บทที่ 80
ในทุกสรรพสิ่ง การสัมพันธ์สนิทจริงกับเราเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่จะได้รับการให้ความรู้แจ้งและการให้ความกระจ่าง โดยผ่านทางการนี้เท่านั้น จิตวิญญาณจึงจะสามารถอยู่อย่างสงบได้ มิเช่นนั้นจิตวิญญาณจะไม่มีสันติสุข ปัจจุบันนี้ ความเจ็บป่วยร้ายแรงที่สุดท่ามกลางพวกเจ้าคือ การแยกสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติของเราออกจากเทวสภาพอันครบบริบูรณ์ของเรา ที่มากไปกว่านั้นก็คือ พวกเจ้าส่วนมากเน้นไปที่สภาวะความเป็นมนุษย์ปกติของเรา ราวกับว่า พวกเจ้าไม่เคยรู้เลยว่าเราก็มีเทวสภาพที่ครบบริบูรณ์ด้วย การนี้ช่างหมิ่นประมาทเรานัก! เจ้ารู้เรื่องนั้นหรือไม่? ความเจ็บป่วยของพวกเจ้าร้ายแรงเสียจนถ้าหากเจ้าไม่รีบเร่งและฟื้นฟู เจ้าจะถูกฆ่าด้วยมือของเรา ต่อหน้าเรา เจ้าประพฤติอย่างหนึ่ง (โดยปรากฏให้เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีเกียรติ ถ่อมตนและอดทน) ทว่าพอลับหลังเรา เจ้าก็ประพฤติแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง (หน้าซื่อใจคด เหลวแหลกและปราศจากการหักห้ามใจอย่างสิ้นเชิง โดยทำสิ่งใดก็ตามที่เจ้าต้องการทำ สร้างฝักฝ่าย จัดตั้งราชอาณาจักรอิสระ โดยปรารถนาที่จะทรยศเรา) เจ้าช่างตาบอดนัก! จงเปิดตาของเจ้าซึ่งได้ถูกซาตานล่อลวงเสียเถิด! จงมองดูว่าจริงๆ แล้วเราคือใคร! เจ้าไม่มีความละอายเลย! เจ้าไม่รู้ว่าการกระทำของเรานั้นอัศจรรย์! เจ้าไม่รู้จักความทรงมหิทธิฤทธิ์ของเรา! ผู้ใดหรือจะสามารถได้รับการกล่าวถึงว่าทำงานปรนนิบัติเพื่อพระคริสต์ในขณะที่ยังไม่ได้รับการช่วยให้รอด? เจ้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังเล่นบทบาทใดอยู่! ที่จริงแล้วเจ้ามาอยู่ต่อหน้าเราด้วยการปลอมตัว อวดเสน่ห์ของเจ้า—เจ้าคนชั่วช้า! เราจะไล่เจ้าออกจากบ้านของเรา เราไม่ใช้บุคคลประเภทนี้ เพราะเราหาได้ลิขิตไว้ล่วงหน้าไม่ อีกทั้งไม่ได้เลือกพวกเขา
เราทำตามที่เรากล่าว พวกที่ทำชั่วต้องไม่ยำเกรง เราไม่ทำผิดต่อบุคคลใด เรากระทำการตามแผนการของเราเสมอและทำสิ่งทั้งหลายโดยสอดคล้องกับความชอบธรรมของเรา เพราะพวกที่ทำชั่วได้เป็นพงศ์พันธุ์ของซาตานมาตั้งแต่การทรงสร้าง เราไม่ได้เลือกพวกเขา นี่คือความหมายของคำกล่าวที่ว่า “แม้ภูเขาและแม่น้ำอาจแปรเปลี่ยนและแปลงสภาพ แต่ธรรมชาติของคนเรานั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง” ในเรื่องทั้งหลายที่มนุษยชนไม่สามารถเข้าใจได้ ทุกสิ่งก็ได้ถูกทำให้ชัดเจน และไม่มีสิ่งใดถูกซ่อนเร้นจากเรา เจ้าอาจจะสามารถซ่อนเร้นบางสิ่งบางอย่างจากสายตาของผู้คนจำนวนเล็กน้อยได้ และแม้กระทั่งเอาชนะใจจนได้รับความไว้วางใจจากผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่กับเราแล้วมันไม่ง่ายเช่นนั้น ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าย่อมไม่สามารถหลีกหนีการพิพากษาของเราได้ การจับจ้องของมวลมนุษย์มีขีดจำกัด และแม้แต่บรรดาผู้ที่สามารถเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้ในสัดส่วนเล็กๆ ก็นับว่าครองทักษะความชำนาญอยู่บ้าง สำหรับเราแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินการอย่างราบรื่นและไม่มีสิ่งใดมาขวางทางของเราแม้แต่น้อย ด้วยว่าทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมและการจัดการเตรียมการของเรา ผู้ใดหรือจะกล้าดีไม่นบนอบต่อการควบคุมของเรา! ผู้ใดเล่าจะกล้าดีทำให้การจัดการเตรียมการของเราหยุดชะงัก! ผู้ใดเล่าจะกล้าดีไม่จงรักภักดีหรืออกตัญญูต่อเรา! ผู้ใดเล่าจะกล้าดีบอกบางสิ่งบางอย่างที่ไม่แท้จริงกับเรา และกลับบอกเรื่องโกหกทั้งเพกับเราแทน! จะไม่มีผู้ใดในพวกเขาหลีกหนีมือที่เปี่ยมพิโรธของเราไปได้ ต่อให้ในตอนนี้เจ้าได้ยอมรับสภาพความปราชัย และเต็มใจที่จะถูกตีสอนและเข้าสู่บาดาลลึก เราก็ยังคงจะไม่ละเว้นเจ้าโดยง่าย เราต้องเอาเจ้าขึ้นมาจากบาดาลลึกเพื่อที่เจ้าจะได้อยู่ภายใต้การลงโทษที่เปี่ยมพิโรธ (การเกลียดแบบสุดขั้ว) ของเราอีกครั้งหนึ่ง มีที่ใดที่เจ้าสามารถวิ่งหนีไปได้หรือ? สิ่งที่เราเกลียดชังมากที่สุดคือ ตอนที่ผู้คนแยกสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติของเราออกจากเทวสภาพอันครบบริบูรณ์ของเรา
ผู้ได้รับพรคือบรรดาผู้ที่จงรักภักดีต่อเรา กล่าวคือ ผู้ได้รับพรคือบรรดาผู้ที่ระบุชี้อย่างแท้จริงว่า เราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ซึ่งตรวจดูหัวใจของมนุษย์อย่างใกล้ชิด เราจะเพิ่มพรของเจ้าเป็นทวีคูณอย่างแน่นอน โดยให้เจ้าได้ชื่นชมพรที่ดีทั้งหลายในราชอาณาจักรของเราตลอดกาล นี่ยังเป็นหนทางที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในการนำความอับอายมาสู่ซาตานด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จงอย่าใจร้อนหรือ วิตกกังวลเกินไปนัก เรากำหนดเวลาสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง หากเวลาที่เราได้กำหนดไว้ล่วงหน้ายังมาไม่ถึง เช่นนั้นแล้วต่อให้เร็วขึ้นสักแค่หนึ่งวินาที เราก็จะไม่กระทำการใด เรากระทำการอย่างเที่ยงตรงและตามจังหวะ เราไม่กระทำการโดยปราศจากเหตุผล จากแง่มุมของมนุษย์นั้น เราไม่ถูกรุมเร้าโดยความวิตกกังวลเลย เราหนักแน่นเหมือนภูเขาไท่—แต่เจ้าไม่รู้หรือว่า เราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์พระองค์เอง? จงอย่าใจร้อนเกินไป ทั้งหมดอยู่ในมือของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกตระเตรียมไว้นานแล้ว และไม่มีสิ่งใดสามารถรอที่จะทำงานปรนนิบัติให้กับเราได้ ทั่วทั้งสากลพิภพปรากฏให้เห็นภายนอกว่าอยู่ในความอลหม่าน แต่จากมุมมองของเรา ทั้งหมดล้วนอยู่ในความเป็นระเบียบ สิ่งที่เราได้ตระเตรียมสำหรับพวกเจ้าก็เพียงเพื่อให้พวกเจ้าได้ชื่นชมเท่านั้น เจ้าตระหนักถึงการนี้หรือไม่? จงอย่าแทรกตัวเจ้าเองเข้ามาในการบริหารจัดการของเรา เราจะปล่อยให้กลุ่มชนทั้งผองและประชาชาติชาติทั้งปวงได้เห็นความทรงมหิทธิฤทธิ์ของเราจากการกระทำของเรา และเราจะปล่อยให้พวกเขาสาธุการและสรรเสริญนามอันบริสุทธิ์ของเราเพราะกิจการที่น่าอัศจรรย์ทั้งหลายของเรา ดังที่เราได้กล่าวไว้ การนี้เป็นเพราะเราไม่ทำสิ่งใดที่ปราศจากพื้นฐาน ตรงกันข้าม ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยปัญญาของเราและฤทธานุภาพของเรา เต็มไปด้วยความชอบธรรมและบารมีของเรา และยิ่งมากกว่านั้นก็คือ เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของเรา
บรรดาผู้ที่ตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินวจนะของเราจะได้รับพรของเราอย่างแน่นอนและจะได้รับการคุ้มครองและการดูแลของเราอย่างแน่แท้ พวกเขาจะไม่ผ่านประสบการณ์กับความทุกข์แห่งการตีสอน ตรงกันข้าม พวกเขาจะได้ชื่นชมความสุขในครอบครัว เจ้ารู้การนี้หรือไม่? ความทุกข์เป็นนิรันดร์ และความชื่นบานยินดีเป็นนิรันดร์ยิ่งกว่าเสียอีก ทั้งสองนั้นจะเป็นประสบการณ์นับจากนี้เป็นต้นไป การที่เจ้าจะทนทุกข์หรือได้รับประสบการณ์กับความชื่นบานยินดีนั้นขึ้นอยู่กับว่า เจ้ายึดถือท่าทีประเภทใดขณะที่เจ้ารับรู้ถึงบาปของเจ้า ในส่วนที่ว่า เจ้าเป็นผู้ที่เราเลือกสรรและลิขิตไว้ล่วงหน้าหรือไม่นั้น เจ้าควรแน่ใจถึงการนี้โดยพิจารณาจากสิ่งที่เจ้าได้พูดไป เจ้าสามารถหลอกผู้คนได้ แต่เจ้าไม่สามารถหลอกเราได้ บรรดาคนเหล่านั้นที่เราได้ลิขิตไว้ล่วงหน้าและได้เลือกสรรไว้จะได้รับพรอย่างยิ่งใหญ่นับจากนี้ไป ส่วนพวกที่เราไม่ได้ลิขิตไว้ล่วงหน้าและไม่ได้เลือกสรรไว้นั้น เราจะตีสอนพวกเขาอย่างเกรี้ยวกราดนับจากนี้ไป นี่จะเป็นข้อพิสูจน์ของเราที่มีต่อพวกเจ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บรรดาผู้ที่ได้รับพรในตอนนี้คือผู้เป็นที่รักของเรา ส่วนพวกที่ถูกตีสอน ก็เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่าพวกเขาไม่ได้ถูกเราเลือกสรรและลิขิตไว้ล่วงหน้า เจ้าควรชัดเจนกับการนี้! กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากว่าสิ่งที่เจ้าได้รับในตอนนี้คือการที่จะถูกเราจัดการ และหากว่าเจ้าได้รับวจนะแห่งการพิพากษาที่เกรี้ยวกราดของเรา เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะถูกเกลียดชังและเป็นที่รังเกียจในหัวใจของเรา และเจ้าจะเป็นหนึ่งในบรรดาพวกที่เราโยนทิ้งไป หากว่าพวกเจ้าได้รับการปลอบประโลมของเราและการจัดเตรียมชีวิตของเรา เช่นนั้นแล้วเจ้าก็อยู่ในการครอบครองของเรา เจ้าคือหนึ่งในผู้เป็นที่รักของเรา เจ้าไม่สามารถกำหนดพิจารณาการนี้บนพื้นฐานของการปรากฏให้เห็นภายนอกของเรา จงอย่าเสียสติด้วยเรื่องนี้!
วจนะของเราพูดกับภาวะที่แท้จริงของทุกตัวบุคคล พวกเจ้าเชื่อว่าเราเพียงแต่ดำเนินการเกี่ยวกับหัวข้อทั้งหลายตามอำเภอใจ หรือว่าเราเพียงแค่พูดเรื่องใดก็ตามที่เรารู้สึกอยากพูดกระนั้นหรือ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน! ปัญญาของเราซ่อนอยู่ในทุกวจนะของเรา เจ้าควรแค่รับวจนะของเราไว้ว่าเป็นความจริง ภายในระยะเวลาไม่นานนัก บรรดาชาวต่างประเทศผู้ที่กำลังแสวงหาหนทางที่แท้จริงจะพากันเข้ามา เมื่อการนั้นเกิดขึ้น พวกเจ้าจะตกตะลึงจนพูดไม่ออก และทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วงโดยไม่มีความลำบากยากเย็นแม้แต่น้อย เจ้าไม่รู้หรือว่าเราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์? เมื่อได้ยินวจนะเหล่านี้ของเรา พวกเจ้าเชื่อวจนะเหล่านั้นอย่างมั่นคง ไม่ใช่หรอกหรือ? เราไม่ทำความผิดพลาดอันใด โดยไม่ต้องพูดถึงการเปล่งถ้อยแถลงที่ไม่ถูกต้องออกไป เจ้ารู้ถึงการนี้หรือไม่? ด้วยเหตุนั้น เราจึงได้เน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพวกเจ้าต้องยอมรับการฝึกฝนของเราอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้นำทางและเป็นผู้เลี้ยงให้พวกเขา เจ้ารู้ถึงการนี้หรือไม่? เราจะทำให้พวกเขามีความเพียบพร้อมโดยผ่านทางพวกเจ้า ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เราจะทำการสำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์อันมากมายมหาศาลของเราผ่านทางพวกเจ้า นั่นคือ เราได้เลือกสรรผู้คนกลุ่มหนึ่งเพื่อสำแดงตัวเราจากท่ามกลางคนเหล่านั้นที่มนุษยชนดูแคลน เพื่อถวายพระสิริแก่นามของเรา เพื่อควบคุมดูแลทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเรา และเพื่อครองราชย์ในฐานะกษัตริย์กับเรา ด้วยเหตุนั้น การฝึกฝนปัจจุบันของเราที่มีต่อพวกเจ้าจึงเป็นการบริหารจัดการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อโลก นี่คือสิ่งน่าอัศจรรย์ใจที่มนุษยชนไม่สามารถดำเนินการได้ โดยวิถีทางของการทำให้พวกเจ้าเพียบพร้อม เราจะโยนซาตานลงไปในบึงไฟและกำมะถันและลงสู่บาดาลลึก จะโยนพญานาคใหญ่สีแดงลงไปสู่ความตายของมันอย่างถึงที่สุด โดยที่ไม่มีวันได้ผุดกลับขึ้นมาอีก ดังนั้น พวกที่ถูกโยนลงไปในบาดาลลึกทั้งหมดจึงเป็นพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดง เราเกลียดชังพวกเขาถึงระดับที่สุดขั้ว เราได้ทำให้เกิดการนี้ พวกเจ้าไม่สามารถมองเห็นได้เลยหรือ? หมดทุกคนที่ไม่จงรักภักดี และหมดทุกคนที่ใช้ความคดโกงและความหลอกลวงได้ถูกเปิดโปงแล้ว พวกที่ลำพองใจ ทะนงตน คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอและอวดดีคือพงศ์พันธุ์ของหัวหน้าทูตสวรรค์ และพวกเขาเป็นแบบฉบับของซาตานมากที่สุด—พวกเขาทั้งหมดคือพวกศัตรูตัวฉกาจของเรา เป็นคู่อาฆาตของเรา เราต้องลงโทษพวกเขาทีละคนเพื่อทำให้ความเกลียดชังในหัวใจของเราดับสิ้นไป เราจะทำการนี้ทีละรายการ แก้ไขแต่ละรายการเป็นลำดับ
ทีนี้ บึงไฟและกำมะถันและบาดาลลึกคืออะไรกันแน่? ในจินตนาการของมนุษย์ บึงไฟและกำมะถันคือสิ่งที่เป็นวัตถุ แต่มนุษยชนไม่รู้ว่านี่คือคำอธิบายที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง ถึงกระนั้น การนั้นก็ยังคงจับจองตำแหน่งเฉพาะหนึ่งอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของผู้คน บึงไฟและกำมะถันคือการที่มือของเราตวงแบ่งการตีสอนให้กับมนุษยชน โดยที่ผู้ใดก็ตามที่ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถันได้ถูกสังหารโดยมือของเรา วิญญาณ จิตใจและร่างกายของคนเหล่านี้กำลังทนทุกข์ตลอดกาล นี่คือความหมายที่แท้จริงของวจนะของเราเมื่อเรากล่าวว่าทุกสิ่งอยู่ในมือของเรา แล้วบาดาลลึกอ้างอิงถึงสิ่งใดเล่า? พวกมนุษย์สร้างมโนทัศน์ว่า มันคือนรกขุมลึกขนาดใหญ่ที่ลึกจนไม่อาจหยั่งถึงและไม่สิ้นสุด บาดาลลึกที่แท้จริงคืออิทธิพลของซาตาน หากบุคคลหนึ่งตกลงไปในมือของซาตาน บุคคลนี้ก็จะอยู่ในบาดาลลึก ต่อให้พวกเขามีปีกงอกออกมา พวกเขาก็ไม่อาจบินออกมาได้ นี่คือเหตุผลที่มันถูกเรียกว่าบาดาลลึก ผู้คนเช่นนั้นทั้งหมดจะตกอยู่ภายใต้การตีสอนชั่วนิรันดร์ นี่คือหนทางที่เราได้จัดการเตรียมการเอาไว้