เสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดดังกังวาน—การเผยพระวจนะว่าข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรจะเผยแผ่ไปทั่วทั้งจักรวาล

เรากำลังเผยแผ่งานของเราท่ามกลางประชาชาติ  สง่าราศีของเราส่องแสงวาบตลอดทั่วทั้งจักรวาล ผู้คนที่เป็นดาวจุดๆ ทั้งปวงย่อมแบกรับเจตนารมณ์ของเราอยู่ในตัวพวกเขา และพวกเขาล้วนถูกกำกับทิศทางด้วยมือของเราและลงมือทำกิจทั้งหลายที่เราได้มอบหมาย  จากจุดนี้ไป เราได้เข้าสู่ยุคใหม่แล้ว และนำมนุษย์ทั้งหมดเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง เมื่อเราได้กลับไปยัง “ถิ่นฐาน” ของเรา กระนั้นเรายังได้เริ่มอีกส่วนของงานในแผนการดั้งเดิมของเรา เพื่อที่มนุษย์จะได้มารู้จักเราอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น  เราคำนึงถึงจักรวาลทั้งหมดทั้งมวลและเห็นว่า[ก]มันเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับงานของเรา ดังนั้นเราจึงเร่งรีบไปหมดในการทำงานใหม่ของเรากับมนุษย์  อย่างไรก็ตาม นี่คือยุคใหม่ และเราได้นำมาซึ่งงานใหม่เพื่อรับเอาผู้คนใหม่ๆ เข้าสู่ยุคใหม่ให้มากขึ้น และเพื่อทิ้งพวกที่เราจะกำจัดออกไปให้มากขึ้น  ในชาติของพญานาคใหญ่สีแดง เราได้ดำเนินงานระยะหนึ่งที่ยากหยั่งถึงสำหรับมนุษย์ ทำให้พวกเขาโอนเอนไปมาในสายลม ซึ่งหลังจากนั้นหลายคนล่องลอยห่างออกไปอย่างเงียบเชียบด้วยการพัดพาของสายลม  แท้จริงแล้ว นี่คือ “ลานนวดข้าว” ที่เรากำลังจะปัดกวาดให้เกลี้ยง มันคือสิ่งที่เราโหยหาและยังเป็นแผนการของเราเช่นกัน  ด้วยเหตุที่คนชั่วมากมายได้คืบคลานเข้ามาในขณะที่เราทำงาน แต่เราก็ไม่รีบที่จะขับไล่พวกเขาออกไป  แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม  เพียงหลังจากนั้นเท่านั้นเราจึงจะเป็นน้ำพุแห่งชีวิต เปิดโอกาสให้บรรดาผู้ที่รักเราอย่างแท้จริงได้รับผลของต้นมะเดื่อและกลิ่นหอมของดอกลิลลี่จากเรา  ในดินแดนที่ซึ่งซาตานพักแรม ดินแดนแห่งธุลี ไม่มีทองคำบริสุทธิ์คงเหลืออยู่ มีเพียงทราย และดังนั้นแล้ว เมื่อได้ประสบกับรูปการณ์แวดล้อมเหล่านี้ เราจึงทำงานช่วงระยะดังกล่าว  เจ้าควรรู้ว่าสิ่งที่เราได้รับไว้นั้น เป็นทองคำถลุงบริสุทธิ์ ไม่ใช่ทราย  คนชั่วจะคงอยู่ในบ้านของเราได้อย่างไร?  เราจะยอมให้พวกสุนัขจิ้งจอกเป็นปรสิตอยู่ในสรวงสวรรค์ของเราได้อย่างไร?  เราใช้ทุกวิธีที่พอจะนึกได้เพื่อขับไล่สิ่งเหล่านี้ออกไป  ก่อนการเผยเจตนารมณ์ของเรา ย่อมไม่มีใครตระหนักรู้สิ่งที่เรากำลังจะทำ  เราใช้โอกาสนี้ขับไสคนชั่วเหล่านั้นออกไป และพวกเขาก็ถูกบีบให้ออกไปพ้นหน้าเรา  นี่คือสิ่งที่เราทำกับคนชั่ว แต่จะยังคงมีสักวันที่พวกเขาจะทำงานปรนนิบัติเรา  ความอยากของมนุษย์ที่จะได้รับพรนั้นแรงกล้ามากเกินไป ดังนั้นเราจึงหมุนกายและแสดงโฉมหน้าอันเปี่ยมสง่าราศีของเราแก่พวกต่างชาติ เพื่อที่มนุษย์ทั้งหมดจะได้ดำรงชีวิตในโลกของพวกเขาเองและตัดสินตัวเอง ในขณะที่เราเดินหน้ากล่าววจนะที่เราควรกล่าว และจัดหาสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องมีให้แก่พวกเขา  เมื่อมนุษย์สำนึกได้ เราย่อมจะเผยแผ่งานของเราไปนานแล้ว จากนั้นเราก็จะแสดงเจตนารมณ์ของเราแก่มนุษย์ และเริ่มงานส่วนที่สองที่เราจะทำในตัวมนุษย์ ปล่อยให้มนุษย์ทั้งหมดได้ติดตามเราอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะประสานกับงานของเรา และปล่อยให้มนุษย์ได้ทำทุกสิ่งที่พวกเขามีความสามารถที่จะทำได้เพื่อร่วมดำเนินงานที่เราต้องทำไปจนเสร็จสิ้น

ไม่มีใครมีความเชื่อว่าพวกเขาจะได้เห็นสง่าราศีของเรา และเราก็ไม่บังคับพวกเขา แต่กลับเอาสง่าราศีของเราออกจากท่ามกลางมวลมนุษย์และนำไปยังพิภพอื่น  เมื่อมนุษย์กลับใจอีกครั้ง เราจึงจะนำสง่าราศีของเรามาแสดงต่อบรรดาผู้ที่มีความเชื่อในจำนวนที่มากขึ้นอีก  นี่คือหลักธรรมที่เราใช้ในการทำงาน  ด้วยเหตุที่มีวาระที่สง่าราศีของเราไปจากคานาอัน และมีวาระที่สง่าราศีของเราไปจากผู้ที่ถูกเลือกสรรด้วยเช่นกัน  ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีวาระที่สง่าราศีของเราไปจากทั่วทั้งแผ่นดินโลก ทำให้แผ่นดินโลกมืดมัวลงและดิ่งลงสู่ความมืดมิด  แม้แต่แผ่นดินคานาอันก็จะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ มนุษย์ทั้งหมดจะสูญเสียความเชื่อของตน แต่ไม่มีใครสามารถตัดใจจากกลิ่นหอมของแผ่นดินคานาอันได้  จนเมื่อเราผ่านเข้าไปในสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่แล้วเท่านั้น เราจึงนำสง่าราศีอีกส่วนหนึ่งของเรามาและเผยเป็นครั้งแรกในแผ่นดินคานาอัน ทำให้เกิดแสงสลัวฉายส่องไปทั่วทั้งแผ่นดินโลกซึ่งจมอยู่ในความมืดมิดแห่งรัตติกาล เพื่อที่ทั้งแผ่นดินโลกจะมาสู่ความสว่าง  เพื่อที่มนุษย์ทั่วทั้งแผ่นดินโลกได้รับความแข็งแกร่งจากพลังแห่งความสว่าง เอื้ออำนวยให้สง่าราศีของเราเพิ่มขึ้นและปรากฏต่อทุกชนชาติอีกครั้ง  และเพื่อที่มนุษยชาติทั้งปวงจะตระหนักว่าเราได้มายังโลกมนุษย์นานแล้วและได้นำสง่าราศีของเราจากอิสราเอลมายังทิศตะวันออกเนิ่นนานแล้ว ด้วยเหตุที่สง่าราศีของเราฉายส่องมาจากทิศตะวันออก และสง่าราศีนั้นได้ถูกนำมาจากยุคพระคุณมาจนถึงวันนี้  แต่เป็นเราที่ได้จากอิสราเอลมา และจากที่นั่นเราได้มาถึงทิศตะวันออก  ต่อเมื่อความสว่างแห่งทิศตะวันออกค่อยๆ แปรเป็นสีขาวแล้วเท่านั้น ความมืดทั่วทั้งแผ่นดินโลกจึงจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสว่าง และเมื่อนั้นเท่านั้น มนุษย์จึงจะค้นพบว่าเราได้ไปจากอิสราเอลมานานแล้วและกำลังปรากฏขึ้นใหม่ในทิศตะวันออก  เมื่อครั้งหนึ่งเราได้ลงมายังอิสราเอลและต่อมาภายหลังก็ได้จากอิสราเอลไป เราจึงไม่สามารถถือกำเนิดในอิสราเอลได้อีกครั้งเพราะงานของเรานำทุกสิ่งในจักรวาล และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ แสงฟ้าแลบส่องตรงจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก  ด้วยเหตุผลนี้เราจึงได้ลงมาในทิศตะวันออกและได้นำคานาอันมาสู่ผู้คนแห่งทิศตะวันออก  เราจะนำพาผู้คนจากทั่วทั้งแผ่นดินโลกมาสู่แผ่นดินคานาอัน ดังนั้นเราจึงเปล่งถ้อยคำในแผ่นดินคานาอันต่อไปเพื่อควบคุมทั้งจักรวาล  ณ เวลานี้ แผ่นดินโลกทั้งหมดไม่มีความสว่างเว้นแต่คานาอัน และมนุษย์ทั้งปวงก็ตกอยู่ในอันตรายจากความหิวและความหนาวเย็น  เรามอบสง่าราศีของเราให้แก่อิสราเอลแล้วจากนั้นก็พรากสง่าราศีนั้นไป ด้วยเหตุนี้ เราจึงนำชาวอิสราเอลมายังทิศตะวันออก และยังนำผู้คนทั้งหมดมายังทิศตะวันออก นำพวกเขาทั้งหมดมาสู่ความสว่าง เพื่อให้พวกเขากลับมาพบกับความสว่างอีกครั้ง และอยู่ร่วมกับความสว่าง และไม่ต้องค้นหาความสว่างอีกต่อไป  เราจะทำให้ทุกคนที่กำลังแสวงหาได้เห็นความสว่างอีกครั้งและได้เห็นสง่าราศีที่เราเคยมีในอิสราเอล ได้เห็นว่าเราได้ลงมาบนเมฆขาวสู่ท่ามกลางมวลมนุษย์มานานแล้ว รวมทั้งได้เห็นหมู่เมฆขาวและผลไม้เป็นพวงอันอุดม และยิ่งไปกว่านั้น เราจะทำให้พวกเขาได้เห็นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล  ได้เห็น “องค์พระผู้เป็นเจ้า” ของชาวยิว ได้เห็นพระเมสสิยาห์ผู้เป็นที่ถวิลหา และได้เห็นการปรากฏอันสมบูรณ์ของเรา ผู้ที่ถูกกษัตริย์ทั้งหลายข่มเหงมาตลอดทุกยุคสมัย  เราจะทำงานทั่วทั้งจักรวาลและเราจะปฏิบัติงานอันยิ่งใหญ่ โดยเผยสง่าราศีทั้งหมดและกิจการทั้งหมดของเราต่อมนุษย์ในยุคสุดท้าย  และเผยโฉมหน้าอันเปี่ยมสง่าราศีของเราทั้งหมดต่อบรรดาผู้ที่ได้เฝ้ารอเรามานานหลายปี ต่อบรรดาผู้ที่เฝ้าถวิลหาให้เราลงมาบนเมฆขาว ต่ออิสราเอลที่เฝ้าถวิลหาให้เราปรากฏอีกครั้ง และต่อมวลมนุษย์ทั้งปวงที่ข่มเหงเรา เพื่อที่ทั้งหมดจะได้รู้ว่าเราได้เอาสง่าราศีของเราไปจากอิสราเอลและได้นำสง่าราศีนั้นมายังทิศตะวันออกเมื่อนานมาแล้ว และสง่าราศีนั้นไม่ได้อยู่ในแคว้นยูเดียอีกต่อไป  เพราะยุคสุดท้ายได้มาถึงแล้ว!

ตลอดทั่วทั้งจักรวาลเรากำลังทำงานของเรา และในทิศตะวันออก เสียงสนั่นราวฟ้าร้องดังขึ้นอย่างไม่รู้จบ สั่นสะเทือนทุกชนชาติและทุกนิกาย  เป็นถ้อยคำของเรานั่นเองที่ได้นำทางมนุษย์ทั้งหมดมาสู่ปัจจุบันนี้  เราทำให้มนุษย์ทั้งหมดถูกพิชิตโดยวจนะของเรา ตกลงสู่กระแสธารนี้ และยอมจำนนเบื้องหน้าเรา เพราะเราได้เรียกคืนสง่าราศีของเราจากทั่วทั้งแผ่นดินโลกและได้ให้สง่าราศีนั้นปรากฏขึ้นใหม่ในทิศตะวันออกมานานแล้ว  ใครบ้างไม่ถวิลหาที่จะได้เห็นสง่าราศีของเรา?  ใครบ้างไม่รอคอยการกลับมาของเราอย่างกระวนกระวาย?  ใครบ้างไม่กระหายการปรากฏอีกครั้งของเรา?  ใครบ้างไม่คะนึงหาความน่ารักของเรา?  ใครบ้างจะไม่มาหาความสว่าง?  ใครบ้างจะไม่เฝ้ามองความมั่งคั่งของคานาอัน?  ใครบ้างไม่ถวิลหาการเสด็จกลับมาของพระผู้ไถ่?  ใครบ้างไม่ชื่นชมพระองค์ผู้ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่?  วจนะของเราจะถูกเผยแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นดินโลก เราจะประกาศและกล่าววจนะเพิ่มเติมแก่ประชากรที่เราเลือกสรร ดั่งฟ้าคำรามที่ดังกึกก้องสั่นสะเทือนภูเขาและแม่น้ำ  เรากล่าววจนะของเราต่อทั้งจักรวาลและต่อมวลมนุษย์  ดังนั้นวจนะจากปากของเราจึงได้กลายเป็นขุมทรัพย์ของมนุษย์ และมนุษย์ทั้งหมดก็ทะนุถนอมวจนะของเรา  ฟ้าแลบนั้นส่องแสงจากทิศตะวันออกตลอดทางไปจนถึงทิศตะวันตก  วจนะของเราเป็นวจนะที่มนุษย์ไม่เต็มใจที่จะพรากจากไป และวจนะเหล่านั้นยากที่มนุษย์จะหยั่งถึง และยิ่งไปกว่านั้น วจนะเหล่านั้นยังทำให้มนุษย์รู้สึกปีติยินดีอีกด้วย  มนุษย์ทุกคนต่างรู้สึกเปรมปรีดิ์และชื่นบาน  ประดุจทารกแรกเกิด และเฉลิมฉลองการมาของเรา  เราจะนำพามนุษย์ทั้งหมดมาอยู่เบื้องหน้าเราโดยอาศัยวจนะของเรา  นับจากนั้นไป เราจะเข้าสู่หมู่มนุษย์อย่างเป็นทางการ และทำให้พวกเขามานมัสการเรา  ด้วยสง่าราศีที่เราเปล่งรัศมีออกมาและวจนะจากปากของเรา เราจะทำให้มนุษย์ทั้งหมดมาอยู่เบื้องหน้าเราและเห็นว่าฟ้าแลบนั้นส่องแสงจากทิศตะวันออก และเราได้ลงมายัง “ภูเขามะกอกเทศ” แห่งทิศตะวันออก  และเรามาสู่แผ่นดินโลกนานแล้ว อีกทั้งเราไม่ใช่บุตรของชาวยิวอีกต่อไป แต่เป็นฟ้าแลบแห่งทิศตะวันออก  ด้วยเหตุที่เราได้คืนชีพมานานแล้ว และได้ไปจากท่ามกลางมวลมนุษย์ จากนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งด้วยสง่าราศีท่ามกลางมนุษย์  เราคือองค์ผู้ได้รับการนมัสการมาหลายยุคสมัยนับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้ และเรายังเป็นทารกที่ถูกคนอิสราเอลละทิ้งมาหลายยุคสมัยนับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้เช่นกัน  ยิ่งไปกว่านั้น เราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อันเปี่ยมพระสิริแห่งยุคปัจจุบัน!  ให้ทุกคนจงมาอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ของเราและเห็นโฉมหน้าอันเปี่ยมสง่าราศีของเรา ได้ฟังวจนะของเรา และเฝ้าดูกิจการของเรา  นี่คือเจตนารมณ์ทั้งหมดของเรา เป็นจุดสิ้นสุดและจุดสูงสุดแห่งแผนการของเรา อีกทั้งยังเป็นจุดประสงค์แห่งการบริหารจัดการของเรา ให้ชนชาติมากมายกราบนมัสการเรา ให้ปากมากมายยอมรับเรา ผู้คนมากมายมอบความไว้วางใจของตนให้เรา และประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรจำนวนมากยอมจำนนต่อเรา!

เชิงอรรถ:

ก. ข้อความต้นฉบับไม่มีวลี “เห็นว่า”

ก่อนหน้า: เจ้าควรมีชีวิตเพื่อความจริงเพราะเจ้าเชื่อในพระเจ้า

ถัดไป: ความแตกต่างในแก่นแท้ระหว่างพระเจ้าผู้ประสูติเป็นมนุษย์กับผู้คนที่พระเจ้าทรงใช้งาน

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger