มีเพียงผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตอันเปี่ยมความหมายได้

แท้จริงแล้ว พระราชกิจที่กำลังทรงทำอยู่ตอนนี้คือการทำให้ผู้คนละทิ้งซาตาน บรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา  การพิพากษาทั้งมวลโดยพระวจนะมุ่งที่จะเปิดโปงอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของมนุษยชาติ และทำให้ผู้คนสามารถเข้าใจแก่นแท้ของชีวิตได้  การพิพากษาซ้ำๆ เหล่านี้เสียดแทงหัวใจของผู้คน  การพิพากษาแต่ละครั้งเกี่ยวข้องโดยตรงกับชะตากรรมของพวกเขา และหมายให้สร้างบาดแผลแก่หัวใจของพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะสามารถปล่อยมือจากสิ่งต่างๆ เหล่านั้นทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขามารู้จักชีวิต รู้จักโลกที่โสมมนี้ รู้จักพระปรีชาญาณและความทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า และรู้จักมวลมนุษย์ที่ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอีกด้วย  ยิ่งมนุษย์ได้รับการตีสอนและการพิพากษาประเภทนี้มากขึ้นเท่าใด หัวใจของมนุษย์ก็ยิ่งสามารถได้รับบาดเจ็บมากขึ้นและวิญญาณของเขาก็ยิ่งสามารถถูกปลุกให้ตื่นมากขึ้นเท่านั้น  การปลุกวิญญาณของผู้คนที่ถูกทำให้เสื่อมทรามสุดขีดและถูกหลอกลวงอย่างลึกล้ำมากที่สุดเหล่านี้ให้ตื่นคือเป้าหมายของการพิพากษาประเภทนี้  มนุษย์ไม่มีวิญญาณ นั่นคือวิญญาณของเขาได้ตายไปนานแล้ว และเขาหารู้ไม่ว่ามีฟ้าสวรรค์ หารู้ไม่ว่ามีพระเจ้าองค์หนึ่ง และหารู้ไม่อย่างแน่นอนว่าเขากำลังดิ้นรนอยู่ในห้วงเหวแห่งความตาย เขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าเขากำลังมีชีวิตอยู่ในนรกชั่วนี้บนแผ่นดินโลก?  เขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าศพเน่าเหม็นของเขานี้ได้ตกลงไปในแดนคนตายโดยผ่านทางการทำให้เสื่อมทรามของซาตาน?  เขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินโลกได้ถูกมวลมนุษย์ทำให้ย่อยยับจนเกินกว่าจะซ่อมแซมได้นานแล้ว?  และเขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรกันว่าพระผู้สร้างได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกในวันนี้ และกำลังทรงค้นหากลุ่มคนที่เสื่อมทรามที่พระองค์จะสามารถช่วยให้รอดได้?  แม้หลังจากที่มนุษย์ได้รับประสบการณ์กับทุกกระบวนการถลุงและทุกการพิพากษาที่เป็นไปได้ แต่จิตสำนึกที่ทึมทึบของเขาก็ยังคงแทบไม่รู้สึกตัว และจริงๆ แล้วไม่ตอบสนองแต่อย่างใดเลย  มนุษยชาติช่างเสื่อมนัก!  และแม้ว่าการพิพากษาประเภทนี้จะเป็นเหมือนลูกเห็บโหดร้ายที่ตกลงมาจากฟ้า แต่ก็เป็นประโยชน์ใหญ่หลวงที่สุดต่อมนุษย์  หากไม่เป็นเพราะการพิพากษาผู้คนเยี่ยงนี้ก็คงจะไม่มีผลลัพธ์และคงจะเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่จะช่วยผู้คนให้รอดจากห้วงเหวแห่งความระทมทุกข์  หากไม่เป็นเพราะพระราชกิจนี้ก็คงจะยากยิ่งที่ผู้คนจะออกมาจากแดนคนตาย เพราะหัวใจของพวกเขาได้ตายไปนานแล้ว และวิญญาณของพวกเขาได้ถูกซาตานเหยียบย่ำนานมาแล้ว  การช่วยพวกเจ้าที่ได้จมลงสู่ก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของความเสื่อมให้รอดพึงต้องมีการร้องเรียกพวกเจ้าอย่างแข็งขัน พิพากษาพวกเจ้าอย่างแข็งขัน  เมื่อนั้นเท่านั้นจึงจะเป็นไปได้ที่จะปลุกหัวใจที่เย็นจนแข็งของพวกเจ้าให้ตื่น

เนื้อหนังของพวกเจ้า ความอยากอันฟุ้งเฟ้อของพวกเจ้า ความโลภของพวกเจ้า และตัณหาของพวกเจ้านั้นหยั่งรากลึกในตัวพวกเจ้า  สิ่งเหล่านี้กำลังควบคุมหัวใจของพวกเจ้าอยู่เป็นนิตย์จนพวกเจ้าไม่มีกำลังที่จะปลดแอกแห่งความคิดเชิงศักดินาที่เสื่อมเหล่านั้นทิ้งไป  พวกเจ้าทั้งไม่โหยหาที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเจ้าและไม่โหยหาที่จะหนีรอดจากอิทธิพลแห่งความมืด  พวกเจ้าก็แค่ถูกสิ่งเหล่านั้นพันธนาการไว้  แม้ว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะรู้ว่าชีวิตนี้เจ็บปวดเหลือเกินและโลกของมนุษย์นี้มืดมนเหลือเกิน กระนั้นก็ไม่มีพวกเจ้าสักคนเดียวที่มีความกล้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเจ้า  พวกเจ้าเพียงแค่ถวิลหาที่จะหนีรอดจากความเป็นจริงต่างๆ ของชีวิตนี้ สัมฤทธิ์สภาวะเหนือธรรมชาติของวิญญาณ และมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สงบ มีความสุข และเป็นดั่งฟ้าสวรรค์  พวกเจ้าไม่เต็มใจที่จะทนฝ่าความยากลำบากเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตปัจจุบันของพวกเจ้า และพวกเจ้าไม่เต็มใจที่จะค้นหาชีวิตที่พวกเจ้าควรจะเข้าสู่ภายในการพิพากษาและการตีสอนนี้  ตรงกันข้าม พวกเจ้ากลับมีความฝันที่ไม่สมจริงอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับโลกที่สวยงามพ้นวิสัยเนื้อหนังนั่น  ชีวิตที่พวกเจ้าถวิลหาคือชีวิตที่พวกเจ้าสามารถได้มาอย่างไม่เปลืองแรงโดยไม่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดใดๆ  นั่นไม่สมจริงโดยสิ้นเชิง!  เพราะสิ่งที่พวกเจ้าหวังไม่ใช่การใช้เวลาทั้งชีวิตอย่างมีความหมายในเนื้อหนังและได้รับความจริงในครรลองของชั่วชีวิตหนึ่งๆ นั่นคือการมีชีวิตเพื่อความจริงและการยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม  นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะพิจารณาว่าเป็นชีวิตที่ช่วงโชติ แวววาว  พวกเจ้ารู้สึกว่านี่คงจะไม่ใช่ชีวิตที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจหรือมีความหมาย  ในสายตาของพวกเจ้า การมีชีวิตเช่นนี้คงจะรู้สึกเหมือนความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง!  แม้ว่าพวกเจ้าจะยอมรับการตีสอนนี้ในวันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเจ้ากำลังไล่ตามเสาะหาไม่ใช่การได้รับความจริงหรือการดำเนินชีวิตตามความจริงในปัจจุบัน แต่เป็นการสามารถเข้าสู่ชีวิตที่มีความสุขเหนือวิสัยเนื้อหนังในภายหลังมากกว่า  พวกเจ้าไม่ได้กำลังแสวงหาความจริง และพวกเจ้าไม่ได้กำลังยืนหยัดเพื่อความจริง และแน่นอนว่าพวกเจ้าไม่ได้กำลังดำรงอยู่เพื่อความจริง  พวกเจ้าไม่ได้กำลังไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่ในวันนี้ แต่ความคิดของพวกเจ้ากลับถูกยึดครองโดยอนาคตและโดยสิ่งที่สักวันหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นแทน นั่นคือ พวกเจ้าจับจ้องท้องฟ้าสีคราม หลั่งน้ำตาอันขมขื่น และคาดหวังว่าจะถูกพาไปยังฟ้าสวรรค์สักวันหนึ่ง  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าวิธีคิดของพวกเจ้านั้นหลุดจากความเป็นจริงไปแล้ว?  พวกเจ้าเอาแต่คิดว่าพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงความเมตตาและความสงสารอันไม่สิ้นสุดจะเสด็จมาสักวันหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยเพื่อพาเจ้าไปกับพระองค์ เจ้าผู้ซึ่งได้ทนฝ่าความยากลำบากและความทุกข์ในโลกนี้ และคิดว่าพระองค์จะทรงเยียวยาความคับข้องหมองใจของเจ้าและชำระแค้นให้เจ้าที่ตกเป็นเหยื่อและถูกกดขี่  เจ้าไม่ได้เต็มไปด้วยบาปหรอกหรือ?  เจ้าเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้ทนทุกข์ในโลกนี้กระนั้นหรือ?  เจ้าได้ตกสู่แดนครอบครองของซาตานด้วยตัวเจ้าเองและได้ทนทุกข์—พระเจ้ายังจำเป็นต้องทรงเยียวยาความคับข้องหมองใจให้เจ้าจริงหรือ?  พวกที่ไม่สามารถสนองข้อเรียกร้องของพระเจ้า—พวกเขาทุกคนไม่ใช่ศัตรูของพระเจ้าหรอกหรือ?  พวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์—พวกเขาไม่ใช่ศัตรูของพระคริสต์หรอกหรือ?  ความประพฤติดีของเจ้ามีค่าอะไร?  ความประพฤติดีเหล่านั้นสามารถแทนที่หัวใจที่นมัสการพระเจ้าได้หรือ?  เจ้าไม่สามารถรับพรจากพระเจ้าได้โดยเพียงแค่ทำความประพฤติดีบางอย่าง และพระเจ้าจะไม่ทรงเยียวยาความคับข้องหมองใจของเจ้าและชำระแค้นให้กับสิ่งร้ายๆ ที่เจ้าถูกกระทำเพียงเพราะเจ้าถูกทำให้เป็นเหยื่อและถูกกดขี่  บรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้า แต่ไม่รู้จักพระเจ้า แต่ทำความประพฤติดี—พวกเขาทั้งหมดไม่ถูกตีสอนด้วยหรอกหรือ?  เจ้าเพียงแค่เชื่อในพระเจ้า เพียงแค่ต้องการให้พระเจ้าทรงแก้ไขและชำระแค้นให้กับสิ่งร้ายๆ ที่เจ้าถูกกระทำ และเจ้าต้องการให้พระเจ้าประทานวันของเจ้าแก่เจ้า วันที่เจ้าสามารถยืนยืดอกได้ในที่สุด  แต่เจ้าปฏิเสธที่จะให้ความสนใจกับความจริง และเจ้าไม่กระหายที่จะดำเนินชีวิตตามความจริง  นับประสาอะไรที่เจ้าจะสามารถหนีรอดจากชีวิตที่ยากลำบากและว่างเปล่านี้ได้  ในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในเนื้อหนังและใช้ชีวิตแห่งบาปของเจ้า เจ้ากลับมองด้วยความคาดหวังไปที่พระเจ้าเพื่อให้พระองค์ทรงแก้ไขความคับข้องใจของเจ้าและทำให้หมอกมัวแห่งการดำรงอยู่ของเจ้าแยกออกแทน  แต่นี่เป็นไปได้หรือ?  หากเจ้าครอบครองความจริง เจ้าก็จะสามารถติดตามพระเจ้าได้  หากเจ้ามีการดำเนินชีวิต เจ้าก็สามารถเป็นการสำแดงแห่งพระวจนะของพระเจ้าได้  หากเจ้ามีชีวิต เจ้าก็จะสามารถชื่นชมพรจากพระเจ้าได้  บรรดาผู้ที่ครอบครองความจริงสามารถชื่นชมพรจากพระเจ้า  พระเจ้าทรงยืนยันการแก้ไขสำหรับบรรดาผู้ที่รักพระองค์อย่างสุดหัวใจและผู้ที่ทนฝ่าความยากลำบากและความทุกข์ แต่ไม่ใช่สำหรับพวกที่รักแต่ตนเองเท่านั้นและพวกที่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงของซาตาน  จะสามารถมีความดีในพวกที่ไม่รักความจริงได้อย่างไร?  จะสามารถมีความชอบธรรมในพวกที่รักแต่เนื้อหนังได้อย่างไร?  ทั้งความชอบธรรมและความดีไม่ได้ถูกพูดถึงเพียงแค่ในการอ้างอิงถึงความจริงหรอกหรือ?  ทั้งสองสิ่งนั้นไม่ได้ถูกสงวนไว้สำหรับบรรดาผู้ที่รักพระเจ้าอย่างสุดหัวใจหรอกหรือ?  พวกที่ไม่รักความจริงและพวกที่เป็นเพียงซากศพเน่าเหม็น—ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้เก็บงำความชั่วไว้หรอกหรือ?  พวกที่ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามความจริง—พวกเขาทั้งหมดไม่ใช่ศัตรูของความจริงหรอกหรือ?  แล้วพวกเจ้าเล่า?

หากเจ้าสามารถหนีรอดจากอิทธิพลแห่งความมืดและปลดเปลื้องตัวเองจากสิ่งที่ไม่สะอาดเหล่านี้ได้ หากเจ้าสามารถกลายเป็นบริสุทธิ์ได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะครอบครองความจริง  ไม่ใช่ว่าธรรมชาติของเจ้าได้เปลี่ยนแปลงไป แต่เป็นเพียงว่าเจ้าสามารถนำความจริงไปปฏิบัติได้ และสามารถละทิ้งเนื้อหนังได้  นี่คือคุณสมบัติซึ่งบรรดาผู้ที่ได้รับการชำระให้สะอาดแล้วครอบครอง  เป้าหมายหลักของพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยคือการชำระมนุษยชาติให้สะอาดเพื่อที่มนุษย์จะสามารถครอบครองความจริงได้ เพราะมนุษย์เข้าใจความจริงน้อยเกินไป!  การทรงพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยกับผู้คนเช่นนี้มีนัยสำคัญที่ลึกซึ้งที่สุด  พวกเจ้าทั้งหมดได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความมืดและถูกทำร้ายอย่างล้ำลึก  เช่นนั้นแล้ว เป้าหมายของพระราชกิจนี้จึงเป็นการทำให้พวกเจ้าสามารถรู้จักธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเจ้าดำเนินชีวิตตามความจริง  การได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมนั้นเป็นบางสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างทั้งหมดควรจะยอมรับ  หากพระราชกิจของช่วงระยะนี้เกี่ยวข้องกับการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมเท่านั้น เช่นนั้นแล้วก็จะสามารถทำได้ในอังกฤษ หรืออเมริกา หรืออิสราเอล จะสามารถทำกับผู้คนของประเทศใดก็ได้  แต่พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยนั้นเลือกทำ  ขั้นตอนแรกของพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยเป็นเรื่องระยะสั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังจะถูกใช้เพื่อทำให้ซาตานได้อายและพิชิตจักรวาลทั้งปวง  นี่คือพระราชกิจชั้นต้นของการพิชิตชัย  คนเราสามารถพูดได้ว่าสิ่งทรงสร้างใดที่เชื่อในพระเจ้าจะสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้ เพราะการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมเป็นบางสิ่งที่สามารถสัมฤทธิ์ได้เพียงหลังจากการเปลี่ยนแปลงระยะยาวเท่านั้น  แต่การถูกพิชิตนั้นแตกต่าง  ตัวอย่างและแบบอย่างสำหรับการพิชิตชัยต้องเป็นชนิดที่รั้งท้ายห่างไปไกลที่สุด อาศัยอยู่ในความมืดที่ลึกล้ำที่สุด พวกเขาต้องเสื่อมเสียที่สุด ไม่เต็มใจยอมรับพระเจ้ามากที่สุด และไม่เชื่อฟังพระเจ้ามากที่สุด  นี่เป็นบุคคลประเภทที่สามารถเป็นพยานให้กับการถูกพิชิตได้อย่างแน่นอน  เป้าหมายหลักของพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยคือการเอาชนะซาตาน ในขณะที่เป้าหมายหลักของการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมคือการได้รับผู้คน  พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยนี้ได้รับการดำเนินการที่นี่ กับผู้คนอย่างพวกเจ้า ก็เพื่อทำให้ผู้คนสามารถมีคำพยานได้หลังจากถูกพิชิตแล้วนั่นเอง  จุดมุ่งหมายคือเพื่อให้ผู้คนเป็นคำพยานหลังจากถูกพิชิต  ผู้คนที่ถูกพิชิตแล้วเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อสัมฤทธิ์เป้าหมายแห่งการทำให้ซาตานได้อาย  ดังนั้นอะไรคือวิธีการหลักของการพิชิตชัย?  การตีสอน การพิพากษา การเปล่งคำสาปแช่ง และการเปิดเผย—โดยใช้อุปนิสัยอันชอบธรรมพิชิตผู้คนเพื่อให้พวกเขาปักใจเชื่ออย่างเต็มที่เนื่องเพราะพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้า  การใช้ความเป็นจริงและสิทธิอำนาจของพระวจนะเพื่อพิชิตผู้คนและโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่ออย่างเต็มที่—นี่คือความหมายของการถูกพิชิต  บรรดาผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วนั้นไม่เพียงแค่สามารถสัมฤทธิ์การเชื่อฟังหลังจากถูกพิชิตแล้วเท่านั้น แต่พวกเขายังสามารถมีความรู้เกี่ยวกับพระราชกิจแห่งการพิพากษา เปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของพวกเขา และมารู้จักพระเจ้าได้อีกด้วย  พวกเขามีประสบการณ์กับเส้นทางแห่งการรักพระเจ้า และกลายเป็นถูกเติมเต็มด้วยความจริง  พวกเขาเรียนรู้วิธีที่จะมีประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้า กลายเป็นสามารถทนทุกข์เพื่อพระเจ้าได้ และมีเจตจำนงของตัวเอง  ผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมคือบรรดาผู้ที่มีความเข้าใจที่จริงแท้ในความจริงเนื่องจากได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว  ผู้ที่ได้รับการพิชิตคือบรรดาผู้ที่รู้จักความจริง แต่ไม่ได้ยอมรับความหมายที่เป็นจริงของความจริง  หลังจากได้รับการพิชิตแล้ว พวกเขาก็เชื่อฟัง แต่การเชื่อฟังของพวกเขาคือผลลัพธ์ทั้งหมดของการพิพากษาที่พวกเขาได้รับ  พวกเขาไม่มีความเข้าใจโดยสิ้นเชิงในความหมายที่เป็นจริงของความจริงมากมาย  พวกเขายอมรับความจริงด้วยวาจา แต่พวกเขาไม่ได้เข้าสู่ความจริง พวกเขาจับใจความความจริง แต่พวกเขายังไม่มีประสบการณ์กับความจริง  พระราชกิจที่กำลังทรงทำกับบรรดาผู้ที่กำลังได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม รวมถึงการตีสอนและการพิพากษา พร้อมกับการจัดเตรียมชีวิต  บุคคลที่เห็นคุณค่าของการเข้าสู่ความจริงคือบุคคลที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  ความแตกต่างระหว่างบรรดาผู้ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมกับบรรดาผู้ที่จะได้รับการพิชิตอยู่ที่ว่าพวกเขาเข้าสู่ความจริงหรือไม่  ผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วคือบรรดาผู้ที่จับใจความความจริง ได้เข้าสู่ความจริง และกำลังดำเนินชีวิตตามความจริง ผู้คนที่ไม่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้คือพวกที่ไม่จับใจความความจริง และไม่เข้าสู่ความจริง นั่นคือ พวกที่ไม่ได้กำลังดำเนินชีวิตตามความจริง  หากผู้คนเช่นนี้สามารถเชื่อฟังได้อย่างครบบริบูรณ์ในตอนนี้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ได้รับการพิชิต  หากผู้ที่ได้รับการพิชิตไม่แสวงหาความจริง—หากพวกเขาติดตาม แต่ไม่ดำเนินชีวิตตามความจริง หากพวกเขามองเห็นและได้ยินความจริง แต่ไม่เห็นคุณค่าของการดำเนินชีวิตตามความจริง—เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  ผู้คนที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมย่อมปฏิบัติความจริงโดยสอดคล้องกับข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าตามเส้นทางสู่ความเพียบพร้อม  พวกเขาสนองน้ำพระทัยของพระเจ้าโดยผ่านทางการนี้ และพวกเขาก็ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  ผู้ใดก็ตามที่ติดตามไปจนถึงบทอวสานก่อนที่พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยจะสรุปปิดตัวก็คือผู้ที่ได้รับการพิชิตแล้ว แต่จะไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้ว  “ผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้ว” อ้างอิงถึงบรรดาผู้ที่สามารถไล่ตามเสาะหาความจริงและได้รับการรับไว้โดยพระเจ้าหลังจากพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยสิ้นสุดลง  และอ้างอิงถึงบรรดาผู้ที่ยืนหยัดในความยากลำบากและดำเนินชีวิตตามความจริงหลังจากพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยสิ้นสุดลง  สิ่งที่แยกแยะการได้รับการพิชิตออกจากการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมคือความแตกต่างของขั้นตอนต่างๆ แห่งพระราชกิจ และความแตกต่างของระดับที่ผู้คนเข้าใจและเข้าสู่ความจริง  ทุกคนที่ยังไม่ได้ออกเดินบนเส้นทางไปสู่ความเพียบพร้อม ซึ่งหมายถึงพวกที่ไม่ได้ครอบครองความจริง จะยังคงถูกขับออกไปในท้ายที่สุด  มีเพียงบรรดาผู้ที่ครอบครองความจริงและดำเนินชีวิตตามความจริงเท่านั้นที่จะสามารถได้รับการรับไว้อย่างครบบริบูรณ์โดยพระเจ้า  นั่นคือ บรรดาผู้ที่ดำเนินชีวิตตามฉายาของเปโตรคือผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้ว ขณะที่คนอื่นๆ ทั้งหมดเป็นผู้ที่ได้รับการพิชิตแล้ว  พระราชกิจที่กำลังทรงทำกับบรรดาผู้ที่กำลังได้รับการพิชิตทั้งหมดประกอบด้วยการวางคำสาปแช่ง การตีสอน และการแสดงพระพิโรธ และสิ่งที่มาสู่พวกเขาคือความชอบธรรมและคำสาปแช่ง  การทำพระราชกิจกับบุคคลเช่นนี้คือการเปิดเผยโดยปราศจากพิธีรีตองหรือความสุภาพ—เพื่อเปิดโปงอุปนิสัยอันเสื่อมทรามภายในตัวพวกเขา เพื่อให้พวกเขาระลึกรู้ถึงอุปนิสัยอันเสื่อมทรามด้วยตนเอง และเชื่อมั่นอย่างเต็มที่  ทันทีที่มนุษย์กลายเป็นเชื่อฟังอย่างครบบริบูรณ์แล้ว พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยก็สิ้นสุดลง  แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ยังคงไม่พยายามที่จะเข้าใจความจริง แต่พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยก็จะได้สิ้นสุดลงแล้ว

หากเจ้าจะต้องได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมก็มีเกณฑ์กำหนดที่จะต้องทำให้ครบ  โดยผ่านทางความมุ่งมั่นของเจ้า ความมานะบากบั่นของเจ้า และมโนธรรมของเจ้า และโดยผ่านทางการไล่ตามเสาะหาของเจ้า เจ้าจะสามารถมีประสบการณ์กับชีวิตและสนองน้ำพระทัยของพระเจ้าได้  นี่คือการเข้าสู่ของเจ้า และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พึงต้องมีบนเส้นทางไปสู่ความเพียบพร้อม  พระราชกิจแห่งการทำให้มีความเพียบพร้อมสามารถทำได้กับผู้คนทั้งปวง  ผู้ใดก็ตามที่ไล่ตามเสาะหาพระเจ้าสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม และมีโอกาสและคุณสมบัติที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  ไม่มีกฎตายตัวตรงนี้  การที่คนเราจะสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้หรือไม่นั้นโดยหลักแล้วขึ้นอยู่กับสิ่งที่คนเราไล่ตามเสาะหา  ผู้คนที่รักความจริงและสามารถดำเนินชีวิตตามความจริงได้จะสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้อย่างแน่นอน  ผู้คนที่ไม่รักความจริงย่อมไม่ได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า พวกเขาไม่ได้ครอบครองชีวิตที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ และพวกเขาไร้ความสามารถที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้  พระราชกิจแห่งการทำให้มีความเพียบพร้อมมีเพื่อให้ได้รับผู้คนไว้เท่านั้น และไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพระราชกิจแห่งการสู้รบกับซาตาน พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยมีเพื่อการสู้รบกับซาตาน ซึ่งหมายถึงการใช้การพิชิตมนุษย์เพื่อเอาชนะซาตาน  พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยเป็นพระราชกิจหลัก พระราชกิจที่ใหม่ที่สุด พระราชกิจที่ไม่เคยทรงทำมาก่อนในยุคต่างๆ ทั้งหมด  คนเราสามารถพูดได้ว่าเป้าหมายของพระราชกิจช่วงระยะนี้โดยหลักแล้วคือการพิชิตผู้คนทั้งหมดเพื่อที่จะเอาชนะซาตาน  พระราชกิจแห่งการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม—นี่ไม่ใช่พระราชกิจใหม่  แก่นแท้ของเป้าหมายของพระราชกิจทั้งหมดในระหว่างการทำพระราชกิจของพระเจ้าในเนื้อหนังคือการพิชิตผู้คน  นี่เป็นเหมือนในยุคพระคุณที่พระราชกิจหลักคือการไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงโดยผ่านทางการตรึงกางเขน  “การได้รับผู้คน” คือส่วนเพิ่มเติมจากพระราชกิจในเนื้อหนัง และได้ถูกทำหลังจากการตรึงกางเขนเท่านั้น  เมื่อพระเยซูเสด็จมาและได้ทรงทำพระราชกิจของพระองค์ เป้าหมายของพระองค์โดยหลักแล้วคือการใช้การตรึงกางเขนของพระองค์เพื่อให้มีชัยเหนือพันธนาการแห่งความตายและแดนคนตาย เพื่อมีชัยเหนืออิทธิพลของซาตาน—นั่นคือเพื่อเอาชนะซาตาน  เพียงหลังจากที่พระเยซูได้ทรงถูกตรึงกางเขนแล้วเท่านั้น เปโตรจึงได้เริ่มเดินไปบนเส้นทางแห่งความเพียบพร้อมทีละก้าว  แน่นอนว่าเปโตรได้อยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ที่ติดตามพระเยซูในขณะที่พระเยซูกำลังทรงพระราชกิจ แต่เขาไม่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมในระหว่างเวลานั้น  ตรงกันข้าม เป็นหลังจากที่พระเยซูได้ทรงเสร็จสิ้นพระราชกิจของพระองค์แล้วนั่นเองที่เปโตรได้ค่อยๆ เข้าใจความจริงแล้วจึงกลายเป็นได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกเพียงเพื่อทำให้ช่วงระยะที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของพระราชกิจครบบริบูรณ์ในช่วงเวลาอันสั้น ไม่ใช่เพื่อมีชีวิตยืนยาวท่ามกลางผู้คนบนแผ่นดินโลกด้วยเจตนารมณ์แห่งการทำให้พวกเขามีความเพียบพร้อม  พระองค์ไม่ทรงทำพระราชกิจนั้น  พระองค์ไม่ทรงรอจนกระทั่งถึงเวลาที่มนุษย์ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมครบบริบูรณ์แล้วจึงจะทรงสรุปปิดตัวพระราชกิจของพระองค์  นั่นไม่ใช่เป้าหมายและนัยสำคัญของการจุติเป็นมนุษย์ของพระองค์  พระองค์เสด็จมาเพียงเพื่อทำพระราชกิจระยะสั้นแห่งการช่วยมนุษยชาติให้รอด ไม่ใช่เพื่อทำพระราชกิจระยะยาวแห่งการทำให้มนุษยชาติมีความเพียบพร้อม  พระราชกิจแห่งการช่วยมนุษยชาติให้รอดทำหน้าที่เป็นแบบอย่างซึ่งสามารถเปิดตัวยุคใหม่ได้  พระราชกิจนี้สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้ในช่วงเวลาอันสั้น  แต่การทำให้มนุษยชาติมีความเพียบพร้อมพึงต้องนำพามนุษย์ขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง พระราชกิจเช่นนี้ใช้เวลานาน  เป็นพระราชกิจที่ต้องทำโดยพระวิญญาณของพระเจ้า แต่ก็ทำบนรากฐานแห่งความจริงที่ได้ตรัสในระหว่างพระราชกิจในเนื้อหนัง  และยังทำโดยผ่านทางการที่พระองค์ทรงยกบรรดาอัครทูตขึ้นเพื่อให้ทำงานเลี้ยงดูระยะยาวเพื่อสัมฤทธิ์เป้าหมายของพระองค์ในการทำให้มนุษยชาติมีความเพียบพร้อมอีกด้วย  พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ไม่ทรงทำพระราชกิจนี้  พระองค์เพียงแค่ตรัสเกี่ยวกับวิถีชีวิตเพื่อที่ผู้คนจะได้เข้าใจ และพระองค์เพียงแค่ประทานความจริงแก่มนุษยชาติ แทนที่จะติดตามร่วมทางกับมนุษย์อย่างต่อเนื่องในการฝึกฝนปฏิบัติความจริง เพราะนั่นไม่อยู่ในพันธกิจของพระองค์  เพราะฉะนั้นพระองค์จะไม่ทรงติดตามร่วมทางกับมนุษย์จนกระทั่งถึงวันที่มนุษย์เข้าใจความจริงอย่างครบบริบูรณ์และได้มาซึ่งความจริงอย่างครบบริบูรณ์  พระราชกิจของพระองค์ในเนื้อหนังสรุปปิดตัวเมื่อมนุษย์เข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้องของการเชื่อในพระเจ้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อมนุษย์ก้าวเข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้องของการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  แน่นอนว่านี่คือเวลาที่พระองค์จะได้ทรงเอาชนะซาตานและทรงมีชัยเหนือโลกอย่างเบ็ดเสร็จอีกด้วย  พระองค์ไม่ใส่พระทัยว่าในที่สุดแล้วมนุษย์ได้เข้าสู่ความจริงหรือยังในเวลานั้น และพระองค์ไม่ใส่พระทัยเกี่ยวกับว่าชีวิตของมนุษย์จะยิ่งใหญ่หรือเล็กจิ๋ว  ทั้งหมดนั้นไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ในเนื้อหนังควรจะทรงบริหารจัดการ ไม่มีสักอย่างเดียวที่อยู่ภายในพันธกิจของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์  ทันทีที่พระองค์ทรงเสร็จสิ้นพระราชกิจตามเจตนารมณ์ของพระองค์ พระองค์ก็จะทรงสรุปปิดตัวพระราชกิจของพระองค์ในเนื้อหนัง  ดังนั้นพระราชกิจที่พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ทรงทำจึงมีแต่พระราชกิจที่พระวิญญาณของพระเจ้าไม่ทรงสามารถทำได้โดยตรงเท่านั้น  ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นพระราชกิจระยะสั้นแห่งความรอด ไม่ใช่พระราชกิจที่พระองค์จะทรงดำเนินการบนแผ่นดินโลกในระยะยาว

การเพิ่มขีดความสามารถของพวกเจ้าไม่อยู่ภายในอาณาจักรแห่งงานของเรา  เราขอให้พวกเจ้าทำการนี้ก็เพียงเพราะว่าขีดความสามารถของพวกเจ้าต่ำเกินไป  แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพระราชกิจแห่งการทำให้มีความเพียบพร้อม แต่เป็นพระราชกิจเสริมเข้ามาเพื่อทำกับพวกเจ้ามากกว่า  พระราชกิจที่กำลังทรงทำให้เสร็จสมบูรณ์กับพวกเจ้าในวันนี้สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเจ้าจำเป็นต้องมี  การนี้เป็นแบบเฉพาะบุคคล และไม่ใช่เส้นทางที่ทุกคนที่กำลังได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมควรเข้าสู่  เนื่องจากขีดความสามารถของพวกเจ้าต่ำกว่าผู้ใดก็ตามที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมไปแล้วในอดีต เมื่อได้ทรงทำพระราชกิจนี้กับพวกเจ้า จึงมีสิ่งกีดขวางมากมายเกินไป  เราอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ทำงานที่เพิ่มเข้ามานี้เพราะเป้าหมายของการทำให้มีความเพียบพร้อมนั้นแตกต่างกัน  โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อพระเจ้าเสด็จมายังแผ่นดินโลก พระองค์ยังคงดำรงอยู่ภายในสภาวะผ่อนคลายที่ถูกต้องเหมาะสมของพระองค์ และทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์โดยไม่ทรงเอาธุระกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอื่นๆ  พระองค์ไม่ทรงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องครอบครัว หรือมีส่วนร่วมในชีวิตของผู้คน  พระองค์ไม่ทรงเป็นกังวลกับเรื่องสัพเพเหระเช่นนั้นโดยสิ้นเชิง เรื่องเช่นนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพันธกิจของพระองค์  แต่ขีดความสามารถของพวกเจ้าต่ำกว่าสิ่งที่เราเรียกร้องมากเหลือเกิน—ไม่มีที่เปรียบเลยจริงๆ—จนสร้างอุปสรรคที่หนักหนาให้กับพระราชกิจ  ยิ่งไปกว่านั้นพระราชกิจนี้ต้องทำท่ามกลางผู้คนในผืนแผ่นดินจีนนี้  พวกเจ้ามีการศึกษาไม่ถึงขั้นเสียจนเราไม่มีทางเลือกนอกจากส่งเสียงพูดและเรียกร้องให้พวกเจ้าศึกษาหาความรู้ให้ตัวเอง  เราได้บอกพวกเจ้าแล้วว่านี่เป็นงานที่เสริมเพิ่มเข้ามา แต่ก็เป็นบางสิ่งที่พวกเจ้าต้องได้มาด้วยเช่นกัน บางสิ่งที่จะช่วยให้พวกเจ้ากลายเป็นได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  แท้จริงแล้ว การศึกษา ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการประพฤติตน และความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับชีวิต ทั้งหมดคือสิ่งที่พวกเจ้าควรจะครอบครองโดยธรรมชาติ เราไม่ควรจะต้องบรรยายให้พวกเจ้าฟังเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้  แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะทำงานปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ในตัวพวกเจ้าหลังจากที่พวกเจ้าได้มาเกิดในโลกแล้ว  ต่อให้พวกเจ้าเก็บงำมโนคติที่หลงผิดมากมายเกี่ยวกับเรา เราก็ยังคงเรียกร้องการนี้จากพวกเจ้า—เรายังคงเรียกร้องให้พวกเจ้าเพิ่มขีดความสามารถของพวกเจ้า  เจตนาของเราไม่ใช่การมาทำงานนี้ เพราะงานของเราเป็นเพียงเพื่อพิชิตพวกเจ้า เพียงเพื่อได้มาซึ่งความเชื่อมั่นที่ครบบริบูรณ์ของพวกเจ้าโดยการพิพากษาพวกเจ้า ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยชี้ให้เห็นวิถีชีวิตที่พวกเจ้าควรจะเข้าสู่  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีการศึกษามากเพียงใดและไม่ว่าพวกเจ้าจะมีความรู้เกี่ยวกับชีวิตหรือไม่ ก็คงจะไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเรา หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเราจำเป็นต้องพิชิตพวกเจ้าด้วยวจนะของเรา  ทั้งหมดนี้กำลังถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อให้แน่ใจว่าจะสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ในพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยและเพื่อประโยชน์แห่งการทำให้พวกเจ้ามีความเพียบพร้อมซึ่งจะเกิดขึ้นตามมา  การนี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพระราชกิจแห่งการพิชิตชัย  เนื่องจากพวกเจ้ามีขีดความสามารถต่ำ และพวกเจ้าเกียจคร้านและมักง่าย โง่เขลาและสมองช้า ทื่อเหมือนท่อนไม้และไม่มีหัวคิด—เพราะพวกเจ้าผิดปกติมากเกินไป—เราจึงประสงค์ให้พวกเจ้าเพิ่มขีดความสามารถของพวกเจ้าเสียก่อน  ผู้ใดที่ต้องการที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมต้องถึงเกณฑ์กำหนดบางประการ  การที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมนั้น คนเราต้องมีความรู้สึกนึกคิดที่ชัดเจนและมีสติสัมปชัญญะ และเต็มใจที่จะใช้ชีวิตที่เปี่ยมความหมาย  หากเจ้าคือใครบางคนที่ไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตที่กลวงเปล่า ใครบางคนที่ไล่ตามเสาะหาความจริง ใครบางคนที่เอาจริงเอาจังกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำ และใครบางคนที่มีสภาวะความเป็นมนุษย์ที่ปกติเป็นพิเศษ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ตรงตามสภาพเงื่อนไขที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้ว

พระราชกิจที่กำลังทำท่ามกลางพวกเจ้านี้กำลังดำเนินการกับพวกเจ้าโดยสอดคล้องกับว่าจำเป็นจะต้องทำพระราชกิจอะไร  หลังการพิชิตผู้คนเหล่านี้ ผู้คนกลุ่มหนึ่งจะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  เพราะฉะนั้น พระราชกิจส่วนมากในปัจจุบันจึงอยู่ในระหว่างตระเตรียมเพื่อรองรับเป้าหมายแห่งการทำให้พวกเจ้ามีความเพียบพร้อมด้วยเช่นกัน เพราะมีผู้คนมากมายที่กำลังหิวกระหายความจริงที่ว่าใครสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้  หากพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยจะถูกดำเนินการกับพวกเจ้า และหลังจากนั้นก็ไม่มีพระราชกิจให้ทำอีกต่อไป เช่นนั้นแล้วจะไม่เป็นกรณีที่ว่าบางคนที่โหยหาความจริงก็จะไม่ได้รับความจริงหรอกหรือ?  พระราชกิจปัจจุบันมุ่งหมายที่จะเปิดเส้นทางสำหรับการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมในภายหลัง  แม้ว่างานของเราจะเป็นเพียงงานแห่งการพิชิตชัย แต่อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตที่เราพูดถึงก็คือการตระเตรียมเพื่อการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมในภายหลัง  งานที่มาหลังการพิชิตชัยมีศูนย์กลางอยู่ที่การทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อม และการพิชิตนั้นทำเพื่อที่จะวางรากฐานสำหรับงานแห่งการทำให้มีความเพียบพร้อม  มนุษย์สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้ก็เฉพาะหลังจากถูกพิชิตแล้วเท่านั้น  บัดนี้ภารกิจหลักคือการพิชิต ต่อไป บรรดาผู้ที่แสวงหาและถวิลหาความจริงก็จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  การได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมนั้นเกี่ยวข้องกับแง่มุมการเข้าสู่ที่กระตือรือร้นของผู้คน กล่าวคือ เจ้ามีหัวใจที่รักพระเจ้าหรือไม่?  ประสบการณ์ของเจ้าในขณะที่เจ้าเดินมาตามเส้นทางนี้มีความลึกล้ำเพียงใด?  ความรักพระเจ้าของเจ้าบริสุทธิ์เพียงใด?  การปฏิบัติความจริงของเจ้าถูกต้องแม่นยำเพียงใด?  การที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมนั้น คนเราต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสภาวะความเป็นมนุษย์ในทุกๆ แง่มุม  นี่คือข้อพึงประสงค์ขั้นต่ำสุด  พวกที่ไม่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้หลังจากได้รับการพิชิตแล้วย่อมกลายเป็นวัตถุที่ใช้ปรนนิบัติทั้งหมด และในท้ายที่สุดจะยังคงถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน และจะยังคงตกลงสู่บาดาลลึก เพราะอุปนิสัยของเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลง และเจ้ายังคงเป็นของซาตาน  หากมนุษย์ขาดสภาพเงื่อนไขสำหรับการทำให้มีความเพียบพร้อม เช่นนั้นแล้วเขาก็ไร้ประโยชน์—เขาเป็นของเสีย เป็นเครื่องมือ เป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถทนทานต่อการทดสอบแห่งไฟได้!  บัดนี้ความรักพระเจ้าของเจ้ายิ่งใหญ่เพียงใด?  ความเกลียดตัวเองของเจ้ายิ่งใหญ่เพียงใด?  จริงๆ แล้วเจ้ารู้จักซาตานลึกล้ำเพียงใด?  พวกเจ้าได้ทำให้ความตั้งใจแน่วแน่ของพวกเจ้าแข็งแกร่งแล้วหรือยัง?  ชีวิตของพวกเจ้าภายในสภาวะความเป็นมนุษย์ของพวกเจ้ามีระเบียบดีหรือไม่?  ชีวิตของเจ้าได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือยัง?  เจ้ากำลังมีชีวิตใหม่หรือไม่?  ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตของพวกเจ้าได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือยัง?  หากสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้เปลี่ยนไป ต่อให้เจ้าไม่ล่าถอย เจ้าก็ไม่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้ แต่เจ้ากลับเพียงแค่ได้รับการพิชิตเสียมากกว่า  เมื่อถึงเวลาที่จะทดสอบเจ้า เจ้าก็จะขาดพร่องความจริง สภาวะความเป็นมนุษย์ของเจ้าจะผิดปกติ และเจ้าจะต่ำต้อยดุจดั่งสัตว์พาหนะ  การบรรลุเพียงอย่างเดียวของเจ้าคงจะเป็นการได้รับการพิชิต—เจ้าคงจะเป็นเพียงแค่วัตถุชิ้นหนึ่งที่เราได้พิชิต  เฉกเช่นเดียวกับลาซึ่งทันทีที่มันมีประสบการณ์กับแส้ของเจ้านายก็กลายเป็นหวั่นเกรงและหวาดกลัวที่จะแสดงความดื้อรั้นทุกครั้งที่มันเห็นเจ้านาย เจ้าก็คงจะเป็นเพียงแค่ลาที่ได้ถูกพิชิตแล้ว  หากบุคคลผู้หนึ่งขาดพร่องแง่มุมที่เป็นบวกเหล่านั้น และกลับเฉื่อยชาและยำเกรง ขี้อายและลังเลในทุกสิ่งทุกอย่างแทน ไร้ความสามารถที่จะแยกแยะสิ่งใดได้อย่างชัดเจน ไร้ความสามารถที่จะยอมรับความจริง ยังคงไร้เส้นทางสำหรับการฝึกฝนปฏิบัติ และนอกเหนือจากนั้น ถึงกับไร้หัวใจที่รักพระเจ้า—หากบุคคลผู้หนึ่งไม่มีความเข้าใจในวิธีรักพระเจ้า วิธีใช้ชีวิตที่เปี่ยมความหมาย หรือวิธีเป็นบุคคลที่เป็นจริง—บุคคลเช่นนี้จะสามารถเป็นพยานให้พระเจ้าได้อย่างไร?  นี่ย่อมจะแสดงว่าชีวิตของเจ้ามีคุณค่าเล็กน้อย และเจ้าเป็นเพียงแค่ลาที่ถูกพิชิต  เจ้าจะได้รับการพิชิต แต่นั่นก็คงจะแค่หมายความว่าเจ้าได้ตัดขาดจากพญานาคใหญ่สีแดง และปฏิเสธที่จะนบนอบต่อแดนครอบครองของมันเท่านั้น คงจะหมายความว่าเจ้าเชื่อว่ามีพระเจ้า ต้องการเชื่อฟังแผนการทั้งหมดของพระเจ้า และไม่มีคำพร่ำบ่นใดๆ  แต่ในส่วนของแง่มุมที่เป็นบวก เจ้าสามารถใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้าและสำแดงพระเจ้าได้หรือไม่?  หากเจ้าไม่มีแง่มุมเหล่านี้เลย ก็หมายความว่าเจ้ายังไม่ได้ถูกพระเจ้าทรงรับไว้ และเจ้าเป็นเพียงลาที่ถูกพิชิตเท่านั้น  ไม่มีสิ่งใดในตัวเจ้าที่น่าปรารถนา และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ไม่ทรงพระราชกิจในตัวเจ้า  สภาวะความเป็นมนุษย์ของเจ้าขาดพร่องเกินไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงใช้เจ้า  เจ้าจำต้องได้รับการเห็นชอบจากพระเจ้า และจำต้องดีกว่าพวกสัตว์ที่ไม่เชื่อและผีดิบเดินได้เป็นร้อยเท่า—มีเพียงบรรดาผู้ที่มาถึงระดับนี้เท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม  เฉพาะเมื่อคนเรามีสภาวะความเป็นมนุษย์และมีมโนธรรมเท่านั้น คนเราจึงจะเหมาะแก่การทรงใช้ของพระเจ้า  มีเพียงเมื่อพวกเจ้าได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วเท่านั้น พวกเจ้าจึงจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นมนุษย์  มีเพียงบรรดาผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วเท่านั้นที่เป็นผู้คนที่ใช้ชีวิตอันเปี่ยมความหมาย  ผู้คนเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถเป็นพยานให้กับพระเจ้าได้อย่างกังวานก้องยิ่งๆ ขึ้นไป

ก่อนหน้า: ว่าด้วยเรื่องชื่อและอัตลักษณ์

ถัดไป: เจ้าควรละวางพรเกี่ยวกับสถานะลงและทำความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าในการนำพาความรอดมาสู่มนุษย์

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger