2. นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้มามีอำนาจ มันได้ทำการข่มเหงของมันที่มีต่อความเชื่อทางศาสนาอย่างไม่เคยหยุดหย่อนตลอดมา การปราบปรามของมันที่มีต่อคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์โดยเฉพาะนั้น ได้กลายมาเป็นรุนแรงมากขึ้นทุกที พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้เพียงใช้โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และสื่ออื่นๆ เพื่อใส่ร้ายป้ายสี ใส่ความและทำลายความน่าเชื่อถือของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เท่านั้น แต่ยังได้กระทำการจับกุมสมาชิกของคริสตจักรเป็นวงกว้าง อันส่งผลลัพธ์ให้ชาวคริสเตียนมากมายถูกขังคุกและทรมานอย่างโหดร้าย และถึงขั้นถูกทรมานจนตาย ทำไมการข่มเหงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีต่อคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์จึงรุนแรงเหลือเกินเล่า?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง
“แต่โลกทั้งหมดอยู่ในมือของมารร้าย” (1 ยอห์น 5:19)
“คนในยุคนี้เป็นคนชั่วร้าย” (ลูกา 11:29)
“พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก” (วิวรณ์ 12:9)
“หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างเข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่าความสว่าง เพราะกิจการของพวกเขาเลวทราม เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาหาความสว่าง เนื่องจากกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ” (ยอห์น 3:19-20)
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
จากปลายยอดสู่ก้นบึ้ง และจุดเริ่มต้นถึงปลายทาง ซาตานได้ทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงักและกระทำการต่อต้านพระองค์มาโดยตลอด การพูดคุยทั้งหมดนี้เกี่ยวกับ “มรดกทางวัฒนธรรมโบราณ” “ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมโบราณ” อันมีคุณค่า “คำสอนของลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื๊อ” และ “คัมภีร์แบบขงจื๊อและพิธีกรรมแบบศักดินา” ได้นำมนุษย์ไปสู่นรก วิทยาศาสตร์และวิทยาการสมัยใหม่ขั้นสูง ตลอดจนอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และธุรกิจทั้งหลายที่พัฒนาไปอย่างสูงล้ำนั้นไม่อาจพบเห็นได้ที่ใด ในทางกลับกัน ทั้งหมดที่มันทำคือการตอกย้ำพิธีกรรมแบบศักดินาที่เผยแพร่โดย “บรรดาลิง” จากสมัยโบราณเพื่อที่จะจงใจต่อต้าน รื้อทำลายและทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงัก มันไม่ได้เพียงทำให้มนุษย์ทุกข์ร้อนต่อเนื่องมาจนกระทั่งวันนี้เท่านั้น แต่มันถึงขั้นต้องการที่จะกลืนกิน[1]มนุษย์เข้าไปทั้งตัว การส่งผ่านคำสอนด้านจริยธรรมและด้านศีลธรรมจากระบบศักดินา และการส่งต่อความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมโบราณได้แพร่เชื้อเข้าสู่มนุษยชาติมานานแล้ว อันเป็นการเปลี่ยนพวกเขาไปเป็นพวกมารทั้งใหญ่และเล็ก มีน้อยคนที่เป็นบรรดาผู้ที่จะรับพระเจ้าไว้อย่างยินดี น้อยคนที่จะต้อนรับการเสด็จมาของพระองค์อย่างปรีดา โฉมหน้าของมนุษยชาติทั้งปวงเต็มไปด้วยเจตนามุ่งสังหาร และในทุกสถานที่ ลมหายใจแห่งการเข่นฆ่าแผ่ซ่านไปในอากาศ พวกเขาพยายามขับไล่พระเจ้าออกไปจากแผ่นดินนี้ ด้วยมีดและดาบในมือ พวกเขาจัดการเตรียมตัวพวกเขาเองในการก่อรูปการสู้รบเพื่อ “ล้างผลาญ” พระเจ้า ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ของมาร ที่ซึ่งมนุษย์ถูกสอนอยู่ตลอดเวลาว่าไม่มีพระเจ้า รูปเคารพทั้งหลายแพร่หลายไปทั่ว และอากาศข้างบนก็แผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นชวนคลื่นเหียนจากกระดาษและธูปซึ่งกำลังเผาไหม้ตลบอบอวลเสียจนหายใจไม่ออก มันเหมือนกลิ่นเหม็นตุของโคลนตะกอนที่โชยวูบขึ้นมาพร้อมกับการบิดตัวเร่าของงูพิษ มากเสียจนคนเราไม่สามารถกลั้นการอาเจียนได้ นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังสามารถแว่วได้ยินเสียงของพวกปีศาจชั่วที่กำลังสวดคัมภีร์ เป็นเสียงซึ่งดูเหมือนว่ามาจากที่ห่างไกลในนรก มากเสียจนคนเราไม่สามารถสะกดกลั้นการสั่นเทาเอาไว้ได้ ทุกที่ในแผ่นดินนี้เป็นที่ตั้งรูปเคารพทุกสีของสายรุ้ง อันเป็นการเปลี่ยนแผ่นดินไปเป็นโลกแห่งความปีติยินดีทางโลกีย์ ในขณะที่กษัตริย์ของพวกมารเอาแต่หัวเราะอย่างสารเลว ราวกับว่าอุบายอันขี้ขลาดของมันได้ประสบความสำเร็จแล้ว ในขณะเดียวกัน มนุษย์ยังคงไม่รับรู้อย่างสิ้นเชิง และเขาก็ไม่ได้ระแคะระคายเลยว่ามารได้ทำให้เขาเสื่อมทรามไปแล้วจนถึงจุดที่เขาได้กลายเป็นไร้สำนึกและพ่ายแพ้จนคอตกหมดรูป มันปรารถนาที่จะกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า และทำให้พระองค์มีมลทินและลอบสังหารพระองค์ไปพร้อมกันอีกครั้ง กล่าวคือ มันตั้งใจที่จะฉีกทำลายและทำให้พระราชกิจของพระองค์หยุดชะงัก มันจะสามารถยอมให้พระเจ้ามีสถานะเสมอกันได้อย่างไร? มันจะสามารถทนยอมรับการที่พระเจ้า “ทรงแทรกแซง” งานของมันท่ามกลางพวกมนุษย์บนแผ่นดินโลกได้อย่างไร? มันจะสามารถยอมให้พระเจ้าทรงถอดหน้ากากออกจากใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวของมันได้อย่างไร? มันจะสามารถยอมให้พระเจ้าทรงวางงานของมันไว้ในความสับสนไม่เป็นระเบียบได้อย่างไร? มารตนนี้ซึ่งฉุนเฉียวด้วยความเดือดดาลจะสามารถยอมให้พระเจ้าทรงมีการควบคุมอยู่เหนือศาลแห่งจักรวรรดิของมันบนแผ่นดินโลกได้อย่างไร? มันจะสามารถเต็มใจกราบไหว้มหิทธิฤทธิ์อันเหนือกว่าของพระองค์ได้อย่างไร? โฉมหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวของมันได้ถูกเปิดเผยให้เห็นสิ่งที่มันเป็น จนคนเราไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และมันยากเย็นจริงๆ ที่จะพูดถึง นี่ไม่ใช่ธาตุแท้ของมันหรอกหรือ? เจ้าพวกสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรม[2]แก๊งนี้! มันยังคงเชื่ออยู่ด้วยดวงจิตอันอัปลักษณ์ว่า ตัวมันนั้นสวยงามเหลือเชื่อ พวกมันลงมาสู่อาณาจักรมนุษย์เพื่อปล่อยใจดื่มด่ำไปกับความยินดีทั้งหลาย และทำให้เกิดสภาวะอันสับสนอื้ออึง โดยก่อกวนสิ่งทั้งหลายมากเสียจนโลกกลายเป็นสถานที่อันรวนเรและไม่คงเส้นคงวา และหัวใจของมนุษย์ก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความไม่สบายใจ และพวกมันได้ล้อเล่นกับมนุษย์มากเสียจนรูปลักษณ์ของเขาได้กลายเป็นรูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายแห่งท้องทุ่งที่ไม่มีความเป็นคน อัปลักษณ์อย่างที่สุด และร่องรอยสุดท้ายของมนุษย์ซึ่งบริสุทธิ์ดั้งเดิมก็ได้สูญหายไปแล้วจากรูปลักษณ์นั้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันถึงขั้นปรารถนาที่จะเข้าครองอำนาจอธิปไตยบนแผ่นดินโลก พวกมันขัดแข้งขัดขาพระราชกิจของพระเจ้ามากเสียจนพระราชกิจแทบไม่สามารถเดินหน้าได้แม้สักหนึ่งนิ้ว และพวกมันก็ปิดล้อมมนุษย์อย่างแน่นหนาดังกำแพงทองแดงและเหล็กกล้า เมื่อได้กระทำบาปสาหัสมากมายยิ่งนักและทำให้เกิดความวิบัติมากมายยิ่งนักแล้ว พวกมันยังคงคาดหวังบางสิ่งที่นอกเหนือจากการตีสอนอยู่อีกหรือ? พวกปีศาจและพวกวิญญาณชั่ววิ่งพล่านไปบนแผ่นดินโลกมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ปิดกั้นทั้งน้ำพระทัยและความพยายามอุตสาหะของพระเจ้าอย่างแน่นหนาแล้ว จนกระทั่งสิ่งเหล่านั้นมิอาจผ่านเข้าไปได้ แท้จริงแล้ว นี่คือบาปมหันต์! พระเจ้าจะไม่ทรงรู้สึกวิตกกังวลได้อย่างไร? พระเจ้าจะไม่ทรงรู้สึกพิโรธได้อย่างไร? พวกมันได้ขัดขวางและต่อต้านพระราชกิจของพระเจ้าอย่างสาหัส ช่างเป็นกบฏอะไรเช่นนี้!
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (7)
เชิงอรรถ:
1. “กลืนกิน” หมายถึงพฤติกรรมชั่วช้าของกษัตริย์ของพวกมาร ซึ่งช่วงชิงผู้คนไปหมดสิ้นทั้งตัว
2. “พวกสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรม” เป็นประเภทเดียวกับ “กลุ่มอันธพาล”
ที่นี่ได้เป็นแผ่นดินแห่งความโสโครกมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว มันสกปรกเหลือทน ความทุกข์ระทมดาษดื่น พวกผีวิ่งอาละวาดไปทั่วทุกแห่งหน ลวงล่อและหลอกลวง ตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล[1] เหี้ยมโหดและชั่วช้า เหยียบย่ำเมืองผีนี้และทิ้งให้มันกลาดเกลื่อนไปด้วยศพ กลิ่นสาบสางของซากที่เสื่อมสลายปกคลุมแผ่นดินและตลบอบอวลในอากาศ และมันถูกพิทักษ์อย่างแน่นหนา[2] ผู้ใดจะสามารถมองเห็นพิภพเหนือโพ้นฟ้าได้? มารมัดร่างของมนุษย์ทั้งหมดอย่างแน่นหนา มันคลุมดวงตาสองข้างของเขา และปิดผนึกริมฝีปากของเขาแน่น ราชาแห่งพวกมารได้อาละวาดมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้วจนกระทั่งถึงทุกวันนี้เมื่อมันยังคงเฝ้าดูเมืองผีนี้อย่างใกล้ชิด ราวกับเป็นวังของพวกปีศาจที่ไม่อาจผ่านเข้าไปได้ ในขณะเดียวกัน สุนัขยามฝูงนี้ก็ถลึงตาจ้องเขม็ง เกรงกลัวอยู่ลึกๆ ว่าพระเจ้าจะทรงจับพวกมันโดยไม่ทันรู้ตัวและกวาดล้างพวกมันไปทั้งหมด ทิ้งให้พวกมันไม่มีสถานที่แห่งสันติสุขและความสุข ผู้คนแห่งเมืองผีเช่นเมืองนี้จะเคยสามารถมองเห็นพระเจ้าได้อย่างไร? พวกเขาเคยได้ชื่นชมความน่ารักและความดีงามของพระเจ้าหรือไม่? พวกเขามีความซึ้งคุณค่าใดในเรื่องราวของโลกมนุษย์? พวกเขาคนใดสามารถเข้าใจน้ำพระทัยที่กระตือรือร้นของพระเจ้าได้? เช่นนั้นแล้วก็ไม่น่าฉงนนักที่พระเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ยังคงซ่อนเร้นอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ ในสังคมมืดเช่นสังคมแห่งนี้ ที่ซึ่งพวกปีศาจไร้ความปรานีและไร้มนุษยธรรม ราชาแห่งพวกมารที่ฆ่าผู้คนโดยไม่แสดงความรู้สึกใดจะสามารถทนยอมรับการดำรงอยู่ของพระเจ้าผู้ทรงดีงาม ทรงเมตตาและยังทรงบริสุทธิ์อีกด้วยได้อย่างไร? มันจะสามารถปรบมือและแซ่ซ้องการเสด็จมาถึงของพระเจ้าได้อย่างไร? ข้ารับใช้พวกนี้! พวกมันตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง พวกมันได้ดูถูกเหยียดหยามพระเจ้ามานานแล้ว พวกมันหยามเหยียดพระเจ้า พวกมันป่าเถื่อนสุดขีด พวกมันไม่มีการคำนึงถึงพระเจ้าแม้แต่น้อย พวกมันจี้ปล้นและช่วงชิง พวกมันได้สูญเสียมโนธรรมทั้งหมด พวกมันต่อต้านมโนธรรมทั้งหมด และพวกมันทดลองผู้บริสุทธิ์ใจให้เข้าสู่ความสิ้นสำนึกรับรู้ เหล่าบรรพบุรุษแต่โบราณกาลหรือ? บรรดาผู้นำผู้เป็นที่รักหรือ? พวกเขาทั้งหมดต่อต้านพระเจ้า! การก้าวก่ายของพวกเขาได้ทำให้ทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์อยู่ในสภาวะแห่งความมืดและความวุ่นวาย! เสรีภาพทางศาสนาหรือ? สิทธิและผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของพลเมืองทั้งหลายหรือ? สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเป็นเพทุบายเพื่อปิดบังบาป! ผู้ใดได้น้อมรับพระราชกิจของพระเจ้า? ผู้ใดได้สละชีวิตของพวกเขาหรือได้หลั่งเลือดเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า? รุ่นแล้วรุ่นเล่า จากบิดามารดาสู่ลูกหลาน มนุษย์ที่ตกเป็นทาสได้ทำให้พระเจ้าตกเป็นทาสไปด้วยอย่างไม่ไว้หน้า—การนี้จะไม่ยั่วยุโทสะได้อย่างไร? หลายพันปีแห่งความเกลียดชังถูกทำให้เข้มข้นอยู่ภายในหัวใจ หลายสหัสวรรษแห่งความเปี่ยมบาปถูกจารึกอยู่บนหัวใจ—การนี้จะไม่บันดาลความเกลียดได้อย่างไร? จงล้างแค้นให้พระเจ้า ดับศัตรูของพระองค์ให้สิ้น จงอย่ายอมให้มันวิ่งอาละวาดอีกต่อไป และจงอย่าอนุญาตให้มันก่อปัญหามากมายอย่างที่มันปรารถนาอีกต่อไป! บัดนี้ถึงเวลาแล้ว กล่าวคือ มนุษย์ได้รวบรวมพละกำลังทั้งหมดของเขามานานแล้ว เขาได้อุทิศความพยายามทั้งหมดของเขาและได้จ่ายทุกราคาเพื่อการนี้ เพื่อฉีกโฉมหน้าที่น่าขยะแยงของปีศาจตนนี้ออก และเปิดโอกาสให้ผู้คน ผู้ซึ่งถูกทำให้มืดบอด และผู้ซึ่งได้สู้ทนความทุกข์และความยากลำบากมาแล้วทุกรูปแบบ ได้ลุกขึ้นจากความเจ็บปวดของพวกเขาและหันหลังของพวกเขาให้แก่มารชั่วที่แก่ชราตนนี้ เหตุใดจึงสร้างอุปสรรคที่ไม่อาจเจาะผ่านเข้าไปได้เช่นนั้นให้กับพระราชกิจของพระเจ้า? เหตุใดจึงใช้เพทุบายต่างๆ นานาเพื่อหลอกลวงคนของพระเจ้า? ไหนเล่าอิสรภาพที่แท้จริงและสิทธิ์กับผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย? ไหนเล่าความเป็นธรรม? ไหนเล่าความชูใจ? ไหนเล่าความอบอุ่น? เหตุใดจึงใช้กลอุบายที่หลอกลวงเพื่อล่อหลอกประชากรของพระเจ้า? เหตุใดจึงใช้กำลังบังคับเพื่อปราบปรามการเสด็จมาของพระเจ้า? เหตุใดจึงไม่ยอมให้พระเจ้าทรงท่องไปอย่างอิสระบนแผ่นดินโลกที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น? เหตุใดจึงไล่ล่าพระเจ้าจนกระทั่งพระองค์ไม่มีที่ใดให้พักพระเศียร? ไหนเล่าความอบอุ่นท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย? ไหนเล่าการต้อนรับท่ามกลางผู้คน? เหตุใดจึงก่อให้เกิดการโหยหาที่ท้อแท้สิ้นหวังในพระเจ้าเช่นนั้น? เหตุใดจึงทำให้พระเจ้าทรงร้องเรียกครั้งแล้วครั้งเล่า? เหตุใดจึงบังคับให้พระเจ้าทรงกังวลถึงพระบุตรผู้เป็นที่รักของพระองค์? ในสังคมมืดนี้ เหตุใดพวกสุนัขเฝ้าบ้านที่อยู่ในสภาพน่าสงสารของมันจึงไม่ยอมให้พระเจ้าเสด็จไปมาอย่างอิสระท่ามกลางโลกที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (8)
เชิงอรรถ:
1. “ตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล” อ้างอิงถึงวิธีการที่มารใช้เพื่อทำอันตรายผู้คน
2. “พิทักษ์อย่างแน่นหนา” บ่งบอกว่า วิธีการที่มารใช้ก่อความทุกข์ร้อนให้ผู้คนนั้นชั่วช้าเป็นพิเศษ และควบคุมผู้คนมากเสียจนพวกเขาไม่มีที่ให้ขยับ
ซาตานสร้างชื่อเสียงของมันโดยผ่านทางการหลอกลวงผู้คน และมักจะสถาปนาตัวเองเป็นทัพหน้าและแบบอย่างที่มีความชอบธรรม ภายใต้การกล่าวอ้างเทียมเท็จเกี่ยวกับการพิทักษ์ความชอบธรรม มันทำร้ายผู้คน ล้างผลาญดวงจิตของพวกเขา และใช้วิถีทางทุกประเภทเพื่อทำให้มนุษย์ด้านชา หลอกลวง และยุยงมนุษย์ เป้าหมายของมันคือการทำให้มนุษย์เห็นชอบและเข้ากันได้ดีกับการประพฤติชั่วของมัน เพื่อทำให้มนุษย์เข้าร่วมกับมันในการต่อต้านสิทธิอำนาจและอธิปไตยของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเรามองทะลุกลอุบายและแผนร้ายของมัน และมองทะลุลักษณะเฉพาะที่เลวทรามของมัน และเมื่อคนเราไม่ปรารถนาที่จะถูกมันเหยียบย่ำและถูกมันหลอกลวง หรือที่จะทำงานเป็นทาสเพื่อมันต่อไป หรือที่จะถูกลงโทษและถูกทำลายเคียงข้างมัน เช่นนั้นแล้ว ซาตานก็จะเปลี่ยนลักษณะเฉพาะราววิสุทธิชนก่อนหน้านี้ของมัน และฉีกหน้ากากปลอมๆ ของมันเพื่อเผยใบหน้าที่แท้จริงของมัน ซึ่งชั่วร้าย เลวทราม น่าเกลียด และป่าเถื่อน มันจะไม่รักสิ่งใดมากไปกว่าการทำลายทุกผู้คนที่ปฏิเสธที่จะติดตามมันและผู้ที่ต่อต้านกำลังบังคับแห่งความชั่วของมันให้สิ้น ณ จุดนี้ ซาตานไม่สามารถสวมรูปลักษณ์ที่น่าไว้วางใจและเป็นสุภาพบุรุษได้อีกต่อไป แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ลักษณะเฉพาะอันแท้จริงที่น่าเกลียดและชั่วร้ายของมันกลับถูกเผยออกมาภายใต้คราบคนดีแทน ทันทีที่กลอุบายของซาตานถูกตีแผ่ออกมาและลักษณะเฉพาะที่แท้จริงของมันถูกเปิดโปง มันจะระเบิดความเดือดดาลโดยฉับพลันและแสดงความป่าเถื่อนของมันออกมา หลังจากนี้ ความอยากทำร้ายและล้างผลาญผู้คนของมันมีแต่จะเพิ่มขึ้น นี่เป็นเพราะมันเดือดดาลเมื่อมนุษย์เริ่มสังเกตเห็นความจริง และมันเกิดความอาฆาตอันแรงกล้าต่อมนุษย์เพราะความมุ่งมาดปรารถนาของพวกเขาที่โหยหาเสรีภาพและความสว่าง และต้องการหลุดพ้นไปจากคุกของมัน ความเดือดดาลของมันมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องและสนับสนุนความชั่วของมัน และยังเป็นการเผยถึงธรรมชาติที่ป่าเถื่อนของมันอย่างแท้จริง
ในทุกๆ เรื่อง พฤติกรรมของซาตานจะเปิดโปงธรรมชาติอันชั่วของมัน จากการกระทำชั่วทั้งหมดที่ซาตานได้ทำกับมนุษย์ไปแล้ว—ตั้งแต่ความพยายามในช่วงแรกๆ ของมันที่จะลวงมนุษย์ให้ติดตามมัน ไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากมนุษย์ ซึ่งมันลากมนุษย์มาสู่ความประพฤติชั่วของมัน ไปจนถึงความอาฆาตต่อมนุษย์หลังจากที่ลักษณะเฉพาะที่แท้จริงของมันได้ถูกเปิดโปงและมนุษย์ได้รับรู้และละทิ้งมันไปแล้ว—ในการกระทำเหล่านี้ ไม่มีสักอย่างที่ไม่สามารถเปิดโปงเนื้อแท้ที่ชั่วของซาตาน หรือไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าซาตานไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับสิ่งที่เป็นบวกเลย และว่าซาตานคือแหล่งกำเนิดของสิ่งที่ชั่วทั้งหมด ทุกๆ การกระทำของมันพิทักษ์ความชั่วของมัน รักษาความต่อเนื่องของการกระทำชั่วของมัน ต่อต้านสิ่งที่ยุติธรรมและเป็นบวกทั้งหลาย และทำลายธรรมบัญญัติและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการดำรงอยู่ที่ปกติของมนุษยชาติ การกระทำเหล่านี้ของซาตานเป็นปรปักษ์ต่อพระเจ้า และพวกมันจะถูกทำลายด้วยพระพิโรธของพระเจ้า ถึงแม้ว่าซาตานจะมีความเดือดดาลของมันเอง แต่ความเดือดดาลของมันก็เป็นเพียงวิถีทางหนึ่งในการระบายธรรมชาติที่ชั่วของมันออกมา เหตุผลที่ว่าทำไมซาตานจึงฉุนเฉียวและโกรธเกรี้ยวนั้นเป็นเพราะว่า กลอุบายที่ไม่สามารถบรรยายได้ของมันได้ถูกเปิดโปงแล้ว แผนร้ายของมันไม่ได้รอดพ้นไปง่ายๆ ความมักใหญ่ใฝ่สูงและความอยากอันบ้าคลั่งของมันที่จะแทนที่พระเจ้าและทำตัวเป็นพระเจ้าได้ถูกบดขยี้และสกัดกั้น และเป้าหมายของมันที่จะควบคุมมนุษยชาติทั้งหมดตอนนี้ไม่เป็นผลแล้วและไม่มีวันสามารถสัมฤทธิ์ผลได้
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 2
การสามัคคีธรรมของมนุษย์สำหรับการอ้างอิง:
การกดขี่และการข่มเหงอันบ้าคลั่งต่อคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ก่อความปั่นป่วนท่ามกลางชุมชนระดับโลก ผู้คนมากมายไม่สามารถจับใจความได้ว่า เหตุใดพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงบ้าคลั่งได้เช่นนั้นในการต่อต้านและเป็นปรปักษ์ของพรรคที่มีต่อพระเจ้า นั่นเป็นเพราะพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคการเมืองอเทวนิยม—ระบอบเยี่ยงซาตานที่ไม่มีใครเทียมในความเกลียดชังของพรรคที่มีต่อความจริงและพระเจ้า เมื่อได้เห็นการทรงปรากฏและพระราชกิจแห่งพระเจ้าเที่ยงแท้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะไม่กลัวได้อย่างไร พรรคนี้จะไม่สามารถตอบสนองด้วยการเยาะเย้ยท้าทายและการกล่าวโทษได้อย่างไร? ในระหว่างยุคสุดท้ายพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงแสดงความจริงหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วได้รับการรวบรวมไว้ในพระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ พระวจนะแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทำให้ทุกศาสนาและทุกนิกายสั่นสะเทือน หลายคนที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เห็นว่า พระวจนะที่แสดงโดยพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือความจริง พวกเขาได้ระลึกรู้ว่านี่คือพระสุรเสียงของพระเจ้า ว่านี่คือพระราชกิจของพระเจ้า และพวกเขาล้วนแต่ได้กลับคืนสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้คนในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ กำลังประกาศและให้การเป็นพยานต่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ระบอบพรรคคอมมิวนิสต์จีนเยี่ยงปีศาจ ที่มีการเกลียดอันบ้าคลั่งต่อพระเจ้าและความจริง จะสามารถทนยอมรับการดำรงอยู่ของพระเจ้า หรืออนุญาตให้ความจริงได้รับการประกาศและเป็นพยานในโลกนี้ได้อย่างไร? เพราะฉะนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงได้ริเริ่มการรณรงค์ครั้งแล้วครั้งเล่าในการกดขี่และการข่มเหงอันบ้าคลั่งต่อคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พรรคนี้ได้จับกุมผู้คนนับไม่ถ้วนด้วยเหตุที่เผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้การเป็นพยานต่อพระเจ้า และได้ยึดพระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ไปหลายฉบับ ทุกๆ วันพรรคคอมมิวนิสต์จีนอ่านข้อความนี้อย่างพิถีพิถัน โดยล่วงรู้มากขึ้นทุกทีว่าจริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้ทรงพลังเพียงใด ว่าพระวจนะในหนังสือเล่มนี้คือความจริง และสามารถพิชิตผู้คนทั้งหมดได้ ดังนั้น ไม่สำคัญว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนสบประมาท ทำการตัดสิน และทำให้พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเสื่อมเสียชื่อเสียงมากเพียงใด พรรคนี้ก็ไม่มีวันกล้าที่จะทำให้พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะ อีกทั้งพรรคนี้ก็ยังไม่เคยทำการพาดพิงใดๆ ถึงสิ่งที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงแสดง เหตุใดหรือพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงได้ควบคุมพระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์อย่างแน่นหนาเช่นนั้น? เหตุใดหรือพรรคนี้จึงกลัวการที่ผู้คนอ่านหนังสือเล่มนี้? นั่นเป็นเพราะพระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์คือถ้อยดำรัสของพระเจ้า นั่นเป็นการแสดงความจริง และการทรงปรากฏของความสว่างที่แท้จริงในทิศตะวันออก! พรรคคอมมิวนิสต์จีนหวาดกลัวว่าโลกทั้งโลกจะได้มองเห็นความจริงทั้งหลายที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดง จะได้เห็นว่าพระเจ้าได้ทรงปรากฏและเริ่มทรงพระราชกิจแล้วในทิศตะวันออก ว่าพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์ได้ทรงปรากฏแล้วในทิศตะวันออก และว่าความหวังของมนุษย์อยู่ในทิศตะวันออก พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นระบอบที่ชั่วที่สุดและเกลียดชังความจริงที่สุด ไม่มีใครหวาดกลัวการมาถึงของความจริงท่ามกลางมนุษย์มากไปกว่านี้แล้ว ไม่มีใครกลัวว่ามนุษย์จะยอมรับความจริง และพระเจ้าจะครองราชย์เป็นกษัตริย์ท่ามกลางมนุษย์ และราชอาณาจักรแห่งพระคริสต์จะปรากฏให้เห็นบนแผ่นดินโลกมากไปกว่านี้แล้ว ด้วยเหตุนั้นจึงเป็นการทำให้จุดประสงค์อันน่าดูหมิ่นของพรรคนี้ในการควบคุมมวลมนุษย์และครอบงำโลกตลอดไปต้องไร้ผล นั่นคือเหตุผลที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนลองพยายามอย่างบ้าคลั่งที่จะจับกุมและสังหารพระคริสต์ พรรคนี้ใช้สื่อและอินเทอร์เน็ตเพื่อแพร่กระจายการโฆษณาชวนเชื่อและใส่ร้ายคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างมัวเมา กล่าวหาคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างผิดๆ และทำให้คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เสียชื่อเสียง พรรคนี้ถึงขั้นไปไกลถึงขนาดที่ระดมพลตำรวจติดอาวุธอย่างไม่ลังเล โดยพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในความพยายามของพรรคที่จะกดขี่ จับกุม และข่มเหงประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เมื่อไม่เหลือที่ใดให้ซ่อนตัวจากการข่มเหงโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรจึงได้ถูกบังคับให้หลบหนีไปต่างประเทศ—และแม้กระนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้ขยายมืออันมืดมิดของพรรคไปยังต่างประเทศ โดยใช้วิถีทางทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทูตเพื่อกดดันประเทศเฉพาะบางประเทศ ขณะที่พรรคนี้พยายามที่จะบังคับให้คริสตชนที่ได้หลบหนีพ้นพรมแดนของพรรคไปแล้ว ให้หวนคืนสู่ประเทศจีนเพื่อเผชิญหน้าความโหดร้ายและการข่มเหง ที่น่าดูหมิ่นมากขึ้นไปอีกก็คือ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังจับกุมและข่มเหงสมาชิกในครอบครัวของคริสตชนเหล่านี้ด้วยเช่นกัน โดยใช้พวกเขาเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และบังคับให้พวกเขายื่นเรื่องขอทำหนังสือเดินทางและไปต่างประเทศเพื่อรังควานคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในต่างประเทศหลายประเทศ พรรคนี้พยายามที่จะใช้ช่องทางทางการทูตเพื่อใส่ร้ายและกล่าวหาคริสตชนแห่งคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างผิดๆ ว่าเป็นผู้ขอลี้ภัยเทียมเท็จ ด้วยการนั้นจึงเป็นการแพร่กระจายคำโกหกและกุข่าวลือที่เปลี่ยนความคิดเห็นสาธารณะให้ต่อต้านคริสตจักร ทำให้ภาพลักษณ์ของคริสตจักรหมองราศี และยุยงรัฐบาลและผู้คนในต่างประเทศให้ต่อต้านและปฏิเสธคริสตจักรและเนรเทศคริสตชน ด้วยเหตุนั้นจึงสัมฤทธิ์จุดมุ่งหมายชั่วของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการกีดกั้น ข่มปราม และถอนรากถอนโคนงานแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐในต่างประเทศของคริสตจักร ข้อเท็จจริงทั้งหลายพิสูจน์ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนประกอบด้วยซาตานและพวกปีศาจที่เกลียดความจริงและเกลียดชังพระเจ้า—พวกเขาคือพวกปีศาจที่ทรมานผู้คนและเผาผลาญดวงจิตของพวกเขา การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสามารถโหดร้ายได้เช่นนั้นในการกดขี่ การข่มเหง และการโจมตีของพรรคต่อคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ก็เป็นผลทั้งสิ้นทั้งปวงจากแก่นแท้เยี่ยงปีศาจของพรรค ซึ่งเกลียดความจริงและเกลียดชังพระเจ้า