยามพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวในฐานะ “ตรีเอกานุภาพ” ในเมื่อพระคัมภีร์กล่าวถึงพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาจึงทึกทักว่าพระเจ้าต้องทรงเป็นตรีเอกานุภาพแน่ มีการถกเถียงอยู่บ้าง แต่คนส่วนใหญ่ก็ค้ำจุนแนวความคิดเรื่องตรีเอกานุภาพอย่างไม่เปลี่ยนแปลง บางคนกล่าวว่า “ตรีเอกานุภาพ” และคนอื่นกล่าวว่า “สามในหนึ่ง” ซึ่งโดยแก่นแท้เหมือนกัน และหมายถึงสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะกล่าวว่า “ตรีเอกานุภาพ” หรือ “สามในหนึ่ง” ก็เป็นการกล่าวว่าพระเจ้าทรงมีสามส่วนที่เป็นพระเจ้าเมื่อรวมเข้าด้วยกัน หากขาดไปสักส่วน ก็จะไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว เมื่อทั้งหมดอยู่รวมกันเท่านั้นจึงเป็นพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวได้ เป็นการกล่าวที่ไร้สาระแท้ๆ เลยครับ พูดได้จริงๆ หรือว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว? หรือองค์พระเยซูเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว? พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวหรือ? แนวคิดเรื่องตรีเอกานุภาพนี้เป็นเพียงวิธีปฏิเสธและสร้างความเสื่อเสียให้พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวไม่ใช่หรือ? เป็นการแบ่งแยกและหมิ่นประมาทพระเจ้าแท้จริงหนี่งเดียวไม่ใช่หรือ? เราเห็นได้ว่าแนวคิดเรื่องตรีเอกานุภาพนี้ไร้สาระทั้งเพแค่ไหน โลกศาสนาจึงได้นิยามพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวว่าเป็นตรีเอกานุภาพเช่นนั้นเอง แบ่งแยกพระองค์ตลอดเวลานี้ นี่เจ็บปวดสำหรับพระเจ้ามาก โลกศาสนาดื้อดึงยึดมั่นในเรื่องนี้ และได้ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงมาตลอด บัดนี้พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แห่งยุคสุดท้ายได้เสด็จมาเพื่อทรงงานแห่งการพิพากษา แสดงความจริงทั้งมวลที่ช่วยมวลมนุษย์ พระองค์ได้หักล้างความเชื่อผิดๆ อันใหญ่ยิ่ง ตีเอกานุภาพ ของคริสตศาสนาโดยสมบูรณ์ นี่ได้เปิดดวงตาของเราออก และเราสรรเสริญพระคริสต์จากหัวใจว่าเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต สรรเสริญปัญญาและมหิทธิฤทธิ์พระเจ้า หากพระเจ้าไม่ทรงรื้อความคิดผิดๆ นี้ออกโดยตรง เราก็คงไม่ค้นพบความไร้สาระในแนวความคิดเรื่องตรีเอกานุภาพ มาดูเรื่องนี้ให้ใกล้ชิดขึ้นด้วยการอ่านพระวจนะของพระเจ้ากันนะครับ

พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “หากคนใดท่ามกลางพวกเจ้ากล่าวว่าตรีเอกานุภาพมีอยู่จริง เช่นนั้นแล้วก็จงอธิบายทีเถิดว่า แท้ที่จริงแล้ว พระเจ้าหนึ่งเดียวในสามพระบุคคลนี้คือสิ่งใดกันแน่ พระบิดาผู้บริสุทธิ์คือสิ่งใด? พระบุตรคือสิ่งใด? พระวิญญาณบริสุทธิ์คือสิ่งใด? พระยาห์เวห์คือพระบิดาผู้บริสุทธิ์กระนั้นหรือ? พระเยซูคือพระบุตรกระนั้นหรือ? เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์คือสิ่งใดเล่า? พระบิดาไม่ใช่พระวิญญาณหรอกหรือ? แก่นแท้ของพระบุตรมิใช่พระวิญญาณด้วยหรอกหรือ? พระราชกิจของพระเยซูมิใช่พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรอกหรือ? พระราชกิจของพระยาห์เวห์ ณ เวลาที่ดำเนินการโดยพระวิญญาณมิใช่แบบเดียวกันกับของพระเยซูหรอกหรือ? พระเจ้าสามารถมีพระวิญญาณได้กี่ดวง? ตามคำอธิบายของเจ้านั้น ทั้งสามพระองค์ที่มีพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์คือหนึ่งเดียว หากนี่เป็นดังนั้น เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณก็มีสามดวงสินะ แต่การมีพระวิญญาณสามดวงย่อมหมายความว่าพระเจ้ามีสามพระองค์ การนี้หมายความว่าไม่มีพระเจ้าที่แท้จริงหนึ่งเดียวอยู่เลย พระเจ้าประเภทนี้จะยังคงทรงมีแก่นแท้ที่เป็นเนื้อในของพระเจ้าได้อย่างไร? หากเจ้ายอมรับว่ามีพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว พระองค์จะสามารถเป็นบิดาและมีบุตรได้อย่างไร? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงมโนคติอันหลงผิดของพวกเจ้าหรอกหรือ? มีพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น พระองค์เดียวเท่านั้นในพระเจ้าพระองค์นี้ และมีพระวิญญาณของพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น ดังที่มีการเขียนลงในพระคัมภีร์ว่า ‘มีพระวิญญาณบริสุทธิ์หนึ่งเดียวเท่านั้น และพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น’ ไม่ว่าพระบิดาและพระบุตรที่เจ้าพูดถึงนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมีเพียงพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้นและแก่นแท้ของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พวกเจ้าเชื่อนั้นคือแก่นแท้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ แต่พระองค์ทรงสามารถบังเกิดเป็นมนุษย์และดำรงพระชนม์ชีพท่ามกลางมนุษย์ได้ รวมถึงทรงอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง พระวิญญาณของพระองค์ทรงครอบคลุมทั้งหมดและปรากฏพร้อมทุกแห่งหนแห่ง พระองค์สามารถสถิตในเนื้อหนังและในจักรวาลและเหนือจักรวาลได้ในเวลาเดียวกัน ในเมื่อผู้คนทั้งหมดกล่าวว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็มีพระองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถแบ่งแยกพระองค์ได้ตามใจชอบ! พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียวเท่านั้น และพระองค์หนึ่งเดียวเท่านั้น และนั่นคือพระวิญญาณของพระเจ้า… มโนทัศน์เกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้เหลวไหลไร้สาระที่สุด! การนี้แบ่งพระเจ้าออกเป็นส่วนๆ และแยกพระองค์ออกเป็นสามพระองค์ แต่ละพระองค์มีหนึ่งสถานะและมีพระวิญญาณ เช่นนั้นแล้วพระองค์จะยังคงสามารถเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียวและพระเจ้าหนึ่งเดียวได้อย่างไร? จงบอกเราที ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่งนั้นถูกสร้างโดยพระบิดา พระบุตร หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์กันแน่? บางคนกล่าวว่าพวกพระองค์ได้ทรงสร้างมันทั้งหมดมาด้วยกัน เช่นนั้นแล้ว พระองค์ใดเล่าที่ได้ทรงไถ่มวลมนุษย์? เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระบุตร หรือพระบิดากันแน่? บางคนกล่าวว่าพระบุตรนั่นเองคือผู้ที่ได้ทรงไถ่มวลมนุษย์ เช่นนั้น ในแก่นแท้แล้ว พระบุตรคือผู้ใด? พระองค์มิใช่การทรงปรากฏในรูปมนุษย์ของพระวิญญาณของพระเจ้าหรอกหรือ? การทรงปรากฏในรูปมนุษย์เรียกพระเจ้าในสวรรค์ด้วยพระนามของพระบิดาจากมุมมองของมนุษย์ผู้ถูกสร้าง เจ้าไม่ตระหนักหรือว่าพระเยซูประสูติโดยผ่านทางการปฏิสนธิของพระวิญญาณบริสุทธิ์? ภายในพระองค์คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไรก็ตาม พระองค์ยังคงทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าในสวรรค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นการปรากฏในรูปมนุษย์ของพระวิญญาณของพระเจ้า แนวคิดเกี่ยวกับพระบุตรนี้ไม่จริงเลย พระวิญญาณหนึ่งเดียวนั่นเองที่เป็นผู้ซึ่งดำเนินการพระราชกิจทั้งหมด พระเจ้าพระองค์เองเท่านั้น นั่นคือพระวิญญาณของพระเจ้าทรงดำเนินการพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ใดคือพระวิญญาณของพระเจ้า? มิใช่พระวิญญาณบริสุทธิ์หรอกหรือ? มิใช่พระวิญญาณบริสุทธิ์หรอกหรือที่ทรงพระราชกิจในพระเยซู? หากพระราชกิจนั้นมิได้รับการดำเนินการโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (นั่นคือ พระวิญญาณของพระเจ้า) เช่นนั้นแล้ว พระราชกิจของพระองค์จะสามารถเป็นตัวแทนของพระเจ้าพระองค์เองแล้วได้หรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?) พระวจนะนั้นชัดเจนและหลักแหลม พระเจ้าคือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว และมีเพียงพระวิญญาณแห่งพระเจ้าหนึ่งเดียว บุคคลหนึ่งเดียวในพระเจ้านี้ ไม่มีทางเป็นสามบุคคลแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก่อนพระเจ้าจะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ในฐานะองค์พระเยซูเจ้า ไม่มีการกล่าวถึงพระบุตรเลย มีเพียงพระวิญญาณพระเจ้า ซึ่งคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก และสรรพสิ่ง ทั้งหมดสร้างผ่านพระดำรัสของพระวิญญาณพระองค์ ดังนั้นพระวิญญาณพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวหรอกหรือ? เมื่อพระเจ้าทรงงานแห่งยุคธรรมบัญญัติ ก็ทรงทำผ่านมนุษย์โดยตรง ตอนนั้นไม่มี “พระบุตร” ดังกล่าว แต่พระเจ้าคือพระเจ้าหนึ่งเดียว พระผู้สร้าง ไม่มีใครเคยพูดว่าพระเจ้าคือตรีเอกานุภาพ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เคยให้คำพยานต่อตรีเอกานุภาพ ดังนั้นทำไมผู้คนจึงเริ่มนิยามพระเจ้าในฐานะตรีเอกานุภาพ เมื่อพระองค์ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ เสด็จมาในฐานะองค์พระเยซูเจ้าล่ะ? องค์พระเยซูเจ้าคือพระวิญญาณพระเจ้าสวมใส่เนื้อหนัง และงานทั้งหมดของพระองค์ก็ถูกปกครองและถูกแสดงโดยตรง โดยพระวิญญาณแห่งพระเจ้า พระวิญญาณภายในองค์พระเยซูเจ้าก็คือพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ งั้นองค์พระเยซูเจ้าคือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวไหม? ใช่ พระองค์ทรงเป็นครับ ดังนั้น ไม่ใช่ว่าพระเจ้าแบ่งแยกออกเป็นสามส่วน พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ แต่ผู้คนกลับยืนกรานจะแบ่งแยกพระเจ้าเพราะไม่เข้าใจแก่นแท้ของการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ นี่เป็นความผิดพลาดของมนุษย์ และเป็นเพราะมนุษย์มีความเข้าใจได้จำกัด พระเจ้าคือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว มีพระเจ้าองค์เดียวและพระองค์ทรงมีพระวิญญาณเดียว พระองค์คือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวก่อนการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ใดๆ และพระองค์ยังคงเป็นพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวหลังการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ ผู้คนแบ่งพระเจ้าออกเป็นสามส่วน สามบุคคลเพราะพระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งแตกพระเจ้าออกเป็นส่วนๆ และปฏิเสธพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว นั่นไม่ใช่ความโง่เขลาหรอกหรือครับ? เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อพระองค์ทรงสร้างโลก พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว? หรือว่าระหว่างยุคธรรมบัญญัติ พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว? ทำไมพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวถึงกลายเป็นพระเจ้าแห่งตรีเอกานุภาพ หลังจากพระองค์ทรงปรากฏและทรงงานในเนื้อหนังในยุคพระคุณล่ะ? นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดที่นำมาโดยความไร้สาระและไร้เหตุผลของมนุษย์หรอกหรือ? หากแนวความคิดเรื่องตรีเอกานุภาพนั้นถูกต้อง ทำไมพระเจ้าไม่ทรงเป็นพยานต่อบุคคลทั้งสามของพระองค์เมื่อทรงสร้างโลกล่ะ? และทำไมไม่มีใครเป็นพยานเรื่องนี้ระหว่างยุคธรรมบัญญัติล่ะ? ทำไมไม่มีคำพยานในวิวรณ์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์เกี่ยวกับตรีเอกานุภาพล่ะ? เพราะอย่างนี้เราจึงแน่ใจได้ ว่าพระวิญญาณพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระบิดา และพระบุตร ไม่เคยทรงแบ่งปันคำพยานว่าพระเจ้าคือตรีเอกานุภาพเลย มนุษย์และโลกศาสนาอันเสื่อมทราม กุทฤษฎีแห่งตรีเอกานุภาพอันไร้สาระนี้ขึ้นมาในหลายร้อยปีภายหลัง องค์พระเยซูเจ้าทรงพระราชกิจในเนื้อหนัง ชัดเจน ว่าแนวความคิดเรื่องตรีเอกานุภาพนั้นไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่อะไรนอกจากมโนคติอันหลงผิดและจินตนาการของมนุษย์ เป็นความเชื่อผิดๆ ที่ใหญ่ที่สุดของโลกศาสนาตลอดสองพันปี ซึ่งได้ทำร้ายและนำผู้คนนับไม่ถ้วนให้หลงทาง

ถึงตรงจุดนี้ คุณอาจจะนึกสงสัย ว่าทำไมพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพยานว่าองค์พระเยซูเจ้าคือ “บุตรผู้เป็นที่รัก” และทำไมองค์พระเยซูเจ้าทรงเรียกพระเจ้าบนฟ้าสวรรค์ “พระบิดา” ในคำอธิษฐาน? นั่นหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เรามาดูว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสไว้ว่าอะไรเกี่ยวกับคำถามนี้นะครับ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “มีผู้อื่นที่กล่าวว่า ‘พระเจ้าได้ทรงกล่าวระบุไว้อย่างเปิดเผยว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรผู้เป็นที่รักของพระองค์มิใช่หรือ?’ พระเยซูทรงเป็นพระบุตรผู้เป็นที่รักของพระเจ้า ผู้ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานยิ่ง—การนี้ได้ถูกตรัสไว้โดยพระเจ้าพระองค์เองอย่างแน่นอน นั่นคือการที่พระเจ้าทรงเป็นพยานต่อพระองค์เอง เพียงแต่ว่าจากมุมมองที่แตกต่างกัน นั่นเป็นมุมมองของพระวิญญาณในสวรรค์ที่ทรงเป็นพยานต่อการปรากฏในรูปมนุษย์ของพระองค์เอง พระเยซูทรงเป็นการปรากฏในรูปมนุษย์ของพระองค์ มิใช่พระบุตรของพระองค์ในสวรรค์ เจ้าเข้าใจหรือไม่? พระวจนะของพระเยซูที่ว่า ‘เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา’ บ่งบอกว่าพวกพระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียวมิใช่หรือ? และนั่นมิใช่เป็นเพราะการปรากฏในรูปมนุษย์หรอกหรือที่พวกพระองค์ได้ถูกแยกห่างระหว่างสวรรค์และแผ่นดินโลก? ในความเป็นจริงแล้ว พวกพระองค์ยังคงทรงเป็นหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงการที่พระเจ้าทรงเป็นพยานต่อพระองค์เอง(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?)เมื่อพระเยซูทรงเรียกพระเจ้าในสวรรค์ด้วยพระนามของพระบิดาในขณะที่พระองค์ทรงอธิษฐาน การนี้ทำจากมุมมองของมนุษย์ที่ถูกสร้างเท่านั้น เพราะพระวิญญาณของพระเจ้าได้ทรงสวมใส่เนื้อหนังที่ปกติและธรรมดาสามัญ และทรงมีเครื่องห่อหุ้มภายนอกเป็นสิ่งมีชีวิตทรงสร้างหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าภายในพระองค์จะทรงเป็นพระวิญญาณของพระเจ้า แต่การปรากฏภายนอกของพระองค์ยังคงเป็นการปรากฏของมนุษย์ปกติ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็น ‘บุตรมนุษย์’ ที่มนุษย์ทั้งหมดได้กล่าวถึง รวมถึงพระเยซูพระองค์เองได้ตรัสถึง