3. ทุกวันนี้ ความวิบัติทั้งหลายกำลังอุบัติขึ้นด้วยความรุนแรงและความถี่ที่เพิ่มขึ้นทุกที หมายสำคัญเหล่านี้บ่งชี้ว่ามหาวิบัติแห่งยุคสุดท้ายที่ทำนายไว้ในพระคัมภีร์นั้นกำลังจะเริ่มต้น พวกเราสามารถได้รับการทรงอารักขาของพระเจ้าและรอดชีวิตได้ท่ามกลางความวิบัติเหล่านี้ได้อย่างไร?

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าได้ทรงสร้างโลกนี้ขึ้นมา พระองค์ได้ทรงสร้างมวลมนุษย์นี้ขึ้นมา และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงเป็นสถาปนิกแห่งวัฒนธรรมกรีกโบราณและอารยธรรมมนุษย์  มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงปลอบประโลมมวลมนุษย์นี้ และมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงดูแลเอาใจใส่มวลมนุษย์นี้ทั้งคืนและวัน  พัฒนาการและความก้าวหน้าของมนุษย์นั้นไม่สามารถแยกออกจากอำนาจอธิปไตยของพระเจ้าได้ และประวัติศาสตร์และอนาคตของมวลมนุษย์เองก็หาได้พ้นไปจากการออกแบบของพระเจ้า  หากเจ้าเป็นคริสตชนแท้คนหนึ่ง เจ้าย่อมจะเชื่ออย่างแน่นอนว่า ความรุ่งเรืองและความตกต่ำของประเทศใดหรือชนชาติใดก็ตามอุบัติขึ้นตามการออกแบบของพระเจ้า  พระเจ้าแต่เพียงลำพังเท่านั้นที่ทรงรู้ชะตากรรมของประเทศหรือชาตินั้น และพระเจ้าเพียงลำพังเท่านั้นที่ทรงควบคุมครรลองของมวลมนุษย์นี้  หากมวลมนุษย์ปรารถนาจะมีชะตากรรมที่ดี หากประเทศหนึ่งปรารถนาจะมีชะตากรรมที่ดี มนุษย์ก็จะต้องกราบไหว้พระเจ้าเพื่อนมัสการ กลับใจ และสารภาพต่อพระพักตร์ของพระเจ้า หรือหากไม่เช่นนั้น ชะตากรรมและปลายทางของมนุษย์ก็จะต้องเป็นมหันตภัยอย่างหนึ่งซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย

เมื่อมองย้อนกลับไปช่วงเวลาที่โนอาห์สร้างนาวา มวลมนุษย์กำลังเสื่อมทรามอย่างถลำลึก ผู้คนได้หลุดหลงออกไปจากพรของพระเจ้า ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพระเจ้าอีกต่อไป และได้สูญเสียสัญญาของพระเจ้า  พวกเขามีชีวิตอยู่ในความมืดมิด ปราศจากแสงแห่งพระเจ้า  จากนั้นพวกเขาก็กลับกลายไปมีลักษณะที่วิปริตผิดศีลธรรม ปล่อยปละละเลยตนเองให้กับความชั่วช้าน่าขยะแขยง  ผู้คนเช่นนั้นไม่สามารถได้รับสัญญาของพระเจ้าอีกต่อไป  พวกเขาไม่มีความเหมาะสมที่จะได้เป็นพยานพระพักตร์ของพระเจ้า หรือได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า ด้วยเหตุที่พวกเขาทอดทิ้งพระเจ้า โยนทุกสิ่งที่พระองค์ประทานให้พวกเขาทิ้งไป และลืมการทรงสอนต่างๆ ของพระเจ้า  หัวใจของพวกเขาไถลห่างไปจากพระเจ้าไกลขึ้นและไกลขึ้น และด้วยความที่เป็นเช่นนั้น พวกเขาจึงกลับกลายไปเป็นเลวร้ายไร้ศีลธรรมจนเลยพ้นไปจากความมีเหตุผลและมนุษยธรรมทั้งมวล และกลายเป็นชั่วร้ายเยี่ยงมารมากขึ้นทุกที  จากนั้นเอง พวกเขาได้เดินเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเรื่อยๆ และตกไปอยู่ภายใต้พระพิโรธและการลงโทษของพระเจ้า  มีเพียงโนอาห์ที่นมัสการพระเจ้าและหลบเลี่ยงมารร้าย และดังนั้นเขาจึงสามารถได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าและได้ยินคำแนะนำของพระองค์  เขาได้สร้างนาวาขึ้นตามคำแนะนำแห่งพระวจนะของพระเจ้า และที่นั่นเองที่สิ่งทรงสร้างซึ่งมีชีวิตในทุกลักษณะได้มาชุมนุมกัน  และด้วยวิธีนี้ เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมพร้อม พระเจ้าได้ทรงปลดปล่อยการทำลายล้างลงมาบนโลก  มีเพียงโนอาห์กับสมาชิกคนอื่นๆ ของครอบครัวเขาอีกเจ็ดคนที่รอดชีวิตจากการทำลายล้างครั้งนั้น ซึ่งก็เป็นเพราะโนอาห์ได้นมัสการพระยาห์เวห์และหลบเลี่ยงความชั่วนั่นเอง

