Verse 1

เมื่อฉันเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า

ฉันไม่รู้จักความเป็นจริงของความจริง

ฉันไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างบรรดาผู้นำเที่ยงแท้

และบรรดาผู้นำเทียมเท็จและศัตรูของพระคริสต์ได้

ฉันจะเคารพ นมัสการ

ติดตามบรรดาผู้ที่สามารถอธิบายทฤษฎีในพระคัมภีร์ได้

โดยคิดว่าใครก็ตามที่ทำงานมาก

และทนทุกข์อย่างใหญ่หลวงต้องเป็นผู้นำที่ดี

Chorus 1

ฉันคิดอย่างซื่อๆ ว่าโดยการติดตามพวกเขา

ฉันจะสามารถเข้าสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ได้

Verse 2

เพียงภายหลังจากถูกพิพากษาแล้วเท่านั้น

ฉันจึงได้เห็นว่าการคิดของฉันน่าหัวเราะจริงๆ

ฉันไม่ได้หยั่งรู้ผู้คนโดยความจริง

แต่โดยมโนคติอันหลงผิดและการจินตนาการเท่านั้น

ฉันทำสิ่งที่ผู้นำของฉันพูด

และใช่แล้ว ฉันคิดว่าฉันกำลังเชื่อฟังพระเจ้า

ฉันสักการะบูชาสถานะและพลังอำนาจ

และไม่มีที่สำหรับพระเจ้าเหลืออยู่ในหัวใจของฉัน

Chorus 2

เป็นวันนี้เท่านั้นที่ฉันระลึกได้ว่า

การเชื่อในพระเจ้าของฉันสับสนวุ่นวายแค่ไหนกันแน่

Verse 3

วันนี้ฉันซึ่งคุณค่าว่า

การได้รับความจริงและชีวิตยากลำบากเพียงใด

มีเพียงโดยผ่านทางการได้รับประสบการณ์กับการพิพากษาของพระเจ้าเท่านั้น

ฉันจึงจะสามารถรู้จักพระเจ้าได้อย่างแท้จริงโดยการปฏิบัติตามความจริง

เมื่อผู้คนไม่รู้จักพระเจ้า

พวกเขาอาจประพฤติตนดี แต่พวกเขายังคงเป็นคนหน้าซื่อใจคด

ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้อาจดีงามอย่างไร

มโนคติอันหลงผิดและการจินตนาการของมนุษย์ก็ต่อต้านความจริง

Chorus 3

พระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นคือความจริงและชีวิต

และพระวจนะของพระองค์เท่านั้นสามารถชำระผู้คนให้สะอาดและช่วยผู้คนให้รอดได้

Bridge

เมื่อพวกเราเชื่อในพระเจ้า

พวกเราต้องเชื่อว่าพระคริสต์ทรงเป็นความจริง

และพวกเราต้องไม่ติดตามผู้คน

และเมื่อพวกเราเข้าใจ

เข้าใจความจริงและรู้จักพระเจ้า

พวกเราจะหยั่งรู้ผู้คนทุกประเภท

เมื่อพวกเราเชื่อในพระเจ้า

พวกเราต้องเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น

และพวกเราต้องระมัดระวังผู้คน

Chorus 4

หากปราศจากความจริงและไร้ความสามารถที่จะหยั่งรู้ได้

พวกเราย่อมถูกชี้ชะตากรรมให้ถูกหลอกลวงและจะทำลายตัวพวกเราเอง

Chorus 5

เมื่อพวกเราระลึกรู้ว่าพระคริสต์ทรงเป็นความจริงไปตลอดกาล

พวกเราสามารถติดตามอย่างจงรักภักดีได้ไปจนถึงปลายทาง