ฉันมุ่งมั่นบนเส้นทางนี้

วันที่ 20 เดือน 01 ปี 2022

โดย หาน เฉิน, ประเทศจีน

สองสามปีก่อน ฉันถูกจับฐานประกาศข่าวประเสริฐ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ให้ฉันจำคุกสามปีข้อหา “ใช้ลัทธิเพื่อบ่อนทำลายการบังคับใช้กฎหมาย” หลังออกจากคุก ฉันคิดว่าในที่สุดก็ไปชุมนุมอีกครั้งและคืนสู่หน้าที่ได้ แต่ไม่ได้นึกเลยว่าตำรวจจะจับตาดูฉันต่อและจำกัดเสรีภาพฉัน พ่อแม่พาฉันไปขึ้นทะเบียนที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบฉันบอกฉันดุๆ ว่า “ถ้าจะออกจากพื้นที่ ต้องมาแจ้งผมก่อน และห้ามออกจากเมืองนี้หรือไปต่างประเทศเป็นเวลาห้าปี และปฏิบัติความเชื่อไม่ได้ด้วย ถ้ารู้ว่าไปชุมนุมทางศาสนา ผมจะให้กลับเข้าคุก รอบนี้จะไม่ได้ออกเลย!” พอได้ยิน พ่อแม่ก็กลัวฉันจะถูกจับอีก จึงขอให้พี่สาวคอยจับตาดูฉัน ไม่ให้ฉันอ่านพระวจนะหรือติดต่อพี่น้องชายหญิง พี่ฉันหางานให้ฉันทำ เป็นพนักงานขายของ ถ้าฉันอยู่ข้างนอกเลยเวลา พี่ก็จะโทรมาถามว่า “อยู่ที่ไหน? ทำอะไรอยู่?” มีครั้งหนึ่ง ฉันกำลังอ่านพระวจนะในแท็บเล็ตอยู่ พี่สังเกตเห็นและจี้ถามว่าได้อ่านพระวจนะอยู่หรือเปล่า ถึงกับพยายามจะแย่งแท็บเล็ตไป ฉันรีบโพล่งไปว่ากำลังอ่านนิยาย แล้วพี่ก็ไม่ยุ่งกับฉัน จากนั้น ฉันต้องแอบอ่านพระวจนะใต้ผ้าห่มหลังจากที่พี่หลับแล้ว และแอบไปชุมนุมหลังเลิกงาน

วันหนึ่ง พี่ฉันเจอพระวจนะบางส่วนที่ฉันทำสำเนาไว้และถามว่า “เธอยังมีความเชื่อและไปชุมนุมอยู่ใช่ไหม” ฉันโมโหตอบไปว่า “การมีความเชื่อและนมัสการพระเจ้าน่ะถูกแล้ว ปล่อยฉันเถอะ!” แล้วพี่ฉันก็รีบโทรหาพี่คนโตของเรา พี่คนโตขับรถมาหาและตบหน้าฉันทันทีที่เดินเข้าประตูมา พร้อมตะคอกว่า “ยังกล้าเชื่ออยู่ได้ยังไง? ความเชื่อของเธอทำให้เธอติดคุก ทำให้แม่ร้องไห้จนตาบวมไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าเธอถูกส่งกลับเข้าคุก คิดสิว่าแม่จะเป็นยังไง! เลิกเรื่องพระเจ้าอะไรนี่ ให้แม่ได้สบายใจบ้างได้ไหม?” พอได้ยินพี่พูดอย่างนั้น ฉันแทบจะทนไม่ไหว และน้ำตาก็ไหลอาบแก้มลงมาเป็นสาย แม่มีความรักให้ฉันเสมอมา พอฉันโตขึ้น กลับทำให้แม่เป็นห่วง ถ้าฉันถูกจับอีกครั้ง แม่จะรับไหวไหมนะ? ฉันรู้สึกถึงจุดอ่อน จึงรีบอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงอารักขาหัวใจ ต่อมา ฉันเห็นพระวจนะพระเจ้าที่ว่า “พระเจ้าได้ทรงสร้างโลกนี้และทรงนำพามนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่พระองค์ประทานชีวิตให้เข้ามาในโลก ต่อมา มนุษย์ก็มามีพ่อแม่และญาติพี่น้อง และไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ตั้งแต่ครั้งแรกที่มนุษย์เปิดตามองโลกแห่งวัตถุ เขาก็ได้ถูกลิขิตชะตาไว้แล้วให้ดำรงอยู่ภายในการทรงลิขิตของพระเจ้า ลมปราณจากพระเจ้าสนับสนุนสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดทุกชีวิต ตลอดช่วงวัยเจริญเติบโตไปจนถึงวัยผู้ใหญ่(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตมนุษย์) ใช่ค่ะ ทุกลมหายใจฉันมาจากพระเจ้า ทรงทอดพระเนตร ทรงอารักขาเมื่อฉันเติบโตขึ้นมา ผู้คนที่ใจดีหรือชอบช่วยเหลือคนใดก็ตาม โดยเฉพาะความรักและความใส่ใจจากพ่อแม่ ล้วนถูกส่งมาให้ฉันโดยพระเจ้า ฉันควรขอบคุณพระเจ้า ตอบแทนความรักพระองค์ การปฏิเสธพระเจ้า หรือทรยศ จะเป็นการไร้จิตสำนึก ฉันคิดถึงการที่ถูกขังคุกเพราะความเชื่ออีกครั้ง ทำให้แม่เครียดและสุขภาพทรุดโทรม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะพรรคคอมมิวนิสต์หรอกเหรอ? ถ้าพวกเขาไม่จับและข่มเหงฉัน พ่อแม่ฉันก็คงไม่จำเป็นต้องกลัว พรรคคอมมิวนิสต์อยากให้ฉันทรยศพระเจ้า ฉันจะไม่ยอมให้อุบายของมันสำเร็จ เมื่อคิดได้ ความมุ่งมั่นของฉันก็กลับมา ฉันรู้ว่าจะต้องเชื่อในพระเจ้าไม่ว่าครอบครัวจะขวางทางแค่ไหน จากนั้น ฉันก็ทำงานต่อไป พร้อมกับไปชุมนุมและแบ่งปันข่าวประเสริฐ

เช้าวันหนึ่ง เดือนกุมภาฯ ค.ศ. 2017 ฉันกำลังเตรียมตัวไปทำงาน แล้วก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้น ปลายสายบอกว่า “นี่หัวหน้าเฉินจากคณะกิจการเมืองฯ เข้ามาเซ็นเอกสารที่บอกว่าคุณไม่เชื่อในพระเจ้าภายในสองวันด้วย ผู้เชื่อในพื้นที่ที่เคยถูกจับและปล่อยตัวเซ็นกันหมดแล้ว เหลือแต่คุณ” พอได้ยินอย่างนั้น ฉันรู้สึกโกรธมากค่ะ ความเชื่อของฉันมีแค่การชุมนุมและอ่านพระวจนะ แต่พวกเขาจับฉันขังคุกเพราะสิ่งนั้น ทรมานฉัน และพยายามล้างสมอง ตอนนี้ฉันออกมาแล้วก็ยังเฝ้าติดตามฉัน ไม่ให้ฉันปฏิบัติความเชื่อหรือชุมนุม ถึงกับพยายามบีบให้เซ็นเอกสารว่าเลิกเชื่อ น่ารังเกียจและชั่วช้ามากๆ! แต่แล้วฉันก็คิดว่า ถ้าฉันบอกเขาว่าจะไม่เซ็น คณะกิจการเมืองฯ จะมาที่ทำงานฉัน และนำตัวฉันกลับเข้าคุกไหม? ฉันไม่อยากกลับเข้าคุกและมีชีวิตที่ไม่เป็นมนุษย์แบบนั้น เลยบอกเขาว่า “งานฉันยุ่งมากๆ ฉันไม่มีเวลาเลย จะเข้าไปในไม่กี่วันนี้แล้วกัน” เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันแปลกใจที่หัวหน้าเฉินส่งข้อความแปลกๆ มาบอกว่า “บัตรประกันสุขภาพของคุณเสร็จแล้ว ให้แวะมารับไปวันนี้” ฉันมองดูข้อความและคิดกับตัวเองว่า “แต่ฉันไม่เคยสมัครบัตรนั้น นี่คืออุบายหนึ่งของซาตานเหรอ?” ฉันคิดถึงที่พระเจ้าตรัสว่า “พวกเจ้าต้องตื่นและรอคอยอยู่เสมอ และเจ้าต้องอธิษฐานต่อหน้าเราให้มากขึ้น เจ้าต้องระลึกรู้ถึงแผนร้ายสารพัด และกลอุบายอันเจ้าเล่ห์ของซาตาน ระลึกรู้ถึงจิตวิญญาณทั้งหลาย รู้จักผู้คน และมีความสามารถที่จะหยั่งรู้ในผู้คน เหตุการณ์ และสิ่งทั้งหลายทุกประเภท(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 17) พระวจนะย้ำเตือนฉัน ซาตานมีอุบายมากมาย ที่พูดว่าผู้เชื่อในพื้นที่ที่เคยถูกจับและปล่อยตัวเซ็นหมดแล้ว เหลือแค่ฉัน หัวหน้าเฉินพยายามหลอกฉัน อุบายนั้นไม่สำเร็จ ก็เลยเอาบัตรมาเป็นเหยื่อล่อ พวกเขามีเล่ห์เหลี่ยมจริงๆ พอคิดได้อย่างนี้ ฉันตัดสินใจไม่เข้าไป

เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อฉันรีบร้อนมาที่ทำงานฉัน พ่อดูหวาดระแวงมากและบอกฉันว่า “เมื่อวาน หัวหน้าเฉินเรียกพ่อเข้าไปที่สำนักงานตั้งแต่เช้า เขาบอกว่าทางเมืองกำลังสืบสวนพิเศษว่าลูกยังปฏิบัติความเชื่ออยู่ไหม และถ้าลูกเซ็นเอกสารยืนยันว่าไม่ได้ปฏิบัติ ลูกก็จะมีชีวิตปกติได้เหมือนคนอื่นๆ และลูกจะไม่ถูกจับตาดูอีกต่อไป แต่ถ้าลูกไม่เซ็น ลูกก็จะถูกจับถูกดัดนิสัยในคุก! ฟังพ่อนะ—ละทิ้งความเชื่อและไปเซ็นชื่อเสียเถอะ” ได้ยินอย่างนั้นแล้วฉันรู้สึกขุ่นเคืองและชิงชังค่ะ ฉันพูดกับพ่อว่า “พ่อ รู้ไหมว่าการเชื่อในพระเจ้าคือเส้นทางที่ถูกต้อง ความวิบัติกำลังรุนแรงขึ้น ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงความจริง เพื่อชำระและช่วยคนจากความเสื่อมทรามและความวิบัติ แต่ทางพรรคฯ ได้จับกุมและข่มเหงผู้เชื่ออย่างบ้าคลั่ง บังคับให้พวกเขาทรยศพระเจ้า เพื่อให้ลงเอยในนรกเพราะการนั้น การลงชื่อในเอกสาร ก็คือการทรยศต่อพระเจ้า และสุดท้ายแล้วหนูจะถูกทำลายล้าง! หนูเซ็นไม่ได้ และจะไม่เซ็น!” พ่อฉันพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ถ้าลูกไม่เซ็นเอกสาร ตำรวจจะจับลูกกลับเข้าคุกอีกครั้งนะ อยากทนทุกข์ในนั้นอีกจริงๆ ใช่ไหม?! ต่อให้ลูกจะไม่คิดถึงตัวเอง แล้วน้องสาวของลูกล่ะ? พรรคคอมมิวนิสต์เล่นงานทั้งครอบครัวของผู้เชื่อ ดูพี่สาวของลูกสิ เรียนจบมหาวิทยาลัยปกติ ควรจะได้งานที่โรงเรียนประถมดีๆ แต่ไม่ผ่านคัดกรอง เพราะความเชื่อของลูก ลูกพี่ลูกน้องลูกต้องใช้เส้นสาย จ่ายเงินก้อนโตให้เธอได้เข้าโรงเรียนธรรมดา และลูกพี่ลูกน้องลูกที่สอบข้าราชการผ่าน ก็ตกคัดกรองด้วย เพราะยายของลูกเป็นผู้เชื่อ น้องสาวลูกกำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยปีนี้ และจะต้องมองหางาน ถ้าลูกไม่เซ็น น้องก็จะไม่ผ่านคัดกรอง และจะหางานดีๆ ไม่ได้แน่ ลูกกำลังทำลายอนาคตน้องไม่ใช่เหรอ? ฟังพ่อนะ แค่กัดฟันเซ็นๆ ไปเถอะ เชื่อแบบเก็บเป็นความลับไม่ได้หรือไง? ทำไมต้องดื้อขนาดนี้?” เมื่อมองดูใบหน้าซูบผอมของพ่อที่มีน้ำตาคลอเบ้า เขาร้อนใจมากจนมีสะเก็ดแห้งๆ บนปาก ฉันรู้สึกแย่มากและขัดแย้งในตัว ถ้าฉันเซ็น ก็จะทรยศต่อพระเจ้าและถูกตีตราด้วยเครื่องหมายสัตว์ร้าย จะถูกซาตานจับไปเป็นเชลย ไม่มีหวังได้รับความรอด แต่ถ้าไม่เซ็น ก็จะถูกจับและส่งกลับเข้าคุก และพวกเขาก็จะทรมานฉัน นอกจากการทนทุกข์ทางกาย ถ้าฉันถูกทุบตีจนตายล่ะ และน้องฉัน ถ้าน้องไม่ผ่านคัดกรองและอนาคตได้รับผลกระทบ ทั้งครอบครัวคงจะเกลียดฉันไปตลอดชีวิต พอคิดถึงทั้งหมดนั้น รู้สึกเหมือนมีดแทงทะลุอก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ฉันพูดกับพ่อว่า “ขอให้หนูได้คิดหน่อย” พอเขาไป ฉันก็ร้องไห้และอธิษฐานต่อพระเจ้า “พระเจ้า ข้าพระองค์กลัวถูกตำรวจจับ ถูกส่งกลับเข้าคุกและทรมาน ห่วงครอบครัวจะถูกลากเข้ามาเกี่ยว ข้าพระองค์รู้สึกอ่อนแอมาก พระเจ้า โปรดประทานความเชือและกำลัง ทรงนำให้ตั้งมั่นในคำพยานด้วยเถิด”

หลังอธิษฐาน ฉันก็คิดถึงพระวจนะบางส่วน “เมื่อผู้คนยังไม่ได้รับการช่วยให้รอด ชีวิตของพวกเขามักถูกแทรกแซง และแม้กระทั่งถูกควบคุมโดยซาตาน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผู้คนที่ยังไม่ได้รับการช่วยให้รอดนั้นเป็นนักโทษของซาตาน พวกเขาไม่มีอิสรภาพ พวกเขายังไม่ถูกซาตานปล่อยตัว พวกเขาไม่มีคุณสมบัติหรือสิทธิ์ที่จะนมัสการพระเจ้า และพวกเขาถูกไล่ตามอย่างใกล้ชิดและถูกโจมตีอย่างชั่วช้าโดยซาตาน ผู้คนเช่นนั้นไม่มีความสุขให้พูดถึง พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการดำรงอยู่ตามปกติให้พูดถึง และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่มีศักดิ์ศรีให้พูดถึง มีเพียงเมื่อเจ้ายืนขึ้นและทำการสู้รบกับซาตาน โดยใช้ความเชื่อในพระเจ้า การเชื่อฟังและการยำเกรงพระเจ้าของเจ้าเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้ในการสู้รบที่อาจเป็นหรือตายกับซาตาน จนกระทั่งเจ้าทำให้ซาตานพ่ายแพ้อย่างเต็มที่และทำให้มันหันหนีและกลายเป็นตัวสั่นงันงกเมื่อใดก็ตามที่มันมองเห็นเจ้า เพื่อที่มันจะได้ละทิ้งการโจมตีและการกล่าวหาของมันที่มีต่อเจ้าโดยสิ้นเชิง—เมื่อนั้นเท่านั้นเจ้าจึงจะได้รับการช่วยให้รอดและกลายเป็นมีอิสระ หากเจ้ามุ่งมั่นที่จะตัดขาดกับซาตานอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีพร้อมด้วยอาวุธที่จะช่วยให้เจ้าทำให้ซาตานพ่ายแพ้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะยังคงอยู่ในอันตราย ขณะที่เวลาผ่านไป เมื่อเจ้าถูกซาตานทรมานอย่างยิ่งจนไม่มีเรี่ยวแรงเหลือในตัวเจ้าแม้แต่น้อย กระนั้นเจ้าก็ยังคงไม่สามารถเป็นคำพยานได้ ยังคงไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระโดยบริบูรณ์จากการกล่าวหาและการโจมตีของซาตานที่มีต่อเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมีความหวังน้อยนิดในความรอด ในวาระสุดท้าย เมื่อการสรุปปิดตัวพระราชกิจของพระเจ้าได้รับการประกาศขึ้น เจ้าจะยังคงอยู่ในกำมือของซาตาน ไร้ความสามารถที่จะปล่อยตัวเจ้าเองให้เป็นอิสระ และด้วยเหตุนี้เจ้าจะไม่มีวันมีโอกาสหรือความหวัง เช่นนั้นแล้ว ความหมายก็คือว่า ผู้คนเช่นนั้นจะอยู่ในการเป็นเชลยของซาตานโดยบริบูรณ์(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2) เมื่อคิดถึงพระวจนะ ฉันก็ได้รู้ว่า การข่มเหงของพรรคฯ การแทรกแซงของครอบครัว ล้วนเป็นการทดลองจากซาตาน ฉันคิดถึงตอนที่โยบถูกซาตานทดลอง ทุกสิ่งที่เขามีถูกพรากไปจากเขา เขาถึงกับเสียลูกๆ ไป ตัวเขาเต็มไปด้วยแผลเปื่อยและฝี ภรรยาโจมตีเขาและบอกให้เขาละทิ้งพระเจ้า แต่โยบยืนหยัดเป็นพยาน พึ่งพาความเชื่อและความเคารพต่อพระเจ้า ไม่เคยพร่ำบ่นหรือปฏิเสธพระองค์ สรรเสริญพระองค์ด้วยซ้ำ “พระยาห์เวห์ประทาน และพระยาห์เวห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระยาห์เวห์” (โยบ 1:21) โยบมีชัยเหนือการทดลองของซาตาน เป็นพยานที่ดังก้องเพื่อพระเจ้า ในการทำให้ซาตานอับอายและพ่าย โยบได้กลายเป็นชายที่มีอิสระ หลังจากออกจากคุก พรรคคอมมิวนิสต์ใช้ครอบครัวมาบีบให้ฉันตัดสัมพันธ์ความเชื่อ ทุกครั้งที่พวกเขากดดันฉัน มันคือการทดลองและการโจมตีโดยซาตาน ซาตานใช้ความรักใคร่ต่อครอบครัว ความกังวลถึงอนาคตน้อง เพื่อทำให้ฉันทรยศ ถ้าฉันปกป้องครอบครัวและผลประโยชน์ทางโลกโดยทรยศต่อพระเจ้า ฉันจะไม่ตกเป็นเชลยของซาตานเหรอ? ฉันรู้ว่าต้องไม่หลงอุบายซาตาน แต่ควรเดินตามโยบ เป็นพยานให้กับพระเจ้าให้ซาตานอับอาย

ต่อมา ฉันได้เห็นวิดีโออ่านพระวจนะของพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ไม่ว่าซาตานจะ ‘ทรงพลัง’ เพียงใด ไม่ว่ามันจะฮึกเหิมหรือทะเยอทะยานเพียงใด ไม่ว่าความสามารถของมันในการก่อความเสียหายจะยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่ากลเม็ดที่มันใช้ยั่วยวนและทำให้มนุษย์เสื่อมทรามจะมีขอบเขตกว้างเพียงใด ไม่ว่าเล่ห์กลและกลอุบายที่มันใช้ข่มขวัญมนุษย์จะฉลาดแยบยลเพียงใด ไม่ว่ารูปแบบในการที่มันดำรงอยู่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงใด แต่มันไม่เคยสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตได้สักสิ่งเดียว ไม่เคยสามารถกำหนดธรรมบัญญัติหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ สำหรับการดำรงอยู่ของทุกสรรพสิ่ง และไม่เคยสามารถปกครองและควบคุมวัตถุใดได้เลย ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ตลอดทั่วทั้งจักรวาลและพื้นฟ้านั้นไม่มีบุคคลใดสักคนเดียวหรือวัตถุใดสักสิ่งเดียวที่เกิดมาจากมัน หรือดำรงอยู่เนื่องจากมัน ไม่มีบุคคลใดสักคนเดียวหรือวัตถุใดสักสิ่งเดียวที่มันปกครอง หรือที่มันควบคุม ในทางตรงกันข้าม มันไม่เพียงแต่ต้องดำรงชีวิตอยู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันยังต้องเชื่อฟังคำสั่งและคำบัญชาทั้งหมดของพระเจ้า หากไม่ได้รับการอนุญาตจากพระเจ้า ก็เป็นการยากที่ซาตานจะสัมผัสได้แม้กระทั่งน้ำสักหยดหรือทรายสักเม็ดบนแผ่นดิน หากไม่ได้รับการอนุญาตจากพระเจ้า ซาตานก็ไม่แม้กระทั่งเป็นอิสระที่จะเคลื่อนย้ายมดไปมาบนแผ่นดินด้วยซ้ำ นับประสาอะไรที่จะเคลื่อนย้ายมวลมนุษย์ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมา ในสายพระเนตรของพระเจ้านั้น ซาตานด้อยค่ากว่าดอกลิลลี่บนภูเขา นกที่บินอยู่ในอากาศ ปลาในทะเล และหนอนแมลงบนแผ่นดินโลก บทบาทของมันท่ามกลางทุกสรรพสิ่งก็คือเพื่อรับใช้ทุกสรรพสิ่งและทำงานให้แก่มวลมนุษย์ และรับใช้พระราชกิจของพระเจ้าและแผนการบริหารจัดการของพระองค์ ไม่ว่าธรรมชาติของมันจะมุ่งร้ายเพียงใด และไม่ว่าแก่นแท้ของมันจะชั่วเพียงใด สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้คือยึดปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบของมันอย่างเป็นหน้าที่ นั่นคือ การปรนนิบัติพระเจ้า และการจัดเตรียมความเป็นขั้วตรงข้ามให้กับพระเจ้า เช่นนั้นเองที่เป็นเนื้อแท้และตำแหน่งของซาตาน แก่นแท้ของมันไม่ได้เชื่อมโยงกับชีวิต ไม่ได้เชื่อมโยงกับพลังอำนาจ ไม่ได้เชื่อมโยงกับสิทธิอำนาจ มันเป็นเพียงแค่ของเล่นในพระหัตถ์ของพระเจ้า แค่เครื่องจักรในการปรนนิบัติพระเจ้าเท่านั้น!(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1) ฉันได้รับความรู้เชิงลึกในสิทธิอำนาจและอธิปไตยของพระเจ้าจากวิดีโอนี้ค่ะ ไม่ว่าซาตานจะป่าเถื่อนแค่ไหน แต่ก็เป็นแค่เบี้ยในพระหัตถ์ เป็นเครื่องมือปรนนิบัติพระองค์ พอคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่ถูกจับและถูกทรมานโดยพรรคฯ ตอนที่เนื้อหนังอ่อนแอ พระวจนะได้เพิ่มความเชื่อให้ฉัน และนำฉันผ่านความยากลำบากแต่ละครั้ง หลังออกจากคุก พรรคฯ ยังจับตาดูฉันต่อ ครอบครัวฉันที่เชื่อข่าวลือของพวกนั้นก็จับตาดูฉันด้วย แต่ฉันก็มาเข้าใจความจริงบางส่วนผ่านการนำของพระวจนะ มีชัยเหนือการทดลอง ความมุ่งมั่นที่จะติดตามพระเจ้าก็แกร่งขึ้น ซาตานเป็นแค่เครื่องมือให้พระเจ้าทรงทำให้ประชากรที่ทรงเลือกสรรเพียบพร้อม ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัว พระเจ้าทรงปกครองทุกสิ่ง ทรงกำกับดูแลโชคชะตาของทุกคน ความเป็นความตายฉันอยู่ในพระหัตถ์ คนอื่นไม่อาจตัดสินใจได้ น้องฉันจะหางานได้ไหม หรือว่าจะมีอนาคตแบบไหน พระเจ้าทรงตัดสินค่ะ พรรคคอมมิวนิสต์ควบคุมชะตากรรมตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะควบคุมความเป็นความตายฉัน และอนาคตน้องฉันได้เหรอ? ต่อให้วันหนึ่งฉันจะถูกจับ ถูกขัง ถูกทรมานโดยตำรวจอีกครั้ง ก็เพราะพระเจ้าทรงปล่อยให้เป็นไป ฉันจะต้องพึ่งพาพระเจ้าและยืนหยัดเป็นพยาน ถ้าฉันทะนุถนอมชีวิตตัวเอง วิตกกังวลถึงประโยชน์ครอบครัว และเซ็นคำปฏิญาณที่บอกว่าฉันไม่เชื่อในพระเจ้า นั่นจะเป็นเครื่องหมายความอับอายค่ะ ต่อให้มีชีวิตก็เป็นแค่ศพเดินได้ เมื่อคิดอย่างนั้น ฉันก็ทำให้ตัวเองเข้มแข็ง ต้านทานการโจมตีและการทดลองของซาตาน และตั้งมั่นในคำพยานให้ซาตานอับอาย

พอกลับบ้านคืนนั้น พี่สาวก็ตะคอกใส่ว่า “คณะกิจการเมืองฯ ให้เวลาเธอสามวัน พรุ่งนี้เป็นวันที่สาม จะเซ็นหรือไม่เซ็น? แม่กับพ่อแก่ขึ้นเรื่อยๆ พวกท่านเป็นห่วงเธอตลอดเวลา แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยตลอดสามปีที่เธอถูกขังอยู่ในคุก! ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้วแต่ยังเป็นผู้เชื่อ พวกท่านก็ยังเป็นห่วงอยู่ไม่หาย จะทำร้ายพวกท่านแบบนี้เหรอ? มโนธรรมอยู่ที่ไหน? แค่เซ็นเอกสารไปซะ มันจะตายหรือไง?” ฉันได้รู้ว่าซาตานโจมตีฉันอีกครั้งผ่านทางครอบครัว ฉันคิดถึงพระวจนะว่า “เจ้าต้องมีความกล้าหาญของเราภายในตัวเจ้า และเจ้าต้องมีหลักการยามที่เจ้าเผชิญหน้ากับบรรดาญาติที่ไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่เรา เจ้าต้องไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจมืดใดๆ เช่นกัน จงวางใจในสติปัญญาของเราที่จะเดินไปตามหนทางที่เพียบพร้อม จงอย่ายอมให้แผนประทุษกรรมใดๆ ของซาตานเริ่มมีผล จงใช้ความพยายามทั้งหมดของเจ้าไปในการวางหัวใจของเจ้าต่อหน้าเรา และเราจะปลอบประโลมเจ้า และนำสันติสุขและความสุขมาให้เจ้า จงอย่ากระเสือกกระสนเพื่อจะเป็นหนทางใดหนทางหนึ่งเบื้องหน้าคนอื่น การทำให้เราพึงพอใจไม่มีคุณค่าและน้ำหนักมากกว่าหรอกหรือ? ในการทำให้เราพึงพอใจนั้น เจ้าจะไม่เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้นด้วยสันติสุขและความสุขนิรันดร์และตราบชั่วชีวิตหรอกหรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 10) การเชื่อในพระเจ้าคือเส้นทางที่ถูกต้อง ฉันต้องภักดีต่อพระองค์ ไม่ว่าจะถูกโจมตีและทดลองยังไง พรรคคอมมิวนิสต์จีนกดดันครอบครัวฉันให้กันฉันจากความเชื่อ แสดงให้เห็นชัดถึงแก่นแท้เยี่ยงปีศาจที่เกลียดความจริงและต้านทานพระเจ้า ฉันดูหมิ่นและบอกปัดพวกมันจากใจ พระเจ้า ทรงกำลังทดสอบความเชื่อและการอุทิศแด่พระองค์ ใต้เงื่อนไขเหล่านี้ ถึงแม้คนอื่นจะไม่เข้าใจหรือสนับสนุน ฉันก็ต้องยืนหยัดเป็นพยานให้ซาตานอับอาย เมื่อคิดแบบนี้ ฉันบอกพี่ฉันว่า “แม่กับพ่อกินไม่ได้หรือนอนไม่หลับ เป็นห่วงตลอดเวลา แล้วเป็นความผิดใคร? ทั้งหมดคือความผิดของพรรคฯ ไม่ใช่เหรอ? การเชื่อในพระเจ้าและเดินตามเส้นทางชีวิตที่ถูกสิจึงถูกต้องและเป็นธรรมชาติ แต่พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่แค่จับฉัน แต่ยังลากครอบครัวเราเข้ามาเกี่ยว ทิ้งให้เราไร้ทางออก พรรคคอมมิวนิสต์สิเป็นคนผิด!” ชั่วขณะนั้น พี่คนโตโทรมาเรียกร้องคำตอบ “พรุ่งนี้จะไปเซ็นเอกสารไหม? มีทางเลือกแค่สองทางนะ เซ็นเอกสารสัญญาว่าเธอไม่เชื่อในพระเจ้า ทำงานต่อไป หาเงิน ใช้ชีวิตดีๆ หรือถ้าไม่เซ็น ก็ถูกจับยัดเข้าคุก!” ฉันตอบอย่างหนักแน่น “ต่อให้ต้องกลับเข้าคุก ฉันก็จะไม่เซ็นเอกสารนั้น!” พี่ตัดสายฉันไปด้วยความโมโห และพี่อีกคนก็เพิกเฉยต่อฉัน

ต่อมา ฉันก็ออกจากเมืองเพื่อหน้าที่ค่ะ ฉันกำจัดข้อผูกมัดของซาตาน สละร่างกายและวิญญาณเพื่อพระเจ้า นั่นก็ผ่านมาเกินสามปีแล้วค่ะ เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ทั้งหมด ก็รู้สึกสงบในใจ รู้สึกเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เคยตัดสินใจ และจะไม่มีวันเสียใจค่ะ

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ใครกันที่ขวางฉันบนเส้นทางสู่ราชอาณาจักรสวรรค์?

เดือนสิงหาคมปี 2020 พี่น้องหญิงคนหนึ่ง ชวนผมเข้าชุมนุมกับคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทางออนไลน์ การอ่านพระวจนะ แสวงหา และสืบค้น...

เบื้องหลังการโอนอ่อนให้กับผู้อื่นคืออะไร

โดย ฟางกัง เกาหลี สองสามเดือนก่อน ผู้นำให้ผมกับพี่น้องชายคอนเนอร์ รับผิดชอบงานให้น้ำ ผ่านไปสักพัก ผมสังเกตว่าเขาไม่ค่อยแบกรับภาระในงาน...

ติดต่อเราผ่าน Messenger