ตอนนี้ลองมามองที่ยุคปัจจุบัน เหล่ามนุษย์ผู้ชอบธรรมเช่นเดียวกับโนอาห์ ผู้ซึ่งสามารถนมัสการพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่วนั้น ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว  กระนั้น พระเจ้าก็ยังทรงเปี่ยมพระคุณต่อมวลมนุษย์นี้ และยังทรงอภัยบาปให้กับพวกเขาในช่วงระหว่างยุคสมัยสุดท้ายนี้  พระเจ้าทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่ถวิลหาให้พระองค์ทรงปรากฏ  พระองค์ทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่สามารถได้ยินพระวจนะของพระองค์ ผู้ที่ยังไม่ลืมพระบัญชาของพระองค์ และมอบถวายหัวใจและร่างกายของพวกเขาแด่พระองค์  พระองค์ทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่เชื่อฟังดุจทารกทั้งหลายเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และไม่ต่อต้านพระองค์  หากเจ้ายอมอุทิศตัวเจ้าให้กับพระเจ้าโดยไม่ถูกยับยั้งจากพลังอำนาจหรือกำลังบังคับใดๆ พระเจ้าก็จะทรงมองดูพวกเจ้าด้วยความโปรดปราน และจะประทานพรของพระองค์ให้กับเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 2: พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง

 

ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้านั้นหาไม่ยาก—การกลับใจที่แท้จริงของมนุษย์ต่างหากที่หายาก

ไม่ว่าพระเจ้ากริ้วชาวนีนะเวห์เพียงใดก็ตาม ทันทีที่พวกเขาประกาศเรื่องการอดอาหารและนุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนกองขี้เถ้า พระทัยของพระองค์ก็เริ่มอ่อนลง และพระองค์เริ่มเปลี่ยนพระทัย  ในเวลาที่พระองค์ทรงกล่าวประกาศต่อพวกเขาว่าพระองค์จะทำลายเมืองนี้—ชั่วขณะก่อนการกลับใจและการสารภาพบาปของพวกเขานั้น—พระเจ้ายังคงกริ้วพวกเขา  ทันทีที่พวกเขาได้ดำเนินลำดับการกระทำที่กลับใจต่างๆ แล้ว พระโทสะที่พระเจ้ามีต่อผู้คนเมืองนีนะเวห์ก็ค่อยๆ แปลงรูปเป็นความปรานีและการทนยอมรับพวกเขา  ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเผยพระอุปนิสัยสองแง่มุมนี้ของพระเจ้าพร้อมกันในเหตุการณ์เดียวกัน  ดังนั้นแล้ว คนเราควรเข้าใจและรู้ถึงการขาดพร่องความขัดแย้งนี้อย่างไร?  พระเจ้าได้ทรงแสดงและเผยเนื้อแท้แต่ละอย่างที่ตรงข้ามกันสองขั้วนี้เป็นการตอบแทนเมื่อผู้คนเมืองนีนะเวห์กลับใจแล้ว ซึ่งทำให้ผู้คนมองเห็นความเป็นจริงและความมิอาจถูกล่วงเกินได้แห่งเนื้อแท้ของพระเจ้า  พระเจ้าทรงใช้ท่าทีของพระองค์เพื่อบอกผู้คนดังนี้ว่า ไม่ใช่ว่าพระเจ้าไม่ทรงทนยอมรับผู้คนหรือว่าพระเจ้าไม่ทรงต้องประสงค์จะแสดงความปรานีต่อพวกเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาแทบจะไม่กลับใจต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่พบได้ยากที่ผู้คนจะหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำอย่างแท้จริง  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อพระเจ้ากริ้วมนุษย์ พระองค์ทรงหวังว่ามนุษย์จะสามารถกลับใจได้อย่างแท้จริง และพระองค์ทรงหวังโดยแท้ว่าจะมองเห็นการกลับใจที่แท้จริงของมนุษย์ ซึ่งในกรณีนั้น พระองค์ก็จะประทานความปรานีและการทนยอมรับให้กับมนุษย์อย่างโอบอ้อมอารีต่อไป  นี่จึงกล่าวได้ว่าการประพฤติชั่วของมนุษย์ก่อให้เกิดพระพิโรธของพระเจ้า ในขณะที่ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้าถูกประทานให้กับผู้ที่ฟังพระเจ้าและกลับใจเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างแท้จริง ให้กับผู้ที่สามารถหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ  ท่าทีของพระเจ้าได้รับการเผยอย่างชัดเจนมากในการปฏิบัติต่อชาวนีนะเวห์ของพระองค์ กล่าวคือ ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้าไม่ได้ยากที่จะได้รับมาเลย และสิ่งที่พระองค์ทรงพึงประสงค์คือการกลับใจที่แท้จริงของคนเรา  ตราบเท่าที่ผู้คนหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ พระเจ้าจะเปลี่ยนพระทัยของพระองค์และท่าทีที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขา

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 2

ความปรานีของเรานั้นแสดงออกต่อบรรดาผู้ที่รักเราและปฏิเสธตัวพวกเขาเอง  ในขณะเดียวกัน การลงโทษที่ได้ไปเยือนคนเลว ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงอุปนิสัยที่ชอบธรรมของเราอย่างชัดเจน และยิ่งไปกว่านั้นคือ พิสูจน์คำพยานแห่งความโกรธเคืองของเรา เมื่อความวิบัติมาเยือน ทุกคนที่ต่อต้านเราจะวิปโยคร่ำไห้ในขณะที่พวกเขาตกเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของการกันดารอาหารและภัยพิบัติ  บรรดาผู้ที่ได้กระทำความเลวในทุกลักษณะ เว้นแต่ผู้ที่ได้ติดตามเรามาเป็นเวลาหลายปี จะไม่มีทางหลบพ้นการชำระชดใช้ให้กับบาปของตน พวกเขาอีกเช่นกัน ที่จะดิ่งพรวดลงสู่ความวิบัติ ในแบบที่นานๆ ครั้งจะได้เห็นกันในตลอดระยะเวลาหลายล้านปี และพวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ในสภาวะแห่งความอกสั่นขวัญผวาและหวาดกลัวตลอดเวลา  และบรรดาผู้ติดตามของเราทั้งหลายที่ได้แสดงความจงรักภักดีต่อเราจะชื่นบานและปรบมือให้กับอิทธิฤทธิ์ของเรา  พวกเขาจะผ่านประสบการณ์กับความพอใจอันเกินพรรณนา และดำรงชีวิตท่ามกลางความชื่นบานยินดีอย่างที่เราไม่เคยมอบให้มวลมนุษย์  เพราะเราถนอมความล้ำค่าของความประพฤติที่ดีงามของมนุษย์และชิงชังความประพฤติชั่วของพวกเขา  ตั้งแต่เมื่อเราเริ่มต้นนำทางมวลมนุษย์ เรามุ่งหวังอย่างใจจดใจจ่อมาตลอดว่าจะได้รับผู้คนสักกลุ่มที่มีจิตใจเดียวกับเรา  ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้ที่ไม่ได้มีจิตใจเดียวกับเรานั้น เราก็ไม่เคยลืม เราเกลียดพวกเขาในหัวใจของเราเสมอ รอคอยโอกาสที่จะนำพาการลงทัณฑ์อันสาสมมาสู่พวกเขา อันเป็นสิ่งซึ่งเราจะเพลิดเพลินที่ได้เห็น  บัดนี้วันของเราได้มาถึงแล้วในที่สุด และเราไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปแล้ว!

งานขั้นสุดท้ายของเราไม่ใช่แค่เพื่อลงโทษมนุษย์เท่านั้น แต่เพื่อการจัดการเตรียมบั้นปลายของมนุษย์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นไปเพื่อที่ผู้คนทั้งหมดอาจรับรู้กิจการและการกระทำของเรา เราต้องการให้แต่ละบุคคลได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นถูกต้อง และได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นเป็นการแสดงออกของอุปนิสัยของเรา  ที่ให้กำเนิดมวลมนุษย์นั้นไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ นับประสาอะไรที่จะเป็นการกระทำของธรรมชาติ แต่เป็นเรา ผู้บำรุงเลี้ยงทุกสิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ในการสร้าง  หากปราศจากการดำรงอยู่ของเรา มวลมนุษย์ย่อมมีแต่จะพินาศและทุกข์ทนจากการหวดเฆี่ยนแห่งหายนะเท่านั้น  ไม่มีมนุษย์คนใดจะได้เห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อันสวยงาม หรือโลกอันเขียวขจีอีกเลย มวลมนุษย์จะเผชิญเพียงค่ำคืนอันเยือกเย็นและหุบเขาแห่งเงามรณะซึ่งไร้ปรานี  เราคือความรอดเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ เราคือความหวังเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เราก็คือพระองค์ผู้ซึ่งเป็นที่พึ่งแห่งการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์ทั้งปวง  หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะหยุดนิ่งลงในทันที  หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะทุกข์ทนกับมหันตภัยและถูกบรรดาผีสางทุกลักษณะเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า กระนั้นก็ยังไม่มีใครใส่ใจเรา  เราได้ทำงานที่ไม่มีใครอื่นทำได้ และหวังเพียงแค่ว่ามนุษย์จะสามารถตอบแทนเราด้วยความประพฤติที่ดีงามบ้าง  แม้จะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถตอบแทนเราได้ เราก็จะยังคงยุติการเดินทางไกลของเราในโลกมนุษย์ลง และเริ่มต้นขั้นตอนถัดไปของงานของเราที่กำลังคลี่คลายออกมา เนื่องจากการเร่งรุดไปมาของเราทั้งหมดท่ามกลางมนุษย์ในช่วงหลายปีมานี้ให้ดอกผลดี และเราก็ยินดีมาก  สิ่งที่เราสนใจไม่ใช่จำนวนผู้คน แต่เป็นความประพฤติที่ดีงามของพวกเขาเสียมากกว่า  ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เราหวังว่าพวกเจ้าจะตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของตัวเจ้าเอง  เมื่อนั้นเราจึงจะพึงพอใจ มิฉะนั้นแล้ว ไม่มีใครเลยในบรรดาพวกเจ้าที่จะสามารถหนีรอดจากความวิบัติที่จะตกมาถึงเจ้าได้  ความวิบัตินั้นมีจุดกำเนิดอยู่ที่เราและแน่นอนว่าถูกจัดวางเรียบเรียงโดยเรา  หากพวกเจ้าไม่สามารถปรากฏว่าดีงามได้ในสายตาของเรา เช่นนั้นพวกเจ้าก็จะไม่อาจหนีรอดจากความทุกข์ของความวิบัติไปได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของเจ้า

ความวิบัติทุกลักษณะจะบังเกิดขึ้นตามติดกันมา  ประชาชาติและสถานที่ทั้งหมดจะประสบหายนะ นั่นคือ ภัยพิบัติ การกันดารอาหาร  น้ำท่วม ภัยแล้ง และแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง  ความวิบัติเหล่านี้ไม่ได้กำลังเกิดขึ้นเพียงแค่หนึ่งหรือสองที่เท่านั้น อีกทั้งความวิบัติเหล่านี้จะไม่จบลงภายในหนึ่งหรือสองวัน ในทางกลับกัน ความวิบัติเหล่านี้จะขยายไปทั่วเป็นบริเวณที่กว้างขึ้นทุกที และกลายเป็นรุนแรงมากขึ้นทุกที  ในช่วงระหว่างเวลานี้ ทุกรูปแบบของภัยพิบัติจากแมลงจะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และปรากฏการณ์คนกินเนื้อคนจะบังเกิดขึ้นทุกที่  นี่คือการพิพากษาของเราต่อประชาชาติและกลุ่มประชาชนทั้งหมด  บุตรทั้งหลายของเรา!  พวกเจ้าต้องไม่ทนทุกข์กับเจ็บปวดหรือความยากลำบากจากความวิบัติ  ความปรารถนาของเราคือการที่จะให้พวกเจ้ามีวัยวุฒิในไม่ช้า เข้ารับภาระที่วางอยู่บนไหล่ของเราโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าใจเจตจำนงของเราเล่า?  งานในภายหน้าจะยิ่งต้องใช้ความทุ่มเทมากขึ้นทุกที  พวกเจ้าใจแข็งมากจนจะทิ้งเราไว้กับงานเต็มมือเรา ให้เราต้องทำงานอย่างลำบากยากเข็ญเหลือเกินด้วยตัวเราเองอย่างนั้นหรือ?  เราจะทำให้มันเรียบง่ายขึ้น นั่นคือ บรรดาผู้ที่ชีวิตของพวกเขาเจริญถึงวัยผู้ใหญ่ก็จะได้เข้าสู่ที่หลบภัย และไม่ทุกข์ทนกับความเจ็บปวดหรือความยากลำบาก บรรดาผู้ที่ชีวิตของพวกเขายังไม่ได้เจริญถึงวัยผู้ใหญ่จะต้องทุกข์ทนกับความเจ็บปวดและอันตราย  วจนะของเราชัดแจ้งพอแล้ว มิใช่หรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 65

