300 ผู้คนซึ่งใช้ชีวิตในดินแดนโสมมเช่นนั้น
1 มนุษย์ซึ่งเกิดมาในดินแดนอันโสมมเช่นนั้น ได้ถูกสังคมทำให้มัวหมองอย่างรุนแรง เขาได้รับอิทธิพลจากจริยธรรมแบบศักดินา และเขาได้รับการสอน ณ “สถาบันอุดมศึกษา” การคิดล้าหลัง ศีลธรรมอันเสื่อมทราม มุมมองชีวิตแบบคับแคบ ปรัชญาเพื่อการดำรงชีวิตที่น่ารังเกียจ การดำรงอยู่อันไร้ค่าอย่างที่สุด และรูปแบบการใช้ชีวิตและขนบธรรมเนียมทั้งหลายอันต่ำทราม—สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้รุกล้ำเข้าไปในหัวใจของมนุษย์อย่างรุนแรง และได้บ่อนทำลายและโจมตีมโนธรรมของเขาอย่างรุนแรง ผลก็คือ มนุษย์ยิ่งอยู่ห่างไกลจากพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งต่อต้านพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ
2 อุปนิสัยของมนุษย์กลายมาเป็นชั่วช้ามากขึ้นในแต่ละวัน และไม่มีสักคนหนึ่งที่จะเต็มใจยอมสละสิ่งใดๆ เพื่อพระเจ้า ไม่มีสักคนหนึ่งที่จะเต็มใจเชื่อฟังพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีสักคนหนึ่งที่จะเต็มใจแสวงหาการทรงปรากฏของพระเจ้า แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ภายใต้แดนครอบครองของซาตาน มนุษย์ไม่ทำอะไรเลยเว้นแต่ไล่ตามเสาะหาความยินดี โดยยอมให้ตัวเขาเองจมอยู่กับความเสื่อมทรามของเนื้อหนังในดินแดนแห่งโคลน แม้คราที่พวกเขาได้ยินความจริง พวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมิดก็ไม่ได้ครุ่นคิดเรื่องการนำความจริงไปปฏิบัติ และพวกเขาก็ไม่มีแนวโน้มที่จะแสวงหาพระเจ้า ต่อให้พวกเขาได้เห็นการทรงปรากฏของพระองค์แล้วก็ตาม มนุษย์คนหนึ่งที่ต่ำทรามเช่นนั้นจะสามารถมีโอกาสแห่งความรอดได้อย่างไร? มนุษย์คนหนึ่งที่เสื่อมโทรมเช่นนั้นจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่างได้อย่างไร?
ดัดแปลงจาก พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การมีอุปนิสัยที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า