บทที่ 110

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการเผย เมื่อนั้นจะเป็นเวลาที่เราจะหยุดพัก และยิ่งไปกว่านั้น เป็นเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นระเบียบ  เราทำงานของเราด้วยตัวเอง เราเรียบเรียงจัดวางและจัดการเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างเอง  เมื่อเราออกมาจากศิโยนและเมื่อเรากลับไป และเมื่อบุตรหัวปีทั้งหลายของเราได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์โดยเราแล้ว เราย่อมจะได้แล้วเสร็จงานอันยิ่งใหญ่ของเราไปแล้ว  ในมโนคติที่หลงผิดของผู้คน บางสิ่งบางอย่างที่ทำไปต้องมองเห็นได้และสัมผัสได้ แต่ตามที่เราเห็นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างครบบริบูรณ์ในชั่วขณะที่เราวางแผนมัน  ศิโยนคือบ้านของเรา และยังเป็นบั้นปลายของเราด้วย ที่นั่นคือที่ที่เราเผยความทรงมหิทธิฤทธิ์ของเรา และที่นั่นคือที่ที่บุตรหัวปีของเราและเราจะมีความสุขร่วมกันในฐานะครอบครัว  ที่นั่นคือที่ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขาตราบนิจนิรันดร์  ศิโยน สถานที่ที่สวยงามนั้น ที่ซึ่งผู้คนถวิลหา  ผู้คนนับไม่ถ้วนได้ทะเยอทะยานที่จะไปให้ถึงศิโยนมาตลอดหลายยุค แต่ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่มีผู้ใดเคยได้เข้าสู่ศิโยนเลย  (แม้กระทั่งวิสุทธิชนและผู้เผยพระวจนะจากยุคอดีตก็ไม่มีคนใดได้เข้าสู่ศิโยน นี่เป็นเพราะว่าเรากำลังเลือกบุตรหัวปีของเราในยุคสุดท้าย และพวกเขาทั้งหมดกำลังเกิดในช่วงระหว่างเวลานี้ ความปรานีและพระคุณของเราที่เราได้พูดถึงจะกลายเป็นประจักษ์ชัดยิ่งขึ้นโดยผ่านทางการนี้)  ทุกบุคคลที่ตอนนี้เป็นบุตรหัวปีจะเข้าสู่ศิโยนกับเรา และสุขสำราญกับพรนั้น  เรากำลังยกบุตรหัวปีของเราขึ้นสูงจนถึงขอบข่ายหนึ่งๆ เพราะพวกเขาครอบครองขีดความสามารถของเราและภาพลักษณ์ที่มีสง่าราศีของเรา และเพราะพวกเขาสามารถที่จะเป็นพยานเพื่อเรา ถวายเกียรติแด่เรา และใช้ชีวิตตามเราได้  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีความสามารถที่จะเอาชนะซาตานและเหยียดหยามพญานาคใหญ่สีแดง  นี่เป็นเพราะบุตรหัวปีของเราเป็นพรหมจรรย์ที่บริสุทธิ์ พวกเขาคือหนึ่งเดียวที่เรารัก และพวกเขาคือหนึ่งเดียวที่เราได้เลือกและโปรดปราน  เหตุผลที่เรายกพวกเขาขึ้นสูงนั้นเป็นเพราะพวกเขาสามารถยืนในฐานะของพวกเขาเองและสามารถที่จะรับใช้เราอย่างถ่อมใจและไม่เป็นที่ชัดแจ้ง และเป็นพยานที่เปี่ยมพลังเพื่อเรา  เราได้สละพลังงานทั้งหมดของเราเพื่อบุตรหัวปีของเรา และเราได้จัดการเตรียมการผู้คน เหตุการณ์ และสิ่งต่างๆ ทุกประเภทอย่างพิถีพิถันเพื่อการรับใช้ของพวกเขา  ในท้ายที่สุด เราจะทำให้ทุกคนเห็นสง่าราศีทั้งหมดของเราผ่านบุตรหัวปีของเรา และเราจะทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในเราอย่างสุดใจเพราะพวกเขา  เราจะไม่บังคับปีศาจใดๆ และเราไม่กลัวการไร้การควบคุมของพวกมันหรือความสะเพร่าของพวกมัน เพราะเรามีพยานและเรามีสิทธิอำนาจในมือของเรา  จงฟังเราตอนนี้ เหล่าผู้คนที่เป็นจำพวกของซาตาน!  จุดประสงค์เบื้องหลังทุกๆ คำพูดที่เราเปล่งและทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำคือการทำให้บุตรหัวปีของเราเพียบพร้อม  เพราะฉะนั้นเจ้าจึงต้องใส่ใจกับคำสั่งของเรา และเชื่อฟังบุตรหัวปีของเรา มิฉะนั้นแล้ว เราจะจัดการกับเจ้าโดยการทำให้เจ้าทุกข์ทนกับความพินาศโดยทันที!  บุตรหัวปีของเราได้เริ่มต้นดำเนินตามประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราแล้วเพราะพวกเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่ควรค่าที่จะค้ำจุนบัลลังก์ของเรา เราได้เจิมพวกเขาแล้ว  บรรดาผู้ที่ไม่นบนอบต่อบุตรหัวปีของเราย่อมไม่มีอะไรดีอย่างแน่นอน และได้ถูกพญานาคใหญ่สีแดงส่งมาเพื่อก่อกวนแผนการบริหารจัดการของเราอย่างไม่ต้องสงสัย  ทุรชนเช่นนั้นจะถูกผลักออกจากบ้านของเราโดยทันที  เราไม่ต้องการให้สิ่งประเภทนั้นทำงานปรนนิบัติเรา พวกเขาจะเผชิญหน้ากับความย่อยยับชั่วนิรันดร์—และพวกเขาจะเผชิญหน้ากับมันเร็วๆ นี้โดยไม่มีการล่าช้าเลย!  บรรดาผู้ที่ปรนนิบัติเพื่อเราต้องได้รับการรับรองของเราแล้ว พวกเขาต้องเชื่อฟังโดยไม่กังวลเกี่ยวกับราคาที่พวกเขาอาจต้องจ่าย  หากพวกเขากบฏ เมื่อนั้นพวกเขาก็ไม่ควรค่าที่จะทำการปรนนิบัติเพื่อเรา เราไม่ต้องการสิ่งสร้างเช่นนั้น  พวกเขาควรรีบเร่งและออกไปจากที่นี่ เราไม่ต้องการพวกเขาโดยสิ้นเชิง!  ตอนนี้เจ้าต้องเข้าใจชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้!  บรรดาผู้ที่ทำงานปรนนิบัติเราต้องทำการปรนนิบัติเป็นอย่างดีและไม่ก่อปัญหาใดๆ  หากเจ้ารู้สึกว่าเจ้าไม่มีความหวัง แล้วเริ่มก่อปัญหาขึ้น เมื่อนั้นเราจะทำลายเจ้าโดยไม่ลังเล!  พวกเจ้าที่ปรนนิบัติเราเหล่านั้นเข้าใจชัดเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรือไม่?  นี่คือประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา

การเป็นพยานเพื่อเราคือหน้าที่ของบุตรหัวปีของเรา ดังนั้นเราจึงไม่กำหนดให้พวกเจ้าทำสิ่งใดเพื่อเรา เราจะพึงพอใจตราบใดที่พวกเจ้าปฏิบัติหน้าที่ของพวกเจ้าอย่างถูกต้องเหมาะสมและสุขสำราญกับพรที่เรามอบให้แก่พวกเจ้า  เมื่อเราเดินทางผ่านจักรวาลทั้งหมดและไปยังสุดปลายพิภพนั้น เราได้เลือกบุตรหัวปีของเราและทำให้พวกเขาครบบริบูรณ์แล้ว  นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่เราทำแล้วเสร็จก่อนที่เราสร้างโลก ไม่มีผู้ใดท่ามกลางมวลมนุษย์ที่รู้เรื่องนี้ แต่งานของเราได้สัมฤทธิ์ผลอย่างเงียบๆ  ข้อเท็จจริงนี้ไม่สอดคล้องกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์!  อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง และไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงเหล่านั้นได้  ปีศาจทั้งยิ่งใหญ่และเล็กได้เผยรูปร่างที่แท้จริงของพวกมันผ่านการเสแสร้งของพวกมันแล้ว และได้อยู่ภายใต้การตีสอนของเราในหลากหลายระดับแล้ว  งานของเรามีขั้นตอน และในคำพูดของเรามีสติปัญญา  จากการกระทำและคำพูดของเรา พวกเจ้าได้มองเห็นสิ่งใดหรือไม่  เราแค่กำลังทำและกำลังพูดสิ่งต่างๆ หรือ?  คำพูดของเราแค่กระด้าง เป็นการพิพากษา หรือเป็นการปลอบประโลม?  นั่นมันเรียบง่ายจนเกินไป แต่สำหรับมวลมนุษย์แล้ว การเห็นสิ่งนี้เป็นอะไรก็ได้ยกเว้นความเรียบง่าย  ในคำพูดของเราไม่ได้มีแค่สติปัญญา การพิพากษา ความชอบธรรม บารมี และการปลอบประโลมเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของเรายังประกอบด้วยสิ่งที่เรามีและเป็น  ทุกๆ คำพูดของเราคือความล้ำลึกที่ไม่อาจจะได้รับการเผยโดยมวลมนุษย์ได้ คำพูดของเราไม่อาจหยั่งรู้ได้อย่างถึงที่สุด และถึงแม้ว่าความล้ำลึกนั้นได้รับการเผยแล้ว แต่ความล้ำลึกนั้นก็ยังอยู่นอกวงเขตการจินตนาการและการเข้าใจของมวลมนุษย์ ซึ่งมีพื้นฐานตามความสามารถของมวลมนุษย์  คำพูดที่เรียบง่ายที่สุดที่เราเข้าใจคือสิ่งที่ยากที่สุดที่ผู้คนจะเข้าใจ ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างเราและพวกเขาจึงเหมือนกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์และแผ่นดินโลก  นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของบุตรหัวปีอย่างครบบริบูรณ์และให้พวกเขาเข้าสู่กายทั้งหมด  ในอนาคต ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเข้าสู่กายจากเนื้อหนังเท่านั้น แต่พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของพวกเขาถึงระดับที่หลากหลายในขณะที่อยู่ในกาย  นี่คือแผนของเรา  นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์ไม่อาจจะทำได้ พวกเขาไม่มีวิธีที่จะทำเช่นนั้นได้โดยสิ้นเชิง  ดังนั้น ต่อให้เราอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียด พวกเจ้าก็จะยังคงไม่เข้าใจ พวกเจ้าเข้าสู่สำนึกรับรู้ถึงสิ่งที่เหนือธรรมชาติได้เท่านั้น  นี่เป็นเพราะเราคือพระเจ้าผู้ทรงปัญญาพระองค์เอง

เมื่อพวกเจ้ามองเห็นความล้ำลึก พวกเจ้าทั้งหมดตอบสนองในบางวิธี  ถึงแม้ว่าลึกลงไปแล้วพวกเจ้าไม่ได้เห็นด้วยหรือยอมรับความล้ำลึกเหล่านี้ พวกเจ้าก็เปล่งเสียงยอมรับความล้ำลึกเหล่านี้  ผู้คนเช่นนี้หลอกลวงมากที่สุด และเมื่อเราเผยความล้ำลึก เราจะขับพวกเขาออกไปและละทิ้งพวกเขาทีละคน  อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำนั้นดำเนินการเป็นขั้นตอน  เราไม่ได้ทำสิ่งต่างๆ อย่างรีบเร่ง อีกทั้งเราไม่ได้มีข้อสรุปอย่างหูหนวกตาบอด นี่เป็นเพราะว่าเราครอบครองอุปนิสัยของพระเจ้า  ผู้คนไร้ความสามารถที่จะได้รับทรรศนะที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังทำในขณะนี้ หรือสิ่งที่เราจะทำในขั้นตอนถัดไปของเราโดยสิ้นเชิง  วิธีที่เราทำงานเคลื่อนไปข้างหน้ากับเราหนึ่งขั้นตอนแค่เมื่อเราพูดคำพูดของขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นภายในคำพูดของเรา และทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการเผยภายในคำพูดของเรา ดังนั้น ไม่ควรมีผู้ใดไม่อดทน การทำการปรนนิบัติเราอย่างถูกต้องเหมาะสมก็เพียงพอแล้ว  ก่อนยุคต่างๆ เราได้เผยคำพูดเกี่ยวกับต้นมะเดื่อไป แต่เมื่อผ่านไปหลายยุคหลายสมัย ไม่มีผู้ใดเห็นต้นมะเดื่อ และไม่มีผู้ใดสามารถอธิบายมันได้ และถึงแม้ว่าคำพูดเหล่านี้ได้มีการกล่าวถึงในการสรรเสริญก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีผู้ใดรู้ความหมายที่แท้จริงของคำพูดเหล่านี้  คำพูดเหล่านี้ทำให้ผู้คนสับสน เช่นเดียวกับวลีว่า “มหันตภัยที่ยิ่งใหญ่” และสิ่งนี้ก่อให้เกิดความล้ำลึกที่เราไม่เคยเปิดเผยต่อมวลมนุษย์  ผู้คนคิดว่าต้นมะเดื่ออาจเป็นไม้ผลชนิดดีชนิดหนึ่ง หรืออาจคิดไกลขึ้นกว่านั้นว่า บางทีต้นมะเดื่ออาจอ้างอิงถึงวิสุทธิชน—อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงไกลห่างจากความหมายที่แท้จริงของคำเหล่านี้อย่างมาก  เราจะบอกพวกเจ้าเมื่อเราเปิดหนังสือม้วนของเราในยุคสุดท้าย  (“หนังสือม้วน” อ้างอิงถึงคำพูดทั้งหมดที่เราได้พูด—คำพูดของเราในยุคสุดท้าย หนังสือม้วนนี้ประกอบด้วยคำพูดเหล่านั้นทั้งหมด)  “ต้นมะเดื่อ” อ้างอิงถึงประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา—ทุกๆ ประกาศกฤษฎีกาบริหารเหล่านั้น  แต่นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความหมายของคำนี้  การผลิใบของต้นมะเดื่ออ้างอิงถึงการที่เราเริ่มต้นทำงานและพูดในเนื้อหนัง แต่ประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรายังคงไม่ได้รับการทำให้เป็นที่ทราบ (และนี่เป็นเพราะ ในขณะนั้น พยานต่อชื่อของเรายังไม่เกิดขึ้น และไม่มีผู้ใดรู้ถึงประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา)  เมื่อชื่อของเราได้รับการพบเป็นพยานและได้รับการเผยแพร่ เมื่อชื่อของเราเป็นที่สรรเสริญโดยผู้คนทั้งหมด และเมื่อประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราสัมฤทธิ์ผล นั่นจะเป็นเวลาที่ต้นมะเดื่อเกิดผล  นี่คือคำอธิบายอย่างครบถ้วนโดยไม่มีการละเว้นสิ่งใด ทั้งหมดได้รับการเผยแล้วในที่นี้  (เราพูดเรื่องนี้ เพราะในคำพูดก่อนหน้าของเรา มีส่วนหนึ่งที่เรายังไม่ได้เผยอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น พวกเจ้าจึงต้องรอและแสวงหาอย่างอดทน)

เมื่อเราทำให้บุตรหัวปีครบบริบูรณ์ เราจะเผยสง่าราศีทั้งหมดของเราและรูปลักษณ์ทั้งหมดของเราต่อสากลพิภพ  นี่จะได้รับการดำเนินการในกาย ในสภาวะบุคคลของเราเอง และจะอยู่เหนือผู้คนทั้งหมด นี่จะอยู่บนภูเขาศิโยนของเราและในสง่าราศีของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่จะได้รับการดำเนินการท่ามกลางเสียงกู่ร้องสรรเสริญ  ยิ่งไปกว่านั้น ศัตรูของเราจะล่าถอยรอบๆ เรา โดยตกลงไปสู่บาดาลลึกกับบึงไฟและกำมะถัน  สิ่งที่ผู้คนในวันนี้สามารถจินตนาการได้มีจำกัด และไม่สอดคล้องกับเจตนาแต่ดั้งเดิมของเรา นี่คือเหตุผลที่เรามีเป้าหมายที่มโนคติที่หลงผิดและความคิดของผู้คนทุกๆ วันเมื่อเราพูด  จะถึงวัน (วันแห่งการเข้าสู่กาย) ที่สิ่งที่เราบอกจะเหมาะสมกับพวกเจ้าอย่างสมบูรณ์ และพวกเจ้าจะไม่มีการต้านทานใดๆ ก็ตาม  ในเวลานั้น พวกเจ้าจะไม่มีความคิดของพวกเจ้าอีกต่อไป และเมื่อนั้นเราจะหยุดเปล่งถ้อยคำ  เนื่องจากพวกเจ้าจะไม่มีการคิดของพวกเจ้าเองอีกต่อไป เราจะแค่ให้ความรู้แจ้งแก่พวกเจ้าโดยตรง—นี่คือพรที่บุตรหัวปีจะได้สุขสำราญ และพรนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาครองร่วมกับเราในฐานะกษัตริย์  มนุษย์ไม่เชื่อในสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาไม่อาจจะจินตนาการได้ และถึงแม้ว่ามีบางคนที่เชื่อ พวกเขาก็เชื่อเนื่องจากได้รับความรู้แจ้งจากเราเป็นพิเศษแล้วเท่านั้น  มิฉะนั้นแล้ว จะไม่มีใครเชื่อ และนี่คือบางสิ่งบางอย่างที่ต้องได้รับประสบการณ์  (หากปราศจากการผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ฤทธิ์เดชที่ยิ่งใหญ่ของเราก็ไม่อาจได้รับการเผยได้ และนี่หมายความว่าเรากำจัดมโนคติที่หลงผิดออกจากผู้คนผ่านแค่การเปล่งคำพูดของเรา  ไม่มีผู้ใดอื่นสามารถทำงานนี้ได้ และไม่มีผู้ใดสามารถแทนที่เราได้  เราเป็นองค์หนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถทำงานนี้ให้ครบบริบูรณ์ได้ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งเด็ดขาด  เราต้องทำงานนี้ผ่านมวลมนุษย์)  ผู้คนรู้สึกฮึกเหิมหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเรา แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหมดต่างล่าถอย  พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากทำเช่นนั้น  ในขณะเดียวกัน มีความล้ำลึกที่มนุษย์ไม่สามารถจับความเข้าใจได้  ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และเราจะอนุญาตให้พวกเจ้ามองเห็นสิ่งนี้ในสิ่งที่เราเผย  ผ่านการนั้น ความหมายที่แท้จริงของคำพูดเหล่านี้ของเราจะเป็นที่ชัดเจน ความว่า  “เราจะถอนรากถอนโคนพวกที่ไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของเรา”  บุตรหัวปีของเรามีการสำแดงที่หลากหลาย เช่นเดียวกับศัตรูของเรา  พวกเขาทั้งหมดจะได้รับการเผยต่อพวกเจ้าทีละคน  จงจำไว้!  บุคคลใดก็ตามนอกเหนือจากบุตรหัวปีมีงานของบรรดาวิญญาณชั่ว พวกเขาทั้งหมดเป็นขี้ข้าของซาตาน  (อีกไม่นานพวกเขาจะถูกเผยทีละคนๆ แต่มีบางคนที่ต้องทำงานปรนนิบัติจนกระทั่งถึงสิ้นสุด และมีบางคนที่แค่ต้องทำงานปรนนิบัติเป็นช่วงเวลาหนึ่งๆ)  ทั้งหมดจะแสดงรูปร่างที่แท้จริงของพวกเขาภายใต้งานของคำพูดของเรา

ทุกชนชาติ สถานที่ทุกแห่งหน และทุกนิกายสุขสำราญกับความมั่งคั่งของชื่อของเรา  เพราะมหันตภัยกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นในขณะนี้ และอยู่ภายในเงื้อมมือของเรา และเรากำลังเตรียมที่จะค่อยๆ ทำให้มันกระหน่ำลงมา ทุกๆ คนกำลังเร่งรีบแสวงหาวิธีที่แท้จริง ซึ่งต้องแสวงหาอยู่ดี ต่อให้ราคาในการทำเช่นนั้นคือการละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างก็ตาม  ในทุกสรรพสิ่ง เรามีจังหวะเวลาของเราเอง  เมื่อใดก็ตามที่เราพูดว่าสิ่งนั้นจะครบบริบูรณ์ สิ่งนั้นจะครบบริบูรณ์โดยพลันในนาทีนั้นเอง และอาจถึงขั้นในวินาทีนั้นเองด้วย  ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางหรือหยุดสิ่งนั้นได้  ในท้ายที่สุดแล้ว พญานาคใหญ่สีแดงคือปรปักษ์ที่ได้ถูกปราบปรามแล้วของเรา มันคือคนปรนนิบัติเพื่อเรา และมันทำสิ่งใดก็ตามที่เราบอกมันโดยไม่มีการต้านทานเลยแม้แต่น้อย  มันคือสัตว์แห่งภาระของเราโดยแท้จริง  เมื่องานของเราได้ครบบริบูรณ์แล้ว เราจะขับไล่มันลงไปในบาดาลลึกและลงไปในบึงไฟและกำมะถัน (เรากำลังอ้างอิงถึงพวกที่ถูกทำลายไป)  พวกผู้ที่ถูกทำลายจะไม่ใช่แค่ลิ้มรสความตายเท่านั้น แต่พวกเขายังจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงเพราะการข่มเหงที่พวกเขาทำกับเราด้วย  นี่คืองานที่เราจะทำต่อไปผ่านพวกคนปรนนิบัติ  เราจะทำให้ซาตานสังหารและทำลายตัวมันเอง ซึ่งเป็นการทำลายพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดงจนสิ้น  นี่คือส่วนหนึ่งของงานของเรา หลังจากนั้นแล้ว เราจะหันไปหาชาติที่ไม่เชื่อทั้งหลาย  เหล่านี้คือขั้นตอนของงานของเรา

ก่อนหน้า: บทที่ 109

ถัดไป: บทที่ 111

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger