บทที่ 95

ผู้คนจินตนาการว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบง่ายอย่างที่สุด ในเมื่ออันที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น  มีความล้ำลึกซ่อนอยู่ภายในทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดจนปัญญาของเราและการจัดการเตรียมการของเรา  ไม่มีรายละเอียดใดถูกมองข้าม และทั้งหมดได้รับการจัดการเตรียมการโดยเราเอง  การพิพากษาในวันยิ่งใหญ่บังเกิดกับผู้คนทั้งหมดที่ไม่รักเราอย่างจริงใจ (จำไว้ว่าการพิพากษาในวันยิ่งใหญ่มีจุดมุ่งหมายที่ทุกๆ บุคคลที่ได้รับนามนี้) และทำให้พวกเขาร่ำไห้คร่ำครวญและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  เสียงร่ำไห้คร่ำครวญนี้มาจากแดนคนตายและจากนรก ไม่ใช่ผู้คนที่ร่ำไห้คร่ำครวญ แต่เป็นปีศาจ  เป็นการพิพากษาของเรานั่นเองที่นำมาซึ่งการร่ำไห้คร่ำครวญนี้ ที่นำความรอดสุดท้ายของแผนการบริหารจัดการของเรามาให้กับผู้คน  เราเคยมีความหวังให้กับผู้คนบางคนอยู่บ้าง  แต่ดูตอนนี้ เราต้องละทิ้งผู้คนเหล่านี้ทีละคน เพราะนี่คือช่วงระยะที่งานของเราได้มาถึงแล้ว และนี่คือบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้  ผู้คนทั้งหมดที่ไม่ใช่บรรดาบุตรหัวปีของเราหรือประชากรของเราต้องถูกละทิ้ง และต้องออกห่างจากเรา!  เจ้าต้องเข้าใจว่า ในประเทศจีน นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเราและประชากรของเราแล้ว บุคคลอื่นทั้งหมดคือเชื้อสายของพญานาคใหญ่สีแดงและจะต้องถูกละทิ้ง  พวกเจ้าต้องเข้าใจว่า จะว่าไปแล้วประเทศจีนคือชนชาติที่ถูกเราสาปแช่ง และมีประชากรของเราไม่กี่คนที่นั่นที่ไม่ได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่าพวกที่ทำการปรนนิบัติเพื่องานในอนาคตของเรา  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเราแล้ว ก็ไม่มีบุคคลอื่นใด—พวกเขาทั้งหมดจะต้องพินาศ  จงอย่าคิดว่าเราสุดขั้วจนเกินไปในกิจการของเรา—นี่คือประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา  พวกที่ทุกข์ทนกับคำสาปแช่งของเราคือเป้าหมายของความเกลียดชังของเรา และการนี้ได้รับการกำหนดไว้อย่างมั่นคง  เราไม่ทำผิดพลาด หากเราเห็นคนบางคนที่ทำให้เราไม่พอใจ เราจะเตะพวกเขาออกไป นั่นคือหลักฐานที่เพียงพอว่าเจ้าถูกเราสาปแช่งและเป็นพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดง  ให้เราได้ทำให้เจ้าเข้าใจอีกครั้ง—มีเพียงบรรดาบุตรหัวปีของเราเท่านั้นในประเทศจีน (นอกเหนือจากประชากรของเราผู้ทำการปรนนิบัติ) และนี่คือประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา  แต่บรรดาบุตรหัวปีของเราช่างมีน้อยนักและทั้งหมดเราได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว—เรารู้ว่าสิ่งใดที่เราทำ เราไม่เกรงกลัวความเป็นลบของเจ้า และเราไม่เกรงกลัวว่าเจ้าจะกลับมาแว้งกัดเรา เพราะเรามีประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราและเรามีความโกรธเคือง  นั่นจึงกล่าวได้ว่า เราถือความวิบัติใหญ่หลวงในมือของเรา และเราไม่เกรงกลัวสิ่งใด เนื่องจากเราคำนึงถึงทุกสรรพสิ่งว่าได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว และเมื่อวันนั้นมาถึง เราจะรับมือกับเจ้าอย่างถ้วนทั่ว  คนเราไม่สามารถได้รับการทำให้เพียบพร้อมหรือได้รับการสอนใจจากมนุษย์ให้กลายเป็นบุตรหัวปีของเราได้—เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดไว้ล่วงหน้าของเราทั้งหมด  ใครก็ตามที่เราพูดว่าเป็นบุตรหัวปีเป็นบุตรหัวปี อย่าได้พยายามแข่งขันเพื่อเป็นบุตรหัวปีหรือไขว่คว้าการเป็นบุตรหัวปี  ทุกสรรพสิ่งขึ้นอยู่กับเรา พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์พระองค์เอง

วันหนึ่งเราจะยอมให้พวกเจ้าทั้งหมดเห็นว่ากฎการบริหารปกครองของเราคืออะไร และความโกรธเคืองของเราคืออะไร (พวกเจ้าทั้งหมดจะคุกเข่าเพื่อเรา ทั้งหมดจะนมัสการเรา ทั้งหมดจะขอร้องการให้อภัยจากเรา และทุกคนจะยอมรับอย่างนบนอบ ตอนนี้เรายอมให้แค่บรรดาบุตรหัวปีของเราเห็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้นเท่านั้น)  เราจะทำให้เชื้อสายทั้งหมดของพญานาคใหญ่สีแดงมองเห็นว่าเราได้เลือกผู้คนมากมายให้ถูกพลีอุทิศ (ทุกคนยกเว้นบรรดาบุตรหัวปีของเรา) เพื่อทำให้บรรดาบุตรหัวปีของเราเพียบพร้อม ว่าเราได้ทำให้พญานาคใหญ่สีแดงตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของมันเอง  (ในแผนการบริหารจัดการของเรา พญานาคใหญ่สีแดงส่งพวกที่ทำการปรนนิบัติเพื่อเราออกไป—นั่นคือ ทุกคนยกเว้นบรรดาบุตรหัวปีของเรา—เพื่อทำให้แผนการบริหารจัดการของเราหยุดชะงัก กระนั้น มันกลับได้ตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของมันเอง และพวกมันทั้งหมดทำการปรนนิบัติให้กับงานของเรา  นี่คือส่วนหนึ่งของความหมายที่แท้จริงของการที่เราขับเคลื่อนผู้คนทั้งหมดให้ทำการปรนนิบัติเพื่อเรา)  วันนี้ เมื่อทุกสรรพสิ่งได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว เราจะกำจัดทิ้งพวกเขาทั้งหมด บดขยี้พวกเขาให้อยู่ใต้เท้าของเรา และโดยผ่านทางการนี้ เราจะเหยียดหยามพญานาคใหญ่สีแดงและทำให้มันละอายถึงที่สุด (พวกมันพยายามที่จะหลอกลวงเพื่อให้ได้รับพร แต่พวกมันไม่เคยคิดว่าพวกมันจะทำการปรนนิบัติเรา)—นี่คือปัญญาของเรา  เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ผู้คนคิดว่าเราปราศจากความรู้สึกหรือความปรานี และคิดว่าเราไม่มีสภาวะความเป็นมนุษย์  เราปราศจากความรู้สึกหรือความปรานีต่อซาตานอย่างแท้จริง และยิ่งไปกว่านั้น เราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงอยู่เหนือสภาวะความเป็นมนุษย์  เจ้าสามารถพูดได้อย่างไรว่าเราเป็นพระเจ้าที่มีสภาวะความเป็นมนุษย์?  เจ้าไม่รู้หรือว่าเราไม่ได้เป็นของโลกนี้?  เจ้าไม่รู้หรือว่าเราอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง?  นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเราแล้ว ไม่มีผู้ใดเหมือนเรา ไม่มีผู้ใดที่มีอุปนิสัยของเรา (อุปนิสัยที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นของพระเจ้า) และไม่มีใครมีขีดความสามารถของเรา

เมื่อประตูสู่โลกวิญญาณถูกเปิดออก พวกเจ้าจะเห็นความล้ำลึกทั้งหมด ซึ่งทำให้พวกเจ้าสามารถเข้าสู่อาณาจักรอิสระได้อย่างครบบริบูรณ์ เข้าสู่อ้อมกอดอันรักใคร่ของเรา และเข้าสู่พรนิรันดร์กาลของเรา  มือของเรารองรับมวลมนุษย์อยู่เสมอ  แต่มีส่วนหนึ่งของมวลมนุษย์ที่เราจะช่วยให้รอด และส่วนหนึ่งที่เราจะไม่ช่วยให้รอด  (เราพูดว่า “รองรับ” เพราะหากปราศจากการรองรับของเราแล้ว โลกทั้งโลกคงจะได้ตกลงสู่แดนคนตายไปนานแล้ว)  จงตระหนักการนี้!  นี่คือแผนการบริหารจัดการของเรา  แล้วแผนการบริหารจัดการของเราคืออะไร?  เราสร้างมวลมนุษย์ แต่เราไม่เคยวางแผนที่จะได้รับทุกๆ บุคคล เราวางแผนเพียงให้ได้รับส่วนเล็กน้อยของมวลมนุษย์เท่านั้น  ดังนั้นแล้ว เหตุใดเราจึงสร้างผู้คนมากมายนัก?  เราได้พูดก่อนหน้าแล้วว่า กับเราแล้วทั้งหมดคืออิสรภาพและการปลดปล่อย และเราทำสิ่งใดก็ตามที่เราปรารถนา  เมื่อเราสร้างมวลมนุษย์ การสร้างนั้นเป็นไปเพื่อที่พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตที่ปกติได้และจากนั้นจึงอาจมีส่วนเล็กน้อยของมวลมนุษย์ที่จะเป็นบรรดาบุตรหัวปีของเรา บรรดาบุตรของเรา และบรรดาผู้คนของเราเกิดขึ้นเพียงเท่านั้น  สามารถพูดได้ว่าผู้คน เหตุการณ์ และเป้าหมายทั้งหมด—นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเรา บรรดาบุตรของเรา และบรรดาผู้คนของเรา—ทั้งหมดคือคนปรนนิบัติและต้องพินาศทั้งหมด  ในหนทางนี้ แผนการบริหารจัดการทั้งหมดของเราจะได้รับการสรุปปิดตัว  นี่คือแผนการบริหารจัดการของเรา แผนนี้คืองานของเรา และแผนนี้คือขั้นตอนที่เราใช้ปฏิบัติ  เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลง เราจะหยุดพักอย่างครบบริบูรณ์  ในเวลานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะสุขสบาย ทุกสิ่งทุกอย่างจะสงบสุขและปลอดภัย

ย่างก้าวของงานของเรานั้นเร็วมากจนเกินจินตนาการของมนุษย์  จังหวะนี้เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน และใครก็ตามที่ไม่สามารถตามทันได้จะทุกข์ทนกับการสูญเสีย คนเราสามารถเพียงยึดมั่นในความสว่างใหม่ทุกวัน (ถึงแม้ว่าไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในกฎการบริหารปกครองของเรา อีกทั้งนิมิตและความจริงที่เราสามัคคีธรรม)  เหตุใดเราจึงพูดทุกวัน?  เหตุใดเราจึงมอบความรู้แจ้งให้เจ้าอยู่เนืองนิตย์?  เจ้าเข้าใจความหมายที่แท้จริงภายในหรือไม่?  ขณะนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงกำลังหัวเราะและเล่นตลก และไม่สามารถจริงจังได้  พวกเขาไม่ใส่ใจไม่ว่าอะไรก็ตามกับคำพูดของเราเลย แต่แค่รู้สึกถึงความกังวลที่ผ่านไปเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเรา  หลังจากนั้น คำพูดของเราก็ถูกลืมในไม่ช้า และในไม่ช้าพวกเขาก็ไม่ตระหนักรู้ถึงอัตลักษณ์ของพวกเขาเอง และพวกเขากลายเป็นไม่ระมัดระวัง  เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานะของเจ้าคืออะไร?  การที่คนบางคนทำการปรนนิบัติเพื่อเราหรือได้รับการกำหนดไว้ก่อนและได้รับเลือกโดยเราหรือไม่นั้น ได้รับการจัดการด้วยมือของเราเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงการนี้ได้—เราต้องทำการนี้ด้วยตัวเราเอง เราต้องเลือกและกำหนดพวกเขาไว้ก่อนด้วยตัวเราเอง  ใครกล้าพูดบ้างว่าเราเป็นพระเจ้าที่ไม่รอบรู้?  ทุกๆ คำพูดที่เราพูดและทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำคือปัญญาของเรา  ใครหรือที่กล้าทำให้การบริหารจัดการของเราหยุดชะงักหรือทำลายแผนของเราอีกครั้ง?  เราจะไม่อภัยให้พวกเขาอย่างแน่นอน!  เวลาอยู่ในมือของเรา และเราไม่เกรงกลัวการล่าช้าใดๆ เราไม่ใช่องค์หนึ่งเดียวผู้ตัดสินพระทัยเรื่องเวลาที่แผนการบริหารจัดการของเราจะสิ้นสุดลงหรอกหรือ?  ทั้งหมดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความคิดเดียวของเราหรอกหรือ?  เมื่อเราพูดว่ามันเสร็จสิ้น มันก็เสร็จสิ้น และเมื่อเราพูดว่ามันสิ้นสุด มันก็สิ้นสุด  เราไม่เร่งรีบและเราจะทำการจัดการเตรียมการที่เหมาะสม  ผู้คนต้องไม่ยื่นจมูกของพวกเขามายุ่งเรื่องงานของเรา และพวกเขาต้องไม่ทำสิ่งทั้งหลายเพื่อเราในวิธีใดๆ ก็ตามที่พวกเขาพอใจ  เราสาปแช่งผู้ใดก็ตามที่ยื่นจมูกของพวกเขามายุ่ง—นี่คือหนึ่งในกฎการบริหารปกครองของเรา  เราทำงานของเราด้วยตัวเราเอง และเราไม่ต้องการผู้คนอื่นใด (เราอนุญาตให้คนปรนนิบัติเหล่านั้นปฏิบัติได้ มิฉะนั้นแล้วพวกเขาจะไม่กล้าปฏิบัติอย่างหุนหันหรือไม่ลืมหูลืมตา)  งานทั้งหมดได้รับการจัดการเตรียมการโดยเรา และตัดสินใจโดยเรา เพราะเราคือพระเจ้าพระองค์เององค์หนึ่งเดียว

ชนชาติทั้งมวลของโลกแข่งขันกันเพื่อให้ได้อำนาจและผลกำไร และต่อสู้แย่งแผ่นดิน แต่จงอย่าตื่นกลัวไป เพราะทุกสรรพสิ่งเหล่านี้เป็นการปรนนิบัติของเรา  แล้วเหตุใดเราจึงพูดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการปรนนิบัติของเรา?  เราทำสิ่งทั้งหลายโดยไม่ต้องยกนิ้ว  ในการพิพากษาซาตาน อันดับแรกเราทำให้พวกมันโต้เถียงกันเองก่อน แล้วในที่สุดก็นำพวกมันมาสู่ความพินาศและทำให้พวกมันตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของพวกมันเอง (พวกมันปรารถนาที่จะแข่งขันกับเราเพื่อให้ได้ฤทธิ์เดช แต่พวกมันลงท้ายด้วยการทำการปรนนิบัติเพื่อเรา)  เราเพียงพูดและออกคำสั่งของเราเท่านั้น และทุกคนก็ทำสิ่งที่เราบอกให้เจ้าทำ หรือมิฉะนั้นแล้วเราจะทำลายเจ้าโดยทันที  สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการพิพากษาของเรา ด้วยเหตุที่เราบัญชาทุกสรรพสิ่ง และทุกสรรพสิ่งได้รับการสถาปนาโดยเรา  ไม่ว่าใครก็ตามจะทำสิ่งใดก็ตาม พวกเขาทำเช่นนั้นโดยไม่ได้รู้ตัว และทำเช่นนั้นตามการจัดการเตรียมการของเรา  เราหวังว่าพวกเจ้าสามารถเต็มไปด้วยปัญญาของเราในเหตุการณ์ที่จะบังเกิดในไม่ช้า  จงอย่าใช้วิธีเข้าหาที่สะเพร่า แต่เข้าใกล้เราให้มากขึ้นและบ่อยขึ้นเมื่อสิ่งทั้งหลายบังเกิดแก่เจ้า จงพิถีพิถันและระมัดระวังให้มากขึ้นในทุกด้านเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดการตีสอนของเรา และเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของซาตาน  พวกเจ้าควรได้รับความรู้ความเข้าใจเชิงลึกจากคำพูดของเรา รู้สิ่งที่เราเป็น และมองเห็นสิ่งที่เรามี  พวกเจ้าต้องทำสิ่งทั้งหลายตามการแสดงความหมายของเรา และต้องไม่ปฏิบัติอย่างสะเพร่า  ทำสิ่งที่เราทำ และพูดสิ่งที่เราพูด  เราพูดสิ่งเหล่านี้กับพวกเจ้าไว้ล่วงหน้า เพื่อที่พวกเจ้าจะสามารถหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาดและหลีกเลี่ยงการถูกทดลอง  “สิ่งที่เราเป็น” และ “สิ่งครอบครองของเรา” คืออะไร?  พวกเจ้ารู้จริงๆ หรือไม่?  ความเจ็บปวดที่เราทุกข์ทนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราเป็น เนื่องจากมันเป็นส่วนหนึ่งของสภาวะความเป็นมนุษย์ที่ปกติของเรา และสิ่งที่เราเป็นยังสามารถพบได้ในเทวสภาพที่ครบบริบูรณ์ของเราด้วยเช่นกัน—พวกเจ้ารู้การนี้หรือไม่?  สิ่งที่เราเป็นประกอบด้วยสองแง่มุม กล่าวคือ แง่มุมหนึ่งคือแง่มุมของสภาวะความเป็นมนุษย์ของเรา ในขณะที่อีกแง่มุมหนึ่งคือแง่มุมของเทวสภาพที่ครบบริบูรณ์ของเรา  เพียงสองแง่มุมนี้รวมกันเท่านั้นที่ทำให้เกิดพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงครบบริบูรณ์  สิ่งที่เทวสภาพที่ครบบริบูรณ์ของเราเป็นยังรวมถึงสิ่งดีๆ มากมายหลายประการด้วยเช่นกัน กล่าวคือ เราไม่ถูกบุคคล เรื่องราว หรือสิ่งใดตีกรอบเอาไว้ เราอยู่เหนือสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เราเกินจากข้อจำกัดใดๆ เกี่ยวกับเวลา หรือพื้นที่ หรือภูมิศาสตร์ เรารู้จักผู้คน เรื่อง และสิ่งทั้งหลายทั้งหมดอย่างแท้จริงราวกับหลังมือของเรา แต่กระนั้น เรายังคงเป็นเนื้อหนังและกระดูก และเราปรากฏในรูปสัณฐานที่จับต้องได้ เรายังคงเป็นสภาวะบุคคลนี้ในสายตาของผู้คน แต่ธรรมชาติได้เปลี่ยนไปแล้ว—นั่นไม่ใช่เนื้อหนัง แต่เป็นกาย  สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของเทวสภาพ  บรรดาบุตรหัวปีทั้งหมดของเราก็จะเป็นเช่นนี้เช่นกันในอนาคต นี่คือวิถีที่ต้องมีการก้าวย่าง และพวกที่ได้ถูกชี้ชะตากรรมแล้วไม่อาจจะหลีกหนีได้  ขณะที่เรากำลังดำเนินการนี้ ผู้คนทั้งหมดที่ไม่ได้รับการกำหนดไว้ก่อนจะถูกเตะออกไป (เพราะนี่คือการที่ซาตานทดสอบเราเพื่อดูว่าคำพูดของเราถูกต้องแม่นยำหรือไม่)  บรรดาผู้ที่ได้รับการกำหนดไว้ก่อนไม่สามารถหลีกหนีไปได้ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะไปที่ใด และด้วยการนั้น พวกเจ้าจะมองเห็นหลักธรรมที่อยู่เบื้องหลังกิจการนี้ของเรา  คำว่า “สิ่งครอบครองของเรา” อ้างอิงถึงปัญญาของเรา ความรู้ของเรา ความเจ้าความคิดของเรา และทุกๆ คำพูดที่เราพูด  ทั้งสภาวะความเป็นมนุษย์ของเราและเทวสภาพของเราครอบครองสิ่งนี้  นั่นจึงกล่าวได้ว่า ทั้งหมดที่ได้รับการดำเนินการเสร็จสิ้นโดยสภาวะความเป็นมนุษย์ของเรา อีกทั้งที่ได้รับการดำเนินการเสร็จสิ้นโดยเทวสภาพของเราคือสิ่งที่เรามีครอบครอง ไม่มีผู้ใดสามารถนำสิ่งเหล่านี้ออกไปหรือโยกย้ายสิ่งเหล่านี้ได้ สิ่งเหล่านี้อยู่ในความเป็นเจ้าของของเรา และไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้  นี่คือประกาศกฤษฎีกาบริหารที่รุนแรงที่สุดของเรา (ด้วยเหตุที่ในมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์นั้น สิ่งทั้งหลายมากมายที่เราทำนั้นไม่สอดคล้องกับมโนคติที่หลงผิดของพวกเขาและเกินความเข้าใจของมนุษย์ นี่คือคำบัญชาที่ทุกๆ บุคคลละเมิดง่ายที่สุด และยังมีความรุนแรงที่สุดเช่นกัน  ดังนั้น ชีวิตของพวกเขาจึงทุกข์ทนกับการสูญเสียในมโนคติที่หลงผิดนั้น)  เราจะพูดอีกครั้ง เจ้าต้องใช้วิธีเข้าหาที่มีมโนธรรมกับสิ่งที่เราเตือนสติให้พวกเจ้าทำ—เจ้าต้องไม่เลินเล่อ!

ก่อนหน้า: บทที่ 94

ถัดไป: บทที่ 96

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger