บทที่ 117
พระองค์คือองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงเปิดหนังสือม้วน และพระองค์คือองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงแกะตราทั้งเจ็ดดวงออก เพราะความล้ำลึกทั้งหมดมาจากพระองค์และพระพรทั้งหมดถูกเปิดเผยโดยพระองค์ เราผูกมัดอยู่กับการรักพระองค์ชั่วกัลปาวสาน และเราผูกมัดกับการทำให้ผู้คนทั้งหมดนมัสการพระองค์ เพราะพระองค์คือสภาวะบุคคลของเรา พระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งของการสำแดงอันอุดมสมบูรณ์และครบบริบูรณ์ของเรา ส่วนที่จะขาดเสียมิได้ของร่างกายของเรา ดังนั้น เราต้องให้คำพยานพิเศษ ใครอื่นอีกหรือนอกเหนือจากองค์หนึ่งเดียวภายในสภาวะบุคคลของเราที่ได้ดังใจเรา? ไม่ใช่พระองค์พระองค์เองที่ทรงเป็นพยานต่อพระองค์ แต่เป็นวิญญาณของเราที่เป็นพยานต่อพระองค์ และแน่นอนว่าเราจะไม่ยกโทษให้ใครก็ตามที่กล้าเยาะเย้ยท้าทายพระองค์ เพราะการนี้เกี่ยวข้องกับประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา ทั้งหมดที่พระองค์ตรัส เราจะสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน และทั้งหมดที่พระองค์ทรงคิด เราจะยอมรับอย่างแน่นอน หากใครสักคนไม่จงรักภักดีต่อพระองค์ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็กำลังต้านทานเราอย่างเปิดเผย และเราจะไม่ยกโทษให้พวกเขาอย่างแน่นอน เราจะตีสอนทุกคนที่ต้านทานพระบุตรของเราอย่างรุนแรง และเราจะอวยพรบรรดาผู้ที่เข้ากันได้กับพระองค์ นี่คือสิทธิอำนาจที่เรามอบให้กับพระองค์ ในสิ่งที่ถูกพูดถึงในอดีตนั้น—ข้อพึงประสงค์และมาตรฐานที่กำหนดให้บรรดาบุตรหัวปี—พระองค์ทรงเป็นต้นแบบ กล่าวคือ ดังที่พระองค์ทรงเป็น เราจะพึงประสงค์ให้บรรดาบุตรหัวปีเป็นเช่นนั้น นี่ไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่พวกมนุษย์สามารถทำได้ แต่ในทางกลับกันนั่นคือสิ่งที่วิญญาณของเราเองทำ หากใครก็ตามเชื่อว่ามนุษย์นั่นเองที่กำลังเป็นพยานต่อพระองค์ เช่นนั้นแล้วสิ่งที่ทรงสร้างนั้นก็เป็นพวกของซาตานและศัตรูของเราโดยปราศจากข้อกังขา! ดังนั้น คำพยานจึงเป็นข้อสรุป มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ชั่วนิรันดร์ และเป็นสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงยืนยัน! ไม่มีผู้ใดที่อาจปรับเปลี่ยนการนั้นแม้แต่น้อย และใครก็ตามที่ปรับเปลี่ยน เราจะไม่ยกโทษให้! ในเมื่อพวกมนุษย์ไม่สามารถเป็นพยานต่อเราได้ เราด้วยตัวเราเองจึงเป็นพยานต่อสภาวะบุคคลของเรา และผู้คนต้องไม่แทรกแซงงานของเรา! เหล่านี้คือวจนะแห่งการพิพากษาอันรุนแรง และทุกบุคคลต้องใส่ใจในวจนะเหล่านี้!
พวกเจ้าควรพิจารณาและใส่ใจกับทุกรายละเอียดในสิ่งที่เราพูด จงอย่าปฏิบัติต่อวจนะของเราอย่างเรื่อยเปื่อย แต่จงฟังอย่างตั้งใจ เหตุใดเราจึงพูดว่าบรรดาบุตรหัวปีคือสภาวะบุคคลของเราและเป็นส่วนหนึ่งที่จะขาดเสียมิได้ของราชอาณาจักรของเรา? ก่อนปฐมกาล เราได้ใช้ชีวิตด้วยกันและไม่เคยแยกจากกัน เพราะการก่อกวนของซาตาน หลังจากที่เราได้ปรากฏในรูปมนุษย์ครั้งแรกเราได้หวนคืนสู่ศิโยน โดยดำเนินการไปตามการนี้ พวกเราทั้งหมดได้มาสู่โลก และหลังจากที่เราคว้าชัยชนะในยุคสุดท้าย—นั่นคือ หลังจากที่เราได้พวกเจ้ากลับคืนมาจากเนื้อหนังที่ซาตานได้ทำให้เสื่อมทราม—เราจะนำพวกเจ้ากลับสู่ศิโยนเพื่อที่สภาวะบุคคลของเราอาจอยู่ร่วมกันอีกครั้ง ไม่แยกจากกันอีกเลย หลังจากนั้นเราจะไม่ปรากฎในรูปมนุษย์อีก และพวกเจ้าจะไม่ออกมาจากร่างกายของเราอย่างแน่นอน กล่าวคือ ภายหลังจากนั้นเราจะไม่สร้างโลกอีก แต่จะยังคงไม่สามารถแยกจากกันได้ตลอดกาลจากบรรดาบุตรหัวปีของเราในศิโยน ด้วยเหตุที่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เสร็จสิ้นแล้วอย่างถ้วนทั่ว และเรากำลังจะสรุปปิดตัวยุคเก่าทั้งยุค เป็นเพียงในศิโยนเท่านั้นที่มีชีวิตของสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่ ด้วยเหตุที่สภาวะบุคคลของเราดำรงอยู่ในศิโยน จะไม่มีฟ้าสวรรค์ใหม่หรือแผ่นดินโลกใหม่อีกที่ดำรงอยู่นอกเหนือจากการนี้ เราคือสวรรค์ใหม่ และเราก็เป็นแผ่นดินโลกใหม่เช่นกัน เพราะสภาวะบุคคลของเราเติมเต็มศิโยนทั้งหมด ยังอาจกล่าวได้อีกด้วยว่าบรรดาบุตรหัวปีของเราคือสวรรค์ใหม่ บรรดาบุตรหัวปีของเราคือแผ่นดินโลกใหม่ บรรดาบุตรหัวปีของเรากับเรามีร่างกายหนึ่งเดียว ไม่สามารถแยกจากกันได้ การพูดถึงเราจำเป็นที่จะต้องรวมถึงบรรดาบุตรหัวปี และแน่นอนว่าเราจะไม่ยกโทษให้ใครก็ตามที่พยายามแยกพวกเรา เมื่อเราทำให้ชนชาติและกลุ่มชนทั้งปวงหวนคืนต่อหน้าบัลลังก์ของเรา ซาตานทั้งหมดจะถูกทำให้เสื่อมเสียอย่างถ้วนทั่วและปีศาจชั่วทั้งหมดจะหลีกหนีจากเรา เช่นนั้นแล้วจึงเป็นที่แน่นอนว่าความชอบธรรมจะดำรงอยู่ท่ามกลางกลุ่มชนทั้งปวง (หมายความว่าท่ามกลางบรรดาบุตรและผู้คนของเรา) และจึงเป็นที่แน่นอนว่าจะไม่มีการก่อกวนของซาตานท่ามกลางชนชาติทั้งมวล ด้วยเหตุที่เราจะปกครองชนชาติและกลุ่มชนทั้งปวง เราจะกวัดแกว่งฤทธานุภาพเหนือสากลพิภพทั่วทั้งหมด และซาตานทั้งหมดจะถูกล้างผลาญอย่างถ้วนทั่ว ถูกทำให้พ่ายแพ้โดยครบถ้วนบริบูรณ์ และได้รับการลงโทษของกฎการบริหารปกครองของเรา
เรากำลังดำเนินการไปกับงานของเราท่ามกลางกลุ่มชนทั้งปวง แต่พวกเขามีเพียงความรู้แจ้งของวิญญาณของเรา และไม่มีผู้ใดเลยท่ามกลางพวกเขาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเปิดเผยความล้ำลึกทั้งหลายของเรา ไม่มีผู้ใดเลยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะแสดงออกถึงเรา มีเพียงองค์หนึ่งเดียวเท่านั้นผู้ทรงมาจากเราที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานของเรา—สำหรับเรื่องส่วนที่เหลือ เราเพียงใช้พวกเขาเป็นการชั่วคราวเท่านั้น วิญญาณของเราจะไม่เคลื่อนลงบนบุคคลหนึ่งตามอำเภอใจ ด้วยเหตุที่ทุกสิ่งทุกอย่างในเรานั้นล้ำค่า สำหรับวิญญาณของเราที่จะเคลื่อนลงบนใครสักคนและสำหรับวิญญาณของเราที่จะทำงานกับใครสักคนนั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วิญญาณของเราทำงานกับผู้คนที่อยู่ภายนอกเรา แต่วิญญาณของเราเคลื่อนลงบนองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงมาจากเรา เหล่านี้คือสองเรื่องที่ไม่เชื่อมโยงกันเลยอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุที่องค์หนึ่งเดียวผู้ทรงมาจากเรานั้นทรงบริสุทธิ์ แต่พวกที่อยู่ภายนอกเรานั้นไม่บริสุทธิ์ ไม่สำคัญว่าพวกเขาอาจจะดีงามเพียงใด วิญญาณของเราจะไม่เคลื่อนลงบนใครก็ตามด้วยเหตุผลเล็กน้อยใดๆ ผู้คนไม่ควรวิตกกังวล เราไม่ทำความผิดใดๆ และเรามั่นใจเต็มร้อยเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำ! เนื่องจากเราได้ให้คำพยานต่อพระองค์ แน่นอนว่าเรายังจะปกป้องพระองค์ด้วยเช่นกัน องค์หนึ่งเดียวพระองค์นั้นทรงมาจากเราอย่างแน่นอนและจะขาดเสียมิได้สำหรับสภาวะบุคคลของเรา ดังนั้น เราหวังให้ผู้คนพักวางมโนคติที่หลงผิดของพวกเขา ปล่อยวางแนวคิดใดๆ ที่ซาตานให้ไว้ เชื่อทุกถ้อยคำของเราว่าเป็นจริง และไม่ยอมตามข้อกังขาทั้งหลายในจิตใจของพวกเขา นี่คือคำบัญชาที่เรามีต่อมนุษยชาติ เป็นคำเตือนสติที่เรามีต่อมนุษยชาติ ทุกคนต้องยึดตามสิ่งเหล่านี้ ทุกคนต้องเชื่อฟังสิ่งเหล่านี้อย่างจริงใจ และทุกคนต้องรับเอาสิ่งที่เราพูดว่าเป็นมาตรฐาน
เราไม่เพียงกำลังจะเริ่มงานของเราท่ามกลางชนชาติและกลุ่มชนทั้งปวงเท่านั้น แต่ยังกำลังจะเริ่มงานของเราทุกหนแห่งในสากลพิภพด้วยเช่นกัน และการนี้แสดงให้เห็นยิ่งไปกว่านั้นอีกว่าวันสำหรับการหวนคืนของเราสู่ศิโยนอยู่ไม่ไกลนัก (เพราะจำเป็นที่เราจะต้องหวนคืนสู่ศิโยนก่อนที่เราจะสามารถเริ่มงานของเราท่ามกลางกลุ่มชนทั้งปวงและทั่วสากลพิภพ) มีใครสักคนไหมที่สามารถหยั่งลึกขั้นตอนทั้งหลายของงานของเราและวิธีที่เราทำงานได้? เหตุผลที่เราพูดว่าเราจะพบกับชนต่างชาติในวิญญาณเป็นเพราะโดยพื้นฐานแล้วการนี้ไม่สามารถกระทำได้ในเนื้อหนัง และเพราะเราไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงอันตรายเป็นครั้งที่สอง เหล่านี้คือเหตุผลสำหรับการสนทนากับชนต่างชาติในวิญญาณ นี่จะอยู่ในโลกฝ่ายจิตวิญญาณที่แท้จริง ไม่ใช่โลกฝ่ายจิตวิญญาณที่ค่อนข้างคลุมเครือตามที่จินตนาการโดยพวกที่[ก]ใช้ชีวิตในเนื้อหนัง สิ่งที่เราพูดในเวลานั้นจะแตกต่างกันแค่ในวิธีที่เราพูด เนื่องจากเราจะพูดภายในยุคที่แตกต่างกัน ดังนั้น เรากำลังเตือนความจำมนุษยชาติครั้งแล้วครั้งเล่าให้สังเกตวิธีที่เราพูด และเราเตือนความจำมนุษยชาติอีกเช่นกันว่ามีความล้ำลึกทั้งหลายในสิ่งที่เราพูดที่ผู้คนไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่าเหตุใดเราจึงพูดสิ่งเหล่านี้ และนั่นเป็นเพียงเพราะเราบอกการนี้แก่พวกเจ้าในวันนี้ พวกเจ้าจึงสามารถเข้าใจเล็กน้อย แต่ยังคงไม่ครบบริบูรณ์ ภายหลังช่วงระยะนี้ในงานของเรา เราจะแจ้งพวกเจ้าทีละขั้นตอน (เรายังคงต้องการที่จะขับผู้คนบางคนออกไปโดยผ่านทางการนี้ ดังนั้นเราจะไม่พูดสิ่งใดสำหรับตอนนี้) นี่คือวิธีการของขั้นตอนถัดไปในงานของเรา ทุกคนควรสังเกตและมองเห็นอย่างชัดเจนว่าเราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงปัญญา
เชิงอรรถ:
ก. ข้อความต้นฉบับไม่มีวลี “ตามที่จินตนาการโดยพวกที่”