เมื่อคำนึงถึงว่าพระองค์ได้รับการเรียกขานว่าบุตรมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลหนึ่ง (ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง คนเราจะมีเปลือกนอกเป็นมนุษย์ในทุกกรณี) ที่ถือกำเนิดมาในครอบครัวปกติครอบครัวหนึ่งของผู้คนธรรมดา เพราะฉะนั้น การที่พระเยซูทรงเรียกพระเจ้าในสวรรค์ด้วยพระนามของพระบิดาก็เป็นแบบเดียวกับวิธีที่พวกเจ้าเรียกพระองค์ว่าพระบิดาในตอนแรก พระองค์ทรงทำเช่นนั้นจากมุมมองของมนุษย์ที่ถูกสร้าง… อย่างไรก็ตามการที่พระองค์ตรัสกับพระเจ้า (นั่นคือ พระวิญญาณในสวรรค์) ในลักษณะเช่นนั้น ไม่เป็นการพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระวิญญาณของพระเจ้าในสวรรค์ ในทางตรงกันข้าม มันเป็นเพียงว่ามุมมองของพระองค์นั้นแตกต่างไป ไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงเป็นองค์บุคคลที่แตกต่างกัน การมีอยู่ขององค์บุคคลทั้งหลายที่แตกต่างกันชัดเจนนั้นเป็นการเข้าใจผิด!(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?) เราเห็นได้จากพระวจนะ ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเรียกองค์พระเยซูเจ้าว่าพระบุตรผู้เป็นที่รัก ก็คือพระเจ้าทรงเป็นพยานต่อการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ของพระองค์จากมุมมองของพระวิญญาณ หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทรงทำแบบนี้ ก็ไม่มีใครได้รู้ตัวตนที่แท้จริงขององค์พระเยซูเจ้า ดังนั้นคำพยานที่เปิดเผยนี้ อนุญาตให้ผู้คนเรียนรู้ว่าองค์พรเยซูเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ และองค์พระเยซูเจ้าทรงเรียกพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ว่าพระบิดาเมื่อทรงอธิษฐาน เพราะในเนื้อหนังแล้วพระองค์ไม่ได้เหนือธรรมชาติ และใช้ชีวิตตามความเป็นมนุษย์ที่ปกติและรู้สึกเหมือนคนทั่วไป เพราะงั้น พระองค์จึงทรงเรียกพระวิญญาณพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ว่าพระบิดา ในฐานะของสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง การอธิษฐานแบบนี้ทำให้ความถ่อมใจและความเชื่อฟังของพระคริสต์เป็นรูปธรรมโดยสมบูรณ์ แต่ดูตามการอธิษฐานขององค์พระเยซูเจ้าต่อพระบิดา โลกศาสนาแบ่งแยกพระเจ้าออกเป็นสอง โดยกล่าวว่าพระเยซูและพระยาห์เวห์มีความสัมพันธ์ฉันพ่อลูก ช่างไร้สาระโดยสิ้นเชิง! ฟีลิป สาวกขององค์พระเยซูเจ้า ถามพระองค์ในเรื่องนี้ ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น ก็พอใจข้าพระองค์แล้ว” (ยอห์น 14:8) พระองค์ทรงตอบว่ายังไง? ทรงตรัสว่า “ฟีลิป เราอยู่กับท่านนานถึงขนาดนี้แล้วท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ? คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า ‘ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น?’ ท่านไม่เชื่อหรือว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา?(ยอห์น 14:9-10) พระองค์ตรัสด้วยว่า “เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน(ยอห์น 10:30) ชัดเจนว่า พระบิดาและพระบุตรคือพระเจ้าหนึ่งเดียว และไม่มีสัมพันธ์พ่อลูกอย่างที่คนคิด เหตุผลเดียวที่แนวคิดพระบิดาพระบุตรนี้เกิดขึ้นก็เพราะพระเจ้าทรงปรากฏในรูปมนุษย์ และเรื่องนี้เหมาะสมต่อเวลาของพระองค์ที่ทำงานในเนื้อหนังเท่านั้น ทันที่ที่พระราชกิจในเนื้อหนังของพระเจ้าสรุปจบ พระองค์ก็ทรงกลับสู่รูปลักษณ์ดั้งเดิม และไม่มีอะไรอย่างพระบิดาและพระบุตรอีกต่อไป

มาดูพระวจนะอีกบทตอนหนึ่งนะครับ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พระวิญญาณภายในพระเยซู พระวิญญาณในสวรรค์และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ล้วนเป็นหนึ่งเดียว พระวิญญาณนั้นเรียกกันว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณของพระเจ้า พระวิญญาณซึ่งมีความแก่กล้าเป็นเจ็ดเท่า และพระวิญญาณผู้ทรงครอบคลุมทั้งหมด พระวิญญาณของพระเจ้าสามารถดำเนินพระราชกิจได้มากมาย พระองค์สามารถสร้างโลกและทำลายมันโดยการให้น้ำท่วมแผ่นดินโลก พระองค์สามารถไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงและยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงสามารถพิชิตและทำลายมวลมนุษย์ทั้งปวงได้ พระราชกิจนี้ล้วนได้รับการดำเนินการโดยพระเจ้าพระองค์เองและไม่สามารถทำแทนพระองค์ได้โดยสภาวะความเป็นบุคคลอื่นใดของพระเจ้า พระวิญญาณของพระองค์สามารถได้รับการเรียกขานโดยพระนามของพระยาห์เวห์และพระเยซู รวมถึงองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ พระองค์สามารถกลายเป็นบุตรมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน พระองค์สถิตในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลกด้วยเช่นกัน พระองค์สถิตอยู่สูงเหนือจักรวาลทั้งหลายและท่ามกลางฝูงชน พระองค์ทรงเป็นองค์เจ้านายองค์เดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก! นับตั้งแต่กาลสมัยแห่งการทรงสร้างจนกระทั่งถึงบัดนี้ พระราชกิจนี้ได้รับการดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระเจ้าพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นพระราชกิจในฟ้าสวรรค์หรือในเนื้อหนัง ทั้งหมดล้วนดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระองค์เอง สรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวง ไม่ว่าในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก ล้วนอยู่ในฝ่าพระหัตถ์อันทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ ทั้งหมดนี้คือพระราชกิจของพระเจ้าพระองค์เองและไม่มีผู้ใดสามารถดำเนินการแทนพระองค์ได้ ในฟ้าสวรรค์นั้น พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณ แต่ก็ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองด้วยเช่นกัน ท่ามกลางพวกมนุษย์นั้น พระองค์ทรงเป็นเนื้อหนัง แต่ก็ยังคงทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองอยู่ ถึงแม้ว่าพระองค์อาจได้รับการเรียกขานโดยหลายแสนพระนาม แต่พระองค์ก็ยังคงทรงเป็นพระองค์เอง เป็นการแสดงออกโดยตรงของพระวิญญาณของพระองค์ การไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงโดยผ่านทางการตรึงกางเขนของพระองค์นั้น เป็นพระราชกิจโดยตรงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดังนั้นจึงเป็นการกล่าวประกาศต่อชนชาติทั้งมวลและแผ่นดินทั้งมวลในระหว่างยุคสุดท้ายด้วยเช่นกัน ตลอดเวลานั้นพระเจ้าสามารถได้รับการเรียกขานว่าพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวและผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงครอบคลุมทั้งหมด องค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันนั้นไม่มีอยู่จริง นับประสาอะไรที่จะมีแนวคิดนี้เกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก มีพระเจ้าอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?) จากพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เราเห็นได้ว่าพระเจ้าคือพระวิญญาณซึ่งคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก และสรรพสิ่ง และทรงปกครองเหนือทุกสิ่ง พระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อพระราชกิจได้ และทรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ในหนทางที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง พระองค์ทรงดูเหมือนคนทั่วไปจากภายนอก แต่พระราชกิจทั้งหมดของพระองค์นั้นปกครองโดยพระวิญญาณพระเจ้า เมื่องานในเนื้อหนังของพระองค์เสร็จสิ้น พระเจ้าทรงกลับสู่รูปลักษณ์เดิม รูปลักษณ์ในเนื้อหนังเป็นเพียงวิธีที่พระเจ้าทรงปรากฏแก่มวลมนุษย์ระหว่างช่วงระยะงานของพระองค์ ดังนั้น ไม่ว่าพระเจ้าทรงงานจากพระวิญญาณโดยตรงหรือทรงงานในเนื้อหนัง ไม่ว่าพระองค์จะถูกเรียกว่าพระยาเห์เวห์ พระเยซู หรือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระองค์คือพระวิญญาณเดียวกัน พระองค์คือพระเจ้าพระองค์เอง พระองค์ดำรงอยู่อย่างอนันต์ และทรงสร้างและปกครองเหนือสรรพสิ่ง ถึงจุดนี้ในสามัคคีธรรมของเรา ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจชัดแล้วว่า มีพระเจ้าเพียงองค์เดียว พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว ไม่เหลืออะไรให้แครงใจ คริสตศาสนายึดมั่นว่าพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวคือตรีเอกานุภาพ ยืนกรานที่จะแบ่งพระเจ้าเป็นสามส่วน เผยแพร่การเชื่อว่าทั้งสามรวมกันเท่านั้นจึงเป็นพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว และหากแยกจากกัน ทั้งสามก็ไม่ใช่พระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่การปฏิเสธพระเจ้าหรอกหรือ? การที่มนุษยชาติเข้าใจพระเจ้าผิดอย่างใหญ่หลวง พิสูจน์ว่าพวกเขาไม่เข้าใจพระคัมภีร์หรือรู้จักแก่นแท้ของพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย และพวกเขาโอหังอย่างเหลือเชื่อในความเข้าใจเนื้อหาพระคัมภีร์ตามตัวอักษร จำกัดและแบ่งแยกพระเจ้าตามมโนคติอันหลงผิดและจินตนาการของมนุษย์ นี่เป็นการต่อต้านและหมิ่นประมาทพระเจ้าโดยแท้จริง

ตอนนี้ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายเสด็จมาแล้ว ทรงแสดงความจริงและทรงงาน เปิดโปงความเชื่อผิดๆ ข้อใหญ่ที่สุดของโลกศาสนา ตรีเอกานุภาพ ตอนนี้เราแน่ใจแล้วว่าพระเจ้าคือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว พระวิญญาณคือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว พระวิญญาณบริสุทธิ์คือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว และการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ก็คือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว อย่างพระวิญญาณ อย่างพระวิญญาณบริสุทธิ์ และในการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ พระองค์คือพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียว คือพระเจ้าพระองค์เดียว ไม่สามารถถูกแบ่งแยกได้ ถ้าผู้คนยอมรับความจริงเหล่านี้ไม่ได้ แต่ยึดมั่นในมโนคติอันหลงผิดและจินตนาการอย่างดื้อรั้น ยืนกรานที่จะเชื่อในตรีเอกานุภาพ เห็นพระเจ้าแท้จริงหนึ่งเดียวเป็นพระเจ้าสามพระองค์ นั่นคือบาปแห่งการกล่าวโทษและหมิ่นประมาทพระเจ้า การหมิ่นประมาทพระวิญญาณพระเจ้าคือการหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่มีใครทนผลสืบเนื่องของสิ่งนั้นได้ ผู้มีปัญญามีโอกาสตื่นขึ้นโดยไม่ล่าช้า และเลิกยึดมั่นในมุมมองผิดๆ นี้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาดในการต่อต้านพระเจ้า องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “บาปและคำหมิ่นประมาททุกอย่างจะโปรดอภัยให้มนุษย์ได้ เว้นแต่คำหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะโปรดอภัยให้มนุษย์ไม่ได้ ถ้าใครกล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะโปรดอภัยให้คนนั้นได้ แต่ถ้าใครกล่าวร้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะโปรดอภัยให้คนนั้นไม่ได้ ทั้งยุคนี้ยุคหน้า(มัทธิว 12:31-32) โลกศาสนายังยืนกรานที่จะเชื่อความคิดเรื่องตรีเอกานุภาพผิดๆ นี้อย่างดื้อรั้น พวกเขาจะต่อต้านพระเจ้าอีกนานแค่ไหน? ได้เวลาตื่นแล้วครับ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ พระเจ้าได้ทรงถูกพวกเจ้าแบ่งให้แยกออกมาในลักษณะนี้ โดยถูกแบ่งแยกให้บางลงเรื่อยๆ ในแต่ละชั่วคน จนถึงขนาดที่พระเจ้าหนึ่งเดียวได้ถูกแบ่งแยกออกเป็นพระเจ้าสามพระภาคอย่างเปิดเผย และบัดนี้มันก็แค่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ที่จะรวมพระเจ้าให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง เพราะพวกเจ้าได้แบ่งพระองค์ออกอย่างละเอียดเกินไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะงานแบบทันควันของเราก่อนที่มันจะสายเกินไป ก็คงพูดยากว่าพวกเจ้าจะยังคงดำเนินในหนทางนี้อย่างโจ่งแจ้งต่อไปอีกนานเพียงใด! ในการแบ่งพระเจ้าให้แยกออกในลักษณะนี้ต่อไปนั้น พระองค์จะยังคงสามารถเป็นพระเจ้าของพวกเจ้าได้อย่างไร? พวกเจ้าจะยังคงจำพระเจ้าได้อยู่หรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?)ตรรกะของเจ้าสามารถชำแหละพระราชกิจของพระเจ้าได้อย่างถ้วนทั่ว หรือไม่? เจ้าสามารถได้รับความรู้ความเข้าใจเชิงลึกในพระราชกิจทั้งหมดของพระยาห์เวห์หรือไม่? เจ้าในฐานะมนุษย์คนหนึ่งคือผู้ที่สามารถมองทะลุมันทั้งหมดนั้นได้ หรือว่าพระเจ้าพระองค์เองที่สามารถมองเห็นตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาลกันเล่า? เจ้านั่นหรือคือผู้ที่สามารถมองเห็นตั้งแต่นิรันดร์กาลนานมาแล้วถึงนิรันดร์กาลที่จะมา หรือว่า เป็นพระเจ้านั่นเองที่ทรงสามารถทำเช่นนั้นได้? เจ้าจะว่าอย่างไรหรือ? เจ้าคู่ควรเพียงใดที่จะอธิบายเกี่ยวกับพระเจ้า? คำอธิบายของเจ้าอยู่บนพื้นฐานของสิ่งใด? เจ้าคือพระเจ้ากระนั้นหรือ? ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าพระองค์เอง เจ้าไม่ใช่ผู้ที่ได้ทำการนี้ ดังนั้น เหตุใดเจ้าจึงกำลังให้คำอธิบายทั้งหลายที่ไม่ถูกต้องเล่า? บัดนี้ เจ้ายังเชื่อในพระเจ้าตรีเอกภาพต่อไปกระนั้นหรือ? เจ้าไม่คิดว่าหนทางนี้เป็นภาระหนักเกินไปหรอกหรือ? มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเจ้าที่จะเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว ไม่ใช่สาม การมีน้ำหนักเบานั้นเป็นการดีที่สุด เพราะพระภาระขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเบา(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?)

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ทำไมเราจึงต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เพียงด้วยการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าเท่านั้น?

ตอนนี้ ผู้เชื่อทุกคนต่างเฝ้ารอให้องค์พระเยซูเจ้าเสด็จมาบนเมฆ เพราะภัยพิบัติเริ่มรุนแรงขึ้น และพวกโรคระบาดต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย...

การมองให้ออกว่าพระเจ้าพระองค์เดียวทรงราชกิจสามระยะอย่างไร

วันนี้หัวข้อการสามัคคีธรรมของเราก็คือ “การมองให้ออกว่าพระเจ้าพระองค์เดียวทรงราชกิจสามระยะอย่างไร” หัวข้อนี้สำคัญ...

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger