ช) อะไรคือแก่นแท้ของการที่โลกศาสนาร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อต้านทานและกล่าวโทษพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และผลของเรื่องนี้ย่อมจะเป็นเช่นใด

พระวจนะของพระเจ้าจากพระคัมภีร์

“บาบิโลนมหานครพังทลายแล้ว พังทลายแล้ว กลายเป็นที่อาศัยของพวกผี เป็นที่อยู่ของวิญญาณทุกชนิดที่โสโครก เป็นที่อยู่ของนกทุกชนิดที่โสโครก [และเป็นที่อยู่ของสัตว์ร้ายทุกชนิดที่โสโครก] และน่าเกลียดน่าชัง” (วิวรณ์ 18:2)

“วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว นครที่ยิ่งใหญ่ นครบาบิโลนที่แข็งแกร่ง เพราะการพิพากษามาถึงเจ้าแล้วภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น” (วิวรณ์ 18:10)

พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แห่งยุคสุดท้าย

โลกกำลังล่มจม!  บาบิโลนกำลังเป็นอัมพาต!  โอ โลกศาสนา!  มันจะไม่ถูกสิทธิอำนาจของเราบนแผ่นดินโลกทำลายลงได้อย่างไร?  ผู้ใดยังกล้าไม่เชื่อฟังและต่อต้านเรา?  บรรดาอาลักษณ์กระนั้นหรือ?  เจ้าหน้าที่ทางศาสนาทุกคนกระนั้นหรือ?  บรรดาผู้ปกครองและผู้มีอำนาจบนแผ่นดินโลกกระนั้นหรือ?  เหล่าทูตสวรรค์กระนั้นหรือ?  ผู้ใดเล่าที่ไม่เฉลิมฉลองความเพียบพร้อมและความครบถ้วนบริบูรณ์แห่งกายของเรา?  ท่ามกลางกลุ่มชนทั้งปวง ผู้ใดเล่าที่ไม่ร้องเพลงสรรเสริญเราอย่างไม่หยุดหย่อน ผู้ใดเล่าที่ไม่มีความสุขนิรันดร์?  เราใช้ชีวิตอยู่ในแผ่นดินที่เป็นถ้ำของพญานาคใหญ่สีแดง กระนั้นนี่ก็ไม่ทำให้เราสั่นเทาด้วยความกลัวหรือวิ่งหนี เพราะผู้คนทั้งหมดของมันเริ่มเกลียดมันแล้ว  ไม่เคยมีสิ่งใดทำ “หน้าที่” ของมันต่อหน้าพญานาคเพื่อประโยชน์แห่งพญานาค แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งกระทำการตามที่พวกมันเห็นว่าเหมาะ และแต่ละสิ่งก็ทำไปตามหนทางของตัวเอง  ประเทศทั้งหลายบนแผ่นดินโลกจะไม่พินาศได้อย่างไร?  ประเทศทั้งหลายบนแผ่นดินโลกจะไม่ล่มจมได้อย่างไร?  ประชากรของเราจะไม่โห่ร้องยินดีได้อย่างไร?  พวกเขาจะไม่ขับร้องด้วยความชื่นบานยินดีได้อย่างไร?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 22

พวกปีศาจและพวกวิญญาณชั่ววิ่งพล่านไปบนแผ่นดินโลกมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ปิดกั้นทั้งน้ำพระทัยและความพยายามอุตสาหะของพระเจ้าอย่างแน่นหนาแล้ว จนกระทั่งสิ่งเหล่านั้นมิอาจผ่านเข้าไปได้  แท้จริงแล้ว นี่คือบาปมหันต์!  พระเจ้าจะไม่ทรงรู้สึกวิตกกังวลได้อย่างไร?  พระเจ้าจะไม่ทรงรู้สึกพิโรธได้อย่างไร?  พวกมันได้ขัดขวางและต่อต้านพระราชกิจของพระเจ้าอย่างสาหัส  ช่างเป็นกบฏอะไรเช่นนี้!  แม้แต่พวกปีศาจเหล่านั้นทั้งใหญ่และเล็ก ก็ยังประพฤติตัวเหมือนพวกหมาจิ้งจอกที่ตามติดส้นเท้าสิงโตและทำตามกระแสชั่ว โดยคิดวางแผนให้เกิดการรบกวนไปตามทางที่พวกมันไป  พวกบุตรแห่งการกบฏเหล่านี้ ครั้นได้รู้ความจริงแล้ว พวกมันก็จงใจต่อต้านความจริง!  มาถึงบัดนี้ที่กษัตริย์แห่งนรกของพวกมันได้ขึ้นสู่บัลลังก์แห่งกษัตริย์แล้ว ก็เป็นราวกับว่าพวกมันได้กลายเป็นพอใจในตัวเองและชะล่าใจ โดยปฏิบัติต่อผู้อื่นทั้งปวงด้วยการเหยียดหยาม  มีกี่คนหรือในหมู่พวกมันที่แสวงหาความจริงและปฏิบัติตามความชอบธรรม?  พวกมันทั้งหมดคือสัตว์ร้าย ไม่ได้ดีไปกว่าสุกรและสุนัข อยู่กับหัวหน้าฝูงแมลงวันที่ส่งกลิ่นเหม็นสาป แกว่งหัวไปมาแสดงความยินดีกับตัวเองอย่างภาคภูมิใจ และก่อกวนให้เกิดปัญหาทุกประเภท[1] ในท่ามกลางกองมูลสัตว์  พวกมันเชื่อว่ากษัตริย์แห่งนรกของพวกมันคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดากษัตริย์ทั้งปวง โดยแทบไม่รู้เลยว่า พวกมันเองนั้นไม่ได้เป็นมากไปกว่าแมลงวันที่ส่งกลิ่นเหม็นทั้งหลาย  แต่กระนั้น พวกมันก็อาศัยประโยชน์จากอำนาจของสุกรและสุนัขที่พวกมันยึดถือเป็นบิดามารดาเพื่อใส่ร้ายการทรงดำรงอยู่ของพระเจ้า  ในฐานะแมลงวันตัวจิ๋ว พวกมันเชื่อว่าบิดามารดาของพวกมันใหญ่โตเท่าพวกวาฬน้ำเงิน[2]  พวกมันหารู้ไม่ว่า ในขณะที่พวกมันเองนั้นตัวเล็กกระจิ๊ด บิดามารดาของพวกมันก็เป็นสุกรและสุนัขไม่สะอาดที่ใหญ่กว่าพวกมันหลายร้อยล้านเท่า  พวกมันพึ่งพากลิ่นเหม็นตุของการเน่าเปื่อยที่สุกรและสุนัขเหล่านั้นคายออกมาเพื่อที่จะวิ่งพล่าน คิดลมๆ แล้งๆ ว่าจะให้กำเนิดชนรุ่นใหม่ในอนาคตโดยไม่ตระหนักรู้ถึงความต่ำต้อยของพวกมันเอง ช่างไม่นึกละอายบ้างเลย!  ด้วยปีกสีเขียวบนหลังของพวกมัน (นี่อ้างอิงถึงการกล่าวอ้างของพวกมันว่าเชื่อในพระเจ้า) พวกมันหลงตัวเองและโอ้อวดความงามและความยั่วยวนของพวกมันเองทุกที่ ในขณะที่พวกมันแอบสลัดความมีราคีทั้งหลายบนตัวของพวกมันเองเข้าใส่มนุษย์  ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันพอใจในตัวพวกมันเองเหลือเกิน ราวกับว่าพวกมันสามารถใช้ปีกสีรุ้งหนึ่งคู่เพื่อปกปิดความมีราคีทั้งหลายของพวกมันเองได้ และพวกมันนำพาการกดขี่ของพวกมันมามีผลต่อการทรงดำรงอยู่ของพระเจ้าเที่ยงแท้ได้ด้วยวิถีทางเหล่านี้ (นี่อ้างอิงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังฉากในโลกศาสนา)  มนุษย์จะรู้ได้อย่างไรว่า แม้จะสวยงามชวนให้หลงใหลอย่างที่ปีกของแมลงวันอาจจะเป็น ที่จริงแล้ว เจ้าแมลงวันเองนั้นไม่ได้เป็นมากไปกว่าสิ่งทรงสร้างขนาดจิ๋ว โดยมีพุงซึ่งเต็มไปด้วยความโสมมและร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยเชื้อโรค?  พวกมันวิ่งพล่านไปทั่วแผ่นดินด้วยเรี่ยวแรงของสุกรและสุนัขที่พวกมันยึดถือเป็นบิดามารดา (นี่อ้างอิงถึงหนทางที่เจ้าหน้าที่ทางศาสนาผู้ที่ข่มเหงพระเจ้าพึ่งพาการหนุนหลังอันแข็งแกร่งจากรัฐบาลแห่งชาติเพื่อกบฏต่อพระเจ้าเที่ยงแท้และความจริง) ปล่อยตัวปล่อยใจไปในความอำมหิตของพวกมัน  นั่นเป็นราวกับว่าบรรดาผีของพวกฟาริสีชาวยิวได้กลับมายังชนชาติของพญานาคใหญ่สีแดงพร้อมกันกับพระเจ้า กลับไปสู่รังเดิมของพวกมัน  หนำซ้ำพวกมันยังได้เริ่มการข่มเหงอีกรอบ โดยเก็บงานของพวกมันจากเมื่อหลายพันปีมาแล้วมาทำต่อ  แน่นอนว่า พวกคนต่ำทรามกลุ่มนี้จะพินาศบนแผ่นดินโลกในท้ายที่สุด!  มันคงจะปรากฏว่า หลังจากหลายสหัสวรรษแล้วนั้น พวกวิญญาณที่ไม่สะอาดได้กลายเป็นเจ้าเล่ห์และมีเล่ห์เหลี่ยมมากยิ่งขึ้นไปอีก วิญญาณเหล่านั้นกำลังคิดอยู่เนืองนิตย์ถึงหนทางทั้งหลายที่จะแอบบ่อนทำลายพระราชกิจของพระเจ้า  ด้วยเพทุบายและกลลวงมากมาย พวกมันปรารถนาที่จะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมของหลายพันปีก่อนขึ้นอีกครั้งในถิ่นฐานของพวกมัน โดยยั่วยุพระเจ้าจนเกือบถึงจุดที่ต้องทรงร้องออกมา  พระองค์แทบจะไม่สามารถรั้งพระองค์เองจากการทรงกลับไปยังสวรรค์ชั้นที่สามเพื่อทำลายล้างพวกมันได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (7)

เชิงอรรถ:

1. “ก่อกวนให้เกิดปัญหาทุกประเภท” อ้างอิงถึงวิธีที่ผู้คนซึ่งเหมือนปีศาจทำตัวเกเร โดยการเป็นอุปสรรคและต่อต้านพระราชกิจของพระเจ้า

2. “พวกวาฬน้ำเงิน” ใช้กันในทางเย้ยหยัน  มันคือคำอุปมาสำหรับการที่แมลงวันนั้นมีขนาดเล็กมากเหลือเกิน จนกระทั่งสำหรับพวกมันแล้วสุกรและสุนัขก็ปรากฏว่าใหญ่เท่ากับวาฬ


พระคริสต์เสด็จมาในระหว่างยุคสุดท้ายเพื่อที่ทุกคนซึ่งเชื่อในพระองค์อย่างแท้จริงอาจได้รับการจัดเตรียมชีวิตไว้ให้  พระราชกิจของพระองค์นั้นเป็นไปเพื่อการสรุปปิดตัวยุคเก่าและเข้าสู่ยุคใหม่ และพระราชกิจของพระองค์คือเส้นทางที่ทุกคนที่จะเข้าสู่ยุคใหม่จำต้องรับไว้  หากเจ้าไม่สามารถยอมรับรู้เกี่ยวกับพระองค์ และแทนที่จะเป็นเช่นนั้นกลับกล่าวโทษ หมิ่นประมาท หรือกระทั่งถึงกับข่มเหงพระองค์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็มีแนวโน้มที่จะถูกเผาไหม้ไปชั่วนิรันดร์และจะไม่มีวันเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้าได้  เพราะพระคริสต์พระองค์นี้ทรงเป็นการแสดงออกด้วยพระองค์เองของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นการแสดงออกของพระเจ้า ทรงเป็นองค์หนึ่งเดียวที่พระเจ้าได้มอบความไว้วางพระทัยให้ปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก  และดังนั้นเราจึงกล่าวว่าหากเจ้าไม่สามารถยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายได้ทรงปฏิบัติ เช่นนั้นแล้วเจ้าย่อมหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์  บทลงโทษซึ่งพวกที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะได้รับนั้นประจักษ์ชัดในตัวของมันเองต่อทุกคน  เรายังบอกเจ้าอีกว่าหากเจ้าต่อต้านพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย หากเจ้ารังเกียจเดียดฉันท์พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย จะไม่มีใครอื่นอีกที่จะแบกรับผลสืบเนื่องแทนเจ้า  ยิ่งไปกว่านั้น นับจากวันนี้ไปเจ้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้วที่จะได้รับการรับรองจากพระเจ้า ต่อให้เจ้าพยายามไถ่บาปให้แก่ตัวเจ้าเองก็ตาม เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้าอีกแล้ว  เพราะสิ่งที่เจ้าต่อต้านนั้นไม่ใช่มนุษย์ สิ่งที่เจ้ารังเกียจเดียดฉันท์นั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ อ่อนแอบางอย่าง แต่เป็นพระคริสต์  เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลสืบเนื่องของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร?  เจ้าจะไม่ได้ทำความผิดพลาดเล็กๆ แต่จะได้ก่ออาชญากรรมอันชั่วร้าย  และดังนั้นเราจึงแนะนำทุกคนไม่ให้แสดงอาการแยกเขี้ยวข่มขู่เมื่ออยู่ต่อหน้าความจริง หรือทำการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ระมัดระวัง เพราะความจริงเท่านั้นที่สามารถนำชีวิตมาสู่เจ้าได้ และไม่มีอะไรเว้นแต่ความจริงที่สามารถเปิดโอกาสให้เจ้าเกิดใหม่และได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้าอีกครั้ง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายเท่านั้นที่สามารถประทานหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์แก่มนุษย์ได้

ลองระลึกถึงฉากเหตุการณ์หนึ่งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ คราที่พระเจ้าทรงก่อให้เกิดการทำลายล้างเมืองโสโดม และลองนึกถึงการที่ภรรยาของโลทกลายไปเป็นเสาเกลือได้อย่างไรเช่นกัน  ลองรำลึกย้อนไปว่าประชาชนของเมืองนีนะเวห์ ได้กลับใจจากบาปของพวกเขาด้วยการใส่ชุดผ้ากระสอบและเข้าไปอยู่ในกองเถ้าอย่างไร และลองระลึกย้อนไปว่า อะไรที่ตามมาหลังจากที่ชาวยิวได้ตอกตรึงพระเยซูเข้ากับกางเขนเมื่อ 2,000 ปีที่ผ่านมา  พวกยิวได้ถูกขับออกจากประเทศอิสราเอล และหลบหนีไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีมากมายที่ถูกฆ่า และชนชาติยิวทั้งชาติก็ตกอยู่ภายใต้ความเจ็บปวดจากความย่อยยับของประเทศของพวกเขาในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน  พวกนั้นได้ตอกตรึงพระเจ้าเข้ากับกางเขน—กระทำผิดในบาปที่ชั่วช้ารุนแรงที่สุด—และยั่วยุพระอุปนิสัยของพระเจ้า  พวกเขาจำต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำ และจำต้องแบกรับผลสืบเนื่องทั้งหมดที่มาจากการกระทำของพวกเขา  พวกนั้นกล่าวโทษพระเจ้า ปฏิเสธพระเจ้า และดังนั้น พวกเขาจึงมีเพียงชะตากรรมเดียว นั่นคือ ถูกลงโทษโดยพระเจ้า  นี่คือผลสืบเนื่องอันขมขื่นที่ตามมา และเป็นความวิบัติที่ผู้ปกครองทั้งหลายของพวกเขานำพามาสู่ประเทศและชนชาติของพวกเขาเอง

มาวันนี้ พระเจ้าทรงกลับมาสู่โลกเพื่อปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์  จุดแรกที่พระองค์ทรงเริ่มงานก็คือ แบบอย่างของกลุ่มผู้ปกครองจอมเผด็จการ นั่นคือ ประเทศจีน ป้อมปราการอันเด็ดเดี่ยวแข็งขันในความเชื่อที่ว่าพระเจ้าไม่มีจริง พระเจ้าทรงได้ผู้คนมากลุ่มหนึ่งด้วยพระปรีชาญาณและฤทธานุภาพของพระองค์  ในระหว่างช่วงเวลานี้ พระองค์ทรงถูกตามล่าโดยพรรครัฐบาลของจีนในทุกวิถีทาง และตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานแสนสาหัส โดยไม่มีสถานที่ให้พระศิระของพระองค์ทรงเอนพัก ไม่สามารถหาที่พำนักกำบังกาย  ทั้งที่เป็นเช่นนั้น พระเจ้ายังคงทรงพระราชกิจที่พระองค์ทรงเจตนาที่จะทำต่อไป พระองค์ดำรัสพระสุรเสียงของพระองค์และเผยแผ่ข่าวประเสริฐ  ไม่มีใครสามารถหยั่งลึกถึงมหิทธานุภาพของพระเจ้า  ในประเทศจีน ประเทศหนึ่งซึ่งถือพระเจ้าเป็นศัตรู พระเจ้ากลับไม่เคยหยุดทรงพระราชกิจของพระองค์  กลับกลายเป็นว่า มีประชาชนจำนวนมากขึ้นได้ยอมรับพระราชกิจและพระวจนะของพระองค์ อันเนื่องมาจากการที่พระเจ้าทรงช่วยสมาชิกของมวลมนุษย์ทุกคนให้รอดจนถึงขอบข่ายที่เป็นไปได้มากที่สุด  พวกเราเชื่อใจว่า ไม่มีประเทศหรือพลังอำนาจใดสามารถมาขวางทางในสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสัมฤทธิ์  คนเหล่านั้นที่ขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้า ต่อต้านพระวจนะของพระเจ้า และก่อกวนและทำให้แผนการของพระเจ้าเสียหาย จะต้องถูกพระเจ้าทรงลงโทษในท้ายที่สุด  เขาผู้ซึ่งขัดขืนพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกส่งไปลงนรก ประเทศใดที่ขัดขืนพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกทำลาย ชนชาติใดก็ตามที่ลุกขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกกวาดล้างออกไปจากแผ่นดินโลกและถึงกาลดับสูญ  เราขอรบเร้าประชาชนของทุกชนชาติของทุกประเทศ และแม้แต่วงการต่างๆ ทุกวงการให้สดับฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า ให้เฝ้ามองพระราชกิจของพระเจ้า และให้ใส่ใจในชะตากรรมของมวลมนุษย์ เพื่อที่จะทำให้พระเจ้าทรงมีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ทรงมีเกียรติที่สุด ทรงเป็นสิ่งสักการะสูงสุดและสิ่งสักการะเดียวเท่านั้นท่ามกลางมวลมนุษย์ และเพื่อยอมให้มวลมนุษย์ทั้งปวงมีชีวิตอยู่ภายใต้การอวยพรของพระเจ้า เช่นเดียวกับพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมที่มีชีวิตอยู่ภายใต้พระสัญญาของพระยาห์เวห์ และเช่นเดียวกับที่อาดัมและเอวา ผู้ที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมาก่อน ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสวนเอเดน

พระราชกิจของพระเจ้าถั่งโถมรุดหน้าไปราวลูกคลื่นอันทรงอิทธิฤทธิ์  ไม่มีใครสามารถยับยั้งพระองค์ได้ และไม่มีใครสามารถชะลอรั้งก้าวพระบาทของพระองค์  มีเพียงผู้คนที่รับฟังพระวจนะของพระองค์อย่างตั้งใจ และผู้ที่แสวงหาและกระหายในพระองค์เท่านั้น ที่สามารถติดตามย่างพระบาทของพระองค์และได้รับพระสัญญาจากพระองค์  พวกคนที่ไม่ทำเช่นนั้นจะต้องตกอยู่ภายใต้ความวิบัติอันท่วมท้น และการลงโทษอันสมควรแล้ว

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 2: พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง

ฉากตัดตอนจากภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

กรุงบาบิโลนที่เคร่งศาสนาถูกลิขิตชะตาให้ตกอยู่ภายใต้พระพิโรธของพระเจ้า

เพลงนมัสการที่เกี่ยวข้อง

ผู้ที่ยั่วยุพระอุปนิสัยของพระเจ้าต้องถูกลงโทษ

โลกกำลังล่มจม!  บาบิโลนกำลังเป็นอัมพาต!

ก่อนหน้า: ค) เหตุที่มีการกล่าวว่า ศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสทางศาสนาทั้งหมดกำลังเดินบนเส้นทางของพวกฟาริสี และสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของพวกเขา

ถัดไป: ซ) ความรอดจากพระเจ้านั้นสามารถบรรลุได้ด้วยการยอมรับพระราชกิจในยุคสุดท้ายของพระองค์และการออกจากโลกศาสนาเท่านั้น

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger