การฝ่าฟันผ่านคำโกหกเพื่อหันเข้าหาพระเจ้า
ตอนต้นปี 2017 ภรรยากับลูกสาวของผม ย้ายตามผมมาที่เกาหลีใต้ ถึงผมจะตื่นเต้นดีใจ แต่ภรรยาของผมไม่ชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่เลย เพราะวิถีชีวิตและภาษาที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอทิ้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่าและงานที่รัก มาสู่ที่ที่แปลกถิ่นโดยไม่มีเพื่อนเลยสักคน สำหรับเธอทุกอย่างดูแปลกที่แปลกทางไปหมด เธอมักจะรู้สึกแย่และไม่ค่อยพูดอะไรมาก ผมเห็นได้เลยว่าเธอกำลังเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่รู้จะปลอบเธอยังไง วันหนึ่งในเดือนมีนาคม เธอบอกว่าเธอเริ่มเชื่อในพระเจ้าและเริ่มเข้าร่วมการชุมนุม ผมก็คิดว่าเยี่ยมเลย เพราะคุณยายของผมก็เป็นผู้เชื่อเหมือนกัน ผมไม่ได้ขัดข้องเลยครับ พอผ่านไปสักพัก ผมก็สังเกตได้ว่าเธอมักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอ และท่าทางของเธอก็แตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ผมมีความสุขมากครับ เวลาผ่านไป ผมเริ่มอยากรู้เรื่องคริสตจักรของเธอ และสงสัยว่ามันทำให้ใครบางคนเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ได้ยังไง
วันหนึ่งผมเลยถามเธอ ว่าเธอไปเข้าร่วมคริสตจักรไหน เธอตอบว่า คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คำตอบนั้น ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เจ้าหยวนที่มณฑลชานตงในปี 2014 ขึ้นมาทันที และผมก็โกรธมากครับ ผมบอกเธอไปอย่างเคร่งเครียดว่า “คุณห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับผู้เชื่อพวกนั้นอีกนะ ถ้าเห็นว่าคุณยังติดต่อพวกเขาอีก ผมจะทุบโทรศัพท์ของคุณให้แตกเลย!” เธอทำหน้างงๆ และถามว่าทำไมผมถึงมาขวางเธอ ผมตอบไปด้วยความโกรธว่า “ทำไมน่ะเหรอ ก็เพื่อตัวคุณเองและเพื่อครอบครัวของเราไงล่ะ คุณไม่รู้หรือไง ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังจัดการขั้นเด็ดขาดและปราบปรามคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างร้ายแรงน่ะ คุณไม่รู้เรื่องคดีเจ้าหยวน 28 พฤษภาคมเมื่อปี 2014 เหรอ โลกออนไลน์พูดกันว่าจางลี่ตงผู้ต้องหาสำคัญในคดีเป็นสมาชิกของคริสตจักรนี้ ถ้าคุณยังไปสุงสิงกับคนพวกนั้น มันจะไม่เป็นการรนหาที่เหรอ” เธอตอบกลับมาอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “จางลี่ตงและคนพวกนั้นไม่ได้เป็นคนของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์—คุณจะเชื่อสิ่งที่พวกเขาพูดกันบนโลกออนไลน์ไม่ได้นะ ฉันติดต่อกับพี่น้องชายหญิงจากคริสตจักรนี้มาสองเดือนแล้ว และพวกเขาต่างก็เป็นคนน่ายกย่องนับถือ ที่ใจดีและจริงใจกับคนอื่น เวลามีคนลำบาก พวกเขาก็จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันไม่เหมือนอย่างที่พูดกันบนโลกออนไลน์สักนิด” แต่พอได้ยินเธอพูดทั้งหมดนั้นผมก็ย้อนกลับไปว่า “คุณก็เข้าเว็บไปดูเองเลยสิ จะได้รู้ว่าผมพูดถูกหรือไม่ถูก”
จากนั้นภรรยาของผมก็พาไปนั่งและพูดว่า “คุณเป็นคนที่คิดอะไรรอบคอบ คุณต้องจัดการเรื่องนี้อย่างมีเหตุผลและพูดไปตามข้อเท็จจริง—คุณจะฟังความข้างเดียวไม่ได้! คุณจำเรื่องการประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989 ไม่ได้เหรอ นักศึกษารักชาติประท้วงต่อต้านคอร์รัปชั่นและดิ้นรนเพื่ออิสรภาพตามแบบประชาธิปไตย แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนไปเอาใครไม่รู้มาแสร้งเป็นนักศึกษา แล้วให้คนพวกนั้นเริ่มทำลายข้าวของ ปล้นและเผาทรัพย์สิน รวมถึงเทกระจาดรถทหาร สร้างความโกลาหลมากมาย แล้วพรรคคอมมิวนิสต์ก็โบ้ยความผิดทางอาชญากรรมให้นักศึกษา หลังจากนั้น พรรคคอมมิวนิสต์ก็ใช้สื่ออย่างสถานีโทรทัศน์กลางของจีนและวิทยุเพื่อโหมกระจายรายงานของพวกเขาทางคลื่นเสียงออกอากาศ ใส่ร้ายนักศึกษาว่าเป็นผู้ก่อการจลาจลที่ต่อต้านการปฏิวัติ แล้วพวกนั้นก็ใช้รถถังบดขยี้เหล่านักศึกษานับพันที่ยังหายใจมีชีวิต ใครที่รู้ประวัติพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่างก็รู้กัน ว่ามันคือระบบเผด็จการที่มีประวัติต่อต้านความยุติธรรม เมื่อไหร่ก็ตามที่คนมีแนวคิดหรือมุมมองทางการเมืองต่างออกไป พวกเขาก็มักซัดโทษใส่และกล่าวโทษกลุ่มหรือคนเหล่านั้น ถึงขั้นปราบปรามและกวาดล้างกันเลย ทุกครั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนปราบปรามความเชื่อทางศาสนา การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิแบบประชาธิปไตย หรือการประท้วงของชนกลุ่มน้อย พวกเขาจะเริ่มด้วยการสร้างคดีเท็จขึ้น แล้วก็สร้างความเอะอะในที่สาธารณะ ทำผู้คนปั่นป่วน จากนั้นก็ใช้การปราบปรามแบบรุนแรง นั่นคือข้อเท็จจริง คดีเจ้าหยวน 28 พฤษภาคม เป็นแค่การที่พรรคคอมมิวนิสต์ใส่ความคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์—พวกเขาบรรจงปรุงแต่งคดีเท็จขึ้นมาอีกคดี” แต่ผมกลับไม่ยอมฟังเธอครับ ผมพูดด้วยความโมโหว่า “ผมไม่สนหรอก แต่คุณเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไม่ได้อีกต่อไป ผมต้องคิดถึงความปลอดภัยของครอบครัวเรา และผมอยากปกป้องคุณกับลูกจากอันตราย ผมห่วงแค่เรื่องนี้แหละ ผมขอบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ คุณห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีก อยู่บ้านทำตัวเป็นภรรยาและเป็นแม่ที่ดีก็พอ ไม่งั้นถ้าผมจับคุณขังก็อย่ามาโทษแล้วกัน” จากนั้นผมก็ปิดประตูเสียงดังแล้วเดินปึงปังออกจากบ้านมา
ขณะที่เดินไปบนถนนผมก็รู้สึกแย่มากครับ ตลอดสิบปีที่แต่งงานกันมา ผมไม่เคยอารมณ์เสียใส่เธอแบบนั้นเลย นับตั้งแต่เจอกัน จนตกหลุมรัก มาจนถึงเดินเข้าพิธีและได้แต่งงานกัน เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก ทั้งการต่อต้านจากพ่อแม่ของเรา ตวามต่างทางวัฒนธรรม ต่างอายุ และความสัมพันธ์ที่ต้องอยู่ไกลกัน เราก็ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาได้ทั้งหมด และเธอก็ทนทุกข์เพื่อครอบครัวของเรามาหลายปี แค่เห็นแบบนั้น ผมก็เจ็บปวดมากแล้วจริงๆ แต่ผมกลับระเบิดอารมณ์ใส่เธอเพียงเพราะการที่เชื่อในพระเจ้าเท่านั้นเองครับ ผมรู้ว่าไม่ควรทำแบบนั้น แต่ผมก็คิดว่าที่ทำไปก็เพื่อครอบครัวของเรา ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจผมบ้าง ผมมองที่โทรศัพท์ และเห็นภาพที่เปี่ยมสุขของเราสามคน ลูกสาวของเรายิ้มหวานในภาพนั้น ผมบอกกับตัวเองว่า “ฉันคือผู้พิทักษ์ของครอบครัว และฉันต้องปกป้องพวกเขา จะไม่มีใครมาทำร้ายพวกเขาได้”
ตลอดหลายวันหลังจากนั้น ด้วยความที่กลัวว่าภรรยาจะเสียความรู้สึกที่มีต่อผม ผมจึงบอกเธอไปว่าไม่ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับพระเจ้าให้ผมฟังทั้งนั้น ถึงแม้เผินๆ เราจะดูเหมือนเข้ากันได้ดีเป็นปกติ แต่ระหว่างเราก็มีรอยร้าวเกิดขึ้นแล้ว
วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเดินเข้าประตูบ้าน หลังกลับมาจากทำงาน ผมได้ยินเสียงดนตรีทำนองร่าเริงดังออกมาจากห้อง พร้อมกับเสียงหัวเราะครื้นเครงจากภรรยาและลูกสาวของผม ด้วยความอยากรู้ ผมคิดว่า “ฉันไม่ได้ยินเสียงชื่นบานแบบนี้ในบ้านมานานแล้ว เพลงแบบไหนกันนะที่ทำให้พวกเธอมีความสุขมากขนาดนี้” ผมเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ และเห็นวิดีโอขับร้องเต้นรำของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อยู่บนหน้าจอคอมฯ ความรักอันเที่ยงแท้ของพระเจ้า สาวน้อยหกคนกำลังร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใบหน้าของพวกเธอที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน มันดึงดูดผมในทันที ผมเต็มไปด้วยความอยากรู้ และคิดว่า “นี่มันคริสตจักรแบบไหนกันเนี่ย และพวกเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทำไมการร้องรำทำเพลงนี้มันถึงส่งต่อกันได้ และผ่อนคลายมากขนาดนี้ ถ้าพวกเขาเป็นคนไม่ดีจริงๆ ทำไมพวกเขาถึงดูมีรอยยิ้มที่ดูจริงและใจดีแบบนั้นล่ะ” ลูกสาวเห็นว่าผมเดินเข้ามา ก็ขอให้ภรรยาของผมเปิดวิดีโอขับร้องเต้นรำอีกคลิปให้ผมดู ชื่อว่า พระเจ้าทรงนำพระสิริของพระองค์สู่บูรพาทิศ ผมไม่กล้าขัดลูกครับ—ช่วงนั้นในบ้านเราแทบไม่ค่อยมีบรรยากาศที่มีความสุขแบบนั้นเลย ผมนั่งกอดลูกสาวอยู่ข้างๆ ภรรยาและเริ่มดูวิดีโอ ผมถูกวิดีโอที่มีท่าเต้นคล้ายกับการเต้นแท็ปนั้นดึงดูดอย่างมาก นักเต้นเคลื่อนไหวสง่างามราวกับนกอินทรีกำลังโผบิน มันตระการตาและดึงดูดมากเลยครับ
พอเห็นว่าผมดูมีส่วนร่วมมาก ภรรยาก็บอกผมว่า “ทั้งหมดนี้พี่น้องชายหญิงจากคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นคนทำ พวกเขาไม่มีใครที่เป็นมืออาชีพเลย” ผมเลยประหลาดใจครับว่า “ผมประหลาดใจและนึกสงสัยว่า คนไม่เคยผ่านการฝึกแบบมืออาชีพเต้นดีเหลือเชื่อแบบนั้นได้ยังไง? แถมวิดีโอพวกนี้ก็ให้ความรู้สึกที่ดีด้วย มันยกระดับจิตใจ ช่วยดลใจ และให้พลัง คนชั่วจะมีพลังงานบวกแบบนั้นได้ยังไง? ทำไมมันต่างจากที่ฉันเห็นบนโลกออนไลน์โดยสิ้นเชิงแบบนี้? จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ภรรยาของผมยิ้มและพูดว่า “มันเป็นเรื่องอัศจรรย์! หากไม่มีพระราชกิจและการทรงนำของพระเจ้าพระองค์เอง คนที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพจะเต้นแบบนั้นได้ยังไง? ถ้าได้ดูหนังที่พวกเขาทำคุณจะยิ่งประหลาดใจกว่านี้อีก คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์มีพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์—มีพระพรของพระเจ้า นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาทำการเต้นรำและหนังออกมาได้ดีมาก แถมความจริงที่พวกเขาสามัคคีธรรมในหนังก็เป็นประโยชน์กับผู้คนมาก การโฆษณาชวนเชื่อทางลบออนไลน์เป็นแค่การที่พรรคคอมมิวนิสต์กระจายเรื่องโกหกเกี่ยวกับคริสตจักร มันไม่เป็นความจริงเลยสักนิด พรรคคอมมิวนิสต์จีนใส่ร้ายคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทำให้ผู้คนเข้าใจผิด จนบอกปัด และมองคริสตจักรเป็นศัตรู จนพวกเขาไม่กล้าสอบสวนพระราชกิจของพระเจ้าแล้วก็เสียความรอดไป”
การได้ยินสิ่งที่เธอพูดยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ของผมครับ ผมสงสัยว่าที่นี่เป็นคริสตจักรแบบไหนกันแน่ และสิ่งที่พูดกันบนโลกออนไลน์เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมไม่รู้ว่าควรปล่อยให้เธอปฏิบัติตามความเชื่อต่อไปไหม การสู้รบแบบเดิมพลุ่งพล่านในใจของผมอีกครั้ง หลังจากการต่อสู้ในจิตใจไปหนึ่งยก ผมก็ตัดสินใจไปตรวจดูด้วยตัวเอง เล่นเป็นคนเฝ้าประตู ถ้าผมเห็นคนในคริสตจักรนี้ทำตัวไม่เหมาะสม หรือเห็นว่าพวกเขาทำอะไรที่ไม่สมควร ผมก็จะพาเธอออกมาจากที่นั่นทันที และไม่ปล่อยให้เธอกลับไปอีก แต่ถ้ามันไม่เหมือนที่พวกเขาพูดกันบนโลกออนไลน์ ผมก็จะไม่ขัดขวางเธออีกต่อไป สุดสัปดาห์นั้น ผมก็เลยเข้าไปบอกภรรยา ว่าผมอยากไปดูคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์สักหน่อย—เธอทั้งประหลาดใจและยินดีเลยครับ
พอเราไปถึงที่นั่น พี่น้องชายหญิงต่างก็ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น และผมรู้สึกได้จากการมีปฏิสัมพันธ์ ว่าพวกเขาใจดีและจริงใจ ความกังวลและความระแวงของผมก็ค่อยๆ เบาลง จากนั้นพี่สาวคนหนึ่งได้เปิดละครเวทีที่ชื่อ เรื่องราวของเสี่ยวเจิน ผมดูละครอย่างสนใจ การได้เห็นเรื่องดีเรื่องร้ายทั้งหมดที่เสี่ยวเจินผ่านมาทำให้ผมสะเทือนใจมาก และมันทำให้ผมคิดถึงชีวิตของตัวเอง ตอนเด็กๆ ผมต้องระหกระเหินไปเรื่อย เพราะสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา ต้องทนทุกข์กับการรังแกเหยียดหยาม ต้องทำไม่แยแส เพื่อผ่านมันไปให้ได้ ตอนนี้ผมก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ และผ่านมาทุกอย่าง มีเรื่องดีและร้ายเกิดขึ้นมากมายตลอดหลายปี ผมรู้สึกเหนื่อยและเศร้า แต่ผมก็ทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าภรรยาและเพื่อนๆ จะมีใครรู้ถึงความเจ็บปวดในหัวใจของผมจริงๆ บ้าง ช่วงท้ายของละครเวทีได้มีการร้องเพลงนี้ขึ้นมา “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์มีพระเมตตาปรานีต่อผู้คนเหล่านี้ที่ทุกข์อย่างล้ำลึก ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเอือมระอากับผู้คนที่ไร้สติเหล่านี้ เนื่องจากพระองค์ต้องทรงรอคอยคำตอบจากมนุษย์นานเกินไป พระองค์ทรงเฝ้าปรารถนาที่จะแสวงหา แสวงหาหัวใจของเจ้าและจิตวิญญาณของเจ้า เพื่อนำน้ำและอาหารมามอบให้เจ้า เพื่อปลุกเจ้าให้ตื่นขึ้นมา เพื่อที่เจ้าจะไม่ต้องกระหายและหิวโหยอีกต่อไป ยามที่เจ้ารู้สึกอ่อนล้าท้อใจและยามที่เจ้าเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเหน็บอ้างว้างบางอย่างในโลกใบนี้ จงอย่าหลงทาง จงอย่าร่ำไห้ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ผู้เฝ้าดู จะทรงโอบกอดการมาถึงของเจ้าไม่ว่า ณ เวลาใดก็ตาม” (“พระเจ้ากำลังทรงแสวงหาหัวใจของเจ้าและจิตวิญญาณของเจ้า” ใน ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ) ทุกตัวโน้ตที่ถูกร้องออกมา มันรู้สึกเหมือนแม่ที่เอื้อมมือมาหาลูกน้อยที่พลัดพรากกันมานาน ผมรู้สึกถึงเสียงเรียกแห่งความรัก—มันตื้นตันใจอย่างเหลือเชื่อเลยครับ พอดูจบ ผมก็พูดออกมาอย่างจริงใจมากๆ ว่า “เป็นละครเวทีที่ยอดเยี่ยมเลยครับ!” ภรรยามองมาที่ผมและพูดกับผมด้วยอารมณ์ดีมากๆ ว่า “การที่คุณประทับใจกับเรื่องราวของเสี่ยวเจินคือการที่พระเจ้าทรงดลใจคุณอยู่! ฉันรู้ว่าคดีเจ้าหยวน 28 พฤษภาคมมันส่งผลกระทบต่อคุณ คุณมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันรู้ด้วยว่าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเรา ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่าจริงๆ แล้วคดีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
แล้วพี่น้องชายหญิงก็เปิดวิดีโอเรื่อง ความจริงที่ถูกเปิดโปงเบื้องหลังคดีเจ้าหยวน 28 พฤษภาคม ให้ผมดู มันเปิดเผยหลายแง่มุมหลักที่น่าสงสัยในคดี แล้วชำแหละออกทีละชั้น เปิดโปงคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์ เปิดเผยข้อเท็จจริง ผมได้เห็นผู้ต้องหาจางลี่ตงกับจางฟาน บอกศาลอย่างชัดเจนว่า “ผมไม่เคยติดต่อกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เลย ทางรัฐจัดการขั้นเด็ดขาดกับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของเจ้าเว่ยซาน ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ที่เราเชื่อ” พวกเขาปฏิเสธด้วยปากของตัวเองเลยว่า พวกเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และบอกว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางคริสตจักรอย่างสิ้นเชิง แต่พรรคคอมมิวนิสต์ไม่สนคำให้การของผู้ต้องสงสัย สวนข้อเท็จจริง เปลี่ยนความจริงจากหัวเป็นหาง ดึงดันว่าอาชญากรรมนั้นเป็นฝีมือของคนจากคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ นั่นไม่ใช่การโกหกหน้าด้าน ทำลายชื่อเสียงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แบบไร้ยางอายเหรอครับ?
จากนั้นพี่สาวคนหนึ่งได้สามัคคีธรรมกับผมว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนฉาวโฉ่เรื่องการหลอกลวงมาตลอดหลายปี แถมยังมีชื่อเสียงที่เลวร้ายทั้งในและนอกประเทศ คนทั่วโลกมองมันได้อย่างทะลุปรุโปร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และแทบไม่มีใครเชื่อในพรรคนี่แล้ว เราต่างก็รู้ว่าจีนถูกปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเผด็จการ ไม่มีเอกราชทางตุลาการหรืออิสรภาพของสื่อมวลชน สื่อของจีนและศาลถูกควบคุมเบ็ดเสร็จโดยรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน แถมยังเป็นแค่กระบอกเสียงและเครื่องมือให้เผด็จการอำนาจนิยมของมันเท่านั้น นี่คือข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่ว สามวันหลังเหตุการณ์เจ้าหยวน โดยไม่มีการพิจารณาคดีหรือการพิพากษาใดๆ ของศาล พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้สื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ทำการกล่าวโทษต่อสาธารณะ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน พวกเขาเริ่มปฏิบัติการ ‘การสู้รบร้อยวัน’ ระดมพลตำรวจติดอาวุธอย่างเปิดเผยเพื่อกดขี่กระหน่ำรุกคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาออกค้นหากระจายทั่วทั้งประเทศโดยเล็งเป้าไปที่คริสตจักร และการจับกุมชาวคริสเตียน ชัดเจนว่าคดีเจ้าหยวน 28 พฤษภาคมที่ซานตง เป็นคดีเท็จที่พรรคคอมมิวนิสต์ปรุงแต่งขึ้นเพื่อกดขี่ความเชื่อทางศาสนา และกวาดล้างคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์”
พอได้ยินอย่างนี้ ผมก็คิดว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนนี่น่าเกลียดชังจริงๆ มันเปลี่ยนความจริงจากหัวเป็นหาง บิดเบือนความเป็นจริง ใส่ความคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เพื่อให้คนที่ไม่รู้ความจริงเชื่อในคำโกหก และเข้าใจคริสตจักรนี้ผิด ผมเองก็หลงเชื่อคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์ไปด้วย แต่บางสิ่งที่ผมยังไม่เข้าใจก็คือ ทำไมพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงข่มเหงคริสตจักรอย่างบ้าคลั่ง แถมยังลำบากลำบนสร้างคดีฆาตกรรมให้กับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และจับกุมสมาชิกของคริสตจักร จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” พอคิดแบบนี้ ผมเลยแบ่งปันความสับสนที่มี
และพี่สาวก็ตอบกลับมาว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนกดขี่คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างบ้าคลั่ง แถมยังสร้างคดีฆาตกรรมเท็จให้ เพราะมันเป็นพรรคที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า คาร์ล มาร์กซ์ผู้ก่อตั้งเป็นพวกลัทธิซาตาน และพรรคคอมมิวนิสต์ก็ต้องการกวาดล้างทุกความเชื่อทางศาสนา เพื่อให้ผู้คนเชื่อ นบนอบ รวมถึงปฏิบัติต่อพรรคราวกับเป็นพระผู้ช่วยให้รอด มาร์กซ์คือปีศาจในชีวิตจริงที่ต่อต้านพระเจ้า ตั้งแต่ที่พรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นสู่อำนาจ มันก็ปฏิเสธ กล่าวโทษ และดูหมิ่นพระเจ้าอย่างเปิดเผย แถมยังเรียกศาสนาคริสต์ว่าเป็นลัทธิ มันไล่ริบทำลายพระคัมภีร์ เรียกพระคัมภีร์ว่าวรรณกรรมลัทธิ เรียกกลุ่มศาสนาว่าลัทธิเพื่อให้กดขี่พวกเขาได้ ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงปรากฏและทรงพระราชกิจในจีน ทรงแสดงความจริงในหนังสือ พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ หนังสือเล่มนี้สั่นสะเทือนทุกศาสนาและทุกนิกาย ผู้เชื่อจริงแท้มากมายซึ่งรักความจริงได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ได้เห็นว่าพระวจนะเป็นความจริงและเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้า รวมถึงเห็นว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์พระเยซูเจ้าที่ทรงกลับมา พวกเขาคนแล้วคนเล่ายอมรับในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และมาอยู่เฉพาะพระบัลลังก์ของพระเจ้า ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่ยี่สิบปี หลายล้านคนบนแผ่นดินใหญ่ยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แห่งยุคสุดท้าย การได้เห็นคนเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ไม่มีใครเชื่อหรือติดตามมันอีกต่อไป ทำพรรคคอมมิวนิสต์เดือด กล่าวโทษพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แห่งยุคสุดท้ายอย่างหยาบคาย และปรุงแต่งเรื่องโกหกใส่ความคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทางพรรคสร้างเอกสารลับมากมายและรวมพลตำรวจติดอาวุธ มันยืนยันที่จะจับกุมและกดขี่คริสเตียนในคริสตจักรทั่วประเทศจีน พยายามหยุดข่าวประเสริฐของพระเจ้าแห่งยุคสุดท้ายอย่างไร้ผล มันพยายามที่จะเหยียบย่ำพระราชกิจของพระเจ้าและคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เรื่องนี้เปิดโปงธรรมชาติปีศาจเยี่ยงซาตานของพรรคนี้ที่เกลียดความจริงและเกลียดพระเจ้าอย่างชัดเจน เหมือนที่พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้กล่าวว่า ‘จากปลายยอดสู่ก้นบึ้ง และจุดเริ่มต้นถึงปลายทาง ซาตานได้ทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงักและกระทำการต่อต้านพระองค์มาโดยตลอด…มันปรารถนาที่จะกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า และทำให้พระองค์มีมลทินและลอบสังหารพระองค์ไปพร้อมกันอีกครั้ง กล่าวคือ มันตั้งใจที่จะฉีกทำลายและทำให้พระราชกิจของพระองค์หยุดชะงัก มันจะสามารถยอมให้พระเจ้ามีสถานะเสมอกันได้อย่างไร? มันจะสามารถทนยอมรับการที่พระเจ้า ‘ทรงแทรกแซง’ งานของมันท่ามกลางพวกมนุษย์บนแผ่นดินโลกได้อย่างไร? มันจะสามารถยอมให้พระเจ้าทรงถอดหน้ากากออกจากใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวของมันได้อย่างไร? มันจะสามารถยอมให้พระเจ้าทรงวางงานของมันไว้ในความสับสนไม่เป็นระเบียบได้อย่างไร? มารตนนี้ซึ่งฉุนเฉียวด้วยความเดือดดาลจะสามารถยอมให้พระเจ้าทรงมีการควบคุมอยู่เหนือศาลแห่งจักรวรรดิของมันบนแผ่นดินโลกได้อย่างไร? มันจะสามารถเต็มใจกราบไหว้มหิทธิฤทธิ์อันเหนือกว่าของพระองค์ได้อย่างไร? โฉมหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวของมันได้ถูกเปิดเผยให้เห็นสิ่งที่มันเป็น จนคนเราไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และมันยากเย็นจริงๆ ที่จะพูดถึง นี่ไม่ใช่ธาตุแท้ของมันหรอกหรือ?’ (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (7))”
พี่สาวคนนี้ ได้เปิดหนังเรื่อง คำโกหกของลัทธิคอมมิวนิสต์ ให้ผมดู พระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ทำให้ผมซาบซึ้งใจมาก พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พวกเราเชื่อใจว่า ไม่มีประเทศหรือพลังอำนาจใดสามารถมาขวางทางในสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาจะสัมฤทธิ์ผล คนเหล่านั้นที่ขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้า ต่อต้านพระวจนะของพระเจ้า และก่อกวนและทำให้แผนการของพระเจ้าเสียไป จะต้องถูกพระเจ้าทรงลงโทษในท้ายที่สุด เขาผู้ซึ่งเยาะเย้ยท้าทายพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกส่งไปลงนรก ประเทศใดที่เยาะเย้ยท้าทายพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกทำลาย ชนชาติใดก็ตามที่ลุกขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกกวาดล้างออกไปจากแผ่นดินโลกและถึงกาลดับสูญ” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 2: พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง) ผมรู้สึกได้ถึงสิทธิอำนาจและพระบารมีของพระเจ้า จากพระวจนะเหล่านี้ของพระองค์ ไม่มีมนุษย์คนไหนขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้าได้ แม้พรรคฯ จะกล่าวโทษทำลายชื่อเสียงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทุกทาง จับกุมและข่มเหงคริสเตียนจากคริสตจักรนี้อย่างบ้าคลั่ง พวกเขาก็ยังยืนยันที่จะติดตามพระเจ้าและเผยแผ่ข่าวประเสริฐของพระองค์ต่อไป พวกเขากำลังสร้างภาพยนตร์ข่าวประเสริฐ การแสดงประสานเสียงและวิดีโอเต้นรำออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และมีคนเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งใดก็ตามที่มาจากมนุษย์ จะไม่มีทางเติบโตได้รวดเร็วภายใต้การข่มเหงที่หนักหนาแบบนั้น ผมรู้ว่านี่มาจากพระเจ้าแน่นอน เป็นหนทางที่แท้จริง และควรค่าแก่การค้นดู การเข้าใจทั้งหมดนี้ ช่วยแก้ไขข้อกังขาและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ให้ผม และผมรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเลยครับ
ผมหันไปหาภรรยาและพูดว่า “คุณทำถูกแล้วละที่เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผมมันไม่รู้เรื่องรู้ราวและขาดปัญญาแยกแยะ แถมผมยังหลับตาเชื่อคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและขัดขวางคุณอีก ผมผิดเองจริงๆ” เธอน้ำตาเอ่อขึ้นมาในสองตาและพูดด้วยความตื้นตันว่า “เป็นเพราะพระเจ้าแท้ๆ เลย คุณถึงเห็นคำโกหกของพรรคฯ อย่างปรุโปร่งและออกจากหมอกแห่งความสับสนเสียที นี่คือการทรงนำและความเป็นผู้นำของพระเจ้า!”
หลังจากนั้น ผมก็ดูวิดีโอของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ร่วมกับภรรยาบ้างตามโอกาส และรับฟังเธอพูดถึงความเชื่อของเธอเองครับ ต่อมาผมเกิดป่วยหนัก พี่น้องชายหญิงจากคริสตจักรได้แวะเวียนมาเยี่ยมและช่วยเหลือเรามากๆ ในสังคมที่เย็นชาและไม่สนใจกันนั้น การช่วยเหลืออย่างจริงใจของพี่น้องชายหญิงทำให้ผมรู้สึกเหมือนเราเป็นครอบครัวหนึ่งที่มีความสุขครับ หลังจากได้ทำความรู้จักกับพวกเขาสักระยะ ผมก็ได้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนที่ใจดีมาก เป็นคนพึ่งพาพระวจนะของพระเจ้าในการมีปฏิสัมพันธ์ เป็นคนจริงใจ ซื่อตรง และมีศักดิ์ศรีทั้งในคำพูดและการกระทำ พวกเขาแตกต่างจากคนที่ผมทำงานด้วยอย่างสิ้นเชิง—บนโลกนี้แทบไม่มีคนอย่างพวกเขาเหลือแล้วละครับ ผมรู้สึกว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เปลี่ยนแปลงผู้คนและนำเราสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้จริงๆ แถมคริสตจักรแห่งนี้ยังเปี่ยมด้วยความรัก มันทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นในใจมากๆ ผมยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แห่งยุคสุดท้ายด้วยความยินดีครับ ผมคิดย้อนไปถึงตอนที่ผมยังถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนปิดตาด้วยคำโกหกและได้ขัดขวางการเชื่อของภรรยา แต่พระเจ้าก็ไม่ทรงยอมแพ้ในการช่วยผมให้รอด โดยผ่านทางพระวจนะของพระเจ้าที่พี่น้องชายหญิงแบ่งปันกับผม พระเจ้าทรงเปิดโอกาสให้ผมเห็นคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างปรุโปร่ง เห็นความจริงชั่วร้ายเบื้องหลังพวกมันอย่างชัดเจน พระองค์ทรงนำให้ผมมาเฉพาะพระพักตร์ ผมขอบคุณความรอดที่พระเจ้ามีให้ผมครับ!
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