อารัมภบท
(ตัดตอนมาจาก ของพระวจนะแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์)
ผู้คนทุกคนจำเป็นต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายของงานของเราบนโลก นั่นคือ สิ่งที่เราปรารถนาที่จะได้รับในท้ายที่สุด และระดับที่เราต้องสัมฤทธิ์ผลในงานนี้ก่อนที่งานจะสามารถครบบริบูรณ์ได้ หากว่าหลังจากที่เดินมากับเราจนถึงวันนี้ ผู้คนยังไม่เข้าใจว่างานของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เช่นนั้นแล้ว พวกเขาไม่ได้เดินมากับเราอย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ? หากผู้คนติดตามเรา พวกเขาควรรู้เจตจำนงของเรา เราได้ทำงานบนแผ่นดินโลกมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว และจนถึงวันนี้ เรายังคงดำเนินการงานของเราเช่นนี้ต่อไป ถึงแม้ว่างานของเราจะมีโครงการมากมาย จุดประสงค์ของงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเราเต็มเปี่ยมไปด้วยคำพิพากษาและการตีสอนต่อมนุษย์ ตัวอย่างเช่น สิ่งที่เราทำยังคงเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการช่วยเขาให้รอด และเพื่อประโยชน์แห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐของเราให้ดียิ่งขึ้นและขยายงานของเราออกไปให้ไกลยิ่งขึ้นท่ามกลางประชาชาติทั้งปวงเมื่อมนุษย์ได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์แล้ว ดังนั้นวันนี้ ในยามที่ผู้คนจำนวนมากจมลึกอยู่ในความท้อใจมานานแล้ว เรายังคงทำงานของเราต่อไป เราทำงานที่เราต้องทำเพื่อพิพากษาและตีสอนมนุษย์ต่อไป ถึงแม้จะมีข้อเท็จจริงว่ามนุษย์เบื่อหน่ายกับสิ่งที่เราพูด และเขาไม่มีความพึงปรารถนาที่จะสนใจงานของเรา เราก็ยังคงดำเนินการตามหน้าที่ของเราอยู่ เนื่องจากจุดประสงค์ของงานของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และแผนดั้งเดิมของเราจะไม่หยุดชะงัก หน้าที่ของการพิพากษาของเราคือการทำให้มนุษย์สามารถเชื่อฟังเรายิ่งขึ้น และหน้าที่ของการตีสอนของเราคือการช่วยให้มนุษย์สามารถรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แม้ว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการบริหารจัดการของเราก็ตาม แต่เราไม่เคยทำสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ต่อมนุษย์ เนื่องจากเราพึงปรารถนาที่จะทำให้ประชาชาติต่างๆ ทั้งหมดนอกเหนือไปจากอิสราเอลเชื่อฟังดังเช่นผู้คนแห่งอิสราเอล ทำให้พวกเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ซึ่งเราคงจะมีหลักที่มั่นคงในแผ่นดินที่อยู่นอกอิสราเอล นี่คือการบริหารจัดการของเรา มันคืองานที่เรากำลังทำให้สำเร็จลุล่วงท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย แม้กระทั่งบัดนี้ ผู้คนจำนวนมากก็ยังคงไม่เข้าใจการบริหารจัดการของเรา เพราะว่าพวกเขาไม่มีความสนใจในเรื่องต่างๆ ดังกล่าว และใส่ใจเฉพาะอนาคตและบั้นปลายของตนเองเท่านั้น ไม่ว่าเราจะกล่าวอะไรก็ตาม พวกเขายังคงไม่แยแสต่องานที่เราทำ แต่กลับมุ่งเน้นอยู่กับบั้นปลายในวันพรุ่งนี้ของตนเพียงอย่างเดียว หากเรื่องต่างๆ ดำเนินไปอย่างนี้ งานของเราจะสามารถแผ่ขยายไปได้อย่างไร? ข่าวประเสริฐของเราจะได้รับการเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกได้อย่างไร? จงรู้ไว้เถิดว่าเมื่องานของเราเผยแผ่ออกไป เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไป และโจมตีพวกเจ้าเหมือนดังที่พระยาห์เวห์ได้โจมตีแต่ละเผ่าของอิสราเอล ทั้งหมดนี้จะถูกทำลงไปเพื่อที่ข่าวประเสริฐของเราจะสามารถเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกได้ เพื่อที่งานของเราอาจแผ่ขยายไปยังประชาชาติทั้งหลาย เพื่อที่นามของเราจะได้รับการสรรเสริญโดยบรรดาผู้ใหญ่และเด็กๆ เช่นเดียวกัน และนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราจะได้เป็นที่ยกย่องในปากของผู้คนจากทุกเผ่าและทุกชาติ มันเป็นไปเพื่อที่ว่า ในยุคสุดท้ายนี้ นามของเราจะได้รับการสรรเสริญท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย เพื่อที่ประชาชาติทั้งหลายจะได้เห็นกิจการทั้งหลายของเราและพวกเขาจะเรียกเราว่าองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เนื่องจากกิจการทั้งหลายของเรา และเพื่อที่วจนะของเราจะได้บังเกิดขึ้นในอีกไม่นาน เราจะทำให้ผู้คนทั้งปวงรู้ว่าเราไม่ได้เป็นเพียงพระเจ้าของผู้คนแห่งอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังเป็นพระเจ้าของประชาชาติในบรรดาชาติทั้งหมดอีกด้วย แม้แต่บรรดาชาติที่เราได้สาปแช่ง เราจะปล่อยให้ผู้คนทั้งหมดได้เห็นว่าเราคือพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง นี่คืองานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา จุดประสงค์ของแผนงานของเราสำหรับยุคสุดท้าย และงานเดียวที่จะต้องทำให้ลุล่วงในยุคสุดท้าย
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐคืองานแห่งการช่วยมนุษย์ให้รอดด้วยเช่นกัน
เจ้าสามารถสื่อสารถึงพระอุปนิสัยที่พระเจ้าทรงแสดงออกในแต่ละยุคอย่างเป็นรูปธรรมด้วยภาษาที่เหมาะแก่การถ่ายทอดความสำคัญของยุคนั้นๆ ได้หรือไม่? เจ้าผู้มีประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้าย สามารถบรรยายพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าอย่างละเอียดได้หรือไม่? เจ้าจะสามารถเป็นพยานยืนยันเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้าได้อย่างชัดเจนและถูกต้องแม่นยำหรือไม่? เจ้าจะถ่ายทอดสิ่งที่เจ้าได้เห็นและมีประสบการณ์ให้แก่บรรดาผู้เชื่อในศาสนาที่น่าสงสาร อ่อนด้อย และเปี่ยมศรัทธา ซึ่งหิวและกระหายความชอบธรรมและกำลังรอคอยให้เจ้าเป็นผู้เลี้ยงของพวกเขาอย่างไร? ผู้คนประเภทใดกันที่กำลังรอให้เจ้าเป็นผู้เลี้ยงของพวกเขา? เจ้าจินตนาการออกหรือไม่? เจ้าตระหนักรู้ภาระบนบ่าของเจ้า พระบัญชาสำหรับเจ้า และความรับผิดชอบของเจ้าหรือไม่? สำนึกแห่งภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ของเจ้าอยู่ที่ไหน? เจ้าจะทำหน้าที่เป็นเจ้านายคนหนึ่งในยุคถัดไปให้ดีพอได้อย่างไร? เจ้ามีสำนึกอันแรงกล้าของความเป็นนายหรือไม่? เจ้าจะอธิบายการเป็นนายของสรรพสิ่งอย่างไร? ใช่การเป็นนายเหนือสิ่งสร้างที่มีชีวิตทั้งมวลและเหนือสรรพสิ่งทางกายภาพของโลกจริงๆ หรือ? เจ้ามีแผนการอันใดเพื่อความก้าวหน้าของงานระยะต่อไป? มีผู้คนมากมายเพียงใดที่กำลังรอคอยให้เจ้าเป็นผู้เลี้ยงของพวกเขา? งานของเจ้าใช่งานหนักหรือไม่? พวกเขาอ่อนด้อย น่าสงสาร ตาบอดและหลงทาง ร้องคร่ำครวญอยู่ในความมืดมิดว่า—หนทางอยู่แห่งใด? พวกเขาโหยหายิ่งนักให้ความสว่างพลันเคลื่อนลงมาเหมือนดาวตก และขับไล่กำลังบังคับแห่งความมืดที่บีบคั้นมนุษย์มานานหลายปีเหลือเกิน ผู้ใดจะรู้ได้ว่าพวกเขาตั้งความหวังอย่างกระวนกระวายใจปานใด และคะนึงหาสิ่งนี้เพียงใดทั้งกลางวันและกลางคืน? แม้กระทั่งในวันที่ความสว่างส่องแสงวาบผ่านไป ผู้คนที่ทุกข์ทนอย่างลึกล้ำเหล่านี้ก็ยังคงถูกจองจำอยู่ในคุกใต้ดินอันมืดมิดโดยไม่มีหวังว่าจะได้รับการปลดปล่อย เมื่อไรที่พวกเขาจะไม่ต้องร่ำไห้อีกต่อไป? ความโชคร้ายของวิญญาณอันเปราะบางที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้หยุดพักเหล่านี้ช่างเลวร้าย และพวกเขาถูกพันธนาการที่ไร้กรุณาและประวัติศาสตร์ที่เยือกแข็งผูกมัดไว้ในสภาวะนี้มาช้านานแล้ว และผู้ใดได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของพวกเขา? ผู้ใดมองเห็นสภาพอันยากแค้นของพวกเขา? เจ้าเคยฉุกคิดบ้างหรือไม่ว่าพระหทัยของพระเจ้าโทมนัสและกระวนกระวายเพียงใด? พระองค์จะทรงทนเห็นมวลมนุษย์ผู้ไม่ประสา ที่พระองค์ทรงสร้างด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ต้องทนทุกข์ทรมานเยี่ยงนี้ได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไร มนุษย์ก็คือเหยื่อที่ถูกพิษ และถึงแม้มนุษย์จะรอดชีวิตมาได้จนถึงวันนี้ ผู้ใดจะรู้บ้างว่ามวลมนุษย์ถูกมารวางยาพิษมานานแล้ว? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าก็เป็นหนึ่งในเหยื่อทั้งหลาย? เจ้าไม่เต็มใจที่จะเพียรพยายามด้วยความรักที่เจ้ามีต่อพระเจ้า เพื่อช่วยผู้รอดชีวิตเหล่านี้ให้รอดหรอกหรือ? เจ้าไม่เต็มใจที่จะอุทิศพลังงานทั้งหมดที่เจ้ามีเพื่อตอบแทนพระเจ้าผู้ทรงรักมวลมนุษย์ประดุจโลหิตและเนื้อหนังของพระองค์เองหรอกหรือ? เมื่อพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เจ้าจะตีความการถูกพระเจ้าใช้ให้ดำรงชีวิตที่เหนือธรรมดาของเจ้าว่าอย่างไร? เจ้ามีความแน่วแน่และความมั่นใจที่จะดำรงชีวิตอันเปี่ยมความหมายของบุคคลที่มีศรัทธาแก่กล้าและรับใช้พระเจ้าหรือไม่?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรจะทำภารกิจในอนาคตของเจ้าอย่างไร?
สิ่งที่พวกเจ้าได้รับประสบการณ์และได้เห็นนั้นเหนือกว่าที่เหล่าวิสุทธิชนและเหล่าผู้เผยพระวจนะทั้งหลายจากทุกยุค แต่พวกเจ้าสามารถให้คำพยานได้ดีกว่าถ้อยคำของเหล่าวิสุทธิชนและเหล่าผู้เผยพระวจนะในอดีตกาลเหล่านี้หรือไม่? สิ่งที่เรามอบให้แก่พวกเจ้านั้นเหนือกว่าโมเสสและบดบังดาวิด ดังนั้น ในทำนองเดียวกันนี้ เราขอให้คำพยานของพวกเจ้าเหนือกว่าโมเสส และให้ถ้อยคำของพวกเจ้ายิ่งใหญ่กว่าดาวิด เราให้พวกเจ้าเป็นร้อยเท่า—ดังนั้น ในทำนองเดียวกันนี้ เราขอให้พวกเจ้าตอบแทนเราในแบบเดียวกัน พวกเจ้าต้องรู้ไว้ว่าเราคือผู้ที่มอบชีวิตให้แก่มวลมนุษย์ และพวกเจ้าคือผู้ที่ได้รับชีวิตจากเรา และต้องเป็นพยานให้เรา นี่คือหน้าที่ของพวกเจ้าที่เราได้ส่งลงมายังพวกเจ้า และที่พวกเจ้าควรจะต้องทำให้แก่เรา เราได้มอบสง่าราศีของเราทั้งหมดให้แก่พวกเจ้า เราได้มอบชีวิตให้แก่พวกเจ้า ซึ่งประชากรที่ถูกเลือก นั่นคือ พวกอิสราเอล ก็ไม่เคยได้รับมาก่อน ด้วยสิทธิ์ทั้งหลายนี้ พวกเจ้าควรจะต้องเป็นพยานต่อเรา และอุทิศวัยเยาว์ของพวกเจ้าให้เราและสละชีวิตลง ไม่ว่าใครก็ตามที่เราได้มอบสง่าราศีของเราให้ จะต้องเป็นพยานให้เรา และมอบชีวิตของพวกเขาให้เรา เราได้กำหนดเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้านานแล้ว เป็นโชควาสนาของพวกเจ้าที่เรามอบสง่าราศีของเราให้แก่พวกเจ้า และหน้าที่ของพวกเจ้าคือเป็นพยานให้สง่าราศีของเรา หากพวกเจ้าเชื่อในเราเพียงเพื่อที่จะได้รับพร เช่นนั้นแล้วงานของเราก็คงจะมีความสำคัญน้อยนิด และพวกเจ้าก็คงจะไม่ได้ทำหน้าที่ของพวกเจ้าให้ลุล่วง พวกอิสราเอลได้เห็นเพียงความกรุณา ความรัก และความยิ่งใหญ่ของเราเท่านั้น และพวกยิวได้เป็นพยานเฉพาะความอดทนและการไถ่ของเราเท่านั้น พวกเขาได้เห็นงานแห่งวิญญาณของเราน้อยนิดยิ่งนัก จนถึงจุดที่ว่าพวกเขามีความเข้าใจเพียงหนึ่งในหมื่นของสิ่งที่พวกเจ้าได้รู้และได้เห็น สิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นนั้นมากเกินกว่าแม้กระทั่งหัวหน้าปุโรหิตในหมู่พวกเขา ความจริงที่พวกเจ้าเข้าใจวันนี้เหนือกว่าของพวกเขา สิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นวันนี้มากเกินกว่าสิ่งที่ได้พบเห็นกันในยุคธรรมบัญญัติ รวมทั้งในยุคพระคุณ และสิ่งที่พวกเจ้าได้รับประสบการณ์นั้นเหนือกว่าแม้กระทั่งโมเสสและเอลียาห์ เนื่องจากสิ่งที่พวกอิสราเอลเข้าใจคือเฉพาะธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์เท่านั้น และสิ่งที่พวกเขาได้เห็นคือเฉพาะภาพของพระปฤษฎางค์ของพระยาห์เวห์เท่านั้น สิ่งที่พวกยิวเข้าใจคือเฉพาะการไถ่ของพระเยซูเท่านั้น สิ่งที่พวกเขาได้รับไว้คือเฉพาะพระคุณที่พระเยซูประทานให้เท่านั้น และสิ่งที่พวกเขาได้เห็นคือเฉพาะพระฉายาของพระเยซูภายในวงศ์ของพวกยิวเท่านั้น สิ่งที่พวกเจ้าเห็นในปัจจุบันคือพระสิริของพระยาห์เวห์ การไถ่ของพระเยซู และกิจการทั้งหมดของเราในวันนี้ ดังนั้น พวกเจ้าได้ยินวจนะแห่งวิญญาณของเราด้วยหรือไม่ ได้ซึ้งคุณค่ากับปัญญาของเราหรือไม่ ได้มารู้จักการอัศจรรย์ของเราหรือไม่ และได้เรียนรู้อุปนิสัยของเราหรือไม่ เรายังได้บอกพวกเจ้าถึงแผนการบริหารจัดการทั้งหมดของเราด้วยเช่นกัน สิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นไม่ใช่แค่พระเจ้าที่รักและเมตตาเท่านั้น แต่คือพระเจ้าผู้เพียบพร้อมด้วยความชอบธรรม เจ้าได้เห็นงานอันอัศจรรย์ของเรา และได้รู้ว่าเราเปี่ยมด้วยบารมีและความโกรธเคือง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้ารู้ว่าครั้งหนึ่งเราได้โกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงต่อวงศ์ของอิสราเอล และรู้ว่าวันนี้ ความโกรธเคืองนั้นได้มาถึงพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าเข้าใจความล้ำลึกของเราในฟ้าสวรรค์มากกว่าอิสยาห์และยอห์น พวกเจ้ารู้จักความน่ารักน่าชื่นชมและความควรค่าแก่การเคารพเทิดทูนของเรามากกว่าเหล่าวิสุทธิชนทั้งหมดในหลายยุคที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเจ้าได้รับไว้ไม่ใช่เพียงแค่ความจริงของเรา วิถีของเรา และชีวิตของเราเท่านั้น หากแต่เป็นนิมิตและการวิวรณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านิมิตและการวิวรณ์ของยอห์น พวกเจ้าเข้าใจการอัศจรรย์มากกว่ามาก และยังได้มองดูโฉมหน้าแท้จริงของเราอีกด้วย พวกเจ้าได้ยอมรับคำพิพากษาของเรามากกว่า และรู้อุปนิสัยอันชอบธรรมของเรามากกว่า และดังนั้น แม้ว่าพวกเจ้าจะถือกำเนิดในยุคสุดท้าย ความเข้าใจของพวกเจ้าก็เป็นความเข้าใจของแต่ก่อนและของอดีต และพวกเจ้ายังได้รับประสบการณ์กับสิ่งทั้งหลายในปัจจุบันนี้ด้วย และนั่นเป็นการกระทำโดยเราเองด้วยตัวเราเองโดยเฉพาะทั้งหมด สิ่งที่เราขอจากพวกเจ้าไม่ได้มากเกินไป เพราะเราได้ให้พวกเจ้ามากเหลือเกิน และพวกเจ้าได้เห็นมากมายหลายอย่างในเรา ด้วยเหตุนี้ เราขอให้เจ้าเป็นพยานให้เราต่อเหล่าวิสุทธิชนในหลายยุคที่ผ่านมา และนี่คือความปรารถนาเพียงอย่างเดียวในหัวใจของเรา
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความเชื่อ?
สิ่งที่เราปรารถนาคือความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของเจ้า ณ บัดนี้ ความรักและคำพยานของเจ้า ณ บัดนี้ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะไม่รู้ว่าคำพยานคืออะไรหรือความรักคืออะไร เจ้าก็ควรจะนำพาทุกอย่างของเจ้ามาให้เรา และส่งมอบทรัพย์สมบัติเดียวที่เจ้ามีให้แก่เรา นั่นก็คือ ความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของเจ้า เจ้าควรรู้ว่าคำพยานถึงการทำให้ซาตานพ่ายแพ้ของเรามีอยู่ภายในความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของมนุษย์ เช่นเดียวกับคำพยานถึงการพิชิตมนุษย์โดยบริบูรณ์ของเรา หน้าที่แห่งความเชื่อในเราของเจ้าก็คือการเป็นพยานแก่เรา การจงรักภักดีต่อเราและไม่จงรักภักดีต่อสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น และการเชื่อฟังไปจนถึงที่สุด ก่อนที่เราจะเริ่มขั้นตอนต่อไปของงานของเรา เจ้าจะเป็นพยานต่อเราอย่างไร? เจ้าจะจงรักภักดีและจะเชื่อฟังเราอย่างไร? เจ้าอุทิศความจงรักภักดีทั้งหมดของเจ้าให้แก่หน้าที่การงานของเจ้าหรือไม่ หรือเจ้าจะล้มเลิก? เจ้าจะนบนอบต่อการจัดการเตรียมการทุกอย่างของเรา (แม้ว่าจะเป็นความตายหรือความย่อยยับ) หรือหนีหายไปกลางทางเพื่อหลบเลี่ยงการตีสอนของเรา? เราตีสอนเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้เป็นพยานต่อเรา และจงรักภักดีและเชื่อฟังต่อเรา ยิ่งไปกว่านั้น การตีสอนในปัจจุบันเป็นการคลี่คลายงานขั้นตอนต่อไปของงานของเรา และเพื่อช่วยให้งานนั้นก้าวหน้าต่อไปโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเตือนสติเจ้าให้เฉลียวฉลาด และจงอย่าปฏิบัติกับชีวิตของเจ้าหรือนัยสำคัญในการดำรงอยู่ของเจ้าเหมือนกับเม็ดทรายที่ไร้ค่า เจ้าสามารถรู้ได้แน่หรือไม่ว่างานที่จะมาถึงของเรานั้นคืออะไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราจะทำงานอย่างไรในวันข้างหน้า และงานของเราจะคลี่คลายไปอย่างไร? เจ้าควรจะรู้ถึงนัยสำคัญของประสบการณ์ของเจ้ากับงานของเรา และยิ่งไปกว่านั้น นัยสำคัญของความเชื่อในเราของเจ้า เราได้ทำไปมากมายแล้ว เราจะล้มเลิกแค่ครึ่งทางดังที่เจ้าจินตนาการได้อย่างไร? เราได้ทำงานที่กว้างขวางเช่นนี้แล้ว เราจะทำลายมันได้อย่างไร? แท้ที่จริงแล้ว เราได้มาเพื่อทำให้ยุคนี้สิ้นสุดลง นี่คือเรื่องจริง แต่ที่มากกว่านั้น เจ้าต้องรู้ว่าเรากำลังจะเริ่มต้นยุคใหม่ จะเริ่มต้นงานใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือ จะเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร ดังนั้น เจ้าควรรู้ว่างานปัจจุบันเป็นเพียงเพื่อการเริ่มต้นยุคหนึ่งเท่านั้น และเพื่อวางรากฐานในการเผยแผ่ข่าวประเสริฐในสมัยที่จะมาถึงและการทำให้ยุคนี้สิ้นสุดลงในภายภาคหน้า งานของเราไม่ใช่ง่ายดายดังที่เจ้าคิด อีกทั้งไม่ได้ไร้ค่าหรือไร้ความหมายดังที่เจ้าอาจเชื่อ เพราะฉะนั้น เรายังคงต้องพูดกับเจ้าว่า เจ้าควรจะมอบชีวิตของเจ้าให้แก่งานของเรา และที่มากกว่านั้น เจ้าควรจะอุทิศตัวเจ้าเองเพื่อสง่าราศีของเรา นานแล้วที่เราได้โหยหาให้เจ้าเป็นพยานแก่เรา และนานยิ่งกว่านั้นที่เราได้โหยหาให้เจ้าเผยแผ่ข่าวประเสริฐของเรา เจ้าควรจะเข้าใจว่าอะไรอยู่ในหัวใจของเรา
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความเชื่อ?
ตลอดทั่วทั้งจักรวาลเรากำลังทำงานของเรา และในทิศตะวันออก เสียงกระแทกสนั่นราวฟ้าร้องดังขึ้นอย่างไม่รู้จบ ทำให้ชนชาติทั้งปวงและคณะนิกายทั้งหมดสั่นสะเทือน เป็นเสียงของเรานั่นเองที่ได้นำทางมนุษย์ทั้งหมดเข้ามาสู่ปัจจุบัน เราทำให้มนุษย์ทั้งหมดถูกพิชิตด้วยเสียงของเรา ตกลงสู่กระแสนี้ และนบนอบต่อหน้าเรา ด้วยเหตุที่เราได้เรียกคืนสง่าราศีของเราจากแผ่นดินโลกทั้งหมดและได้ให้สง่าราศีนั้นปรากฏขึ้นใหม่ในทิศตะวันออกนานมาแล้ว ใครบ้างไม่ถวิลหาที่จะได้เห็นสง่าราศีของเรา? ใครบ้างไม่รอคอยการกลับมาของเราอย่างกระวนกระวายใจ? ใครบ้างไม่กระหายการปรากฏอีกครั้งของเรา? ใครบ้างไม่คะนึงหาความดีงามของเรา? ใครบ้างจะไม่มาหาความสว่าง? ใครบ้างจะไม่เฝ้ามองความมั่งคั่งของคานาอัน? ใครบ้างไม่ถวิลหาการกลับมาของพระผู้ไถ่? ใครบ้างไม่ชื่นชมพระองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ในฤทธานุภาพ? เสียงของเราจะแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นดินโลก เราจะเผชิญหน้าประชากรที่เราเลือกสรรและกล่าววจนะแก่พวกเขาเพิ่มเติมอีก เรากล่าววจนะของเราต่อทั้งจักรวาลและต่อมวลมนุษย์ ราวกับเสียงฟ้าร้องอันเปี่ยมพละกำลังที่ทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน ดังนั้นวจนะในปากของเราจึงได้กลายเป็นขุมทรัพย์ของมนุษย์ และมนุษย์ทั้งหมดก็ทะนุถนอมวจนะของเรา ฟ้าแลบนั้นส่องแสงวาบจากทิศตะวันออกตลอดทางไปจนถึงทิศตะวันตก วจนะของเราเป็นวจนะที่มนุษย์ไม่เต็มใจที่จะละทิ้งไป และในเวลาเดียวกันก็พบว่าวจนะเหล่านั้นยากหยั่งถึง แต่ก็ชื่นบานในถ้อยคำเหล่านั้นอย่างหาใดปาน มนุษย์ทั้งหมดล้วนเปรมปรีดิ์และเต็มไปด้วยความชื่นบานยินดี เฉลิมฉลองการมาของเราราวกับว่าทารกคนหนึ่งเพิ่งจะได้ถือกำเนิด ด้วยเสียงของเรา เราจะนำพามนุษย์ทั้งหมดมาอยู่ต่อหน้าเรา นับจากนั้นเป็นต้นไป เราจะเข้าสู่เผ่าพันธุ์ของมนุษย์อย่างเป็นทางการเพื่อที่พวกเขาจะได้มานมัสการเรา ด้วยสง่าราศีที่เราแผ่รัศมีและวจนะในปากของเรา เราจะทำเช่นนั้นจนมนุษย์ทั้งหมดมาอยู่ต่อหน้าเราและเห็นว่าฟ้าแลบนั้นส่องแสงวาบจากทิศตะวันออก และเห็นว่าเรายังได้ลงมาสู่ “ภูเขามะกอกเทศ” แห่งทิศตะวันออกเช่นกัน พวกเขาจะเห็นว่าเราได้อยู่บนแผ่นดินโลกนานมาแล้ว ไม่ใช่ในฐานะบุตรของชาวยิวอีกต่อไป แต่ในฐานะฟ้าแลบแห่งทิศตะวันออก ด้วยเหตุที่เราได้คืนชีพมานานแล้ว และได้ไปจากท่ามกลางมวลมนุษย์แล้ว และจากนั้นได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งด้วยสง่าราศีท่ามกลางมนุษย์ เราคือพระองค์ผู้ทรงได้รับการนมัสการมาหลายยุคสมัยนับไม่ถ้วนก่อนปัจจุบันนี้แล้ว และเรายังเป็นทารกที่ถูกคนอิสราเอลละทิ้งมาหลายยุคสมัยนับไม่ถ้วนก่อนปัจจุบันนี้แล้วเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ซึ่งเปี่ยมพระสิริแห่งยุคปัจจุบัน! ให้ทั้งหมดนั้นจงมาอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของเราและเห็นโฉมหน้าอันเปี่ยมสง่าราศีของเรา ได้ยินเสียงของเรา และเฝ้ามองกิจการของเรา นี่คือเจตจำนงครบถ้วนบริบูรณ์ของเรา มันคือจุดสิ้นสุดและจุดสุดยอดของแผนการของเรา รวมทั้งจุดประสงค์ของการบริหารจัดการของเรา กล่าวคือ การให้ทุกชนชาตินมัสการเรา ทุกภาษายอมรับเรา มนุษย์ทุกคนมอบความเชื่อของเขาในตัวเรา และผู้คนทุกคนอยู่ภายใต้การกะเกณฑ์โดยเรา!
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดดังกังวาน—การเผยพระวจนะว่าข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรจะเผยแผ่ไปทั่วทั้งจักรวาล