จงตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของเจ้า

เราได้ทำงานไปมากมายท่ามกลางพวกเจ้า และแน่นอนว่า ได้กล่าวถ้อยคำไปมากพอสมควรด้วยเช่นกัน  กระนั้นเราก็ยังอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่า วจนะของเราและงานของเรานั้นยังไม่ได้ลุล่วงตามจุดประสงค์ของงานของเราโดยครบถ้วนบริบูรณ์ในยุคสุดท้าย  เพราะว่าในยุคสุดท้ายนั้น งานของเราไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะ หรือผู้คนกลุ่มใดโดยเฉพาะ แต่เพื่อเป็นการสาธิตให้เห็นอุปนิสัยประจำตัวของเรา  กระนั้นด้วยเหตุผลมากมายเหลือคณานับ—บางทีอาจจะเป็นเรื่องของการไม่ค่อยมีเวลาหรือตารางงานอันวุ่นวาย—ผู้คนจึงยังไม่ได้รับความรู้อันใดเกี่ยวกับเราจากอุปนิสัยของเรา  ด้วยเหตุนั้น เราจึงเริ่มดำเนินแผนการใหม่ของเรา งานสุดท้ายของเรา และเปิดหน้าใหม่ในงานของเรา เพื่อที่ทุกคนซึ่งมองเห็นเราจะต้องตีอกชกหัวตัวเองและร่ำไห้และครวญคร่ำรำพันไม่หยุดอันเนื่องมาจากการดำรงอยู่ของเรา  นี่เป็นเพราะเรานำบทอวสานของมวลมนุษย์มาสู่โลก และจากจุดนี้ไป เรานำอุปนิสัยทั้งสิ้นของเรามาแผ่วางต่อหน้ามวลมนุษย์ เพื่อที่ทุกคนซึ่งรู้จักเราและบรรดาผู้คนทั้งหมดที่ไม่รู้จักเราอาจได้รับอาหารตาและมองเห็นว่า เราได้มาสู่โลกมนุษย์แล้วจริงๆ ได้มาสู่โลกที่ซึ่งทุกสรรพสิ่งเพิ่มทบทวีคูณ  นี่คือแผนการของเรา และเป็น “การสารภาพ” เพียงครั้งเดียวเท่านั้นของเรานับตั้งแต่การสร้างมวลมนุษย์ของเรา  พวกเจ้าจงให้ความสนใจที่พร้อมมูลแก่ทุกการเคลื่อนไหวของเรา เพราะไม้เรียวของเรากดลงมาใกล้มวลมนุษย์อีกครั้ง ใกล้ผู้คนทุกคนที่ต่อต้านเรา

เราเริ่มงานที่เราต้องทำ โดยร่วมกันกับฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย  และดังนั้นเราจึงค่อยๆ ลัดเลาะกระแสผู้คนไปอย่างระมัดระวัง และเคลื่อนไหวระหว่างสวรรค์และแผ่นดินโลก โดยที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้การเคลื่อนไหวของเรา หรือสังเกตเห็นวจนะของเรา  ดังนั้น แผนงานของเราจึงยังคงก้าวหน้าต่อไปอย่างราบรื่น  มีก็เพียงตรงที่ สำนึกของพวกเจ้าทั้งหมดนั้นได้กลายเป็นด้านชามากจนถึงขั้นที่พวกเจ้าหลงลืมขั้นตอนทั้งหลายแห่งงานของเรา  แต่สักวันหนึ่งพวกเจ้าจะตระหนักรู้จุดประสงค์ของเรา จะมาถึงอย่างแน่นอน  วันนี้เราดำรงชีวิตอยู่กับพวกเจ้าและทนทุกข์ไปด้วยกันกับพวกเจ้า และนานมาแล้วที่เราได้มาเข้าใจท่าทีที่มวลมนุษย์มีต่อเรา  เราไม่ปรารถนาที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป นับประสาอะไรที่เราจะปรารถนาที่จะนำความน่าอับอายมาสู่พวกเจ้าโดยการยกตัวอย่างเพิ่มเติมในหัวเรื่องที่เจ็บปวดนี้  เราหวังแค่เพียงว่าพวกเจ้าจะจดจำทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไว้ในหัวใจของพวกเจ้า เพื่อที่พวกเราอาจจะได้เอาบัญชีของเรามาเทียบประกบกันในวันที่พวกเราพบกันอีกครั้ง  เราไม่ปรารถนาที่จะกล่าวหาใครก็ตามท่ามกลางพวกเจ้าอย่างผิดๆ เพราะเรานั้นปฏิบัติอย่างเป็นธรรม อย่างยุติธรรม และด้วยเกียรติเสมอ  แน่นอนที่เรายังหวังอีกด้วยว่าพวกเจ้าจะสามารถรักษาความดีงาม และไม่ทำอะไรที่เป็นการต่อต้านสวรรค์และแผ่นดินโลกหรือมโนธรรมของตัวเจ้าเอง  นี่คือสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราขอจากพวกเจ้า  ผู้คนจำนวนมากรู้สึกทุรนทุรายและไม่สบายใจเพราะพวกเขาได้กระทำความผิดอันเลวร้ายน่ากลัว และหลายคนรู้สึกละอายใจในตัวเองเพราะพวกเขาไม่เคยทำความประพฤติที่ดีงามเลยแม้เพียงอย่างเดียว  กระนั้นก็ยังมีหลายคนที่ห่างไกลจากการรู้สึกเสื่อมเสียจากบาปของตน เปลี่ยนจากแย่ไปเป็นแย่กว่า อันเป็นการกระชากหน้ากากที่ปกปิดคุณสมบัติหลักอันน่าเกลียดน่ากลัวของพวกเขา—ซึ่งยังไม่เคยถูกตีแผ่อย่างเต็มที่—ออกอย่างครบบริบูรณ์เพื่อทดสอบอุปนิสัยของเรา  เราไม่สนใจและไม่ใส่ใจในการกระทำทั้งหลายของบุคคลหนึ่งบุคคลใด  ในทางตรงกันข้าม เราทำงานที่เราควรจะทำ ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูล หรือการเดินทางไปในแผ่นดิน หรือทำอะไรบางอย่างที่อยู่ในความสนใจของเรา  ในเวลาสำคัญๆ เราเดินหน้าไปกับงานของเราท่ามกลางมนุษย์ตามที่ได้วางแผนไว้แต่เดิม ไม่ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไปแม้แต่หนึ่งวินาที และด้วยทั้งความง่ายดายและความฉับไว  อย่างไรก็ตาม ด้วยทุกขั้นตอนของงานของเรา บางคนได้ถูกปัดทิ้งเพราะเราดูหมิ่นหนทางยกยอสารพัดของพวกเขา และการอ่อนน้อมแบบจอมปลอมของพวกเขา  บรรดาผู้ที่น่าชิงชังสำหรับเราจะถูกละทิ้งอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม  พูดให้สั้นก็คือ เราประสงค์จะให้ทุกคนที่เราดูหมิ่นนั้นอยู่ห่างเราไกลแสนไกล  คงไม่ต้องพูดว่า เราจะไม่ละเว้นคนชั่วที่ยังคงอยู่ในบ้านของเรา  เนื่องจากวันลงโทษมนุษย์นั้นใกล้เข้ามาแล้ว เราจึงไม่ได้เร่งรีบที่จะขับทุกดวงจิตอันน่าดูหมิ่นเหล่านั้นออกจากบ้านของเรา  เพราะเรามีแผนการของเราเอง

บัดนี้เป็นเวลาที่เรากำหนดพิจารณาบทอวสานสำหรับแต่ละบุคคล ไม่ใช่ช่วงระยะซึ่งเราเริ่มทำงานกับมนุษย์  เราจดบันทึกคำพูดและการกระทำทั้งหลายของแต่ละบุคคล เส้นทางซึ่งพวกเขาได้ติดตามเรามา คุณลักษณะเฉพาะโดยกำเนิดของพวกเขา และวิธีที่พวกเขาประพฤติตนในท้ายที่สุด ลงในสมุดบันทึกของเราทีละคน  เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นบุคคลประเภทใด ย่อมไม่มีใครจะหลบพ้นมือของเรา และทุกคนจะรวมอยู่กับบุคคลประเภทเดียวกันตามที่เราจัดให้  เราไม่ได้ตัดสินบั้นปลายของแต่ละบุคคลตามอายุ ความอาวุโส ระดับความทุกข์ และที่น้อยที่สุดคือ ระดับความชวนสังเวชของพวกเขา แต่เป็นไปโดยสอดคล้องกับการที่ว่า พวกเขาครองความจริงหรือไม่  ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากนี้  พวกเจ้าจำต้องตระหนักว่า ทุกคนที่ไม่ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าจะถูกลงโทษด้วยเช่นกัน  นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้  เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ถูกลงโทษจึงถูกลงโทษเช่นนั้นเพราะความชอบธรรมของพระเจ้า และเป็นโทษทัณฑ์อันสาสมแล้วกับการกระทำที่ชั่วอันนับไม่ถ้วนของพวกเขา  เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงแผนการของเราเลยแม้แต่อย่างเดียวนับตั้งแต่แรกเริ่มแผนการ เพียงแต่ว่า หากพิจารณาจากฝั่งของมนุษย์ บรรดาผู้ที่เราชี้นำด้วยวจนะของเราดูเหมือนจะมีจำนวนลดน้อยถอยลง เช่นเดียวกันกับบรรดาผู้ที่เราเห็นชอบอย่างแท้จริง  อย่างไรก็ตาม เรายังคงยืนยันว่าแผนการของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อและความรักของมนุษย์ต่างหากที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ลดถอยลงตลอดเวลา จนถึงขอบข่ายที่เป็นไปได้ว่า แต่ละบุคคลจะเปลี่ยนแปลงจากป้อยอเรา ไปเป็นเย็นชาต่อเรา และถึงขั้นขับเราออกไป  ท่าทีของเราที่มีต่อพวกเจ้าจะไม่เป็นทั้งร้อนและเย็น จนกว่าเราจะรู้สึกถึงความน่าขยะแขยงและความชิงชัง และในท้ายที่สุดจึงสั่งตัดสินลงโทษไป  ไม่ว่าจะอย่างไร ในวันแห่งการลงโทษพวกเจ้า เราจะยังคงมองเห็นพวกเจ้าอยู่ แต่พวกเจ้าจะไม่สามารถมองเห็นเราได้อีกต่อไปแล้ว  เนื่องจากชีวิตท่ามกลางพวกเจ้าได้กลายมาเป็นสิ่งที่น่าเบื่อและจืดชืดไปแล้วสำหรับเรา ดังนั้น คงไม่ต้องบอกว่า เราได้เลือกแล้วที่จะดำรงชีวิตในสิ่งรายล้อมที่ต่างออกไป สิ่งที่ดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากวาจาที่คิดร้ายนานาของพวกเจ้า และหลีกให้พ้นพฤติกรรมอันเลวทรามเหลือทนของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าไม่อาจหลอกเราหรือปฏิบัติต่อเราอย่างขอไปทีอีกต่อไป  ก่อนที่เราจะจากพวกเจ้าไป เรายังคงจำต้องเตือนสติพวกเจ้า ให้เว้นจากการกระทำในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับความจริง  ในทางตรงกันข้าม เจ้าควรทำสิ่งซึ่งเป็นที่พอใจของทุกคน สิ่งซึ่งนำประโยชน์มาสู่ทุกคน และสิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบั้นปลายของเจ้าเอง มิฉะนั้นแล้วผู้ที่ทนทุกข์อยู่ท่ามกลางความวิบัติ จะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเจ้าเอง

ความปรานีของเรานั้นแสดงออกต่อบรรดาผู้ที่รักเราและปฏิเสธตัวพวกเขาเอง  ในขณะเดียวกัน การลงโทษที่เกิดขึ้นกับพวกคนชั่ว ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงอุปนิสัยที่ชอบธรรมของเราอย่างชัดเจน และยิ่งไปกว่านั้นคือ พิสูจน์คำพยานแห่งความโกรธเคืองของเรา เมื่อความวิบัติมาเยือน ทุกคนที่ต่อต้านเราจะวิปโยคร่ำไห้ในขณะที่พวกเขาตกเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของการกันดารอาหารและภัยพิบัติ  ผู้ที่ทำความชั่วลงไปทุกรูปแบบ เว้นแต่ผู้ที่ได้ติดตามเรามาเป็นเวลาหลายปี จะไม่มีทางหลบพ้นการชำระชดใช้ให้กับบาปของตน พวกเขาอีกเช่นกัน ที่จะดิ่งพรวดลงสู่ความวิบัติ ในแบบที่นานๆ ครั้งจะได้เห็นกันในตลอดระยะเวลาหลายล้านปี และพวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ในสภาวะแห่งความอกสั่นขวัญผวาและหวาดกลัวตลอดเวลา  และบรรดาผู้ติดตามของเราทั้งหลายที่ได้แสดงความจงรักภักดีต่อเราจะชื่นบานและปรบมือให้กับอิทธิฤทธิ์ของเรา  พวกเขาจะผ่านประสบการณ์กับความพอใจอันเกินพรรณนา และดำรงชีวิตท่ามกลางความชื่นบานยินดีอย่างที่เราไม่เคยมอบให้มวลมนุษย์  เพราะเราถนอมความล้ำค่าของความประพฤติที่ดีงามของมนุษย์และชิงชังความประพฤติชั่วของพวกเขา  ตั้งแต่เมื่อเราเริ่มต้นนำทางมวลมนุษย์ เรามุ่งหวังอย่างใจจดใจจ่อมาตลอดว่าจะได้รับผู้คนสักกลุ่มที่มีจิตใจเดียวกับเรา  ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้ที่ไม่ได้มีจิตใจเดียวกับเรานั้น เราก็ไม่เคยลืม เราเกลียดพวกเขาในหัวใจของเราเสมอ รอคอยโอกาสที่จะลงโทษคนที่ทำความชั่วเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากเห็น  บัดนี้วันของเราได้มาถึงแล้วในที่สุด และเราไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปแล้ว!  

งานขั้นสุดท้ายของเราไม่ใช่แค่เพื่อลงโทษมนุษย์เท่านั้น แต่เพื่อการจัดการเตรียมบั้นปลายของมนุษย์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นไปเพื่อที่ผู้คนทั้งหมดอาจรับรู้กิจการและการกระทำของเรา เราต้องการให้แต่ละบุคคลได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นถูกต้อง และได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นเป็นการแสดงออกของอุปนิสัยของเรา  ที่ให้กำเนิดมวลมนุษย์นั้นไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ นับประสาอะไรที่จะเป็นการกระทำของธรรมชาติ แต่เป็นเรา ผู้บำรุงเลี้ยงทุกสิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ในการสร้าง  หากปราศจากการดำรงอยู่ของเรา มวลมนุษย์ย่อมมีแต่จะพินาศและทุกข์ทนจากการหวดเฆี่ยนแห่งหายนะเท่านั้น  ไม่มีมนุษย์คนใดจะได้เห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อันสวยงาม หรือโลกอันเขียวขจีอีกเลย มวลมนุษย์จะเผชิญเพียงค่ำคืนอันเยือกเย็นและหุบเขาแห่งเงามรณะซึ่งไร้ปรานี  เราคือความรอดเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ เราคือความหวังเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เราก็คือพระองค์ผู้ซึ่งเป็นที่พึ่งแห่งการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์ทั้งปวง  หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะหยุดนิ่งลงในทันที  หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะทุกข์ทนกับมหันตภัยและถูกบรรดาผีสางทุกลักษณะเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า กระนั้นก็ยังไม่มีใครใส่ใจเรา  เราได้ทำงานที่ไม่มีใครอื่นทำได้ และหวังเพียงแค่ว่ามนุษย์จะสามารถตอบแทนเราด้วยความประพฤติที่ดีงามบ้าง  แม้จะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถตอบแทนเราได้ เราก็จะยังคงยุติการเดินทางไกลของเราในโลกมนุษย์ลง และเริ่มต้นขั้นตอนถัดไปของงานของเราที่กำลังคลี่คลายออกมา เนื่องจากการเร่งรุดไปมาของเราทั้งหมดท่ามกลางมนุษย์ในช่วงหลายปีมานี้ให้ดอกผลดี และเราก็ยินดีมาก  สิ่งที่เราสนใจไม่ใช่จำนวนผู้คน แต่เป็นความประพฤติที่ดีงามของพวกเขาเสียมากกว่า  ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เราหวังว่าพวกเจ้าจะตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของตัวเจ้าเอง  เมื่อนั้นเราจึงจะพึงพอใจ มิฉะนั้นแล้ว ไม่มีใครเลยในบรรดาพวกเจ้าที่จะสามารถหนีรอดจากความวิบัติที่จะตกมาถึงเจ้าได้  ความวิบัตินั้นมีจุดกำเนิดอยู่ที่เราและแน่นอนว่าถูกจัดวางเรียบเรียงโดยเรา  หากพวกเจ้าไม่สามารถปรากฏว่าดีงามได้ในสายตาของเรา เช่นนั้นพวกเจ้าก็จะไม่อาจหนีรอดจากความทุกข์ของความวิบัติไปได้  ในท่ามกลางความทุกข์ลำบากความประพฤติและการกระทำโดยเจตนาทั้งหลายของพวกเจ้าไม่ได้ถูกพิจารณาว่าสมควรไปเสียทั้งหมด เนื่องจากความเชื่อและความรักของพวกเจ้านั้นกลวงเป็นโพรง และเจ้าเพียงแค่แสดงให้เห็นว่า ตัวตนของพวกเจ้าขลาดหรือไม่ก็ทรหดเท่านั้นเอง  ในเรื่องนี้ เราจะพิพากษาสิ่งที่ดีและสิ่งที่แย่เท่านั้น  ความกังวลสนใจของเรายังคงเป็นเรื่องของหนทางที่พวกเจ้าแต่ละคนปฏิบัติและแสดงตัวตนของเจ้าออกมา อันเป็นพื้นฐานที่เราจะใช้กำหนดพิจารณาบทอวสานของพวกเจ้า  อย่างไรก็ตาม เราจำต้องพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่า กับบรรดาผู้ที่ไม่ได้แสดงให้เราเห็นความจงรักภักดีแม้แต่น้อยในระหว่างช่วงเวลาของความทุกข์ลำบาก เราจะไม่ปรานีอีกต่อไป เพราะความปรานีของเราขยายเวลามาเพียงถึงตอนนี้เท่านั้น  ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่มีความชอบให้กับใครก็ตามที่ครั้งหนึ่งเคยทรยศเรา นับประสาอะไรที่เราจะชอบเชื่อมสัมพันธ์กับบรรดาผู้ที่ขายผลประโยชน์ของผองเพื่อนของตน นี่คืออุปนิสัยของเรา  ไม่ว่าบุคคลคนนั้นอาจเป็นใครก็ตาม เราจำต้องบอกเรื่องนี้กับพวกเจ้าว่า ใครก็ตามที่ทำให้เราเสียใจจะไม่ได้รับความเมตตาผ่อนผันจากเราเป็นครั้งที่สอง และใครก็ตามที่สัตย์ซื่อต่อเราตลอดมาจะยังคงอยู่ในหัวใจของเราตลอดกาล

ก่อนหน้า: พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายเท่านั้นที่สามารถประทานหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์แก่มนุษย์ได้

ถัดไป: เจ้าจงรักภักดีต่อใคร?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger