Verse 1

ในที่สุดแล้วพวกเราก็ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า

และได้รับการฟูมฟักเบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระองค์

พวกเรากินและดื่มและชื่นชมพระวจนะของพระเจ้า

พวกเราดำรงชีวิตอยู่ภายในความสว่างของพระองค์

เมื่อสามัคคีธรรมว่าด้วยความจริงและแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเรา

หัวใจของพวกเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นบาน

เมื่อได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระเจ้าและเข้าใจความจริง

จิตวิญญาณของพวกเราได้รับการปลดปล่อยและรู้สึกสว่างไสว

Chorus

เมื่อก้าวผ่านการพิพากษาของพระวจนะของพระเจ้า

ได้รับการชำระให้สะอาด พวกเราได้กลายเป็นพวกมนุษย์แบบใหม่

พวกเราแสวงหาความจริงเพื่อได้รับชีวิตใหม่

การรักพระเจ้าอย่างแท้จริงคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

Verse 2

เมื่อก้าวผ่านการพิพากษาเบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระคริสต์

พวกเราได้เห็นความจริงเกี่ยวกับความเสื่อมทรามของมวลมนุษย์

พระวจนะของพระเจ้าเป็นดาบสองคม

ทิ่มแทงดวงจิตและหัวใจของพวกเรา

เมื่อเข้าใจความจริงและรู้จักตัวพวกเราเอง

พวกเรามีเส้นทางสำหรับการเข้าสู่ชีวิต

เมื่อมองเข้าไปในธรรมชาติและแก่นแท้เยี่ยงซาตานของพวกเรา

พวกเราได้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะกลับใจและเริ่มการเริ่มต้นใหม่

Chorus

เมื่อก้าวผ่านการพิพากษาของพระวจนะของพระเจ้า

ได้รับการชำระให้สะอาด พวกเราได้กลายเป็นพวกมนุษย์แบบใหม่

พวกเราแสวงหาความจริงเพื่อได้รับชีวิตใหม่

การรักพระเจ้าอย่างแท้จริงคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

Verse 3

เมื่อรักพระเจ้าอย่างแท้จริงและปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา

พวกเราจะได้รับการทรงอวยพรโดยพระเจ้าอย่างแน่นอน

พวกเราละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อติดตามพระองค์

และเป็นพยานที่ดังกึกก้อง

พวกเรากำหนดความแน่วแน่ของพวกเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

พวกเราสาบานด้วยชีวิตของพวกเราว่าจะสัตย์ซื่อไปตราบจนถึงปลายทาง

การเย้ยหยัน การใส่ร้าย การกดขี่ หรือความทุกข์ยาก

จะไม่มีวันแทรกแซงความก้าวหน้าของพวกเรา

Chorus

เมื่อก้าวผ่านการพิพากษาของพระวจนะของพระเจ้า

ได้รับการชำระให้สะอาด พวกเราได้กลายเป็นพวกมนุษย์แบบใหม่

พวกเราแสวงหาความจริงเพื่อได้รับชีวิตใหม่

การรักพระเจ้าอย่างแท้จริงคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

การรักพระเจ้าอย่างแท้จริงคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

การรักพระเจ้าอย่างแท้จริงคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด