ใครมอบอิสรภาพให้ฉัน
โดย รุ่ย จื้อ, ประเทศจีน ตอนแรกที่ตัดสินใจมาเชื่อ สามีฉันบอกว่า การมีความเชื่อนั้นยอดเยี่ยม บางครั้งเขาก็ไปร่วมชุมนุมกับฉันด้วย แล้ววันที่...
พวกเราต้อนรับผู้แสวงหาทุกคนที่ถวิลหาการทรงปรากฏของพระเจ้า!
เดือนตุลาคม ปี 2016 ผมได้มาที่รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และหลังจากนั้นก็ได้รับบัพติศมาในพระนามแห่งองค์พระเยซูเจ้าที่คริสตจักรของชาวจีน และมาเป็นคริสเตียนครับ แต่หลังจากอยู่คริสตจักรนี้ได้ปีกว่า ผมได้เรียนรู้แค่วิธีอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญเท่านั้น แต่ความรู้เรื่องพระเจ้าและความเข้าใจในพระคัมภีร์ของผมผิวเผินมาก ซึ่งทำให้ผมผิดหวังครับ ดังนั้น ผมเลยหาการเทศนาธรรมทางยูทูบดูเองบ่อยๆ จะได้เข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เดือนมีนาคม ปี 2018 ผมได้พบกับพี่น้องชายหญิงสองสามคนในนิวยอร์ก และได้เรียนรู้ถึงความจริงและข้อล้ำลึกมากมาย ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ด้วยการชุมนุมและสามัคคีธรรมกับพวกเขา อย่างเช่น เรื่องราวเบื้องหลังพระคัมภีร์ อะไรคือการจุติมาเป็นมนุษย์ อะไรคือความรอด ความแตกต่างระหว่างพระคริสต์แท้จริงกับเทียมเท็จ ความแตกต่างระหว่างพระราชกิจของพระเจ้ากับงานของมนุษย์ และอื่นๆ มันทำให้ผมตาสว่างและได้อะไรเยอะเลยครับ ผมเพลิดเพลินกับการชุมนุมพวกนั้นมากครับ ในการชุมนุมครั้งหนึ่ง พี่หลิวอ่านถ้อยคำมากมายที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ให้ฟัง สิ่งนี้ทำให้ผมประหลาดใจมาก เลยถามไปว่าถ้อยคำพวกนั้นมาจากไหน เขาบอกว่า ถ้อยคำพวกนี้คือถ้อยดำรัสของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย ตอนที่ได้ยินชื่อ “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” ผมตกใจเลยครับ ศิษยาภิบาลกับผู้อาวุโสคอยเตือนเราอยู่เรื่อยว่าอย่าไปติดต่อกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาบอกว่าคนพวกนั้นเชื่อในคนธรรมดา ไม่ใช่พระเยซูคริสต์ ผมรู้สึกปั่นป่วน และเริ่มรู้สึกกังวลจนนั่งไม่ติดที่ ผมไม่ได้บันทึกสิ่งที่พี่หลิวพูดหลังจากนั้นเลย ผมหาข้ออ้างแล้วออกมาจากการชุมนุมนั้น
พอกลับไปบ้าน ผมก็นอนไม่หลับพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เพราะภาพที่ผมชุมนุมกับสมาชิกจากคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คอยแวบเข้ามาในหัว การสามัคคีธรรมของพวกเขาให้ความรู้แจ้งและสัมพันธ์กับชีวิตจริง แถมยังเป็นประโยชน์กับผมมากๆ แต่พอผมนอนลงบนเตียง สิ่งที่ศิษยาภิบาลกับผู้อาวุโสพูดถึงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ดังก้องขึ้นมาในหู ผมกลุ้มใจและไม่รู้จะฟังใครดี ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาและเข้าเว็บไซต์ที่ผมไว้ใจที่สุด คือวิกิพีเดีย เพื่อดูว่ามันพูดถึงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ว่ายังไงบ้าง พอได้อ่านในวิกิพีเดียว่าคริสตจักรนี้ก่อตั้งโดยมนุษย์ เป็นองค์กรของมนุษย์มากกว่าจะเป็นคริสตจักรของพระเจ้า ทั้งยังมีข่าวด้านลบที่น่าตกใจจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผมก็วิตกขึ้นมาทันที และไม่กล้าฟังการสามัคคีธรรมของพวกเขาอีกต่อไป ผมกำลังจะลบข้อมูลการติดต่อทั้งหมดของพวกเขา แต่ตอนที่กำลังจะกดลบ ผมก็นึกถึงตอนที่ได้มารู้จักคบหากับพวกเขาขึ้นมา พวกเขาซื่อตรง มีความรักและความอดทนต่อผู้อื่น และผมก็ชื่นชมบุคลิก การใช้ชีวิต รวมถึงวิธีพูดของพวกเขามากๆ ผมได้รับแต่ความประทับใจดีๆ จากพวกเขาครับ พวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ผมเห็นในโลกออนไลน์สักนิด ผมเลยชะงักไป แต่ผมเชื่อมั่นในวิกิพีเดียมากเกินไป ดังนั้นหลังจากคิดทบทวนดูแล้ว ผมก็ยังตัดสินใจลบช่องทางติดต่อกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทิ้งทั้งหมด และไปเล่าให้พี่ปีเตอร์ที่กำลังสอบสวนพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์กับผมฟัง พี่ปีเตอร์บอกว่า การต้อนรับพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องจริงจัง และได้โน้มน้าวไม่ให้ผมซี้ซั้วตัดสิน แต่ให้อธิษฐานมากขึ้นและแสวงหาการทรงนำขององค์พระผู้เป็นเจ้า… ผมรู้สึกขัดแย้งมากๆ ครับ คิดว่า “ที่เขาพูดมันก็มีเหตุผล การต้อนรับพระเจ้าคือเรื่องสำคัญที่เราต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง ถ้าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์พระเยซูเจ้าที่ทรงกลับมา และฉันไม่ยอมตรวจสอบ ฉันจะไม่พลาดโอกาสต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้าเอาเหรอ” ผมเลยอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า “องค์พระผู้เป็นเจ้า! ตอนนี้ข้าพระองค์สับสนมาก การเทศนาธรรมของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ให้การบำรุงเลี้ยงจริงๆ และข้าพระองค์ก็ได้อะไรมากมาย แต่วิกิพีเดียบอกว่ามันเป็นองค์กรของมนุษย์มากกว่าจะเป็นคริสตจักรของพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า! ข้าพระองค์ไม่มีปัญญาแยกแยะเลย ข้าพระองค์กลัวจะหลงทางและข้าพระองค์วอนขอการทรงนำของพระองค์ด้วยเถิด”
วันหนึ่งขณะเดินทางไปคริสตจักร พี่สาวคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า “มีผู้เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าคนหนึ่ง วอนขอให้พระเจ้าทรงช่วยเขาให้รอดในช่วงเวลาวิกฤติ พระเจ้าจึงทรงจัดการเตรียมการให้เขามีโอกาสได้รับการช่วยให้รอดถึงสามครั้ง แต่เขาก็พลาดทุกครั้ง เขาบอกว่า ‘ไม่ ผมอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยผมให้รอด’ พอตายไป เขาถึงตระหนักได้ว่าพระเจ้าทรงจัดการเตรียมการให้เขาได้รับโอกาสถึงสามครั้ง และความล้มเหลวในการคว้าโอกาสของเขานั่นเองที่นำเขาไปสู่ความตาย” ที่คริสตจักร ผมประหลาดใจมากที่พบว่าศิษยาภิบาลก็เล่าเรื่องเดียวกันเป๊ะ ผมตกใจและคิดว่า “เหลือเชื่อเลย! ฉันได้ยินคนสองคนเล่าเรื่องเดียวกันในหนึ่งวัน บอกให้ฉันคว้าโอกาสในการได้รับการช่วยให้รอดจากพระเจ้าเอาไว้ นี่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำลังบอกให้ฉันสอบสวนพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ต่อไปงั้นเหรอ” ผมก็เลยตัดสินใจสอบสวนฟ้าแลบจากทิศตะวันออกต่อไปครับ ผมติดต่อไปหาพี่หลิวและเล่าความสับสนให้เขาฟัง ผมบอกว่า “ผมรู้ว่าการสามัคคีธรรมของคุณมีความจริง และมีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ มันเป็นประโยชน์กับผมมาก แต่ผมเห็นในวิกิพีเดีย บอกว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก่อตั้งโดยผู้ชายที่ชื่อเจ้า มันเป็นองค์กรของมนุษย์มากกว่าคริสตจักรของพระเจ้า แถมยังมีข่าวด้านลบจากรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนเต็มไปหมด มันเลยทำให้ผมมีข้อกังขา และผมอยากปรึกษาพี่เรื่องนี้ครับ”
พี่หลิวตอบกลับมาว่า “เวลาสอบสวนหนทางที่แท้จริง เราพึ่งพาเว็บไซต์ของผู้ไม่เชื่อ กลุ่มอื่นๆ พรรคการเมือง หรือสิ่งที่คนพูดกันไม่ได้หรอก เราต้องดูว่าหนทางนี้มีความจริงไหม ใช่พระราชกิจของพระเจ้าไหม นี่คือหลักปฏิบัติพื้นฐานที่สุดและสำคัญที่สุด ตอนที่องค์พระเยซูเจ้าเสด็จมาทรงพระราชกิจ พวกฟาริสีก็กุข่าวลือทุกประเภทเกี่ยวกับพระองค์ และดูหมิ่นพระองค์ บอกว่าพระองค์มิได้ประสูติจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ บอกว่าพระองค์ไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์ และอีกมากมาย ชาวยิวหลายคนฟังหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี และไม่กล้าติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เปโตร ยอห์น และคนอื่นๆ เห็นว่าหนทางแห่งการกลับใจที่พระองค์ทรงประกาศ ปาฏิหาริย์ของพระองค์ และพระราชกิจของพระองค์ล้วนมาจากพระเจ้า รวมถึงมีสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพแห่งพระเจ้าทั้งสิ้น พวกเขาจึงติดตามองค์พระเยซูเจ้าและได้รับความรอดของพระองค์ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็น ว่ากุญแจสำคัญในการสอบสวนหนทางที่แท้จริง คือดูว่ามันครอบครองความจริงและพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม นั่นคือหลักปฏิบัติเดียวเท่านั้น” จากนั้นพี่หลิวได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์หนึ่งบทตอน พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “หลักการพื้นฐานที่สุดในการแสวงหาหนทางที่แท้จริงคืออะไร? เจ้าต้องมองไปที่ว่ามีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในหนทางนี้หรือไม่ ว่าวจนะเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงความจริงหรือไม่ ผู้ใดได้รับการเป็นพยานให้ และมันสามารถนำสิ่งใดมาให้เจ้าได้ การแยกแยะระหว่างหนทางที่แท้จริงและหนทางที่เป็นเท็จนั้นจำเป็นต้องใช้ความรู้พื้นฐานหลายแง่มุม ซึ่งสิ่งที่เป็นรากฐานที่สุดของมันก็คือการบอกได้ว่าพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีอยู่ในนั้นหรือไม่ เพราะเนื้อแท้ของการเชื่อของผู้คนในพระเจ้าคือการเชื่อในพระวิญญาณของพระเจ้า และแม้กระทั่งการเชื่อของพวกเขาในพระเจ้าผู้ทรงจุติมาเป็นมนุษย์ก็เป็นเพราะว่าเนื้อหนังนี้เป็นร่างจำแลงของพระวิญญาณของพระเจ้า ซึ่งหมายความว่าการเชื่อดังกล่าวยังคงเป็นการเชื่อในพระวิญญาณ มีความแตกต่างหลายประการระหว่างพระวิญญาณและเนื้อหนัง แต่เพราะว่าเนื้อหนังนี้มาจากพระวิญญาณ และเป็นพระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่มนุษย์เชื่อจึงยังคงเป็นเนื้อแท้ภายในของพระเจ้า ดังนั้นในการแยกแยะว่ามันเป็นหนทางที่แท้จริงหรือไม่ เหนือสิ่งอื่นใดเจ้าต้องมองไปที่ว่ามันมีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าต้องมองไปที่ว่ามีความจริงอยู่ในหนทางนั้นหรือไม่” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่รู้จักพระเจ้าและพระราชกิจของพระองค์เท่านั้นที่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้) พี่หลิวได้สามัคคีธรรมต่อว่า “ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาโดยเริ่มที่พระนิเวศของพระเจ้า พระองค์ทรงแสดงความจริงทั้งปวงซึ่งชำระมวลมนุษย์ให้สะอาดและช่วยพวกเขาให้รอด พระองค์ทรงเปิดเผยเจตจำนงแห่งพระราชกิจการบริหารจัดการของพระเจ้า เรื่องราวเบื้องหลังพระราชกิจแห่งยุคธรรมบัญญัติ ยุคพระคุณ และยุคแห่งราชอาณาจักร รวมถึงผลสัมฤทธิ์จากพระราชกิจนั้น ความล้ำลึกแห่งการจุติเป็นมนุษย์และพระนามของพระเจ้า และอีกมากมาย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงพิพากษาและตีแผ่ธรรมชาติเยี่ยงซาตานของมนุษย์ รวมถึงความจริงแห่งความเสื่อมทรามที่เป็นการต่อต้านพระเจ้าของพวกเขา รากเหง้าแห่งความชั่วร้ายและความมืดมิดในโลก ซาตานทำให้มวลมนุษย์เสื่อมทรามยังไง และพระเจ้าทรงช่วยมวลมนุษย์ให้รอดยังไง พระองค์ยังประทานเส้นทางในการละทิ้งความเสื่อมทรามและได้รับความรอดของพระเจ้าให้เรา รวมถึงทรงเปิดเผยบทอวสานของบุคคลทุกประเภทด้วย ความจริงที่พระองค์ทรงแสดงและพระราชกิจการพิพากษาของพระองค์นั้น ทำให้คำเผยพระวจนะขององค์พระเยซูเจ้าลุล่วงโดยสมบูรณ์ ดังที่ว่า ‘เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกกับพวกท่าน แต่ตอนนี้ท่านยังรับไม่ไหว เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล’ (ยอห์น 16:12-13) รวมถึงที่ว่า ‘เพราะถึงเวลาแล้ว ที่การพิพากษาจะเริ่มต้นที่ครอบครัวของพระเจ้า’ (1 เปโตร 4:17) ผู้เชื่อแท้จริงหลายคนจากทุกนิกายที่ปรารถนาการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้านั้น ต่างเห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นความจริงและเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้า พวกเขาตกลงใจแล้วว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์พระเยซูเจ้าที่ทรงกลับมาและมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ทุกสิ่งที่มาจากพระเจ้าจะรุ่งเรือง แค่ 20 ปี ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้แผ่ขยายไปทั่วประเทศจีน และตอนนี้ก็กำลังขยายไปทั่วโลก นี่คือฤทธานุภาพและสิทธิอำนาจอันเป็นลักษณะพิเศษของพระเจ้า และเป็นผลแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ มันคือการสำแดงพระปรีชาญาณและพระมหิทฤทธิ์ของพระเจ้า ข้อเท็จจริงเหล่านี้พิสูจน์ ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์พระเยซูเจ้าที่ทรงกลับมา และพระราชกิจของพระองค์คือหนทางที่แท้จริง”
การสามัคคีธรรมของพี่หลิวทำให้ผมนึกถึง พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ที่ผมได้อ่านเมื่อไม่นานมานี้ พระวจนะนั้นเปิดเผยความล้ำลึกและความจริงมากมายจริงๆ ครับ นอกจากพระเจ้าแล้ว จะมีใครแสดงความจริงได้อีก ถ้าผมไม่ได้อ่านความจริงของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในการค้นหาหนทางที่แท้จริง และหลับหูหลับตาเชื่อคำโกหกที่โพสต์ตามเว็บไซต์และเผยแพร่โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน คงโง่อย่างเหลือเชื่อเลยครับ พี่หลิวชวนผมดูหนังเรื่อง การปฏิวัติทัศนคติของฝ่ายแดงในบ้าน พ่อของตัวละครหลักเป็นหัวหน้าแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีน และสิ่งที่เขาพูดมันเหมือนที่ผมเห็นในวิกิพีเดียเลยครับ เขาบอกว่าคริสตจักรก่อตั้งโดยผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อเจ้า บอกว่าสมาชิกทุกคนที่นี่ต่างเรียกเขาว่าคนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ และพวกเขาฟังการเทศนาธรรมของผู้ชายคนนี้ตลอด นั่นจึงหมายความว่า นี่เป็นองค์กรของมนุษย์ ไม่ใช่คริสตจักรของพระเจ้า ตัวละครหลักโต้ตอบกลับไปว่า “ใครก่อตั้งศาสนาคริสต์ ใครก่อตั้งนิกายคาทอลิก เปาโลหรือเปโตรเป็นผู้ก่อตั้งได้ไหม ใครก่อตั้งศาสนายูดาห์ เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นโมเสส มันไร้สาระทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ พวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้าไม่เคยยอมรับว่าพระเจ้ามีอยู่จริง เรื่องที่พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าพระคริสต์ซึ่งทรงจุติมาเป็นมนุษย์จะทรงแสดงความจริงมากแค่ไหน พระราชกิจของพระองค์จะยิ่งใหญ่แค่ไหน หรือความรอดของพระองค์จะยิ่งใหญ่แค่ไหน พวกเขาก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อปฏิเสธ ปกปิด และกล่าวโทษ พวกเขาคิดว่าศาสนาคริสต์ก็ก่อตั้งโดยมนุษย์เช่นกัน และนี่คือเรื่องที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่ใช่เพราะการทรงปรากฏหรือพระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้า ก็คงจะไม่มีผู้เชื่อหรือผู้ที่ติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า และไม่มีทางที่ศาสนาคริสต์จะดำรงอยู่ได้ นั่นคือข้อเท็จจริง ไม่ว่าอัครสาวกจะมีพรสวรรค์แค่ไหนก็ตาม พวกเขาจะก่อตั้งคริสตจักรได้ยังไง แค่เพราะว่าผู้คนยอมรับในความเป็นผู้นำและการเลี้ยงดูของอัครสาวก ก็แปลว่าศาสนาคริสต์ก่อตั้งโดยมนุษย์แล้วเหรอ คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เกิดขึ้นได้เพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าทั้งสิ้น เพราะพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงความจริงมากมาย และเพราะผู้คนรู้ว่านี่คือพระสุรเสียงของพระเจ้าและมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า คริสตจักรถึงได้ถือกำเนิดขึ้น หลังพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเริ่มต้นพระราชกิจ พระองค์ก็ทรงให้คำพยานแก่มนุษย์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ ในฐานะผู้นำของคริสตจักร เขาเป็นเหมือนโมเสสในยุคธรรมบัญญัติ หรืออัครสาวกในยุคพระคุณ พระเจ้าทรงใช้เขา ในการรดน้ำ เลี้ยงดู และประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เขากำลังทำหน้าที่ของมนุษย์ ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรอธิษฐานในนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ในการชุมนุม พวกเขาอ่านและสามัคคีธรรมตามพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรยอมรับและนบนอบต่อการเป็นผู้นำของมนุษย์คนนี้ ตามพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พรรคคอมมิวนิสต์จีนโกหกหน้าด้านๆ บอกว่าความเชื่อของพวกเราอยู่ที่คนคนนี้ พวกเขาปฏิเสธการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทั้งยังปฏิเสธความจริงที่พระองค์ทรงแสดง พวกเขามีแรงจูงใจแอบแฝง ถ้าไม่ใช่เพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ก็คงไม่มีคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ นั่นคือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้”
ผมรู้สึกว่าตัวละครหลักคนนี้พูดถูก คริสตจักรเกิดขึ้นเพราะการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า แต่แค่พระเจ้าทรงใช้ใครบางคนให้มานำคริสตจักร พวกเขาเลยบอกว่าคริสตจักรก่อตั้งโดยมนุษย์ นั่นมันไม่ไร้สาระเหรอครับ พรรคคอมมิวนิสต์จีนรู้ว่าคริสเตียนในคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทำไมพวกเขาถึงบอกว่ามันเป็นองค์กรของมนุษย์ เป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยมนุษย์ล่ะ ขณะที่ผมงงกับเรื่องนี้อยู่ ตัวละครหลักก็พูดต่อว่า “แล้วทำไมรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงบอกว่าคริสตจักรนี้เป็นองค์กรของมนุษย์ล่ะ ทำไมพวกเขาไม่พูดถึงพระเจ้าในร่างมนุษย์ ทำไมพวกเขาไม่เคยกล่าวถึงหนังสือ พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ เลย ความจริงที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดง เป็นสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกลัวมากที่สุด เพราะพวกเขารู้ว่าผู้เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทุกคน ยอมรับพระองค์เพราะพวกเขาอ่านหนังสือ พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ พวกเขาเลยพยายามทำให้คนไขว้เขวด้วยการบอกว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ก่อตั้งโดยมนุษย์ เพื่อปิดบังความจริงที่ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายทรงปรากฏและทรงพระราชกิจ พวกเขาทำแบบนี้เพื่อหยุดยั้งผู้คนไม่ให้ติดตามพระเจ้า และมันเป็นข้ออ้างที่ใช้กดขี่คริสตจักรของพระเจ้า นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา” นี่ทำให้ผมตาสว่างมากครับ ผมได้เห็นว่า คำกล่าวอ้างของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่บอกว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นองค์กรของมนุษย์ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยเจตนา และเป็นข้ออ้างในการปราบปรามและข่มเหงคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ยิ่งกว่านั้น ทางพรรคพูดแบบนี้เพื่อทำให้คนเข้าใจผิดและหยุดยั้งพวกเขาจากการแสวงหาหนทางที่แท้จริง เพื่อหยุดยั้งผู้คนไม่ให้เชื่อและติดตามพระเจ้า นั่นคือแรงจูงใจที่ชั่วร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน!
หลังจากดูคลิปนั้นแล้ว พี่หลิวก็สามัคคีธรรมว่า “การสร้างข่าวลือพวกนี้และการกล่าวโทษคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากธรรมชาติเยี่ยงปีศาจที่เกลียดความจริงและต่อต้านพระเจ้าของมัน เราต่างรู้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เชื่อในพระเจ้า และมันเชื่อในลัทธิมากซ์-เลนิน มันเกลียดความจริง รวมถึงเกลียดการสำแดงและพระราชกิจของพระเจ้ายิ่งกว่าอะไร ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี 1949 มันก็ปราบปรามและข่มเหงความเชื่อทางศาสนาอย่างบ้าคลั่ง มันกล่าวโทษศาสนาคริสต์และคริสตจักรบ้านอื่นๆ ว่าเป็นลัทธิชั่วร้าย แถมยังเผาทำลายพระคัมภีร์ไปนับไม่ถ้วน มันจับกุม ข่มเหง และจำคุกคริสเตียนไปไม่รู้เท่าไหร่ การข่มเหงทางศาสนายิ่งโหดร้ายขึ้นอีกตั้งแต่สีจิ้นผิงสีจิ้นผิงขึ้นสู่อำนาจ คริสตจักรพึ่งตนเองสามด้านถูกปิดและรื้อถอน ไม้กางเขนนับไม่ถ้วนถูกทำลายทิ้ง พวกเขาถึงขั้นวางแผนจะเขียนพระคัมภีร์และอัลกุรอานขึ้นใหม่ เพื่อกวาดล้างความเชื่อทางศาสนาให้สิ้นซาก ตั้งแต่ที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายทรงปรากฏในประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ไล่ล่าพระองค์ ลาดตระเวนไปทุกแห่งหน จับกุมและข่มเหงชาวคริสเตียนอย่างบ้าคลั่ง หลายคนถูกจับเข้าคุกและทรมานอย่างโหดเหี้ยมจนพิการหรือเสียชีวิต และหลายล้านคนถูกบังคับให้หนีออกจากบ้าน พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้สื่อในการโหมข่าวลือและก่อปัญหา เพื่อตีกรอบและใส่ร้ายคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ นี่คือการปลุกปั่นและทำให้ชาวจีนรวมถึงคนทั่วโลกเข้าใจผิด พวกเขาจะได้ต่อต้านและกล่าวโทษคริสตจักรเช่นกัน ทางพรรคพยายามจะที่กวาดล้างพระราชกิจของพระเจ้าแห่งยุคสุดท้าย เราเห็นได้จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือปีศาจชั่วร้ายที่ต่อต้านพระเจ้า แถมยังทำให้คนเข้าใจผิดและทำร้ายพวกเขา มันคือสัตว์ร้าย คือพญานาคใหญ่จากในวิวรณ์! นี่ทำให้คำเผยพระวจนะในพระคัมภีร์ลุล่วงโดยสมบูรณ์ ดังที่ว่า ‘พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก’ (วิวรณ์ 12:9) ‘มันเปิดปากของมันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า พูดหมิ่นประมาทต่อพระนามของพระองค์ ต่อสถานที่สถิตของพระองค์ และต่อพวกที่อยู่ในสวรรค์’ (วิวรณ์ 13:6) การได้ฟังคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะกำลังสอบสวนหนทางที่แท้จริงและแสวงหาการทรงปรากฏของพระเจ้า มันน่าขำดีนะครับ! บางคนอ่านสิ่งที่เขียนในวิกิพีเดียขณะสอบสวนหนทางที่แท้จริง โดยบอกว่าพวกเขาไว้ใจเว็บนั่น และจะเชื่อก็ต่อเมื่อวิกิพีเดียบอกว่ามันคือหนทางที่แท้จริงเท่านั้น พวกเขาใช้วิกิพีเดียมากำหนดว่ามันใช่หนทางที่แท้จริงไหม แบบนั้นมันสอดคล้องกับความจริงเหรอครับ วิกิพีเดียมีความจริงไหมครับ มันเป็นเว็บไซต์ของผู้ไม่เชื่อ พวกเขารวบรวมเนื้อหาและเขียนทุกอย่างจากมุมมองของผู้ไม่เชื่อ ผู้ไม่เชื่อทุกคนต่างถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอย่างหนักและทรยศพระเจ้า พวกเขาไม่ใช่คนที่มีความเชื่อครับ พวกเขาแค่ตามน้ำไปกับคนหมู่มากและเล่าเรื่องโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาแค่พูดตามสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนพูด ทำไมไม่ไปสัมภาษณ์คริสตจักรเองเลยล่ะ ทำไมถึงไม่รายงานเรื่องนี้อย่างยุติธรรมและเป็นกลาง พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และคำพยานทุกประเภทจากสมาชิกของคริสตจักร มีอยู่ในโลกออนไลน์มาสักพักแล้ว ทำไมไม่พูดถึงเรื่องพวกนั้นบ้าง รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนข่มเหงคริสตจักรอย่างโหดเหี้ยม แถมเรื่องนี้ก็ถูกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ขององค์กรสิทธิมนุษยชนสากลด้วย ทำไมพวกเขาไม่อ้างอิงถึงเรื่องนั้นบ้างล่ะ พรรคคอมมิวนิสต์จีนกับโลกศาสนาใส่ร้ายและสร้างข่าวลือเกี่ยวกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แล้ววิกิพีเดียก็เอามาพูดซ้ำอีก พวกเขาไม่ได้จงใจปิดบังความจริง และเผยแพร่คำโกหกของรัฐบาลเหรอครับ ซาตานใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อทำให้ผู้คนเข้าใจผิด ถ้าเราเชื่อวิกิพีเดียในขณะตรวจสอบหนทางที่แท้จริง ถ้าเราเชื่อคำโกหกของมัน แบบนั้นไม่ถือว่าโง่เขลาเหรอครับ ถ้าคนเราเชื่อว่าอะไรคือหนทางที่แท้จริงโดยอ้างอิงจาก การประเมินของรัฐบาลและโลกศาสนาว่าหนทางที่แท้จริงคืออะไร พวกเขาใช่ผู้เชื่อจริงๆ เหรอครับ การไม่แสวงหาพระวจนะของพระเจ้าหรือได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าในการค้นหา แต่กลับเชื่อคำพูดของซาตาน และเชื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับพวกหมอสอนศาสนา แปลว่าพวกเขาเชื่อและติดตามซาตาน แปลว่าพวกเขาถูกสัตว์ร้ายทำให้เข้าใจผิดและถูกจับตัวไป พวกเขามีเครื่องหมายแห่งสัตว์ร้าย”
ผมรู้สึกว่าการสามัคคีธรรมของพี่หลิว นั้นหลักแหลมมาก และผมก็เชื่อสนิทใจเลยครับ ผมมักจะคิดว่าวิกิพีเดียเป็นสารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด คิดว่ามันครอบคลุมทุกอย่าง ผมไว้ใจมันมากครับ แต่แล้วผมก็ตระหนักได้ ว่ามันเป็นเว็บไซต์ของผู้ไม่เชื่อ มันไม่ได้มีความจริงหรือได้รับคำพยานจากพระเจ้าเลย ไม่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะปล่อยความนอกศาสนาอันบิดเบี้ยวใดก็ตามออกมา วิกิพีเดียก็จะเอาความเชื่อผิดๆ พวกนี้มาเล่าซ้ำ สิ่งที่มันพูดจะไม่ด่างพร้อยอย่างหนักได้ยังไง มันจะเชื่อถือได้ยังไง ขณะสอบสวนหนทางที่แท้จริง ผมก็ควรดูว่าหนทางนี้มีความจริงไหม มันถูกถ่ายทอดโดยพระเจ้าไหม และมีพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม เพราะมีเพียงพระเจ้าที่เป็นความจริง เป็นหนทาง และเป็นชีวิต และมีเพียงพระเจ้าที่ทรงแสดงเส้นทางแห่งการปฏิบัติแก่เราได้ แต่ถึงผมจะเห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นความจริงและมาจากพระเจ้า ผมก็ยังถูกควบคุมโดยข่าวลือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคำพูดในเว็บไซต์ที่น่าจะเป็นเผด็จการ และไม่กล้าสอบสวนพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผมสับสนจริงๆ ครับ! โชคดีที่พระเจ้าทรงใช้พี่น้องชายหญิงให้มาสามัคคีธรรมกับผมด้วยความจริง ให้ช่วยเหลือและนำทางผม เพื่อที่ผมจะได้ไม่ถูกหลอกลวง ไม่อย่างนั้นผมคงพลาดโอกาสในการต้อนรับการทรงกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าครับ
แล้วพี่หลิวก็ได้สามัคคีธรรมต่อว่า “ด้วยความที่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ทำให้คนเข้าใจผิดและขัดขวางการสอบสวนหนทางที่แท้จริง ทำไมพระเจ้าถึงทรงอนุญาตให้มีการกุเรื่องพวกนี้อยู่ล่ะ เบื้องหลังของการยอมให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยแพร่คำโกหกพวกนี้ได้ ก็คือเจตนารมณ์ที่ดีและพระปรีชาญาณของพระเจ้านั่นเอง” มาอ่านพระวจนะบางส่วนของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์กันเถอะครับ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ในแผนการของเรานั้น ซาตานได้ย่องตามหลังแต่ละขั้นตอนตลอดมา และในฐานะตัวประกอบเสริมความเด่นแห่งสติปัญญาของเรา มันได้พยายามค้นหาหนทางและวิถีทางที่จะทำให้แผนการดั้งเดิมของเรายุ่งเหยิงเสมอ กระนั้นเราสามารถพ่ายแพ้ต่อกลอุบายอันล่อลวงของมันได้หรือ? ทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์และบนแผ่นดินโลกรับใช้เรา กลอุบายอันล่อลวงของซาตานจะสามารถแตกต่างในทางใดได้หรือ? ตรงนี้นี่เองคือที่ที่สติปัญญาของเราบรรจบกัน เป็นสิ่งซึ่งน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับกิจการของเราอย่างแน่แท้ และเป็นหลักการแห่งการปฏิบัติงานสำหรับแผนการบริหารจัดการทั้งหมดทั้งมวลของเรา ในช่วงระหว่างยุคแห่งการสร้างราชอาณาจักร เรายังคงไม่หลีกเลี่ยงกลอุบายอันเต็มไปด้วยเล่ห์ลวงของซาตาน แต่ยังทำงานที่เราต้องทำต่อไป ท่ามกลางจักรวาลและทุกสรรพสิ่งนั้น เราได้เลือกสรรความประพฤติของซาตานมาเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นของเรา นี่ไม่ใช่การสำแดงถึงสติปัญญาของเราหรอกหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งซึ่งน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับงานของเราอย่างแน่แท้หรอกหรือ?” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 8) จากนั้นพี่หลิวก็ได้สามัคคีธรรมว่า “พระวจนะของพระเจ้าแสดงให้เราเห็นว่า ในพระราชกิจนั้น พระองค์มิได้ทรงหลบหลีกกลอุบายของซาตานเลย แต่ทรงเอามันมารับใช้พระราชกิจของพระองค์ เพื่อให้แผนการบริหารจัดการของพระองค์ในการช่วยมวลมนุษย์ให้รอดเสร็จสิ้น พระราชกิจของพระเจ้าในยุคแห่งราชอาณาจักรคือช่วงระยะสุดท้ายแห่งความรอดเพื่อมวลมนุษย์ของพระองค์ พระเจ้าจะทรงจำแนกมนุษย์ไปตามประเภทของพวกเขา ทรงให้รางวัลคนดีและลงโทษคนชั่ว และทรงสิ้นสุดพระราชกิจในทุกยุคด้วยการพิพากษา พระเจ้าจะทรงทำให้คนที่เชื่อในพระองค์อย่างซื่อสัตย์และรักความจริงกลายเป็นผู้ชนะ รวมถึงทรงนำพวกเขาเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระองค์ พระองค์จะทรงตีแผ่และกำจัดข้าวละมาน แพะ และผู้ปราศจากความเชื่อที่แสวงหาแค่การกินขนมปังจนอิ่มหนำ รวมถึงคนชั่วและศัตรูของพระคริสต์ที่ต่อต้านพระเจ้า คำโกหกเหล่านี้คือเครื่องมือที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อทำให้พระราชกิจของพระองค์สัมฤทธิ์ผล ผู้เชื่อแท้จริงและเทียมเท็จ ข้าวสาลีและข้าวละมาน จะถูกเปิดเผยทั้งหมดในพายุแห่งคำโกหกนี้ นี่คือบททดสอบที่ผู้ยอมรับในพระราชกิจของพระเจ้าแห่งยุคสุดท้ายทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า ‘แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นก็ตามเรา…และจะไม่มีใครแย่งชิงแกะนั้นไปจากมือของเราได้’ (ยอห์น 10:27-28) ผู้เชื่อแท้จริงผู้ซึ่งรักความจริง จะไม่สนใจสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือโลกศาสนาพูด ไม่สนสิ่งที่เขียนโดยสื่อหรือตามเว็บไซต์ พวกเขาดูแค่ว่ามันเป็นพระสุรเสียงและพระราชกิจของพระเจ้าไหม เมื่อพวกเขาแน่ใจว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือพระสุรเสียงของพระเจ้า พวกเขาก็จะติดตามพระองค์ ไม่มีใคร สิ่งใด หรือเหตุการณ์ไหนมาขวางได้ พวกเขาตัดสินใจที่จะติดตามพระเจ้า พวกเขาคือหญิงพรหมจารีมีปัญญา ส่วนผู้ปราศจากความเชื่อที่ไม่รักความจริงและแสวงหาแค่ขนมปังให้ตนอิ่มท้องนั้น ไม่แสวงหาความจริง แถมยังหลับหูหลับตายอมรับคำโกหกของซาตาน และถึงกับเผยแพร่คำโกหกไปพร้อมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตัดสินและกล่าวโทษพระราชกิจของพระเจ้าแห่งยุคสุดท้ายอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาล้วนถูกตีแผ่ว่าเป็นข้าวละมาน เป็นหมา เป็นผู้รับใช้ชั่วร้าย และเป็นศัตรูของพระคริสต์ พวกเขาจะถูกกำจัดและถูกลงโทษ จะร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในความวิบัติ คำโกหกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและโลกศาสนา เผยให้เห็นถึงข้าวสาลีและข้าวละมาน แกะและแพะ ผู้รับใช้ที่ดีและชั่วร้าย ท้ายที่สุดพระเจ้าจะทรงกำหนดบทอวสานของมนุษย์ จากวิธีเข้าหาพระราชกิจของพระเจ้า จากสิ่งที่พวกเขาทำ คำโกหกและกลอุบายของซาตานนั้นรับใช้พระราชกิจของพระเจ้าอย่างชัดเจน”
ข่าวลือและคำโกหกพวกนี้หลอกลวงผมได้จริงๆ ครับ ผมเกือบโดนขังอยู่นอกประตูของราชอาณาจักรซะแล้ว ความคิดนี้ทำให้ผมกลัว ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ากุญแจสำคัญในการสอบสวนหนทางที่แท้จริง คือให้คอยฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า และดูว่ามันคือพระราชกิจของพระเจ้าไหม เราเชื่อคำโกหกของปีศาจพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้เด็ดขาด และเราต้องมีปัญญาแยกแยะในสิ่งที่ศิษยาภิบาล ผู้อาวุโส และเว็บไซต์พูดด้วยเช่นกัน เราจะหลับหูหลับตาเชื่อทุกในสิ่งที่พวกเขาพูดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราอาจร่วงลงสู่รังของซาตานได้ทุกเมื่อ การที่เราเชื่อโดยขาดปัญญาแยกแยะและไม่แสวงหาความจริงนั้นอันตรายมาก การรอดพ้นจากวังวนข่าวลือและได้ต้อนรับการทรงกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระเมตตาและความรอดของพระเจ้าสำหรับผมครับ! ขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์!
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
โดย รุ่ย จื้อ, ประเทศจีน ตอนแรกที่ตัดสินใจมาเชื่อ สามีฉันบอกว่า การมีความเชื่อนั้นยอดเยี่ยม บางครั้งเขาก็ไปร่วมชุมนุมกับฉันด้วย แล้ววันที่...
โดย หวัง เหล่ย, ประเทศจีน ผมกับภรรยากลายมาเป็นคริสเตียนในค.ศ. 1995 แล้วก็กระตือรือร้นในการไล่ตามเสาะหามาตั้งแต่นั้น และไม่นานนัก...
โดย หร่วนเหวินซัน, เวียดนาม พฤศจิกายน ปี 2020 พี่คนหนึ่งเชิญให้ผมชุมนุมออนไลน์ ผมคิดว่า ที่คริสตจักรมีแต่การเทศนาเดิมๆ...
18 พฤศจิกายนปี 2021 ฉันได้รู้จักพี่น้องชายหญิงจากคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์บนอินเทอร์เน็ต ด้วยการอ่านพระวจนะ...