การทรงปรากฏและทรงพระราชกิจของพระเจ้าในประเทศจีนนั้นสำคัญยิ่ง
“พระเจ้าได้ทรงมอบพระสิริของพระองค์แก่อิสราเอลแล้วจากนั้นก็เอาพระสิรินั้นออกไป และภายหลังจากนั้นพระองค์ได้ทรงนำพาคนอิสราเอลไปยังทิศตะวันออก และนำพามนุษยชาติทั้งมวลไปยังทิศตะวันออก พระเจ้าได้ทรงนำพาพวกเขาทั้งหมดไปยังความสว่าง เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมกับความสว่างอีกครั้ง และเชื่อมสัมพันธ์กับความสว่าง และไม่ต้องค้นคว้าหาความสว่างอีกต่อไป พระเจ้าจะทรงปล่อยให้ผู้คนทั้งหมดที่กำลังค้นคว้าได้เห็นความสว่างอีกครั้ง และได้เห็นพระสิริที่พระองค์ได้มีในอิสราเอล พระเจ้าจะทรงปล่อยให้พวกเขาได้เห็นว่าพระองค์ได้เสด็จลงมาบนเมฆขาวเข้าสู่ท่ามกลางมวลมนุษย์นานมาแล้ว จะปล่อยให้พวกเขาได้เห็นหมู่เมฆสีขาวนับไม่ถ้วนและผลไม้เป็นพวงอันอุดม และที่มากไปกว่านั้นคือ จะปล่อยให้พวกเขาได้เห็นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเจ้าจะทรงปล่อยให้พวกเขาเฝ้ามององค์เจ้านายแห่งพวกยิว พระเมสสิยาห์ซึ่งเป็นที่ถวิลหารอยคอย และการปรากฏอันครบถ้วนของพระองค์ผู้ที่ได้ทรงถูกพวกกษัตริย์ข่มเหงตลอดทั่วทั้งยุคต่างๆ พระเจ้าจะทำงานกับทั้งจักรวาลและพระองค์จะปฏิบัติงานอันยิ่งใหญ่ เป็นการเปิดเผยพระสิริของพระองค์ทั้งหมดต่อมนุษย์ในยุคสุดท้าย และกิจการของพระองค์ทั้งหมดต่อมนุษย์ในยุคสุดท้าย พระเจ้าจะทรงแสดงโฉมพระพักตร์อันเปี่ยมสง่าราศีของพระองค์ในความครบถ้วนต่อบรรดาผู้ที่ได้รอคอยพระองค์มานานหลายปีแล้ว ต่อบรรดาผู้ที่ได้ถวิลหาให้พระองค์เสด็จลงมาบนเมฆขาว ต่ออิสราเอลที่ได้ถวิลหาให้พระองค์ทรงปรากฏอีกครั้งหนึ่ง และต่อมวลมนุษย์ทั้งปวงที่ข่มเหงพระองค์ เพื่อที่ทั้งหมดจะได้รู้ว่าพระเจ้าได้ทรงเอาพระสิริของพระองค์ไป และได้นำพาพระสิรินั้นไปยังทิศตะวันออกนานมาแล้ว เพื่อที่พระสิรินั้นจะได้ไม่อยู่ในแคว้นยูเดียอีกต่อไป ด้วยเหตุที่ยุคสุดท้ายนั้นได้มาถึงแล้ว!” (ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ)
วิดีโอนี้ประทับใจฉันจริงๆ ค่ะ พระเจ้าทรงนำพระสิริของพระองค์จากอิสราเอลไปยังทิศตะวันออกในยุคสุดท้าย ในประเทศจีน ซึ่งต่อต้านพระเจ้าที่สุดในหมู่ประชาชาติทั้งหมด พระองค์ได้ทรงปรากฏ ทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์และทรงแสดงความจริง เพื่อพิชิตและช่วยผู้คนทั้งหมดทั่วทั้งจักรวาลให้รอด นี่คือพระมหิทธิฤทธิ์และพระปรีชาญาณของพระเจ้า การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าในประเทศจีนนั้นมีความหมายอย่างลึกซึ้ง ในอดีต ฉันไม่คุ้นเคยกับพระราชกิจของพระเจ้าค่ะ ตามมโนคติที่หลงผิดของฉัน ฉันคิดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปรากฏในอิสราเอลเมื่อพระองค์ทรงกลับมา หลังจากที่ฉันอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เท่านั้น ที่ฉันมาเข้าใจความลึกลับของการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าในประเทศจีนค่ะ ฉันอยากแบ่งปันประสบการณ์การยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของฉันค่ะ
หลังจากพบความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ฉันก็เป็นผู้แสวงหาที่กระตือรือร้นค่ะ เมื่อไรก็ตามที่ฉันมีเวลา ฉันก็จะเป็นอาสาสมัครที่คริสตจักร และฉันถวายสิบลดอย่างแน่วแน่ทุกเดือน ในเดือนเมษายน ปี 2011 ฉันมาทำงานที่เกาหลีใต้ค่ะ และไม่ว่าฉันจะยุ่งกับงานแค่ไหน ฉันก็ยังไปนมัสการวันอาทิตย์ แต่คำเทศนาของศิษยาภิบาลก็เหมือนเดิมๆ เสมอ หากผู้เข้าร่วมไม่ผล็อยหลับ สุดท้ายก็หันมาคุยกันเอง ไม่มีความรื่นรมย์เลยค่ะ เมื่อเวลาผ่านไป ฉันก็เลิกอยากไปนมัสการ แต่เพราะฉันเป็นคริสตชน ฉันจึงรู้สึกว่ามันไม่ถูกที่จะไม่เข้าร่วม ดังนั้นฉันก็เลยบังคับตัวเองให้ไปต่อ แล้ววันหนึ่งด้วยความมบังเอิญ ฉันก็บังเอิญไปเจอกับน้องสาวเจ้า เพื่อนจากคริสตจักรเดิมของฉัน เธอชวนฉันกลับไปบ้านของเธอ และน้องสาวหลี่เพื่อนของเธอก็มาด้วย เราเจอกันเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้สึกถูกชะตากันทันที เราคุยกันเรื่องสถานการณ์ของเราและเรื่องความแห้งแล้งในคริสตจักรด้วย น้องหลี่สามัคคีธรรมกับเราว่าความแห้งแล้งของคริสตจักรนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะพระเจ้าทรงกำลังทำพระราชกิจใหม่ และพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว และว่าเราต้องเป็นเหมือนหญิงพรหมจารีมีปัญญา แสวงหาการทรงปรากฏของพระเจ้าและเฝ้าฟังพระสุรเสียงของพระองค์ เพื่อที่จะต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้าค่ะ ฉันพบว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นให้ความรู้แจ้งมาก แล้วน้องสาวหลี่ก็พูดว่า “องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับมาแล้ว พระองค์ทรงจุติเป็นมนุษย์ในฐานะพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และได้ทรงปรากฏเพื่อทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ในประเทศจีน ทรงแสดงความจริงและทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการชำระให้บริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงเริ่มยุคแห่งราชอาณาจักรและจบยุคพระคุณ บรรดาคนทั้งหมดที่ยอมรับพระราชกิจของพระองค์ในยุคสุดท้ายถูกรับเอาไว้เบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้า พวกเขากำลังได้รับการจัดหาของพระวจนะของพระเจ้าและเข้าร่วมงานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกค่ะ” สิ่งที่น้องสาวหลี่พูดทำให้ฉันตกตะลึง และยากเย็นมากที่จะเชื่อเธอ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลับมาแล้วเหรอ และพระองค์ได้เสด็จมาที่ประเทศจีนเหรอ ในช่วงเวลาของพันธสัญญาเดิมและใหม่ พระเจ้าทรงพระราชกิจของพระองค์ในอิสราเอล และในพระคัมภีร์กล่าวว่า “ในวันนั้น พระบาทของพระองค์จะทรงยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่หน้ากรุงเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศนั้นจะแยกออกเป็น ส่วน จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยมีหุบเขากว้างมากคั่นอยู่ ภูเขากึ่งหนึ่งจึงจะถอยไปทางเหนือ และอีกกึ่งหนึ่งจะถอยไปทางใต้” (เศคาริยาห์ 14:4) ในยุคสุดท้าย องค์พระผู้เป็นเจ้าควรจะทรงมาถึงในอิสราเอลบนภูเขามะกอกเทศสิ พระองค์จะอยู่ในประเทศจีนได้ยังไง ฉันเผยความสับสนให้น้องหลี่ฟัง
เธอแค่พูดยิ้มๆ ว่า “คำเผยพระวจนะเรื่องการทรงกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดเป็นความลึกลับค่ะ เราไม่สามารถเข้าใจความหมายของคำเผยพระวจนะเหล่านั้นได้ หลังจากคำเผยพระวจนะหนึ่งลุล่วงแล้ว และเราเห็นว่าพระเจ้าทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์อย่างไรเท่านั้น เราจึงจะสามารถเข้าใจว่าคำเผยพระวจนะนั้นหมายถึงอะไรค่ะ เราไม่ควรจำกัดพระราชกิจของพระเจ้าโดยใช้ความหมายตามตัวอักษรของคำเผยพระวจนะนะคะ เพราะการทำแบบนั้นอาจจะทำให้เราต่อต้านพระเจ้าค่ะ ดูพวกฟาริสีเป็นตัวอย่างสิคะ พวกเขายึดติดกับความหมายตามตัวอักษรของคำเผยพระวจนะเรื่องการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ คิดไปว่าเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะต้องทรงพระนามว่าเมสสิยาห์ และไม่มีใครที่ไม่มีพระนามว่าเมสสิยาห์สามารถเป็นพระคริสต์ได้ ผลก็คือพวกเขาลงเอยด้วยการต่อต้านและกล่าวโทษพระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้าและสูญเสียความรอดของพระเจ้า หากเราจำกัดพระราชกิจของพระเจ้าตามการตีความตามตัวอักษรของพระคัมภีร์ และไม่เจาะลึกข้อเท็จจริงเรื่องการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า เราก็มีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดเหมือนกับพวกฟาริสีค่ะ ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งการพิพากษาโดยเริ่มที่พระนิเวศของพระเจ้า ทรงแสดงความจริงทั้งหมดที่ชำระมวลมนุษย์ให้บริสุทธิ์และช่วยพวกเขาให้รอด เหมือนความสว่างสุกใสปรากฏในทิศตะวันออก เพียงแค่ 20 กว่าปี พระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคสุดท้ายได้กระจายไปทั่วประเทศจีน และตอนนี้ไปถึงชาติอื่นๆ ทั่วโลกแล้วด้วยซ้ำ พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ หนังสือรวบรวมพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ได้รับการแปลมากกว่า 20 ภาษา และเผยแพร่ออนไลน์ให้ผู้คนทั่วโลกแสวงหาและเจาะลึก พระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคสุดท้ายได้ทำให้คำเผยพระวจนะขององค์พระเยซูเจ้าลุล่วงอย่างสมบูรณ์ดังที่ว่า ‘เพราะว่าฟ้าแลบจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกอย่างไร การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้น’ (มัทธิว 24:27) และหนังสือมาลาคี 1:11 ที่ว่า ‘พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงที่ดวงอาทิตย์ตก นามของเราก็ใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย…’” ได้ยินแบบนี้ มันก็สอดประสานกันทันที องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกลับมาในประเทศจีน ไม่ใช่อิสราเอล และพระคัมภีร์เผยพระวจนะนี้ไว้นานมาแล้ว
จากนั้น น้องหลี่ก็อ่านพระวจนะของพระเจ้าให้ฉันฟังบทตอนหนึ่ง “อันที่จริงแล้ว พระเจ้าทรงเป็นองค์เจ้านายของทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงพระองค์ไม่เพียงทรงเป็นพระเจ้าของคนอิสราเอลหรือของพวกยิวเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง ทั้งสองช่วงระยะก่อนหน้านี้ของพระราชกิจของพระองค์เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอลซึ่งได้สร้างมโนคติที่หลงผิดบางอย่างไว้ในผู้คน พวกเขาเชื่อว่าพระยาห์เวห์ทรงพระราชกิจของพระองค์ในประเทศอิสราเอล เชื่อว่าพระเยซูพระองค์เองทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์เสร็จสิ้นในแคว้นยูเดีย และยิ่งไปกว่านั้น เชื่อว่าพระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทรงพระราชกิจ—และไม่ว่ากรณีใดก็ตาม พระราชกิจนี้ไม่ได้แผ่ขยายไปพ้นประเทศอิสราเอล พระเจ้าไม่ได้ทรงพระราชกิจในคนอียิปต์หรือคนอินเดีย พระองค์ทรงพระราชกิจในคนอิสราเอลเท่านั้น ดังนั้น ผู้คนจึงก่อมโนคติที่หลงผิดสารพัดและวาดขอบพระราชกิจของพระเจ้าขึ้นภายในขอบเขตหนึ่ง พวกเขากล่าวว่าเมื่อพระเจ้าทรงพระราชกิจ พระองค์ต้องทรงทำเช่นนั้นท่ามกลางประชากรที่ทรงเลือกสรรและทำในประเทศอิสราเอล นอกจากคนอิสราเอลแล้ว พระเจ้าจะไม่ทรงพระราชกิจต่อผู้อื่นเลย และไม่มีขอบเขตที่กว้างใหญ่กว่านี้อีกแล้วในพระราชกิจของพระองค์ พวกเขาเข้มงวดเป็นพิเศษเมื่อมาถึงเรื่องการจัดให้พระเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ไม่แตกแถวและไม่อนุญาตให้พระองค์ขยับออกนอกเขตแดนของประเทศอิสราเอล เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่มโนคติที่หลงผิดของมนุษย์เท่านั้นหรอกหรือ? พระเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์ทุกชั้นและแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสร้างสิ่งทรงสร้างทั้งปวงขึ้นมา ดังนั้นพระองค์จะทรงจำกัดพระราชกิจของพระองค์ไว้กับประเทศอิสราเอลเท่านั้นได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นแล้ว การที่พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงขึ้นมาจะเป็นประโยชน์อันใดเล่า? พระองค์ทรงสร้างทั้งพิภพและพระองค์ทรงดำเนินแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระองค์จนเสร็จสิ้นไม่เพียงในประเทศอิสราเอล แต่กับทุกๆ คนในจักรวาล…หากพระเจ้าต้องทรงทำตามมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ พระองค์ก็จะทรงเป็นเพียงพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น และดังนั้น จะไม่สามารถแผ่ขยายพระราชกิจของพระองค์ไปยังชนต่างชาติ เพราะพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้นและไม่ทรงเป็นพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง คำเผยพระวจนะทั้งหลายกล่าวไว้แล้วว่า พระนามของพระยาห์เวห์จะได้รับการขยายความไปในหมู่ชนต่างชาติ กล่าวไว้ว่าจะแพร่กระจายไปยังชนต่างชาติ เหตุใดจึงได้เผยพระวจนะไว้เช่นนี้เล่า? หากพระเจ้าทรงเป็นเพียงพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น พระองค์ก็จะทรงพระราชกิจในประเทศอิสราเอลเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์จะไม่ทรงแพร่กระจายพระราชกิจนี้ และพระองค์จะไม่ทรงกล่าวคำเผยพระวจนะเช่นนี้ ในเมื่อพระองค์ทรงกล่าวคำเผยพระวจนะนี้ไว้แล้ว พระองค์ก็จะทรงแผ่ขยายพระราชกิจของพระองค์ไปท่ามกลางชนต่างชาติ ท่ามกลางทุกชนชาติและทุกแผ่นดินอย่างแน่นอน ในเมื่อพระองค์ทรงกล่าวไว้เช่นนี้ พระองค์ก็จำต้องทรงปฏิบัติ นี่คือแผนการของพระองค์เพราะพระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่ง และเป็นพระเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง ไม่ว่าพระองค์จะทรงพระราชกิจท่ามกลางคนอิสราเอลหรือทั่วแคว้นยูเดียทั้งหมด พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำก็คือพระราชกิจของทั้งจักรวาลและพระราชกิจของมนุษยชาติทั้งมวล พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำในวันนี้ในชนชาติแห่งพญานาคใหญ่สีแดง—ในชนต่างชาติ—ยังคงเป็นพระราชกิจของมนุษยชาติทั้งมวล ประเทศอิสราเอลสามารถเป็นฐานสำหรับพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลกได้ ในทำนองเดียวกัน ประเทศจีนก็สามารถเป็นฐานสำหรับพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชนต่างชาติได้เช่นกัน บัดนี้พระองค์ยังไม่ได้ทรงลุล่วงในคำเผยพระวจนะที่ว่า ‘พระนามของพระยาห์เวห์จะได้รับการขยายให้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางชนต่างชาติ’ ไปแล้วหรอกหรือ?” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง)
แล้วน้องหลี่ก็สามัคคีธรรมว่า “พระเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งมวล พระองค์ทรงปกครองทั่วทั้งจักรวาล และทรงควบคุมเหนือชะตากรรมของมนุษย์ทั้งมวล พระเจ้าไม่ได้ทรงเป็นแค่พระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งมวลด้วย พระเจ้าทรงมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ภายในชาติใดก็ได้และท่ามกลางผู้คนกลุ่มใดก็ได้ แต่ไม่ว่าพระองค์ทรงปรากฏและทรงพระราชกิจในประเทศใด พระราชกิจของพระองค์ก็กระทำไปเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติทั้งมวล และเพื่อทรงนำพวกเขาในการพัฒนาของพวกเขา ตั้งอย่างเช่นในยุคธรรมบัญญัติ พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงใช้โมเสสเพื่อประกาศธรรมบัญญัติของพระองค์ในอิสราเอลและเริ่มยุคธรรมบัญญัติ แล้วด้วยการใช้แผ่นดินนั้นเป็นศูนย์กลาง พระองค์ทรงค่อยๆ ขยายพระราชกิจของพระองค์ไปยังแผ่นดินอื่นๆ เพื่อที่ทุกชาติและผู้คนจะให้เกียรติพระนามพระองค์ว่ายิ่งใหญ่ ในยุคพระคุณ องค์พระเยซูเจ้าทรงพระราชกิจแห่งการไถ่ในยูเดีย แต่องค์พระเยซูเจ้าไม่เพียงแค่ทรงไถ่คนยิว พระองค์ทรงไถ่มนุษยชาติทั้งมวล ตอนนี้ สองพันปีให้หลัง ข่าวประเสริฐขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้แผ่ไปทั่วทุกมุมโลก ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงกำลังใช้ประเทศจีนเป็นสถานที่ทดลองสำหรับพระราชกิจของพระองค์ ก่อนจะขยายพระราชกิจออกไปทั่วจักรวาล ตอนนี้พระวจนะและพระราชกิจของพระเจ้าเป็นเหมือนแสงสว่างจ้า ส่องออกมาจากทิศตะวันออกและให้ความกระจ่างแก่ทุกชาติของทิศตะวันตกด้วยคำพยาน มหาชนมากมายได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าในพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และได้มาเฉพาะพระบัลลังก์พระเจ้าเพื่อยอมรับการพิพากษาและการชำระให้บริสุทธิ์ของพระวจนะของพระองค์ เราสามารถเห็นได้ ว่าไม่ว่ายุคไหน เมื่อพระเจ้าทรงตัดสินใจจะปรากฏและทรงพระราชกิจท่ามกลางผู้คนหรือในประเทศหนึ่งแล้ว พระองค์จะทรงเลือกสถานที่ทรงพระราชกิจก่อนเสมอ จากนั้นจึงทรงใช้สถานที่นี้เป็นตัวอย่าง ค่อยๆ ขยายพระราชกิจของพระองค์ไปยังที่อื่นๆ เพื่อเสร็จสิ้นพระราชกิจของพระองค์ในการช่วยมนุษย์ให้รอด นี่คือหลักปฏิบัติเบื้องหลังพระราชกิจของพระเจ้า หากเราปฏิบัติตามมโนคติที่หลงผิดและการจินตนาการของเรา คิดว่าเพราะพระเจ้าทรงพระราชกิจในอิสราเอลในยุคธรรมบัญญัติและยุคพระคุณ เช่นนั้นพระเจ้าต้องทรงเป็นพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้น ข่าวประเสริฐสามารถออกมาจากอิสราเอลได้เท่านั้น ประชากรของอิสราเอลเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแท้จริงเพียงหนึ่งเดียว และเป็นประชากรหนึ่งเดียวที่ควรค่าแก่พระพรของพระองค์ และคิดว่าพระเจ้าจะไม่ทรงปรากฏและทรงพระราชกิจในชนต่างชาติ แบบนั้นคือเราจำกัดพระเจ้าไม่ใช่เหรอ พระเจ้าตรัสไว้ว่า ‘นามของเราก็ใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย’ ดังนั้นแล้วพระวจนะนี้จะบรรลุผลและลุล่วงอย่างไร พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ในยุคสุดท้ายและทรงพระราชกิจของพระองค์ในประเทศจีน ประเทศที่ปกครองด้วยอเทวนิยม เพื่อที่จะทุบมโนคติที่หลงผิดของผู้คนให้แหลก และเพื่อแสดงว่าพระองค์ไม่ได้ทรงพระราชกิจตามกฎเกณฑ์ต่างๆ แต่เป็นตามแผนการของพระองค์เองต่างหาก พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นด้วย ว่าพระองค์ไม่ได้แค่ช่วยคนของอิสราเอลให้รอด แต่ประชาชาติด้วย พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของมนุษยชาติทั้งมวล ไม่ใช่พระเจ้าของประเทศหนึ่งประเทศใดหรือคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด เมื่อไรก็ตามที่พระเจ้าทรงปรากฏและทรงพระราชกิจ มันมีนัยสำคัญเสมอ และพระองค์ทรงเลือกสถานที่ซึ่งจะรับใช้จุดประสงค์ของการช่วยมนุษย์ให้รอดเสมอ”
การสามัคคีธรรมของน้องหลี่ทำให้ฉันรู้สึกละอายใจมาก เมื่อรู้ว่าพระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ระหว่างยุคธรรมบัญญัติและยุคพระคุณในอิสราเอล ฉันคิดว่าพระเจ้าจะทรงปรากฏและทรงพระราชกิจในอิสราเอลเท่านั้น หากพระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ในอิสราเอลอีกครั้งในยุคสุดท้าย เช่นนั้นฉันก็คงจำกัดพระองค์ยิ่งขึ้นอีกในฐานะพระเจ้าของคนอิสราเอล และนั่นคงจะเป็นการปฏิเสธพระเจ้าในฐานะผู้ปกครองของมนุษยชาติทั้งมวล! นั่นเป็นการต่อต้านพระเจ้าค่ะ! สถานที่ที่พระเจ้าทรงปรากฏและทรงพระราชกิจของพระองค์นั้นเป็นเงาสะท้อนของแผนการของพระองค์และพระปรีชาญาณของพระองค์เสมอ เราไม่เหมาะสมจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้า ยิ่งจำกัดพระราชกิจของพระองค์ยิ่งแล้วใหญ่ แต่ฉันยังมีความสงสัยอยู่บ้าง จีนเป็นประเทศที่ปกครองโดยรัฐบาลอเทวนิยม มันเป็นประเทศที่แย่ที่สุดเพราะปฏิเสธและต่อต้านพระเจ้า หากพระเจ้าไม่มีพระเจตนาจะทรงปรากฏและทรงพระราชกิจในอิสราเอล ทำไมพระองค์ไม่ทรงพระราชกิจในชาติทั้งหลายอย่างสหรัฐฯ หรือสหราชอาณาจักร ที่ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาหลักล่ะ ทำไมพระองค์ทรงเลือกปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ในประเทศจีนล่ะ ฉันถามคำถามเหล่านี้กับน้องหลี่
น้องหลี่ตอบมาอย่างนี้ค่ะ “พระเจ้าทรงเลือกประเทศและสถานที่เพื่อทรงพระราชกิจของพระองค์ บนพื้นฐานของความจำเป็นของพระราชกิจของพระองค์ เบื้องหลังทางเลือกของพระองค์มีความหมายพิเศษเสมอ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ตรัสไว้ชัดเจนในเรื่องนี้ค่ะ” แล้วน้องหลี่ก็อ่านพระวจนะของพระเจ้าให้ฉันฟังบทตอนหนึ่งค่ะ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พระราชกิจของพระยาห์เวห์คือการสร้างโลก นั่นคือการเริ่มต้น พระราชกิจช่วงระยะนี้คือปลายทางของพระราชกิจ และเป็นการสรุปปิดตัว เริ่มแรกนั้นพระราชกิจของพระเจ้าดำเนินไปท่ามกลางผู้ที่ได้รับการเลือกสรรชาวอิสราเอล และเป็นรุ่งอรุณของยุคใหม่ในสถานที่ที่บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งหมด พระราชกิจช่วงระยะสุดท้ายดำเนินไปในประเทศที่ไม่บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาประเทศทั้งปวง เพื่อพิพากษาโลกและนำพายุคไปสู่กาลอวสาน ในช่วงระยะแรกนั้น พระราชกิจของพระเจ้าดำเนินไปในสถานที่ที่สดใสที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวง และช่วงระยะสุดท้ายก็ดำเนินไปในสถานที่ที่มืดมนที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวง และความมืดมนนี้จะถูกขับออกไป และความสว่างจะถูกนำมา และผู้คนทั้งหมดจะได้รับการพิชิต เมื่อผู้คนจากสถานที่ที่ไม่บริสุทธิ์ที่สุดและมืดมิดที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวงนี้ได้รับการพิชิต และประชากรทั้งหมดทั้งมวลยอมรับรู้ว่ามีพระเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ และเมื่อทุกบุคคลเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ เช่นนั้นแล้ว ข้อเท็จจริงนี้จะถูกใช้ดำเนินพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยไปทั่วทั้งจักรวาล พระราชกิจช่วงระยะนี้มีความเป็นสัญลักษณ์ กล่าวคือ ทันทีที่พระราชกิจของยุคนี้เสร็จสิ้นลง พระราชกิจแห่งการบริหารจัดการหกพันปีก็จะมาถึงบทอวสานอันสมบูรณ์ ทันทีที่พวกที่อยู่ในสถานที่ที่มืดมนที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวงได้รับการพิชิตแล้ว ก็ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่าทั่วทุกหนแห่งจะเป็นเช่นนั้นด้วย เมื่อเป็นดังนี้จึงมีเพียงพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยในประเทศจีนเท่านั้นที่มีการใช้สัญลักษณ์อย่างมีความหมาย ประเทศจีนคือรูปจำแลงแห่งกำลังบังคับทั้งมวลของความมืด และผู้คนของประเทศจีนเป็นตัวแทนของทุกคนที่เป็นมนุษย์ เป็นของซาตาน และมีเลือดมีเนื้อหนัง ผู้คนชาวจีนนี่เองที่ถูกพญานาคใหญ่สีแดงทำให้เสื่อมทรามที่สุด ต่อต้านพระเจ้าอย่างหนักหน่วงที่สุด มีสภาวะความเป็นมนุษย์ที่ต่ำช้าและไม่บริสุทธิ์ที่สุด และดังนั้นพวกเขาจึงเป็นแม่แบบของมนุษยชาติที่เสื่อมทรามทั้งหมด…ความเสื่อมทราม ความไม่บริสุทธิ์ ความไม่ชอบธรรม การต่อต้าน และการเป็นกบฏได้ถูกสำแดงอย่างสมบูรณ์ที่สุด และถูกเปิดเผยอยู่ในรูปแบบสารพันภายในตัวผู้คนของประเทศจีนนั่นเอง ในด้านหนึ่ง พวกเขามีขีดความสามารถอ่อนด้อย และในอีกด้านหนึ่ง ชีวิตและชุดความคิดของพวกเขาล้าหลัง และนิสัยใจคอ สภาพแวดล้อมทางสังคม ครอบครัวที่ให้กำเนิดของพวกเขา—ทั้งหมดล้วนอ่อนด้อยและล้าหลังที่สุด สถานะของพวกเขาก็ต่ำต้อยเช่นกัน พระราชกิจในที่แห่งนี้จึงมีความเป็นสัญลักษณ์ และหลังจากที่พระราชกิจแห่งการทดสอบนี้ดำเนินไปอย่างครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว พระราชกิจที่ตามมาของพระเจ้าจะง่ายกว่านี้มาก หากพระราชกิจขั้นตอนนี้สามารถเสร็จสมบูรณ์ เช่นนั้นแล้ว พระราชกิจที่ตามมาก็ย่อมเป็นที่ชัดเจน ทันทีที่พระราชกิจขั้นตอนนี้สำเร็จลุล่วงไป ก็ย่อมจะสัมฤทธิ์ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างเต็มที่ และพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยทั่วทั้งจักรวาลก็ย่อมจะถึงกาลอวสานอย่างสมบูรณ์ แท้จริงแล้ว ทันทีที่พระราชกิจท่ามกลางพวกเจ้าประสบความสำเร็จ นี่ก็ย่อมจะเทียบเท่ากับความสำเร็จไปทั่วจักรวาล นี่คือความสำคัญของการที่ว่าเหตุใดเราจึงให้พวกเจ้าทำหน้าที่เป็นแบบอย่างและตัวอย่าง ความเป็นกบฏ การต่อต้าน ความไม่บริสุทธิ์ ความไม่ชอบธรรม—ทั้งหมดล้วนพบเจออยู่ในตัวผู้คนเหล่านี้ และในตัวพวกเขายังมีความเป็นกบฏทั้งปวงของมวลมนุษย์ พวกเขาไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้รับการยกชูให้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพิชิตชัย และทันทีที่พวกเขาถูกพิชิต พวกเขาจะกลายเป็นตัวอย่างและแบบอย่างสำหรับผู้อื่นไปเอง” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (2))
แล้วน้องหลี่ก็สามัคคีธรรมว่า “พระเจ้าทรงเลือกสถานที่และเป้าหมายของพระราชกิจของพระองค์ในทุกช่วงระยะ บนพื้นฐานของความจำเป็นของพระราชกิจของพระองค์ มันมาพร้อมด้วยความหมายเฉพาะเจาะจงเสมอ และเพื่อความรอดของมวลมนุษย์เสมอ ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจสองระยะแรกในอิสราเอล เพราะคนอิสราเอลคือประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร พวกเขาเชื่อและนมัสการพระเจ้า พวกเขามีความยำเกรงพระเจ้าในหัวใจของพวกเขาและเสื่อมทรามน้อยที่สุดจากมนุษยชาติทั้งมวล ด้วยเหตนี้จึงง่ายที่สุดสำหรับพระเจ้าที่จะทรงสร้างกลุ่มตัวอย่างของผู้นมัสการพระเจ้าด้วยการทรงพระราชกิจท่ามกลางพวกเขา และด้วยวิธีนี้ พระราชกิจของพระเจ้าสามารถเผยแผ่ได้รวดเร็วขึ้นและราบรื่นขึ้น เพื่อที่มวลมนุษย์ทั้งหมดจะสามารถเรียนรู้การทรงดำรงอยู่และพระราชกิจของพระเจ้า และผู้คนมากยิ่งขึ้นสามารถมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและรับความรอดของพระองค์ การที่พระราชกิจสองระยะแรกของพระเจ้าได้กระทำในอิสราเอลเป็นสัญลักษณ์อย่างแท้จริง พระเจ้าทรงเลือกอิสราเอลตามความจำเป็นของพระราชกิจของพระองค์ทั้งสิ้น ในยุคสุดท้าย พระเจ้าทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการชำระให้บริสุทธิ์ พระองค์ทรงแสดงความจริงเพื่อพิพากษาและตีแผ่ความเสื่อมทรามและความไม่ชอบธรรมของมวลมนุษย์ ทรงแสดงความชอบธรรม พระพิโรธ และพระอุปนิสัยที่ไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้ของพระองค์ให้มวลมนุษย์เห็น ดังนั้นพระองค์ทรงต้องเลือกผู้คนที่เสื่อมทรามที่สุด ต่อต้านพระเจ้าที่สุดเป็นตัวอย่าง การทำแบบนี้เท่านั้นที่พระราชกิจของพระเจ้าจะสามารถบรรลุผลลัพท์ที่ดีที่สุด ดังที่ทุกคนรู้ จากมนุษยชาติทั้งหมด คนจีนล้าหลังที่สุดและถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามที่สุด พวกเขาเป็นชาติพันธุ์ที่ไม่บริสุทธิ์ ต่ำต้อย ปฏิเสธพระเจ้า และต่อต้านพระเจ้าที่สุดในมนุษยชาติทั้งหมด พวกเขาเป็นต้นแบบของมนุษยชาติที่เสื่อมทรามทั้งมวล ด้วยการทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาในประเทศจีน และการมุ่งเป้าไปที่อุปนิสัยอันเสื่อมทรามของคนจีน พระเจ้าทรงเปิดเผยมวลมนุษย์อย่างทั่วถึงและหลักแหลมที่สุด และความจริงที่พระองค์ทรงแสดงนั้นสมบูรณ์ที่สุดและสามารถเปิดเผยพระอุปนิสัยที่บริสุทธิ์และชอบธรรมของพระองค์ได้มากที่สุดค่ะ พระเจ้าทรงใช้ความจริงที่แสดงผ่านพระราชกิจของพระองค์กับประชากรที่ถูกเลือกสรรในประเทศจีน เพื่อพิชิตและช่วยมนุษยชาติทั้งมวลให้รอด และเปิดโอกาสให้พวกเขาเห็นพระอุปนิสัยที่บริสุทธิ์และชอบธรรมของพระองค์ เพื่อให้พวกเขาทั้งหมดมาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อสรรเสริญพระองค์ นี่คือพระปรีชาญาณของพระราชกิจของพระเจ้าค่ะ หากผู้คนที่เสื่อมทรามที่สุดสามารถถูกพระเจ้าทำให้มีความเพียบพร้อมได้ เช่นนั้นการทำให้มวลมนุษย์ที่เหลือมีความเพียบพร้อมก็เป็นเรื่องเล็กน้อย และซาตานเองก็จะพ่ายแพ้อย่างราบคาบเช่นกัน ด้วยการทรงพระราชกิจในประเทศจีน พระเจ้าจะทรงได้รับคำพยานที่กึกก้องที่สุดและพระสิริที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะประชากรของอิสราเอลหรือของบรรดาประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นหลักอย่างสหรัฐฯ หรือสหราชอาณาจักร ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดของมวลมนุษย์ที่เสื่อมทราม การที่พระเจ้าทรงพระราชกิจกับพวกเขาและทำให้พวกเขามีความเพียบพร้อม จะไม่บรรลุเป้าหมายสุดท้ายของการพิชิตและช่วยมวลมนุษย์ทั้งหมดให้รอด ดังนั้นการที่พระเจ้าทรงพระราชกิจกับคนจีนตามความจำเป็นของพระราชกิจแห่งการพิพากษา จึงเป็นตัวแทนที่ดีและมีความหมายที่สุด จากเป้าหมายและสถานที่ของพระราชกิจของพระเจ้าและผลกระทบสูงสุดในแต่ละระยะ เราสามารถเห็นได้ว่าพระราชกิจของพระเจ้านั้นทรงพระปรีชาญาณและยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง!”
ได้ยินแบบนี้ ฉันพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ใช่ค่ะ อิสราเอลเป็นชาติที่นมัสการพระเจ้า และผู้คนที่นั่นก็เสื่อมทรามน้อยที่สุดในหมู่มนุษยชาติ หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลับมาเพื่อทรงพระราชกิจในอิสราเอล พระราชกิจแห่งการพิชิตของพระเจ้าก็จะไม่บรรลุผลลัพธ์ที่ดี ประเทศจีนล้าหลังและต่อต้านพระเจ้าที่สุดจากบรรดาชาติทั้งหมด ดังนั้นด้วยการพิชิตคนจีน ไม่เพียงพระราชกิจแห่งการพิชิตของพระองค์จะบรรลุผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่านั้น พระองค์ยังทรงสำแดงพระมหิทธิฤทธิ์และพระปรีชาญาณของพระองค์ด้วย ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่าการที่พระเจ้าทรงพระราชกิจในประเทศจีนในยุคสุดท้ายนั้นมีความสำคัญอย่างแท้จริงแค่ไหน! ฉันไม่ได้รู้จักพระราชกิจของพระเจ้า แต่จำกัดพระราชกิจของพระเจ้าโดยใช้มโนคติที่หลงผิดและการจินตนาการของฉันเอง ฉันโอหังอะไรอย่างนั้น!”
น้องหลี่พูดต่อไปว่า “ไม่ว่าพระเจ้าทรงพระราชกิจของพระองค์อย่างไรหรือที่ไหน ก็มีความลึกลับและความจริงให้แสวงหาเสมอ ส่วนที่ว่าเราควรต้อนรับการทรงกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไรนั้น องค์พระเยซูเจ้าทรงบอกเราไว้ว่า ‘เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องว่า “เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด”’ (มัทธิว 25:6) ‘แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา’ (ยอห์น 10:27) ‘นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าใครได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาเขา และจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา’ (วิวรณ์ 3:20) ดังนั้น ในการต้อนรับการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและแสวงหาการทรงปรากฏของพระองค์ สำคัญที่สุดคือดูว่ามีการแสดงความจริงและพระสุรเสียงของพระเจ้าหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะแสดงความจริงที่ไหน ก็จะมีพระสุรเสียงของพระเจ้าที่นั่น เช่นเดียวกับการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระองค์ เรื่องนี้จริงที่สุดเลยค่ะ ดังที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า ‘ยิ่งผู้คนเชื่อว่าบางสิ่งเป็นไปไม่ได้มากเท่าใด ก็มีโอกาสที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น เพราะพระปรีชาญาณของพระเจ้าทะยานสูงกว่าฟ้าสวรรค์ พระราชดำริของพระเจ้าอยู่สูงกว่าความคิดของมนุษย์ และพระราชกิจของพระเจ้าอยู่เหนือขอบเขตของความคิดและมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ ยิ่งบางสิ่งเป็นไปไม่ได้มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีความจริงที่สามารถค้นหาได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งบางสิ่งอยู่เลยมโนคติที่หลงผิดและจินตนาการของมนุษย์มากเท่าใด มันก็ยิ่งบรรจุน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเพราะ ไม่ว่าพระองค์จะทรงเปิดเผยพระองค์ที่ใด พระเจ้าก็ยังคงเป็นพระเจ้า และเนื้อแท้ของพระองค์จะไม่เปลี่ยนแปลงด้วยเหตุของสถานที่หรือลักษณะของการทรงปรากฏของพระองค์ พระอุปนิสัยของพระเจ้ายังคงเหมือนเดิมไม่ว่ารอยพระบาทของพระองค์จะอยู่ที่ใด และไม่ว่ารอยพระบาทของพระเจ้าจะอยู่ที่ใด พระองค์ก็เป็นพระเจ้าของมวลมนุษย์ทั้งปวง เช่นเดียวกับที่องค์พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงเป็นเพียงพระเจ้าของชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่เป็นพระเจ้าของผู้คนทั้งหมดในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาอีกด้วย และยิ่งไปกว่านั้นอีก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวในจักรวาลทั้งมวล ดังนั้นให้พวกเราแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าและค้นพบการทรงปรากฏของพระองค์ในถ้อยดำรัสของพระองค์ และก้าวตามให้ทันก้าวพระบาทของพระองค์! พระเจ้าทรงเป็นความจริง หนทาง และชีวิต พระวจนะของพระองค์และการทรงปรากฏของพระองค์ดำรงอยู่ในเวลาเดียวกัน และพระอุปนิสัยและรอยพระบาทของพระองค์เปิดกว้างต่อมวลมนุษย์ตลอดเวลา’ (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 1: การทรงปรากฏของพระเจ้าได้นำมาซึ่งยุคใหม่)” พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คลายความสับสนของฉันอย่างหมดจด มันเปิดเผยความลึกลับของการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า พิสูจน์ว่ามโนคติที่หลงผิดก่อนหน้านั้นของฉันไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน ฉันถวิลหาที่จะต้อนรับการทรงกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้านานหลายปี แต่ไม่เคยรู้ตัวว่าฉันจำกัดการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าแค่สิ่งที่ฉันจินตนาการและถ้อยคำตามตัวอักษรของพระคัมภีร์ ฉันโง่เขลาและมืดบอดอะไรอย่างนั้น! หลังจากการชุมนุมจบลง ฉันเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหนังสือ พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์ ที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงจากน้องหลี่
ผ่านการอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันได้เห็นว่าพระวจนะของพระองค์คลายปริศนามากมายของพระคัมภีร์อย่างไร อย่างแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระเจ้าสำหรับความรอดของมนุษยชาติ ความจริงและเบื้องลึกเบื้องหลังของพระคัมภีร์ ความหมายของพระนามของพระเจ้า ความลึกลับของการทรงจุติเป็นมนุษย์ พระเจ้าทรงตั้งผลลัพธ์และบั้นปลายของผู้คนทุกประเภทอย่างไร ยุคนี้จะจบลงอย่างไร และราชอาณาจักรของพระคริสต์จะเป็นจริงขึ้นที่นี่บนแผ่นดินโลกอย่างไร และอื่นๆ อีกมาก ไม่มีใครนอกจากพระเจ้าสามารถคลายปริศนาเหล่านี้ได้ พระวจนะที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงนั้นเต็มไปด้วยสิทธิอำนาจ ฤทธานุภาพ และพระบารมี พระวจนะเหล่านั้นเป็นถ้อยดำรัสของพระเจ้าจริงๆ ฉันเกิดความแน่ใจอย่างเต็มที่ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเป็นองค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับมา ฉันยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์อย่างไม่ลังเล และตอนนี้ฉันก็กำลังเดินตามรอยพระบาทของพระเมษโปดกค่ะ
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