1006 พระเจ้าทรงให้ค่าการกลับใจใหม่อย่างแท้จริงของมนุษย์
I
หากปราศจากการกลับใจใหม่ที่แท้จริงแล้ว ก็คงจะยากลำบากที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหรือในการไล่ตามเสาะหาความรอดของเจ้า ในทุกๆ ช่วงระยะ—ไม่ว่าในยามที่พระเจ้าทรงกำลังบ่มวินัยหรือสั่งสอนเจ้า หรือในยามที่พระองค์ทรงย้ำเตือนและตักเตือนเจ้า—ตราบใดที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับพระเจ้า แต่เจ้าไม่กลับตัว ทั้งยังยึดติดกับแนวคิด มุมมอง และท่าทีของตนเองต่อไป เช่นนั้นถึงแม้ว่าย่างก้าวของเจ้ามุ่งไปข้างหน้า ความขัดแย้งระหว่างตัวเจ้ากับพระเจ้า ความเข้าใจผิดที่เจ้ามีต่อพระองค์ การพร่ำบ่นและความเป็นกบฏที่เจ้ามีต่อพระองค์นั้นไม่ได้รับการแก้ไข และหัวใจของเจ้าไม่เคยหันกลับ เช่นนั้นแล้วในส่วนของพระเจ้านั้น พระองค์จะทรงกำจัดเจ้าออกไป
II
แม้ว่าเจ้าไม่ได้ปล่อยมือจากหน้าที่ตรงหน้า อีกทั้งเจ้ายังคงรักษาหน้าที่ของตนและพอมีความจงรักภักดีอยู่เล็กน้อยต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงมีพระบัญชา และผู้คนเห็นว่านี่เป็นเรื่องที่รับได้ ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ข้อพิพาทระหว่างเจ้ากับพระเจ้าก็เกิดเป็นปมถาวรขึ้นมา เจ้าไม่เคยใช้ความจริงเพื่อแก้ไขเรื่องนี้และเพื่อให้ได้รับความเข้าใจที่แท้จริงในเจตนารมณ์ของพระเจ้า ผลก็คือ ความเข้าใจผิดที่เจ้ามีต่อพระเจ้ากลับลึกซึ้งมากขึ้น และเจ้าก็คิดอยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงเป็นฝ่ายผิดและเจ้ากำลังได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นี่หมายความว่าเจ้ายังไม่ได้กลับตัว ความเป็นกบฏของเจ้า มโนคติอันหลงผิดของเจ้า และความเข้าใจผิดที่เจ้ามีต่อพระเจ้ายังคงอยู่ ซึ่งทำให้เจ้าไม่มีแนวความคิดที่นบนอบ ทำให้เจ้าเป็นกบฏและต่อต้านพระเจ้าอยู่เสมอ คนประเภทนี้เป็นใครบางคนที่กบฏต่อพระเจ้า แข็งขืนต่อพระเจ้า และปฏิเสธหัวชนฝาที่จะกลับใจ
III
สิ่งมีชีวิตทรงสร้างควรคำนึงถึงพระผู้สร้างด้วยท่าทีเช่นไร? ท่าทีที่ยอมรับว่าพระผู้สร้างทรงถูกต้อง ไม่ว่าพระองค์ทรงทำสิ่งใด หากเจ้าไม่ยอมรับรู้เรื่องนี้ ที่ว่าพระผู้สร้างทรงเป็นความจริง หนทาง และชีวิตย่อมจะเป็นเพียงถ้อยคำอันว่างเปล่าสำหรับเจ้า หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าย่อมไม่อาจบรรลุความรอด เจ้าจะไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม พระเจ้าไม่ทรงช่วยผู้คนเช่นเจ้าให้รอด ตราบที่อุปนิสัยของเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง ตราบที่เจ้าไม่ได้มารู้ว่าสิ่งใดในการกระทำของเจ้าที่ไม่สอดคล้องกับความจริงและไม่สามารถเข้ากันได้กับพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว ปมนั้นที่ดำรงอยู่ระหว่างเจ้ากับพระเจ้าก็ยังไม่ได้ถูกคลายไป เรื่องนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข
IV
เจ้าต้องกลับตัว อีกทั้งละวางแนวคิดและเจตนารมณ์ของตน ทันทีที่เจ้ามีเจตนานี้ ท่าทีของเจ้าก็จะเป็นท่าทีแห่งการนบนอบ นี่เป็นท่าทีในการกลับตัวที่คนคนหนึ่งมีต่อพระเจ้าพระผู้สร้าง นั่นคือการรับรู้และการยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่าพระผู้สร้างทรงเป็นความจริง หนทางและชีวิต หากเจ้าสามารถกลับตัวของเจ้าเองได้ นี่ก็สาธิตแสดงให้เห็นว่าเจ้าสามารถละวางสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นที่เจ้าคิดว่าถูกต้องลงได้ หรือสิ่งเหล่านั้นที่มวลมนุษย์—ซึ่งเสื่อมทราม—โดยรวมแล้วคิดว่าถูกต้อง และในทางกลับกัน เจ้ากลับกำลังรับรู้ว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นความจริงและเป็นสิ่งทั้งหลายที่เป็นบวก หากเจ้าสามารถมีท่าทีนี้ได้ นั่นพิสูจน์ให้เห็นถึงการรับรู้พระอัตลักษณ์ของพระผู้สร้างและแก่นแท้ของพระองค์ นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงมีทรรศนะต่อประเด็นปัญหานี้ และเพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงมองว่าการกลับตัวของมนุษย์สำคัญเป็นพิเศษ
จาก พระวจนะฯ เล่ม 3 บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย, โดยการแก้ไขมโนคติอันหลงผิดของคนเราเท่านั้น คนเราจึงจะสามารถออกเดินไปบนร่องครรลองที่ถูกต้องแห่งการเชื่อในพระเจ้า (3)