1. โดยผ่านทางการอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  และการรับฟังการสามัคคีธรรมและคำพยานของเหล่าพี่น้องชายหญิง ฉันได้กลายมาเป็นมั่นใจว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้นคือการทรงกลับมาขององค์พระเยซูเจ้า และตอนนี้ฉันก็ยอมรับพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  แต่สิ่งที่คาใจและไม่น่ายินดีบางอย่างได้เกิดขึ้นในครอบครัวของฉันเมื่อไม่นานมานี้  ทำไมสิ่งดังกล่าวจึงเกิดขึ้น และฉันควรได้รับประสบการณ์กับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร?

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง

“จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” (1 เปโตร 5:8)

“เราจะเอาหนึ่งในสามนี้ใส่ไฟ และถลุงเขาเหมือนถลุงเงิน และทดสอบเขาเหมือนทดสอบทองคำ เขาจะร้องทูลออกนามของเรา และเราจะตอบเขา เราจะกล่าวว่า ‘เขาทั้งหลายเป็นชนชาติของเรา’ และเขาจะกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า’” (เศคาริยาห์ 13:9)

“และพระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า ‘เจ้าได้พิจารณาดูโยบผู้รับใช้ของเราหรือไม่ว่า ในแผ่นดินโลกไม่มีใครเหมือนเขา เป็นคนดีพร้อมและเที่ยงธรรม เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและหันจากความชั่วร้าย?’ แล้วซาตานทูลตอบพระยาห์เวห์ว่า ‘โยบยำเกรงพระเจ้าเปล่าๆ หรือ? พระองค์ไม่ได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา ครอบครัวของเขา และทุกสิ่งที่เขามีอยู่เสียทุกด้านหรือ? พระองค์ได้ทรงอวยพรงานที่มือเขาทำ และฝูงปศุสัตว์ของเขาได้ทวีขึ้นในแผ่นดิน แต่ขอยื่นพระหัตถ์แตะต้องสิ่งของทั้งสิ้นที่เขามีอยู่ แล้วเขาจะแช่งพระองค์ต่อพระพักตร์พระองค์’ และพระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า ‘ดูเถิด ทุกสิ่งที่เขามีก็อยู่ในมือของเจ้า เพียงแต่อย่ายื่นมือแตะต้องตัวเขา’ ซาตานจึงออกไปจากเบื้องพระพักตร์พระยาห์เวห์” (โยบ 1:8-12)

“แล้วโยบก็ลุกขึ้น ฉีกเสื้อคลุมของตน โกนศีรษะ กราบลงถึงดินนมัสการ ท่านว่า ‘ข้ามาจากครรภ์มารดาตัวเปล่า และข้าจะกลับไปตัวเปล่า พระยาห์เวห์ประทาน และพระยาห์เวห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระยาห์เวห์’” (โยบ 1:20-21)

“แล้วภรรยาท่านกล่าวกับท่านว่า ‘เธอยังจะยึดมั่นในความซื่อสัตย์อยู่อีกหรือ? จงแช่งพระเจ้าและตายเสียเถอะ’ แต่ท่านตอบนางว่า ‘เธอพูดอย่างหญิงโง่เขลาจะพึงพูด เราจะรับสิ่งดีจากพระเจ้า และจะไม่รับสิ่งไม่ดีบ้างหรือ?’ ในเหตุการณ์นี้ทั้งสิ้น โยบไม่ได้ทำบาปด้วยริมฝีปากของตน” (โยบ 2:9-10)

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าทรงพระราชกิจของพระองค์ พระเจ้าทรงดูแลบุคคลหนึ่ง ทรงเฝ้ามองบุคคลผู้นี้ และตลอดเวลานั้นซาตานก็ตามติดพระองค์ทุกย่างก้าว  ผู้ใดก็ตามที่พระเจ้าทรงโปรด ซาตานก็เฝ้าดูด้วย โดยสะกดรอยตามมาข้างหลัง  หากพระเจ้าทรงต้องประสงค์บุคคลนี้ ซาตานก็จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของมันเพื่อขัดขวางพระเจ้า ใช้ลูกเล่นชั่วร้ายต่างๆ นานาเพื่อทดลองพระราชกิจของพระเจ้า ทำให้พระราชกิจที่พระเจ้าทรงทำหยุดชะงักและอับปางลง ทั้งหมดก็เพื่อที่จะสัมฤทธิ์วัตถุประสงค์ที่ซ่อนเร้นของมัน  วัตถุประสงค์นี้คืออะไรหรือ?  มันไม่ต้องการให้พระเจ้าได้รับผู้ใดสักคน  มันต้องการทุกคนที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์นั้นเพื่อตัวมันเอง มันต้องการที่จะยึดครองพวกเขา ควบคุมพวกเขา กำกับดูแลพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเคารพบูชามัน เพื่อให้พวกเขาเข้าร่วมกับมันในการกระทำความชั่ว  นี่ไม่ใช่แรงจูงใจที่ชั่วร้ายเลวทรามของซาตานหรอกหรือ?  พวกเจ้ามักจะกล่าวบ่อยครั้งว่าซาตานนั้นชั่วยิ่งนัก แย่ยิ่งนัก แต่พวกเจ้าเคยมองเห็นมันแล้วหรือ?  พวกเจ้าสามารถมองเห็นได้แค่ว่ามนุษย์แย่อย่างไร  พวกเจ้ายังไม่ได้เห็นในความเป็นจริงว่าที่จริงแล้วซาตานแย่อย่างไร  แต่พวกเจ้าได้มองเห็นความชั่วของซาตานในประเด็นปัญหานี้ที่เกี่ยวกับโยบแล้วหรือยัง?  (เห็นแล้ว)  ประเด็นปัญหานี้ได้ทำให้โฉมหน้าและแก่นแท้ที่น่าเกลียดน่ากลัวของซาตานแจ่มชัดมาก  ในการทำสงครามกับพระเจ้า และในการสะกดรอยตามมาข้างหลังพระองค์นั้น วัตถุประสงค์ของซาตานคือเพื่อรื้อทำลายพระราชกิจทั้งหมดที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะทำ เพื่อยึดครองและควบคุมบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะได้รับ เพื่อทำให้บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะได้รับนั้นดับสิ้นไปโดยสิ้นเชิง  หากพวกเขาไม่ถูกทำให้ดับสิ้นไป เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะมาเป็นสิ่งครอบครองของซาตาน เพื่อให้มันใช้งาน—นี่คือวัตถุประสงค์ของมัน  

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 4

ในทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำภายในผู้คนนั้น ภายนอกแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นการปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายระหว่างผู้คน ราวกับว่ากำเนิดมาจากการจัดการเตรียมการของมนุษย์หรือจากการแทรกแซงของมนุษย์  แต่หลังฉากนั้น ทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือเดิมพันที่ซาตานได้วางไว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพึงต้องให้ผู้คนตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาต่อพระเจ้า  เพื่อเป็นตัวอย่าง จงดูเมื่อโยบถูกทดสอบ กล่าวคือ หลังฉากนั้น ซาตานกำลังวางเดิมพันกับพระเจ้า และสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับโยบนั้นคือความประพฤติของพวกมนุษย์และการแทรกแซงของพวกมนุษย์  เบื้องหลังทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในตัวพวกเจ้าคือเดิมพันของซาตานกับพระเจ้า—เบื้องหลังมันทั้งหมดคือการสู้รบ…เมื่อพระเจ้าและซาตานทำการสู้รบในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ เจ้าควรทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยอย่างไร และเจ้าควรตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าต่อพระองค์อย่างไร?  เจ้าควรรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้าเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่และเป็นเวลาที่พระเจ้าจำเป็นต้องทรงให้เจ้าเป็นคำพยาน  แม้สิ่งเหล่านั้นอาจดูเหมือนว่าไม่สำคัญจากภายนอก แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพวกมันแสดงให้เห็นว่าเจ้ารักพระเจ้าหรือไม่  หากเจ้ารัก เจ้าจะสามารถตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าต่อพระองค์ได้ และหากเจ้าไม่ได้นำการรักพระองค์ไปปฏิบัติ นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่ใช่ใครบางคนที่นำความจริงไปปฏิบัติ แสดงให้เห็นว่าเจ้าปราศจากความจริง และปราศจากชีวิต แสดงให้เห็นว่าเจ้าคือแกลบ!  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้คนเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าจำเป็นต้องทรงให้พวกเขาตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาต่อพระองค์  แม้ไม่มีอะไรที่สำคัญกำลังเกิดขึ้นกับเจ้า ณ ชั่วขณะนี้และเจ้าไม่ได้เป็นคำพยานที่ยิ่งใหญ่ แต่ทุกรายละเอียดในชีวิตประจำวันของเจ้าก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคำพยานต่อพระเจ้า  หากเจ้าสามารถได้รับความเลื่อมใสจากบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้า บรรดาสมาชิกครอบครัวของเจ้า และทุกๆ คนรอบตัวเจ้า หากวันหนึ่ง บรรดาผู้ที่ไม่เชื่อมาหา และเลื่อมใสทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ และเห็นว่าทั้งหมดที่พระเจ้าทรงกระทำนั้นน่ามหัศจรรย์ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะได้เป็นคำพยานแล้ว  แม้ว่าเจ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและขีดความสามารถของเจ้านั้นต่ำ แต่เจ้าจะสามารถทำให้พระองค์พึงพอพระทัยและใส่ใจน้ำพระทัยของพระองค์ได้โดยผ่านทางการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า  โดยแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าพระราชกิจยิ่งใหญ่ใดที่พระองค์ได้ทรงทำไปในผู้คนที่มีขีดความสามารถต่ำที่สุด  เมื่อผู้คนได้มารู้จักพระเจ้าและได้กลายเป็นผู้ชนะทั้งหลายต่อหน้าซาตาน จงรักภักดีต่อพระเจ้าเป็นอย่างมาก  เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดมีความกล้ามากไปกว่าผู้คนกลุ่มนี้  และนี่เป็นคำพยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  แม้ว่าเจ้าจะไร้ความสามารถในการทำงานที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้าก็สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้  คนอื่นๆ ไม่สามารถละวางมโนคติอันหลงผิดทั้งหลายของพวกเขาลงได้ แต่เจ้าสามารถทำได้ คนอื่นๆ ไม่สามารถเป็นคำพยานต่อพระเจ้าในช่วงระหว่างประสบการณ์จริงของพวกเขาได้ แต่เจ้าสามารถใช้วุฒิภาวะแท้จริงและการกระทำทั้งหลายของเจ้าเพื่อตอบแทนความรักของพระเจ้าและเป็นคำพยานที่กังวานก้องต่อพระองค์ได้  นี่เท่านั้นที่ถือเป็นการรักพระเจ้าอย่างแท้จริง  หากเจ้าไม่มีความสามารถในเรื่องนี้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ไม่ได้เป็นคำพยานท่ามกลางบรรดาสมาชิกในครอบครัวของเจ้า ท่ามกลางบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้า หรือต่อหน้าผู้คนของโลก  หากเจ้าไม่สามารถเป็นคำพยานต่อหน้าซาตานได้ ซาตานจะหัวเราะเยาะเจ้า มันจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างตัวตลกตัวหนึ่ง อย่างของเล่นชิ้นหนึ่ง มันจะหลอกเจ้าและทำให้เจ้าเสียสติบ่อยๆ  ในอนาคต การทดสอบที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายอาจเกิดขึ้นกับเจ้า—แต่ในวันนี้ หากเจ้ารักพระเจ้าด้วยหัวใจแท้จริง และหากเจ้าสามารถตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าและสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ไม่ว่าการทดสอบทั้งหลายข้างหน้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้า เช่นนั้นแล้ว หัวใจของเจ้าจึงจะได้รับการชูใจ และเจ้าจะไม่เกรงกลัวไม่สำคัญว่าการทดสอบทั้งหลายที่เจ้าเผชิญในอนาคตจะยิ่งใหญ่เพียงใด  พวกเจ้าไม่สามารถเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พวกเจ้าสามารถเพียงทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ในรูปการณ์แวดล้อมของวันนี้เท่านั้น  พวกเจ้าไม่สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ใดๆ และควรมุ่งความสนใจกับการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยโดยการได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระองค์ในชีวิตจริง และเป็นคำพยานอันหนักแน่นและกังวานก้องซึ่งนำความอับอายมาสู่ซาตานแล้ว  แม้ว่าเนื้อหนังของเจ้าจะยังคงไม่พึงพอใจและจะได้ทนทุกข์อยู่ เจ้าจะได้ทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยและได้นำความอับอายมาสู่ซาตาน  หากเจ้าปฏิบัติในหนทางนี้ตลอดเวลา พระเจ้าจะทรงเปิดเส้นทางเบื้องหน้าเจ้า  เมื่อวันหนึ่ง การทดสอบที่ยิ่งใหญ่มาถึง คนอื่นๆ จะล้มลง แต่เจ้าจะยังคงสามารถตั้งมั่นอยู่ได้ กล่าวคือ เพราะราคาที่เจ้าได้จ่ายไปแล้ว พระเจ้าจะทรงปกป้องเจ้าเพื่อให้เจ้าสามารถตั้งมั่นได้และไม่ล้มลง  หากตามปกติแล้ว เจ้าสามารถนำความจริงไปปฏิบัติและทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ด้วยหัวใจที่รักพระองค์อย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าจะทรงปกป้องเจ้าในช่วงระหว่างการทดสอบทั้งหลายในอนาคตอย่างแน่นอน  แม้เจ้าจะโง่เขลาและมีวุฒิภาวะน้อยนิดและมีขีดความสามารถต่ำ พระเจ้าจะไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชังกับเจ้า  มันขึ้นอยู่กับว่าเจตนาทั้งหลายของเจ้านั้นถูกต้องหรือไม่  วันนี้ เจ้าสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ ซึ่งเจ้าใส่ใจต่อรายละเอียดที่เล็กที่สุด เจ้าทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ในทุกสรรพสิ่ง เจ้ามีหัวใจที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริง เจ้ามอบหัวใจที่แท้จริงของเจ้าแด่พระเจ้า และแม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าไม่สามารถเข้าใจได้ เจ้าก็สามารถมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อแก้ไขเจตนาทั้งหลายของเจ้าให้ถูกต้องและแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า และเจ้าทำทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย  บางทีบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้าอาจจะทิ้งเจ้าไป แต่หัวใจของเจ้าจะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และเจ้าจะไม่ละโมบความยินดีของเนื้อหนัง  หากเจ้าปฏิบัติในหนทางนี้ตลอดเวลา เจ้าจะได้รับการปกป้องเมื่อการทดสอบที่ยิ่งใหญ่มาถึงเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง

หากหลายสิ่งเกิดขึ้นแก่เจ้าโดยไม่คาดฝันซึ่งไม่อยู่ในแนวเดียวกับมโนคติที่หลงผิดของเจ้า แต่ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังมีความสามารถที่จะวางพวกมันลงและได้รับความรู้เกี่ยวกับการกระทำของพระเจ้าจากสิ่งเหล่านี้ และหากเจ้าเปิดเผยหัวใจแห่งความรักสำหรับพระเจ้าของเจ้าท่ามกลางกระบวนการถลุง เช่นนั้นแล้วนี่ก็คือการยืนหยัดเป็นพยาน  หากบ้านของเจ้าเปี่ยมสันติสุข เจ้าชื่นชมสิ่งชูใจทั้งหลายของเนื้อหนัง ไม่มีผู้ใดกำลังข่มเหงเจ้า และพี่น้องชายหญิงของเจ้าในคริสตจักรเชื่อฟังเจ้า เจ้าจะสามารถแสดงหัวใจแห่งความรักพระเจ้าของเจ้าได้หรือไม่?  สถานการณ์นี้สามารถถลุงเจ้าได้ไหม?  โดยผ่านทางกระบวนการถลุงเท่านั้นนั่นเองความรักพระเจ้าของเจ้าจึงสามารถถูกแสดงให้เห็นได้ และโดยผ่านทางสิ่งทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นซึ่งไม่อยู่ในแนวเดียวกับมโนคติที่หลงผิดของเจ้าเท่านั้นนั่นเอง เจ้าจึงสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้  ด้วยการปรนนิบัติในสิ่งที่ตรงกันข้ามและเป็นลบมากมาย และโดยการนำการสำแดงทุกจำพวกของซาตานมาใช้—การกระทำของมัน การกล่าวหาของมัน การรบกวนและการหลอกลวงของมัน—พระเจ้าทรงแสดงให้เจ้าเห็นใบหน้าอันน่าขยะแขยงของซาตานอย่างชัดเจน และด้วยประการนั้น ทำให้ความสามารถของเจ้าในการแยกแยะซาตานนั้นมีความเพียบพร้อม เพื่อที่เจ้าอาจเกลียดชังซาตานและละทิ้งมัน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมต้องก้าวผ่านกระบวนการถลุง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงทำมีความจำเป็นและมีความสำคัญเหนือธรรมดา เพราะทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำในตัวมนุษย์นั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการของพระองค์และความรอดของมวลมนุษย์  โดยธรรมชาติแล้ว พระราชกิจที่พระเจ้าทำในตัวโยบก็ไม่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าโยบจะเป็นคนดีพร้อมและเที่ยงตรงในสายพระเนตรของพระเจ้า  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่ว่าพระเจ้าทรงทำสิ่งใดหรือพระองค์ทรงทำสิ่งนั้นด้วยวิธีการใด ไม่ว่าในราคาใด ไม่ว่าวัตถุประสงค์ของพระองค์คืออะไร จุดประสงค์แห่งการกระทำของพระองค์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง  จุดประสงค์ของพระองค์คือการแทรกพระวจนะของพระเจ้าเข้าไปในตัวมนุษย์ รวมทั้งข้อพึงประสงค์และน้ำพระทัยที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เพื่อทำให้ทั้งหมดที่พระเจ้าทรงเชื่อว่าสอดคล้องในเชิงบวกกับขั้นตอนต่างๆ ของพระองค์แทรกซึมเข้าไปในตัวมนุษย์ ทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจพระทัยของพระเจ้าและจับใจความเกี่ยวกับแก่นแท้ของพระเจ้าได้ ทั้งยังเปิดโอกาสให้มนุษย์เชื่อฟังอธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้มนุษย์บรรลุความยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่ว—ทั้งหมดนี้คือแง่มุมหนึ่งของจุดประสงค์ของพระเจ้าในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ  อีกแง่มุมหนึ่งก็คือว่า เนื่องจากซาตานคือวัตถุปรนนิบัติที่เป็นตัวประกอบเสริมความเด่นในพระราชกิจของพระเจ้า มนุษย์จึงมักจะถูกส่งมอบให้แก่ซาตาน นี่คือวิถีทางที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้มองเห็นความชั่วร้าย ความน่าเกลียด และความน่าเหยียดหยามของซาตานในการทดลองและการโจมตีของซาตาน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ผู้คนเกลียดชังซาตานและสามารถรู้จักและระลึกรู้สิ่งที่เป็นลบ  กระบวนการนี้เปิดโอกาสให้พวกเขาค่อยๆ ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากการควบคุมและการกล่าวหา การแทรกแซง และการโจมตีของซาตาน—จนกระทั่งพวกเขามีชัยชนะเหนือการโจมตีและการกล่าวหาของซาตาน ด้วยพระวจนะของพระเจ้า ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและความเชื่อฟังพระเจ้าของพวกเขา และความเชื่อในพระเจ้าและความยำเกรงพระองค์ของพวกเขา เมื่อนั้นเท่านั้นพวกเขาจึงจะได้รับการช่วยให้พ้นจากแดนครอบครองของซาตานโดยบริบูรณ์  การช่วยผู้คนให้รอดพ้นหมายความว่าซาตานได้พ่ายแพ้แล้ว หมายความว่าพวกเขาไม่ใช่อาหารในปากของซาตานอีกต่อไป—แทนที่จะกลืนพวกเขา ซาตานก็ได้ปล่อยพวกเขาไป  นี่เป็นเพราะผู้คนเช่นนั้นเป็นคนเที่ยงธรรม เพราะพวกเขามีความเชื่อ มีความเชื่อฟัง และมีความยำเกรงพระเจ้า และเพราะพวกเขาแตกหักกับซาตานโดยสิ้นเชิง  พวกเขานำความอับอายมาให้ซาตาน พวกเขาทำให้ซาตานขลาดกลัว และพวกเขาทำให้ซาตานปราชัยอย่างเด็ดขาด  ความเชื่อมั่นในการติดตามพระเจ้า และความเชื่อฟังและความยำเกรงพระเจ้าของพวกเขาทำให้ซาตานปราชัย และทำให้ซาตานยอมปล่อยมือจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง  มีเพียงผู้คนเช่นนี้เท่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงรับไว้อย่างแท้จริง และนี่เองคือวัตถุประสงค์สูงสุดของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้รอด  หากพวกเขาปรารถนาที่จะได้รับการช่วยให้รอด และปรารถนาที่จะให้พระเจ้าทรงรับไว้โดยบริบูรณ์ เช่นนั้นแล้ว ผู้ที่ติดตามพระเจ้าทั้งหมดต้องเผชิญหน้ากับการทดลองและการโจมตีทั้งใหญ่และเล็กจากซาตาน  บรรดาผู้ที่รอดพ้นจากการทดลองและการโจมตีเหล่านี้และสามารถทำให้ซาตานปราชัยได้อย่างหมดรูปคือบรรดาผู้ที่พระเจ้าได้ทรงช่วยให้รอด  นี่หมายความว่าบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงช่วยให้รอดคือผู้ที่ก้าวผ่านบททดสอบของพระเจ้า และเป็นผู้ที่ถูกซาตานทดลองและโจมตีมานับครั้งไม่ถ้วน  บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงช่วยให้รอดนั้นเข้าใจน้ำพระทัยและข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า และสามารถยอมรับอธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า และพวกเขาไม่ละทิ้งหนทางแห่งการยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่วเมื่ออยู่ท่ามกลางการทดลองของซาตาน  บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงช่วยให้รอดนั้นครองความซื่อสัตย์ พวกเขาใจดี พวกเขาจำแนกความแตกต่างระหว่างความรักและความเกลียด พวกเขามีสำนึกของความยุติธรรมและมีเหตุผล และพวกเขาสามารถที่จะเอาใจใส่พระเจ้าและทะนุถนอมความล้ำค่าของทั้งหมดที่เป็นของพระเจ้า  ผู้คนเช่นนั้นไม่ถูกซาตานพันธนาการ สอดแนม กล่าวหา หรือทารุณ พวกเขาเป็นอิสระโดยบริบูรณ์ พวกเขามีเสรีภาพและได้รับการปลดปล่อยโดยสมบูรณ์  โยบก็เป็นมนุษย์ที่มีอิสรภาพเช่นนั้น และแน่นอนว่านี่คือความสำคัญของการที่พระเจ้าทรงส่งมอบเขาให้แก่ซาตาน

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2

ในช่วงระหว่างพระราชกิจแห่งการจัดเตรียมและการสนับสนุนอันยืนยงที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์ พระองค์ตรัสบอกมนุษย์เกี่ยวกับน้ำพระทัยและข้อพึงประสงค์ทั้งปวงของพระองค์ และทรงแสดงกิจการต่างๆ และพระอุปนิสัยของพระองค์ และสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นให้มนุษย์เห็น  วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อให้มนุษย์มีวุฒิภาวะ และเพื่อเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้รับความจริงต่างๆ จากพระเจ้าในขณะที่ติดตามพระองค์—ความจริงซึ่งเป็นอาวุธที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์ใช้ต่อสู้กับซาตาน  เมื่อมีพร้อมดังนั้นแล้ว มนุษย์ต้องเผชิญกับบททดสอบของพระเจ้า  พระเจ้าทรงมีวิธีการและลู่ทางมากมายที่จะทดสอบมนุษย์ แต่พวกเขาทุกคนพึงต้องได้รับ “ความร่วมมือ” จากศัตรูของพระเจ้า ซึ่งก็คือ ซาตาน  นี่หมายความว่าเมื่อมนุษย์ได้รับมอบอาวุธที่จะใช้สู้รบกับซาตานแล้ว พระเจ้าก็ทรงส่งมอบมนุษย์ให้แก่ซาตานและทรงอนุญาตให้ซาตาน “ทดสอบ” วุฒิภาวะของมนุษย์  หากมนุษย์สามารถฝ่ากระบวนรบของซาตานออกมาได้ หากเขาสามารถหนีรอดจากวงล้อมของซาตานและยังคงมีชีวิตอยู่ได้ เช่นนั้นแล้ว มนุษย์ย่อมจะผ่านการทดสอบ  แต่หากมนุษย์ล้มเหลวในการฝ่าออกจากกระบวนรบของซาตาน และกลับนบนอบซาตาน เช่นนั้นแล้ว เขาย่อมจะไม่ผ่านการทดสอบ  ไม่ว่าพระเจ้าทรงตรวจดูแง่มุมใดของมนุษย์ก็ตาม เกณฑ์การตรวจสอบของพระองค์มีอยู่ว่ามนุษย์ตั้งมั่นอยู่ในคำพยานของเขาเมื่อถูกซาตานโจมตีหรือไม่ และเขาละทิ้งพระเจ้า และยอมจำนนและนบนอบซาตานยามที่ติดอยู่ในบ่วงของซาตานหรือไม่  อาจกล่าวได้ว่ามนุษย์จะสามารถได้รับการช่วยให้รอดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถเอาชนะและทำให้ซาตานปราชัยได้หรือไม่ และการที่เขาจะสามารถได้รับอิสรภาพหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถหยิบอาวุธที่พระเจ้าประทานแก่เขาขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง เพื่อเอาชนะพันธนาการของซาตาน ทำให้ซาตานละทิ้งความหวังอย่างสิ้นเชิงและปล่อยเขาไปได้หรือไม่  หากซาตานละทิ้งความหวังและปล่อยใครบางคนไป นี่ย่อมหมายความว่าซาตานจะไม่มีวันพยายามเอาตัวบุคคลผู้นี้ไปจากพระเจ้าอีก จะไม่มีวันกล่าวหาและแทรกแซงบุคคลผู้นี้อีก จะไม่มีวันทรมานหรือโจมตีพวกเขาตามใจชอบอีก มีเพียงคนเช่นนี้เท่านั้นที่พระเจ้าจะทรงรับไว้อย่างแท้จริง  นี่คือกระบวนการทั้งหมดทั้งมวลที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อรับผู้คนมา

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2

ก่อนหน้า: 9. พวกคุณให้คำพยานว่า “ฟ้าแลบจากทิศตะวันออก” เป็นการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แต่ฉันได้อ่านหลายบทความบนเว็บไซต์ที่เป็นที่รู้จักกันดี อาทิ ไป่ตู้ และวิกิพีเดียที่กล่าวโทษ โจมตี และสบประมาทคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  ฉันรู้ว่าข้อมูลบนเว็บไซต์ไป่ตู้นั้นถูกสอดส่องและควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และว่ามันไม่จำเป็นว่าจะไว้ใจได้  แต่พวกเว็บไซต์ต่างประเทศ อาทิ วิกิพีเดีย ก็ได้ว่าตามพรรคคอมมิวนิสต์จีนและโลกศาสนาในการกล่าวโทษพวกคุณ  ฉันไม่สามารถหาทองออกในเรื่องนี้ได้เลย—ถ้อยแถลงที่ทำขึ้นบนเว็บไซต์เหล่านี้แท้จริงหรือเป็นเท็จ?

ถัดไป: 2. เมื่อไม่นานมานี้ หลังการอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไปบ้างและรับฟังการสามัคคีธรรมและคำพยานของพี่น้องชายหญิงของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันรู้สึกว่าได้รับความเจริญในจิตวิญญาณของฉันและได้รับการจัดเตรียมให้อย่างมากมาย  ตอนนี้ ฉันเข้าใจขึ้นมากมายกว่าที่ฉันเคยเข้าใจในช่วงระหว่างหลายปีที่ฉันใช้ไปในการนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ต้องเป็นการทรงกลับมาขององค์พระเยซูเจ้า  แต่เนื่องจากศิษยาภิบาลของฉันได้พบว่า ฉันได้มองเข้าไปในพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตลอดมา เขาจึงได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ตลอดมาเพื่อที่จะหยุดฉัน  เขาก่อกวนฉันทุกวันเกี่ยวกับเรื่องนี้  เขาได้ขอให้ครอบครัวของฉันคอยจับตามองฉัน และไม่ปล่อยให้ฉันได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ หรือรับฟังการเทศนาของคริสตจักร  ฉันรู้สึกเจ็บปวดอยู่ข้างในจริงๆ  ฉันควรได้รับประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้อย่างไร?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger