งานแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐคืองานแห่งการช่วยมนุษย์ให้รอดด้วยเช่นกัน

ผู้คนทุกคนจำเป็นต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายของงานของเราบนโลก นั่นคือ สิ่งที่เราปรารถนาที่จะได้รับในท้ายที่สุด และระดับที่เราต้องสัมฤทธิ์ผลในงานนี้ก่อนที่งานจะสามารถครบบริบูรณ์ได้  หากว่าหลังจากที่เดินมากับเราจนถึงวันนี้ ผู้คนยังไม่เข้าใจว่างานของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เช่นนั้นแล้ว พวกเขาไม่ได้เดินมากับเราอย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?  หากผู้คนติดตามเรา พวกเขาควรรู้เจตจำนงของเรา  เราได้ทำงานบนแผ่นดินโลกมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว และจนถึงวันนี้ เรายังคงดำเนินการงานของเราเช่นนี้ต่อไป  ถึงแม้ว่างานของเราจะมีโครงการมากมาย จุดประสงค์ของงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเราเต็มเปี่ยมไปด้วยคำพิพากษาและการตีสอนต่อมนุษย์ ตัวอย่างเช่น สิ่งที่เราทำยังคงเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการช่วยเขาให้รอด และเพื่อประโยชน์แห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐของเราให้ดียิ่งขึ้นและขยายงานของเราออกไปให้ไกลยิ่งขึ้นท่ามกลางประชาชาติทั้งปวงเมื่อมนุษย์ได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์แล้ว  ดังนั้นวันนี้ ในยามที่ผู้คนจำนวนมากจมลึกอยู่ในความท้อใจมานานแล้ว เรายังคงทำงานของเราต่อไป เราทำงานที่เราต้องทำเพื่อพิพากษาและตีสอนมนุษย์ต่อไป  ถึงแม้จะมีข้อเท็จจริงว่ามนุษย์เบื่อหน่ายกับสิ่งที่เราพูด และเขาไม่มีความพึงปรารถนาที่จะสนใจงานของเรา เราก็ยังคงดำเนินการตามหน้าที่ของเราอยู่ เนื่องจากจุดประสงค์ของงานของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และแผนดั้งเดิมของเราจะไม่หยุดชะงัก  หน้าที่ของการพิพากษาของเราคือการทำให้มนุษย์สามารถเชื่อฟังเรายิ่งขึ้น และหน้าที่ของการตีสอนของเราคือการช่วยให้มนุษย์สามารถรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  แม้ว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการบริหารจัดการของเราก็ตาม แต่เราไม่เคยทำสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ต่อมนุษย์ เนื่องจากเราพึงปรารถนาที่จะทำให้ประชาชาติต่างๆ ทั้งหมดนอกเหนือไปจากอิสราเอลเชื่อฟังดังเช่นผู้คนแห่งอิสราเอล ทำให้พวกเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ซึ่งเราคงจะมีหลักที่มั่นคงในแผ่นดินที่อยู่นอกอิสราเอล  นี่คือการบริหารจัดการของเรา มันคืองานที่เรากำลังทำให้สำเร็จลุล่วงท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย  แม้กระทั่งบัดนี้ ผู้คนจำนวนมากก็ยังคงไม่เข้าใจการบริหารจัดการของเรา เพราะว่าพวกเขาไม่มีความสนใจในเรื่องต่างๆ ดังกล่าว และใส่ใจเฉพาะอนาคตและบั้นปลายของตนเองเท่านั้น  ไม่ว่าเราจะกล่าวอะไรก็ตาม พวกเขายังคงไม่แยแสต่องานที่เราทำ แต่กลับมุ่งเน้นอยู่กับบั้นปลายในวันพรุ่งนี้ของตนเพียงอย่างเดียว  หากเรื่องต่างๆ ดำเนินไปอย่างนี้ งานของเราจะสามารถแผ่ขยายไปได้อย่างไร?  ข่าวประเสริฐของเราจะได้รับการเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกได้อย่างไร?  จงรู้ไว้เถิดว่าเมื่องานของเราเผยแผ่ออกไป เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไป และโจมตีพวกเจ้าเหมือนดังที่พระยาห์เวห์ได้โจมตีแต่ละเผ่าของอิสราเอล  ทั้งหมดนี้จะถูกทำลงไปเพื่อที่ข่าวประเสริฐของเราจะสามารถเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกได้ เพื่อที่งานของเราอาจแผ่ขยายไปยังประชาชาติทั้งหลาย เพื่อที่นามของเราจะได้รับการสรรเสริญโดยบรรดาผู้ใหญ่และเด็กๆ เช่นเดียวกัน และนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราจะได้เป็นที่ยกย่องในปากของผู้คนจากทุกเผ่าและทุกชาติ  มันเป็นไปเพื่อที่ว่า ในยุคสุดท้ายนี้ นามของเราจะได้รับการสรรเสริญท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย เพื่อที่ประชาชาติทั้งหลายจะได้เห็นกิจการทั้งหลายของเราและพวกเขาจะเรียกเราว่าองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เนื่องจากกิจการทั้งหลายของเรา และเพื่อที่วจนะของเราจะได้บังเกิดขึ้นในอีกไม่นาน  เราจะทำให้ผู้คนทั้งปวงรู้ว่าเราไม่ได้เป็นเพียงพระเจ้าของผู้คนแห่งอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังเป็นพระเจ้าของประชาชาติในบรรดาชาติทั้งหมดอีกด้วย แม้แต่บรรดาชาติที่เราได้สาปแช่ง  เราจะปล่อยให้ผู้คนทั้งหมดได้เห็นว่าเราคือพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง  นี่คืองานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา จุดประสงค์ของแผนงานของเราสำหรับยุคสุดท้าย และงานเดียวที่จะต้องทำให้ลุล่วงในยุคสุดท้าย

ในระหว่างยุคสุดท้ายเท่านั้นที่งานซึ่งเราได้บริหารจัดการมาเป็นเวลาหลายพันปีจะถูกเปิดเผยแก่มนุษย์อย่างครบถ้วนบริบูรณ์  เฉพาะบัดนี้เท่านั้นที่เราได้เผยความล้ำลึกเต็มเปี่ยมของการบริหารจัดการของเราแก่มนุษย์ และมนุษย์ได้เรียนรู้จุดประสงค์ของงานของเรา และยิ่งไปกว่านั้น ได้มาเข้าใจความล้ำลึกทั้งมวลของเรา  เราได้บอกมนุษย์แล้วถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นบั้นปลายของสิ่งที่เขาให้ความเป็นห่วง  เราได้เปิดเผยให้มนุษย์รู้ความล้ำลึกทั้งมวลของเราแล้ว ความล้ำลึกที่ถูกซ่อนไว้เป็นเวลาเกินกว่า 5,900 ปี  พระยาห์เวห์คือใคร?  พระเมสสิยาห์คือใคร?  พระเยซูคือใคร?  พวกเจ้าควรรู้ทั้งหมดนี้  งานของเราเปลี่ยนไปตามนามเหล่านี้  พวกเจ้าเข้าใจเรื่องนั้นหรือยัง?  นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราควรจะได้รับการประกาศอย่างไร?  นามของเราควรจะได้รับการเผยแผ่ไปยังชาติใดชาติหนึ่งที่เรียกขานเราด้วยนามใดนามหนึ่งของเราอย่างไร?  งานของเรากำลังแผ่ขยายออกไป และเราจะเผยแผ่ความเต็มเปี่ยมแห่งงานนั้นไปยังบรรดาชาติทั้งหลายทั้งปวง  เนื่องจากงานของเราได้ถูกดำเนินการในตัวพวกเจ้า เราจะโจมตีพวกเจ้าดังเช่นที่พระยาห์เวห์ได้ทรงโจมตีบรรดาคนเลี้ยงแกะของวงศ์ดาวิดในอิสราเอล  ทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปท่ามกลางทุกชาติ  เนื่องจากในยุคสุดท้าย เราจะบดขยี้ชาติทั้งหมดให้แหลกละเอียดและทำให้ผู้คนในชาติเหล่านั้นกระเจิดกระเจิงไปอีกครั้ง  เมื่อเรากลับมาอีกครั้ง ชาติทั้งหลายจะได้ถูกแบ่งแยกไปตามอาณาเขตที่กำหนดขึ้นโดยไฟที่ลุกไหม้ของเราแล้ว  ณ เวลานั้น เราจะสำแดงตัวเราเองต่อมนุษยชาติอีกครั้งดังดวงอาทิตย์ที่แผดเผา แสดงตัวเราเองอย่างเปิดเผยต่อพวกเขาในฉายาขององค์บริสุทธิ์ซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน เดินอยู่ท่ามกลางบรรดาชาติที่หลากหลาย เหมือนดังที่ครั้งหนึ่งเรา พระยาห์เวห์ ได้เคยเดินท่ามกลางเผ่าคนยิว  จากนั้นไป เราจะนำทางมนุษยชาติในชีวิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลก  ที่นั่นเองพวกเขาจะได้เห็นสง่าราศีของเราอย่างแน่นอน และพวกเขายังจะได้เห็นเสาเมฆในอากาศที่จะนำทางพวกเขาในชีวิตอย่างแน่นอนอีกด้วย เนื่องจากเราจะปรากฏตัวของเราในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์  มนุษย์จะเห็นวันแห่งความชอบธรรมของเรา และการสำแดงอันมีสง่าราศีของเราอีกด้วย  นั่นจะเกิดขึ้นเมื่อเราปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมดและนำบุตรมากมายของเราไปสู่สง่าราศี  ทุกหนแห่งบนแผ่นดินโลก บรรดามนุษย์จะยอมกราบไหว้ และพลับพลาของเราจะถูกตั้งขึ้นอย่างมั่นคงท่ามกลางมนุษยชาติ บนศิลาของงานที่เราดำเนินการวันนี้  ผู้คนจะรับใช้เราด้วยเช่นกันในวิหาร  เราจะทุบแท่นบูชา ที่ปกคลุมไปด้วยสิ่งโสโครกและน่ารังเกียจนั้นจนแตกเป็นชิ้นๆ และสร้างขึ้นใหม่ ลูกแกะและลูกวัวแรกเกิดจะถูกนำไปกองรวมกันบนแท่นบูชาอันศักดิ์สิทธิ์  เราจะทลายวิหารของวันนี้และสร้างวิหารใหม่  วิหารที่ตั้งอยู่ขณะนี้ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่น่าชิงชัง จะทรุดฮวบลง และวิหารที่เราสร้างจะเต็มไปด้วยบรรดาผู้รับใช้ที่จงรักภักดีต่อเรา  พวกเขาจะยืนขึ้นอีกครั้งและรับใช้เราเพื่อประโยชน์แห่งสง่าราศีของวิหารของเรา  พวกเจ้าจะได้เห็นวันที่เราได้รับสง่าราศีอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน และเจ้ายังจะได้เห็นวันที่เราทลายวิหารนั้นและสร้างวิหารใหม่ขึ้นอย่างแน่นอนอีกด้วย  พวกเจ้ายังจะได้เห็นวันซึ่งพลับพลาของเราเข้ามาในโลกมนุษย์อย่างแน่นอนอีกด้วย  ขณะที่เราทุบวิหาร เราจึงจะนำพลับพลาของเรามาสู่โลกมนุษย์ได้ ขณะเดียวกับที่พวกเขาจะได้เห็นการลงมาของเรา  หลังจากที่เราบดขยี้ชาติทั้งหมดแล้ว เราจะรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันใหม่ ตั้งแต่นั้นมา เราจะสร้างวิหารของเราและตั้งแท่นบูชาของเรา เพื่อที่ทุกคนอาจถวายเครื่องบูชาแก่เรา รับใช้เราในวิหารของเรา และอุทิศตนอย่างสัตย์ซื่อต่องานของเราในชาติของผู้ไม่เชื่อทั้งหลาย  พวกเขาจะเป็นอย่างเช่นคนอิสราเอลในปัจจุบันนี้ แต่งกายด้วยเสื้อและมงกุฎอย่างปุโรหิต ด้วยสง่าราศีของเรา พระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ท่ามกลางพวกเขา และบารมีของเราที่วนเวียนอยู่เหนือพวกเขาและคงอยู่กับพวกเขา  งานของเราในหมู่ประชาชาติที่ไม่เชื่อจะดำเนินไปในทางเดียวกันอีกด้วย  งานของเราในอิสราเอลเคยเป็นเช่นไร งานของเราในประชาชาติทั้งหลายที่ไม่เชื่อก็จะเป็นเช่นนั้น เพราะเราจะแผ่ขยายงานของเราในอิสราเอลและเผยแพร่งานนั้นไปยังประชาชาติของผู้ไม่เชื่อ

บัดนี้เป็นเวลาที่วิญญาณของเราจะได้ปฏิบัติงานอันยิ่งใหญ่ และเป็นเวลาที่เราจะได้เริ่มต้นงานของเราท่ามกลางประชาชาติซึ่งเป็นผู้ไม่เชื่อทั้งหลาย  ที่มากไปกว่านั้น นี่เป็นเวลาที่เราจะได้จำแนกแยกแยะสรรพสิ่งสร้างทั้งปวง วางแต่ละสิ่งให้อยู่ในหมวดหมู่ที่สอดคล้องกัน เพื่อที่งานของเราจะได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  และดังนั้นแล้ว สิ่งที่เราขอจากพวกเจ้าก็ยังคงเป็นว่า ให้เจ้ามอบถวายการดำรงอยู่ทั้งหมดของเจ้าให้แก่งานทั้งปวงของเรา และยิ่งไปกว่านั้น ให้เจ้าหยั่งรู้และมั่นใจในงานทั้งหมดที่เราได้ทำในตัวเจ้าให้ชัดเจน และวางกำลังทั้งหมดของเจ้าในงานของเราเพื่อที่งานนั้นจะได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องเข้าใจ จงหยุดจากการต่อสู้กันท่ามกลางตัวพวกเจ้าเอง การมองหาหนทางกลับหลัง หรือการแสวงหาความชูใจฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งจะทำให้งานของเราล่าช้าออกไป และทำให้อนาคตที่วิเศษสุดของเจ้าล่าช้าออกไป  แทนที่จะปกป้องเจ้า การทำเช่นนั้นจะนำการทำลายล้างมาสู่เจ้า  นี่จะไม่ใช่ความโง่เขลาของเจ้าดอกหรือ?  สิ่งซึ่งเจ้าชื่นชมอย่างละโมบในวันนี้คือสิ่งที่กำลังทำลายอนาคตของเจ้า ในขณะที่ความเจ็บปวดที่เจ้าทนทุกข์ในวันนี้คือสิ่งที่กำลังปกป้องเจ้า  เจ้าจะต้องตระหนักรู้สิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการทดลองทั้งหลายซึ่งเจ้าจะออกแรงอย่างมากเพื่อสลัดตัวเจ้าเองให้หลุดพ้น และเพื่อเลี่ยงหนีการเดินหลงเข้าไปในหมอกหนาและการที่ไม่สามารถพบแสงอาทิตย์ได้  เมื่อหมอกหนาจางหายไป เจ้าจะพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางการพิพากษาของวันที่ใหญ่ยิ่ง  เมื่อถึงเวลานั้น วันของเราจะเข้ามาใกล้มวลมนุษย์ เจ้าจะหลีกหนีการพิพากษาของเราได้อย่างไร?  เจ้าจะสู้ทนความร้อนที่แผดเผาของแสงอาทิตย์ได้อย่างไร?  เมื่อเราให้ความไพบูลย์แก่มนุษย์ เขาไม่ได้ทะนุถนอมมันไว้ในอกของเขา แต่กลับขว้างมันทิ้งไปในที่ที่ไม่มีใครจะสังเกตเห็น  เมื่อวันของเราลงมายังมนุษย์ เขาจะไม่สามารถค้นพบความไพบูลย์ของเรา หรือพบวจนะแห่งความจริงที่ขมขื่นยิ่งกว่าที่เราได้กล่าวแก่เขานานมาแล้วได้อีกต่อไป  เขาจะร้องไห้และคร่ำครวญ เพราะว่าเขาได้สูญเสียความเจิดจ้าของความสว่างไปและได้ตกลงสู่ความมืด  สิ่งที่พวกเจ้าเห็นในวันนี้เป็นเพียงดาบคมกริบจากปากของเราเท่านั้น  เจ้ายังไม่ได้เห็นไม้เท้าในมือของเราหรือเปลวไฟซึ่งเราใช้เผามนุษย์ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเจ้าจึงยังคงหยิ่งผยองและไม่ยับยั้งชั่งใจต่อหน้าเรา  นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าจึงยังคงต่อสู้กับเราในบ้านของเรา โต้แย้งด้วยลิ้นมนุษย์ของเจ้าในสิ่งที่เราได้กล่าวด้วยปากของเรา  มนุษย์ไม่เกรงกลัวเรา และอย่างไรก็ตามเขาก็แสดงความเป็นปรปักษ์กับเราอย่างต่อเนื่องแม้กระทั่งวันนี้ เขายังคงไม่มีความเกรงกลัวใดๆ  พวกเจ้ามีลิ้นและฟันแห่งความอธรรมในปากของพวกเจ้า  คำพูดและความประพฤติทั้งหลายของพวกเจ้าก็เหมือนคำพูดและความประพฤติของงูที่ได้ล่อลวงเอวาไปสู่บาป  พวกเจ้าเรียกร้องการตอบแทนชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน จากกันและกัน และพวกเจ้าดิ้นรนต่อสู้ต่อหน้าเราเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ชื่อเสียง และผลกำไรสำหรับพวกเจ้าเอง ทว่าพวกเจ้ากลับไม่รู้ว่าเรากำลังเฝ้าดูคำพูดและความประพฤติทั้งหลายของพวกเจ้าอยู่อย่างลับๆ  เราได้ฟังก้นบึ้งหัวใจของพวกเจ้าแล้ว ก่อนที่พวกเจ้าจะได้มาอยู่ต่อหน้าเราเสียด้วยซ้ำ  มนุษย์ปรารถนาที่จะหลีกหนีให้พ้นมือของเราและหลบหลีกการสังเกตของสายตาของเราเสมอมา แต่เราไม่เคยเลี่ยงไปจากคำพูดหรือความประพฤติทั้งหลายของเขาเลย  แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เรากลับยอมให้คำพูดและความประพฤติเหล่านั้นเข้าสู่สายตาของเราอย่างมีจุดประสงค์ ซึ่งเราอาจตีสอนความไม่ชอบธรรมของมนุษย์และดำเนินการพิพากษากับการกบฏของเขา  ดังนั้น คำพูดและความประพฤติที่เป็นความลับทั้งหลายของมนุษย์จึงยังคงอยู่ต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของเราเสมอ และการพิพากษาของเราก็ไม่เคยจากมนุษย์ไป เพราะว่าการกบฏของเขานั้นมากเกินไป  งานของเราคือการเผาและชำระล้างคำพูดและพฤติกรรมทั้งหมดของมนุษย์ที่ถูกเอ่ยและกระทำลงไปต่อหน้าวิญญาณของเรา  ดังนี้[ก] เมื่อเราออกไปจากแผ่นดินโลก ผู้คนจะยังคงรักษาความจงรักภักดีของตนต่อเราไว้ และจะยังคงรับใช้เราเฉกเช่นที่บรรดาผู้รับใช้ที่บริสุทธิ์ของเราทำในงานของเรา ซึ่งเปิดโอกาสให้งานของเราบนแผ่นดินโลกดำเนินต่อไปจนถึงวันที่งานนั้นครบบริบูรณ์

เชิงอรรถ:

ก. ข้อความต้นฉบับไม่มีวลี “ดังนี้”

ก่อนหน้า: พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว

ถัดไป: พระราชกิจในยุคธรรมบัญญัติ

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger