4. แม้ว่าพวกคุณเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และอธิษฐานต่อพระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็กำลังเผยแพร่ข้อมูลซึ่งกล่าวว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่ง และพวกคุณก็ทำสิ่งใดก็ตามไปตามที่เขาพูด  พวกคุณให้คำพยานว่า บุคคลผู้นี้เป็นปุโรหิต เป็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งพระเจ้าทรงใช้ และว่าเขารับผิดชอบกิจการงานด้านการบริหารทั้งหมด  ฉันคิดไม่ออกเลย—ใครกันแน่ที่ก่อตั้งคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์?  จุดกำเนิดของคริสตจักรคือสิ่งใด?  พวกคุณสามารถอธิบายการนี้ได้หรือไม่?

บทตัดตอนจากคำเทศนาและการสามัคคีธรรมสำหรับการอ้างอิง

ทุกคนที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าตระหนักรู้ว่าศาสนายิวและศาสนาคริสต์นั้นมีต้นกำเนิดอยู่ในการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ทั้งสองศาสนาเกิดขึ้นมาจากพระราชกิจของพระเจ้า  ศาสนายิวได้มีขึ้นมาเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทรงปรากฏ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจ และได้ทรงประกาศกฤษฎีกาธรรมบัญญัติ และศาสนาคริสต์มีขึ้นมาเพราะองค์พระเยซูเจ้าได้ทรงปรากฏและได้ทรงพระราชกิจแห่งการไถ่  ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถก่อตั้งศาสนาเช่นนั้นได้  ในทำนองเดียวกัน คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ได้มีขึ้นเพราะพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงปรากฏ กำลังทรงปฏิบัติพระราชกิจ และแสดงความจริงมากมาย และทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาในยุคสุดท้าย  มวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามนั้นปราศจากความจริง และจะไม่มีความสามารถตลอดกาลในการแสดงความจริง—ดังนั้น มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถก่อตั้งคริสตจักรขนาดใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร?  เจ้าจะเชื่อหรือไม่หากใครบางคนกล่าวว่า ศาสนายิวถูกก่อตั้งขึ้นโดยโมเสส และศาสนาคริสต์ก่อตั้งขึ้นโดยเปาโล?  แน่นอนว่าเจ้าย่อมจะไม่เชื่อ  ดังนั้นแล้ว คำกล่าวอ้างของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ถูกก่อตั้งขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่งก็เป็นคำโกหกทั้งดุ้นยิ่งขึ้นไปอีก เป็นคำโกหกที่ไม่มีรากฐานโดยสิ้นเชิง  ในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงแสดงพระวจนะมากมาย และทุกคนที่ได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์จะยอมรับรู้ว่าพระวจนะเหล่านั้นเป็นความจริง  ผู้คนเหล่านี้ถูกพิชิตโดยพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และไม่อาจมีข้อกังขาใดว่าองค์หนึ่งเดียวที่พวกเขาเชื่อนั้นก็คือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  ด้วยเหตุนี้ คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์จึงสามารถเกิดขึ้นได้จากการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และถูกก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เท่านั้น—ไม่มีข้อกังขาสำหรับการนี้  ในช่วงระหว่างเวลาแห่งพระราชกิจของพระองค์นั้น มนุษย์ที่ถูกใช้และถูกสถาปนาโดยพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือผู้ซึ่งนำบรรดาผู้ที่ได้รับการเลือกสรรในการทำงานของคริสตจักร  ในขณะเดียวกัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวว่าคริสตจักรถูกก่อตั้งขึ้นโดยบุคคลบางคนก็เพื่อที่จะปราบปราม โจมตี และทำลายคริสตจักรนี้ให้สิ้นซาก  นี่ไม่ไร้สาระน่าขันหรอกหรือ?  เป็นที่ประจักษ์อยู่ในตัวเองแล้วว่าจุดประสงค์ในการกล่าวเช่นนี้ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็คือเพื่อที่จะแพร่กระจายข้อมูลบิดเบือน ทำลายความน่าเชื่อถือ และทำลายคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ให้สิ้นซาก  แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วหรือยัง?  ไม่  ทุกวันนี้ พระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ไปถึงหลายประเทศทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นดังต่อไปนี้ว่า  คำกล่าวอ้างทั้งหมดที่ว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ถูกก่อตั้งโดยบุคคลบางคนนั้นจึงเป็นกลอุบายที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวงของซาตาน กลอุบายที่สามารถทำได้แค่หลอกลวงพวกที่โง่และไม่รู้เท่าทันเท่านั้น

ในยุคพระคุณ องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงสัญญาต่อบรรดาผู้ติดตามของพระองค์ว่า “เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย(ยอห์น 14:3) พระองค์ยังได้ตรัสคำเผยพระวจนะด้วยว่า “เพราะว่าฟ้าแลบจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกอย่างไร การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้น(มัทธิว 24:27)  ในยุคสุดท้าย ตามที่ได้ทรงให้สัญญาและได้ทรงทำนายไว้โดยพระองค์เอง พระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และเสด็จลงมาสู่ทิศตะวันออกของโลก—ประเทศจีน—เพื่อทรงปฏิบัติพระราชกิจของการพิพากษา การตีสอน การชำระให้บริสุทธิ์ และความรอดโดยทรงใช้พระวจนะ บนรากฐานของการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้า  ในการนี้ คำเผยพระวจนะของพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่ว่า “การพิพากษาเริ่มต้นด้วยพระนิเวศของพระเจ้า” และ “ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย” ก็ได้ถูกทำให้ลุล่วงด้วยเช่นกัน พระราชกิจของพระเจ้าของยุคสุดท้ายได้สิ้นสุดยุคพระคุณและนำมาซึ่งยุคอาณาจักร  ขณะที่พระกิตติคุณของราชอาณาจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เผยแพร่อย่างรวดเร็วในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้คนจากทุกศาสนาและทุกคณะนิกายผู้ซึ่งรักความจริงและโหยหาที่จะให้พระเจ้าทรงปรากฏได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และระลึกได้ว่าพระวจนะเหล่านั้นคือความจริง คือพระสุรเสียงของพระเจ้า พวกเขาก็กลายเป็นแน่ใจว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเป็นองค์พระเยซูเจ้าผู้เสด็จกลับมา และพวกเขาคนแล้วคนเล่าก็ยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ได้มาดำรงอยู่  ตามที่ได้พิสูจน์แล้วโดยข้อเท็จจริงทั้งหลาย คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้มาดำรงอยู่อย่างครบถ้วนบริบูรณ์อันเนื่องมาจากการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และไม่ได้สถาปนาขึ้นโดยมนุษย์คนใด  นี่เป็นเพราะผู้คนที่ถูกเลือกสรรในคริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อธิษฐานในพระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เชื่อฟังพระราชกิจของพระองค์ และยอมรับความจริงทั้งหมดที่พระองค์ทรงแสดงออก  ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าผู้คนที่ถูกเลือกสรรเหล่านี้เชื่อในพระคริสต์ผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ในยุคสุดท้าย คือพระเจ้าผู้ทรงภาคปฏิบัติผู้ทรงเป็นพระวิญญาณซึ่งได้ตระหนักในเนื้อหนัง แทนที่จะเชื่อในมนุษย์  ภายนอกนั้น พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไม่ได้ทรงเป็นอื่นใดมากไปกว่าบุตรมนุษย์ธรรมดาๆ ผู้หนึ่ง แต่ในเนื้อแท้แล้วพระองค์ทรงเป็นการทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาของพระวิญญาณของพระเจ้าและทรงเป็นความจริง เป็นหนทาง และเป็นชีวิต พระราชกิจและพระวจนะของพระองค์เป็นการแสดงออกโดยตรงของพระวิญญาณของพระเจ้าและเป็นการทรงปรากฏของพระเจ้าในสภาวะบุคคล  ดังนั้น พระองค์จึงทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงภาคปฏิบัติผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์

ในปี ค.ศ. 1991 พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย ได้ทรงเริ่มที่จะปฏิบัติพันธกิจของพระองค์อย่างเป็นทางการในประเทศจีน  ในขณะนั้น พระองค์ได้ทรงสำแดงพระวจนะนับล้านๆ คำและได้ทรงเริ่มพระราชกิจของการพิพากษาแห่งมหาบัลลังก์สีขาวในยุคสุดท้าย เหมือนอย่างที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พระราชกิจแห่งการพิพากษาคือพระราชกิจของพระเจ้าเอง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว พระเจ้าจึงต้องทรงพระราชกิจนี้ด้วยพระองค์เอง มนุษย์ไม่สามารถทำแทนพระองค์ได้ เนื่องจากการพิพากษาคือการใช้ความจริงเพื่อครอบครองมนุษยชาติ จึงไม่มีคำถามเลยว่าพระเจ้าจะยังคงทรงปรากฏในภาพลักษณ์ที่เป็นมนุษย์เพื่อทรงปฏิบัติพระราชกิจนี้ท่ามกลางมนุษย์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายจะทรงใช้ความจริงเพื่อสั่งสอนผู้คนทั่วโลกและทำให้ความจริงทั้งหมดเป็นที่รู้จักของพวกเขา นี่คือพระราชกิจแห่งการพิพากษาของพระเจ้า(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระคริสต์ทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาด้วยความจริง)  “พระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งพระวจนะในยุคสุดท้าย และพระวจนะดังกล่าวก็คือพระวจนะทั้งหลายของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยเหตุที่พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์และยังสามารถบังเกิดเป็นมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น พระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตามที่พูดถึงกันในอดีต จึงเป็นพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ในวันนี้…เพื่อที่พระเจ้าจะได้ตรัสถ้อยดำรัสทั้งหลายในอันที่จะดำเนินการพระราชกิจ พระองค์จะต้องทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ มิฉะนั้น พระราชกิจของพระองค์ก็คงจะไม่สามารถสำเร็จลุล่วงในเป้าหมายของพระราชกิจนั้นได้(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์ผู้ที่ได้จำกัดเขตพระเจ้าไว้ในมโนคติที่หลงผิดของเขาสามารถได้รับวิวรณ์ของพระเจ้าได้อย่างไร?)  เพราะการทรงปรากฏและพระดำรัสของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กระหายและแสวงหาความจริงได้ถูกพิชิตชัยและถูกชำระให้บริสุทธิ์โดยพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และได้เห็นการทรงปรากฏของพระเจ้าและการเสด็จกลับมาของพระผู้ไถ่ในการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้า  คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้มาดำรงอยู่เพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์—องค์พระเยซูเจ้าผู้เสด็จกลับมา—พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย และยังอยู่ภายใต้การพิพากษาและการตีสอนอันชอบธรรมของพระองค์ด้วยเช่นกัน  คริสตจักรประกอบไปด้วยบรรดาผู้ที่ยอมรับพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างแท้จริงและถูกพิชิตชัยและได้รับการช่วยให้รอดโดยพระวจนะของพระเจ้า  คริสตจักรได้ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างครบถ้วนบริบูรณ์โดยพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ด้วยพระองค์เอง และพระองค์ทรงนำทางและทรงเป็นผู้เลี้ยงโดยพระองค์เอง และไม่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมนุษย์คนใด  นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยผู้ที่ถูกเลือกสรรทุกคนในคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  ใครก็ตามที่ถูกใช้งานโดยพระเจ้าผู้จุติเป็นมนุษย์ได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าโดยพระเจ้าแล้ว และได้รับการแต่งตั้งและได้รับการเป็นพยานโดยพระเจ้าด้วยพระองค์เอง เหมือนอย่างที่พระเยซูได้ทรงเลือกและแต่งตั้งบรรดาสาวกทั้งสิบสองคนด้วยพระองค์เอง  บรรดาผู้ที่ถูกใช้งานโดยพระเจ้าเพียงแค่ให้ความร่วมมือกับพระราชกิจของพระองค์เท่านั้น และไม่มีวันสามารถปฏิบัติพระราชกิจของพระเจ้าแทนที่พระองค์ได้  เพราะมวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามนั้นปราศจากความจริง และไม่มีวันสามารถแสดงความจริงได้ นับประสาอะไรที่จะก่อตั้งคริสตจักร คริสตจักรไม่ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยพวกที่ถูกใช้งานโดยพระเจ้า อีกทั้งประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรก็ไม่เชื่อในหรือติดตามพวกเขา  คริสตจักรทั้งหลายของยุคพระคุณไม่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยเปาโลและอัครทูตท่านอื่นๆ แต่เป็นผลผลิตของพระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้าและถูกก่อตั้งขึ้นโดยองค์พระเยซูเจ้าพระองค์เอง  ในทำนองเดียวกัน คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคสุดท้ายไม่ได้ถูกสถาปนาขึ้นโดยมนุษย์ที่พระเจ้าทรงใช้งาน แต่เป็นผลผลิตของพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  มนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงใช้งานเพียงแค่รดน้ำ จัดหา และนำทางคริสตจักรทั้งหลายเท่านั้น โดยปฏิบัติหน้าที่ของมนุษย์ แม้ว่าประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรจะได้รับการนำทาง รดน้ำ และจัดหาโดยมนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงใช้งาน พวกเขาไม่เชื่อในและไม่ติดตามใครเลยนอกจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และยอมรับและเชื่อฟังพระวจนะและพระราชกิจของพระองค์  นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้  เพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ในยุคสุดท้าย บรรดาเหล่าผู้เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงจำนวนมากในทุกๆ นิกายทางศาสนาในที่สุดล้วนแล้วแต่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า ได้เห็นว่าองค์พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาแล้วและได้ดำเนินพระราชกิจของการพิพากษาซึ่งเริ่มต้นกับพระนิเวศของพระเจ้า และพวกเขาทั้งหมดได้ยืนยันว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเป็นองค์พระเยซูเจ้าผู้เสด็จกลับมา—และผลก็คือ พวกเขาได้ยอมรับพระราชกิจของยุคสุดท้ายของพระองค์แล้ว  บรรดาผู้ที่ถูกพิชิตชัยโดยพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์กลายเป็นอยู่ภายใต้บังคับแห่งพระนามของพระองค์  และผู้คนที่ถูกเลือกสรรทั้งหมดของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์จึงอธิษฐานต่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และติดตาม เชื่อฟัง และนมัสการพระองค์  ผู้คนที่ได้รับเลือกสรรในประเทศจีนเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้าในการพิพากษาและการตีสอนแล้ว ที่ได้มาซึ้งคุณค่าพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ และที่ได้เห็นพระบารมีและพระพิโรธของพระองค์ พวกเขาจึงได้ถูกพิชิตชัยอย่างสมบูรณ์โดยพระวจนะของพระเจ้าและได้ทรุดลงหมอบราบต่อพระพักตร์พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และเต็มใจที่จะเชื่อฟังและยอมรับการพิพากษาและการตีสอนของพระวจนะของพระเจ้า  พวกเขาได้กลับใจและเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้รับความรอดของพระเจ้า

—การสามัคคีธรรมจากเบื้องบน

ก่อนหน้า: 3. ฉันไม่เห็นคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทำอะไรมากไปกว่าเผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้คำพยานต่อพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้า โดยขอให้ผู้คนซื่อสัตย์และเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องของชีวิตมนุษย์  แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็กำลังเผยแพร่ข้อมูลซึ่งกล่าวว่า จุดหมายสูงสุดของคริสตจักรในการเผยแผ่ข่าวประเสริฐก็คือการโค่นล้มการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน  ฉันไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคำพูดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นจริงแท้หรือว่าเป็นเท็จ?

ถัดไป: 5. ตามหลังอุบัติการณ์ในจ้าวหยวน มณฑลชานตง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ขยับขั้นความพยายามของมันขึ้นไปสู่การโจมตีคริสตจักรบ้านทั้งหลาย และกระทั่งไปไกลถึงขั้นระดมพลตำรวจติดอาวุธทำการปราบปรามและจัดการขั้นเด็ดขาดกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  ผู้คนมากมายได้แสดงข้อกังขาเกี่ยวกับอุบัติการณ์จ้าวหยวน โดยเชื่อว่านี่เป็นการพยายามอย่างหนึ่งโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะโจมตีและปราบปรามคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ โดยการปั้นแต่งคดีเท็จเพื่อหันความเห็นสาธารณะไปต่อต้านคริสตจักร  ทั้งที่เป็นเช่นนั้น คดีนี้ก็ได้ถูกพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะในศาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน และถูกรายงานโดยช่องทางสื่อหลักๆ ของจีน และผู้คนบางคนก็เชื่อสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้พูดไป  พวกเราประสงค์ที่จะได้ยินสิ่งที่พวกคุณคิดเกี่ยวกับอุบัติการณ์ในจ้าวหยวน

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger