เจ้ารู้หรือไม่ว่า พระเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางมวลมนุษย์?

ยุคเก่าได้ผ่านไป และยุคใหม่ได้มาถึงแล้ว  ปีแล้วปีเล่า วันแล้ววันเล่า พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจไปมากมาย  พระองค์เสด็จเข้ามาสู่โลก และแล้วก็เสด็จจากไป  วงจรนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ผ่านหลายชั่วอายุคน  วันนี้ก็เป็นเช่นดังแต่ก่อน พระเจ้ายังทรงพระราชกิจที่พระองค์ต้องทรงทำ พระราชกิจซึ่งพระองค์ยังได้ทรงทำจนครบบริบูรณ์ต่อไป เพราะจนถึงวันนี้พระองค์ก็ยังมิได้ทรงเข้าสู่การพักผ่อนเลย  นับจากกาลแห่งการทรงสร้างจนถึงวันนี้ พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจไปมากมาย  แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า พระเจ้าวันนี้ทรงพระราชกิจมากมายกว่าก่อนหน้านี้  และมาตราส่วนของพระราชกิจของพระองค์ก็ยิ่งใหญ่กว่าก่อนหน้านี้มาก?  นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงกล่าวว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางมวลมนุษย์  พระราชกิจทั้งหมดของพระเจ้ามีความสำคัญยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นต่อมนุษย์หรือต่อพระเจ้า เพราะพระราชกิจทุกรายการของพระองค์นั้นสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับมนุษย์

เพราะพระราชกิจของพระองค์นั้นทั้งไม่อาจมองเห็นและไม่อาจสัมผัสได้—นับประสาอะไรที่โลกจะสามารถมองเห็น—แล้วพระราชกิจของพระองค์สามารถเป็นบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน?  สิ่งประเภทใดกันแน่ที่จะพิจารณาได้ว่ายิ่งใหญ่?  แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้ว่า ไม่ว่าพระองค์จะทรงพระราชกิจใดก็ตาม พระราชกิจนั้นสามารถถือได้ว่ายิ่งใหญ่  แต่เพราะเหตุใด เราจึงกล่าวถึงสิ่งนี้กับพระราชกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติในวันนี้?  เมื่อเรากล่าวว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องกังขาเลยว่า  สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความล้ำลึกมากมายที่มนุษย์ยังไม่เข้าใจ  พวกเราจงมาพูดถึงสิ่งเหล่านั้นกัน ณ บัดนี้เถิด

พระเยซูประสูติในรางหญ้าในยุคที่ไม่สามารถยอมผ่อนปรนให้มีการดำรงอยู่ของพระองค์ แต่ถึงกระนั้น โลกก็ไม่สามารถขวางทางของพระองค์ได้ และพระองค์ทรงพระชนม์ชีพอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์เป็นเวลาสามสิบสามปีภายใต้การดูแลของพระเจ้า  ในช่วงชีวิตหลายปีนี้ พระองค์ได้ทรงผ่านประสบการณ์ความขมขื่นของโลก และได้ลิ้มรสชีวิตแห่งความทุกข์ระทมบนแผ่นดินโลก  พระองค์ได้ทรงแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ในการถูกตรึงกางเขนเพื่อไถ่มวลมนุษย์  พระองค์ได้ทรงไถ่คนบาปทุกคนที่ได้เคยดำรงชีวิตอยู่ภายใต้อำนาจของซาตาน และในที่สุด พระกายที่คืนพระชนม์ของพระองค์ก็ได้คืนสู่ที่ประทับพักผ่อนของพระองค์  บัดนี้ พระราชกิจใหม่ของพระเจ้าได้เริ่มขึ้นแล้ว  และยังเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ด้วย  พระเจ้าทรงนำพาบรรดาผู้ที่ได้รับการไถ่เข้ามาในพระนิเวศของพระองค์ เพื่อเริ่มต้นพระราชกิจแห่งความรอดซึ่งเป็นพระราชกิจใหม่ของพระองค์  ในเวลานี้ พระราชกิจแห่งความรอดมีความละเอียดทั่วถึงกว่าในกาลสมัยทั้งหลายที่ผ่านไป  ไม่ใช่พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งกำลังทรงพระราชกิจในตัวมนุษย์ ที่จะเป็นเหตุให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง และไม่ใช่พระกายของพระเยซูซึ่งกำลังทรงปรากฏท่ามกลางมวลมนุษย์ที่จะทรงพระราชกิจนี้ และที่จะไม่ใช่ที่สุดก็คือ พระราชกิจนี้ไม่ได้ปฏิบัติผ่านวิถีทางอื่นใด  แต่กลับเป็นพระเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ที่ทรงปฏิบัติพระราชกิจนี้และทรงชี้นำมันด้วยพระองค์เอง  พระองค์ทรงปฏิบัติในหนทางนี้ก็เพื่อที่จะนำทางมนุษย์เข้าไปสู่พระราชกิจใหม่  นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่หรอกหรือ?  พระเจ้าไม่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจนี้ผ่านส่วนของมนุษยชาติหรือโดยวิถีทางแห่งคำเผยพระวจนะทั้งหลาย แต่พระองค์กลับทรงปฏิบัติด้วยพระองค์เอง  บางคนอาจกล่าวว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่และไม่สามารถนำพาความสุขเกษมยินดีมาให้กับมนุษย์ได้  แต่เราจะกล่าวกับเจ้าว่า พระราชกิจของพระเจ้าไม่ใช่เพียงเท่านี้ แต่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มาก และมากมายกว่านี้มาก

ในคราวนี้ พระเจ้าเสด็จมาทรงพระราชกิจไม่ใช่ในกายจิตวิญญาณ แต่ในกายที่ธรรมดาสามัญมาก  ยิ่งไปกว่านั้น กายนี้ไม่เพียงเป็นพระกายในการปรากฏในรูปมนุษย์ครั้งที่สองของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นพระกายที่พระเจ้าทรงใช้กลับคืนสู่เนื้อหนังด้วยเช่นกัน เป็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งธรรมดาสามัญมาก  เจ้าไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดที่ทำให้พระองค์โดดเด่นออกมาจากผู้อื่น แต่เจ้าสามารถได้รับความจริงซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนจากพระองค์ได้  เนื้อหนังซึ่งไร้นัยสำคัญนี้คือสิ่งที่พระวจนะแห่งความจริงทั้งหมดจากพระเจ้าจำแลงร่างขึ้นมาดำเนินพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้าย และแสดงพระอุปนิสัยทั้งหมดของพระเจ้าให้มนุษย์เข้าใจ  เจ้าไม่อยากอย่างใหญ่หลวงที่จะมองเห็นพระเจ้าในสวรรค์หรอกหรือ?  เจ้าไม่อยากอย่างใหญ่หลวงที่จะเข้าใจพระเจ้าในสวรรค์หรอกหรือ?  เจ้าไม่อยากอย่างใหญ่หลวงที่จะมองเห็นบั้นปลายของมวลมนุษย์หรอกหรือ?  พระองค์จะทรงบอกความลับเหล่านี้ทั้งหมดแก่เจ้า—ความลับที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใดสามารถบอกเจ้าได้ และพระองค์จะทรงบอกกับเจ้าเช่นกันถึงความจริงที่เจ้านั้นไม่เข้าใจ  พระองค์ทรงเป็นประตูให้เจ้าเข้าไปสู่ราชอาณาจักร  และเป็นผู้นำเจ้าเข้าไปสู่ยุคใหม่  มนุษย์ที่ธรรมดาสามัญเช่นนั้นถือครองความล้ำลึกอันมิอาจหยั่งลึกได้อยู่มากมาย  กิจการของพระองค์อาจมิอาจพิเคราะห์ได้สำหรับเจ้า แต่เป้าหมายโดยครบถ้วนบริบูรณ์ของพระราชกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัตินั้นเพียงพอที่จะเปิดโอกาสให้เจ้ามองเห็นว่าพระองค์มิใช่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง อย่างที่ผู้คนเชื่อ  เพราะพระองค์เป็นตัวแทนเจตนารมณ์ของพระเจ้าและความใส่ใจที่พระเจ้าทรงแสดงต่อมวลมนุษย์ในยุคสุดท้าย  แม้เจ้าจะไม่สามารถได้ยินพระวจนะของพระองค์ที่ดูเหมือนจะสั่นสะเทือนฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก  แม้ว่าเจ้าไม่สามารถมองเห็นพระเนตรของพระองค์ดังเช่นเปลวเพลิงแห่งไฟ  และแม้เจ้าไม่สามารถรับความมีวินัยแห่งคทาเหล็กของพระองค์  แต่ถึงกระนั้น  เจ้าก็สามารถได้ยินจากพระวจนะของพระองค์ว่าพระเจ้าทรงพิโรธ และรู้ว่าพระเจ้ากำลังทรงแสดงความกรุณาต่อมวลมนุษย์  เจ้าสามารถมองเห็นพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าและพระปัญญาของพระองค์ และยิ่งไปกว่านั้น ตระหนักถึงความกังวลห่วงใยที่พระเจ้าทรงมีให้กับมวลมนุษย์ทั้งปวง  พระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้ายคือ การเปิดโอกาสให้มนุษย์มองเห็นพระเจ้าในสวรรค์ดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกมนุษย์บนแผ่นดินโลก และทำให้มนุษย์สามารถรู้จัก นบนอบ ยำเกรง และรักพระเจ้า  นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดพระองค์จึงได้ทรงกลับคืนสู่เนื้อหนังเป็นครั้งที่สอง  แม้ว่าสิ่งที่มนุษย์เห็นในวันนี้คือพระเจ้าองค์หนึ่งซึ่งเหมือนกับมนุษย์ พระเจ้าองค์หนึ่งซึ่งมีหนึ่งพระนาสิกและสองพระเนตร  และพระเจ้าองค์หนึ่งซึ่งไม่มีอะไรโดดเด่น  ในตอนท้าย พระเจ้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นว่า หากมนุษย์คนนี้มิได้ดำรงอยู่ ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงมหาศาล หากมนุษย์คนนี้มิได้ดำรงอยู่ ฟ้าสวรรค์จะสลัวลง แผ่นดินโลกจะดิ่งพรวดลงสู่ความอลหม่าน  และมวลมนุษย์ทั้งปวงจะดำรงชีวิตท่ามกลางการกันดารอาหารและภัยพิบัติทั้งหลาย  พระองค์จะทรงแสดงให้พวกเจ้าเห็นว่า หากพระเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ไม่ได้เสด็จมาเพื่อช่วยพวกเจ้าให้รอดในยุคสุดท้าย พระเจ้าก็คงจะได้ทรงทำลายมวลมนุษย์ทั้งปวงในนรกไปเสียนานแล้ว หากไม่มีมนุษย์ผู้นี้อยู่ พวกเจ้าก็จะเป็นพวกคนบาปตัวฉกาจไปตลอดกาล  และเจ้าจะกลายเป็นซากศพชั่วนิรันดร  พวกเจ้าควรรู้ว่า หากเนื้อหนังนี้มิได้ดำรงอยู่ เช่นนั้นแล้ว มวลมนุษย์ทั้งปวงคงจะเผชิญหน้ากับหายนะที่มิอาจหลบหลีกได้เลย  และคงจะพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกหนีการลงโทษอันรุนแรงเสียยิ่งกว่าซึ่งพระเจ้าทรงตวงแบ่งให้กับมวลมนุษย์ในยุคสุดท้าย  หากเนื้อหนังธรรมดาสามัญนี้ไม่ถือกำเนิดขึ้น เจ้าทั้งหมดก็คงจะอยู่ในสภาวะที่พวกเจ้าร้องขอชีวิตโดยที่ไม่มีความสามารถที่จะดำรงชีวิตได้ และอธิษฐานขอความตายโดยที่ไม่สามารถตายได้  หากเนื้อหนังนี้มิได้ดำรงอยู่ พวกเจ้าจะไม่สามารถได้รับความจริงและมาอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้าในวันนี้ได้  แต่เจ้ากลับจะถูกพระเจ้าลงโทษเพราะบาปอันหนักหนาสาหัสของเจ้าแทน  พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า หากมิใช่เพราะพระเจ้าทรงกลับคืนสู่เนื้อหนัง  ก็คงจะไม่มีผู้ใดเลยที่มีโอกาสได้รับความรอด  และหากมิใช่เพราะการมาของเนื้อหนังนี้ พระเจ้าก็คงจะวางบทอวสานให้กับยุคเก่าไปเสียนานแล้ว?  ด้วยความที่เป็นเช่นนี้ พวกเจ้ายังสามารถปฏิเสธการปรากฏในรูปมนุษย์ครั้งที่สองของพระเจ้าได้อยู่อีกหรือ?  เพราะพวกเจ้าสามารถได้รับประโยชน์มากมายเหลือเกินจากมนุษย์ธรรมดาสามัญผู้นี้  เหตุใดพวกเจ้าจึงจะไม่ยอมรับพระองค์อย่างเปรมปรีดิ์เล่า?

พระราชกิจของพระเจ้าคือบางสิ่งที่เจ้าไม่สามารถจับใจความได้  หากเจ้าไม่สามารถจับความเข้าใจได้อย่างเต็มที่ว่าตัวเลือกของเจ้านั้นถูกต้องหรือไม่  ทั้งยังไม่สามารถรู้ได้ว่าพระราชกิจของพระองค์สามารถประสบผลสำเร็จได้หรือไม่ แล้วเหตุใด เจ้าจึงไม่ลองเสี่ยงโชคของเจ้าดูว่ามนุษย์ธรรมดาสามัญผู้นี้อาจช่วยเหลือเจ้าได้อย่างใหญ่หลวงหรือไม่ ว่าพระเจ้าได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่จริงๆ หรือไม่?  อย่างไรก็ตาม เราต้องบอกเจ้าว่า ในกาลของโนอาห์ มนุษย์ได้กินและดื่ม สมรสกันและยอมพ่ายแพ้แก่ชีวิตสมรสจนถึงขอบข่ายที่พระเจ้าไม่สามารถทนรู้เห็นเป็นพยานได้  พระองค์จึงส่งน้ำท่วมใหญ่มาทำลายมวลมนุษย์ และไว้ชีวิตเพียงครอบครัวแปดคนของโนอาห์ กับนกและสัตว์ป่าทุกชนิด  อย่างไรก็ตาม ในยุคสุดท้าย ผู้ที่พระเจ้าทรงไว้ชีวิตคือทุกคนที่จงรักภักดีต่อพระองค์จนถึงบทอวสาน  แม้ทั้งสองยุคจะเป็นกาลสมัยที่มีความเสื่อมทรามอันใหญ่หลวงจนพระองค์ไม่สามารถทนรู้เห็นเป็นพยานได้ และมวลมนุษย์ในทั้งสองยุคกลับกลายเป็นเสื่อมทรามยิ่งนักและปฏิเสธว่าพระเจ้าไม่ใช่องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา  พระเจ้าก็ได้ทรงทำลายเพียงผู้คนในกาลสมัยของโนอาห์  มวลมนุษย์ในทั้งสองยุคทำให้พระเจ้าทรงทุกข์โศกอย่างใหญ่หลวง ทว่าพระเจ้าก็ยังคงทรงอดทนกับมนุษย์ในยุคสุดท้ายจนกระทั่งถึงบัดนี้  เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เล่า?  พวกเจ้าไม่เคยแปลกใจเลยหรือว่าเป็นเพราะเหตุใด?  หากพวกเจ้าไม่รู้จริงๆ เช่นนั้นก็จงให้เราบอกแก่พวกเจ้าเถิด  เหตุผลที่พระเจ้าสามารถประทานพระคุณให้แก่ผู้คนในยุคสุดท้ายนั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขาเสื่อมทรามน้อยกว่าผู้คนในกาลสมัยของโนอาห์ หรือเพราะพวกเขาได้แสดงการกลับใจต่อพระเจ้าแล้ว  และนับประสาอะไรที่จะเป็นเพราะวิทยาการในยุคสุดท้ายก้าวหน้าเสียจนพระเจ้าไม่สามารถตัดใจทำลายพวกเขาได้  แต่กลับเป็นเพราะพระเจ้าทรงมีพระราชกิจที่ต้องปฏิบัติในกลุ่มผู้คนในยุคสุดท้าย  และพระเจ้าจะทรงพระราชกิจนี้ด้วยพระองค์เองในการจุติเป็นมนุษย์ของพระองค์  และนอกจากนี้ พระเจ้าจะทรงเลือกสรรคนส่วนหนึ่งในกลุ่มนี้ให้กลายเป็นวัตถุแห่งความรอดของพระองค์ และเป็นดอกผลของแผนการบริหารจัดการของพระองค์  และนำพาผู้คนเหล่านี้ไปสู่ยุคถัดไป  ดังนั้น ราคาที่พระเจ้าทรงจ่ายไปทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม  ต่างเป็นไปเพื่อการตระเตรียมสำหรับพระราชกิจซึ่งเนื้อหนังที่พระองค์ทรงจุติมาเป็น มนุษย์จะปฏิบัติในยุคสุดท้ายทั้งสิ้น  ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเจ้าได้มาถึงวันนี้นั้น ก็เป็นเพราะเนื้อหนังนี้  พวกเจ้ามีโอกาสที่จะรอดชีวิตก็เพราะพระเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่ในเนื้อหนังนี่เอง  โชควาสนาทั้งหมดนี้ได้มาก็เพราะมนุษย์ธรรมดาสามัญผู้นี้  แต่ไม่เพียงเท่านี้ ในท้ายที่สุด ทุกชนชาติจะนมัสการมนุษย์ธรรมดาสามัญผู้นี้ ทั้งยังขอบคุณและเชื่อฟังมนุษย์ที่ไร้นัยสำคัญผู้นี้ เพราะความจริง ชีวิต และหนทางที่พระองค์ทรงนำมานี่เองที่ได้ช่วยมวลมนุษย์ทั้งปวงให้รอด ได้บรรเทาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ได้ลดระยะห่างระหว่างมนุษย์และพระเจ้า และเปิดการเชื่อมโยงระหว่างพระดำริของพระเจ้าและมนุษย์  เป็นพระองค์เช่นกันที่ได้รับพระสิริซึ่งยิ่งใหญ่ขึ้นสำหรับพระเจ้า  มนุษย์ธรรมดาสามัญเช่นนี้ไม่ควรค่าแก่ความไว้วางใจและความชื่นชมบูชาของเจ้าหรอกหรือ?  เนื้อหนังซึ่งธรรมดาสามัญเช่นนั้นไม่เหมาะที่จะได้รับการเรียกขานว่าพระคริสต์หรอกหรือ?  มนุษย์ธรรมดาสามัญเช่นนั้นไม่สามารถกลายเป็นการแสดงออกของพระเจ้าท่ามกลางมวลมนุษย์หรอกหรือ?  มนุษย์ผู้ซึ่งได้ไว้ชีวิตมวลมนุษย์จากความวิบัติเช่นนั้นไม่สมควรแก่ความรักของพวกเจ้าและความอยากของพวกเจ้าที่จะยึดพระองค์ไว้ให้มั่นหรอกหรือ?  หากพวกเจ้าปฏิเสธความจริงซึ่งแสดงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และรังเกียจการดำรงอยู่ของพระองค์ท่ามกลางพวกเจ้า  แล้วสิ่งใดเล่าที่จะเกิดขึ้นกับเจ้าในบทอวสาน?

พระราชกิจทั้งหมดของพระเจ้าในยุคสุดท้ายกระทำผ่านมนุษย์ธรรมดาสามัญผู้นี้  บุคคลผู้นี้จะมอบทุกสิ่งแก่เจ้า และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ บุคคลผู้นี้จะสามารถตัดสินทุกสิ่งที่สัมพันธ์กับเจ้า  เป็นไปได้หรือที่มนุษย์เช่นนี้จะเป็นมนุษย์ที่ธรรมดาจนไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง อย่างที่พวกเจ้าเชื่อว่าพระองค์เป็น?  ความจริงของพระองค์ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเจ้าเชื่ออย่างหมดใจกระนั้นหรือ?  พยานแห่งกิจการของพระองค์ไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวให้พวกเจ้าเชื่อจนหมดใจกระนั้นหรือ?  หรือว่าเส้นทางที่พระองค์ทรงนำพามานั้นไม่ควรค่าให้พวกเจ้าเดินไป?  เมื่อพิจารณาโดยรวมทุกอย่างแล้ว สิ่งใดที่เป็นเหตุให้พวกเจ้าชิงชังพระองค์ และเหวี่ยงพระองค์ทิ้งไปและรักษาระยะห่างจากพระองค์  มนุษย์ผู้นี้นี่เองที่เป็นผู้แสดงความจริง  มนุษย์ผู้นี้นี่เองที่เป็นผู้จัดเตรียมความจริง  และมนุษย์ผู้นี้นี่เองที่เป็นผู้ให้เส้นทางให้พวกเจ้าติดตาม  อาจเป็นได้หรือไม่ว่าพวกเจ้ายังคงไม่สามารถค้นพบร่องรอยของพระราชกิจของพระเจ้าภายในความจริงเหล่านี้?  หากปราศจากพระราชกิจของพระเยซูแล้วไซร้ มวลมนุษย์ย่อมจะไม่สามารถลงมาจากกางเขน  แต่หากปราศจากการจุติเป็นมนุษย์ในวันนี้ บรรดาผู้ที่ลงมาจากกางเขนย่อมจะไม่มีวันสามารถได้รับการเห็นชอบจากพระเจ้าหรือเข้าสู่ยุคใหม่ได้เลย  หากปราศจากการมาของมนุษย์ธรรมดาสามัญผู้นี้  พวกเจ้าก็คงจะไม่มีวันได้มีโอกาสที่จะมองเห็นโฉมพระพักตร์ที่แท้จริงของพระเจ้า ทั้งยังไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมพอที่จะมองเห็น เพราะพวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุที่ควรถูกทำลายสิ้นเมื่อนานมาแล้ว  เนื่องจากการมาถึงของการจุติเป็นมนุษย์ครั้งที่สองของพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงยกโทษให้พวกเจ้าและแสดงความปรานีต่อพวกเจ้า  ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำพูดที่เราต้องทิ้งไว้กับพวกเจ้าในตอนท้ายก็ยังคงเป็นคำพูดเหล่านี้ที่ว่า มนุษย์ธรรมดาสามัญผู้นี้ ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์นั้น  มีความสำคัญยิ่งชีวิตต่อพวกเจ้า  นี่คือสิ่งยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่ามกลางมวลมนุษย์

ก่อนหน้า: พระคริสต์ทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาด้วยความจริง

ถัดไป: พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายเท่านั้นที่สามารถประทานหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์แก่มนุษย์ได้

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger