เฉพาะบรรดาผู้มุ่งเน้นการปฏิบัติเท่านั้นที่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้
ในยุคสุดท้าย พระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทรงพระราชกิจที่พระองค์ควรที่จะทรงทำและเพื่อทรงปฏิบัติพันธกิจแห่งพระวจนะของพระองค์ พระองค์ได้ทรงมาในสภาวะบุคคลเพื่อทรงพระราชกิจท่ามกลางมนุษย์ โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้บรรดาผู้คนที่สมดังพระทัยของพระองค์มีความเพียบพร้อม นับจากเวลาแห่งการทรงสร้างจนถึงวันนี้ เป็นเพียงในระหว่างยุคสุดท้ายเท่านั้นที่พระองค์ได้ทรงดำเนินพระราชกิจประเภทนี้จนเสร็จสิ้น เฉพาะในระหว่างยุคสุดท้ายเท่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงจุติเป็นมนุษย์เพื่อทรงพระราชกิจในสัดส่วนขนาดใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าพระองค์ทรงสู้ทนความยากลำบากที่ผู้คนคงจะพบว่าลำบากยากเย็นที่จะสู้ทน และแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งถึงกระนั้นก็มีความถ่อมพระทัยที่จะบังเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง แต่ไม่มีแง่มุมใดในพระราชกิจของพระองค์ได้ถูกทำให้ล่าช้า และแผนการของพระองค์ก็ไม่ได้ตกเป็นเหยื่อของความสับสนอลหม่านแม้แต่น้อย พระองค์กำลังทรงพระราชกิจโดยสอดคล้องกับแผนดั้งเดิมของพระองค์ หนึ่งในพระประสงค์แห่งการจุติเป็นมนุษย์ครั้งนี้คือการพิชิตผู้คน อีกหนึ่งคือการทำให้ผู้คนที่พระองค์ทรงรักมีความเพียบพร้อม พระองค์ทรงพึงปรารถนาที่จะมองเห็นผู้คนที่พระองค์ทรงทำให้มีความเพียบพร้อมด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และพระองค์ทรงประสงค์ที่จะมองเห็นด้วยพระองค์เองว่าผู้คนที่พระองค์ทรงทำให้มีความเพียบพร้อมนั้นเป็นพยานให้พระองค์อย่างไร ไม่ใช่ผู้คนหนึ่งหรือสองคนที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม แต่กลับเป็นกลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบด้วยผู้คนเพียงไม่กี่คน ผู้คนในกลุ่มนี้มาจากนานาประเทศของโลก และจากหลากหลายเชื้อชาติของโลก พระประสงค์ของการทรงพระราชกิจมากมายเหลือเกินนั้นก็คือการได้รับผู้คนกลุ่มนี้ การได้รับพยานที่ผู้คนกลุ่มนี้เป็นเพื่อพระองค์ และการได้มาซึ่งพระสิริที่พระองค์อาจทรงได้มาจากพวกเขา พระองค์ไม่ทรงพระราชกิจที่ไม่มีนัยสำคัญ อีกทั้งพระองค์ไม่ทรงพระราชกิจที่ไม่มีคุณค่า อาจกล่าวได้ว่า ในการทรงพระราชกิจมากมายเหลือเกินนั้น จุดมุ่งหมายของพระเจ้าคือการทำให้บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะทำให้มีความเพียบพร้อมทั้งหมดมีความเพียบพร้อม ในเวลาว่างที่พระองค์ทรงมีนอกเหนือจากการนี้ พระองค์จะทรงขับพวกที่ชั่วออกไป จงรู้ไว้ว่าพระองค์มิใช่ทรงพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่นี้เพราะพวกที่ชั่ว ในทางตรงกันข้าม พระองค์ทรงให้ทั้งหมดทั้งมวลของพระองค์ก็เพราะผู้คนจำนวนน้อยนิดเหล่านั้นที่พระองค์จะทรงทำให้มีความเพียบพร้อม พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำ พระวจนะที่พระองค์ตรัส ความล้ำลึกทั้งหลายที่พระองค์ทรงเปิดเผย และการพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ทั้งหมดก็ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้คนจำนวนน้อยนิดเหล่านั้น พระองค์ไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพราะพวกที่ชั่ว และนับประสาอะไรที่ผู้คนชั่วเหล่านั้นจะยุแหย่ให้เกิดพระพิโรธอันใหญ่หลวงในพระองค์ พระองค์ตรัสความจริงและตรัสถึงการเข้าสู่ก็เพราะบรรดาผู้ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม พระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพราะพวกเขา และเป็นเพราะพวกเขานั่นเองที่พระองค์ทรงมอบพระสัญญาและพระพรของพระองค์มาให้ ความจริง การเข้าสู่ และชีวิตในสภาวะความเป็นมนุษย์ซึ่งพระองค์ตรัสถึงนั้น ไม่ได้ถูกดำเนินงานเพื่อประโยชน์ของพวกที่ชั่ว พระองค์ทรงต้องประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการตรัสกับพวกที่ชั่ว โดยทรงปรารถนาที่จะประทานความจริงทั้งหมดแก่บรรดาผู้ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแทน ถึงกระนั้น พระราชกิจของพระองค์พึงประสงค์ว่า สำหรับชั่วขณะนี้ พวกที่ชั่วได้รับอนุญาตให้ชื่นชมความมั่งคั่งบางส่วนของพระองค์ พวกที่ไม่ดำเนินการตามความจริงจนเสร็จสิ้น พวกที่ไม่ทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และพวกที่ทำให้พระราชกิจของพระองค์หยุดชะงักนั้นล้วนชั่วกันทั้งหมด พวกเขาไม่สามารถถูกทำให้มีความเพียบพร้อมได้ และถูกพระเจ้าทรงเกลียดและปฏิเสธ ในทางกลับกัน ผู้คนที่นำความจริงไปปฏิบัติและสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยและผู้ซึ่งสละทั้งตัวตนของพวกเขาในพระราชกิจของพระเจ้าคือผู้คนที่พระเจ้าจะทรงทำให้มีความเพียบพร้อม บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะทำให้ครบบริบูรณ์ไม่ใช่ผู้อื่นนอกจากผู้คนกลุ่มนี้ และพระราชกิจที่พระเจ้าทรงทำก็เพื่อประโยชน์ของผู้คนเหล่านี้ ความจริงซึ่งพระองค์ตรัสถึงชี้ตรงไปยังผู้คนซึ่งเต็มใจนำความจริงไปปฏิบัติ พระองค์ไม่ตรัสกับผู้คนที่ไม่นำความจริงไปปฏิบัติ การเพิ่มขึ้นของความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและการเติบโตขึ้นของวิจารณญาณที่พระองค์ตรัสถึงมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ผู้คนซึ่งสามารถดำเนินการตามความจริงจนเสร็จสิ้นได้ เมื่อพระองค์ตรัสถึงบรรดาผู้ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม ก็เป็นผู้คนเหล่านี้นั่นเองที่พระองค์กำลังตรัสถึง พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ชี้ตรงไปยังผู้คนที่เต็มใจจะฝึกฝนปฏิบัติความจริง สิ่งทั้งหลายเช่น การครองปัญญาและสภาวะความเป็นมนุษย์นั้นชี้ตรงไปยังผู้คนที่เต็มใจจะนำความจริงไปปฏิบัติ พวกที่ไม่ดำเนินความจริงจนเสร็จสิ้นอาจได้ฟังพระวจนะแห่งความจริงมากมาย แต่เพราะพวกเขาชั่วเหลือเกินโดยธรรมชาติและไม่สนใจความจริง สิ่งที่พวกเขาเข้าใจจึงเป็นเพียงคำสอนกับคำพูดและทฤษฎีที่ว่างเปล่า ปราศจากคุณค่าแม้เพียงเล็กน้อยสำหรับการเข้าสู่ชีวิตของพวกเขา ไม่มีพวกเขาสักคนที่จงรักภักดีต่อพระเจ้า พวกเขาทั้งหมดคือผู้คนที่มองเห็นพระเจ้าแต่ไม่สามารถได้รับพระองค์ พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกพระเจ้าทรงกล่าวโทษ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีเส้นทางที่จะทรงดำเนินในแต่ละบุคคล และทรงให้โอกาสแต่ละบุคคลที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม เจ้าถูกทำให้รู้ความเสื่อมทรามของเจ้าเองโดยผ่านทางความเป็นด้านลบของเจ้า และแล้วโดยการโยนความเป็นด้านลบทิ้งไป เจ้าก็จะพบเส้นทางสู่การฝึกฝนปฏิบัติ เหล่านี้คือหนทางทั้งหมดที่เจ้าได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม นอกจากนี้ โดยผ่านทางการนำทางและความกระจ่างที่ต่อเนื่องของบางสิ่งที่เป็นบวกในตัวเจ้า เจ้าจะลุล่วงในหน้าที่การงานของเจ้า เติบโตขึ้นในความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและได้รับวิจารณญาณโดยเป็นไปในเชิงรุก เมื่อสภาพเงื่อนไขของเจ้าดี เจ้าก็เต็มใจเป็นพิเศษที่จะอ่านพระวจนะของพระเจ้า และเต็มใจเป็นพิเศษที่จะอธิษฐานต่อพระเจ้า และสามารถเชื่อมโยงคำเทศนาที่เจ้าได้ฟังเข้ากับสภาวะของเจ้าเอง ณ เวลาเช่นนั้น พระเจ้าทรงให้ความรู้แจ้งและทรงให้ความกระจ่างแก่เจ้าอยู่ภายใน ทำให้เจ้าตระหนักถึงบางสิ่งในแง่มุมด้านบวก นี่คือวิธีที่เจ้าได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมในด้านบวก ในสภาวะด้านลบ เจ้าอ่อนแอและนิ่งเฉย เจ้ารู้สึกว่าเจ้าไม่มีพระเจ้าในหัวใจของเจ้า ถึงกระนั้น พระเจ้าก็ยังทรงให้ความกระจ่างแก่เจ้า ช่วยเจ้าค้นหาเส้นทางสู่การฝึกฝนปฏิบัติ ผลจากการนี้คือการบรรลุความเพียบพร้อมในแง่มุมด้านลบ พระเจ้าสามารถทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมได้ทั้งในแง่มุมด้านบวกและด้านลบ มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสามารถได้รับประสบการณ์หรือไม่ และขึ้นอยู่กับว่าเจ้าไล่ตามเสาะหาการที่พระเจ้าทรงทำให้มีความเพียบพร้อมหรือไม่ หากเจ้าแสวงหาอย่างแท้จริงซึ่งการถูกพระเจ้าทรงทำให้มีความเพียบพร้อม เช่นนั้นแล้วด้านลบก็ไม่สามารถทำให้เจ้าทุกข์ทนจากการสูญเสียได้ แต่สามารถนำพาสิ่งทั้งหลายที่เป็นจริงมากกว่ามาให้เจ้า และสามารถทำให้เจ้ามีความสามารถมากขึ้นที่จะรู้จักสิ่งซึ่งกำลังขาดพร่องภายในตัวเจ้า มีความสามารถมากขึ้นที่จะจับความเข้าใจในสภาวะที่เป็นจริงของเจ้า และมองเห็นว่ามนุษย์ไม่มีสิ่งใดเลย และไม่เป็นสิ่งใดเลย หากเจ้าไม่ได้รับประสบการณ์กับการทดสอบ เจ้าก็ย่อมไม่รู้ และจะรู้สึกอยู่เสมอว่าเจ้าอยู่เหนือผู้อื่นและดีกว่าผู้อื่นทุกคน โดยผ่านทางนี้ทั้งหมด เจ้าจะมองเห็นว่าทั้งหมดที่ได้มาก่อนหน้านี้ได้ถูกทำโดยพระเจ้าและได้รับการปกป้องโดยพระเจ้า การเข้าสู่การทดสอบทิ้งให้เจ้าปราศจากความรักหรือความเชื่อ เจ้าขาดพร่องการอธิษฐานและไร้ความสามารถที่จะขับร้องบทเพลงสรรเสริญ และเจ้าก็มารู้จักตัวเจ้าเองในท่ามกลางการนี้โดยที่ไม่ตระหนักถึงมันเลย พระเจ้าทรงมีหลายวิถีทางในการทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม พระองค์ทรงนำสภาพแวดล้อมทุกลักษณะมาใช้ในการจัดการกับอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของมนุษย์ และทรงใช้สิ่งต่างๆ นานาในการตีแผ่มนุษย์ ในแง่หนึ่ง พระองค์ทรงจัดการกับมนุษย์ ในอีกแง่หนึ่ง พระองค์ทรงตีแผ่มนุษย์ และในอีกแง่หนึ่ง พระองค์ทรงเปิดเผยมนุษย์ โดยทรงขุดคุ้ยและเปิดเผย “ความล้ำลึก” ในส่วนลึกของหัวใจของมนุษย์ และทรงแสดงให้มนุษย์เห็นธรรมชาติของเขาโดยการเปิดเผยสภาวะมากมายของเขาออกมา พระเจ้าทรงทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมโดยผ่านทางวิธีการมากมาย—โดยผ่านทางการเปิดเผย โดยผ่านทางการจัดการกับมนุษย์ โดยผ่านทางกระบวนการการถลุงมนุษย์ และการตีสอน—เพื่อที่มนุษย์อาจรู้ว่าพระเจ้านั้นทรงสัมพันธ์กับชีวิตจริง
สิ่งที่พวกเจ้าแสวงหาในตอนนี้คืออะไรเล่า? การได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า การรู้จักพระเจ้า การได้มาซึ่งพระเจ้า—หรือบางทีเจ้าอาจพยายามที่จะวางท่าในลักษณะของเปโตรแห่งยุค 90 หรือมีความเชื่อที่ยิ่งใหญ่กว่าความเชื่อของโยบ หรือบางทีเจ้าอาจพยายามที่จะได้รับการเรียกขานว่าชอบธรรมโดยพระเจ้าและไปถึงเบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้า หรือเพื่อให้สามารถสำแดงพระเจ้าบนแผ่นดินโลกได้ และเป็นพยานที่ทรงพลังและดังกึกก้องเพื่อพระเจ้า ไม่ว่าพวกเจ้าแสวงหาสิ่งใด โดยรวมแล้ว เจ้าแสวงหาเพื่อประโยชน์ของการได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้า ไม่ว่าเจ้าพยายามเป็นบุคคลที่ชอบธรรมหรือไม่ ไม่ว่าเจ้าแสวงหาลักษณะของเปโตร หรือความเชื่อของโยบ หรือการถูกทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าหรือไม่ ทั้งหมดก็คือพระราชกิจที่พระเจ้าทรงทำกับมนุษย์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ว่าเจ้าแสวงหาสิ่งใด ทั้งหมดนั้นก็เพื่อประโยชน์ของการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของการได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระเจ้า เพื่อทำให้สมดังพระทัยของพระเจ้า ไม่ว่าเจ้าแสวงหาสิ่งใดก็ตาม ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของการค้นพบความน่ารักของพระเจ้า เพื่อประโยชน์ของการสำรวจค้นจนพบเส้นทางสู่การฝึกฝนปฏิบัติในประสบการณ์ที่เป็นจริงโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสามารถโยนอุปนิสัยซึ่งเป็นกบฏของตัวเจ้าเองทิ้งไป แล้วสัมฤทธิ์สภาวะที่ปกติภายในตัวเจ้าเอง สามารถคล้อยตามน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ กลายเป็นบุคคลที่ถูกต้อง และมีสิ่งจูงใจที่ถูกต้องในทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ เหตุผลที่เจ้ากำลังได้รับประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคือ เพื่อที่จะบรรลุการรู้จักพระเจ้าและการสัมฤทธิ์การเติบโตของชีวิต แม้ว่าสิ่งที่เจ้าได้รับประสบการณ์คือพระวจนะของพระเจ้าและเหตุการณ์ที่เป็นจริงทั้งหลาย ตลอดจนผู้คน เรื่องราว และสิ่งทั้งหลายที่รายล้อมเจ้าอยู่ ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าย่อมสามารถรู้จักพระเจ้าและได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า การพยายามเดินไปตามเส้นทางของบุคคลที่ชอบธรรมหรือพยายามนำพระวจนะของพระเจ้าไปปฏิบัตินั้น เหล่านี้คือลู่วิ่ง ในขณะที่การรู้จักพระเจ้าและการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าคือบั้นปลาย บัดนี้ไม่ว่าเจ้าแสวงหาการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า หรือพยายามเป็นพยานเพื่อพระเจ้า ในท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อที่จะรู้จักพระเจ้า เป็นไปเพื่อที่พระราชกิจที่พระเจ้าทรงทำในตัวเจ้าอาจไม่สูญเปล่า เพื่อที่ในที่สุดเจ้าย่อมมารู้จักความเป็นจริงของพระเจ้า รู้จักความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และที่มากกว่านั้น รู้จักความถ่อมพระทัยและความซ่อนเร้นของพระเจ้า และรู้จักพระราชกิจจำนวนมหาศาลที่พระเจ้าทรงทำในตัวเจ้า พระเจ้าได้ถ่อมพระทัยพระองค์เองจนถึงระดับที่พระองค์ทรงพระราชกิจอยู่ในผู้คนที่โสมมและเสื่อมทรามเหล่านี้ และทรงทำให้ผู้คนกลุ่มนี้มีความเพียบพร้อม พระเจ้าไม่เพียงแค่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อดำรงชีวิตและกินอยู่ท่ามกลางผู้คน เพื่อเป็นผู้เลี้ยงให้กับผู้คน และเพื่อจัดเตรียมสิ่งที่ผู้คนจำเป็นต้องมี ที่สำคัญกว่านั้นคือพระองค์ทรงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์แห่งความรอดและการพิชิตชัยของพระองค์กับผู้คนที่เสื่อมทรามจนถึงขั้นมิอาจทนได้เหล่านี้ พระองค์ได้ทรงมาที่หัวใจของพญานาคใหญ่สีแดงเพื่อช่วยผู้คนที่เสื่อมทรามที่สุดเหล่านี้ให้รอด เพื่อที่ผู้คนทั้งหมดอาจถูกเปลี่ยนแปลงและทำให้ใหม่ได้ ความยากลำบากมหึมาที่พระเจ้าทรงสู้ทนไม่ใช่เพียงแค่ความยากลำบากที่พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ทรงสู้ทนเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันคือการที่พระวิญญาณของพระเจ้าทรงทนทุกข์กับการดูหมิ่นเหยียดหยามอันสุดขั้ว—พระองค์ถ่อมพระทัยและทรงซ่อนเร้นพระองค์เองมากเสียจนพระองค์ทรงกลายเป็นบุคคลธรรมดาสามัญผู้หนึ่ง พระเจ้าได้ทรงจุติเป็นมนุษย์และได้ทรงรูปทรงของเนื้อหนังเพื่อให้ผู้คนมองเห็นว่าพระองค์ทรงมีชีวิตมนุษย์ที่เป็นปกติและมีความจำเป็นทั้งหลายของมนุษย์ปกติ นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าพระเจ้าถ่อมพระองค์เองลงในขอบข่ายที่ใหญ่ยิ่ง พระวิญญาณของพระเจ้าทรงได้รับการทำให้เป็นจริงในเนื้อหนัง พระวิญญาณของพระองค์ทรงสูงส่งและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก แต่ทว่าพระองค์กลับยังทรงรูปทรงของมนุษย์ทั่วไป รูปทรงของมนุษย์ที่ถูกละเลยมองข้ามได้คนหนึ่ง เพื่อที่จะทรงพระราชกิจของพระวิญญาณของพระองค์ ขีดความสามารถ ความรู้ความเข้าใจเชิงลึก สำนึกรับรู้ สภาวะความเป็นมนุษย์ และชีวิตของพวกเจ้าแต่ละคนแสดงให้เห็นว่าพวกเจ้าไม่ควรค่าจริงๆ ที่จะรับพระราชกิจประเภทนี้ของพระเจ้า พวกเจ้าไม่ควรค่าจริงๆ ที่จะปล่อยให้พระเจ้าสู้ทนความยากลำบากเช่นนี้เพื่อประโยชน์ของเจ้า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหลือเกิน พระองค์ทรงสูงสุดเหลือเกิน และผู้คนก็ต่ำต้อยเหลือเกิน ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังคงทรงพระราชกิจในตัวพวกเขา พระองค์ไม่เพียงแค่ได้ทรงจุติเป็นมนุษย์เพื่อทรงจัดเตรียมให้ผู้คน เพื่อตรัสกับผู้คน แต่พระองค์ยังถึงกับทรงใช้ชีวิตร่วมกับผู้คน พระเจ้าถ่อมพระทัยเหลือเกิน ทรงควรค่าที่จะรักเหลือเกิน หากทันทีที่ความรักของพระเจ้าถูกพาดพิงถึง ทันทีที่พระคุณของพระเจ้าถูกพาดพิงถึง เจ้าก็หลั่งน้ำตาพลางเปล่งถ้อยคำสรรเสริญอันยิ่งใหญ่ หากเจ้ามาถึงสภาวะนี้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็มีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า
มีความเบี่ยงเบนในการแสวงหาของผู้คนในทุกวันนี้ พวกเขาเพียงแค่พยายามรักพระเจ้าและทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย แต่พวกเขาไม่มีความรู้อันใดเกี่ยวกับพระเจ้า และได้ละเลยความรู้แจ้งและความกระจ่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในตัวพวกเขา พวกเขาไม่มีรากฐานแห่งความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า ในหนทางนี้ เมื่อพวกเขามีประสบการณ์ไปเรื่อยๆ พวกเขาจึงสูญเสียความกระตือรือร้นไป พวกที่พยายามมีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้าทั้งหมด ทั้งที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ดีในอดีตและได้มีแนวโน้มไปสู่ความเป็นลบและความอ่อนแอ และได้หลั่งน้ำตาบ่อยครั้ง ล้วนได้ตกลงสู่ความหมดกำลังใจและสูญสิ้นความหวัง—มาบัดนี้ ขณะที่พวกเขาได้รับประสบการณ์มากขึ้น สภาวะของพวกเขาก็ดีขึ้น หลังจากผ่านประสบการณ์แห่งการถูกจัดการและถูกปราบพยศ และได้ก้าวผ่านการทดสอบและกระบวนการถลุงหนึ่งรอบแล้ว พวกเขาก็ได้มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก สภาวะในด้านลบลดลง และมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วในอุปนิสัยชีวิตของพวกเขา ขณะที่พวกเขาก้าวผ่านการทดสอบมากขึ้น หัวใจของพวกเขาก็เริ่มรักพระเจ้า มีกฎข้อหนึ่งเกี่ยวกับการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า ซึ่งก็คือ พระองค์ทรงทำให้เจ้ารู้แจ้งโดยใช้ส่วนที่พึงปรารถนาส่วนหนึ่งของเจ้า เพื่อให้เจ้ามีเส้นทางสู่การฝึกฝนปฏิบัติและสามารถแยกตัวเจ้าเองออกจากสภาวะด้านลบทั้งหมด ช่วยให้จิตวิญญาณของเจ้าบรรลุการปลดปล่อย และทำให้เจ้ามีความสามารถมากขึ้นที่จะรักพระองค์ ในหนทางนี้ เจ้าย่อมสามารถโยนอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของซาตานทิ้งไปได้ เจ้าไร้มารยาและเปิดกว้าง เต็มใจที่จะรู้จักตัวเจ้าเองและนำความจริงไปปฏิบัติ พระเจ้าย่อมจะทรงอวยพรเจ้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อเจ้าอ่อนแอและอยู่ในด้านลบ พระองค์ทรงทำให้เจ้ารู้แจ้งเป็นสองเท่า ทรงช่วยให้เจ้ารู้จักตัวเจ้าเองมากขึ้น เต็มใจมากขึ้นที่จะกลับใจเพื่อตัวเจ้าเอง และมีความสามารถมากขึ้นที่จะฝึกฝนปฏิบัติสิ่งทั้งหลายที่เจ้าควรฝึกฝนปฏิบัติ ในหนทางนี้เท่านั้น หัวใจของเจ้าจึงจะสามารถมีสันติสุขและรู้สึกสบายใจได้ บุคคลผู้หนึ่งซึ่งโดยปกติแล้วให้ความสนใจกับการรู้จักพระเจ้า ให้ความสนใจกับการรู้จักตัวเขาเอง ให้ความสนใจกับการฝึกฝนปฏิบัติของเขาเอง จะสามารถรับพระราชกิจของพระเจ้า ตลอดจนการทรงนำและความรู้แจ้งของพระองค์ได้อยู่เนืองๆ แม้ว่าบุคคลเช่นนี้อาจอยู่ในสภาวะด้านลบ แต่เขาก็สามารถทำให้สิ่งทั้งหลายกลับดีขึ้นได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นเพราะการกระทำของมโนธรรมหรือความรู้แจ้งจากพระวจนะของพระเจ้า การเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของบุคคลได้รับการสัมฤทธิ์ผลเสมอเมื่อเขารู้สภาวะตามจริงของเขาเองและพระอุปนิสัยและพระราชกิจของพระเจ้า บุคคลที่เต็มใจที่จะรู้จักตัวเขาเองและเปิดตัวเขาเองให้กว้างจะสามารถดำเนินความจริงจนเสร็จสิ้นได้ บุคคลประเภทนี้เป็นบุคคลที่จงรักภักดีต่อพระเจ้า และบุคคลที่จงรักภักดีต่อพระเจ้ามีความเข้าใจในพระเจ้า ไม่ว่าความเข้าใจนี้จะลึกซึ้งหรือตื้นเขิน ขาดแคลนหรือล้นเหลือ นี่คือความชอบธรรมของพระเจ้า และเป็นบางสิ่งที่ผู้คนบรรลุ มันคือการได้รับของพวกเขาเอง บุคคลที่มีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าคือบุคคลที่มีพื้นฐาน มีนิมิต บุคคลประเภทนี้แน่ใจเกี่ยวกับเนื้อหนังของพระเจ้า และแน่ใจเกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าและพระราชกิจของพระเจ้า ไม่ว่าพระเจ้าทรงพระราชกิจหรือตรัสอย่างไร หรือผู้คนอื่นๆ ก่อให้เกิดการรบกวนอย่างไร เขาก็สามารถยืนหยัดไม่ถอย และยืนหยัดเป็นพยานเพื่อพระเจ้าได้ ยิ่งบุคคลผู้หนึ่งเป็นเช่นนี้มากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งสามารถดำเนินการตามความจริงที่เขาเข้าใจจนเสร็จสิ้นได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะเขากำลังฝึกฝนปฏิบัติพระวจนะของพระเจ้าอยู่เสมอ เขาจึงได้มาซึ่งความเข้าใจเกี่ยวกับพระเจ้ามากขึ้น และครองความแน่วแน่ที่จะยืนหยัดเป็นพยานเพื่อพระเจ้าตลอดกาล
การมีวิจารณญาณ การมีความนบนอบ และการมีความสามารถที่จะมองเห็นเข้าไปในสิ่งทั้งหลายเพื่อที่เจ้าจะเฉียบคมในจิตวิญญาณนั้นหมายความว่า เจ้ามีพระวจนะของพระเจ้าคอยให้ความกระจ่างและให้ความรู้แจ้งแก่เจ้าข้างใน ทันทีที่เจ้าเผชิญกับบางสิ่ง นี่คือการมีความเฉียบคมในจิตวิญญาณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงทำนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการช่วยรื้อฟื้นจิตวิญญาณของผู้คน เหตุใดพระเจ้าจึงตรัสเสมอว่าผู้คนมึนชาและหัวทึบ? มันเป็นเพราะจิตวิญญาณของผู้คนได้ตายไปแล้ว และพวกเขาได้กลายเป็นมึนชาเสียจนพวกเขาไม่รู้สึกถึงสิ่งทั้งหลายของจิตวิญญาณอย่างสิ้นเชิง พระราชกิจของพระเจ้าคือการทำให้ชีวิตของผู้คนก้าวหน้าและช่วยให้จิตวิญญาณของผู้คนกลับมามีชีวิต เพื่อที่พวกเขาสามารถมองเห็นเข้าไปในสิ่งทั้งหลายของจิตวิญญาณ และพวกเขาสามารถรักพระเจ้าในหัวใจของพวกเขาและทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้เสมอ การมาถึงช่วงระยะนี้แสดงให้เห็นว่าจิตวิญญาณของบุคคลผู้หนึ่งได้รับการรื้อฟื้นแล้ว และครั้งต่อไปที่เขาเผชิญกับบางสิ่ง เขาก็สามารถเกิดปฏิกิริยาได้ในทันที เขามีการตอบสนองต่อคำเทศนา และมีปฏิกิริยาต่อสถานการณ์อย่างรวดเร็ว นี่เองคือสิ่งที่เป็นการสัมฤทธิ์ความเฉียบคมทางจิตวิญญาณ มีผู้คนมากมายที่มีปฏิกิริยารวดเร็วต่อเหตุการณ์ภายนอก แต่ทันทีที่มีการพาดพิงถึงการเข้าสู่ความเป็นจริงหรือสิ่งทั้งหลายซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับจิตวิญญาณ พวกเขาก็กลับกลายเป็นมึนชาและหัวทึบไป พวกเขาเข้าใจบางสิ่งก็ต่อเมื่อมันกำลังจ้องมองหน้าพวกเขาเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณของการมึนชาและหัวทึบทางจิตวิญญาณ สัญญาณของการมีประสบการณ์เล็กน้อยกับสิ่งทั้งหลายของจิตวิญญาณ ผู้คนบางคนเฉียบคมทางจิตวิญญาณและมีวิจารณญาณ ทันทีที่พวกเขาได้ฟังคำพูดที่ชี้ให้เห็นถึงสภาวะของพวกเขา พวกเขาก็ไม่เสียเวลาเลยที่จะเขียนบันทึกคำพูดเหล่านั้น ทันทีที่พวกเขาได้ฟังคำพูดเกี่ยวกับหลักการแห่งการฝึกฝนปฏิบัติ พวกเขาก็สามารถยอมรับและประยุกต์ใช้คำพูดเหล่านั้นกับประสบการณ์ที่จะตามมาหลังจากนั้นของพวกเขา จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวพวกเขาเองด้วยประการนั้น นี่คือบุคคลที่เฉียบคมในจิตวิญญาณ เหตุใดหรือพวกเขาจึงสามารถมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วเหลือเกินได้? มันเป็นเพราะพวกเขามุ่งเน้นสิ่งเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน เมื่อพวกเขาอ่านพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาก็สามารถตรวจดูสภาวะของพวกเขากับพระวจนะเหล่านั้นและคิดทบทวนตัวเอง เมื่อพวกเขาได้ยินการสามัคคีธรรมและคำเทศนา และได้ยินพระวจนะที่นำพาความรู้แจ้งและความกระจ่างมาให้พวกเขา พวกเขาก็สามารถรับสิ่งเหล่านั้นไว้ได้ในทันที มันก็เหมือนกับการให้อาหารแก่บุคคลที่หิวโหยผู้หนึ่ง พวกเขาสามารถกินได้เดี๋ยวนั้นเลย หากเจ้าให้อาหารกับใครบางคนที่ไม่หิว พวกเขาจะไม่มีปฏิกิริยารวดเร็วนัก เจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าบ่อยๆ และแล้วเจ้าก็สามารถมีปฏิกิริยาได้ในทันทีเมื่อเจ้าเผชิญกับบางสิ่ง กล่าวคือ สิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ในเรื่องนี้ และวิธีที่เจ้าควรปฏิบัติตน พระเจ้าได้ทรงนำทางเจ้าในเรื่องนี้เมื่อครั้งก่อน เมื่อเจ้าเผชิญกับสิ่งจำพวกเดียวกันนี้ในวันนี้ ก็เป็นธรรมดาที่เจ้าย่อมจะรู้วิธีฝึกฝนปฏิบัติในหนทางที่ทำให้สมดังพระทัยของพระเจ้า หากเจ้าฝึกฝนปฏิบัติในหนทางนี้อยู่เสมอและได้รับประสบการณ์ในหนทางนี้เสมอ ถึงจุดหนึ่งมันย่อมจะมาสู่เจ้าอย่างง่ายดาย ตอนที่กำลังอ่านพระวจนะของพระเจ้า เจ้าก็รู้ว่าบุคคลจำพวกใดที่พระเจ้ากำลังทรงอ้างอิงถึง เจ้ารู้ว่าสภาพเงื่อนไขจำพวกใดทางจิตวิญญาณที่พระองค์กำลังตรัสถึง และเจ้าจึงสามารถจับความเข้าใจประเด็นสำคัญและนำมันไปปฏิบัติได้ นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าสามารถได้รับประสบการณ์ได้ เหตุใดผู้คนบางคนจึงกำลังขาดพร่องในเรื่องนี้? มันเป็นเพราะพวกเขาไม่ใช้ความพยายามให้มากในแง่มุมของการฝึกฝนปฏิบัติ แม้ว่าพวกเขาเต็มใจที่จะนำความจริงไปปฏิบัติ แต่พวกเขาก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจเชิงลึกที่แท้จริงในรายละเอียดของการปรนนิบัติ ในรายละเอียดของความจริงในชีวิตของพวกเขา พวกเขากลายเป็นสับสนเมื่อบางสิ่งเกิดขึ้น ในหนทางนี้ เจ้าอาจถูกนำให้หลงผิดเมื่อผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหรืออัครทูตเทียมเท็จผ่านเข้ามา เจ้าต้องมีการสามัคคีธรรมกันให้บ่อยครั้งเกี่ยวกับพระวจนะและพระราชกิจของพระเจ้า—เฉพาะในหนทางนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถเข้าใจความจริงและพัฒนาวิจารณญาณได้ หากเจ้าไม่เข้าใจความจริง เจ้าก็จะไม่มีวิจารณญาณ ตัวอย่างเช่น สิ่งที่พระเจ้าตรัส วิธีที่พระเจ้าทรงพระราชกิจ สิ่งที่เป็นข้อเรียกร้องของพระเจ้าต่อผู้คน ผู้คนจำพวกใดที่เจ้าควรเข้าไปติดต่อด้วย และผู้คนจำพวกใดที่เจ้าควรปฏิเสธ—เจ้าต้องสามัคคีธรรมกันเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ให้บ่อยครั้ง หากเจ้าได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระเจ้าในหนทางนี้เสมอ เจ้าก็จะเข้าใจความจริงและเข้าใจสรรพสิ่งมากมายอย่างถ้วนทั่ว และเจ้าจะมีวิจารณญาณอีกด้วย สิ่งใดคือการบ่มวินัยโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งใดคือการติเตียนที่เกิดจากเจตจำนงของมนุษย์ สิ่งใดคือการทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งใดคือการจัดการเตรียมการสภาพแวดล้อม สิ่งใดคือการที่พระวจนะของพระเจ้าให้ความกระจ่างภายใน? หากเจ้าไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เจ้าก็จะไม่มีวิจารณญาณ เจ้าควรรู้ว่าสิ่งใดมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งใดคืออุปนิสัยที่เป็นกบฏ วิธีเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า และวิธีโยนความเป็นกบฏของเจ้าเองทิ้งไป หากเจ้ามีความเข้าใจเชิงประสบการณ์ในสิ่งเหล่านี้ เจ้าก็จะมีรากฐาน เมื่อบางสิ่งเกิดขึ้น เจ้าก็จะมีความจริงอันสมควรที่จะใช้ประเมินวัดมันและมีนิมิตที่เหมาะสมเป็นรากฐาน เจ้าจะมีหลักการในทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ และจะสามารถปฏิบัติตนโดยสอดคล้องกับความจริงได้ เช่นนั้นแล้วชีวิตของเจ้าจะเต็มไปด้วยความรู้แจ้งของพระเจ้า เต็มไปด้วยพระพรของพระเจ้า พระเจ้าจะไม่ทรงปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อบุคคลใดก็ตามที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงใจ หรือผู้ที่ใช้ชีวิตตามพระองค์และเป็นพยานเพื่อพระองค์ และพระองค์จะไม่ทรงสาปแช่งบุคคลใดก็ตามที่สามารถกระหายความจริงอย่างจริงใจได้ หากในขณะที่เจ้ากำลังกินและกำลังดื่มพระวจนะของพระเจ้า เจ้าสามารถให้ความสนใจกับการรู้จักสภาวะที่แท้จริงของเจ้าเองได้ ให้ความสนใจกับการฝึกฝนปฏิบัติของเจ้าเองได้ และให้ความสนใจกับความเข้าใจของเจ้าเองได้ เช่นนั้นแล้ว เมื่อเจ้าพบเจอปัญหา เจ้าจะได้รับความรู้แจ้งและจะได้รับความเข้าใจที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง เช่นนั้นแล้วเจ้าจะมีเส้นทางของการฝึกฝนปฏิบัติและวิจารณญาณในทุกสรรพสิ่ง บุคคลที่มีความจริงไม่มีวี่แววที่จะถูกหลอกลวง ไม่มีวี่แววที่จะประพฤติตนในแบบที่ก่อเกิดการหยุดชะงักหรือกระทำตัวเกินเลย เพราะความจริง เขาจึงได้รับการปกป้อง และก็เพราะความจริงเช่นกัน เขาจึงได้มาซึ่งความเข้าใจที่มากขึ้น เพราะความจริง เขาจึงมีเส้นทางสู่การฝึกฝนปฏิบัติมากขึ้น ได้โอกาสมากขึ้นในการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงพระราชกิจในตัวเขา และได้โอกาสมากขึ้นที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม