จงหนีให้พ้นจากอิทธิพลแห่งความมืด แล้วพระเจ้าจะทรงรับเจ้าไว้
อะไรคืออิทธิพลแห่งความมืด? สิ่งที่เรียกว่า “อิทธิพลแห่งความมืด” นี้คืออิทธิพลของความหลอกลวง ความเสื่อมทราม การผูกมัด และการควบคุมผู้คนของซาตาน อิทธิพลของซาตานคืออิทธิพลที่มีกลิ่นอายของความตาย ทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานล้วนถึงคราวต้องพินาศ เจ้าจะสามารถหลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืดหลังจากได้รับความเชื่อในพระเจ้าได้อย่างไร? เมื่อเจ้าได้อธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างจริงใจ เมื่อเจ้าหันหัวใจของเจ้าไปหาพระองค์อย่างครบบริบูรณ์ ณ จุดที่หัวใจของเจ้าถูกขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณของพระเจ้า เจ้าเต็มใจมากขึ้นที่จะมอบตัวเองให้แก่พระองค์อย่างครบบริบูรณ์ และ ณ เวลานั้น เจ้าจึงจะได้หลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืด หากทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์กระทำเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าและเป็นไปในแนวเดียวกับข้อพึงประสงค์ทั้งหลายของพระองค์แล้วไซร้ เมื่อนั้น เขาก็คือผู้หนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า และอยู่ภายใต้การดูแลและการคุ้มครองปกป้องของพระองค์ หากผู้คนไม่สามารถปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าได้ หากพวกเขาพยายามหลอกพระองค์อยู่เสมอ โดยปฏิบัติต่อพระองค์ในแบบพอเป็นพิธี และไม่เชื่อในการดำรงอยู่ของพระองค์—เช่นนั้นแล้วผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดก็เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด มนุษย์ซึ่งไม่ได้รับความรอดของพระเจ้านั้นกำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตาน กล่าวคือ พวกเขาทั้งหมดใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด พวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้ากำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตาน แม้แต่บรรดาผู้ที่เชื่อในการดำรงอยู่ของพระเจ้าก็อาจไม่จำเป็นว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างของพระองค์ เพราะพวกที่เชื่อในพระองค์อาจไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระองค์และไม่มีความสามารถที่จะนบนอบต่อพระเจ้าได้อย่างแท้จริง มนุษย์ถูกจำกัดต่อการเชื่อในพระเจ้า และเนื่องจากเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า เขาจึงยังคงใช้ชีวิตอยู่ภายในกฎเกณฑ์ดั้งเดิมท่ามกลางบรรดาวจนะที่ตายแล้ว กับชีวิตหนึ่งซึ่งมืดมนและไม่แน่นอน อีกทั้งไม่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยพระเจ้าอย่างครบถ้วนและไม่ได้รับการรับไว้อย่างครบบริบูรณ์โดยพระองค์ ดังนั้น ในขณะที่มันชัดเจนโดยไม่ต้องอาศัยคำพูดอยู่แล้วว่าพวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้ากำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด แม้แต่บรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้าก็อาจจะยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของมัน เพราะพวกเขานั้นขาดพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกที่ไม่ได้รับพระคุณหรือความปรานีของพระเจ้า และพวกที่ไม่สามารถมองเห็นพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นั้น ล้วนกำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด และโดยส่วนใหญ่ ผู้คนที่เพียงชื่นชมในพระคุณของพระเจ้าโดยไม่รู้จักพระองค์ก็เป็นเช่นเดียวกัน หากมนุษย์คนหนึ่งเชื่อในพระเจ้าแต่ยังใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืดแล้วไซร้ การดำรงอยู่ของมนุษย์คนนี้ก็ได้สูญสิ้นความหมายไปแล้ว—และจำเป็นอะไรที่ต้องกล่าวถึงผู้คนที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้าทรงมีอยู่จริง
ทุกคนที่ไม่สามารถยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าได้ หรือผู้ที่ยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าแต่ไร้ความสามารถที่จะทำตามข้อเรียกร้องต่างๆ ของพระองค์ได้ ล้วนเป็นผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด เฉพาะพวกที่ไล่ตามเสาะหาความจริงและสามารถทำตามข้อเรียกร้องของพระเจ้าได้เท่านั้นที่จะได้รับพรจากพระองค์ และเฉพาะพวกเขาเท่านั้นที่จะหลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืด พวกที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ผู้ที่ถูกควบคุมโดยสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่เสมอ และผู้ที่ไร้ความสามารถที่จะมอบหัวใจของพวกเขาให้แก่พระเจ้าได้ คือผู้คนที่อยู่ภายใต้พันธนาการของซาตาน ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ภายในกลิ่นอายของความตาย พวกที่ไม่สัตย์ซื่อต่อหน้าที่ของตนเอง ผู้ที่ไม่สัตย์ซื่อต่อพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนในคริสตจักรคือผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด พวกที่จงใจรบกวนชีวิตแห่งคริสตจักร ผู้ซึ่งเจตนาหว่านความบาดหมางระหว่างพี่น้องชายหญิง หรือผู้ที่ตั้งพรรคพวกนั้น คือผู้คนซึ่งยังใช้ชีวิตที่ยิ่งจมลึกลงไปภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด ในพันธนาการของซาตาน พวกที่มีสัมพันธภาพที่ผิดปกติกับพระเจ้า ผู้ที่มีความอยากได้อยากมีที่ฟุ้งเฟ้ออยู่เสมอ ผู้ที่ต้องการมีความได้เปรียบอยู่เสมอ และผู้ที่ไม่เคยแสวงหาการเปลี่ยนสภาพอุปนิสัยของตน คือผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด พวกที่ย่อหย่อนอยู่เสมอและไม่เคยจริงจังในการปฏิบัติตามความจริง และผู้ที่ไม่ได้พยายามที่จะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า แต่กลับพยายามเพียงตอบสนองเนื้อหนังของตนเองเท่านั้น คือผู้คนซึ่งกำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืดที่ปกคลุมด้วยความตายเช่นกัน พวกที่มีส่วนร่วมในความคดโกงและการหลอกลวงเมื่อทำงานให้กับพระเจ้า ผู้ที่ปฏิบัติกับพระเจ้าในลักษณะพอเป็นพิธี ผู้ที่ฉ้อโกงพระเจ้า และผู้ที่วางแผนเพื่อตัวเองอยู่เสมอ คือผู้คนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด คนพวกนั้นทุกคนที่ไม่สามารถรักพระเจ้าได้อย่างจริงใจ ผู้ที่ไม่ไล่ตามเสาะหาความจริงและผู้ที่ไม่ได้มุ่งเน้นการแปลงสภาพอุปนิสัยของตน คือผู้คนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด
หากเจ้าปรารถนาที่จะได้รับการชมเชยจากพระเจ้าแล้วไซร้ เจ้าก็ต้องหลีกหนีให้พ้นจากอิทธิพลมืดของซาตานเสียก่อน โดยเปิดหัวใจของเจ้าต่อพระเจ้า และหันหัวใจไปหาพระองค์อย่างครบบริบูรณ์ พระเจ้าจะทรงชมเชยสิ่งที่เจ้ากระทำอยู่ในตอนนี้กระนั้นหรือ? เจ้าได้หันหัวใจของเจ้าเข้าหาพระเจ้าแล้วกระนั้นหรือ? สิ่งทั้งหลายที่เจ้าได้กระทำเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์จากเจ้ากระนั้นหรือ? มันเป็นไปในแนวเดียวกับความจริงกระนั้นหรือ? จงตรวจดูตัวเองตลอดเวลาและจดจ่อกับการกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า จงเผยใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์ รักพระองค์ด้วยความจริงใจ และจงสละตัวเจ้าเองเพื่อพระเจ้าอย่างอุทิศตน ผู้คนที่ทำเช่นนี้ย่อมจะได้รับการชมเชยจากพระเจ้าอย่างแน่นอน ทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า แต่ทว่าไม่ได้ไล่ตามเสาะหาความจริง ย่อมไม่มีทางหลีกหนีจากอิทธิพลของซาตาน ทุกคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตของพวกเขาด้วยความซื่อสัตย์ ผู้ที่ประพฤติตนต่อหน้าผู้อื่นอย่างหนึ่งแต่ลับหลังอย่างหนึ่งกับพวกเขา ผู้ที่สร้างภาพแสดงความถ่อมตน ความอดทน และความรัก ทั้งที่แก่นแท้ของพวกเขาเป็นคนร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ และปราศจากความจงรักภักดีต่อพระเจ้า—ผู้คนเช่นนี้คือตัวแทนในแบบฉบับของพวกที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด พวกเขาเป็นจำพวกเดียวกันกับงู พวกที่เชื่อพระเจ้าเฉพาะเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้นตลอดเวลา ผู้ที่หยิ่งผยองและมองตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ ผู้ที่ชอบโอ้อวด และผู้ที่ปกป้องสถานภาพของตนเอง คือผู้คนที่รักซาตานและต่อต้านความจริง ผู้คนเหล่านี้ต้านทานพระเจ้าและเป็นของซาตานโดยสิ้นเชิง พวกที่ไม่สนใจต่อภาระของพระเจ้า ไม่รับใช้พระเจ้าอย่างสุดหัวใจ ผู้ที่คอยห่วงกังวลกับส่วนได้ส่วนเสียเฉพาะตนและส่วนได้ส่วนเสียของครอบครัวตนเองอยู่เสมอ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่จะละทิ้งทุกสิ่งเพื่อสละตนให้กับพระเจ้าได้ และผู้ที่ไม่เคยใช้ชีวิตโดยพระวจนะของพระเจ้าเลย คือผู้คนที่อยู่นอกพระวจนะของพระองค์ ผู้คนเช่นนั้นไม่สามารถได้รับการชมเชยจากพระเจ้า
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ มันเป็นไปเพื่อที่พวกเขาจะได้ชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ของพระองค์และรักพระองค์อย่างจริงแท้ โดยวิธีนี้ มนุษย์ก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างของพระองค์ ปัจจุบันนี้ สำหรับพวกเขาทั้งหมดที่ไม่สามารถรักพระเจ้าได้นั้น ไม่ได้สนใจต่อภาระของพระองค์ ไร้ความสามารถที่จะมอบหัวใจของเขาให้พระองค์อย่างครบถ้วน ไร้ความสามารถที่จะเข้าใจในพระทัยของพระองค์เสมือนเป็นหัวใจของพวกเขาเองได้ และไม่สามารถแบกภาระของพระองค์เสมือนเป็นภาระของพวกเขาเองได้—ความสว่างของพระเจ้าไม่สาดส่องไปยังมนุษย์คนใดที่เป็นเช่นนั้น และเพราะเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงกำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด พวกเขาอยู่บนเส้นทางที่ต่อต้านน้ำพระทัยของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง และไม่มีเศษเสี้ยวของความจริงในสิ่งใดที่พวกเขาทำเลย พวกเขากำลังเกลือกกลิ้งในโคลนตมกับซาตาน พวกเขาคือผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด หากเจ้าสามารถกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า และสนใจต่อน้ำพระทัยของพระองค์ และนำพระวจนะของพระองค์มาปฏิบัติอยู่เนืองๆ เมื่อนั้นเจ้าก็เป็นของพระเจ้า และเจ้าคือบุคคลหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระองค์ เจ้าเต็มใจหรือไม่ที่จะหลีกหนีจากแดนครอบครองของซาตานและใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างของพระเจ้า? หากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า เมื่อนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะมีโอกาสได้ปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ หากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของซาตาน เจ้าก็จะไม่ได้มอบโอกาสเช่นนั้นแก่พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระราชกิจที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปฏิบัติต่อมนุษย์ ความสว่างที่พระองค์ทรงสาดส่องบนพวกเขา และความมั่นใจที่พระองค์ประทานแก่พวกเขาคงอยู่เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น หากว่าผู้คนไม่เอาใจใส่และไม่ให้ความสนใจ เมื่อนั้น พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเลยผ่านพวกเขาไป หากมนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะอยู่กับพวกเขาและปฏิบัติพระราชกิจต่อพวกเขา หากมนุษย์ไม่ใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า เมื่อนั้น พวกเขาก็จะใช้ชีวิตอยู่ในพันธนาการของซาตาน หากมนุษย์อยู่กับอุปนิสัยอันเสื่อมทราม การสถิตหรือพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่อยู่กับพวกเขา หากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ภายในขีดคั่นแห่งพระวจนะของพระเจ้า และหากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ เมื่อนั้น เจ้าก็จะเป็นผู้ที่เป็นของพระองค์ และพระองค์จะทรงปฏิบัติพระราชกิจต่อเจ้า หากเจ้าไม่ได้กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายในขีดคั่นแห่งข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้า แต่กลับใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานแทน เมื่อนั้น เจ้าก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายในความเสื่อมทรามของซาตานอย่างแน่นอน เจ้าจะสามารถทำตามพระประสงค์ของพระองค์ได้ก็ด้วยการใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้าและมอบหัวใจของเจ้าให้แก่พระองค์เท่านั้น เจ้าต้องทำตามที่พระเจ้าตรัส ทำให้ถ้อยดำรัสของพระองค์เป็นรากฐานแห่งการดำรงอยู่ของเจ้าและคือความเป็นจริงแห่งชีวิตของเจ้า เช่นนี้เท่านั้นที่เจ้าจะเป็นของพระเจ้า หากเจ้าปฏิบัติตามน้ำพระทัยพระเจ้า พระองค์จะปฏิบัติพระราชกิจต่อเจ้า แล้วเจ้าจึงจะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้พรของพระองค์ ในความสว่างแห่งโฉมพระพักตร์ของพระองค์ เจ้าจะจับความเข้าใจในพระราชกิจที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปฏิบัติและรู้สึกชื่นบานยินดีในการสถิตของพระเจ้า
เพื่อหนีให้พ้นจากอิทธิพลแห่งความมืด เจ้าต้องจงรักภักดีต่อพระเจ้าและมีใจกระหายที่จะไล่ตามเสาะหาความจริงเสียก่อน เมื่อนั้นเท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถมีสภาวะที่ถูกต้องได้ การใช้ชีวิตในสภาวะที่ถูกต้องคือความพร้อมพื้นฐานสำหรับการหลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืด การไม่มีสภาวะที่ถูกต้องก็คือการที่ไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้า และการที่ไม่มีใจกระหายที่จะแสวงหาความจริง และคงไม่ต้องถามถึงการที่จะหลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืดไปได้ วจนะของเราคือพื้นฐานของมนุษย์ในการหลีกหนีจากอิทธิพลมืดทั้งหลาย และผู้คนที่ไม่สามารถปฏิบัติตามวจนะของเราจะไม่สามารถหลีกหนีจากพันธนาการของอิทธิพลแห่งความมืดได้ การใช้ชีวิตในสภาวะที่ถูกต้องก็คือการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การทรงนำแห่งพระวจนะของพระเจ้า อยู่ในสภาวะแห่งความจงรักภักดีต่อพระเจ้า อยู่ในสภาวะของการแสวงหาความจริง อยู่ในความเป็นจริงแห่งการสละตนเองเพื่อพระเจ้าอย่างจริงใจ และอยู่ในสภาวะที่รักพระเจ้าอย่างจริงแท้ บรรดาผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะเหล่านี้และอยู่ภายในความเป็นจริงนี้จะค่อยๆแปลงสภาพเมื่อพวกเขาเข้าสู่ก้นบึ้งแห่งความจริง และพวกเขาจะแปลงสภาพเมื่องานนั้นลงลึกยิ่งขึ้น และในท้ายที่สุด พวกเขาจะได้กลายเป็นผู้คนซึ่งได้รับการรับไว้โดยพระเจ้าอย่างแน่นอน และเป็นผู้ที่รักพระเจ้าอย่างจริงแท้ พวกที่ได้หลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืดมาแล้วจะสามารถหยั่งรู้ถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าทีละน้อยและค่อยๆ มาเข้าใจ จนในที่สุดพวกเขาจะกลายเป็นผู้มีความมั่นใจในพระเจ้า พวกเขาไม่เพียงไม่เก็บงำมโนคติอันหลงผิดเกี่ยวกับพระเจ้าและไม่กบฏต่อพระองค์เท่านั้น แต่จะยังยิ่งรังเกียจความคิดเหล่านั้นและความเป็นกบฏที่เคยครอบครองพวกเขามาก่อนหน้านี้มากขึ้นไปอีก และความรักแท้ต่อพระเจ้าจึงเกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขา ผู้คนที่ไร้ความสามารถที่จะหลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืดได้นั้น ล้วนถูกครอบครองด้วยเนื้อหนังและเต็มไปด้วยความกบฏอย่างสมบูรณ์ หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยมโนคติอันหลงผิดของมนุษย์และปรัชญาสำหรับการดำเนินชีวิตสารพัด รวมถึงเจตนาและความจงใจของพวกเขาเอง สิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ก็คือความรักเดียวใจเดียวจากมนุษย์ สิ่งที่พระองค์ทรงพึงประสงค์คือให้มนุษย์ถูกจับจองไว้ด้วยพระวจนะของพระองค์และด้วยหัวใจซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้า การได้ใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า ได้ค้นหาสิ่งที่พวกเขาควรแสวงหาภายในพระวจนะของพระองค์ ได้รักพระเจ้าเพื่อพระวจนะของพระองค์ ได้ดำเนินการเพื่อพระวจนะของพระองค์ ได้ใช้ชีวิตอยู่เพื่อพระวจนะของพระองค์—เหล่านี้คือเป้าหมายที่มนุษย์ควรเพียรพยายามจนสัมฤทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสร้างขึ้นตามพระวจนะของพระเจ้า เพียงเช่นนี้เท่านั้นที่มนุษย์จะสามารถทำตามข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้าได้ หากมนุษย์ไม่ตระเตรียมให้พร้อมด้วยพระวจนะของพระเจ้า เขาก็จะไม่ใช่อื่นใดนอกจากหนอนแมลงที่ถูกครอบครองโดยซาตาน! จงชั่งน้ำหนักเรื่องนี้ดูเถิด พระวจนะของพระเจ้าได้หยั่งรากภายในตัวเจ้าไปมากเพียงใดแล้ว? เจ้าใช้ชีวิตสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์ในสิ่งใดบ้าง? เจ้าใช้ชีวิตไม่สอดคล้องกับพระวจนะเหล่านั้นในสิ่งใดบ้าง? หากว่าเจ้าไม่ได้ยึดถือพระวจนะของพระเจ้า ไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วสิ่งใดกันแน่ที่จับจองหัวใจของเจ้า? ในชีวิตประจำวันของเจ้า เจ้าถูกควบคุมโดยซาตานหรือเจ้าถูกจับจองโดยพระวจนะของพระเจ้า? พระวจนะของพระองค์เป็นรากฐานที่เจ้าใช้อธิษฐานตามหรือไม่? เจ้าได้ออกมาจากสภาวะอันเป็นลบของเจ้าผ่านความรู้แจ้งในพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่? การนำพระวจนะของพระเจ้ามาเป็นรากฐานในการดำรงอยู่ของเจ้า—นี่สิคือสิ่งที่ทุกคนควรเข้าสู่ หากพระวจนะของพระเจ้าไม่ปรากฏอยู่ในชีวิตของเจ้า เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด เจ้ากำลังกบฏต่อพระเจ้า เจ้ากำลังต้านทานพระองค์ และเจ้ากำลังไม่ให้เกียรติพระนามของพระองค์ ความเชื่อในพระเจ้าของผู้คนเช่นนั้นเป็นความประพฤติเลวร้ายและเป็นสิ่งก่อกวนความสงบโดยแท้ ชีวิตเจ้ามากเท่าใดที่ได้ดำเนินไปโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์? และชีวิตเจ้ามากเท่าใดที่ไม่ได้ดำเนินไปโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์? สิ่งซึ่งพระวจนะของพระเจ้าได้พึงประสงค์จากเจ้า ได้รับการทำให้ลุล่วงในตัวเจ้าไปมากเท่าใดแล้ว? มากเท่าใดแล้วที่ได้สูญหายไปในตัวเจ้า? เจ้าได้พิจารณาสิ่งดังกล่าวเหล่านั้นอย่างใกล้ชิดแล้วหรือไม่?
การหลีกหนีจากอิทธิพลแห่งความมืดนั้นจำเป็นต้องใช้ทั้งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และความร่วมมืออย่างมอบอุทิศของมนุษย์ เหตุใดเราจึงกล่าวว่ามนุษย์ไม่ได้อยู่ในร่องครรลองอันถูกต้อง? ผู้คนซึ่งอยู่ในร่องครรลองอันถูกต้องจะสามารถมอบหัวใจของพวกเขาให้แก่พระเจ้าได้ก่อน นี่คือภารกิจหนึ่งซึ่งใช้เวลานานมากในการเข้าสู่ เพราะมนุษยชาติได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืดตลอดเวลา และตกอยู่ภายใต้พันธนาการของซาตานมาแล้วเป็นเวลาหลายพันปี เพราะฉะนั้น การเข้าสู่ภารกิจนี้ไม่สามารถสัมฤทธิ์ได้แค่ภายในวันหรือสองวัน เราได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาในวันนี้ก็เพื่อที่มนุษย์จะสามารถจับความเข้าใจสักอย่างเกี่ยวกับสภาวะของตัวพวกเขาเองได้ ครั้นมนุษย์สามารถหยั่งรู้ว่าอิทธิพลแห่งความมืดคืออะไร และความหมายของการใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างคืออะไร เมื่อนั้น การเข้าสู่ภารกิจนี้จะกลายเป็นง่ายขึ้นมาก นี่เป็นเพราะเจ้าต้องรู้เสียก่อนว่าอิทธิพลของซาตานนั้นคืออะไร เจ้าจึงจะสามารถหลีกหนีจากมันได้ หลังจากนั้นเท่านั้นที่เจ้าจะมีวิธีละทิ้งมันไป สำหรับสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้นั่นก็คือกิจธุระของมนุษย์เอง จงเริ่มเข้าสู่ทุกสิ่งทุกอย่างจากแง่มุมในด้านบวก และอย่ามัวเอาแต่รออย่างนิ่งเฉยโดยเด็ดขาด ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เจ้าจึงจะสามารถได้รับการรับไว้โดยพระเจ้า