บทที่ 83

เจ้าไม่รู้ว่าเราคือพระเจ้าผู้เปี่ยมมหิทธิฤทธิ์ และเจ้าก็ไม่รู้ว่า ทุกเหตุการณ์และทุกสิ่งนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา!  การที่ทุกสิ่งถูกจัดตั้งขึ้นและทำให้มีความครบบริบูรณ์โดยเรานั้นหมายความว่าอย่างไรหรือ?  พรและโชคร้ายของทุกๆ คนนั้นขึ้นอยู่กับการทำให้ลุล่วงของเราและการกระทำทั้งหลายของเรา  มนุษย์สามารถทำอะไรได้หรือ?  สิ่งใดเล่าที่มนุษย์สามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยการคิด?  ในยุคสุดท้ายนี้ ในยุคอันเสื่อมศีลธรรมนี้  ในพิภพมืดมิดนี้ที่ซาตานได้ทำให้เสื่อมทรามลงจนถึงระดับหนึ่ง สิ่งน้อยนิดอันใดเล่าที่สามารถกลมกลืนไปกับเจตนารมณ์ของเรา?  ไม่ว่ามันคือวันนี้ เมื่อวานนี้ หรือในอนาคตอันใกล้ สรรพชีวิตทั้งหมดก็ถูกกำหนดไว้โดยเรา ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับพรหรือทนทุกข์จากความโชคร้าย และไม่ว่าพวกเขาจะได้รับความรักหรือความเกลียดชังจากเรา ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจงโดยเราอย่างฉับพลันในคราวเดียว  ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากล้ายืนยันว่าย่างก้าวของเจ้าคือการกำหนดด้วยตัวเอง และว่าชะตากรรมของเจ้าอยู่ในการควบคุมของเจ้า?  ผู้ใดกล้าพูดเช่นนั้นหรือ?  ผู้ใดกล้าท้าทายเช่นนั้น?  ผู้ใดไม่กลัวเรา?  ผู้ใดที่ภายในหัวใจไม่เชื่อฟังต่อเรา?  ผู้ใดกล้ากระทำไปตามที่ตนเองยินดี?  เราจะตีสอนพวกเขาเดี๋ยวนั้น และจะไม่มีความปราณีต่อมนุษยชาติต่อไปอีกอย่างเด็ดขาด หรือมอบความรอดให้อีกต่อไป  ครั้งนี้—นั่นก็คือชั่วขณะที่พวกเจ้ายอมรับนามของเรา—คือครั้งสุดท้ายที่เราจะแสดงความกรุณาต่อมนุษย์  กล่าวคือ เราได้คัดสรรมนุษย์ส่วนหนึ่ง ผู้ที่แม้ว่าพรของพวกเขาจะไม่เป็นนิรันดร์ แต่ก็ได้ชื่นชมกับพระคุณของเราอย่างมากมาย เพราะฉะนั้น ต่อให้มันไม่ได้ถูกลิขิตเอาไว้ล่วงหน้าว่าเจ้าจะได้รับการอำนวยพรไปชั่วนิรันดร์ มันก็ไม่ได้ตามด้วยการที่เจ้าจะถูกปฏิบัติไม่ดี และเจ้านั้นก็ยังดีกว่าพวกที่จะทุกข์ทนจากโชคร้ายโดยตรงมากมายนัก

จริงอยู่ การพิพากษาของเราได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว และมันก็กำลังเข้าสู่ดินแดนที่ไม่เคยมีมาก่อน  การพิพากษาของเรานั้นมีต่อคนทุกคน และตอนนี้มันก็เป็นการพิพากษาอันโกรธเกรี้ยว  ในอดีต มันคือการพิพากษาอันเปี่ยมบารมี แต่ตอนนี้มันต่างไปมาก ในอดีต ผู้คนไม่ได้รู้สึกถึงความครั่นคร้ามแม้แต่น้อย จนกระทั่งพวกเขาได้เผชิญกับการพิพากษาของเราที่กำลังถูกส่งมอบให้ ทว่า ตอนนี้ ทันทีที่พวกเขาได้ยินแค่เพียงคำเดียว พวกเขาก็หวาดกลัวจนหัวหดแล้ว บางคนถึงขั้นขวัญหนีดีฝ่อแม้เมื่อเราเพียงเปิดปากของเรา  หากเสียงของเราเพียงปล่อยออกไปเมื่อเราเริ่มพูด พวกเขาก็กลัวเสียจนพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไร อยากอย่างแรงกล้าในตอนนั้นที่จะอำพรางตัวอยู่ในรูในพื้น หรือไม่ก็ซ่อนเร้นอยู่ตามมุมที่มืดที่สุดต่อไป  ผู้คนเช่นนี้ไม่สามารถได้รับการช่วยให้รอดได้เพราะพวกเขาถูกวิญญาณชั่วครอบงำ  เมื่อเราพิพากษาพญานาคใหญ่สีแดงและงูดึกดำบรรพ์ พวกมันขลาดกลัว และกลัวแม้กระทั่งจะถูกผู้อื่นพบเห็น แท้จริงแล้ว พวกมันคือพงศ์พันธุ์ของซาตานที่ถือกำเนิดขึ้นในความมืดมิด

เราเคยเอ่ยคำเหล่านี้บ่อยครั้ง “การลิขิตไว้ล่วงหน้า และการคัดสรร” พวกมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?  เราลิขิตไว้ล่วงหน้าและคัดสรรอย่างไร?  ทำไมคนบางคนจึงไม่อยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าและถูกคัดสรร?  เจ้าเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างไร?  สิ่งเหล่านี้ต้องมีการอธิบายที่ชัดเจนจากเรา และพวกมันจึงทำให้การที่เราพูดกับเจ้าโดยตรงเป็นสิ่งจำเป็น  หากเราได้เปิดเผยสิ่งเหล่านี้ภายในพวกเจ้า เช่นนั้นผู้โง่งมก็คงจะเชื่อไปผิดๆ ว่า มันคือความคิดที่ซาตานมอบให้!  เราก็คงจะถูกป้ายสีอย่างไม่เป็นธรรม!  ตอนนี้เราจะพูดอย่างโผงผางตรงไปตรงมาและจะไม่เหนี่ยวรั้งสิ่งใดไว้อีก นั่นก็คือ ตอนที่เราได้สร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมา เราได้สร้างบรรดาวัสดุที่มีประโยชน์สำหรับมวลมนุษย์ขึ้นมาก่อน (ดอกไม้ ต้นหญ้า ต้นไม้ ป่า ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ ผืนดินและมหาสมุทร แมลงทุกชนิด นก และสรรพสัตว์ บ้างเพื่อให้มนุษยชาติได้กิน และบ้างก็เพื่อให้มนุษยชาติได้มองดู)  ธัญพืชหลากหลายชนิดถูกสร้างขึ้นเพื่อมนุษยชาติตามความแตกต่างของพื้นที่ที่ต่างกัน เพียงหลังจากที่สร้างสรรพสิ่งทั้งหมดนี้แล้วเท่านั้น ที่เราได้เริ่มสร้างมนุษย์  ผู้คนมีอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกคือผู้ที่เราได้คัดสรรและลิขิตไว้ล่วงหน้า ชนิดที่สองนั้นมีขีดความสามารถของซาตาน และนี่คือชนิดที่ถูกสร้างขึ้นก่อนที่เราจะสร้างโลก แต่เพราะพวกเขาได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามโดยสมบูรณ์ เราจึงได้ทอดทิ้งพวกเขา  จากนั้นเราจึงสร้างชนิดที่ถูกคัดสรรและถูกลิขิตล่วงหน้าโดยเรา แต่ละคนต่างมีขีดความสามารถของเราในระดับต่างๆ กัน ดังนั้น ผู้ที่ถูกเราคัดสรรในวันนี้แต่ละคนย่อมมีขีดความสามารถของเราในระดับที่ต่างกัน  แม้ว่าพวกเขาได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามไปแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นของเรา แต่ละก้าวคือส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการของเรา กฎที่ซื่อตรงที่สุดในราชอาณาจักร เพราะนี่เป็นสิ่งที่เราได้วางแผนการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว  พวกที่คดในข้องอในกระดูกและหลอกลวงไม่มีวันซื่อสัตย์ขึ้นมาได้ เพราะพวกเขาคือหน่อเนื้อของซาตาน และถูกซาตานครอบงำ พวกเขาคือข้ารับใช้ของมัน และอยู่ภายใต้คำสั่งของมันตั้งแต่ต้นจนจบ  อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของทั้งหมดนี้คือการทำให้เจตจำนงของเราลุล่วง  เราได้ทำให้มันชัดเจนเพื่อลบล้างการคาดเดาของพวกเจ้า เราจะดูแลและปกป้องบรรดาผู้ที่เราทำให้มีความเพียบพร้อม สำหรับผู้ที่เรารังเกียจนั้น ทันทีที่การปรนนิบัติของพวกเขาสิ้นสุดลง พวกเขาจะออกไปจากที่ของเรา  เราเดือดดาลเมื่อคนเหล่านี้ถูกพูดถึง ทันทีที่พาดพิงถึงพวกเขา เราก็ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะจัดการกับพวกเขาในบัดดล  แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เราก็ควบคุมการกระทำของเราเอาไว้อยู่ เราคอยประเมินการกระทำและคำพูดของเราอยู่ เราสามารถกดขี่โลกได้ในชั่ววูบแห่งความโกรธ แต่ผู้ที่เราได้ลิขิตไว้ล่วงหน้าคือข้อยกเว้น  หลังจากที่ใจเย็นลง เราสามารถกุมโลกเอาไว้ในอุ้งมือเรา  หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า เราควบคุมทุกอย่าง  เมื่อเราเห็นว่าโลกได้ถูกทำให้เสื่อมทรามจนถึงขั้นที่ผู้คนไม่สามารถทนรับได้ เราจะทำลายมันในทันที  มิใช่ว่าเราจะสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยการเปล่งถ้อยคำเพียงคำเดียวหรอกหรือ?

เราคือพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงพระองค์เอง เราไม่ได้แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์อันเหนือธรรมชาติใดๆ แต่งานอันมหัศจรรย์ของเราอยู่ทุกหนแห่ง ถนนข้างหน้าจะกลับสว่างอำไพมากขึ้นโดยไม่มีอะไรมาเทียบได้ วิวรณ์ในแต่ละก้าวของเราคือทางที่เราบ่งชี้ให้แก่พวกเจ้าและมันคือแผนการบริหารจัดการของเรา  กล่าวได้ว่า ในอนาคต วิวรณ์เหล่านี้จะกลายมามีจำนวนมากยิ่งขึ้น และชัดเจนขึ้นทุกที  แม้กระทั่งในยุคอาณาจักรพันปี—ในอนาคตอันใกล้นี้—พวกเจ้าต้องก้าวไปข้างหน้าตามวิวรณ์ของเราและการติดตามย่างก้าวของเรา  ทุกอย่างได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว และทุกอย่างถูกตระเตรียมเอาไว้แล้ว พรต่างๆ อันนิรันดร์รอคอยพวกเจ้าอยู่ท่ามกลางผู้ที่ได้รับพร ในขณะที่ผู้ที่ถูกลงแส้มีการตีสอนนิรันดร์รอคอยพวกเขาอยู่  ความล้ำลึกของเรามีจำนวนมากเกินไปสำหรับพวกเจ้า สิ่งที่เป็นเพียงคำที่เรียบง่ายที่สุดสำหรับเราคือสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับพวกเจ้า  ดังนั้น เราเอ่ยวาจามากขึ้นทุกทีเพราะพวกเจ้าเข้าใจน้อยเกินไป และจำเป็นที่เราจะต้องอธิบายไปทีละคำและทุกๆ คำ ทว่าไม่ต้องกังวลจนเกินไป เราจะพูดกับพวกเจ้าในสิ่งที่สอดคล้องกับงานของเรา

ก่อนหน้า: บทที่ 82

ถัดไป: บทที่ 84

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger