ภาคผนวก 1: การทรงปรากฏของพระเจ้าได้นำมาซึ่งยุคใหม่

แผนการบริหารจัดการนานหกพันปีของพระเจ้ากำลังจะสิ้นสุดลง และประตูแห่งราชอาณาจักรได้ถูกเปิดออกแล้วให้กับทุกคนที่แสวงหาการทรงปรากฏของพระองค์  พี่น้องชายหญิงที่รัก พวกเจ้ากำลังรออะไรอยู่?  อะไรคือสิ่งที่เจ้าแสวงหา?  เจ้ากำลังรอให้พระเจ้าทรงปรากฏใช่ไหม?  เจ้ากำลังค้นหารอยพระบาทของพระองค์ใช่ไหม?  การทรงปรากฏของพระเจ้าช่างเป็นที่ถวิลหายิ่งนัก!  และมันก็ยากยิ่งนักที่จะพบรอยพระบาทของพระเจ้า!  ในยุคเช่นนี้ ในโลกเช่นนี้ เราต้องทำอะไรเพื่อให้ได้ประจักษ์วันที่พระเจ้าทรงปรากฏ?  เราต้องทำอะไรเพื่อก้าวให้ทันตามก้าวพระบาทของพระเจ้า?  ทุกคนที่กำลังรอให้พระเจ้าทรงปรากฏต้องเผชิญกับบรรดาคำถามประเภทนี้  พวกเจ้าทั้งหมดได้พิจารณาคำถามเหล่านั้นมากกว่าหนึ่งครั้ง—แต่มีผลลัพธ์เช่นไรหรือ?  พระเจ้าทรงปรากฏที่ใด?  รอยพระบาทของพระเจ้าอยู่ที่ใด?  พวกเจ้ามีคำตอบหรือไม่?  ผู้คนมากมายอาจจะตอบกลับดังนี้ว่า “พระเจ้าทรงปรากฏท่ามกลางบรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์และรอยพระบาทของพระองค์อยู่ท่ามกลางหมู่เรา มันเรียบง่ายเช่นนั้นเอง!”  ไม่ว่าใครก็สามารถให้คำตอบเป็นสูตรตายตัวได้ แต่พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าอะไรคือสิ่งที่หมายถึงการทรงปรากฏของพระเจ้าหรือรอยพระบาทของพระองค์?  การทรงปรากฏของพระเจ้าหมายถึงการทรงมาถึงของพระองค์บนโลกเพื่อทรงพระราชกิจของพระองค์ด้วยพระองค์เอง ด้วยพระอัตลักษณ์และพระอุปนิสัยของพระองค์เอง และในวิธีที่เป็นมาโดยกำเนิดในพระองค์ พระองค์เสด็จลงมาท่ามกลางมวลมนุษย์เพื่อทรงปฏิบัติพระราชกิจของการเริ่มต้นยุคหนึ่งและสิ้นสุดยุคหนึ่ง  การทรงปรากฏเช่นนี้ไม่ใช่รูปแบบของพิธีการ ไม่ใช่เครื่องหมาย รูปภาพ การอัศจรรย์ หรือนิมิตยิ่งใหญ่อะไรสักอย่าง และยิ่งมีโอกาสน้อยกว่านั้นที่จะเป็นกระบวนการทางศาสนา  แต่เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นจริงและแท้จริงที่ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสและมองเห็นได้  การทรงปรากฏแบบนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการเสแสร้งทำ หรือเพื่อการงานระยะสั้นอะไรสักอย่าง หากแต่เป็นไปเพื่อการงานระยะหนึ่งในแผนการบริหารจัดการของพระองค์  การทรงปรากฏของพระเจ้ามีความหมายเสมอและมีความสัมพันธ์กับแผนการบริหารจัดการของพระองค์เสมอ  สิ่งที่เรียกว่าการทรงปรากฏในที่นี้นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก “การทรงปรากฏ” ในแบบที่พระเจ้าทรงใช้แนะนำ นำทาง และให้ความรู้แจ้งแก่มนุษย์  พระเจ้าทรงดำเนินพระราชกิจยิ่งใหญ่ของพระองค์ระยะหนึ่งในแต่ละครั้งที่พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์  พระราชกิจนี้แตกต่างจากพระราชกิจของยุคอื่นใด  เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถจินตนาการได้ และมนุษย์ไม่เคยมีประสบการณ์กับสิ่งนี้มาก่อน เป็นพระราชกิจที่เริ่มต้นยุคใหม่และสิ้นสุดยุคเก่า และเป็นรูปแบบใหม่ที่ดีขึ้นของพระราชกิจเพื่อความรอดของมวลมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพระราชกิจที่นำพามวลมนุษย์เข้าสู่ยุคใหม่ นี่คือความหมายของการทรงปรากฏของพระเจ้า

เมื่อพวกเจ้าได้เข้าใจความหมายของการทรงปรากฏของพระเจ้าแล้ว พวกเจ้าควรแสวงหารอยพระบาทของพระเจ้าอย่างไร?  คำถามนี้ไม่ยากที่จะอธิบาย กล่าวคือ ที่ใดก็ตามที่พระเจ้าทรงปรากฏ ที่นั้นเจ้าจะพบก้าวพระบาทของพระองค์  คำอธิบายเช่นนี้ฟังดูตรงไปตรงมา แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายในทางปฏิบัติ เพราะว่าผู้คนมากมายไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงปรากฏที่ใด นับประสาอะไรที่จะรู้ว่าที่ใดที่พระองค์เต็มพระทัยปรากฏ หรือที่ใดที่พระองค์ควรทรงปรากฏ  บางคนเชื่อด้วยอารมณ์หุนหันว่าที่ใดก็ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจ ที่นั้นพระเจ้าทรงปรากฏ  หรือมิฉะนั้นพวกเขาก็เชื่อว่าที่ใดก็ตามที่มีร่างฝ่ายวิญญาณ ที่นั้นพระเจ้าทรงปรากฏ  หรือมิฉะนั้นพวกเขาก็เชื่อว่าที่ใดที่มีผู้คนที่มีชื่อเสียงสูงส่ง ที่นั้นพระเจ้าทรงปรากฏ  ในชั่วขณะนี้ให้เราลืมไปก่อนว่าการเชื่อเช่นนี้ถูกหรือผิด  เพื่ออธิบายคำถามเช่นนี้ พวกเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเสียก่อน กล่าวคือ พวกเรากำลังค้นหารอยพระบาทของพระเจ้า  พวกเราไม่ได้กำลังแสวงหาร่างฝ่ายวิญญาณ และยิ่งไม่ได้กำลังไล่ตามเสาะหาร่างผู้มีชื่อเสียง พวกเรากำลังไล่ตามเสาะหารอยพระบาทของพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้ เนื่องจากว่าพวกเรากำลังตามหารอยพระบาทของพระเจ้า จึงจำเป็นที่พวกเราต้องค้นหาเจตนารมณ์ของพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้า ถ้อยดำรัสของพระองค์—เพราะที่ใดก็ตามที่มีพระวจนะใหม่ๆ ที่พระเจ้าตรัส พระสุรเสียงของพระเจ้าอยู่ที่นั่น และที่ใดที่มีก้าวพระบาทของพระเจ้า กิจการต่างๆ ของพระเจ้าก็อยู่ที่นั่น  ที่ใดก็ตามที่มีการทรงแสดงออกของพระเจ้า ที่นั่นพระเจ้าทรงปรากฏ และที่ใดที่พระเจ้าทรงปรากฏ ที่นั่นความจริง หนทาง และชีวิตดำรงอยู่  ในการค้นหารอยพระบาทของพระเจ้า พวกเจ้าได้ละเลยคำว่า “พระเจ้าคือความจริง หนทาง และชีวิต” และดังนั้น ผู้คนมากมายแม้ในเวลาที่พวกเขาได้รับความจริงจึงไม่เชื่อว่าพวกเขาได้พบรอยพระบาทของพระเจ้าแล้ว และพวกเขายิ่งไม่ยอมรับการทรงปรากฏของพระเจ้า  เป็นความผิดพลาดร้ายแรงยิ่งนัก!  การทรงปรากฏของพระเจ้าไม่สามารถลงรอยกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ได้ และพระเจ้ายิ่งไม่สามารถจะปรากฏโดยคำขอของมนุษย์  พระเจ้าทรงทำการเลือกและทรงทำแผนการของพระองค์เองเมื่อพระองค์ทรงพระราชกิจของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงมีวัตถุประสงค์ของพระองค์เองและวิธีการของพระองค์เอง  ไม่ว่าพระองค์จะทรงพระราชกิจใด พระองค์ไม่ทรงมีความจำเป็นต้องหารือกับมนุษย์หรือหาคำแนะนำของเขา นับประสาอะไรที่จะต้องทรงแจ้งให้ทุกๆ คนรู้ถึงพระราชกิจของพระองค์  นี่คือพระอุปนิสัยของพระเจ้า และยิ่งไปกว่านั้นทุกคนควรยอมรับการนี้  หากพวกเจ้าปรารถนาที่จะประจักษ์ในการทรงปรากฏของพระเจ้า ตามก้าวพระบาทของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องเดินออกห่างจากมโนคติที่หลงผิดของเจ้าเสียก่อน  เจ้าต้องไม่เรียกร้องให้พระเจ้าทรงทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น นับประสาอะไรที่เจ้าจะควรวางพระองค์ไว้ในขอบเขตของเจ้าเองและจำกัดพระองค์ไว้ในมโนคติที่หลงผิดของเจ้าเอง  แต่เจ้ากลับควรเรียกร้องตัวพวกเจ้าเองว่าพวกเจ้าควรที่จะแสวงหารอยพระบาทของพระเจ้าอย่างไร เจ้าควรที่จะยอมรับการทรงปรากฏของพระเจ้าอย่างไร และเจ้าควรที่จะยอมจำนนต่อพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าอย่างไร กล่าวคือ นี่คือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ เนื่องจากมนุษย์ไม่ใช่ความจริง และไม่ได้ครอบครองความจริง เขาจึงควรแสวงหา ยอมรับ และนบนอบ

ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนอเมริกัน คนอังกฤษ หรือสัญชาติอื่นใด เจ้าควรก้าวออกนอกขอบเขตของสัญชาติของเจ้าเอง ก้าวข้ามตัวของเจ้าเอง และมองพระราชกิจของพระเจ้าด้วยอัตลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง  ด้วยวิธีนี้เจ้าจะไม่วางข้อจำกัดบนรอยพระบาทของพระเจ้า  นี่เป็นเพราะว่าทุกวันนี้ผู้คนมากมายมีความคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงปรากฏในประเทศหนึ่งประเทศใดโดยเฉพาะหรือท่ามกลางผู้คนบางกลุ่ม  นัยสำคัญของพระราชกิจของพระเจ้านั้นลึกซึ้งยิ่งนัก และการทรงปรากฏของพระเจ้ามีความสำคัญยิ่งนัก!  มโนคติที่หลงผิดและความคิดของมนุษย์จะสามารถหยั่งวัดสองสิ่งนั้นได้อย่างไร  และดังนั้นเราจึงบอกว่า เจ้าควรตีฝ่ามโนคติที่หลงผิดเรื่องสัญชาติและชาติพันธุ์เพื่อแสวงหาการทรงปรากฏของพระเจ้า  เช่นนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะไม่ถูกจำกัดด้วยมโนคติที่หลงผิดของเจ้าเอง เช่นนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะมีคุณสมบัติที่จะต้อนรับการทรงปรากฏของพระเจ้า  มิฉะนั้น เจ้าจะยังคงอยู่ในความมืดมิดนิรันดร์ และไม่มีวันได้รับการยอมรับจากพระเจ้า

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล  พระองค์ไม่ทรงถือว่าพระองค์เป็นสมบัติส่วนตัวของประเทศหรือผู้คนใดๆ แต่ทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ตามที่พระองค์ได้ทรงวางแผนไว้ โดยปราศจากการถูกจำกัดขอบเขตทั้งในรูปแบบ ประเทศ หรือผู้คนใดๆ  บางทีเจ้าอาจไม่เคยจินตนาการถึงรูปแบบนี้ หรือบางที ทัศนคติของเจ้าที่มีต่อรูปแบบนี้เป็นไปในทางปฏิเสธ หรือบางที ประชาชาติที่พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์และผู้คนที่พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์อาจบังเอิญถูกเลือกปฏิบัติโดยทุกคน และบังเอิญเป็นผู้คนที่ล้าหลังที่สุดบนแผ่นดินโลก  ถึงอย่างนั้น พระเจ้าก็มีพระปัญญาของพระองค์  ด้วยมหิทธานุภาพของพระองค์ และโดยอาศัยความจริงของพระองค์และพระอุปนิสัยของพระองค์ พระองค์ได้ทรงรับไว้อย่างแท้จริงซึ่งผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจิตใจตรงกันกับพระองค์ และผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งพระองค์ทรงปรารถนาที่จะทำให้ครบบริบูรณ์—เป็นกลุ่มคนภายใต้การปกครองของพระองค์ ผู้ซึ่งได้ทนฝ่าการทดสอบและความทุกข์ลำบากทุกรูปแบบและการข่มเหงทุกรูปแบบ สามารถติดตามพระองค์จนถึงปลายทาง  จุดมุ่งหมายของการทรงปรากฏของพระเจ้า ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่กับรูปแบบหรือประชาชาติใดๆ คือการทำให้พระองค์สามารถปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ให้เสร็จสมบูรณ์ได้ตามที่พระองค์ได้ทรงวางแผนไว้  นี่เป็นเหมือนเมื่อครั้งพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ในแคว้นยูเดีย กล่าวคือ จุดมุ่งหมายของพระองค์คือการบรรลุพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขนเพื่อไถ่บาปให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล  แม้กระนั้น ชาวยิวก็เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงทำเช่นนี้ และพวกเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะสามารถเป็นเนื้อหนังและทรงอยู่ในรูปร่างขององค์พระเยซูเจ้า  “เป็นไปไม่ได้” ของพวกเขากลายเป็นพื้นฐานให้พวกเขาประณามและต่อต้านพระเจ้า และในที่สุดก็นำไปสู่การทำลายล้างประเทศอิสราเอล  วันนี้ผู้คนมากมายได้กระทำความผิดที่คล้ายกัน  พวกเขาป่าวประกาศด้วยพละกำลังทั้งหมดของพวกเขาถึงการทรงปรากฏของพระเจ้าที่กำลังใกล้เข้ามา แต่ในเวลาเดียวกันก็ประณามการทรงปรากฏของพระองค์ “เป็นไปไม่ได้” ของพวกเขาจำกัดการทรงปรากฏของพระเจ้าภายในขอบเขตของจินตนาการของพวกเขาอีกครั้ง  และดังนั้นเราจึงได้เห็นผู้คนมากมายระเบิดหัวเราะอย่างป่าเถื่อนและแหบห้าวหลังจากที่ได้มาพบกับพระวจนะของพระเจ้า  แต่เสียงหัวเราะนี้แตกต่างจากการประณามและการดูหมิ่นของชาวยิวเพียงใดหรือไม่?  พวกเจ้าไม่เคารพยำเกรงเมื่ออยู่ต่อหน้าความจริง และยิ่งไม่มีความรู้สึกโหยหาเลยหรือ?  ทั้งหมดที่เจ้าทำคือศึกษาโดยไร้ความพิถีพิถันและรอคอยด้วยความไม่แยแสสะเพร่า  เจ้าจะสามารถได้อะไรจากการศึกษาและการรอคอยเช่นนี้?  เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้รับคำแนะนำส่วนตัวจากพระเจ้าหรือ?  หากเจ้าไม่สามารถเข้าใจถ้อยดำรัสของพระเจ้าแล้ว เจ้าจะมีคุณสมบัติในทางใดที่จะประจักษ์ในการทรงปรากฏของพระเจ้า?  ที่ใดก็ตามที่พระเจ้าทรงปรากฏ ความจริงก็จะถูกแสดงที่นั่น และพระสุรเสียงของพระเจ้าก็จะอยู่ที่นั่น  เฉพาะบรรดาผู้ที่สามารถยอมรับความจริงเท่านั้นที่จะสามารถได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า และเฉพาะผู้คนเช่นนี้เท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะประจักษ์ในการทรงปรากฏของพระเจ้า  จงปลดปล่อยมโนคติที่หลงผิดของเจ้า!  จงเงียบเสียงตัวเจ้าเองและนำถ้อยคำเหล่านี้มาอ่านอย่างระมัดระวัง  หากเจ้าโหยหาความจริง พระเจ้าจะทรงให้ความรู้แจ้งแก่เจ้าและเจ้าจะเข้าใจเจตนารมณ์ของพระองค์และพระวจนะของพระองค์ จงปลดปล่อยความเห็นของพวกเจ้าเกี่ยวกับ “เป็นไปไม่ได้”!  ยิ่งผู้คนเชื่อว่าบางสิ่งเป็นไปไม่ได้มากเท่าใด ก็มีโอกาสที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น เพราะพระปัญญาของพระเจ้าทะยานสูงกว่าฟ้าสวรรค์ พระดำริของพระเจ้าอยู่สูงกว่าความคิดของมนุษย์ และพระราชกิจของพระเจ้าอยู่เหนือขอบเขตของความคิดและมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์  ยิ่งบางสิ่งเป็นไปไม่ได้มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีความจริงที่สามารถค้นหาได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งบางสิ่งอยู่พ้นมโนคติที่หลงผิดและจินตนาการของมนุษย์มากเท่าใด ก็ยิ่งมีเจตนารมณ์ของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น  นี่เป็นเพราะไม่ว่าพระองค์จะทรงเปิดเผยพระองค์ที่ใด พระเจ้าก็ยังคงเป็นพระเจ้า และแก่นแท้ของพระองค์จะไม่เปลี่ยนแปลงด้วยเหตุของสถานที่หรือลักษณะของการทรงปรากฏของพระองค์  พระอุปนิสัยของพระเจ้ายังคงเหมือนเดิมไม่ว่ารอยพระบาทของพระองค์จะอยู่ที่ใด และไม่ว่ารอยพระบาทของพระเจ้าจะอยู่ที่ใด พระองค์ก็เป็นพระเจ้าของมวลมนุษย์ทั้งปวง เช่นเดียวกับที่องค์พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงเป็นเพียงพระเจ้าของชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่เป็นพระเจ้าของผู้คนทั้งหมดในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาอีกด้วย และยิ่งไปกว่านั้นอีก พระองค์คือพระเจ้าหนึ่งเดียวในจักรวาลทั้งมวล  ดังนั้นพวกเรามาแสวงหาเจตนารมณ์ของพระเจ้า ค้นพบการทรงปรากฏของพระองค์ในถ้อยดำรัสของพระองค์ และก้าวตามให้ทันก้าวพระบาทของพระองค์กันเถิด!  พระเจ้าทรงเป็นความจริง หนทาง และชีวิต  พระวจนะของพระองค์และการทรงปรากฏของพระองค์ดำรงอยู่ในเวลาเดียวกัน และพระอุปนิสัยและรอยพระบาทของพระองค์เปิดกว้างต่อมวลมนุษย์ตลอดเวลา  พี่น้องชายหญิงที่รัก เราหวังว่าพวกเจ้าสามารถเห็นการทรงปรากฏของพระเจ้าในคำพูดเหล่านี้ เริ่มติดตามก้าวพระบาทของพระองค์ในขณะที่เจ้าก้าวไปข้างหน้าสู่ยุคใหม่ และเข้าสู่สวรรค์และโลกใหม่ที่สวยงามซึ่งพระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ที่กำลังรอคอยการทรงปรากฏของพระองค์!

ก่อนหน้า: ประกาศกฤษฎีกาบริหารสิบประการซึ่งประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรในยุคแห่งราชอาณาจักรต้องเชื่อฟัง

ถัดไป: ภาคผนวก 2: พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger