ถูกประกาศจับแต่ไร้ความผิด
โดย หลิวหยุ่นหยิง, ประเทศจีนในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014...
พวกเราต้อนรับผู้แสวงหาทุกคนที่ถวิลหาการทรงปรากฏของพระเจ้า!
ฉันเป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตปกติไปวันๆ เหมือนใครหลายคนที่ถวิลหาความสว่าง ฉันลองมาหลายทางเพื่อค้นหาความหมายที่แท้จริงของการดำรงอยู่ของมนุษย์ เพื่อที่ชีวิตของฉันจะสามารถมีความหมายมากขึ้นได้ ในท้ายที่สุด ความพยายามทั้งหมดของฉันก็สูญเปล่า แต่หลังจากที่ฉันโชคดีพอที่จะยอมรับพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ความเปลี่ยนแปลงอันมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในชีวิตของฉัน มันนำสีสันมาสู่ชีวิตฉันมากขึ้น และฉันมาเข้าใจว่าพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นผู้จัดหาที่แท้จริงของจิตวิญญาณและชีวิตของผู้คน และพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นที่บรรจุความหมายที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์ ฉันดีใจที่ในที่สุดฉันก็พบเส้นทางที่ถูกต้องในชีวิต อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ของฉัน ฉันถูกรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนจับกุมอย่างผิดกฎหมายและทรมานอย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้น ฉันได้ก้าวผ่านประสบการณ์ชีวิตที่จะถูกสลักลงในการเดินทางของชีวิตฉันไปตลอดกาล…
วันหนึ่งในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2011 ตอนประมาณ 7 โมงเช้า ฉันกับผู้นำของคริสตจักรอีกคนหนึ่งกำลังดำเนินการทำรายการทรัพย์สินของคริสตจักรตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่าสิบคนพรวดพราดผ่านประตูเข้ามาอย่างฉับพลัน หนึ่งในตำรวจชั่วพวกนี้พุ่งมาที่เราพลางตะโกนว่า “อย่าขยับ!” เมื่อเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นฉันก็หน้ามืด ในใจฉันคิดว่า “แย่เสียแล้ว—คริสตจักรจะสูญเสียทรัพย์สินไปเยอะเลย” ต่อมา ตำรวจชั่วก็ค้นตัวเราเหมือนโจรกำลังปล้นทรัพย์ พวกมันยังรื้อค้นแต่ละห้องทุกซอกทุกมุม จนทุกห้องยุ่งเหยิงอย่างรวดเร็ว สุดท้าย พวกมันก็พบทรัพย์สินบางอย่างซึ่งเป็นของคริสตจักร บัตรเครดิตธนาคารสามใบ ใบเสร็จรับเงินฝาก คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอีกมากมาย พวกมันยึดทั้งหมดนั้นไป แล้วก็นำฉัน ผู้นำของคริสตจักรอีกคน และคนอื่นอีกสองคนไปที่สถานีตำรวจ
ในตอนบ่าย ตำรวจชั่วนำพี่น้องหญิงอีกสามคนที่พวกมันจับกุมเข้ามา พวกมันปิดขังเราทั้งเจ็ดคนไว้ในห้องห้องหนึ่งและไม่ยอมให้เราพูด อีกทั้งไม่ยอมให้เรานอนเมื่อตกกลางคืน เมื่อเห็นพี่น้องหญิงถูกขังไว้กับฉัน และเมื่อคิดว่าคริสตจักรได้สูญเสียเงินไปมากแค่ไหน ฉันก็ใจเต้นระทึกด้วยความวิตกกังวล ทั้งหมดที่ฉันทำได้คืออธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างเร่งด่วนว่า “โอ้พระเจ้า! ตอนนี้ที่สถานการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ขอได้โปรดทรงปกป้องหัวใจของข้าพระองค์ให้หัวใจของข้าพระองค์สงบด้วยเถิด” หลังจากอธิษฐาน ฉันก็คิดถึงพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “จงอย่ากลัว—เมื่อเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นในคริสตจักร มันเกิดขึ้นโดยการอนุญาตของเรา จงยืนหยัดและพูดแทนเรา จงมีความเชื่อว่าทุกสิ่งและทุกเรื่องเกิดขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากบัลลังก์แห่งเรา และมีเจตนาของเราบรรจุอยู่ในสิ่งเหล่านั้น” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 41) “เจ้ารู้ว่าทุกอย่างในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเจ้าล้วนมีอยู่เพราะการยอมอนุญาตของเรา ทุกอย่างเราเป็นคนวางแผนไว้ทั้งหมด จงมองให้ชัดเจนและทำให้เราพึงพอใจในสภาพแวดล้อมที่เรามอบให้เจ้า” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 26) พระวจนะของพระเจ้าปลอบโยนความตื่นตระหนกในหัวใจของฉัน ฉันตระหนักว่าวันนี้สิ่งแวดล้อมนี้ได้เกิดขึ้นกับฉันด้วยการยอมอนุญาตของพระเจ้า และตระหนักว่าถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าทรงขอให้ฉันเป็นคำพยานให้พระองค์ เมื่อได้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า ฉันก็อธิษฐานต่อพระเจ้าและพูดว่า “โอ้พระเจ้า! ข้าพระองค์ปรารถนาจะเชื่อฟังการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของพระองค์ และจะยืนหยัดในคำพยานของข้าพระองค์ต่อพระองค์—แต่ข้าพระองค์มีวุฒิภาวะเพียงเล็กน้อย และข้าพระองค์ขอให้พระองค์ประทานความเชื่อและพละกำลังแก่ข้าพระองค์ และคุ้มครองปกป้องข้าพระองค์เพื่อที่ข้าพระองค์อาจยืนหยัดตั้งมั่นได้”
เช้าวันต่อมา พวกมันแยกพวกเราไปสอบสวน หนึ่งในตำรวจชั่วพูดอย่างภูมิใจ “ฉันรู้ว่าแกเป็นผู้นำคริสตจักร เราเฝ้าจับตาดูพวกแกมาห้าเดือนแล้ว...” เมื่อฉันได้ยินมันบรรยายรายละเอียดทุกอย่างที่พวกมันทำเพื่อจับตาดูฉัน ฉันก็เสียววาบ ในใจฉันคิดว่า “รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนเตรียมตัวมากจริงๆ ในการจับกุมพวกเรา ในเมื่อพวกมันรู้แล้วว่าฉันเป็นผู้นำของคริสตจักร ก็ไม่มีทางที่พวกมันจะปล่อยฉันไป” ฉันตั้งปณิธานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าทันทีว่า ฉันยอมตายดีกว่าที่จะทรยศพระเจ้าแล้วเป็นยูดาส เมื่อเห็นว่าการสอบสวนของพวกมันไม่ให้ผลอะไร พวกมันก็มอบหมายให้คนหนึ่งมาคอยเฝ้าดูฉันและไม่ปล่อยให้ฉันหลับ
ระหว่างการสอบสวนในวันที่สาม หัวหน้าของพวกตำรวจชั่วก็เปิดคอมพิวเตอร์และบังคับให้ฉันอ่านเนื้อหาที่ใส่ความพระเจ้า เมื่อเห็นว่าฉันไม่สะทกสะท้าน ต่อมามันก็ถามฉันอย่างละเอียดเรื่องการเงินของคริสตจักร ฉันเบือนหน้าหนีและเพิกเฉยมัน นี่ทำให้มันโกรธมากและเริ่มสบถ “ถึงแกจะไม่พูดอะไรมันก็ไม่มีความหมายหรอก—พวกเราสามารถคุมตัวแกไว้ได้ไม่มีกำหนด และทรมานแกได้เมื่อไรก็ตามที่พวกเราต้องการ” มันข่มขู่อย่างดุเดือด กลางดึกคืนนั้น พวกตำรวจก็เริ่มการทรมานของพวกมัน พวกมันดึงมือข้างหนึ่งของฉันข้ามไหล่ของฉันและบิดมันลงและเอามืออีกข้างไพล่ไปด้านหลังของฉัน กดลงบนหลังของฉันด้วยเท้าของพวกมัน พวกมันใช้กำลังใส่กุญแจมือข้อมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน มันเจ็บปวดมากจนฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด—กระดูกและเนื้อในไหล่ของฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะฉีกออกจากกัน ฉันทำได้เพียงคุกเข่านิ่งโดยที่หัวติดอยู่กับพื้น ฉันคิดว่าเสียงกรีดร้องของฉันจะทำให้พวกมันเบามือลง แต่พวกมันกลับสอดถ้วยกาแฟเข้ามาระหว่างมือที่ถูกสวมกุญแจกับหลังของฉัน ซึ่งทำให้เจ็บปวดขึ้นเป็นสองเท่า กระดูกในร่างกายท่อนบนของฉันรู้สึกเหมือนถูกหักออกเป็นสองท่อน มันเจ็บปวดมากจนฉันไม่กล้าหายใจออกและเหงื่อเย็นเยียบก็ไหลอาบหน้าของฉัน ตอนที่ฉันรู้สึกว่าไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไปนั้นเอง หนึ่งในพวกตำรวจชั่วก็ใช้โอกาสนี้พูดกับฉัน “แค่ให้ชื่อพวกเรามาแล้วพวกเราจะปล่อยแกไปทันที” ขณะนั้นเองฉันร้องหาพระเจ้าให้ทรงคุ้มครองปกป้องหัวใจของฉัน และฉันก็คิดถึงเพลงสรรเสริญเพลงหนึ่งทันที: “God incarnate suffers, how much more should I, a corrupt person! Should I yield to dark powers, how would I see God? When I remember Your words, they make me long for You. Whenever I see Your face, I fill with guilt and respect. How could I abandon You, seeking so-called freedom? Ready to suffer, to repay Your hurt heart” (“Awaiting God’s Good News” in Follow the Lamb and Sing New Songs). “ใช่” ฉันคิด “พระคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์และชอบธรรม พระองค์ทรงจุติเป็นมนุษย์ในเนื้อหนังและเสด็จมายังแผ่นดินโลกเพื่อทรงมอบความรอดแก่มวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามอย่างทั่วถึง เป็นเวลานานพอควรแล้วที่พระองค์ทรงถูกรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนข่มเหงและตามล่า และทรงถูกมวลมนุษย์ต่อต้านและกล่าวโทษ พระเจ้าไม่ควรต้องทรงทนทุกข์แบบนี้เลย แต่พระองค์ก็ทรงสู้ทนทั้งหมดนี้อย่างเงียบเชียบเพื่อช่วยพวกเราให้รอด” ดังนั้นเมื่อฉันไตร่ตรองดู ฉันก็เห็นว่าฉันกำลังทนทุกข์อยู่ตอนนี้เพื่อให้ได้รับความรอด—ฉันควรทนฝ่าความทุกข์นี้ไป หากฉันยอมให้ซาตานเพราะฉันไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้ ฉันจะสามารถพบพระพักตร์พระเจ้าอีกได้อย่างไร? การคิดแบบนี้ให้พละกำลังแก่ฉัน แล้วฉันก็เกิดมีใจเด็ดเดี่ยวขึ้นอีกครั้ง ตำรวจชั่วนั่นทรมานฉันอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อพวกมันถอดกุญแจมือออก ทั้งตัวของฉันก็ทรุดฮวบลงบนพื้นอย่างอ่อนปวกเปียก “ถ้าแกไม่พูด พวกเราจะทรมานแกอีก!” พวกมันตะคอกใส่ฉัน ฉันมองพวกมันโดยไม่ปริปากพูด หัวใจของฉันเต็มไปด้วยความเกลียดชังตำรวจชั่วพวกนี้ หนึ่งในพวกมันเดินเข้ามาใส่กุญแจมืออีก คิดถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ฉันเพิ่งประสบมา ฉันอธิษฐานต่อพระเจ้าในหัวใจของฉันต่อไป แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อมันพยายามดึงแขนของฉันไปข้างหลัง มันกลับขยับแขนฉันไม่ได้ แขนของฉันไม่เจ็บปวดมากนักเช่นกัน มันพยายามหนักมากจนหัวของมันปกคลุมไปด้วยเหงื่อ—แต่มันก็ยังไม่สามารถสวมกุญแจมือได้ “แกนี่แข็งแรงเหมือนกันนะ!” มันหอบอย่างโกรธเกรี้ยว ฉันรู้ว่านี่เป็นการที่พระเจ้าทรงดูแลเอาใจใส่ฉัน และพระเจ้าประทานพละกำลังให้ฉัน ขอบคุณพระเจ้า!
การทนจนถึงฟ้าสางเป็นเรื่องยากยิ่ง ฉันยังรู้สึกจิตใจบอบช้ำเมื่อนึกถึงเรื่องที่พวกตำรวจชั่วได้ทรมานฉัน พวกมันยังได้ข่มขู่ฉันด้วย บอกฉันว่าถ้าฉันไม่พูดอะไร พวกมันจะต้องนำตัวฉันไปฆ่าทิ้งในภูเขาลึก และเมื่อพวกมันจับกุมผู้เชื่อคนอื่นมาหลังจากนั้น พวกมันจะบอกว่าฉันขายคริสตจักร—พวกมันจะทำให้ชื่อฉันเสื่อมเสีย และทำให้พี่น้องชายหญิงคนอื่นของคริสตจักรเกลียดชังและประกาศตัดขาดฉัน พอได้จินตนาการแบบนั้น หัวใจของฉันก็ท่วมท้นด้วยคลื่นแห่งความโดดเดี่ยวอ้างว้างและสิ้นหวัง ฉันพบว่าตัวเองรู้สึกขลาดกลัวและอ่อนแอ ในจิตใจของฉันฉันคิดว่า “ฉันยอมตายเสียดีกว่า แบบนั้นฉันจะไม่เป็นยูดาสและทรยศพระเจ้า อีกทั้งจะไม่ถูกพี่น้องชายหญิงของฉันประกาศตัดขาด ฉันยังจะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดของความทรมานของเนื้อหนังด้วย” ดังนั้นฉันจึงรอจนกระทั่งตำรวจชั่วคนที่คอยเฝ้าฉันเผลอ แล้วฉันก็เอาหัวโหม่งกำแพงอย่างแรง—แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็คือหัวของฉันมึนงง ฉันไม่ตาย ตอนนั้นเอง พระวจนะของพระเจ้าก็ให้ความรู้แจ้งแก่ฉันจากภายในว่า “เมื่อผู้อื่นตีความเจ้าผิด เจ้าก็สามารถอธิษฐานต่อพระเจ้าและพูดว่า ‘โอ้ พระเจ้า! ข้าพระองค์ไม่ขอให้ผู้อื่นยอมผ่อนปรนให้ข้าพระองค์อีกทั้งไม่ขอให้พวกเขายกโทษให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์เพียงขอให้ข้าพระองค์สามารถรักพระองค์ในหัวใจของข้าพระองค์ได้ ขอให้ข้าพระองค์รู้สึกสบายใจ และขอให้มโนธรรมของข้าพระองค์แจ่มชัด ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้คนอื่นชมเชย หรือนับถือข้าพระองค์ให้สูงส่ง ข้าพระองค์เพียงไล่ตามเสาะหาจากหัวใจของข้าพระองค์ที่จะทำให้พระองค์ทรงพึงพอพระทัย’” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์สามารถมีความรักแท้จริงได้ โดยการได้รับประสบการณ์กับกระบวนการถลุงเท่านั้น) พระวจนะของพระเจ้าขับไล่ความมืดมัวออกจากหัวใจฉัน “ใช่” ฉันคิด “พระเจ้าทรงเห็นหัวใจส่วนลึกที่สุด ของผู้คน ถ้าพวกตำรวจป้ายสีฉัน ถึงแม้ว่าพี่น้องชายหญิงคนอื่นจะเข้าใจฉันผิดและประกาศตัดขาดฉันอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ไว้วางใจว่าพระเจ้าทรงมีเจตนารมณ์ที่ดี พระเจ้าทรงกำลังทดสอบความเชื่อของฉันและความรักของฉันที่มีให้พระองค์ และฉันควรแสวงหาการการทำให้พระเจ้าทรงพึงพอพระทัย” เมื่อฉันมองกลอุบายอันเจ้าเล่ห์ของมารออก ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกตะขิดตะขวงและละอายใจ ฉันเห็นว่าความเชื่อในพระเจ้าของฉันนั้นเล็กจ้อยเกินไป ฉันไร้ความสามารถที่จะยืนหยัดได้หลังจากการทนทุกข์ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย และคิดที่จะใช้ความตายหลีกหนีและหลีกเลี่ยงการจัดวางเรียบเรียงของพระเจ้า จุดม่งหมายของตำรวจชั่วในการข่มขู่ฉันในลักษณะนี้ก็เพื่อทำให้ฉันหันหลังให้พระเจ้า และหากไม่ใช่เพราะการคุ้มครองปกป้องของพระเจ้า ฉันก็คงตกหลุมพรางกลอุบายอันเจ้าเล่ห์ของพวกมันแล้ว เมื่อฉันใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า หัวใจของฉันก็เต็มไปด้วยความสว่าง ฉันไม่อยากตายอีกต่อไป แต่ใช้ชีวิตที่ดี และใช้สิ่งที่ฉันใช้ชีวิตในความเป็นจริงเพื่อเป็นคำพยานต่อพระเจ้าและนำความอับอายมาสู่ซาตาน
ตำรวจชั่วสองคนที่ได้รับหน้าที่ให้คอยเฝ้าฉันถามว่าทำไมฉันถึงเอาหัวโหม่งกำแพง ฉันบอกว่าเพราะตำรวจอีกคนซ้อมฉัน “แรกเริ่มพวกเราทำงานผ่านการศึกษา ไม่ต้องห่วง—ผมจะไม่ให้พวกเขาซ้อมคุณอีก” พวกมันคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินคำปลอบใจของมัน ฉันคิดว่า “สองคนนี้ไม่ได้เลวร้าย ตั้งแต่ฉันถูกจับมา พวกมันก็ดีกับฉันมากทีเดียว” พอคิดแบบนั้น ฉันก็ระวังตัวน้อยลง แต่ทันใดนั้นเอง พระวจนะของพระเจ้าก็แวบเข้ามาในหัวใจของฉัน: “ในทุกเวลา ประชากรของเราต้องเตรียมพร้อมต่อต้านกลอุบายอันมากเล่ห์ของซาตาน ปกป้องประตูบ้านของเราเพื่อเรา... เพื่อหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในกับดักของซาตาน ซึ่งในเวลานั้นก็อาจสายเกินกว่าจะเสียใจ” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 3) พระวจนะของพระเจ้าให้คำเตือนจำแก่ฉันทันเวลา แสดงให้ฉันเห็นว่ากลอุบายอันเจ้าเล่ห์ของมารมีมากมาย และฉันควรระแวดระวังปีศาจพวกนี้ตลอดเวลา ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าไม่นานพวกมันก็เปิดเผยธาตุแท้ของพวกมัน หนึ่งในพวกตำรวจชั่วเริ่มพูดให้ร้ายพระเจ้า ในขณะที่อีกคนนั่งตบขาฉันอยู่ข้างฉัน ชายตามองฉันและถามเรื่องเงินของคริสตจักร ตกคืนนั้น พอเห็นว่าฉันผลอยหลับ มันก็เริ่มจับหน้าอกฉัน เมื่อเห็นพวกมันเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกมัน ฉันก็เต็มไปด้วยความเดือดดาล ตอนนั้นเองที่ฉันเห็นว่าพวกที่ควรเป็น “ตำรวจของประชาชน” ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากพวกกุ๊ยและอันธพาล ที่จริงแล้วพวกมันสามารถทำสิ่งที่เลวทรามและโสโครกได้! ผลก็คือ ฉันทำได้แค่อธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างเร่งด่วนให้ทรงคุ้มครองปกป้องฉันจากการทำร้ายของพวกมัน
ตลอดสองสามวันจากนั้น พวกตำรวจชั่วไม่เพียงสอบสวนฉันอย่างละเอียดเกี่ยวกับคริสตจักร แต่ยังผลัดกันคอยเฝ้าฉันและขัดขวางไม่ให้ฉันผล็อยหลับ หลังจากนั้น เมื่อเห็นว่าฉันไม่ให้อะไรพวกมันเลย ตำรวจชั่วสองคนที่สอบสวนฉันก็โกรธจัด พวกมันคนหนึ่งจู่โจมฉันอย่างรุนแรง ตบหน้าฉันเต็มแรง ต่อยฉันจนนับครั้งไม่ถ้วน ใบหน้าฉันเจ็บปวด เริ่มบวมปูด และสุดท้ายก็ชามากจนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะการสอบสวนของพวกมันไม่ได้อะไรจากฉันเลย คืนหนึ่งหัวหน้าของพวกตำรวจชั่วตะโกนใส่ฉันว่า “แกต้องเริ่มเปิดปากของแกได้แล้ว แกกำลังทดสอบความอดทนของฉัน—ฉันไม่เชื่อว่าพวกเราจะทำให้แกเปิดปากพูดไม่ได้ ฉันเจอคนที่หนักแน่นกว่าแกมาเยอะ ถ้าเราไม่รุนแรงกับแก แกก็จะไม่มีทางยอมทำตาม ไอ้บัดซบเอ๊ย!” มันออกคำสั่งให้พวกตำรวจชั่วหลายคนเริ่มทรมานฉัน ในคืนนั้น ห้องสอบสวนทึมเทาและน่าหวาดกลัว—ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในนรก พวกมันสั่งให้ฉันนั่งยองๆ ลงกับพื้นแล้วกดมือที่ถูกใส่กุญแจไว้เหนือเท้าของฉัน ต่อมาพวกมันก็สอดกระบองไม้ระหว่างส่วนโค้งของแขนฉันกับหลังเข่าของฉัน บังคับให้ทั้งตัวฉันขดกลม แล้วพวกมันก็ยกกระบองขึ้นแล้ววางมันระหว่างโต๊ะสองตัว ทิ้งให้ร่างทั้งร่างของฉันแขวนอยู่ในอากาศโดยที่หัวของฉันห้อยลง ทันทีที่พวกมันยกฉันขึ้น ฉันก็หน้ามืดและพบว่าหายใจได้ยากยิ่ง ฉันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เพราะฉันถูกแขวนห้อยหัวอยู่ในอากาศ น้ำหนักตัวทั้งหมดของฉันจึงแขวนอยู่ที่ข้อมือของฉัน ในตอนแรก เพื่อไม่ให้กุญแจมือบาดเนื้อของฉัน ฉันกดมือเข้าหากันแน่น ขดตัว และพยายามเต็มที่ที่จะอยู่ในท่านั้น แต่แรงของฉันก็หายไปทีละน้อย มือของฉันเลื่อนจากข้อเท้าไปที่เข่าของฉัน และกุญแจมือก็บาดลึกลงไปในเนื้อของฉัน ทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หลังจากห้อยอยู่แบบนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง มันรู้สึกเหมือนเลือดทั้งหมดในกายของฉันมารวมกันอยู่ที่หัว อาการบวมที่แสนเจ็บปวดในหัวและตาของฉันทำให้รู้สึกเหมือนพวกมันกำลังจะระเบิด รอยบาดลึกเฉือนเข้าไปในข้อมือของฉัน และมือของฉันก็บวมเป่งจนพวกมันดูเหมือนขนมปังแถวสองแถว ฉันรู้สึกว่าฉันอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย “ฉันทนไม่ไหวแล้ว เอาฉันลงไปที!” ฉันตะโกนอย่างสุดชีวิต “ไม่มีใครช่วยแกได้นอกจากตัวแกเอง แค่บอกชื่อแล้วเราจะปล่อยแกลงมา” หนึ่งในพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจชั่วพูดอย่างเลวทราม สุดท้าย พวกมันเห็นว่าฉันเจ็บปวดมากจึงปล่อยฉันลงมา พวกมันป้อนน้ำเชื่อมกลูโคสให้ฉันแล้วเริ่มสอบสวนฉันอีกครั้ง ฉันนอนตัวอ่อนปวกเปียกอยู่กับพื้น ฉันหลับตาปี๋ ไม่สนใจพวกมัน อย่างไม่คาดฝัน พวกตำรวจชั่วห้อยฉันในอากาศอีกครั้ง เมื่อมือของฉันไม่มีแรงจะยึดเกาะ ฉันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้กุญแจมือฝังลงในข้อมือของฉัน ขอบฟันเลื่อยเฉือนลงในเนื้อของฉัน ในชั่วขณะนั้น มันเจ็บปวดมากจนฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ฉันไม่มีพละกำลังที่จะสู้ต่อไปและหายใจได้ตื้นมากที่สุด ราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง ฉันรู้สึกเหมือนกำลังหมิ่นเหม่อยู่บนขอบเหวแห่งความตาย เมื่อคิดว่าคราวนี้ฉันคงกำลังจะตายจริง ฉันอยากบอกคำพูดในหัวใจต่อพระเจ้าก่อนที่ชีวิตของฉันจะจบลงว่า “โอ้พระเจ้า! ณ ขณะนี้ ตอนที่ข้าพระองค์อยู่บนขอบเหวแห่งความตายอย่างแท้จริง ข้าพระองค์รู้สึกกลัว—แต่ถึงข้าพระองค์จะตายคืนนี้จริง ข้าพระองค์จะยังสรรเสริญความชอบธรรมของพระองค์ โอ้พระเจ้า! ในการเดินทางของชีวิตอันแสนสั้นของข้าพระองค์นี้ ข้าพระองค์ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเลือกข้าพระองค์ให้กลับบ้านจากโลกแห่งบาปนี้ ทรงหยุดข้าพระองค์จากการพเนจร และอนุญาตให้ข้าพระองค์ให้ใช้ชีวิตอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของพระองค์ตลอดไป โอ้พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ชื่นชมความรักของพระองค์อย่างมาก—แต่แล้วเพียงตอนนี้ เมื่อชีวิตของข้าพระองค์กำลังจะสิ้นสุดลง ข้าพระองค์จึงเพิ่งตระหนักว่าข้าพระองค์ไม่เคยทะนุถนอมความรักของพระองค์ หลายครั้งที่ข้าพระองค์ได้ทำให้พระองค์ทรงเศร้าใจและทรงผิดหวัง ข้าพระองค์เป็นเหมือนเด็กซื่อที่รู้เพียงการชื่นชมกับความรักของแม่ แต่ไม่เคยคิดจะตอบแทน ตอนนี้เองที่ข้าพระองค์กำลังจะเสียชีวิต ข้าพระองค์จึงได้เข้าใจว่าข้าพระองค์ต้องทะนุถนอมความรักของพระองค์ และตอนนี้เองที่ข้าพระองค์เสียใจที่ได้พลาดเวลาที่ดีไปมากมาย ตอนนี้ สิ่งที่ข้าพระองค์เสียใจที่สุดก็คือข้าพระองค์ไร้ความสามารถที่จะทำอะไรให้พระองค์ได้ และเป็นหนี้บุญคุณพระองค์มากมายนัก และหากข้าพระองค์ยังสามารถมีชีวิตต่อไป ข้าพระองค์จะทำเต็มที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของข้าพระองค์อย่างแน่นอน เพื่อชดเชยต่อสิ่งที่ข้าพระองค์เป็นหนี้พระองค์ ณ ชั่วเวลานี้ข้าพระองค์ขอเพียงให้พระองค์ประทานพละกำลังให้ข้าพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์อาจไม่กลัวความตายอีกต่อไป และเผชิญความตายด้วยความกล้าหาญ...” น้ำตาของฉันไหลหยดแล้วหยดเล่าลงจากหน้าผากของฉัน คืนนั้นเงียบเชียบอย่างน่ากลัว มีเพียงเสียงเดียวคือเสียงนาฬิกาเดิน ราวกับจะนับถอยหลังถึงจำนวนวินาทีที่เหลืออยู่ในชีวิตของฉัน ตอนนั้นเองที่บางสิ่งซึ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้น กล่าวคือมันรู้สึกราวกับแสงแดดอันอบอุ่นกำลังส่องลงมาบนตัวฉัน และความรู้สึกเจ็บปวดในร่างกายฉันก็เบาบางลงจนหมดไป พระวจนะของพระเจ้าดังก้องขึ้นในจิตใจของฉัน: “นับแต่ชั่วขณะที่เจ้าเข้ามาในโลกนี้พร้อมกับเสียงร้องจ้า เจ้าก็เริ่มทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วง เจ้าได้เริ่มการเดินทางของชีวิตของเจ้า โดยแสดงไปตามบทบาทของเจ้าในแผนการของพระเจ้าและในการทรงลิขิตของพระองค์ ไม่ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังอย่างไร และการเดินทางข้างหน้าของเจ้าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีใครสามารถหลีกหนีการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของฟ้าได้ และไม่มีใครควบคุมชะตาลิขิตของตนเองได้ เพราะมีเพียงพระองค์ผู้ทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งเท่านั้นที่ทรงสามารถทำงานเช่นนั้นได้” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตมนุษย์) “ใช่” ฉันคิด “พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตฉัน พระเจ้าทรงควบคุมชะตาลิขิตของฉัน และฉันต้องวางตัวเองในพระหัตถ์ของพระเจ้าและนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงของพระองค์” การใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าให้ความรู้สึกสงบน่ายินดีในหัวใจฉัน ราวกับว่าฉันกำลังเอนกายอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของพระเจ้า ฉันพบว่าตัวเองผล็อยหลับไป ด้วยกลัวว่าฉันกำลังจะตาย พวกตำรวจชั่วปล่อยฉันลงและรีบให้ฉันดื่มน้ำเชื่อมกลูโคสกับน้ำ ในการสัมผัสความตายของฉัน ฉันได้เห็นกิจการอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้า
วันต่อมา พวกตำรวจชั่วใช้เวลาตลอดเย็นยกฉันขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า พวกมันสอบสวนฉันเกี่ยวกับที่เก็บเงินสำหรับใบเสร็จที่พวกมันยึดไว้ ตลอดเวลา ฉันไม่พูดอะไรเลย แต่พวกมันก็ยังไม่ล้มเลิก เพื่อให้ได้เงินของคริสตจักร พวกมันใช้วิถีทางที่เลวทรามทุกรูปแบบเพื่อทรมานฉัน ในขณะนั้น พระวจนะของพระเจ้าก็ดังสะท้อนในหัวใจของฉัน: “หลายพันปีแห่งความเกลียดชังถูกทำให้เข้มข้นอยู่ภายในหัวใจ หลายสหัสวรรษแห่งความเปี่ยมบาปถูกจารึกอยู่บนหัวใจ—การนี้จะไม่บันดาลความเกลียดได้อย่างไร? จงล้างแค้นให้พระเจ้า ดับศัตรูของพระองค์ให้สิ้น จงอย่ายอมให้มันวิ่งอาละวาดอีกต่อไป และจงอย่าอนุญาตให้มันก่อปัญหามากมายอย่างที่มันปรารถนาอีกต่อไป! บัดนี้ถึงเวลาแล้ว กล่าวคือ มนุษย์ได้รวบรวมกำลังทั้งหมดของเขามานานแล้ว เขาได้อุทิศความพยายามทั้งหมดของเขาและได้จ่ายทุกราคาเพื่อการนี้ เพื่อฉีกโฉมหน้าที่น่าขยะแขยงของปีศาจตนนี้ออก และเปิดโอกาสให้ผู้คน ผู้ซึ่งถูกทำให้มืดบอด และผู้ซึ่งได้สู้ทนความทุกข์และความยากลำบากมาแล้วทุกรูปแบบ ได้ลุกขึ้นจากความเจ็บปวดของพวกเขาและหันหลังของพวกเขาให้แก่พญามารชั่วที่แก่ชราตนนี้” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (8)) พระวจนะของพระเจ้าให้พละกำลังและความเชื่ออย่างมากแก่ฉัน ฉันจะต่อสู้จนตายกับซาตานและแม้ว่าฉันจะตาย ฉันก็จะยืนหยัดในคำพยานของฉันต่อพระเจ้า เมื่อได้รับการดลใจจากพระวจนะของพระเจ้า ฉันลืมความเจ็บปวดโดยไม่รู้ตัว โดยทางนี้ แต่ละครั้งที่พวกมันยกฉันขึ้นไป พระวจนะของพระเจ้าให้แรงดลใจและมอบแรงจูงใจฉัน และดังนั้นยิ่งพวกมันยกฉันขึ้นหลายครั้งเข้า ฉันก็ยิ่งสามารถมองเห็นเนื้อแท้เยี่ยงมารของพวกมันออก และความแน่วแน่ที่จะตั้งมั่นในคำพยานของฉันและทำให้พระเจ้าทรงพึงพอพระทัยก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในท้ายที่สุด พวกมันแต่ละคนก็เหนื่อยกับฉัน “คนส่วนใหญ่ทนถูกแขวนแบบนี้แค่ครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้ แต่มันกลับทนมาได้ถึงตอนนี้—มันทรหดชะมัดเลย!” ฉันได้ยินพวกมันออกความเห็น ฉันตื่นเต้นที่ได้ยินแบบนี้ ฉันคิดในใจว่า “เมื่อมีพระเจ้าทรงช่วยเหลือฉัน พวกแกเอาชนะฉันไม่ได้หรอก” นอกจากทรมานร่างกายฉันแล้ว ระหว่างเก้าวันเก้าคืนของฉันในสถานีตำรวจนั่น พวกตำรวจชั่วยังไม่ให้ฉันได้หลับอีกด้วย ทุกครั้งที่ฉันหลับตาและเริ่มสัปหงก พวกมันจะฟาดไม้พลองกับโต๊ะ หรือไม่อย่างนั้นก็ให้ฉันยืนขึ้นและวิ่งไปรอบๆ หรือไม่ก็แค่ตะโกนใส่ฉัน พยายามให้ฉันพังทลายและทำให้จิตใจฉันแตกละเอียด หลังจากเก้าวัน เมื่อเห็นว่าพวกมันทำตามเป้าหมายไม่ได้ พวกตำรวจก็ยังไม่ล้มเลิก พวกมันนำฉันไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่พวกมันใส่กุญแจมือฉันไว้ด้านหน้าขาของฉัน แล้วก็สอดไม้พลองระหว่างส่วนโค้งของแขนและขาของฉัน บังคับให้ฉันนั่งขดตัวอยู่กับพื้น พวกมันให้ฉันนั่งกับพื้นอยู่ในท่านั้นตลอดหลายวันต่อจากนั้น ซึ่งทำให้กุญแจมือบาดเข้าไปในเนื้อของฉัน มือและข้อมือของฉันบวมและเปลี่ยนเป็นสีม่วง และก้นของฉันก็เจ็บปวดมากจนฉันไม่กล้าถูหรือสัมผัสมัน รู้สึกเหมือนฉันนั่งอยู่บนกองเข็ม วันหนึ่ง เมื่อเห็นว่าการสอบสวนฉันไม่ให้ผลอะไร หนึ่งในหัวหน้าของพวกตำรวจชั่วก็เดินเข้ามาหาฉันพลุ่งพล่านด้วยความเดือดดาลและตบหน้าฉันอย่างแรง—แรงพอจนฟันของฉันร่วงไปสองซี่
สุดท้าย หัวหน้าเขตสองคนจากฝ่ายความมั่นคงสาธารณะประจำมณฑลก็มา ทันทีที่พวกมันมาถึง พวกมันก็ถอดกุญแจมือออก พยุงฉันไปที่โซฟา และรินน้ำให้ฉันดื่ม “สองสามวันที่ผ่านมาคุณเจอมาหนักมาก—แต่อย่าผูกใจเจ็บเลย พวกเขาแแค่ทำตามคำสั่ง” พวกมันพูดพลางแสร้งทำเป็นใจดีมีเมตตา การเสแสร้งของพวกมันทำให้ฉันเกลียดชังพวกมันมากจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พวกมันยังเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งให้ฉันดูหลักฐานเท็จอีกด้วย พวกมันพูดหลายอย่างที่กล่าวโทษและหมิ่นประมาทพระเจ้า ฉันรู้สึกเดือดดาล ฉันอยากโต้แย้งกับพวกมัน แต่ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นจะแค่ทำให้พวกมันหมิ่นประมาทพระเจ้าอย่างรุนแรงมากขึ้น ในชั่วขณะนี้ ฉันรู้สึกอย่างแท้จริงว่าพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ได้ทรงทนทุกข์ความยากลำบากมาอย่างใหญ่หลวงเพียงใด และความอัปยศอดสูมากเพียงใดที่พระเจ้าได้ทรงสู้ทนเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด ที่มากยิ่งกว่านั้น ฉันเห็นว่าปีศาจชั่วพวกนี้น่าเหยียดหยามและน่าเกลียดชังแค่ไหน ฉันแอบสาบานในหัวใจของฉันว่าฉันจะตัดขาดกับซาตานอย่างสิ้นเชิงและจงรักภักดีต่อพระเจ้าไปตลอดกาล หลังจากนั้น ไม่ว่าพวกมันจะได้พยายามหลอกลวงฉันแค่ไหนก็ตาม ฉันก็ปิดปากเงียบและไม่พูดอะไรเลย เมื่อเห็นว่าคำพูดของพวกมันไม่มีผล หัวหน้าเขตสองคนนั้นก็ทำได้แค่กลับไปอย่างอารมณ์เสีย
ระหว่างสิบวันสิบคืนในโรงแรม พวกมันใส่กุญแจมือฉันไว้ บังคับให้ฉันนั่งยองๆ จับขาของฉันกับพื้น เมื่อมองย้อนกลับไปถึงเวลาที่ฉันใช้ภายใต้การถูกจับกุม ฉันใช้เวลาสิบเก้าวันสิบเก้าคืนในสถานีตำรวจและโรงแรม และเป็นเพราะการคุ้มครองปกป้องของความรักของพระเจ้าที่อนุญาตให้ฉันได้งีบหลับเล็กน้อย นอกจากการงีบหลับน้อยนิดนั้น พวกตำรวจชั่วไม่ปล่อยให้ฉันได้นอนเลยตลอดเวลานั้น ฉันปิดตาเพียงแค่ครู่เดียวแล้วพวกมันก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันตื่น—ฟาดโต๊ะ เตะฉันอย่างรุนแรง ตะโกนใส่ฉัน สั่งให้ฉันวิ่งไปรอบๆ เป็นต้น แต่ละครั้งฉันจะสะดุ้ง หัวใจของฉันจะเต้นโครมครามอยู่ในอก และฉันจะตึงเครียดถึงขีดสุด ด้วยการถูกทำให้ตื่นอยู่แบบนี้และการทรมานบ่อยครั้งของพวกตำรวจชั่วด้วยเช่นกัน สุดท้ายพละกำลังของฉันก็หมดสิ้นไม่เหลือ ทั่วทั้งตัวของฉันบวมและไม่สบายตัว และฉันก็เริ่มเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภาพซ้อน ฉันจะรู้ว่ามีคนพูดคุยกันอยู่ข้างหน้าฉัน แต่เสียงของพวกมันรู้สึกราวกับมาจากสถานที่ห่างไกล ยิ่งกว่านั้น ปฏิกิริยาของฉันกลายเป็นเชื่องช้าลงมาก การที่ฉันสามารถทนมาได้ถึงตอนนี้ทั้งหมดก็เป็นเพราะพระฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า! ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “พระองค์ทรงทำให้มนุษย์เกิดใหม่ และทรงทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตไปตามทุกบทบาทของเขาได้อย่างมุ่งมั่นไม่ท้อถอย เนื่องเพราะพระฤทธานุภาพของพระองค์และพลังชีวิตอันมิอาจดับมอดของพระองค์ มนุษย์ได้ใช้ชีวิตมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพลังแห่งชีวิตของพระเจ้าได้เป็นหลักค้ำจุนสำคัญแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์ และเป็นสิ่งซึ่งพระเจ้าได้ทรงจ่ายราคาซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่เคยจ่ายมาก่อน พลังชีวิตของพระเจ้าสามารถพิชิตพลังอำนาจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมากล้นเกินกว่าพลังอำนาจใดๆ ชีวิตของพระองค์เป็นนิรันดร์ พระฤทธานุภาพของพระองค์นั้นพิเศษกว่าความธรรมดาสามัญ และพลังชีวิตของพระองค์ก็ไม่สามารถถูกเอาชนะได้โดยสิ่งมีชีวิตทรงสร้างใดหรือกองกำลังศัตรูใด” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายเท่านั้นที่สามารถประทานหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์แก่มนุษย์ได้) ในหัวใจของฉัน ฉันขอบคุณและสรรเสริญพระเจ้าอย่างจริงใจ: “โอ้พระเจ้า! พระองค์ทรงปกครองทุกสรรพสิ่ง กิจการของพระองค์นั้นไม่สามารถประมาณได้ พระองค์เท่านั้นคือองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระองค์ทรงเป็นพลังชีวิตที่ไม่สามารถดับได้ และพระองค์ทรงเป็นบ่อน้ำพุแห่งน้ำแห่งชีวิตที่มีอยู่ของข้าพระองค์ ในสภาพแวดล้อมพิเศษนี้ ข้าพระองค์ได้เห็นฤทธานุภาพและสิทธิอำนาจอันเป็นหนึ่งเดียวของพระองค์” ในท้ายที่สุด พวกตำรวจชั่วก็ไม่ได้คำตอบต่อคำถามของพวกมันจากฉัน แล้วพวกมันก็ส่งฉันไปสถานกักกัน
ระหว่างทางไปสถานกักกัน ตำรวจสองนายพูดกับฉันว่า “แกทำได้ดีมาก พวกแกอาจจะอยู่ในสถานกักกัน แต่พวกแกเป็นคนดี ที่นั่นมีคนทุกประเภท ทั้งพวกค้ายา ฆาตกร โสเภณี—พอไปถึงแล้วแกก็จะเห็น” “ในเมื่อแกรู้ว่าพวกเราเป็นคนดี ทำไมถึงจับพวกเราล่ะ? รัฐบาลพูดถึงเสรีภาพทางศาสนาไม่ใช่หรือ?” ฉันถาม “พรรคคอมมิวนิสต์โกหกแกน่ะ พรรคให้ความเป็นอยู่กับเรา ดังนั้นเราต้องทำตามที่มันบอก เราไม่ได้เกลียดแกหรือเป็นศัตรูกับแก เราแค่จับกุมแกเพราะแกเชื่อในพระเจ้า” หนึ่งในพวกตำรวจพูด เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉันก็คิดย้อนกลับไปถึงทุกสิ่งที่ฉันได้ประสบมา ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “เสรีภาพทางศาสนาหรือ? สิทธิและผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของพลเมืองทั้งหลายหรือ? สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเป็นเล่ห์เหลี่ยมเพื่อปิดบังบาป!” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (8)) พระวจนะของพระเจ้าตัดตรงเข้าสู่หัวใจของเรื่องนี้ เปิดโอกาสให้ฉันเห็นอย่างแท้จริงถึงโฉมหน้าแท้จริงของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนและการที่มันพยายามที่จะได้รับการสรรเสริญที่มันไม่คู่ควร กล่าวคือ ภายนอก มันโบกธงแห่งเสรีภาพทางศาสนา แต่ในทางลับกลับจับกุม บีบคั้น และทำร้ายบรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้าอย่างโหดเหี้ยมตั้งแต่เหนือจรดใต้ของประเทศ ในความหวังอันเปล่าประโยชน์ที่จะสั่งห้ามพระราชกิจของพระเจ้า และมันยังปล้นเงินของคริสตจักรอย่างหน้าไม่อาย ทั้งหมดนั้นแผ่วางเนื้อแท้เยี่ยงปีศาจของมันที่เกลียดชังพระเจ้าและเกลียดชังความจริง
ขณะที่อยู่ในสถานกักกัน มีช่วงเวลาที่ฉันอ่อนแอและเจ็บปวด แต่พระวจนะของพระเจ้าคอยดลใจฉัน ให้พละกำลังและความเชื่อแก่ฉัน เปิดโอกาสให้ฉันเข้าใจว่า แม้ว่าซาตานได้เปลื้องเอาเสรีภาพของเนื้อหนังของฉันไป ความทุกข์ของฉันได้สั่งสอนฉัน และได้สอนฉันให้พึ่งพาพระเจ้าระหว่างการทรมานของปีศาจชั่วพวกนี้ เปิดโอกาสให้ฉันเข้าใจความหมายที่แท้จริงของความจริงมากมายและเห็นความล้ำค่าของความจริง และมันได้เพิ่มความแน่วแน่และแรงจูงใจของฉันที่จะไล่ตามเสาะหาความจริง ฉันกลายเป็นเต็มใจที่จะเชื่อฟังพระเจ้าต่อไป และรับประสบการณ์ทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงจัดการเตรียมการให้ฉัน ผลก็คือ เมื่อทำงานในสถานกักกัน ฉันร้องเพลงสรรเสริญและคิดถึงความรักของพระเจ้าอย่างเงียบเชียบ ฉันรู้สึกว่าหัวใจของฉันได้มาเข้าใกล้พระเจ้ายิ่งขึ้น และฉันพบว่าวันเหล่านั้นไม่เจ็บปวดและเศร้าหมองมากอีกต่อไป
ระหว่างเวลานี้ พวกตำรวจชั่วสอบสวนฉันอีกหลายครั้ง ฉันขอบคุณพระเจ้าที่ทรงนำให้ฉันเอาชนะการทรมานของพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากนั้นพวกตำรวจชั่วก็ถอนเงินทั้งหมดจากบัตรเดบิตทั้งสามใบของฉัน การเฝ้ามองเงินของคริสตจักรถูกพวกตำรวจชั่วเอาไปอย่างหมดหนทางทำให้หัวใจฉันสลาย หัวใจของฉันเต็มไปด้วยความเกลียดชังแก๊งปีศาจชั่วและละโมบพวกนี้ และฉันโหยหาให้ราชอาณาจักรแห่งพระคริสต์มาถึงโดยเร็ววัน ในท้ายที่สุด แม้จะไม่มีข้อพิสูจน์ใดเลย พวกมันก็ตัดสินให้ฉันรับการศึกษาใหม่ผ่านการใช้แรงงานหนึ่งปีสามเดือนสำหรับ “การก่อกวนความสงบเรียบร้อยทางสาธารณะ”
โดยผ่านการถูกรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนข่มเหงอย่างโหดร้าย ฉันได้ลิ้มรสความรักและความรอดของพระเจ้าสำหรับฉันอย่างแท้จริง ฉันได้มาซึ้งคุณค่าความทรงมหิทธิฤทธิ์และอำนาจอธิปไตยของพระเจ้า และกิจการอันมหัศจรรย์ของพระองค์ อีกทั้งฉันได้เห็นสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระวจนะของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น ฉันได้มาดูหมิ่นซาตานอย่างแท้จริง ระหว่างช่วงเวลาของการข่มเหง พระวจนะของพระเจ้าร่วมทางไปกับฉันผ่านคืนวันที่น่าเศร้าหมอง พระวจนะเหล่านั้นเปิดโอกาสให้ฉันมองเห็นกลอุบายอันเจ้าเล่ห์ของซาตาน และพระวจนะเหล่านั้นได้ให้การคุ้มครองปกป้องแก่ฉันทันเวลา พระวจนะของพระเจ้าทำให้ฉันเข้มแข็งและกล้าหาญ เปิดโอกาสให้ฉันเอาชนะการทรมานอันป่าเถื่อนครั้งแล้วครั้งเล่า พระวจนะของพระเจ้าให้พละกำลังและความเชื่อแก่ฉัน และให้ความกล้าหาญแก่ฉันเพื่อต่อสู้กับซาตานจวบจนวาระสุดท้าย.... ขอบคุณพระเจ้า! พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเป็นความจริง หนทาง และชีวิต! ฉันจะติดตามพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตลอดไปจวบจนวาระสุดท้าย!
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
โดย หลิวหยุ่นหยิง, ประเทศจีนในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014...
โดย Yang Li, ประเทศจีน พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พลังชีวิตของพระเจ้าสามารถพิชิตพลังอำนาจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น...
โดย กาว ฮุ่ย, ประเทศจีน เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อกรกฎาฯ ค.ศ. 2009 ค่ะ วันหนึ่ง พี่หลิวรีบร้อนมาที่บ้านฉัน...
โดย จาง หลิน, ประเทศจีน บ่ายวันหนึ่ง เดือนธันวาฯ ค.ศ. 2012 ฉันนั่งรถโดยสารไปนอกเมืองเพื่อทำหน้าที่ให้ลุล่วง...