ในอนาคต การทดสอบที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายอาจเกิดขึ้นกับเจ้า—แต่ในวันนี้ หากเจ้ารักพระเจ้าด้วยหัวใจแท้จริง และหากเจ้าสามารถตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าและสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ไม่ว่าการทดสอบทั้งหลายข้างหน้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้า เช่นนั้นแล้ว หัวใจของเจ้าจึงจะได้รับการชูใจ และเจ้าจะไม่เกรงกลัวไม่สำคัญว่าการทดสอบทั้งหลายที่เจ้าเผชิญในอนาคตจะยิ่งใหญ่เพียงใด  พวกเจ้าไม่สามารถเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พวกเจ้าสามารถเพียงทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ในรูปการณ์แวดล้อมของวันนี้เท่านั้น  พวกเจ้าไม่สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ใดๆ และควรมุ่งความสนใจกับการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยโดยการได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระองค์ในชีวิตจริง และเป็นคำพยานอันหนักแน่นและกังวานก้องซึ่งนำความอับอายมาสู่ซาตานแล้ว  แม้ว่าเนื้อหนังของเจ้าจะยังคงไม่พึงพอใจและจะได้ทนทุกข์อยู่ เจ้าจะได้ทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยและได้นำความอับอายมาสู่ซาตาน  หากเจ้าปฏิบัติในหนทางนี้ตลอดเวลา พระเจ้าจะทรงเปิดเส้นทางเบื้องหน้าเจ้า  เมื่อวันหนึ่ง การทดสอบที่ยิ่งใหญ่มาถึง คนอื่นๆ จะล้มลง แต่เจ้าจะยังคงสามารถตั้งมั่นอยู่ได้ กล่าวคือ เพราะราคาที่เจ้าได้จ่ายไปแล้ว พระเจ้าจะทรงปกป้องเจ้าเพื่อให้เจ้าสามารถตั้งมั่นได้และไม่ล้มลง  หากตามปกติแล้ว เจ้าสามารถนำความจริงไปปฏิบัติและทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ด้วยหัวใจที่รักพระองค์อย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าจะทรงปกป้องเจ้าในช่วงระหว่างการทดสอบทั้งหลายในอนาคตอย่างแน่นอน  แม้เจ้าจะโง่เขลาและมีวุฒิภาวะน้อยนิดและมีขีดความสามารถต่ำ พระเจ้าจะไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชังกับเจ้า  มันขึ้นอยู่กับว่าเจตนาทั้งหลายของเจ้านั้นถูกต้องหรือไม่  วันนี้ เจ้าสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ ซึ่งเจ้าใส่ใจต่อรายละเอียดที่เล็กที่สุด เจ้าทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ในทุกสรรพสิ่ง เจ้ามีหัวใจที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริง เจ้ามอบหัวใจที่แท้จริงของเจ้าแด่พระเจ้า และแม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าไม่สามารถเข้าใจได้ เจ้าก็สามารถมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อแก้ไขเจตนาทั้งหลายของเจ้าให้ถูกต้องและแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า และเจ้าทำทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย  บางทีบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้าอาจจะทิ้งเจ้าไป แต่หัวใจของเจ้าจะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และเจ้าจะไม่ละโมบความยินดีของเนื้อหนัง  หากเจ้าปฏิบัติในหนทางนี้ตลอดเวลา เจ้าจะได้รับการปกป้องเมื่อการทดสอบที่ยิ่งใหญ่มาถึงเจ้า

การทดสอบทั้งหลายมุ่งหมายไปที่สภาวะภายในอันใดในผู้คน?  การทดสอบทั้งหลายนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่อุปนิสัยอันเป็นกบฏในผู้คนซึ่งไม่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้  มีอะไรมากมายที่ไม่บริสุทธิ์ภายในผู้คน และอะไรมากมายที่หน้าซื่อใจคด และดังนั้นพระเจ้าจึงทรงทำให้ผู้คนได้รับการทดสอบทั้งหลายเพื่อที่จะชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์  แต่หากวันนี้ เจ้าสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ เช่นนั้นแล้ว การทดสอบทั้งหลายในอนาคตก็จะเป็นการมีความเพียบพร้อมสำหรับเจ้า  หากวันนี้ เจ้าไม่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ เช่นนั้นแล้ว การทดสอบทั้งหลายในอนาคตจะทดลองเจ้า เจ้าจะล้มลงโดยไม่ทันรู้ตัว และในเวลานั้นเจ้าจะไม่สามารถช่วยตัวเจ้าเองได้ เพราะเจ้าไม่สามารถตามพระราชกิจของพระเจ้าทันและไม่มีวุฒิภาวะที่แท้จริง  และดังนั้น หากเจ้าปรารถนาที่จะสามารถตั้งมั่นได้ในอนาคต เพื่อทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ดียิ่งขึ้น และเพื่อติดตามพระองค์ไปจนถึงที่สุด วันนี้เจ้าต้องสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง  เจ้าจะต้องทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยโดยการนำความจริงไปปฏิบัติในทุกสรรพสิ่งและใส่ใจต่อน้ำพระทัยของพระองค์  หากเจ้าปฏิบัติในหนทางนี้ตลอดเวลา จะมีรากฐานภายในตัวเจ้า และพระเจ้าจะทรงสร้างแรงบันดาลใจในหัวใจของเจ้าที่รักพระองค์ และพระองค์จะทรงมอบความเชื่อแก่เจ้า  วันหนึ่ง เมื่อการทดสอบอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับเจ้าอย่างแท้จริง เจ้าอาจทนทุกข์กับความเจ็บปวดบางอย่างและรู้สึกเสียใจถึงจุดหนึ่ง และทนทุกข์กับความเศร้าโศกที่บีบคั้น ราวกับว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว—แต่การรักพระเจ้าของเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง และจะยิ่งกลายเป็นหยั่งลึกขึ้นไปอีก  เช่นนั้นคือพระพรของพระเจ้า  หากเจ้าสามารถยอมรับทุกอย่างที่พระเจ้าตรัสและทรงกระทำในวันนี้ด้วยหัวใจแห่งการเชื่อฟัง เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้าอย่างแน่นอน และดังนั้น เจ้าจะเป็นใครบางคนที่ได้รับการอวยพรจากพระเจ้าและได้รับพระสัญญาของพระองค์  หากในวันนี้ เจ้าไม่ปฏิบัติ เมื่อการทดสอบทั้งหลายเกิดขึ้นกับเจ้าในวันหนึ่ง เจ้าจะปราศจากความเชื่อหรือหัวใจที่มีรัก และในเวลานั้นการทดสอบนั้นจะกลายเป็นการทดลอง เจ้าจะถลำลงไปท่ามกลางการทดลองของซาตานและจะไม่มีหนทางที่จะหลบหนี  วันนี้ เจ้าอาจสามารถตั้งมั่นอยู่ได้เมื่อการทดสอบเล็กๆ เกิดขึ้นกับเจ้า แต่ไม่จำเป็นว่าเจ้าจะสามารถตั้งมั่นอยู่ได้เมื่อการทดสอบใหญ่เกิดขึ้นกับเจ้าวันหนึ่ง  บางคนนั้นอวดดีและคิดว่าพวกเขาใกล้จะมีความเพียบพร้อมแล้ว  หากเจ้าไม่ไปให้ลึกกว่านั้นในช่วงเวลาเช่นนั้น และยังคงพึงพอใจ เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะตกอยู่ในอันตราย  วันนี้ พระเจ้าไม่ทรงพระราชกิจของการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ขึ้นและทุกอย่างดูเหมือนว่าเรียบร้อยดี แต่เมื่อพระเจ้าทรงทดสอบเจ้า เจ้าจะค้นพบว่าเจ้าขาดพร่องเกินไป เพราะวุฒิภาวะของเจ้านั้นน้อยเกินไปและเจ้าไม่สามารถสู้ทนการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายได้  หากเจ้ายังคงเป็นเหมือนที่เจ้าเป็นและอยู่ในสภาวะแห่งความเฉื่อย เช่นนั้นแล้ว เมื่อการทดสอบทั้งหลายมาถึง เจ้าจะล้ม  พวกเจ้าควรหมั่นดูว่าวุฒิภาวะของพวกเจ้านั้นน้อยเพียงใด  ในหนทางนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะก้าวหน้าได้  หากมีเพียงในช่วงระหว่างการทดสอบทั้งหลายเท่านั้นที่เจ้าจะมองเห็นว่าวุฒิภาวะของเจ้านั้นน้อยยิ่งนัก เห็นว่าพลังจิตของเจ้าอ่อนกำลังยิ่งนัก เห็นว่าภายในตัวเจ้าที่เป็นจริงนั้นเล็กน้อยเกินไป และเห็นว่าเจ้าไม่ดีพอสำหรับน้ำพระทัยพระเจ้า—หากเจ้าตระหนักในสิ่งเหล่านี้เฉพาะตอนนั้นเท่านั้น มันก็จะสายเกินไป

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง

บรรดาผู้ซึ่งมีความสามารถที่จะตั้งมั่นในระหว่างพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้าช่วงระหว่างยุคสุดท้าย—กล่าวคือ ในระหว่างพระราชกิจแห่งการชำระให้บริสุทธิ์ขั้นสุดท้ายนั้น—จะเป็นบรรดาผู้ซึ่งจะเข้าสู่การหยุดพักขั้นสุดท้ายเคียงข้างพระเจ้า เช่นนี้เอง บรรดาผู้ซึ่งเข้าสู่การหยุดพักทั้งหมดนั้นจะหลุดพ้นจากอิทธิพลของซาตาน และจะได้รับการรับไว้โดยพระเจ้าหลังจากได้ก้าวผ่านพระราชกิจแห่งการชำระให้บริสุทธิ์ขั้นสุดท้ายของพระองค์แล้ว  พวกมนุษย์เหล่านี้ ผู้ซึ่งในที่สุดจะได้ถูกรับไว้โดยพระเจ้านั้น จะเข้าสู่การหยุดพักขั้นสุดท้าย  โดยแก่นแท้แล้วจุดประสงค์ของพระราชกิจแห่งการตีสอนและการพิพากษาของพระเจ้าหมายที่จะชำระมนุษยชาติให้บริสุทธิ์ เพื่อการหยุดพักขั้นสุดท้าย หากไม่มีการชำระให้สะอาดดังกล่าว ก็คงจะไม่มีมนุษย์คนใดถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มแตกต่างกันตามประเภท หรือเข้าสู่การหยุดพักได้  พระราชกิจนี้เป็นเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นของมนุษยชาติที่จะเข้าสู่การหยุดพัก  เฉพาะพระราชกิจแห่งการชำระให้บริสุทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้นที่จะชำระพวกมนุษย์ให้สะอาดจากความไม่ชอบธรรมของพวกเขา และเฉพาะพระราชกิจแห่งการตีสอนและการพิพากษาของพระองค์เท่านั้นที่จะนำส่วนประกอบของมนุษยชาติที่ไม่เชื่อฟังเหล่านั้นไปสู่ความสว่าง ด้วยวิธีนั้น จึงเป็นการแยกบรรดาผู้ที่สามารถถูกช่วยให้รอดออกจากบรรดาผู้ที่ไม่สามารถถูกช่วยให้รอดได้ และแยกบรรดาผู้ที่จะคงเหลืออยู่ออกจากบรรดาผู้ที่จะไม่คงเหลืออยู่ได้  เมื่อพระราชกิจนี้สิ้นสุดลง บรรดาผู้คนที่ได้รับอนุญาตให้คงเหลืออยู่จะถูกชำระให้สะอาดทั้งหมดและเข้าสู่สภาวะที่สูงขึ้นของมนุษยชาติ ซึ่งพวกเขาจะได้ชื่นชมกับชีวิตที่สองของมนุษย์อันน่าอัศจรรย์มากยิ่งขึ้นบนแผ่นดินโลก กล่าวคือ พวกเขาจะเริ่มวันแห่งการหยุดพักแบบมนุษย์ของพวกเขา และดำรงอยู่ร่วมกันกับพระเจ้า  หลังจากที่บรรดาผู้ไม่ได้รับอนุญาตให้คงเหลืออยู่ได้ถูกตีสอนและถูกพิพากษาแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาจะถูกตีแผ่ออกมาโดยถ้วนทั่ว ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะถูกทำลาย และไม่ได้รับอนุญาตให้รอดชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกอีกต่อไป เช่นเดียวกับซาตาน  มนุษยชาติแห่งอนาคตจะไม่รวมเข้ากับผู้คนประเภทนี้คนใดเลยอีกต่อไป ผู้คนเช่นนี้ไม่เหมาะสมที่จะเข้าสู่แผ่นดินแห่งการหยุดพักขั้นสูงสุด อีกทั้งไม่เหมาะสมที่จะร่วมในวันแห่งการหยุดพักที่พระเจ้าและมนุษยชาติจะร่วมแบ่งปันกัน ด้วยเพราะพวกเขาเป็นเป้าหมายแห่งการลงโทษและเป็นผู้คนไม่ชอบธรรมที่ชั่วร้าย  พวกเขาเคยได้รับการไถ่มาครั้งหนึ่ง และพวกเขายังได้ถูกพิพากษาและถูกตีสอนด้วย ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยทำการปรนนิบัติพระเจ้าด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม เมื่อวันสุดท้ายมาถึง พวกเขาจะยังคงถูกกำจัดและถูกทำลายเนื่องจากความชั่วร้ายของพวกเขา และเป็นผลมาจากการไม่เชื่อฟังและการไม่สามารถได้รับการไถ่ของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีวันได้มาอยู่ในโลกแห่งอนาคตอีกครั้ง และจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งอนาคตอีกต่อไป…จุดประสงค์ทั้งหมดทั้งมวลเบื้องหลังพระราชกิจขั้นสูงสุดแห่งการลงโทษคนชั่วและการให้บำเหน็จรางวัลคนดีของพระเจ้านั้นคือการชำระพวกมนุษย์ทั้งหมดให้บริสุทธิ์อย่างถ้วนทั่ว เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงนำมนุษยชาติที่บริสุทธิ์สะอาดเข้าสู่การหยุดพักอันเป็นนิรันดร์ได้  พระราชกิจช่วงระยะนี้ของพระองค์มีความสำคัญยิ่งยวดเป็นที่สุด ซึ่งเป็นช่วงระยะสุดท้ายของพระราชกิจแห่งการบริหารจัดการของพระองค์ทั้งหมด  หากพระเจ้าไม่ได้ทรงทำลายคนชั่ว แต่กลับทรงยอมให้พวกเขาคงเหลืออยู่ เช่นนั้นแล้ว มนุษย์ทุกคนก็จะยังคงไร้ความสามารถที่จะเข้าสู่การหยุดพักได้ และพระเจ้าก็จะไม่ทรงมีความสามารถที่จะนำมนุษยชาติทั้งหมดเข้าสู่อาณาจักรที่ดีกว่าได้  พระราชกิจดังกล่าวก็คงจะไม่ครบบริบูรณ์  เมื่อพระราชกิจของพระองค์เสร็จสิ้นลง มนุษยชาติทั้งหมดจะบริสุทธิ์อย่างถ้วนบริบูรณ์ ด้วยหนทางนี้เท่านั้นที่พระเจ้าจะสามารถดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในการหยุดพักได้อย่างมีสันติสุข

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าและมนุษย์จะเข้าสู่การหยุดพักด้วยกัน

ก่อนหน้า: 2. บ่อยครั้งที่พวกศิษยาภิบาลบอกพวกเราว่า แม้ว่าความวิบัติกระหน่ำพรมลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเราต้องไม่กลัว เพราะพระคัมภีร์บอกพวกเราว่า “พันคนจะล้มอยู่ข้างๆ ท่าน หมื่นคนที่ขวามือของท่าน แต่ภัยนั้นจะไม่มาใกล้ท่าน” (สดุดี 91:7)  หากพวกเรามีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า และอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ และชุมนุมกันต่อไป ความวิบัติก็จะไม่ตกแก่พวกเรา  แต่ก็มีพวกศิษยาภิบาลเคร่งศาสนาและคริสตชนบางคนที่ได้ตายไปในความวิบัติเหล่านี้  พวกเขาล้วนได้อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน และรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นแล้วทำไมพระเจ้ามิได้ทรงอารักขาพวกเขาเล่า?

ถัดไป: 1. โลกทุกวันนี้ค่อยๆ มืดลงทุกทีอย่างแท้จริง และมวลมนุษย์ก็เสื่อมทรามขึ้นทุกที  โลกกำลังอยู่ในความเสื่อมถอย ศีลธรรมทั้งหลายสูญหายไป ผู้คนที่ดีที่เชื่อในพระเจ้าและเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องกำลังถูกกลั่นแกล้ง กดขี่ และข่มเหง ในขณะที่พวกเลียรองเท้าบูทและพวกโกงกินเหล่านั้นที่ทำทุกลักษณะของความชั่วมีนั้นความจำเริญ  ทำไมโลกจึงเลวและมืดมิดยิ่งนัก?  ความเสื่อมทรามของมวลมนุษย์ได้เอื้อมไปถึงจุดยอดของมันแล้ว—นี่เป็นเวลาที่มนุษย์จะถูกพระเจ้าทรงทำลายแล้วหรือ?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger