ก. ข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์

605. ตอนนี้ พวกเจ้าจงไล่ตามเสาะหาในการกลายเป็นประชากรของพระเจ้า และจะเริ่มการเข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้องทั้งหมดทั้งมวล การเป็นประชากรของพระเจ้าหมายถึงการเข้าสู่ยุคแห่งราชอาณาจักร วันนี้ เจ้าเริ่มต้นอย่างเป็นทางการที่จะเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักร และชีวิตในอนาคตของพวกเจ้าจะหยุดที่จะหย่อนยานและย่อหย่อนดังที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ การมีชีวิตในแนวทางนั้น ช่างเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุมาตรฐานที่พึงประสงค์ของพระเจ้า หากเจ้าไม่รู้สึกถึงความเร่งด่วนใดๆ เช่นนั้นนี่ก็แสดงว่าเจ้าไม่มีความปรารถนาที่จะปรับปรุงตัวเจ้าเอง แสดงว่าการไล่ตามเสาะหาของเจ้ายุ่งเหยิงและสับสน และเจ้าไม่สามารถทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าลุล่วงได้ การเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักรหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตของประชากรของพระเจ้า—เจ้าเต็มใจยอมรับการฝึกฝนเช่นนั้นหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะรู้สึกถึงสำนึกรับรู้ของความเร่งด่วนหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะใช้ชีวิตภายใต้การบ่มวินัยของพระเจ้าหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะใช้ชีวิตภายใต้การตีสอนของพระเจ้าหรือไม่? เมื่อพระวจนะของพระเจ้ามาถึงเจ้าและทดสอบเจ้า เจ้าจะกระทำการอย่างไร? และเจ้าจะทำสิ่งใดเมื่อเผชิญกับข้อเท็จจริงทุกอย่าง? ในอดีต การมุ่งเน้นของเจ้าไม่ได้อยู่ที่ชีวิต วันนี้ เจ้าต้องมุ่งเน้นไปที่การเข้าสู่ชีวิตความเป็นจริง และไล่ตามเสาะหาการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายในอุปนิสัยชีวิตของเจ้า นี่คือสิ่งที่ต้องสัมฤทธิ์ผลโดยประชากรของราชอาณาจักร บรรดาผู้ที่เป็นประชากรของพระเจ้าต้องครอบครองชีวิต พวกเขาต้องยอมรับการฝึกฝนของราชอาณาจักร และไล่ตามเสาะหาการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายในอุปนิสัยชีวิตของพวกเขา นี่คือสิ่งที่พระเจ้าพึงประสงค์จากประชากรของราชอาณาจักร

ข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าสำหรับประชากรของราชอาณาจักรมีดังต่อไปนี้

1) พวกเขาต้องยอมรับพระบัญชาของพระเจ้า กล่าวคือ พวกเขาต้องยอมรับพระวจนะทุกคำที่ตรัสไว้ในพระราชกิจยุคสุดท้ายของพระเจ้า

2) พวกเขาต้องเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักร

3) พวกเขาต้องไล่ตามเสาะหาการทำให้หัวใจของพวกเขาได้รับการสัมผัสโดยพระเจ้า เมื่อหัวใจของเจ้าหันเข้าหาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว และเจ้ามีชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติ เจ้าก็จะอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งอิสรภาพ ซึ่งหมายถึงเจ้าจะมีชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลและการคุ้มครองปกป้องของความรักของพระเจ้า เฉพาะเมื่อเจ้ามีชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลและการคุ้มครองปกป้องของพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าเป็นของพระเจ้า

4) พวกเขาต้องได้รับการรับไว้โดยพระเจ้า

5) พวกเขาต้องกลายเป็นการสำแดงพระสิริของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก

ห้าประเด็นนี้คือบัญชาของเราสำหรับพวกเจ้า วจนะของเรากล่าวแก่ประชากรของพระเจ้า และหากเจ้าไม่เต็มใจยอมรับบัญชาเหล่านี้ เราจะไม่บังคับเจ้า—แต่หากเจ้ายอมรับบัญชาเหล่านั้นอย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้วเจ้าจะสามารถทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า วันนี้ พวกเจ้าเริ่มยอมรับพระบัญชาของพระเจ้า และไล่ตามเสาะหาที่จะกลายเป็นประชากรของราชอาณาจักรและบรรลุมาตรฐานที่พึงประสงค์ต่อการเป็นประชากรของราชอาณาจักร นี่คือก้าวแรกของการเข้าสู่ หากเจ้าปรารถนาที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างเต็มที่ เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องยอมรับพระบัญชาทั้งห้าประการนี้ และหากเจ้ามีความสามารถที่จะสัมฤทธิ์พระบัญชาเหล่านั้นได้ เจ้าก็จะเป็นที่ถูกพระทัยของพระเจ้า และแน่นอนว่าพระเจ้าจะทรงใช้เจ้าให้เป็นประโยชน์ได้เป็นอย่างมาก

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, รู้จักพระราชกิจใหม่ล่าสุดของพระเจ้าและติดตามรอยพระบาทของพระองค์

606. สิ่งที่พวกเจ้าได้รับมรดกตกทอดมาในวันนี้เหนือกว่าที่อัครทูตและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายตลอดหลายยุคหลายสมัยเคยได้รับ และยังยิ่งใหญ่กว่าของโมเสสหรือเปโตรด้วยซ้ำ พระพรของพระเจ้าไม่สามารถได้มาภายในวันเดียวหรือสองวัน แต่ต้องได้มาด้วยการพลีอุทิศอย่างใหญ่หลวง กล่าวคือ พวกเจ้าจะต้องครองความรักซึ่งก้าวผ่านกระบวนการถลุงแล้ว พวกเจ้าต้องครองความเชื่ออันยิ่งใหญ่ และพวกเจ้าต้องมีความจริงมากมายที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ให้พวกเจ้าไปถึง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้าต้องหันเข้าหาความยุติธรรมโดยไม่มีความขลาดกลัวหรือคอยแต่เลี่ยงหนี และต้องมีความรักในพระเจ้าซึ่งคงที่ไปจนตาย พวกเจ้าต้องมีความแน่วแน่ ความเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นในอุปนิสัยแห่งชีวิตของพวกเจ้า ความเสื่อมทรามของพวกเจ้าจะต้องได้รับการบำบัด พวกเจ้าจะต้องยอมรับการจัดวางเรียบเรียงของพระเจ้าโดยปราศจากการพร่ำบ่น และพวกเจ้าจะต้องเชื่อฟังแม้ต้องเผชิญกับความตาย นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าควรจะต้องบรรลุ นี่คือจุดหมายสุดท้ายของพระราชกิจของพระเจ้า และเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงขอจากผู้คนกลุ่มนี้ ในเมื่อพระองค์ทรงให้แก่พวกเจ้า ดังนั้นพระองค์ก็จะทรงขอคืนจากพวกเจ้าอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าจะเป็นข้อเรียกร้องจากพวกเจ้าที่สมน้ำสมเนื้อกัน เพราะฉะนั้น พระราชกิจทุกอย่างที่พระเจ้าทรงกระทำจึงมีเหตุผลซึ่งแสดงให้เห็นว่า เหตุใดพระเจ้าจึงทรงทำพระราชกิจที่กำหนดมาตรฐานสูงและข้อพึงประสงค์ที่เคร่งครัดครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะการนี้นี่เอง พวกเจ้าจึงควรเต็มตื้นไปด้วยความเชื่อในพระเจ้า กล่าวโดยย่อได้ว่า พระราชกิจทุกอย่างของพระเจ้าล้วนทรงกระทำไปเพื่อประโยชน์ของพวกเจ้า เพื่อที่พวกเจ้าอาจกลายเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การรับมรดกของพระองค์ นี่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์แห่งพระสิริของพระเจ้าเองแม้แต่น้อย แต่เพื่อความรอดของพวกเจ้า และเพื่อสร้างความเพียบพร้อมแก่คนกลุ่มนี้ ผู้ซึ่งได้รับความทุกข์ร้อนอย่างล้ำลึกในแผ่นดินที่ไม่สะอาดแห่งนี้ พวกเจ้าควรเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า และดังนั้น เราขอเตือนสติผู้คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์มากมายซึ่งปราศจากความรู้ความเข้าใจเชิงลึกหรือสำนึกรับรู้ กล่าวคือ จงอย่าทดสอบพระเจ้า และไม่ต้านทานอีกต่อไป พระเจ้าได้ทรงก้าวผ่านความทุกข์ที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใดสู้ทนมาก่อน และนานมาแล้วก็ได้ทรงสู้ทนการเหยียดหยามที่ยิ่งหนักหนากว่าแทนมนุษย์มาแล้ว อะไรอื่นหรือที่เจ้าไม่สามารถปล่อยมือได้? อะไรหรือที่อาจสำคัญยิ่งกว่าน้ำพระทัยของพระเจ้า? อะไรหรือที่อาจสูงส่งกว่าความรักของพระเจ้า? การที่พระเจ้าทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในแผ่นดินที่ไม่สะอาดแห่งนี้ก็ยากพออยู่แล้ว หากซ้ำร้าย มนุษย์ยังล่วงละเมิดโดยรู้อยู่แก่ใจและโดยจงใจ งานของพระเจ้าย่อมต้องยืดเยื้อออกไป กล่าวสั้นๆ ก็คือ นี่ไม่ใช่ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของใครเลย มันไม่เป็นคุณแก่ใครสักคน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้าเรียบง่ายดังที่มนุษย์จินตนาการหรือไม่?

607. วาจาที่เรากล่าวนั้นเป็นความจริงซึ่งมุ่งตรงไปที่มวลมนุษย์ทั้งปวง มันไม่ได้ถูกกล่าวระบุถึงบุคคลหนึ่งหรือบุคคลชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจึงควรจดจ่ออยู่ที่การทำความเข้าใจวจนะของเราจากจุดยืนแห่งความจริง และจะต้องมีท่าทีที่ไม่แบ่งปันความสนใจและความจริงใจไปทางอื่น จะต้องไม่เพิกเฉยต่อวาจาหรือความจริงที่เรากล่าวแม้แต่คำเดียว และจะต้องไม่ปฏิบัติต่อวาจาทั้งหมดที่เรากล่าวอย่างไม่ใส่ใจจริงจัง ในชีวิตของพวกเจ้า เราได้เห็นว่า พวกเจ้าได้ทำอะไรไปมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับความจริง และดังนั้น เราขอสั่งอย่างเฉพาะเจาะจง ให้พวกเจ้ากลายมาเป็นผู้รับใช้ความจริง ให้เจ้าไม่ตกไปเป็นทาสของความเลวและความอัปลักษณ์ และให้เจ้าไม่เหยียบย่ำความจริงหรือทำให้มุมใดของพระนิเวศของพระเจ้ามัวหมอง นี่คือการตักเตือนของเราต่อพวกเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การตักเตือนสามประการ

608. เราหวังเพียงว่า พวกเจ้าจะสามารถที่จะไม่ปล่อยให้ความเจ็บปวดที่เราได้รับมาต้องเสียเปล่า และที่มากไปกว่านั้น หวังว่าพวกเจ้าสามารถเข้าใจถึงการใส่ใจอันรอบคอบที่เราได้รับมา และปฏิบัติต่อคำพูดของเราดั่งรากฐานของวิธีการที่พวกเจ้าประพฤติตนในฐานะมนุษย์ ไม่ว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นคำพูดประเภทที่พวกเจ้าเต็มใจที่จะฟังหรือไม่ ไม่ว่าพวกเจ้าจะสุขสำราญกับการยอมรับคำพูดเหล่านั้นหรือสามารถเพียงยอมรับคำพูดเหล่านั้นด้วยความอึดอัด เจ้าก็ต้องปฏิบัติต่อคำพูดเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้น อุปนิสัยกับพฤติกรรมที่เรื่อยเปื่อยและไม่เอาใจใส่ของพวกเจ้าจะทำให้เราอารมณ์เสียอย่างจริงจัง และแน่นอนว่า ทำให้เรารังเกียจด้วย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเจ้าทั้งหมดจะสามารถอ่านคำพูดของเราซ้ำแล้วซ้ำอีก—เป็นพันๆ ครั้ง—และหวังว่าพวกเจ้าอาจจะถึงขั้นได้มาจำคำพูดเหล่านั้นได้ขึ้นใจ มีเพียงในหนทางนี้เท่านั้นที่เจ้าจะสามารถไม่ล้มเหลวต่อความคาดหวังหลายๆ อย่างของเราที่มีต่อพวกเจ้า อย่างไรก็ดี ไม่มีพวกเจ้าคนใดเลยที่กำลังใช้ชีวิตเช่นนี้ในขณะนี้ ในทางกลับกัน พวกเจ้าทั้งหมดล้วนหมกมุ่นอยู่ในชีวิตเสเพล ชีวิตแห่งการกินดื่มตามที่ใจของเจ้าต้องการ และไม่มีสักคนจากพวกเจ้าที่ใช้คำพูดของเราเพื่อทำให้หัวใจและวิญญาณของเจ้ามีคุณค่ามากขึ้น ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงได้ข้อสรุปเกี่ยวกับโฉมหน้าที่แท้จริงของมนุษยชาติ กล่าวคือ มนุษย์สามารถทรยศเราได้ทุกเวลา และไม่มีใครเลยที่จะสามารถศรัทธาต่อคำพูดของเราอย่างสัมบูรณ์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ปัญหาที่ร้ายแรงมาก: การทรยศ (1)

609. สิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ก็คือความรักเดียวใจเดียวจากมนุษย์ สิ่งที่พระองค์ทรงพึงประสงค์คือให้มนุษย์ถูกจับจองไว้ด้วยพระวจนะของพระองค์และด้วยหัวใจซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้า การได้ใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า ได้ค้นหาสิ่งที่พวกเขาควรแสวงหาภายในพระวจนะของพระองค์ ได้รักพระเจ้าเพื่อพระวจนะของพระองค์ ได้ดำเนินการเพื่อพระวจนะของพระองค์ ได้ใช้ชีวิตอยู่เพื่อพระวจนะของพระองค์—เหล่านี้คือเป้าหมายที่มนุษย์ควรเพียรพยายามจนสัมฤทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสร้างขึ้นตามพระวจนะของพระเจ้า เพียงเช่นนี้เท่านั้นที่มนุษย์จะมีความสามารถที่จะทำตามข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้าได้ หากมนุษย์ไม่ตระเตรียมให้พร้อมด้วยพระวจนะของพระเจ้า เขาก็จะไม่ใช่อื่นใดนอกจากหนอนแมลงที่ถูกครอบครองโดยซาตาน! จงชั่งน้ำหนักเรื่องนี้ดูเถิด พระวจนะของพระเจ้าได้หยั่งรากภายในตัวเจ้าไปมากเพียงใดแล้ว? เจ้าใช้ชีวิตสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์ในสิ่งใดบ้าง? เจ้าใช้ชีวิตไม่สอดคล้องกับพระวจนะเหล่านั้นในสิ่งใดบ้าง? หากว่าเจ้าไม่ได้ยึดถือพระวจนะของพระเจ้า ไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วสิ่งใดกันแน่ที่จับจองหัวใจของเจ้า? ในชีวิตประจำวันของเจ้า เจ้าถูกควบคุมโดยซาตานหรือเจ้าถูกจับจองโดยพระวจนะของพระเจ้า? พระวจนะของพระองค์เป็นรากฐานที่เจ้าใช้อธิษฐานตามหรือไม่? เจ้าได้ออกมาจากสภาวะอันเป็นลบของเจ้าผ่านความรู้แจ้งในพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่? การนำพระวจนะของพระเจ้ามาเป็นรากฐานในการดำรงอยู่ของเจ้า—นี่สิคือสิ่งที่ทุกคนควรเข้าสู่ หากพระวจนะของพระเจ้าไม่ปรากฏอยู่ในชีวิตของเจ้า เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด เจ้ากำลังกบฏต่อพระเจ้า เจ้ากำลังต้านทานพระองค์ และเจ้ากำลังไม่ให้เกียรติพระนามของพระองค์ ความเชื่อในพระเจ้าของผู้คนเช่นนั้นเป็นความประพฤติเลวร้ายและเป็นสิ่งก่อกวนความสงบโดยแท้ ชีวิตเจ้ามากเท่าใดที่ได้ดำเนินไปโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์? และชีวิตเจ้ามากเท่าใดที่ไม่ได้ดำเนินไปโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์? สิ่งซึ่งพระวจนะของพระเจ้าได้พึงประสงค์จากเจ้า ได้รับการทำให้ลุล่วงในตัวเจ้าไปมากเท่าใดแล้ว? มากเท่าใดแล้วที่ได้สูญหายไปในตัวเจ้า? เจ้าได้พิจารณาสิ่งดังกล่าวเหล่านั้นอย่างใกล้ชิดแล้วหรือไม่?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงหนีให้พ้นจากอิทธิพลแห่งความมืด แล้วพระเจ้าจะทรงรับเจ้าไว้

610. พวกเจ้าเต็มใจที่จะชื่นชมพรของเราบนแผ่นดินโลก พรที่เหมือนกับพรทั้งหลายบนสวรรค์หรือไม่? พวกเจ้าเต็มใจที่จะหวงแหนความล้ำค่าของความเข้าใจเกี่ยวกับเรา ความชื่นชมยินดีในวจนะของเรา และความรู้เกี่ยวกับเราในฐานะสิ่งที่มีค่าและมีความหมายมากที่สุดในชีวิตของพวกเจ้าไหม? พวกเจ้ามีความสามารถอย่างแท้จริงที่จะนบนอบต่อเราอย่างสุดใจ โดยไม่มีความคิดถึงความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของพวกเจ้าเองไหม? พวกเจ้ามีความสามารถอย่างแท้จริงที่จะยอมให้ตัวพวกเจ้าถูกเราทำให้ถึงแก่ความตาย และถูกเรานำทางเหมือนแกะตัวหนึ่งไหม? มีใครบ้างไหมในท่ามกลางพวกเจ้าที่สามารถสัมฤทธิ์สิ่งต่างๆ เช่นนั้นได้? เป็นไปได้ไหมว่าทุกคนที่เรายอมรับและได้รับสัญญาทั้งหลายของเราคือบรรดาผู้ที่ได้รับพรของเรา? พวกเจ้าได้เข้าใจสิ่งใดจากวจนะเหล่านี้บ้างไหม? หากเราทดสอบพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถวางชะตากรรมของพวกเจ้าไว้ในมือของเราอย่างแท้จริง และสามารถค้นหาเจตนารมณ์ของเราและล่วงรู้หัวใจของเราในท่ามกลางการทดสอบเหล่านี้ไหม? เราไม่ปรารถนาให้พวกเจ้ามีความสามารถที่จะพูดคำพูดที่จับใจมากมาย หรือบอกเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นมากมาย ตรงกันข้าม เราขอให้พวกเจ้ามีความสามารถที่จะกล่าวคำพยานที่ดีต่อเรา และขอให้เจ้าสามารถเข้าสู่ความเป็นจริงได้อย่างเต็มเปี่ยมและอย่างลึกซึ้ง หากเราไม่ได้พูดโดยตรง เจ้าจะสามารถละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเจ้าและยอมให้ตัวเจ้าถูกเราใช้ไหม? นี่ไม่ใช่ความเป็นจริงที่เราพึงประสงค์หรอกหรือ? ใครเล่ามีความสามารถที่จะจับความเข้าใจในความหมายในวจนะของเรา? ถึงกระนั้นเราก็ขอให้พวกเจ้าไม่ถูกความข้องใจถ่วงเอาไว้อีกต่อไป ให้พวกเจ้ากระตือรือร้นในการเข้าสู่ของพวกเจ้าและจับความเข้าใจในเนื้อแท้ของวจนะของเรา นี่ย่อมจะป้องกันเจ้าจากการเข้าใจวจนะของเราผิด และจากการเข้าใจไม่ชัดเจนในเรื่องของความหมายของเรา และจากการฝ่าฝืนประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราด้วยเหตุเหล่านั้น เราหวังว่าพวกเจ้าจะจับความเข้าใจในเจตนารมณ์ของเราที่มีต่อพวกเจ้าในวจนะของเรา จงอย่าคิดถึงความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของพวกเจ้าเองอีกเลย และจงกระทำการอย่างที่พวกเจ้าได้ปลงใจไว้ต่อหน้าเราว่า จะนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงของพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง บรรดาผู้คนทั้งหมดที่ยืนอยู่ภายในบ้านของเรา ควรทำให้มากเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ เจ้าควรถวายสิ่งที่ดีที่สุดของตัวเจ้าเองให้กับส่วนสุดท้ายของงานของเราบนแผ่นดินโลก เจ้าเต็มใจที่จะนำสิ่งต่างๆ เช่นนั้นไปปฏิบัติอย่างแท้จริงไหม?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 4

611. ในทุกเวลา ประชากรของเราควรเตรียมพร้อมต่อต้านกลอุบายอันเจ้าเล่ห์ของซาตาน พิทักษ์ประตูบ้านของเราเพื่อเรา พวกเขาควรมีความสามารถที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันและจัดเตรียมให้แก่กันและกันได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในกับดักของซาตาน ซึ่งในเวลานั้นก็คงจะสายเกินกว่าจะเสียใจ เหตุใดเราจึงฝึกฝนพวกเจ้าด้วยความเร่งด่วนเช่นนี้? เหตุใดเราจึงบอกข้อเท็จจริงทั้งหลายของโลกฝ่ายวิญญาณแก่พวกเจ้า? เหตุใดเราจึงเตือนความจำและเตือนสติพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า? พวกเจ้าเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างหรือไม่? การใคร่ครวญของพวกเจ้าเคยได้ให้ความกระจ่างแจ้งหรือไม่? ดังนั้นพวกเจ้าต้องไม่เพียงมีความสามารถที่จะสร้างประสบการณ์แก่ตัวเจ้าเองโดยก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานแห่งอดีต แต่ที่มากยิ่งกว่านั้นคือ ต้องขับไล่มลทินภายในตัวเจ้าภายใต้การนำแห่งวจนะของวันนี้ โดยยอมให้แต่ละวจนะของเราหยั่งรากและเบ่งบานภายในความรู้สึกของเจ้า และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือยอมให้ออกผลมากยิ่งขึ้น นี่เป็นเพราะว่าสิ่งที่เราขอนี้มิใช่ดอกไม้ที่สะพรั่งสดใส แต่คือผลอันดกดื่น—ผลที่ไม่สูญเสียความสุกงอมของมัน เจ้าเข้าใจความหมายที่แท้จริงของวจนะของเราไหม? แม้ว่าดอกไม้ในเรือนกระจกมีมากมายเหลือคณานับราวกับหมู่ดาว และดึงดูดฝูงชนทั้งปวงที่ชื่นชมดอกไม้เหล่านั้นเข้ามา แต่ทันทีที่ดอกไม้ร่วงโรย ดอกไม้เหล่านั้นก็กลายเป็นเพียงเศษซากเหมือนกลอุบายอันเต็มไปด้วยเล่ห์ลวงของซาตาน และไม่มีผู้ใดแสดงความสนใจในดอกไม้เหล่านั้นอีก กระนั้นก็ดี ดอกไม้ทั้งหมดที่ถูกลมพัดกระหน่ำและถูกพระอาทิตย์แผดเผา ที่กล่าวคำพยานต่อเรา แม้ว่าจะไม่เบ่งบานสวยงาม แต่จะออกผลทันทีที่ดอกไม้เหล่านี้ร่วงโรยลง ด้วยว่าเราพึงประสงค์ให้พวกมันเป็นเช่นนั้น เมื่อเรากล่าววจนะเหล่านี้ พวกเจ้าเข้าใจมากน้อยเพียงใด? ทันทีที่เหล่าดอกไม้ร่วงโรยและออกผล และทันทีที่สามารถจัดเตรียมผลทั้งหมดนี้เพื่อความชื่นชมยินดีของเราได้ เราจะสรุปปิดตัวงานของเราทั้งหมดบนแผ่นดินโลก และจะเริ่มชื่นชมการตกผลึกของปัญญาของเรา!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 3

612. เป็นเวลานานแล้วที่ผู้คนซึ่งเชื่อในพระเจ้าต่างก็หวังอย่างจริงจังตั้งใจที่จะมีบั้นปลายอันงดงาม และผู้เชื่อทั้งหมดของพระเจ้าหวังว่าโชควาสนาจะมาสู่พวกเขาในทันทีทันใด พวกเขาล้วนหวังว่าพวกเขาจะพบว่าตัวเองได้นั่งลงอย่างสงบ ณ ที่ใดที่หนึ่งในสวรรค์ ก่อนที่พวกเขาจะทันได้รู้ตัว แต่เรากล่าวเลยว่า ด้วยความคิดอันน่ารักน่าชื่นชมของพวกเขา ผู้คนเหล่านี้ไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขามีคุณสมบัติเหมาะที่จะได้รับโชควาสนาดังกล่าวที่ร่วงหล่นจากสวรรค์ หรือแม้แต่ที่จะได้นั่งบนที่นั่งในที่นั้นหรือไม่ พวกเจ้าในปัจจุบันมีความรู้ดีเกี่ยวกับตัวเจ้าเอง ถึงกระนั้น พวกเจ้าก็ยังคงหวังว่าจะรอดพ้นจากความวิบัติแห่งยุคสุดท้ายและพระหัตถ์ขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เมื่อพระองค์ทรงลงโทษเหล่ามารร้าย ดูเหมือนว่าการฝันหวานและความต้องการสิ่งทั้งหลายแค่ตามที่พวกเขาชอบนั้นเป็นคุณสมบัติพิเศษทั่วไปของผู้คนทั้งหมดที่ได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทราม และไม่ใช่ความเป็นอัจฉริยะอันโดดเด่นบางอย่างของปัจเจกบุคคลใดเพียงลำพัง ถึงกระนั้น เรายังคงปรารถนาจะให้ความอยากได้อยากมีอันฟุ้งเฟ้อเหล่านี้ของพวกเจ้าตลอดจนความกระหายร้อนรนของพวกเจ้าที่จะได้รับพระพรนั้นจบสิ้นลง ด้วยความที่การล่วงละเมิดของพวกเจ้ามีมากมายนัก และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าการเป็นกบฏของพวกเจ้านั้นก็เติบโตขึ้นตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้สามารถเหมาะกับแบบพิมพ์เขียวอันน่ารักน่าชื่นชมสำหรับอนาคตของพวกเจ้าได้อย่างไรกัน? หากเจ้าต้องการดำเนินชีวิตต่อไปตามแต่เจ้าจะยินดี ยังคงอยู่ในสิ่งผิดโดยไม่มีสิ่งใดมาหยุดรั้งเจ้าไว้ ทว่าในเวลาเดียวกันเจ้ายังคงต้องการให้ความฝันของเจ้ากลายเป็นจริง เช่นนั้นแล้วเราก็จะขอรบเร้าให้เจ้าคงอยู่ในความสะลึมสะลือของเจ้าต่อไปและไม่มีวันตื่นขึ้นมาเลย—เพราะความฝันของเจ้านั้นเป็นความฝันอันว่างเปล่า และในการสถิตของพระเจ้าผู้ทรงชอบธรรม พระองค์จะไม่ทรงทำการยกเว้นให้กับเจ้า หากเจ้าเพียงแค่ต้องการให้ความฝันของเจ้ากลายเป็นจริง เช่นนั้นแล้วก็จงอย่าได้มีวันวาดฝันเลย ในทางตรงกันข้าม จงเผชิญกับความจริงและข้อเท็จจริงตลอดกาล นี่คือหนทางเดียวที่เจ้าจะสามารถได้รับการช่วยให้รอดได้ ในทางรูปธรรมแล้ว อะไรหรือคือขั้นตอนทั้งหลายของวิธีการนี้?

ประการแรก จงดูการล่วงละเมิดทั้งหมดของเจ้า และตรวจสอบว่าความประพฤติและความคิดใดที่เจ้ามีอยู่โดยไม่คล้อยตามความจริง

นี่คือสิ่งหนึ่งที่เจ้าทำได้อย่างง่ายดาย และเราเชื่อว่าผู้มีเชาวน์ปัญญาทุกคนสามารถทำสิ่งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ที่ไม่เคยรู้ความหมายของการล่วงละเมิดและความจริงนั้นคือข้อยกเว้น ทั้งนี้เพราะโดยระดับพื้นฐานเบื้องต้นแล้ว พวกเขาไม่ใช่ผู้คนที่มีเชาวน์ปัญญา เรากำลังพูดคุยอยู่กับผู้คนที่พระเจ้าทรงเห็นชอบแล้ว มีความซื่อสัตย์ ไม่ได้ละเมิดประกาศกฤษฎีกาบริหารใดอย่างร้ายแรง และสามารถหยั่งรู้ถึงการล่วงละเมิดของตัวพวกเขาเองได้อย่างง่ายดาย แม้ว่านี่คือสิ่งหนึ่งที่เราพึงประสงค์จากพวกเจ้า และนั่นง่ายสำหรับเจ้าที่จะสำเร็จลุล่วงได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราพึงประสงค์จากพวกเจ้า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เราหวังว่าพวกเจ้าจะไม่แอบหัวเราะเยาะกับข้อพึงประสงค์นี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวังว่าเจ้าจะไม่ดูแคลนมันหรือถือว่าไม่เป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ เจ้าควรปฏิบัติต่อมันอย่างจริงจัง และไม่ปล่อยมันลอยแพ

ประการที่สอง สำหรับการล่วงละเมิดและการไม่เชื่อฟังของเจ้าแต่ละข้อ เจ้าควรมองหาความจริงที่สอดรับกัน แล้วจากนั้น จงใช้ความจริงเหล่านี้แก้ไขประเด็นปัญหาเหล่านั้น หลังจากนั้น จงแทนที่การปฏิบัติตนแบบล่วงละเมิดและความคิดกับการปฏิบัติตนที่ไม่เชื่อฟังของเจ้าด้วยการฝึกฝนปฏิบัติความจริง

ประการที่สาม เจ้าควรเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ใช่ใครบางคนที่ฉลาดแยบยลอยู่เสมอและเต็มไปด้วยเล่ห์ลวงตลอดเวลา (ณ ที่นี้เรากำลังขอพวกเจ้าอีกครั้งให้เป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์)

หากเจ้าสามารถสำเร็จลุล่วงสามสิ่งนี้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะเป็นผู้มีวาสนาคนหนึ่ง—เป็นบุคคลที่ความฝันของเขากลายเป็นจริงและเป็นผู้ที่ได้รับโชควาสนา บางทีพวกเจ้าก็จะปฏิบัติต่อข้อพึงประสงค์ที่ไม่ยั่วใจสามประการนี้อย่างจริงจัง หรือบางทีเจ้าก็จะปฏิบัติต่อมันอย่างไม่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะอย่างใดก็ตาม จุดประสงค์ของเราคือการทำให้ความฝันของพวกเจ้าลุล่วง และนำอุดมคติของพวกเจ้าไปสู่การฝึกฝนปฏิบัติ ไม่ใช่ทำเพื่อให้พวกเจ้าเป็นตัวตลกหรือทำให้พวกเจ้าดูโง่เขลา

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การฝ่าฝืนจะนำทางมนุษย์ไปสู่นรก

613. เรามีความหวังมากมาย เราหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถปฏิบัติตนในลักษณะที่ถูกต้องเหมาะสมและประพฤติดี ลุล่วงหน้าที่ของเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ ครองความจริงและมนุษยธรรม เป็นผู้คนที่สามารถยอมล้มเลิกทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามีและแม้แต่ชีวิตของพวกเขาเพื่อพระเจ้า และอื่นๆ อีกมาก ความหวังเหล่านี้ทั้งปวงมีต้นตอมาจากความไม่พอเพียงของพวกเจ้าและจากความเสื่อมทรามและความไม่เชื่อฟังของพวกเจ้า หากคำสนทนาใดที่เราได้มีไปกับพวกเจ้านั้นไม่มีอันใดเลยที่เพียงพอจะดึงดูดความสนใจจากพวกเจ้าได้ เช่นนั้นแล้วก็มีแววว่าทั้งหมดที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือการไม่กล่าวอะไรอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าก็เข้าใจว่าผลลัพธ์ของการนั้นจะเป็นสิ่งใด เราไม่เคยหยุดพัก ดังนั้นหากเราไม่พูด เราก็จะทำบางสิ่งให้ผู้คนมองดู เราสามารถทำให้ลิ้นของใครบางคนเน่าได้ หรือเป็นเหตุให้ใครบางคนตายแบบแขนขาขาด หรือให้ผู้คนมีความผิดปกติของเส้นประสาทและเป็นเหตุให้พวกเขาแลดูน่าเกลียดน่ากลัวได้ในหลายหนทาง แต่ถึงอย่างไร เราก็สามารถทำให้ผู้คนต้องสู้ทนความทรมานที่เราชงขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงสำหรับพวกเขาได้ ด้วยวิธีนี้ เราคงจะรู้สึกเปรมปรีดิ์ มีความสุขมาก และยินดีอย่างใหญ่หลวง มีการกล่าวกันอยู่เสมอว่า “ทำดีได้ดี และทำชั่วได้ชั่ว” ดังนั้นเหตุใดจึงไม่เป็นเช่นนั้นเล่าในตอนนี้? หากเจ้าปรารถนาที่จะต่อต้านเรา และทำการตัดสินเกี่ยวกับเรา เราก็จะทำให้ปากของเจ้าเน่า และนั่นก็จะทำให้เราปีติยินดีไปชั่วกัลป์ ในท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็เป็นเพราะสิ่งที่เจ้าได้ทำไปนั้นไม่ใช่ความจริง ที่แย่ยิ่งกว่าก็คือมันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับชีวิตเลย ขณะที่ทุกสิ่งที่เราทำคือความจริง การกระทำของเราทั้งหมดสัมพันธ์กับหลักธรรมทั้งหลายของงานของเราและประกาศกฤษฎีกาบริหารที่เราได้กำหนดไว้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงรบเร้าให้เจ้าแต่ละคนสั่งสมคุณธรรมเอาไว้บ้าง หยุดการทำความชั่วมากมายยิ่งนัก และใส่ใจต่อข้อเรียกร้องของเราในยามว่างของเจ้า เช่นนั้นแล้วเราจึงจะรู้สึกชื่นบาน หากพวกเจ้าจะมีส่วนร่วมสนับสนุน (หรือบริจาค) ให้กับความจริงแม้แต่หนึ่งในหนึ่งพันของความพยายามที่เจ้าใช้กับเนื้อหนัง เช่นนั้นแล้วเราย่อมกล่าวเลยว่าเจ้าคงจะไม่ได้กระทำการล่วงละเมิดและมีปากเน่าเหม็นบ่อยนัก นี่ไม่เห็นได้ชัดหรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การฝ่าฝืนจะนำทางมนุษย์ไปสู่นรก

614. ในฐานะหนึ่งในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง มนุษย์ต้องรักษาตำแหน่งของเขาเอง และประพฤติตนอย่างมีจิตสำนึก จงคุ้มกันสิ่งที่พระผู้สร้างทรงมอบความไว้วางพระทัยแก่เจ้าอย่างเป็นหน้าที่ จงอย่ากระทำการล้ำเส้น หรือทำสิ่งทั้งหลายที่นอกเหนือช่วงความสามารถของเจ้า หรือที่เป็นที่เกลียดชังของพระเจ้า จงอย่าพยายามที่จะยิ่งใหญ่ หรือกลายเป็นยอดมนุษย์ หรือเหนือสิ่งอื่นใด จงอย่าพยายามที่จะกลายเป็นพระเจ้า นี่คือวิธีที่ผู้คนไม่ควรอยากที่จะเป็น การพยายามที่จะกลายเป็นยิ่งใหญ่หรือยอดมนุษย์นั้นช่างไร้สาระ การเสาะแสวงที่จะกลายเป็นพระเจ้ายิ่งเป็นที่เสื่อมเสียยิ่งกว่า มันน่าขยะแขยงและน่าดูหมิ่นนัก สิ่งที่น่าชมเชยและสิ่งที่สิ่งทรงสร้างทั้งหลายควรจะยึดมั่นไว้มากกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ การกลายเป็นสิ่งทรงสร้างที่แท้จริง นี่คือเป้าหมายเดียวเท่านั้นที่ผู้คนทุกคนควรไล่ตามเสาะหา

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1

615. พวกเจ้าแต่ละคนควรทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ ด้วยหัวใจอันเปิดกว้างและซื่อสัตย์ และเต็มใจจะจ่ายราคาใดก็ตามที่จำเป็น ดังที่พวกเจ้าได้พูดกันไว้ว่า เมื่อวันนั้นมาถึง พระเจ้าจะไม่ทรงบกพร่องต่อใครก็ตามที่ได้ทนทุกข์หรือได้ยอมจ่ายราคาเพื่อพระองค์ ความเชื่อมั่นเช่นนี้คือสิ่งที่ควรค่าแก่การยึดมั่นไว้ และถูกต้องแล้วที่พวกเจ้าไม่ควรจะลืมมันไป ในหนทางนี้เท่านั้น เราจึงจะสามารถสบายใจได้ในเรื่องเกี่ยวกับพวกเจ้า มิเช่นนั้น พวกเจ้าก็จะเป็นผู้คนที่ทำให้เราไม่อาจสบายใจได้เลยตลอดกาล และเจ้าจะกลายเป็นวัตถุทั้งหลายที่เราไม่พิสมัยไปตลอดกาล หากพวกเจ้าทุกคนสามารถทำตามมโนธรรมของตัวเองและทำเพื่อเราอย่างสุดความสามารถโดยไม่เหลือเผื่อแรงเผื่อใจไปจากงานของเรา และอุทิศแรงกายแรงใจของเจ้าให้กับงานข่าวประเสริฐของเราไปชั่วชีวิต เช่นนี้แล้ว มีหรือที่ใจของเราจะไม่ลิงโลดบ่อยครั้งเพราะความชื่นบานในเรื่องของพวกเจ้า? เช่นนี้แล้ว เราจึงจะสามารถโล่งใจในเรื่องของพวกเจ้าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ใช่หรือไม่?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ไปสู่บั้นปลาย

616. เจ้าสามารถสื่อถึง “พระอุปนิสัยที่พระเจ้าทรงแสดงออกในแต่ละยุค” อย่างเป็นรูปธรรมด้วยภาษาที่เหมาะแก่การสื่อนัยสำคัญของยุคนั้นได้หรือไม่? เจ้าผู้ซึ่งรับประสบการณ์พระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้ายสามารถบรรยายพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าอย่างละเอียดได้ไหม? เจ้าจะสามารถเป็นพยานเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้าได้อย่างชัดเจนและถูกต้องแม่นยำได้หรือไม่? เจ้าจะถ่ายทอดสิ่งที่เจ้าได้เห็นและได้รับประสบการณ์ไปสู่บรรดาผู้เชื่อที่เคร่งศาสนาซึ่งน่าสงสาร อ่อนด้อยและเปี่ยมศรัทธาผู้ซึ่งหิวกระหายความชอบธรรมและกำลังรอคอยให้เจ้ามาเป็นผู้เลี้ยงต่อพวกเขาอย่างไร? ผู้คนประเภทไหนกันที่กำลังรอให้เจ้าเป็นผู้เลี้ยงต่อพวกเขา? เจ้าพอจะจินตนาการออกไหม? เจ้าได้ตระหนักรู้ถึงภาระบนบ่าของเจ้า พระบัญชาสำหรับเจ้า และความรับผิดชอบของเจ้าหรือไม่? สำนึกรับรู้แห่งภารกิจประวัติศาสตร์ของเจ้าอยู่ที่ไหน? เจ้าจะทำหน้าที่ในฐานะของเจ้านายคนหนึ่งในยุคถัดไปอย่างพอเหมาะพอควรได้อย่างไร? เจ้ามีสำนึกรับรู้อันแรงกล้าต่อสถานะแห่งความเป็นนายหรือไม่? เจ้าจะอธิบายถึงเจ้านายแห่งสรรพสิ่งอย่างไร? สิ่งนั้นคือเจ้านายเหนือสิ่งสร้างซึ่งมีชีวิตทั้งมวลและเหนือสรรพสิ่งทางกายภาพในโลกนี้จริงๆ หรือ? แผนการของเจ้าสำหรับความก้าวหน้าของงานระยะต่อไปคืออะไร? มีผู้คนมากเพียงใดที่กำลังรอคอยให้เจ้าเป็นผู้เลี้ยงของพวกเขา? งานของเจ้าเป็นงานหนักใช่ไหม? พวกเขาอ่อนด้อย น่าสงสาร ตาบอดและหลงทางพลางกำลังร้องคร่ำครวญอยู่ในความมืดมิด—หนทางนั้นอยู่แห่งใด? พวกเขาช่างโหยหาความสว่างนั้นเหลือเกิน ความสว่างซึ่งเหมือนดาวตก ที่พลันตกลงมาและขับไล่อำนาจแห่งความมืดที่บีบคั้นมนุษย์มานานหลายปีเหลือเกิน ใครเลยจะสามารถรู้ว่าพวกเขาตั้งความหวังอย่างกระวนกระวายใจ และร่ำร้องหาสิ่งนี้ทั้งกลางวันและกลางคืนมากมายสักเพียงไหน? แม้กระทั่งในวันที่ความสว่างนั้นส่องแสงวาบผ่านไปแล้ว ผู้คนที่ทุกข์ทนอย่างล้ำลึกเหล่านี้ก็ยังคงถูกจองจำอยู่ในคุกใต้ดินอันมืดมิดโดยไม่มีหวังว่าจะได้รับการปลดปล่อยเลย เมื่อไรที่พวกเขาจะไม่ต้องร่ำไห้อีกต่อไป? ที่เลวร้ายก็คือความโชคร้ายของจิตวิญญาณอันเปราะบางเหล่านี้ไม่เคยได้รับอนุญาตให้พักผ่อนเลย และพวกเขาได้ถูกพันธนาการอยู่ในสภาวะนี้โดยพันธะซึ่งไร้ปรานีและประวัติศาสตร์อันเยือกเย็นเป็นเวลาเนิ่นนานเหลือเกิน และใครกันเล่าที่ได้สดับฟังเสียงร้องคร่ำครวญของพวกเขา? ใครกันเล่าที่ได้มองดูสภาพอันน่าเวทนาของพวกเขา? เจ้าเคยฉุกคิดบ้างไหมว่าพระหทัยของพระเจ้าโทมนัสและกระวนกระวายเพียงใด? พระองค์ทรงทนเห็นมวลมนุษย์ซึ่งไร้เดียงสา ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองต้องทนทุกข์ทรมานเยี่ยงนี้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม เหล่ามนุษย์ก็คือเหยื่อซึ่งถูกวางยาพิษ และถึงแม้ว่ามนุษย์จะรอดชีวิตมาได้จนถึงเวลานี้ ใครเล่าที่จะรู้ว่ามวลมนุษย์ได้ถูกมารวางยาพิษมานานแล้ว? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าก็เป็นหนึ่งในเหยื่อเหล่านั้นด้วย? ด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้า เจ้าไม่เต็มใจที่จะเพียรพยายามช่วยให้ความรอดแก่ผู้ที่รอดชีวิตมาได้เหล่านี้หรอกหรือ? เจ้าไม่เต็มใจที่จะอุทิศพลังงานทั้งหมดที่มีเพื่อการตอบแทนพระเจ้าผู้ทรงรักมวลมนุษย์เฉกเช่นเลือดและเนื้อหนังของพระองค์เองหรอกหรือ? เมื่อพิจารณาทุกๆ อย่างแล้ว เจ้าจะตีความของการถูกพระเจ้าใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อดำรงชีวิตของเจ้าอย่างพิเศษว่าอย่างไร? เจ้ามีความแน่วแน่และความมั่นใจที่จะดำรงชีวิตอย่างมีความหมายของบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่เคร่งศาสนาใช่หรือไม่?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรจะทำภารกิจในอนาคตของเจ้าอย่างไร?

617. เจ้าคือสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง—แน่นอนว่าเจ้าควรนมัสการพระเจ้าและไล่ตามเสาะหาชีวิตที่มีความหมาย หากเจ้าไม่นมัสการพระเจ้าแต่ใช้ชีวิตภายในเนื้อหนังอันโสมมของเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็มิได้เป็นเพียงแค่สัตว์เดียรัจฉานในเครื่องแต่งกายของมนุษย์หรอกหรือ? เนื่องจากเจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าควรสละตัวเจ้าเองเพื่อพระเจ้าและสู้ทนความทุกข์ทุกอย่าง! เจ้าควรยินดีและแน่ใจยอมรับความทุกข์เล็กน้อยที่เจ้าต้องมีในวันนี้ และใช้ชีวิตที่มีความหมาย ดังเช่นโยบ และเปโตร ในโลกนี้ มนุษย์สวมใส่เสื้อผ้าของปีศาจ กินอาหารจากปีศาจ และทำงานและรับใช้ภายใต้นิ้วหัวแม่มือของปีศาจ กลายมาเป็นถูกเหยียบย่ำในความโสมมของมันอย่างสิ้นเชิง หากเจ้าไม่จับความเข้าใจความหมายของชีวิตหรือได้มาซึ่งวิถีทางที่แท้จริง เช่นนั้นแล้วจะมีนัยสำคัญอะไรในชีวิตของเจ้าเล่า? พวกเจ้าคือผู้คนที่ไล่ตามเสาะหาหนทางที่ถูกต้อง คือบรรดาผู้ที่แสวงหาการปรับปรุง พวกเจ้าคือผู้คนที่ลุกขึ้นในชนชาติแห่งพญานาคใหญ่สีแดง บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกขานว่ามีความชอบธรรม นั่นไม่ใช่ชีวิตที่มีความหมายมากที่สุดหรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การปฏิบัติ (2)

618. พวกเจ้าควรพยายามทำดีที่สุดของพวกเจ้าเพื่อรักพระเจ้าในสภาพแวดล้อมที่เปี่ยมสันติสุขนี้ ในอนาคตเจ้าจะไม่มีโอกาสเหมาะที่จะรักพระเจ้าอีกแล้ว เนื่องจากผู้คนมีเพียงแค่โอกาสเหมาะที่จะรักพระเจ้าในเนื้อหนังเท่านั้น เมื่อพวกเขาดำรงชีวิตในอีกโลกหนึ่ง จะไม่มีผู้ใดพูดถึงการรักพระเจ้า นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของสิ่งมีชีวิตที่ทรงสร้างหรือ? และดังนั้นพวกเจ้าควรรักพระเจ้าอย่างไรในระหว่างวันเวลาแห่งชีวิตของพวกเจ้า? เจ้าเคยได้นึกถึงการนี้ไหม? เจ้ากำลังรอคอยจนกระทั่งหลังจากที่เจ้าตายจึงจะรักพระเจ้าหรือ? นี่ไม่ใช่การพูดที่ไร้สาระหรือ? วันนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ไล่ตามเสาะหาการรักพระเจ้า? การรักพระเจ้าขณะที่ยังคงไม่ว่างสามารถเป็นความรักที่แท้จริงต่อพระเจ้าได้หรือ? สาเหตุที่มีการพูดว่าขั้นตอนนี้ของพระราชกิจของพระเจ้าจะมาถึงบทอวสานในไม่ช้าเป็นเพราะพระเจ้าได้ทรงมีคำพยานต่อหน้าซาตานแล้ว ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่มนุษย์ต้องทำสิ่งใด มนุษย์เพียงแค่ถูกขอให้ไล่ตามเสาะหาการรักพระเจ้าในหลายปีที่เขามีชีวิต—นี่คือกุญแจ เพราะข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าไม่สูง และยิ่งไปกว่านั้น เพราะมีความวิตกกังวลที่เผาผลาญอยู่ในพระทัยของพระองค์ พระองค์จึงได้ทรงเปิดเผยบทสรุปความของขั้นตอนถัดไปของพระราชกิจก่อนที่ขั้นตอนนี้ของพระราชกิจจะได้เสร็จสิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีเวลามากเพียงใด หากพระเจ้าไม่ทรงกระวนกระวายในพระทัยของพระองค์ พระองค์จะตรัสพระวจนะเหล่านี้แต่เนิ่นๆ เช่นนี้หรือ? เป็นเพราะเวลามีน้อยนั่นเองที่พระเจ้าทรงพระราชกิจในหนทางนี้ มีการหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถรักพระเจ้าด้วยสุดหัวใจของพวกเจ้า ด้วยสุดจิตใจของพวกเจ้า และด้วยพละกำลังทั้งหมดของพวกเจ้า ในแบบเดียวกันกับที่พวกเจ้าทะนุถนอมชีวิตของพวกเจ้าเอง นี่ไม่ใช่ชีวิตที่มีความหมายที่สุดหรือ? เจ้าจะสามารถพบเจอความหมายของชีวิตได้จากที่อื่นใดอีก? เจ้าไม่ใช่กำลังตาบอดเหลือเกินหรือ? เจ้าเต็มใจที่จะรักพระเจ้าหรือไม่? พระเจ้าทรงควรค่าต่อความรักของมนุษย์ไหม? ผู้คนควรค่าต่อความรักบูชาของมนุษย์หรือไม่? ดังนั้นเจ้าควรทำสิ่งใด? จงรักพระเจ้าอย่างกล้าหาญ โดยไม่อิดออด และมองให้เห็นว่าพระเจ้าจะทรงทำสิ่งใดกับเจ้า จงมองเห็นว่าพระองค์จะทรงสังหารเจ้าหรือไม่ โดยสรุปแล้ว ภารกิจแห่งการรักพระเจ้าสำคัญมากกว่าการคัดลอกและการเขียนบันทึกสิ่งทั้งหลายเพื่อพระเจ้า เจ้าควรให้ตำแหน่งแรกแก่สิ่งซึ่งสำคัญที่สุด เพื่อที่ชีวิตของเจ้าอาจมีคุณค่ามากขึ้นและเต็มไปด้วยความสุข และจากนั้นเจ้าควรรอคอย “การตัดสินโทษ” ของพระเจ้าสำหรับเจ้า เรากังขาว่าแผนการของเจ้าจะรวมถึงการรักของพระเจ้าหรือไม่ เราปรารถนาให้แผนการของทุกคนกลายเป็นสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงทำให้ครบบริบูรณ์ และให้แผนการเหล่านั้นทั้งหมดกลายเป็นจริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การตีความความล้ำลึกต่างๆ แห่ง “พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล” บทที่ 42

619. มนุษย์ต้องไล่ตามเสาะหาที่จะดำเนินชีวิตซึ่งมีความหมาย และไม่ควรพึงพอใจกับรูปการณ์แวดล้อม ณ ปัจจุบันของเขา ในการดำเนินชีวิตตามภาพลักษณ์ของเปโตร เขาต้องครองความรู้และประสบการณ์ของเปโตร มนุษย์ต้องไล่ตามเสาะหาสิ่งทั้งหลายที่สูงส่งกว่าและลุ่มลึกกว่า เขาต้องเสาะหาความรักพระเจ้าซึ่งบริสุทธิ์ขึ้นและลึกซึ้งขึ้น และเสาะหาชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย นี่เท่านั้นที่เป็นชีวิต กล่าวคือ เมื่อนั้นเท่านั้นที่มนุษย์จะเป็นดั่งเปโตร เจ้าจะต้องมุ่งเน้นการเป็นฝ่ายรุกในการเข้าสู่ในทางบวกของเจ้า และต้องไม่ยอมให้ตัวเองล่าถอยอย่างยอมจำนนเพื่อเห็นแก่ความสบายชั่วครู่ชั่วยาม พลางเพิกเฉยต่อความจริงทั้งหลายซึ่งลุ่มลึกกว่า เฉพาะเจาะจงกว่า และสัมพันธ์กับชีวิตจริงมากกว่า ความรักของเจ้าต้องสัมพันธ์กับชีวิตจริง และเจ้าต้องหาหนทางต่างๆ ที่จะปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตอันต่ำทรามและไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใดนี้ซึ่งไม่ต่างอะไรจากชีวิตของสัตว์ตัวหนึ่ง เจ้าต้องใช้ชีวิตที่มีความหมาย ชีวิตที่มีคุณค่า และเจ้าต้องไม่หลอกตัวเองหรือปฏิบัติต่อตนเองเสมือนเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่เอาไว้เล่นด้วย สำหรับทุกคนซึ่งทะเยอทะยานที่จะรักพระเจ้านั้น ไม่มีความจริงที่ไม่อาจได้มา และไม่มีความยุติธรรมที่พวกเขาไม่อาจตั้งมั่นเพื่อมันได้ เจ้าควรใช้ชีวิตของเจ้าอย่างไรหรือ? เจ้าควรรักพระเจ้าและใช้ความรักนี้สนองข้อพึงปรารถนาของพระองค์อย่างไร? ไม่มีเรื่องใดในชีวิตเจ้าที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าต้องมีความทะเยอทะยานและความมานะบากบั่น และไม่ควรเป็นดั่งพวกที่ใจเสาะ พวกที่ปวกเปียกอ่อนแอ เจ้าต้องเรียนรู้วิธีที่จะได้รับประสบการณ์กับชีวิตซึ่งเปี่ยมความหมายและได้รับประสบการณ์กับความจริงอันเปี่ยมความหมาย และไม่ควรปฏิบัติต่อตัวเจ้าเองอย่างขอไปทีแบบนั้น เมื่อเจ้าไม่ตระหนักถึงมัน ชีวิตเจ้าก็จะผ่านเจ้าไปโดยเจ้าไม่ทันไหวตัว หลังจากนั้น เจ้าจะมีโอกาสที่จะได้รักพระเจ้าอีกครั้งหรือ? มนุษย์สามารถรักพระเจ้าได้หรือ หลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว? เจ้าจักต้องมีความทะเยอทะยานและมโนธรรมดุจดังเปโตร ชีวิตเจ้าจะต้องเปี่ยมความหมาย และเจ้าต้องไม่เล่นเกมกับตัวเจ้าเอง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และในฐานะบุคคลซึ่งเสาะหาพระเจ้า เจ้าต้องสามารถพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเจ้าควรปฏิบัติต่อชีวิตของเจ้าอย่างไร เจ้าควรถวายตัวเจ้าเองต่อพระเจ้าอย่างไร เจ้าควรมีความเชื่อที่เปี่ยมความหมายยิ่งขึ้นในพระเจ้าอย่างไร และด้วยความที่เจ้ารักพระเจ้า เจ้าควรรักพระองค์ในหนทางที่บริสุทธิ์มากขึ้น สวยงามมากขึ้น และดีงามมากขึ้นอย่างไร

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

620. ข้อพึงประสงค์ที่ถูกต้องที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์และบรรดาผู้ที่ติดตามพระเจ้ามีดังต่อไปนี้ พระองค์ทรงพึงประสงค์ห้าสิ่งจากบรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์ ได้แก่ การเชื่อที่แท้จริง การติดตามอย่างจงรักภักดี การนบนอบที่สมบูรณ์ ความรู้อันจริงแท้ และความเคารพด้วยน้ำใสใจจริง

ในห้าสิ่งนี้ พระเจ้าทรงพึงประสงค์ให้มนุษย์ไม่ตั้งคำถามกับพระองค์หรือติดตามพระองค์โดยใช้จินตนาการหรือมุมมองที่คลุมเครือและเป็นนามธรรมทั้งหลายของพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาต้องไม่ติดตามพระเจ้าบนพื้นฐานของการจินตนาการหรือมโนคติอันหลงผิดใดๆ พระองค์ทรงพึงประสงค์ให้ทุกคนในบรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์ทำเช่นนั้นอย่างจงรักภักดี ไม่ใช่อย่างครึ่งใจหรือโดยไม่มีความมุ่งมั่น เมื่อพระเจ้าทรงทำข้อพึงประสงค์ใดๆ ต่อเจ้า ทรงทดสอบเจ้า ทรงพิพากษาเจ้า ทรงจัดการกับเจ้าและทรงตัดแต่งเจ้า หรือทรงบ่มวินัยและทุบตีเจ้า เจ้าควรนบนอบต่อพระองค์อย่างสมบูรณ์ เจ้าไม่ควรถามถึงสาเหตุหรือตั้งเงื่อนไขทั้งหลาย นับประสาอะไรที่เจ้าจะควรพูดถึงเหตุผลทั้งหลาย การเชื่อฟังของเจ้าต้องสมบูรณ์ ความรู้เรื่องพระเจ้าคือความรู้ด้านที่ผู้คนขาดพร่องมากที่สุด พวกเขามักจะกำหนดคติพจน์ ถ้อยคำ และคำพูดที่ไม่เกี่ยวโยงกับพระองค์ให้กับพระเจ้า โดยเชื่อว่าคำพูดเช่นนั้นเป็นการกำหนดนิยามที่เที่ยงตรงมากที่สุดเกี่ยวกับความรู้เรื่องพระเจ้า พวกเขารู้เพียงน้อยนิดว่าคติพจน์เหล่านี้ ที่มาจากการจินตนาการของมนุษย์ การให้เหตุผลของพวกเขาเอง และความรู้ของพวกเขาเองนั้นไม่มีความเกี่ยวโยงกับเนื้อแท้ของพระเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยเหตุนี้ เราต้องการที่จะบอกพวกเจ้าว่า เมื่อพูดถึงความรู้ที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้ผู้คนมีนั้น พระองค์ไม่เพียงทรงขอให้เจ้าระลึกถึงพระองค์และพระวจนะทั้งหลายของพระองค์ แต่ยังทรงขอให้ความรู้ของพวกเจ้าเกี่ยวกับพระองค์นั้นถูกต้องด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเจ้าสามารถกล่าวเพียงหนึ่งประโยคเท่านั้น หรือตระหนักรู้เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น แต่ส่วนน้อยนิดของความตระหนักรู้นี้ถูกต้องและแท้จริง และเข้ากันได้กับเนื้อแท้ของพระเจ้าพระองค์เอง นี่เป็นเพราะพระเจ้าทรงรังเกียจการสรรเสริญหรือการชมเชยใดๆ ต่อพระองค์ที่ไม่สมจริงหรือที่ไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงเกลียดชังเมื่อผู้คนปฏิบัติต่อพระองค์เหมือนอย่างอากาศ พระองค์ทรงเกลียดชังเมื่อผู้คนพูดโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงในระหว่างการหารือในหัวข้อที่เกี่ยวกับพระเจ้า โดยพูดคุยกันตามอำเภอใจและโดยไม่มีความลังเล กล่าวสิ่งใดก็ตามที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะ ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงเกลียดชังบรรดาผู้ที่เชื่อว่าพวกเขารู้จักพระเจ้าและโอ้อวดเกี่ยวกับความรู้เรื่องพระองค์ของพวกเขา โดยหารือในหัวข้อที่เกี่ยวกับพระองค์โดยไม่มีทั้งความยับยั้งชั่งใจหรือข้อสงสัย สิ่งสุดท้ายสำหรับข้อพึงประสงค์ห้าประการที่กล่าวไปข้างต้นเหล่านั้นก็คือความเคารพด้วยน้ำใสใจจริง กล่าวคือ นี่คือข้อพึงประสงค์ข้อสุดท้ายของพระเจ้าที่มีต่อคนเหล่านั้นทั้งหมดที่ติดตามพระองค์ เมื่อใครบางคนมีความรู้ที่ถูกต้องและแท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า พวกเขาก็สามารถเคารพพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่วได้อย่างแท้จริง ความเคารพนี้มาจากส่วนลึกของหัวใจของพวกเขา ความเคารพนี้ถูกมอบให้โดยเต็มใจ และไม่ใช่ผลของความกดดันจากพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงขอให้เจ้ามอบท่าที การประพฤติ หรือพฤติกรรมภายนอกที่ดีงามใดๆ เป็นของขวัญแด่พระเจ้า ในทางตรงกันข้าม พระองค์ทรงขอให้เจ้าเคารพพระองค์และยำเกรงพระองค์ในส่วนลึกของหัวใจของเจ้า การบรรลุถึงความเคารพเช่นนั้นเป็นผลของการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยชีวิตของเจ้า ของการได้รับความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและการเข้าใจกิจการทั้งหลายของพระเจ้า ของการได้มาเข้าใจเนื้อแท้ของพระเจ้า และของการที่เจ้ายอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าคือหนึ่งในสิ่งทรงสร้างทั้งหลายของพระเจ้า เพราะฉะนั้น จุดมุ่งหมายของเราในการใช้คำว่า “ด้วยน้ำใสใจจริง” เพื่อนิยามความเคารพในที่นี้ก็เพื่อให้มนุษย์ได้เข้าใจว่าความเคารพที่พวกเขามีต่อพระเจ้าควรจะมาจากก้นบึ้งหัวใจของพวกเขา

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 10

621. ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดควรตรวจสอบตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าทำได้ เพื่อดูว่าการทรยศต่อเราหลงเหลือภายในตัวพวกเจ้ามากเพียงใด เรากำลังรอคำตอบของพวกเจ้าอย่างหงุดหงิด จงอย่าทำแบบพอเป็นพิธีเวลาติดต่อกับเรา เราไม่เคยเล่นเกมกับผู้คน หากเราพูดว่าเราจะทำบางสิ่งบางอย่าง เช่นนั้นแล้วเราก็จะทำสิ่งนั้นอย่างแน่นอน เราหวังว่าพวกเจ้าแต่ละคนจะเป็นใครบางคนที่ถือถ้อยคำของเราเป็นจริงเป็นจัง และไม่คิดราวกับว่าถ้อยคำเหล่านั้นเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ สิ่งที่เราต้องการคือการกระทำที่เป็นรูปธรรมจากพวกเจ้า ไม่ใช่การจินตนาการต่างๆ ของพวกเจ้า ถัดจากนั้น พวกเจ้าต้องตอบคำถามของเรา ซึ่งมีดังต่อไปนี้: 1. หากเจ้าเป็นคนปรนนิบัติที่แท้จริง เจ้าสามารถทำการปรนนิบัติเราอย่างรักภักดี โดยไม่มีส่วนประกอบของความหละหลวมหรือความคิดด้านลบใดเลยได้หรือไม่? 2. หากเจ้าค้นพบว่าเราไม่เคยซึ้งคุณค่าเจ้าเลย เจ้าจะยังคงสามารถอยู่และทำการปรนนิบัติเราไปตลอดชีวิตได้หรือไม่? 3. หากเรายังคงเย็นชาต่อเจ้ามากแม้ว่าเจ้าจะกำลังใช้ความพยายามมากมาย เจ้าจะสามารถทำงานให้เราต่อโดยไม่เป็นที่รู้จักได้หรือไม่? 4. หากหลังจากเจ้าได้ใช้จ่ายเพื่อเราแล้ว เราไม่พึงพอใจกับข้อเรียกร้องอันน้อยนิดของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นท้อแท้ใจและผิดหวังในตัวเรา หรือกระทั่งกลายเป็นโกรธแค้นและตะโกนด่าทอหรือไม่? 5. หากเจ้าจงรักภักดีอย่างมากมาโดยตลอด มีความรักมากมายให้เรา กระนั้นเจ้าก็ยังทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ ความยากจน และการทอดทิ้งของเพื่อนๆ และญาติๆ ของเจ้า หรือหากเจ้าทนฝ่าโชคร้ายอื่นใดในชีวิต ความจงรักภักดีและความรักของเจ้าที่มีต่อเราจะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่? 6. หากสิ่งที่เราได้ทำไม่ตรงกับสิ่งที่เจ้าได้จินตนาการไว้ในหัวใจของเจ้าเลยสักอย่าง เจ้าจะเดินตามเส้นทางอนาคตของเจ้าอย่างไร? 7. หากเจ้าไม่ได้รับสิ่งใดเลยจากสิ่งต่างๆ ที่เจ้าหวังไว้ว่าจะได้รับ เจ้าจะสามารถเป็นผู้ติดตามของเราต่อไปได้หรือไม่? 8. หากเจ้าไม่เคยเข้าใจจุดประสงค์และนัยสำคัญของงานเราเลย เจ้าจะสามารถเป็นบุคคลที่เชื่อฟังผู้ที่ไม่ทำการตัดสินและสรุปเองโดยพลการได้หรือไม่? 9. เจ้าจะสามารถหวงแหนความล้ำค่าของถ้อยคำทั้งหมดที่เราได้พูดไปและงานทั้งหมดที่เราได้ทำไปในขณะที่เราอยู่ร่วมกันกับมวลมนุษย์ได้หรือไม่? 10. เจ้าสามารถเป็นผู้ติดตามที่จงรักภักดีของเรา เต็มใจที่จะทนฝ่าความทุกข์ชั่วชีวิตเพื่อเรา แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย ได้หรือไม่? 11. เพื่อประโยชน์ของเรา เจ้าสามารถยกเลิกการพิจารณา การวางแผน หรือการตระเตรียมสำหรับเส้นทางเพื่อการอยู่รอดในอนาคตของเจ้าได้หรือไม่? คำถามเหล่านี้เป็นตัวแทนข้อพึงประสงค์สุดท้ายของเราที่มีต่อพวกเจ้า และเราหวังว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะสามารถให้คำตอบเราได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ปัญหาที่ร้ายแรงมาก: การทรยศ (2)

622. สิ่งที่เราปรารถนาคือความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของเจ้า ณ บัดนี้ ความรักและคำพยานของเจ้า ณ บัดนี้ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะไม่รู้ว่าคำพยานคืออะไรหรือความรักคืออะไร เจ้าก็ควรจะนำพาทุกอย่างของเจ้ามาให้เรา และส่งมอบทรัพย์สมบัติเดียวที่เจ้ามีให้แก่เรา นั่นก็คือ ความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของเจ้า เจ้าควรรู้ว่าคำพยานถึงการทำให้ซาตานพ่ายแพ้ของเรามีอยู่ภายในความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของมนุษย์ เช่นเดียวกับคำพยานถึงการพิชิตมนุษย์โดยบริบูรณ์ของเรา หน้าที่แห่งความเชื่อในเราของเจ้าก็คือการเป็นพยานแก่เรา การจงรักภักดีต่อเราและไม่จงรักภักดีต่อสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น และการเชื่อฟังไปจนถึงที่สุด ก่อนที่เราจะเริ่มขั้นตอนต่อไปของงานของเรา เจ้าจะเป็นพยานต่อเราอย่างไร? เจ้าจะจงรักภักดีและจะเชื่อฟังเราอย่างไร? เจ้าอุทิศความจงรักภักดีทั้งหมดของเจ้าให้แก่หน้าที่การงานของเจ้าหรือไม่ หรือเจ้าจะล้มเลิก? เจ้าจะนบนอบต่อการจัดการเตรียมการทุกอย่างของเรา (แม้ว่าจะเป็นความตายหรือความย่อยยับ) หรือหนีหายไปกลางทางเพื่อหลบเลี่ยงการตีสอนของเรา? เราตีสอนเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้เป็นพยานต่อเรา และจงรักภักดีและเชื่อฟังต่อเรา ยิ่งไปกว่านั้น การตีสอนในปัจจุบันเป็นการคลี่คลายงานขั้นตอนต่อไปของงานของเรา และเพื่อช่วยให้งานนั้นก้าวหน้าต่อไปโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเตือนสติเจ้าให้เฉลียวฉลาด และจงอย่าปฏิบัติกับชีวิตของเจ้าหรือนัยสำคัญในการดำรงอยู่ของเจ้าเหมือนกับเม็ดทรายที่ไร้ค่า เจ้าสามารถรู้ได้แน่หรือไม่ว่างานที่จะมาถึงของเรานั้นคืออะไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราจะทำงานอย่างไรในวันข้างหน้า และงานของเราจะคลี่คลายไปอย่างไร? เจ้าควรจะรู้ถึงนัยสำคัญของประสบการณ์ของเจ้ากับงานของเรา และยิ่งไปกว่านั้น นัยสำคัญของความเชื่อในเราของเจ้า เราได้ทำไปมากมายแล้ว เราจะล้มเลิกแค่ครึ่งทางดังที่เจ้าจินตนาการได้อย่างไร? เราได้ทำงานที่กว้างขวางเช่นนี้แล้ว เราจะทำลายมันได้อย่างไร? แท้ที่จริงแล้ว เราได้มาเพื่อทำให้ยุคนี้สิ้นสุดลง นี่คือเรื่องจริง แต่ที่มากกว่านั้น เจ้าต้องรู้ว่าเรากำลังจะเริ่มต้นยุคใหม่ จะเริ่มต้นงานใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือ จะเผยแพร่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร ดังนั้น เจ้าควรรู้ว่างานปัจจุบันเป็นเพียงเพื่อการเริ่มต้นยุคหนึ่งเท่านั้น และเพื่อวางรากฐานในการเผยแพร่ข่าวประเสริฐในสมัยที่จะมาถึงและการทำให้ยุคนี้สิ้นสุดลงในภายภาคหน้า งานของเราไม่ใช่ง่ายดายดังที่เจ้าคิด อีกทั้งไม่ได้ไร้ค่าหรือไร้ความหมายดังที่เจ้าอาจเชื่อ เพราะฉะนั้น เรายังคงต้องพูดกับเจ้าว่า เจ้าควรจะมอบชีวิตของเจ้าให้แก่งานของเรา และที่มากกว่านั้น เจ้าควรจะอุทิศตัวเจ้าเองเพื่อสง่าราศีของเรา นานแล้วที่เราได้โหยหาให้เจ้าเป็นพยานแก่เรา และนานยิ่งกว่านั้นที่เราได้โหยหาให้เจ้าเผยแพร่ข่าวประเสริฐของเรา เจ้าควรจะเข้าใจว่าอะไรอยู่ในหัวใจของเรา

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความเชื่อ?

ก่อนหน้า: 13. พระวจนะว่าด้วยข้อพึงประสงค์ การเตือนสติ การปลอบโยน และคำเตือนของพระเจ้า

ถัดไป: ข. การเตือนสติและการปลอบโยนของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger