บทสนทนารวบรัดเกี่ยวกับ “อาณาจักรพันปีได้มาถึงแล้ว”

พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรเกี่ยวกับนิมิตของอาณาจักรพันปี?  บางคนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก และพวกเขาพูดว่า: “อาณาจักรพันปีจะคงอยู่บนแผ่นดินโลกไปพันปี ดังนั้น หากสมาชิกสูงอายุของคริสตจักรไม่ได้สมรส พวกเขาต้องทำการสมรสหรือไม่?  ครอบครัวของฉันไม่มีเงิน ฉันควรเริ่มต้นหาเงินหรือไม่?…”  อาณาจักรพันปีคืออะไร?  พวกเจ้ารู้หรือไม่?  ผู้คนเข้าใจอะไรได้ช้าและทนทุกข์ความทุกข์ยากสาหัส  อันที่จริงแล้ว อาณาจักรพันปียังไม่ได้มาถึงอย่างเป็นทางการ  ในระหว่างช่วงระยะของการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม อาณาจักรพันปีเป็นเพียงลูกนกที่กำลังหัดบิน  ณ เวลานั้น ของอาณาจักรพันปีที่พระเจ้าตรัสถึง มนุษย์จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้ว  ก่อนหน้านั้น มีกล่าวไว้ว่าผู้คนจะเป็นเหมือนอย่างบรรดาวิสุทธิชน และยืนหยัดมั่นคงในแผ่นดินซีนิม อาณาจักรพันปีจะมาถึงเป็นที่เรียบร้อยก็ต่อเมื่อผู้คนได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมเท่านั้น—เมื่อพวกเขากลายเป็นวิสุทธิชนที่พระเจ้าตรัสถึงแล้ว  เมื่อพระเจ้าทรงทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม พระองค์ทรงชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ และยิ่งพวกเขาบริสุทธิ์มากเพียงใด พวกเขายิ่งได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น  เมื่อมลทิน ความเป็นกบฏ การต่อต้านและสิ่งต่างๆ ของเนื้อหนังภายในตัวเจ้าถูกขับออก  เมื่อเจ้าได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าจะทรงรักเจ้า (กล่าวคือ เจ้าจะเป็นวิสุทธิชน) เมื่อเจ้าได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าและกลายเป็นวิสุทธิชน เจ้าจะอยู่ในอาณาจักรพันปี  ขณะนี้คือยุคแห่งราชอาณาจักร  ในยุคอาณาจักรพันปี ผู้คนจะพึ่งพาพระวจนะของพระเจ้าในการดำรงชีวิต และประชาชาติทั้งมวลจะมาอยู่ภายใต้พระนามของพระเจ้า และทั้งหมดจะมาอ่านพระวจนะของพระเจ้า  ณ เวลานั้น บางคนจะคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ บางคนจะใช้โทรสาร… พวกเขาจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงพระวจนะของพระเจ้า และพวกเจ้าก็จะมาอยู่ภายใต้พระวจนะของพระเจ้าเช่นกัน  ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้คนได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  วันนี้ ผู้คนได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม ได้รับการถลุง ได้รับความรู้แจ้ง และได้รับการนำผ่านพระวจนะ นี่คือยุคแห่งราชอาณาจักร เป็นช่วงระยะที่ผู้คนได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม และไม่มีความเชื่อมโยงกับยุคอาณาจักรพันปี  ในระหว่างยุคอาณาจักรพันปี ผู้คนจะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมเรียบร้อยแล้ว และอุปนิสัยเสื่อมทรามภายในพวกเขาจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ณ เวลานั้น พระวจนะที่พระเจ้าตรัสจะนำทางผู้คนทีละก้าว และเปิดเผยความล้ำลึกทั้งหมดของพระราชกิจของพระเจ้านับจากเวลาแห่งการสร้างโลกจนถึงวันนี้ และพระวจนะของพระองค์จะบอกให้ผู้คนทราบถึงการกระทำของพระเจ้าในทุกยุคและทุกวัน วิธีการที่พระองค์ทรงนำผู้คนภายในนั้น พระราชกิจที่พระองค์ทรงงานในอาณาจักรฝ่ายจิตวิญญาณ และจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับพลังขับเคลื่อนของอาณาจักรจิตฝ่ายวิญญาณ  ณ เวลานั้นเท่านั้นที่จะเป็นยุคแห่งพระวจนะอย่างแท้จริง ขณะนี้ยังอยู่แค่ในสภาวะที่กำลังฝึกบินเท่านั้น  หากผู้คนไม่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมและชำระให้บริสุทธิ์ พวกเขาจะไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตได้หลายพันปีบนแผ่นดินโลก และเนื้อหนังของพวกเขาจะเน่าเปื่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากผู้คนได้รับการชำระภายในให้บริสุทธิ์ และพวกเขาไม่ได้เป็นของซาตานและเนื้อหนังอีกต่อไป เมื่อนั้นพวกเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก ในช่วงระยะนี้เจ้ายังคงเข้าใจอะไรได้ช้า และประสบการณ์ทั้งหมดที่พวกเจ้าได้รับคือการรักพระเจ้าและการเป็นคำพยานให้กับพระองค์สำหรับทุกๆ วันที่เจ้าใช้ชีวิตบนแผ่นดินโลก

“อาณาจักรพันปีได้มาถึงแล้ว” คือการเผยพระวจนะ มันเปรียบได้กับการพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะ ซึ่งพระเจ้าทรงเผยพระวจนะถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไว้ในนั้น  พระวจนะที่พระเจ้าตรัสในอนาคตและพระวจนะที่พระองค์ตรัสในวันนี้ไม่เหมือนกัน: พระวจนะแห่งอนาคตจะนำยุค ในขณะที่พระวจนะที่พระองค์ตรัสในวันนี้ทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม ถลุงพวกเขา และตัดแต่งพวกเขา  ยุคแห่งพระวจนะในอนาคตแตกต่างจากยุคแห่งพระวจนะในวันนี้  วันนี้ พระวจนะทั้งหมดที่พระเจ้าได้ตรัส—ไม่ว่าพระองค์จะตรัสโดยวิธีทางใดก็ตาม—เป็นไปเพื่อทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม เพื่อชำระสิ่งที่สกปรกภายในพวกเขาให้บริสุทธิ์ เพื่อทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ และทำให้พวกเขาชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  พระวจนะที่ตรัสในวันนี้ และพระวจนะที่ตรัสในอนาคต คือสองสิ่งซึ่งแยกจากกัน  พระวจนะที่ตรัสในยุคแห่งราชอาณาจักรเป็นไปเพื่อทำให้ผู้คนเข้าสู่การฝึกฝนทั้งหมด เพื่อนำพาผู้คนขึ้นไปบนครรลองที่ถูกต้องในทุกสิ่ง เพื่อขับไล่สิ่งที่เป็นมลทินทั้งหมดในพวกเขา  นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำในยุคนี้  พระองค์ทรงสร้างรากฐานของพระวจนะของพระองค์ในทุกบุคคล พระองค์ทรงทำให้พระวจนะของพระองค์เป็นชีวิตของทุกตัวบุคคล และพระองค์ทรงใช้พระวจนะของพระองค์เพื่อประทานความรู้แจ้งและทรงนำพวกเขาอย่างสม่ำเสมอภายใน  และเมื่อพวกเขาไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าจะอยู่ภายในพวกเขาเพื่อตำหนิและบ่มวินัยพวกเขา พระวจนะของวันนี้จะเป็นชีวิตของมนุษย์ พระวจนะจัดเตรียมทั้งหมดที่มนุษย์จำเป็นต้องมีโดยตรง ทั้งหมดทั้งปวงที่เจ้าขาดภายในตัวเจ้าได้รับการจัดเตรียมไว้ให้โดยพระวจนะของพระเจ้า และบรรดาผู้คนทั้งหมดที่ยอมรับพระวจนะของพระเจ้าได้รับความรู้แจ้งด้วยการกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้า พระวจนะที่พระเจ้าตรัสในอนาคตนำทางผู้คนทั้งจักรวาล ในวันนี้ พระวจนะเหล่านี้ตรัสในประเทศจีนเท่านั้น และพระวจนะเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวแทนพระวจนะเหล่านั้นที่ตรัสทั่วทั้งจักรวาล  พระเจ้าจะตรัสต่อทั่วทั้งจักรวาลก็ต่อเมื่ออาณาจักรพันปีมาถึงเท่านั้น  จงรู้เถิดว่าพระวจนะที่พระเจ้าตรัสในวันนี้ทั้งหมดเป็นไปเพื่อทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม พระวจนะที่พระเจ้าตรัสในระหว่างช่วงระยะนี้เป็นไปเพื่อจัดเตรียมสิ่งที่ผู้คนจำเป็นต้องมี ไม่ใช่เพื่ออนุญาตให้เจ้าได้รู้ความล้ำลึกหรือได้เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้า  สิ่งที่พระองค์ตรัสผ่านวิถีทางมากมายก็เพื่อจัดเตรียมสิ่งที่ผู้คนจำเป็นต้องมี  ยุคอาณาจักรพันปียังไม่มาถึง—ยุคอาณาจักรพันปีที่กล่าวถึงคือวันแห่งพระสิริของพระเจ้า  หลังจากพระราชกิจของพระเยซูในยูเดียเสร็จสิ้น พระเจ้าทรงส่งผ่านพระราชกิจของพระองค์มาที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และทรงสร้างแผนการอีกแผนหนึ่งขึ้นมา พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกิจอีกส่วนของพระองค์ในพวกเจ้า พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกิจในการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมด้วยพระวจนะ และพระองค์ทรงใช้พระวจนะเพื่อทำให้ผู้คนทนทุกข์ความเจ็บปวดมากมาย รวมทั้งได้รับพระคุณของพระเจ้ามากมายด้วยเช่นกัน  พระราชกิจในช่วงระยะนี้จะสร้างกลุ่มผู้ชนะขึ้นมากลุ่มหนึ่ง และหลังจากพระองค์ทรงสร้างกลุ่มผู้ชนะกลุ่มนี้แล้ว พวกเขาจะสามารถเป็นพยานในกิจการของพระองค์ พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตตามความเป็นจริง และพวกเขาจะทำให้พระองค์สมดังพระทัยอย่างจริงจังและจงรักภักดีต่อพระองค์ตราบสิ้นชีวี และด้วยวิธีนี้พระเจ้าจะทรงได้รับพระสิริ  เมื่อพระเจ้าทรงได้รับพระสิริ—เมื่อนั้นพระองค์ได้ทรงทำให้กลุ่มผู้ชนะกลุ่มนี้มีความเพียบพร้อมแล้ว—นั่นจะเป็นยุคอาณาจักรพันปี

พระเยซูทรงอยู่บนแผ่นดินโลกเป็นเวลาสามสิบสามปีครึ่ง พระองค์เสด็จมาเพื่อปฏิบัติพระราชกิจการตรึงกางเขน และผ่านการตรึงกางเขนนั้น พระเจ้าทรงได้รับส่วนหนึ่งของพระสิริของพระองค์  เมื่อพระเจ้าเสด็จมาบังเกิดในเนื้อหนัง พระองค์สามารถถ่อมพระทัยและหลบซ่อน และทรงสามารถสู้ทนความทุกข์มหาศาลได้  แม้พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เอง พระองค์ยังทรงสู้ทนทุกการถูกเหยียดหยามและทุกการกล่าวคำหยาบช้า และพระองค์ทรงสู้ทนความเจ็บปวดอันแสนสาหัสในการถูกตอกตรึงกับกางเขนเพื่อทำพระราชกิจแห่งการไถ่ให้เสร็จสมบูรณ์ หลังจากพระราชกิจในช่วงระยะนี้ได้สรุปปิดตัวลงแล้ว แม้ผู้คนมองเห็นว่าพระเจ้าทรงได้รับพระสิริอันใหญ่หลวง นี่ไม่ใช่ความครบถ้วนบริบูรณ์แห่งพระสิริของพระองค์ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระสิริของพระองค์เท่านั้นที่พระองค์ทรงได้รับจากพระเยซู  ถึงแม้ว่าพระเยซูทรงสามารถสู้ทนทุกความยากลำบาก ถ่อมพระทัยและหลบซ่อนตัว ถูกตรึงกางเขนเพื่อพระเจ้า พระเจ้าก็ทรงได้รับพระสิริของพระองค์เพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น และพระองค์ทรงได้รับพระสิริของพระองค์ในประเทศอิสราเอล  พระเจ้ายังทรงมีพระสิริอยู่อีกหนึ่งส่วน นั่นก็คือ การเสด็จมายังแผ่นดินโลกเพื่อทรงปฏิบัติพระราชกิจอย่างจริงจังและทำให้ผู้คนกลุ่มหนึ่งมีความเพียบพร้อม  ในระหว่างช่วงระยะพระราชกิจของพระเยซู พระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งเหนือธรรมชาติบางประการ แต่พระราชกิจในช่วงระยะนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อทำการแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์แต่อย่างใด โดยหลักแล้วเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเยซูทรงสามารถทนทุกข์และถูกตรึงกางเขนเพื่อพระเจ้าได้ ว่าพระเยซูทรงสามารถทนทุกข์ความเจ็บปวดมหาศาลได้ก็เพราะพระองค์ทรงรักพระเจ้า และว่าพระองค์ยังคงเต็มพระทัยที่จะพลีอุทิศชีวิตของพระองค์เพื่อน้ำพระทัยของพระเจ้าถึงแม้ว่าพระเจ้าได้ทอดทิ้งพระองค์ก็ตาม  หลังจากที่พระเจ้าได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์จนเสร็จสิ้นในประเทศอิสราเอลและพระเยซูทรงถูกตอกตรึงกับกางเขนแล้ว พระเจ้าทรงได้รับพระสิริ และพระองค์ทรงแสดงคำพยานต่อหน้าซาตาน  พวกเจ้าทั้งไม่รู้อีกทั้งไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นเนื้อหนังอย่างไรในประเทศจีน ดังนั้น พวกเจ้าจะสามารถมองเห็นว่าพระเจ้าทรงได้รับพระสิริอย่างไร?  เมื่อพระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยมากมายในพวกเจ้าจนพวกเจ้ายืนหยัดมั่นคง เมื่อนั้นพระราชกิจของพระเจ้าในช่วงระยะนี้จึงประสบความสำเร็จ และนี่คือส่วนหนึ่งของพระสิริของพระเจ้า  พวกเจ้ามองเห็นเพียงสิ่งนี้ และพวกเจ้ายังไม่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า ยังไม่ได้มอบหัวใจของเจ้าให้พระเจ้าอย่างครบถ้วนบริบูรณ์  พวกเจ้ายังไม่ได้มองเห็นพระสิรินี้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ เจ้ามองเห็นเพียงว่าพระเจ้าได้ทรงพิชิตหัวใจของพวกเจ้าแล้ว ว่าพวกเจ้าไม่มีวันสามารถไปจากพระองค์ได้ และจะติดตามพระเจ้าไปจนถึงที่สุดและหัวใจของเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง และว่านี่คือพระสิริของพระเจ้า  เจ้ามองเห็นพระสิริของพระเจ้าในสิ่งใด?  ในผลของพระราชกิจของพระองค์ในผู้คน  ผู้คนมองเห็นว่าพระเจ้าทรงดีงามยิ่งนัก พวกเขามีพระเจ้าในหัวใจของพวกเขา และไม่เต็มใจที่จะไปจากพระองค์ และนี่คือพระสิริของพระเจ้า  เมื่อความแข็งแกร่งของพี่น้องชายหญิงของคริสตจักรทั้งหลายเกิดขึ้น และพวกเขาสามารถรักพระเจ้าจากหัวใจของพวกเขา มองเห็นฤทธานุภาพอันสูงสุดของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงปฏิบัติ ฤทธานุภาพอันหาใดเปรียบได้แห่งพระวจนะของพระองค์ เมื่อพวกเขามองเห็นว่าพระวจนะของพระองค์มีสิทธิอำนาจ และว่าพระองค์ทรงสามารถริเริ่มพระราชกิจของพระองค์ในเมืองร้างของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และแม้ว่าผู้คนกำลังอ่อนแอ แต่เมื่อหัวใจของพวกเขากราบไหว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพวกเขาเต็มใจยอมรับพระวจนะของพระเจ้า และแม้ว่าพวกเขาอ่อนแอและไม่คู่ควร แต่เมื่อพวกเขาสามารถมองเห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าช่างควรค่าต่อความรักและช่างคู่ควรแก่การทะนุถนอมของพวกเขา เช่นนั้นนี่คือพระสิริของพระเจ้า เมื่อถึงวันที่ผู้คนได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า และสามารถยอมจำนนเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และสามารถนบนอบพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ และฝากความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้และชะตากรรมของพวกเขาไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า เมื่อนั้นพระเจ้าจะทรงได้รับพระสิริส่วนที่สองอย่างครบถ้วนบริบูรณ์  กล่าวได้ว่าเมื่อพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงภาคปฏิบัติได้เสร็จสิ้นอย่างครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว พระราชกิจของพระองค์ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่จะมาถึงบทอวสาน  กล่าวคือ เมื่อบรรดาผู้ที่ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าและได้รับเลือกสรรโดยพระเจ้านั้นได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้ว พระเจ้าจะทรงได้รับพระสิริ  พระเจ้าตรัสว่าพระองค์ได้ทรงนำส่วนที่สองของพระสิริของพระองค์ไปทางทิศตะวันออก แล้วแต่พระสิรินี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  พระเจ้าได้ทรงนำพระราชกิจของพระองค์มาทางทิศตะวันออกแล้ว พระองค์ได้เสด็จมาที่ทิศตะวันออกแล้ว และนี่คือพระสิริของพระเจ้า  วันนี้ ถึงแม้ว่าพระราชกิจของพระองค์จะยังไม่แล้วเสร็จ แต่เพราะพระเจ้าได้ตัดสินพระทัยที่จะทรงพระราชกิจแล้ว พระราชกิจนี้จะมีอันสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน  พระเจ้าได้ตัดสินพระทัยว่าพระองค์จะทรงพระราชกิจในประเทศจีนให้เสร็จสิ้น และพระองค์ทรงตั้งมั่นที่จะทำให้พวกเจ้าครบบริบูรณ์  ดังนั้น พระองค์ไม่ประทานทางออกให้เจ้า—พระองค์ได้ทรงพิชิตหัวใจของเจ้าแล้ว และเจ้าต้องเดินหน้าต่อไปไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม และเมื่อพวกเจ้าได้รับการรับไว้โดยพระเจ้าแล้ว พระเจ้าก็ทรงได้รับพระสิริ  วันนี้ พระเจ้ายังไม่ได้รับพระสิริอย่างสมบูรณ์ เพราะพวกเจ้ายังไม่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  ถึงแม้ว่าหัวใจของพวกเจ้าได้กลับไปหาพระเจ้าแล้ว ยังคงมีความอ่อนแอมากมายในเนื้อหนังของเจ้า เจ้าไม่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย เจ้าไร้ความสามารถที่จะคำนึงถึงเจตนารมณ์ของพระเจ้า และเจ้ายังมีสิ่งต่างๆ ในด้านลบมากมายที่พวกเจ้าจำต้องกำจัดออกไปจากตัวของพวกเจ้า และเจ้ายังต้องก้าวผ่านการทดสอบและกระบวนการถลุงอีกมากมาย  มีเพียงในหนทางนั้นเท่านั้นที่อุปนิสัยชีวิตของเจ้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเจ้าจะสามารถถูกพระเจ้ารับไว้ได้

ก่อนหน้า: การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง

ถัดไป: มีเพียงผู้ที่รู้จักพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถเป็นคำพยานต่อพระเจ้า

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger