หน้าที่ของฉันกลายเป็นเชิงธุรกรรมแลกเปลี่ยนได้อย่างไร
โดย ไฉ่ น่า, ประเทศจีน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2017 ฉันทนทุกข์กับอาการความดันโลหิตสูง...
พวกเราต้อนรับผู้แสวงหาทุกคนที่ถวิลหาการทรงปรากฏของพระเจ้า!
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พระราชกิจทั้งหมดที่ทรงกระทำในวันนี้นั้นก็เพื่อที่มนุษย์จะสามารถได้รับการทำให้สะอาดหรือได้รับการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ มนุษย์สามารถชำระล้างความเสื่อมทรามและได้รับการทำให้บริสุทธิ์ได้ โดยผ่านทางการพิพากษาและการตีสอนจากพระวจนะ ตลอดจนโดยผ่านทางกระบวนการถลุง แทนที่จะถือว่าช่วงระยะนี้ของพระราชกิจเป็นช่วงระยะของความรอด น่าจะกล่าวว่านี่คือพระราชกิจแห่งการทำให้บริสุทธิ์เสียมากกว่า ในความจริง ช่วงระยะนี้เป็นช่วงระยะของการพิชิตชัยตลอดจนช่วงระยะที่สองในพระราชกิจแห่งความรอด โดยผ่านทางการพิพากษาและการตีสอนจากพระวจนะนี่เอง มนุษย์จึงมาถึงการได้รับการรับไว้โดยพระเจ้า และโดยผ่านทางการใช้พระวจนะถลุง พิพากษา และเปิดเผยนี่เอง ความไม่บริสุทธิ์ มโนคติที่หลงผิด เหตุจูงใจ และความทะเยอทะยานของปัจเจกบุคคลภายในหัวใจมนุษย์จึงถูกเผยอย่างสมบูรณ์” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความล้ำลึกแห่งการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ (4)) “การทรงพระราชกิจต่อพงศ์พันธุ์ของโมอับในตอนนี้คือการช่วยให้พวกที่ได้ตกลงสู่ความมืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้รอด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกสาปแช่ง แต่พระเจ้าเต็มพระทัยที่จะรับพระสิริจากพวกเขา เพราะในตอนแรกนั้นพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้คนที่หัวใจของพวกเขาขาดพร่องพระเจ้า มีเพียงการทำให้พวกที่ปราศจากพระเจ้าในหัวใจของพวกเขามาเชื่อฟังและรักพระองค์เท่านั้นที่จะเป็นการพิชิตชัยที่แท้จริง และผลของพระราชกิจเช่นนั้นจะมีค่ามากที่สุดและโน้มน้าวให้เชื่อได้มากที่สุด มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่เป็นการได้รับพระสิริ—นี่คือพระสิริที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะได้รับในยุคสุดท้าย ถึงแม้ว่าผู้คนเหล่านี้มีฐานะต่ำต้อย แต่การที่ตอนนี้พวกเขาสามารถได้รับความรอดที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้นั้นคือการยกระดับโดยพระเจ้าอย่างแท้จริง พระราชกิจนี้มีความหมายอย่างยิ่ง และพระองค์ทรงได้รับผู้คนเหล่านี้โดยผ่านทางการพิพากษานี้ เจตนารมณ์ของพระองค์ไม่ใช่การลงโทษผู้คนเหล่านี้ แต่เป็นการช่วยพวกเขาให้รอด หากในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายพระองค์ยังคงทรงพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยในอิสราเอล พระราชกิจนั้นจะไร้คุณค่า แม้ว่านั่นจะก่อให้เกิดผล แต่พระราชกิจนั้นจะไม่มีคุณค่าหรือนัยสำคัญที่ยิ่งใหญ่ใดๆ และพระองค์จะไม่สามารถทรงรับพระสิริทั้งหมดได้” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นัยสำคัญของการช่วยพงศ์พันธุ์ของโมอับให้รอด) การได้อ่านพระวจนะเหล่านี้จากพระเจ้าทำให้ฉันคิดถึงบททดสอบของฉันในฐานะพงศ์พันธุ์ของโมอับ
ฉันจำได้ว่าใน ค.ศ. 1993 พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงแสดง “ความจริงภายในเกี่ยวกับพระราชกิจแห่งการพิชิตชัย (2)” และ “แก่นแท้และอัตลักษณ์ของมนุษย์” พระองค์ได้ทรงเปิดเผยว่า ในประเทศจีนนั้น ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรล้วนเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ ในเวลานั้น ฉันได้อ่านพระวจนะเหล่านี้ของพระเจ้าความว่า “พงศ์พันธุ์ของโมอับคือผู้ที่ต่ำที่สุดในบรรดาผู้คนทั้งหมดของโลก ผู้คนบางคนถามว่า ‘พงศ์พันธุ์ของฮามไม่ได้ต่ำที่สุดจากทั้งหมดหรอกหรือ?’ ลูกหลานของพญานาคใหญ่สีแดงและพงศ์พันธุ์ของฮามมีนัยสำคัญในการเป็นตัวแทนที่แตกต่างกัน และพงศ์พันธุ์ของฮามเป็นอีกเรื่องที่แตกต่างออกไป กล่าวคือ ไม่ว่าพวกเขาจะถูกสาปแช่งอย่างไรก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นพงศ์พันธุ์ของโนอาห์ ในขณะเดียวกัน ต้นกำเนิดของโมอับไม่ได้บริสุทธิ์ กล่าวคือ โมอับมาจากการผิดประเวณี และความแตกต่างอยู่ในการนี้” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความจริงภายในเกี่ยวกับพระราชกิจแห่งการพิชิตชัย (2)) “บรรดาผู้ที่เราช่วยให้รอดเป็นพวกมนุษย์ที่เราได้ลิขิตไว้ล่วงหน้านานมาแล้วและได้รับการไถ่โดยเรา ในขณะที่พวกเจ้าเป็นวิญญาณที่น่าสงสารซึ่งถูกวางไว้ท่ามกลางมนุษยชาติเสมือนข้อยกเว้นต่อกฎเกณฑ์ เจ้าควรจะรู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นของวงศ์วานของดาวิดหรือยากอบ แต่เป็นของวงศ์วานของโมอับซึ่งมีสมาชิกที่มาจากเผ่าหนึ่งของประชาชาติ เพราะเราไม่ได้ทำพันธสัญญาไว้กับพวกเจ้า แต่แค่ได้ทำงาน พูดท่ามกลางพวกเจ้า และนำทางพวกเจ้า โลหิตของเราไม่ได้หลั่งเพื่อพวกเจ้า เราเพียงแค่ดำเนินการงานของเราท่ามกลางพวกเจ้าเพื่อประโยชน์ของคำพยานของเรา พวกเจ้าไม่รู้เรื่องนี้หรอกหรือ?” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, แก่นแท้และอัตลักษณ์ของมนุษย์) ฉันตกตะลึงมาก ฉันนึกฉงนว่า “เราเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับหรือ? นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? โมอับถือกำเนิดมาจากโลทกับบุตรสาวของเขา เขาเป็นผลิตผลของความหมกมุ่นในโลกีย์ ไม่ใช่จุดกำเนิดซึ่งไร้ราคี พวกเราจะเป็นพงศ์พันธุ์ของเขาได้อย่างไรกัน? ในความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าของฉัน พวกเขาเคยว่ากันว่า พวกเราเป็นพงศ์พันธุ์ของชาวอิสราเอล และพวกเราก็มาจากวงศ์วานของยากอบ แล้วทำไมพระเจ้าจึงตรัสว่าพวกเราเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ?” ฉันยอมรับไม่ได้จริงๆ แต่แล้วฉันก็คิดว่า “พระวจนะทั้งหมดของพระเจ้าเป็นความจริง และพระองค์ทรงเผยเฉพาะข้อเท็จจริงเท่านั้น จะผิดไม่ได้แน่นอน! ทำไมฉันจึงเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ และทำไมฉันจึงเกิดในประเทศจีน” ฉันคิดว่าในฐานะคนแรกๆ ที่ได้รับประสบการณ์การพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้า การเป็นคนกลุ่มแรกสำหรับพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการชำระให้สะอาดของพระเจ้าในยุคสุดท้าย และในฐานะผู้ที่จะได้รับการทำให้เป็นผู้ชนะ ผู้เชื่อที่เป็นต้นแบบก่อนเกิดความวิบัติทั้งหลาย สถานะของฉันจะต้องยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกในประเทศไหนๆ แน่นอน แต่ฉันก็ต้องแปลกใจ เพราะฉันเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ และนอกจากถูกพระเจ้าสาปแช่งแล้ว ฉันยังเป็นผลผลิตของความหมกมุ่นในโลกีย์อีกด้วย ฉันคือผู้ที่ต่ำต้อยที่สุด ผู้ที่ด้อยค่าที่สุดในหมู่มนุษยชาติทั้งมวล พวกผู้ไม่เชื่อจะคิดกับฉันอย่างไร? ถ้าพวกเขารู้เรื่องนั้นเข้า สมาชิกครอบครัวผู้ไม่เชื่อของฉันจะพูดอย่างไร? ฉันได้ยอมทิ้งบ้านและอาชีพการงานเพื่อความเชื่อของฉัน ทนทุกข์และสละตัวเอง แต่ในที่สุดฉันก็เป็นแค่พงศ์พันธุ์ของโมอับ มันช่างเป็นสิ่งที่น่าอดสูและน่าละอายจริงๆ ฉันรู้สึกว่าฉันต้องทนทุกข์อยู่อย่างเงียบๆ ในช่วงเวลานั้น ชั่วขณะที่ฉันคิดถึงการเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ ผลผลิตของความหมกมุ่นในโลกีย์ ฉันอับอายอย่างยิ่งและไม่สามารถแบกหน้าไปพบใครได้ ฉันอยู่กับบ้านรวดเดียวหลายวันติดกัน ไม่กินไม่นอน และฉันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรในบ้านเลยสักนิดเดียว ภายในหัวใจของฉัน ฉันได้แต่ตัดพ้ออยู่ตลอดเวลา “ฉันจะเป็นหนึ่งในพงศ์พันธุ์ของโมอับได้อย่างไร? บรรพบุรุษและสถานะของฉันจะต่ำต้อยขนาดนั้นได้อย่างไร?” ฉันเป็นเหมือนใครสักคนที่โตมาในครอบครัวที่มั่งคั่ง ภูมิใจอย่างเหลือหลาย คิดว่าฉันเกิดมาในชาติกำเนิดที่สูงส่ง แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็ได้เรียนรู้ว่า ฉันถูกตักขึ้นมาจากกากตะกอน และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสายตระกูลนั้นเลยสักนิด ฉันรู้สึกปั่นป่วนอยู่ข้างในเพราะความโศกเศร้า ไร้หนทาง และหดหู่ และฉันยอมรับข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้เลย ฉันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ความคิดลบ และความไม่เข้าใจ ฉันคิดว่าในฐานะพงศ์พันธุ์ของโมอับ ฉันถูกสาปแช่ง และพระเจ้าไม่มีวันทรงช่วยฉันให้รอด ยิ่งคิดเรื่องนี้เท่าไร ฉันยิ่งรู้สึกว่าฉันถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมากขึ้นเท่านั้น มันรู้สึกเหมือนมีน้ำหนักมหาศาลกดลงมาบนหน้าอกฉัน และฉันแทบหายใจไม่ออก ฉันมักแอบหลบไปร้องไห้คนเดียวในห้องน้ำ ทุกคนเป็นทุกข์มากในเวลานั้น ผู้คนบางคนร้องไห้ออกมาเมื่อไรก็ตามที่มีการพูดถึงเรื่องนี้
ในตอนที่พวกเรากำลังทนทุกข์ในความทรมานนี้ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ออกพระวจนะของพระองค์ “นัยสำคัญของการช่วยพงศ์พันธุ์ของโมอับให้รอด” ซึ่งเผยสถานะของพวกเราและบอกพวกเราว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าคืออะไร ฉันได้อ่านพระวจนะเหล่านี้จากพระเจ้า ที่ว่า “ในตอนแรก เมื่อเราให้ฐานะเป็นประชากรของพวกเจ้าแก่พวกเจ้า พวกเจ้ากระโดดขึ้นลงด้วยความชื่นบานมากยิ่งกว่าคนอื่นๆ กระนั้นทันทีที่เราพูดว่าพวกเจ้าเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ พวกเจ้าเป็นอย่างไร? พวกเจ้าทั้งหมดเสียศูนย์! วุฒิภาวะของพวกเจ้าอยู่ที่ใด? มโนคติเกี่ยวกับฐานะของพวกเจ้าหนักแน่นเกินไป…พวกเจ้าสู้ทนความทุกข์แบบใดที่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกว่าถูกกระทำผิดนัก? พวกเจ้าคิดว่าทันทีพระเจ้าได้ทรงทรมานพวกเจ้าถึงระดับที่แน่นอนระดับหนึ่งแล้ว พระองค์จะทรงเกษมสำราญ เสมือนว่าพระองค์เสด็จมาโดยตั้งพระทัยที่จะกล่าวโทษพวกเจ้า และหลังจากที่ทรงกล่าวโทษและทำลายพวกเจ้าแล้วพระราชกิจของพระองค์จะเสร็จสิ้น นั่นคือสิ่งที่เราได้พูดไปหรือ? พวกเจ้าคิดเช่นนั้นไม่ใช่เพราะความหูหนวกตาบอดของพวกเจ้าหรอกหรือ? มันคือการที่พวกเจ้าเองไม่เพียรพยายามที่จะทำให้ดี หรือคือการที่เรากล่าวโทษพวกเจ้าตามความตั้งใจ? เราไม่เคยทำเช่นนั้น—นั่นคือบางสิ่งที่พวกเจ้าคิดขึ้นมาเอง นั่นไม่เคยเป็นวิธีการที่เราทำงานแต่อย่างใด อีกทั้งเราไม่มีเจตนาเช่นนั้น หากเราต้องการทำลายพวกเจ้าอย่างแท้จริง เราจำเป็นจะต้องก้าวผ่านความยากลำบากเช่นนั้นหรือ? หากเราต้องการทำลายพวกเจ้าอย่างแท้จริง เราจำเป็นจะต้องพูดกับพวกเจ้าอย่างจริงจังจริงใจนักหรือ? เจตจำนงของเราคือสิ่งนี้: เมื่อเราได้ช่วยพวกเจ้าให้รอดแล้ว นั่นจะเป็นเวลาที่เราสามารถหยุดพักได้ ยิ่งบุคคลหนึ่งต่ำต้อยมากขึ้นเท่าใด พวกเขายิ่งเป็นเป้าหมายของความรอดของเรามากขึ้นเท่านั้น ยิ่งพวกเจ้าสามารถเข้าสู่ได้อย่างกระตือรือร้นมากขึ้นเท่าใด เรายิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งพวกเจ้าเสียศูนย์มากขึ้นเท่าใด เรายิ่งกลัดกลุ้มยิ่งขึ้นเท่านั้น พวกเจ้าต้องการเดินวางท่าและขึ้นครองบัลลังก์เสมอ—เราบอกพวกเจ้า นั่นไม่ใช่วิถีแห่งการช่วยพวกเจ้าให้รอดจากความสกปรกโสมม การเพ้อฝันถึงการนั่งบนบัลลังก์ไม่สามารถทำให้พวกเจ้ามีความเพียบพร้อมได้ นั่นไม่เป็นจริง” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นัยสำคัญของการช่วยพงศ์พันธุ์ของโมอับให้รอด) ฉันรู้สึกผิดมากตอนที่ได้อ่านพระวจนะนี้ ฉันคิดถึงว่า เมื่อก่อนนี้ ตอนที่พระเจ้าได้ตรัสว่า พวกเราจะกลายเป็นประชากรแห่งราชอาณาจักร และพวกเราจะได้รับการทำให้เป็นผู้ชนะ เป็นต้นแบบ ฉันกลายเป็นโอหังและไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร โดยเชื่อว่า ในเมื่อฉันเป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่ได้ยอมรับการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้า และอยู่ท่ามกลางพวกแรกที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม ฉันต้องมีสถานะสูงกว่าประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรจากประเทศไหนๆ แน่นอน ฉันหลงตัวเองอย่างมาก พอใจในตัวเองอย่างมาก ตอนที่พระเจ้าทรงเผยว่า พวกเราเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ ฉันมองว่า ตัวเองมีชาติกำเนิดและสถานะที่ต่ำต้อย และฉันถูกพระเจ้าทรงสาปแช่ง ฉันคิดว่าพระเจ้าคงไม่มีวันที่จะทรงช่วยฉันให้รอด ฉันจึงตกอยู่ในความคิดลบและไม่สามารถสลัดออกไปได้ ฉันได้ตระหนักว่า ความปรารถนาในสถานะของฉันนั้นแรงกล้าเกินไป และฉันขาดวุฒิภาวะอย่างยิ่ง โดยข้อเท็จจริงแล้ว แม้พระเจ้าได้ทรงตีแผ่ว่า พวกเราเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ แต่พระองค์ก็ไม่ทรงเคยบอกว่า พระองค์จะไม่ช่วยพวกเราให้รอด เพราะจะว่าไปแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ในประเทศของพญานาคใหญ่สีแดง และทรงแสดงความจริงเพื่อทรงพิพากษา ทรงตีสอน ทรงให้น้ำ และทรงจัดเตรียมให้แก่พวกเรา เพื่อให้พวกเรา ผู้คนที่โสมมเสื่อมทรามที่สุด สามารถมีโอกาสได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้าได้ เจตนารมณ์อันพระทัยดีของพระเจ้าอยู่เบื้องหลังของทุกสิ่งเลย! แต่ฉันก็ไม่ได้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า ฉันคิดว่าในฐานะพงศ์พันธุ์ของโมอับ คนที่โสมมและต่ำต้อยอย่างฉัน คงจะถูกพระเจ้าทรงเกลียดและชังเป็นที่สุด และไม่มีทางเลยที่พระองค์จะทรงช่วยฉันให้รอด ฉันเข้าใจผิดและตัดพ้อ กลายเป็นคนคิดลบและต้านทานพระเจ้า ฉันช่างไม่มีเหตุผลอย่างมากเลย! ไม่นานหลังจากนั้น ฉันก็ได้อ่านพระวจนะเหล่านี้ของพระเจ้า “แม้เมื่อเพิกเฉยต่อการที่พวกเจ้าเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับแล้ว ธรรมชาติของพวกเจ้าหรือที่เกิดของพวกเจ้าเป็นชนิดที่สูงที่สุดหรือ? แม้เมื่อเพิกเฉยต่อการที่พวกเจ้าเป็นพงศ์พันธุ์ของเขาแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดไม่ได้เป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับอย่างถ้วนทั่วหรอกหรือ? ความจริงของข้อเท็จจริงทั้งหลายสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่? การตีแผ่ธรรมชาติของพวกเจ้าในตอนนี้บิดเบือนความจริงของข้อเท็จจริงทั้งหลายหรือไม่? จงมองดูที่ความเป็นทาสของพวกเจ้า ชีวิตของพวกเจ้า และบุคลิกลักษณะของพวกเจ้า—พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าพวกเจ้าเป็นพวกที่ต่ำต้อยที่สุดของพวกที่ต่ำต้อยท่ามกลางมวลมนุษย์? พวกเจ้ามีอะไรให้คุยโต? จงมองดูฐานะของพวกเจ้าในสังคม พวกเจ้าไม่ได้อยู่ที่ระดับต่ำที่สุดในสังคมหรือ? พวกเจ้าคิดหรือว่าเราพูดผิดไป? อับราฮัมได้มอบถวายอิสอัค—พวกเจ้าได้มอบถวายสิ่งใด? โยบได้มอบถวายทุกสิ่งทุกอย่าง—พวกเจ้าได้มอบถวายสิ่งใด? ผู้คนมากมายเหลือเกินได้ให้ชีวิตของพวกเขา ได้วางศีรษะของพวกเขาลง และหลั่งเลือดของพวกเขาเพื่อแสวงหาหนทางที่แท้จริง พวกเจ้าเคยได้จ่ายราคานั้นหรือไม่? เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พวกเจ้าไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะชื่นชมพระคุณที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นแต่อย่างใด การพูดในวันนี้ว่าพวกเจ้าเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับเป็นการใส่ร้ายเจ้าหรือ? จงอย่าคำนึงถึงตัวเจ้าเองอย่างสูงส่งเกินไป เจ้าไม่มีสิ่งใดให้คุยโต ความรอดที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น พระคุณที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้ถูกมอบให้กับเจ้าอย่างอิสระ พวกเจ้าไม่ได้พลีอุทิศสิ่งใด กระนั้นพวกเจ้าก็ได้ชื่นชมพระคุณอย่างอิสระ พวกเจ้าไม่รู้สึกละอายหรือ?” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นัยสำคัญของการช่วยพงศ์พันธุ์ของโมอับให้รอด) ทุกๆ คำถามของพระเจ้าได้เคาะประตูสู่หัวใจของฉัน ฉันกระดากอายมาก ขายหน้ามากๆ! ฉันคิดถึงเหล่าธรรมิกชนในยุคต่างๆ—พวกเขาอุทิศตนและเชื่อฟังพระเจ้า และไม่เคยติเตียน พระองค์ในตอนที่ก้าวผ่านบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ พวกเขายืนหยัดเป็นพยานเพื่อพระเจ้าและได้รับการเห็นชอบและพระพรของพระองค์ อับราฮัมเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า โดยถวายอิสอัคบุตรชายผู้เป็นที่รักที่สุดของเขาแด่พระเจ้า เขาไม่ได้เจรจาต่อรองเงื่อนไขหรือพยายามโต้เถียงพระเจ้า แต่แค่เชื่อฟังเฉยๆ อย่างแท้จริง และตอนที่โยบต้องเจอกับบททดสอบครั้งยิ่งใหญ่ สูญเสียทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดของครอบครัวและเสียลูกๆ ทั้งหมดไป ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยฝี เขาก็ยังสรรเสริญพระเจ้า โดยพูดว่า “พระยาห์เวห์ประทาน และพระยาห์เวห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระยาห์เวห์” (โยบ 1:21) แต่ว่าฉันเกิดมาในประเทศของพญานาคใหญ่สีแดง ได้รับการศึกษาในอเทวนิยม วิวัฒนาการ และวัตถุนิยมตั้งแต่อายุยังน้อย ฉันไม่เคยรู้ว่ามีพระเจ้าอยู่ อย่าว่าแต่จะรู้วิธีการนมัสการพระองค์เลย ความเชื่อของฉันมีไว้เพื่อให้ได้รับพระคุณกับพระพรเท่านั้น เพื่อให้ภายหลังฉันได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์และมีบั้นปลายที่ดี เมื่อได้เผชิญหน้ากับบททดสอบ ไม่มีสถานะและไม่ได้รับพระพรใดๆ ฉันก็เข้าใจผิดไปและตัดพ้อ เริ่มคิดลบและต่อต้านพระเจ้า ฉันไม่ได้เชื่อฟังจริงๆ และฉันไม่ได้ปฏิบัติต่อพระองค์ในฐานะพระเจ้า ในช่วงหลายต่อหลายปีที่ได้เชื่อมา ฉันได้ชื่นชมกับเสบียงอาหารของพระวจนะของพระเจ้าอย่างไม่ต้องจ่ายราคาอะไรเลย และการทรงนำแบบเป็นขั้นตอนจากพระราชกิจของพระเจ้า ฉันไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพื่อชดใช้คืนความรักของพระองค์เท่านั้น แต่ทั้งหมดที่ฉันคืนให้กับพระองค์มีแค่ความเข้าใจผิดและคำตัดพ้อ การกบฏและการต่อต้าน ฉันเป็นผู้เชื่อประเภทไหนกัน? ถึงกระนั้น ฉันก็ยังได้มาคิดถึงตัวเองว่าเป็นเป็นแก้วตาดวงใจของพระเจ้า เป็นใครบางคนที่สำคัญกับพระองค์ และฉันได้คิดว่าฉันจะมีสถานะสูงส่งกว่าคนที่พระเจ้าทรงเลือกจากประเทศอื่นใดก็ตาม ว่าฉันจะมีคุณสมบัติเหมาะที่สุดสำหรับบำเหน็จและพระพรของพระเจ้า ฉันโอหังมากเสียจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฉันไม่มีความรู้เท่าทันตัวเองเลยสักนิด! ถ้าพระเจ้าไม่ทรงเผยจุดกำเนิดที่โสมมต่ำต้อยของฉัน ฉันก็คงยังคิดว่าฉันมาจากหนึ่งใน 12 เผ่าของยากอบ ว่าฉันเป็นลูกหลานของอิสราเอล พงศ์พันธุ์ของดาวิด ฉันช่างไม่รู้จักความละอายเลย! ตอนนี้ฉันรู้จักตัวตนและสถานะของฉันแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่ทำตัวเด่น ฉันไม่อวดดีอย่างที่ฉันเคยเป็นมาก่อน นอกจากนี้ฉันยังได้รับเหตุผลบางอย่างเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า นี่เองคือความรอดของพระเจ้าสำหรับฉัน! ฉันไม่ควรเก็บงำข้อเรียกร้องฟุ้งเฟ้อทั้งหลายที่มีต่อพระเจ้า และต่อให้ฉันจะไม่มีจุดจบหรือบั้นปลายที่ดีในตอนท้าย ฉันก็จะยังคงนบนอบต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดการเตรียมการและสรรเสริญความชอบธรรมของพระองค์
ต่อมา ฉันได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์มากขึ้นและเข้าใจมากขึ้นถึงนัยสำคัญของพระเจ้าที่ทรงพระราชกิจในพงศ์พันธุ์ของโมอับ ฉันได้เห็นว่านี่คือสิ่งที่พระวจนะของพระเจ้าว่าไว้ “การทรงพระราชกิจต่อพงศ์พันธุ์ของโมอับในตอนนี้คือการช่วยให้พวกที่ได้ตกลงสู่ความมืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้รอด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกสาปแช่ง แต่พระเจ้าเต็มพระทัยที่จะรับพระสิริจากพวกเขา เพราะในตอนแรกนั้นพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้คนที่หัวใจของพวกเขาขาดพร่องพระเจ้า มีเพียงการทำให้พวกที่ปราศจากพระเจ้าในหัวใจของพวกเขามาเชื่อฟังและรักพระองค์เท่านั้นที่จะเป็นการพิชิตชัยที่แท้จริง และผลของพระราชกิจเช่นนั้นจะมีค่ามากที่สุดและโน้มน้าวให้เชื่อได้มากที่สุด มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่เป็นการได้รับพระสิริ—นี่คือพระสิริที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะได้รับในยุคสุดท้าย ถึงแม้ว่าผู้คนเหล่านี้มีฐานะต่ำต้อย แต่การที่ตอนนี้พวกเขาสามารถได้รับความรอดที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้นั้นคือการยกระดับโดยพระเจ้าอย่างแท้จริง พระราชกิจนี้มีความหมายอย่างยิ่ง และพระองค์ทรงได้รับผู้คนเหล่านี้โดยผ่านทางการพิพากษานี้ เจตนารมณ์ของพระองค์ไม่ใช่การลงโทษผู้คนเหล่านี้ แต่เป็นการช่วยพวกเขาให้รอด หากในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายพระองค์ยังคงทรงพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยในอิสราเอล พระราชกิจนั้นจะไร้คุณค่า แม้ว่านั่นจะก่อให้เกิดผล แต่พระราชกิจนั้นจะไม่มีคุณค่าหรือนัยสำคัญที่ยิ่งใหญ่ใดๆ และพระองค์จะไม่สามารถทรงรับพระสิริทั้งหมดได้…การทรงพระราชกิจต่อพวกเจ้าซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับในวันนี้ไม่ได้หมายที่จะเหยียดหยามพวกเจ้า แต่เพื่อเผยนัยสำคัญของพระราชกิจนี้ สำหรับพวกเจ้าแล้ว พระราชกิจนี้เป็นการยกระดับที่ยิ่งใหญ่ หากบุคคลหนึ่งมีเหตุผลและความรู้ความเข้าใจเชิงลึกแล้ว พวกเขาจะพูดว่า ‘ฉันเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ ไม่ควรค่าอย่างแท้จริงที่จะได้รับการยกระดับที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นในวันนี้จากพระเจ้า หรือพระพรที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น ในทุกสิ่งที่ฉันทำและพูด และตามสถานะและคุณค่าของฉันแล้วนั้น ฉันไม่ควรค่าแก่พระพรที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นจากพระเจ้าแต่อย่างใดเลย คนอิสราเอลมีความรักที่ยิ่งใหญ่ให้กับพระเจ้า และพระคุณที่พวกเขาได้ชื่นชมนั้นพระองค์ได้ประทานให้แก่พวกเขา แต่สถานะของพวกเขาสูงกว่าของพวกเรามากนัก อับราฮัมอุทิศแด่พระยาห์เวห์ยิ่งนัก และเปโตรอุทิศแด่พระเยซูยิ่งนัก—การอุทิศของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่กว่าของพวกเราเป็นร้อยเท่า จากการกระทำของพวกเรานั้น พวกเราไม่ควรค่าแก่การได้ชื่นชมพระคุณของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง’” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นัยสำคัญของการช่วยพงศ์พันธุ์ของโมอับให้รอด) “พงศ์พันธุ์ของโมอับถูกสาปแช่ง และพวกเขาได้ถือกำเนิดขึ้นในประเทศล้าหลังนี้ ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นประเทศของผู้คนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของความมืดทั้งหมด พงศ์พันธุ์ของโมอับมีสถานะต่ำที่สุด เพราะผู้คนเหล่านี้มีสถานะต่ำที่สุดตลอดมา พระราชกิจที่ทรงทำต่อพวกเขาจึงสามารถพังทลายมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ให้สิ้นไปได้อย่างดีที่สุด และยังเป็นประโยชน์มากที่สุดต่อแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระเจ้าทั้งหมดอีกด้วย การทรงพระราชกิจเช่นนี้ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพังทลายมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ และพระเจ้าทรงเปิดตัวยุคสมัยก็ด้วยการนี้ กล่าวคือ พระองค์ทรงพังทลายมโนคติที่หลงผิดทั้งหมดของมนุษย์ ด้วยการนี้ พระองค์ทรงสิ้นสุดพระราชกิจของยุคพระคุณทั้งหมด ก็ด้วยการนี้ พระราชกิจแรกของพระองค์ได้ทรงดำเนินการไปในแคว้นยูเดีย ภายในเขตแดนของประเทศอิสราเอล ท่ามกลางชนต่างชาติทั้งหลายนั้น พระองค์ไม่ได้ทรงพระราชกิจใดๆ เพื่อเปิดยุคสมัยใหม่ ช่วงระยะสุดท้ายของพระราชกิจไม่เพียงทรงดำเนินการท่ามกลางคนต่างชาติเท่านั้น แต่ยังยิ่งมากไปถึงท่ามกลางบรรดาผู้ที่ถูกสาปแช่ง ประเด็นเดียวนี้คือหลักฐานที่สามารถสร้างความอัปยศให้แก่ซาตานได้อย่างมากที่สุด และดังนั้น พระเจ้าจึงทรง ‘กลายเป็น’ พระเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงในจักรวาล องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งทุกสรรพสิ่ง วัตถุแห่งการนมัสการสำหรับทุกสิ่งที่มีชีวิต” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง) ฉันเคยมีมโนคติที่หลงผิดว่า พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าใครที่พระองค์จะทรงช่วยให้รอด ว่าพวกเขาคือประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรร ดังนั้นในเมื่อประชาชนชาวจีนเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ ในเมื่อพวกเราเป็นคนที่ต่ำต้อยที่สุดในหมู่คนต้อยต่ำ พวกที่ระลึกถึงพระเจ้าน้อยที่สุด และต้านทานพระเจ้ามากที่สุด และพวกเราได้ถูกสาปแช่งและปฏิเสธโดยพระเจ้า พระองค์จะไม่ช่วยให้พวกเรารอดอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงทำเลยสักนิด พระองค์ไม่ได้ทรงทอดทิ้งพวกเราเพราะพวกเราต่ำต้อย และพระองค์ไม่ได้ทรงยอมแพ้ในการทรงช่วยให้พวกเรารอดเพราะว่าพวกเราโสมมและเสื่อมทราม ในทางกลับกัน พระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ด้วยพระองค์เอง ทรงแบกรับความอัปยศอดสูและความทุกข์มหาศาล เพื่อเสด็จมาในหมู่พวกเรา พงศ์พันธุ์ของโมอับ เพื่อทรงพระราชกิจ ทรงพิพากษา ทรงตีสอน ทรงทดสอบ และทรงถลุงเราครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยพระวจนะของพระองค์ ทั้งหมดนี้ทรงทำไปก็เพื่อชำระพวกเราให้บริสุทธิ์และช่วยให้พวกเรารอด ความรักของพระเจ้าช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน! เหมือนกับที่องค์พระเยซูเจ้าเสวยพระกระยาหารร่วมโต๊ะกับเหล่าคนบาป ยิ่งพวกเราโสมมและต่ำต้อยเท่าไร พวกเรายิ่งเห็นว่าความรักและความรอดของพระเจ้ายิ่งใหญ่เท่านั้น ในตอนท้าย พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเราให้รอดอย่างครบถ้วน พวกเราที่เสื่อมทรามลึกที่สุด โสมมที่สุด และต่ำต้อยที่สุด ให้พ้นจากกำลังบังคับมืดของซาตาน เพื่อให้พวกเราสามารถให้คำพยานอันรุ่งโรจน์เพื่อพระองค์ได้ นี่เองคือสิ่งที่ทำให้ซาตานอับอายที่สุด นี่เองที่เป็นความหมายของพระราชกิจของพระเจ้าในพงศ์พันธุ์ของโมอับ! นอกจากนี้ พระราชกิจของพระเจ้าในพงศ์พันธุ์ของโมอับในยุคสุดท้ายได้ทำลายมโนคติที่หลงผิดของพวกเราไปทั้งหมด ทำให้พวกเรามองเห็นว่า ไม่เพียงพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงเป็นพระเจ้าของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นอีกด้วย พระองค์ไม่ทรงมองว่าพวกเราเกิดมาในสภาพอะไร ประเทศใด หรือเราเป็นชาติพันธุ์ใด ไม่ว่าพวกเราจะเป็นชาวอิสราเอลหรือพงศ์พันธุ์ของโมอับ และไม่ว่าพวกเราจะได้รับการทรงอวยพรหรือถูกสาปแช่งโดยพระเจ้า ตราบใดที่พวกเราเป็นสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น และตราบใดที่พวกเราไล่ตามเสาะหาความจริงและนบนอบต่อพระราชกิจของพระเจ้า พวกเราก็สามารถได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้า พระเจ้าทรงยุติธรรมและชอบธรรมต่อทุกๆ สิ่งที่ทรงสร้างขึ้น และทุกๆ คนมีโอกาสที่จะได้รับการช่วยให้รอดโดยพระองค์ ยิ่งฉันตริตรองพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้นเท่าไร ฉันก็ยิ่งได้รู้สึกมากขึ้นเท่านั้นถึงนัยสำคัญอันใหญ่หลวงของพระราชกิจของพระเจ้าในพงศ์พันธุ์ของโมอับ และความจริงแท้ของความรักและความรอดของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติที่เสื่อมทราม แต่โชคไม่ดีว่า ขีดความสามารถของฉันนั้นช่างด้อยนัก และความเข้าใจในพระราชกิจของพระเจ้าก็จำกัด ฉันทำได้แค่แบ่งปันความรู้สึกกับความเข้าใจนิดหน่อย แต่ฉันไม่สามารถให้คำพยานที่ดีได้ ฉันช่างติดค้างพระเจ้ามากเหลือเกิน
มาคิดย้อนไปตอนนี้ โดยการที่ก้าวผ่านกับบททดสอบในการเป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับ แม้ฉันได้ทนทุกข์ไปพอสมควรในเวลานั้น ฉันก็ได้มารู้จักตัวตนและคุณค่าของตัวเอง ฉันได้รับความเข้าใจอีกนิดเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้าที่จะช่วยมวลมนุษย์ให้รอด และพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ และฉันไม่ได้โอหังและพอใจในตัวเองมากเหลือเกินนับตั้งแต่นั้นมา ฉันได้มารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยและเสื่อมทรามแค่ไหน ว่าฉันไม่ควรค่าต่อความรักและความรอดของพระองค์ และฉันไม่กล้าสร้างข้อเรียกร้องอะไรต่อพระองค์อีกแล้ว ไม่ว่าพระเจ้าทรงปฏิบัติต่อฉันอย่างไร หรือพระองค์ทรงจัดการเตรียมการอะไร ฉันก็เต็มใจที่จะยอมรับและยอมทำตาม ฉันแค่อยากยอมรับการพิพากษาและการตีสอนของพระวจนะของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ และแสวงหาความเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยในชีวิตของฉัน แม้แต่ในฐานะพงศ์พันธุ์ของโมอับ ฉันก็ยังต้องไล่ตามเสาะหาความจริงและยืนหยัดเป็นพยานให้พระเจ้า ก็อย่างที่บทเพลงสรรเสริญว่า “พวกเราไม่ใช่คนอิสราเอล แต่เป็นพงศ์พันธุ์ของโมอับที่ถูกละทิ้ง พวกเราไม่ใช่เปโตรผู้มีขีดความสามารถที่พวกเราไม่สามารถมีได้ และไม่ใช่โยบ และพวกเราไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับการตัดสินใจแน่วแน่ของเปาโลที่จะทนทุกข์เพื่อพระเจ้าและทุ่มเทอุทิศตัวเขาเองให้กับพระเจ้าด้วยซ้ำ และพวกเราช่างล้าหลังยิ่งนัก และดังนั้น พวกเราจึงไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะชื่นชมพระพรของพระเจ้า พระเจ้ายังคงได้ทรงยกพวกเราขึ้นในวันนี้ ดังนั้นพวกเราต้องทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และถึงแม้ว่าพวกเราจะมีขีดความสามารถหรือคุณสมบัติไม่เพียงพอ แต่พวกเราก็เต็มใจที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย—พวกเรามีการตัดสินใจแน่วแน่นี้ พวกเราคือพงศ์พันธุ์ของโมอับ และพวกเราถูกสาปแช่ง นี่ได้รับการประกาศกฤษฎีกาจากพระเจ้า และพวกเราไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่การใช้ชีวิตของพวกเราและความรู้ของพวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และพวกเราปลงใจที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย” (“ความแน่วแน่ซึ่งพงศ์พันธุ์ของโมอับควรมี” ใน ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ)
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
โดย ไฉ่ น่า, ประเทศจีน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2017 ฉันทนทุกข์กับอาการความดันโลหิตสูง...
โดย ไทที, ประเทศจีน เดือนมิถุนายน ปี 2013 ประจำเดือนฉันมาสิบกว่าวัน อีกทั้งมีลิ่มเลือดก้อนใหญ่ออกมาด้วย ตอนนั้นฉันแค่ปวดท้องน้อยด้านขวาเบาๆ...
โดย เลี้ยงซิน, ประเทศจีน เมื่อสองปีก่อน ลูกชายฉัน เกิดเจ็บเอวขึ้นมาอย่างรุนแรง เราพาเขาไปตรวจ หมอบอกว่า ผลการตรวจน่ากังวล...
โดย จินซิน, ประเทศจีน แม่ของฉันเป็นมะเร็งและเสียชีวิตไปก่อนฉันแต่งงาน ส่วนพ่อของฉันพออายุได้ 57 ปีก็เป็นโรคความดันโลหิตสูง...