จงอย่าให้เสน่หามาบังจิตใจเรา
โดย ซิน จิ้ง, ประเทศจีน ย้อนไปมิถุนายนปี 2015 ฉันไปทำหน้าที่มัคนายกข่าวประเสริฐที่คริสตจักร ผู้หญิงชื่อหลี่เจี๋ยอยู่ในทีมให้น้ำ...
พวกเราต้อนรับผู้แสวงหาทุกคนที่ถวิลหาการทรงปรากฏของพระเจ้า!
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “ตั้งแต่ที่ผู้คนเริ่มเชื่อในพระเจ้า พวกเขาก็ได้เก็บงำเจตนาทั้งหลายที่ไม่ถูกต้องเอาไว้มากมาย เมื่อเจ้าไม่นำความจริงไปปฏิบัติ เจ้ารู้สึกว่าเจตนาทั้งหมดของเจ้านั้นถูกต้อง แต่เมื่อบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้า เจ้าจะเห็นว่ามีเจตนาทั้งหลายที่ไม่ถูกต้องมากมายภายในตัวเจ้า ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระเจ้าทรงทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม พระองค์ทรงทำให้พวกเขาตระหนักว่ามีมโนคติอันหลงผิดมากมายภายในตัวพวกเขาที่กำลังปิดกั้นความรู้เรื่องพระเจ้าของพวกเขา เมื่อเจ้าตระหนักว่าเจตนาทั้งหลายของเจ้านั้นผิด หากเจ้าสามารถหยุดการปฏิบัติตามมโนคติอันหลงผิดและเจตนาทั้งหลายของเจ้า และสามารถเป็นคำพยานต่อพระเจ้า และตั้งมั่นในตำแหน่งของเจ้าในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้า นี่พิสูจน์ว่าเจ้าได้กบฏต่อเนื้อหนังแล้ว เมื่อเจ้ากบฏต่อเนื้อหนัง จะมีการสู้รบภายในตัวเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซาตานจะพยายามทำให้ผู้คนติดตามมัน จะพยายามทำให้พวกเขาติดตามมโนคติอันหลงผิดทั้งหลายของเนื้อหนังและค้ำจุนผลประโยชน์ทั้งหลายของเนื้อหนัง—แต่พระวจนะของพระเจ้าจะให้ความรู้แจ้งและให้ความกระจ่างแก่ผู้คนภายใน และ ณ เวลานี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าเจ้าจะติดตามพระเจ้าหรือติดตามซาตาน พระเจ้าทรงขอให้ผู้คนนำความจริงไปปฏิบัติเพื่อจัดการกับสิ่งทั้งหลายภายในตัวพวกเขาเป็นหลัก เพื่อจัดการกับความคิดทั้งหลายและมโนคติอันหลงผิดทั้งหลายของพวกเขาที่ไม่ได้ดังพระทัยของพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสัมผัสผู้คนในหัวใจของพวกเขาและทรงให้ความรู้แจ้งและให้ความกระจ่างแก่พวกเขา ดังนั้นเบื้องหลังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็คือการสู้รบ กล่าวคือ ทุกครั้งที่ผู้คนนำความจริงไปปฏิบัติ หรือนำความรักพระเจ้าไปปฏิบัติ จะมีการสู้รบที่ยิ่งใหญ่ และแม้ว่าทุกคนจะดูเหมือนสบายดีด้วยเนื้อหนังของพวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในส่วนลึกของหัวใจของพวกเขาการสู้รบระหว่างชีวิตและความตายจะดำเนินต่อไป—และหลังจากการสู้รบอันหนักหน่วงนี้ หลังจากการตรึกตรองในปริมาณที่มากมายมหาศาลแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถตัดสินการมีชัยชนะหรือการพ่ายแพ้ได้ คนเราไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เพราะเจตนามากภายในผู้คนนั้นผิด หรือไม่ก็เพราะส่วนมากของพระราชกิจของพระเจ้านั้นไม่ลงรอยกันกับมโนคติอันหลงผิดทั้งหลายของพวกเขา เมื่อผู้คนนำความจริงไปปฏิบัติ การสู้รบที่ยิ่งใหญ่จึงเกิดเบื้องหลังฉาก เมื่อนำความจริงนี้ไปปฏิบัติแล้ว เบื้องหลังฉาก ผู้คนจะได้หลั่งน้ำตาแห่งความเศร้านับไม่ถ้วนก่อนที่ท้ายที่สุดพวกเขาจะได้ตัดสินใจที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย เป็นเพราะการสู้รบครั้งนี้นี่เองที่ผู้คนทนกับความทุกข์และกระบวนการถลุง นี่คือความทุกข์ที่แท้จริง เมื่อการสู้รบนั้นมาถึงเจ้า หากเจ้าสามารถยืนในฝ่ายของพระเจ้าได้อย่างแท้จริง เจ้าจะสามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง) หลังจากได้อ่านพระวจนะของพระเจ้า ผมรู้สึกอย่างลึกซึ้ง ว่าการปฏิบัติความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และการต่อสู้ทางจิตวิญญาณก็จำเป็นจริงๆ เมื่อหลายปีก่อน น้องสะใภ้ของผมถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ทางคริสตจักรตั้งใจจะไล่เธอออก แต่ผมถูกความรู้สึกของตัวเองบีบบังคับและไม่สามารถปฏิบัติความจริงได้ ในหัวใจของผม ตอนนั้นผมดิ้นรนกลับไปกลับมา และค่อนข้างทุกข์ใจ ในที่สุด โดยอาศัยการพิพากษาและการเปิดเผยของพระวจนะของพระเจ้า ผมก็มองเห็นอันตรายและผลลัพธ์ของการทำตามอารมณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน ตอนนั้นเองที่ผมสามารถละทิ้งเนื้อหนังของผม ปล่อยวางความรู้สึกของผม เปิดโปงและปฏิเสธผู้ประพฤติชั่ว และเพลิดเพลินกับสันติสุขและความปลอดภัยที่มาจากการปฏิบัติความจริงได้ในที่สุด
ตอนปี 2017 ผมได้กลับมาเพื่อรับหน้าที่ผู้นำในคริสตจักรท้องถิ่นของผม ในการร่วมชุมนุมครั้งหนึ่ง พี่น้องชายหญิงของผมได้บอกผม ว่าในการทำหน้าที่ของเธอในฐานะผู้นำคริสตจักร หานปิงน้องสะใภ้ของผม ได้พยายามอวดเก่งโดยการกล่าวคำพูดและหลักคำสอนที่ผิวเผิน ขณะกำลังสามัคคีธรรมในการร่วมชุมนุม ทุกที่ที่เธอได้ไป เธอพูดคุยเรื่องหน้าที่ที่เธอได้กระทำและความทุกข์ทรมานที่เธอได้เจอ เพื่อให้คนอื่นๆ นับถือและฟังเธอ หลังจากที่พี่น้องชายหญิงได้พูดกับเธอเรื่องปัญหาบางประการที่มีอยู่ในหน้าที่ของพวกเขา เธอก็ปฏิเสธที่จะสามัคคีธรรมเรื่องความจริงเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และได้บรรยายให้ผู้อื่นฟังแบบยกตนข่มท่าน การบรรยายของเธอทำให้พี่น้องชายหญิงบางส่วนมีชีวิตอยู่ในสภาวะที่เป็นลบ และสูญเสียความสนใจในหน้าที่ของตัวเองไปหมดสิ้น ต่อมาหานปิงก็ถูกเปลี่ยนตัว หลังจากนั้นเธอก็ปฏิเสธที่จะไตร่ตรองและมาเข้าใจในตัวเอง และเธอยังได้ทำให้เกิดการยั่วยุและความขัดแย้งในหมู่พี่น้องชายหญิง สร้างความแตกแยกให้แก่ชีวิตในคริสตจักร กลุ่มผู้นำคริสตจักรได้สามัคคีธรรมกับเธอหลายครั้ง และรับมือกับเธอและวิจารณ์เธอ แต่เธอได้ปฏิเสธที่จะยอมรับทุกสิ่ง เธอยังคงไม่เชื่อฟังและไม่พอใจ และยังคงเผยแพร่ความคิดด้านลบต่อไป สร้างความแตกแยกให้กับชีวิตในคริสตจักรอย่างหนัก…ตอนที่ผมได้ยินว่าหานปิงมีพฤติกรรมแบบนี้ ผมโกรธมาก ผมได้ระลึกถึงพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “บรรดาผู้ที่ระบายถึงการพูดคุยที่เป็นพิษและมุ่งร้ายของตนภายในคริสตจักร ผู้ซึ่งแพร่ข่าวลือ ยุแหย่ให้เกิดความไม่ลงรอยกัน และก่อการแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่พี่น้องชายหญิง—พวกเขาควรจะได้ถูกขับไล่ออกจากคริสตจักร ถึงกระนั้นก็ดี เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุคแห่งพระราชกิจของพระเจ้าที่ต่างกัน ผู้คนเหล่านี้จึงถูกหวงห้ามไว้ เพราะพวกเขาเผชิญกับการกำจัดที่แน่นอน ทุกคนที่ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามล้วนมีอุปนิสัยที่เสื่อมทราม บางคนไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าอุปนิสัยที่เสื่อมทราม ในขณะที่คนอื่นๆ แตกต่างออกไป นั่นคือ ไม่ใช่แค่พวกเขามีอุปนิสัยที่เสื่อมทรามเท่านั้น แต่ธรรมชาติของพวกเขายังมุ่งร้ายอย่างที่สุดอีกด้วย ไม่ใช่แค่คำพูดหรือการกระทำของพวกเขาเท่านั้นที่เปิดเผยอุปนิสัยเยี่ยงซาตานอันเสื่อมทรามของพวกเขา แต่ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนเหล่านี้เป็นซาตานมารร้ายที่แท้จริง พฤติกรรมของพวกเขาขัดจังหวะและรบกวนพระราชกิจของพระเจ้า มันทำให้การเข้าสู่ชีวิตของบรรดาพี่น้องชายหญิงเสื่อมถอยลง และมันสร้างความเสียหายต่อชีวิตตามปกติของคริสตจักร ไม่ช้าก็เร็ว หมาป่าในคราบแกะเหล่านี้ต้องถูกลบล้างไป ท่าทีที่ไม่ผ่อนปรน ท่าทีแห่งการปฏิเสธ ควรจะถูกนำมาใช้กับสมุนของซาตานเหล่านี้ นี่เท่านั้นคือการยืนในฝ่ายของพระเจ้า และพวกที่ล้มเหลวในการทำเช่นนั้นกำลังเกลือกกลิ้งในโคลนตมกับซาตาน” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, คำเตือนสำหรับบรรดาผู้ที่ไม่ปฏิบัติความจริง) พอผมจำบทตอนนี้จากพระวจนะของพระเจ้าได้ ผมก็เข้าใจชัดเจน ว่าเมื่อวัดจากพระวจนะของพระเจ้าแล้ว ธรรมชาติและแก่นแท้ของหานปิงนั้นคือลักษณะของผู้ประพฤติชั่วจริงๆ เหล่าผู้นำคริสตจักรกับเพื่อนร่วมงานได้วิเคราะห์พฤติกรรมของเธอกับพระวจนะของพระเจ้า และบอกว่าแม้เธอจะสามารถละทิ้งและทุ่มเท ทุกข์ทนและยอมลำบากขณะทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ได้ เธอก็หยิ่งยโสและถือว่าตัวเองสำคัญ ไม่ยอมรับความจริงเลยสักนิด แถมทำตัวตามอำเภอใจ หุนหันพลันแล่น ทำให้ชีวิตในคริสตจักรวุ่นวาย และปฏิเสธที่จะแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองแม้หลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ทำ นี่ทำให้เธอเป็นผู้ประพฤติชั่ว ตามกฎข้อบังคับของการจัดเตรียมงานของพระนิเวศของพระเจ้า คนแบบนี้ต้องถูกขับไล่ หลังจากได้ยินพี่น้องชายหญิงมากมายเหลือเกินที่บอกว่าเธอควรถูกขับไล่ออกจากคริสตจักร ผมรู้สึกขัดแย้งอย่างมาก จากที่ดูพฤติกรรมของเธอ ผมสามารถมองเห็นได้ว่าเธอเป็นผู้ประพฤติชั่วจริงๆ และควรถูกขับไล่ แต่เธอเป็นน้องสาวของภรรยาผม และพ่อตาแม่ยายของผมก็ปฏิบัติต่อผมอย่างดีและห่วงใยครอบครัวผมมาก ถ้าพวกเขาได้รู้ว่าผมลงคะแนนเสียงให้ไล่หานปิงออก แบบนั้นพวกเขาจะไม่คิดหรือครับว่าผมไร้ความปรานี เนรคุณ และไม่เห็นคุณค่าของครอบครัว ผมจะมองหน้าญาติๆ ข้างภรรยาของผมติดได้อย่างไรหลังจากที่ทำแบบนั้น แต่ในฐานะผู้นำคริสตจักร ถ้าผมไม่กระทำตามหลักปฏิบัติ ทั้งที่รู้ดีว่ามีผู้ประพฤติชั่วในคริสตจักรแต่ก็ยังไม่ไล่เธอออก ถ้าผมอนุญาตให้ผู้ประพฤติชั่วคนนี้สร้างความแตกแยกให้กับชีวิตในคริสตจักรและทำร้ายประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรต่อไป มันไม่ทำให้ผมเป็นผู้สมคบของผู้ประพฤติชั่วและเป็นศัตรูของพระเจ้าหรือครับ ผมกลัวที่จะคิดเรื่องนี้ต่อไป ในเวลานั้นผมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร พี่โจวเห็นว่าผมดูเคร่งเครียด และได้บอกกับผมว่า “น้องหยาง หานปิงสร้างความแตกแยกให้กับชีวิตในคริสตจักรซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเธอไม่ได้มีวี่แววจะกลับใจสักนิด ตามหลักปฏิบัติแล้ว เธอควรถูกขับไล่ออกจากคริสตจักร นี่คือการปกป้องงานของคริสตจักร นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด! เราจำเป็นต้องพิจารณาน้ำพระทัยของพระเจ้า และไม่กระทำตามอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวของเราเอง” หลังจากได้ฟังพี่เขา ผมยิ่งรู้สึกขัดแย้งมากขึ้นอีก
ตอนนั้นเองที่พี่น้องชายหญิงส่วนหนึ่งได้แนะนำว่า “หานปิงเชื่อในพระเจ้ามาตั้งหลายปี เธอได้ละทิ้งครอบครัวและอาชีพการงานเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ และเธอทนทุกข์ทรมานมามาก พวกเราคิดว่าเธอควรได้รับโอกาสอีกครั้งให้กลับใจ” พอผมได้ฟังคำพูดนั้น ผมรู้ชัดเลยว่าพี่น้องชายหญิงเหล่านี้พูดแบบนั้นเพียงเพราะว่าพวกเขาถูกหลอกลวงเรื่อยมา จากภาพลักษณ์ภายนอกของหานปิงที่หมั่นทำความดี และรู้ว่าผมควรสามัคคีธรรมเรื่องความจริงกับพวกเขาเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของหานปิง เพื่อให้พวกเขาสามารถแยกแยะธรรมชาติและแก่นแท้ของเธอได้ แต่แล้วผมก็คิดครับ หานปิงเป็นลูกสาวคนโปรดของพ่อตาแม่ยายผม แม่ยายผมสับสนกับความเชื่อในพระเจ้าของเธอมาก และไม่มีความสามารถที่จะแยกแยะได้ และภรรยาผมก็เจ้าอารมณ์เกินเหตุมาก ถ้าผมตัดสินใจไล่หานปิงออก รวมทั้งเปิดโปงและวิเคราะห์พฤติกรรมชั่วร้ายของเธอให้พี่น้องชายหญิงของผมรับรู้ แล้วแบบนั้นไม่ทำให้ครอบครัวภรรยาผมขุ่นเคืองกันทั้งบ้านอย่างโจ่งแจ้งหรือ? ถ้าผมพูดอะไรดีๆ เกี่ยวกับหานปิงสักเล็กน้อยต่อหน้าพี่น้องชายหญิง แล้วค่อยสามัคคีธรรมกับเธอเพื่อขอให้เธอกลับใจและไม่สร้างความวุ่นวายอีก แบบนั้นก็มีโอกาสที่เธออาจไม่ถูกขับไล่ออกจากคริสตจักร และแบบนั้นผมก็ไม่ต้องทำให้ครอบครัวภรรยาขุ่นเคือง ความคิดนี้ได้ช่วยบรรเทาความกังวลที่ผมรู้สึกอยู่ลงไปบ้าง ผมจึงบอกพี่น้องชายหญิงว่า “หานปิงได้ทำสิ่งต่างๆ ที่ชั่วร้ายและกระทำการล่วงละเมิดจริง แต่มันเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะช่วยผู้คนให้รอดให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเราควรให้โอกาสเธอกลับใจอีกครั้ง ถ้าเธอทำชั่วอีก ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะไล่เธอออกตอนนั้น และเราสามารถทำให้เธอยอมรับได้เต็มหัวใจ” ตอนที่พี่โจวได้ยินผมพูดคำที่เหมือนจะดีเหล่านี้ เธอดูเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็เงียบเอาไว้ คนอื่นๆ ก็ไม่พูดอะไรอีกเหมือนกัน และผมรู้สึกได้ว่าความตึงเครียดบางส่วนในหัวใจผมลดลง ผมคิดกับตัวเองว่าในที่สุด ผมก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าจะทำให้พ่อตาแม่ยายของผมขุ่นเคือง แต่สองวันถัดมา อยู่ดีๆ ผมก็เป็นร้อนในที่ปาก สามที่เลยครับ ผมรู้สึกเหมือนไฟลุกอยู่ในปาก มันแสบเป็นบ้า บางครั้งมันเจ็บมากจนผมพูดหรือกินอาหารไม่ได้ และความเจ็บปวดก็หนักมากจนผมถึงกับตื่นขึ้นมากลางดึก ท่ามกลางความทรมานของผม ผมได้แต่อธิษฐานกับพระเจ้า “พระเจ้า ข้าพระองค์รู้ว่าแผลร้อนในที่ทรมานอย่างสาหัสในปากกับลิ้นของข้าพระองค์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ นี่คือการสั่งสอนและบ่มวินัยข้าพระองค์ของพระองค์ โอ้ พระเจ้า! ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะกลับใจกับพระองค์”
ภายหลัง ในระหว่างการสักการะของผม ผมได้เห็นพระวจนะของพระเจ้าตอนนี้ครับ “ผู้คนที่เชื่อในพระเจ้าโดยจริงแท้มักจะมีพระองค์อยู่ในหัวใจของพวกเขาตลอดเวลา และพวกเขาจะพกพาหัวใจที่เคารพพระเจ้า หัวใจที่รักพระเจ้า ไว้ภายในพวกเขาเสมอ บรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้าควรทำสิ่งต่างๆ อย่างสุขุมและรอบคอบ และทุกอย่างที่พวกเขาทำควรสอดคล้องกับข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าและสามารถทำให้สมดังพระทัยของพระองค์ได้ พวกเขาไม่ควรดื้อรั้น กระทำสิ่งใดก็ตามที่พวกเขาพอใจ ที่ไม่เหมาะสมกับมารยาทอย่างวิสุทธิชน ผู้คนต้องไม่ก่อความวุ่นวาย โบกธงของพระเจ้าไปทั่วทุกแห่งในขณะที่กรีดกรายและฉ้อโกงไปทุกที่ นี่คือความประพฤติชนิดที่เป็นกบฏมากที่สุด ครอบครัวทั้งหลายมีกฎของตนเอง และชนชาติทั้งหลายก็มีกฎหมายของตน—และจะไม่มีมากกว่านั้นหรือในพระนิเวศของพระเจ้า? มาตรฐานต่างๆ จะไม่เข้มงวดยิ่งกว่าหรือ? จะไม่มีประกาศกฤษฎีกาบริหารมากยิ่งกว่าหรือ? ผู้คนมีอิสระที่จะทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่ประกาศกฤษฎีกาบริหารของพระเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตามใจชอบได้ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ซึ่งไม่ทนต่อการทำให้ขุ่นเคืองจากมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ซึ่งทำให้ผู้คนถึงแก่ความตาย ผู้คนไม่ได้รู้สิ่งนี้อยู่แล้วจริงๆ หรือ?” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, คำเตือนสำหรับบรรดาผู้ที่ไม่ปฏิบัติความจริง) พระวจนะของพระเจ้าทิ้งให้ผมตัวสั่นด้วยความกลัว ผมเห็นว่าพระอุปนิสัยนั้นศักดิ์สิทธิ์ ชอบธรรม และทานทนต่อความขุ่นเคืองทั้งปวง ในพระนิเวศของพระเจ้า พระคริสต์และความจริงทรงกุมอำนาจ ทัศนคติของพระเจ้าต่อผู้ประพฤติชั่วที่สร้างความแตกแยกและความวุ่นวายให้กับงานของคริสตจักรนั้นคือความรังเกียจและขยะแขยง และสำหรับผู้ที่มีการแยกแยะแต่ยังคงยืนเคียงข้างผู้ประพฤติชั่วและพูดแทนพวกเขาต่อไป ทัศนคติของพระเจ้านั้นคือความขยะแขยงและพิโรธอย่างแรงกล้า หานปิง ในฐานะผู้ที่ปฏิเสธที่จะปฏิบัติความจริง ผู้ที่ทำให้เกิดการยั่วยุและความขัดแย้ง และผู้ที่สร้างความแตกแยกและความวุ่นวายให้กับงานของคริสตจักร คือผู้ประพฤติชั่วที่ถูกเปิดเผยโดยพระราชกิจของพระเจ้าจริงๆ และคือผู้ที่ควรถูกขับไล่ แต่เพื่อปกป้องความสัมพันธ์กับครอบครัวของภรรยา ผมจึงทำสิ่งที่ขัดกับจิตสำนึกอย่างชัดเจน ด้วยการขายหลักปฏิบัติความจริงทิ้งจนหมด ผมตั้งโล่กำบังและหาข้ออ้างให้กับผู้ประพฤติชั่ว ผมได้ยืนเคียงข้างผู้ประพฤติชั่ว และกระทำการเพื่อปกป้องเธอ นี่ไม่ได้ทำให้ผมเป็นผู้ช่วยและผู้สมคบของผู้ประพฤติชั่วหรือครับ พระเจ้าทรงให้เกียรติผมโดยทรงมอบหน้าที่ผู้นำให้แก่ผม แต่ผมกลับไม่มีความเคารพเทิดทูนให้พระองค์เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าผมเข้าใจความจริงแต่ไม่ได้ปฏิบัติ และกลับมีส่วนในการหลอกลวงอย่างตั้งใจ เพื่อเก็บผู้ประพฤติชั่วไว้ในคริสตจักร ที่ซึ่งเธอได้สร้างความแตกแยกให้กับชีวิตในคริสตจักรและทำร้ายพี่น้องชายหญิง ผมทำให้พระอุปนิสัยของพระเจ้าขุ่นเคืองโดยรู้ตัวและตั้งใจ! การกระทำทั้งหลายของผมอาจหลอกลวงผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถหลอกลวงพระเจ้าได้ พระเจ้าทรงเห็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเรา พระองค์จะทรงอดทนกับคนอย่างผม ที่ได้กระทำการหุนหันพลันแล่นตามอำเภอใจแบบนั้นได้อย่างไร ผมได้กระทำการล่วงละเมิดลงไป และผมรู้ว่าถ้าผมไม่กลับใจ พระเจ้าจะทรงกำจัดผม ผมจึงเร่งอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อกลับใจ หลังจากหารือเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงานของผมหลายคน เราได้รวบรวมรายการความชั่วร้ายของหานปิงขึ้นมา และนำไปใช้เพื่อขับไล่เธอออกจากคริสตจักร หลังจากผมได้พบความตั้งใจที่จะหันกลับไปในทิศทางของพระเจ้า อาการร้อนในในปากของผมก็หายไปอย่างลึกลับ
สองวันถัดมา ผมไปที่บ้านแม่ยายเพื่อทำอะไรบางอย่าง และหานปิงก็อยู่ที่นั่น พอเธอเห็นผม เธอก็มองค้อน แล้วหันหลังเดินจากไป แม่ยายพูดกับผมด้วยความโกรธเคือง “น้องสะใภ้ของเธอได้เชื่อในพระเจ้ามานานหลายปี และทุกข์ทรมานอย่างมากเพื่อเผยแผ่ข่าวประเสริฐ ใครกันที่ไม่มีอุปนิสัยเสื่อมทราม ถ้าคริสตจักรขับไล่น้อง น้องจะไม่เสียโอกาสที่จะได้รับความรอดจากพระเจ้าหรอกหรือ เธอจะทำเป็นไม่มีหัวใจกับน้องไม่ได้นะ!” ภรรยาของผมก็มาร่วมพูดแทนหานปิงเช่นกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาใช้อารมณ์ขนาดไหน และเห็นว่าพวกเขาแทบไม่มีการแยกแยะในเรื่องหานปิงเลย ผมจึงสามัคคีธรรมกับพวกเขาเรื่องพฤติกรรมชั่วร้ายของเธอ แต่แม่ยายของผมไม่ฟังเลยสักนิด เธอกลับตะโกนใส่ผมอย่างเกรี้ยวกราดด้วยน้ำตานองหน้า เมื่อเห็นความโกรธของแม่ ภรรยาผมก็ยืนด่าว่าผมด้วยเช่นกัน เมื่อได้เห็นทั้งหมดนี้ ผมก็รู้สึกอ่อนแอและทุกข์ใจมากจนกินอะไรไม่ลง คืนนั้น ขณะที่ผมนอนอยู่บนเตียง ผมพลิกตัวไปมา ไม่สามารถนอนให้หลับได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน ใจหนึ่งผมก็ต้องขับไล่ผู้ประพฤติชั่วเพื่อปกป้องงานของคริสตจักร แต่อีกใจหนึ่งก็ยังมีคำกล่าวหาของภรรยากับแม่ยายของผม ผมควรทำอย่างไร ถ้าผมขับไล่น้องสะใภ้ ผมก็ทำให้ครอบครัวแม่ยายทั้งครอบครัวต้องขุ่นเคือง ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างผมกับภรรยา และเป็นไปได้ว่าจะนำไปสู่ความแตกแยกของครอบครัวของผมเอง แต่การอนุญาตให้ผู้ประพฤติชั่วยังคงอยู่ในคริสตจักร ก็อาจทำให้เกิดอันตรายกับชีวิตในคริสตจักร และทำร้ายชีวิตของพี่น้องชายหญิงของผมได้ การคิดเรื่องทั้งหมดนี้ทิ้งให้ผมรู้สึกทุกข์ใจและขัดแย้งมากๆ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คืออธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง “พระเจ้า ข้าพระองค์รู้สึกอ่อนแออย่างมาก ในเรื่องการขับไล่หานปิง ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาที่จะทำให้พระองค์ทรงขุ่นเคือง แต่ข้าพระองค์ถูกจำกัดโดยอารมณ์ของตัวเอง และมีปัญหาในการนำความจริงมาสู่การปฏิบัติ ข้าพระองค์ขออ้อนวอนให้พระองค์ประทานความแข็งแกร่งให้แก่ข้าพระองค์ และทรงนำทางให้ข้าพระองค์เอาชนะแรงแห่งความมืดมิด เพื่อให้ข้าพระองค์ได้ยืนหยัดและให้คำพยานเพื่อพระองค์ด้วยเถิด”
หลังจากที่ผมอธิษฐาน ผมก็ได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าเพิ่มเติม “ในทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำภายในผู้คนนั้น ภายนอกแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นการปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายระหว่างผู้คน ราวกับว่ากำเนิดมาจากการจัดการเตรียมการของมนุษย์หรือจากการแทรกแซงของมนุษย์ แต่หลังฉากนั้น ทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือเดิมพันที่ซาตานได้วางไว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพึงต้องให้ผู้คนตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาต่อพระเจ้า เพื่อเป็นตัวอย่าง จงดูเมื่อโยบถูกทดสอบ กล่าวคือ หลังฉากนั้น ซาตานกำลังวางเดิมพันกับพระเจ้า และสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับโยบนั้นคือความประพฤติของพวกมนุษย์และการแทรกแซงของพวกมนุษย์” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง) “เจ้าทั้งปวงกล่าวว่าเจ้าคำนึงถึงพระภาระของพระเจ้า และจะปกป้องคำพยานของคริสตจักร แต่ใครหรือในหมู่พวกเจ้าที่ได้คำนึงถึงพระภาระของพระเจ้าจริงๆ? จงถามตัวเจ้าเองว่า เจ้าเป็นใครคนหนึ่งซึ่งได้แสดงให้เห็นความคำนึงถึงพระภาระของพระองค์หรือไม่? เจ้าสามารถปฏิบัติความชอบธรรมเพื่อพระองค์หรือไม่? เจ้าสามารถยืนขึ้นและพูดเพื่อเราหรือไม่? เจ้าสามารถนำความจริงมาปฏิบัติอย่างหนักแน่นมั่นคงหรือไม่? เจ้ากล้าพอที่จะต่อสู้กับความประพฤติทั้งปวงของซาตานหรือไม่? เจ้าจะสามารถวางภาวะอารมณ์ทั้งหลายของเจ้าลง และเปิดโปงซาตานเพื่อเห็นแก่ประโยชน์แห่งความจริงของเราไหม? เจ้าสามารถยอมให้เจตนาของเราได้รับการทำให้ลุล่วงภายในตัวเจ้าไหม? เจ้าได้มอบถวายหัวใจของเจ้าในชั่วขณะที่สำคัญยิ่งยวดที่สุดหรือไม่? เจ้าเป็นใครคนหนึ่งที่จะกระทำตามเจตจำนงของเราหรือไม่? จงถามคำถามเหล่านี้กับตัวเจ้าเอง และคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ให้บ่อย” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 13) คำถามที่เต็มไปด้วยคำตำหนิทุกข้อในพระวจนะของพระเจ้า ได้ทิ่มแทงหัวใจของผมด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์ใจ ในคำถามเหล่านั้น ผมรู้สึกถึงความจริงใจอย่างแรงกล้าในน้ำพระทัยและข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงหวังให้ผมรับมือกับเรื่องการขับไล่ผู้ประพฤติชั่วโดยไม่พึ่งพาอารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัว และให้ผมยืนเคียงข้างพระเจ้าอย่างหนักแน่นและปฏิบัติความจริงเพื่อสนองน้ำพระทัยของพระองค์ ผมได้นึกถึงโยบในระหว่างการทดสอบของเขา และในขณะที่ฉากหน้า ความมั่งคั่งของเขาถูกริบเอาไป บุตรธิดาของเขาต้องตาย และทาสรับใช้ของเขาถูกฆ่า และภรรยาและสหายสามคนก็ทำร้ายเขา เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้คือการเดิมพันของซาตานกับพระเจ้า สิ่งเหล่านั้นคือการทดลองของซาตานที่เกิดขึ้นกับโยบ ในที่สุดโยบก็สามารถยืนเคียงข้างพระเจ้าได้เพราะศรัทธาและความเคารพเทิดทูนในพระเจ้าของเขา เขาได้ทำให้ซาตานต้องทุกข์ทรมานกับความอับอายและความล้มเหลวอย่างที่สุด และเขาได้ให้คำพยานที่แข็งแกร่งและหนักแน่นต่อพระเจ้า สิ่งที่ภายนอกดูเหมือนแรงกดดันมากเป็นพิเศษจากแม่ยายของผมนั้น ที่จริงแล้วเป็นสงครามในดินแดนจิตวิญญาณ มันเป็นกลอุบายของซาตาน เป็นความพยายามของมันที่จะหยุดยั้งไม่ให้ผมปฏิบัติความจริง โดยใช้ประโยชน์จากความยึดติดทางอารมณ์ของผม เพื่อให้ผู้ประพฤติชั่วสามารถคงอยู่และสร้างความแตกแยกและทำลายงานของคริสตจักรต่อไปได้ แต่พระเจ้าก็ทรงใช้เรื่องนี้ทดสอบผมเช่นกัน เพื่อทอดพระเนตรดูว่าผมจะยอมจำนนต่อซาตานเพราะข้อจำกัดเรื่องภรรยากับแม่ยายของผม หรือว่าผมจะยังคงค้ำจุนความชอบธรรม ปฏิบัติความจริง และกระทำตามหลักการ ถ้าผมเลือกที่จะสนองต่อเนื้อหนังของผมและยืนเคียงข้างซาตาน มันไม่แปลว่าผมได้หลงกลอุบายของซาตานหรอกหรือครับ ถ้าผมทำแบบนั้น ผมก็จะสูญเสียคำพยานในการมีพระองค์ของพระเจ้า
เมื่อผมคิดถึงสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด ผมก็เริ่มไตร่ตรองกับตัวเอง ตลอดเวลาทั้งหมดนี้ ขณะที่เผชิญกับทางเลือกนี้ ทำไมผมถึงได้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและพบว่ามันช่างทุกข์ใจนัก ผมเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นในการปกป้องงานของคริสตจักร แต่ทำไมผมยังคงกระทำตามความรู้สึกของผมต่อไป และพบว่าการปฏิบัติความจริงและการกระทำตามหลักการเป็นเรื่องยาก หลังจากนั้นผมได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าบทตอนนี้ครับ “มนุษย์ซึ่งเกิดมาในดินแดนอันโสมมเช่นนั้น ได้ถูกสังคมทำให้มัวหมองอย่างรุนแรง เขาได้รับอิทธิพลจากจริยธรรมแบบศักดินา และเขาได้รับการสอน ณ ‘สถาบันอุดมศึกษา’ การคิดล้าหลัง ศีลธรรมอันเสื่อมทราม มุมมองชีวิตแบบคับแคบ ปรัชญาเพื่อการดำรงชีวิตที่น่ารังเกียจ การดำรงอยู่อันไร้ค่าอย่างที่สุด และรูปแบบการใช้ชีวิตและขนบธรรมเนียมทั้งหลายอันต่ำทราม—สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้รุกล้ำเข้าไปในหัวใจของมนุษย์อย่างรุนแรง และได้บ่อนทำลายและโจมตีมโนธรรมของเขาอย่างรุนแรง ผลก็คือ มนุษย์ยิ่งอยู่ห่างไกลจากพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งต่อต้านพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ อุปนิสัยของมนุษย์กลายมาเป็นชั่วช้ามากขึ้นในแต่ละวัน และไม่มีสักคนหนึ่งที่จะเต็มใจยอมสละสิ่งใดๆ เพื่อพระเจ้า ไม่มีสักคนหนึ่งที่จะเต็มใจเชื่อฟังพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีสักคนหนึ่งที่จะเต็มใจแสวงหาการทรงปรากฏของพระเจ้า แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ภายใต้แดนครอบครองของซาตาน มนุษย์ไม่ทำอะไรเลยเว้นแต่ไล่ตามเสาะหาความยินดี โดยยอมให้ตัวเขาเองจมอยู่กับความเสื่อมทรามของเนื้อหนังในดินแดนแห่งโคลน” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การมีอุปนิสัยที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า) จากพระวจนะของพระเจ้า ผมได้มาเข้าใจ ว่าเดิมทีผมมีชีวิตอยู่ภายในอารมณ์ของผม ไม่สามารถปฏิบัติความจริงและอยู่ในสภาพกบฏและต่อต้านพระเจ้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะซาตานได้ทำให้ผมเสื่อมทราม ซาตาน ราชาแห่งเหล่าปีศาจ ได้ใช้การอบรมสั่งสอนทางสังคมและการศึกษาที่ผมได้รับที่โรงเรียน เพื่อฝังปรัชญาแบบซาตานอย่างเช่น “มนุษย์ทุกคนทำเพื่อตัวเอง ส่วนคนรั้งท้ายปล่อยให้มารพาไปตามยถากรรม” “เลือดข้นกว่าน้ำ” และ “มนุษย์มิใช่ไร้ชีวิตจิตใจ เขาจะสามารถเป็นอิสระจากภาวะอารมณ์ได้อย่างไรกัน?” ไว้ในตัวผม เพื่อทำให้ผมมองความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อผู้อื่นว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพื่อทำให้ผมคิดว่าการปกป้องความสัมพันธ์และการอ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนอื่นนั้นเป็นธรรมดาของมนุษย์ และเพื่อทำให้ผมเชื่อว่าถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะเป็นการไร้หัวใจและไร้ศรัทธา และทำให้ผมถูกคนอื่นตำหนิเอาได้ ผมปฏิบัติต่อปรัชญาแบบซาตานพวกนี้แบบสิ่งเชิงบวก และยึดถือปรัชญาพวกนี้ในการดำเนินชีวิต และในการใช้ชีวิตตามปรัชญาและกฎแบบซาตานพวกนี้ ผมกลายเป็นคนไม่มีหลักการและสับสนเรื่องความผิดชอบชั่วดี เห็นแก่ตัว เลวทราม เจ้าเล่ห์ และเต็มไปด้วยความหลอกลวงอย่างยิ่ง ในเรื่องการขับไล่หานปิง ผมกลัวว่าญาติๆ จะบอกว่าผมเนรคุณ ไม่มีหัวใจ และมันจะทำให้ครอบครัวผมแตกแยก นี่ทำให้ผมไม่ใส่ใจงานของคริสตจักรและชีวิตของพี่น้องชายหญิงของผม ผมเห็นแก่ตัวและเลวทรามจริงๆ ครับ การประพฤติตัวแบบนี้ ผมเนรคุณและไม่มีหัวใจอย่างแท้จริง ถ้าเราคิดดูว่าทำไมสังคมของเราถึงมืดมิดและชั่วร้าย และทำไมถึงไม่มีความตรงไปตรงมาหรือความยุติธรรม มันเป็นเพราะว่าผู้คนล้วนใช้ชีวิตตามปรัชญาและกฎแบบซาตานพวกนี้ครับ ไม่ว่าจะในคนกลุ่มใด คนเราจะห่วงเรื่องความสัมพันธ์ทางอารมณ์แบบเนื้อหนังเท่านั้น คนเราจะพูดแทนเฉพาะคนที่สนิทสนมกับพวกเขามากที่สุด แม้ในเวลาที่พวกเขาทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือก่ออาชญากรรม คนเราก็คิดหาวิธีปกป้องและช่วยเหลือพวกเขา และปฏิเสธความผิดชอบชั่วดีในความพยายามที่จะพูดแทนพวกเขา ตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นอย่างชัดเจนว่าปรัชญาและกฎแบบซาตานพวกนี้ ดูเหมือนมีเหตุผลและมีมนุษยธรรม และสอดคล้องกับแนวคิดของมนุษย์ แต่ที่จริงแล้วมันเป็นแนวคิดไร้สาระผิดๆ ที่ซาตานใช้เพื่อหลอกลวงและทำให้ผู้คนเสื่อมทราม พวกมันมีความเป็นศัตรูกับความจริงและกับพระเจ้า เมื่อเราดำเนินชีวิตตามสิ่งเหล่านี้ เราก็ได้แต่กบฏและต่อต้านพระเจ้า ทำร้ายผู้อื่น และใช้ชีวิตตามธรรมชาติของปีศาจเท่านั้น ในอดีต ผมเคยใช้ชีวิตตามปรัชญาและกฎแบบซาตานแบบนั้น ปกป้องผู้ประพฤติชั่ว และมีส่วนในการกระทำผิดของเธอมาแล้ว แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงถือโทษสำหรับการล่วงละเมิดในอดีตของผม และทรงยังประทานโอกาสให้ผมกลับใจ ซึ่งผมสำนึกในพระคุณของพระเจ้าอย่างยิ่ง ดังนั้นผมจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าและให้คำสาบานอย่างเงียบๆ ว่า พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาจะกระทำการตามอารมณ์ของข้าพระองค์เองอีกต่อไปแล้ว ข้าพระองค์ปรารถนาเพียงแค่จะรักในสิ่งที่พระองค์ทรงรัก และเกลียดในสิ่งที่พระองค์ทรงเกลียดตามพระวจนะของพระองค์ เพื่อค้ำจุนหลักปฏิบัติแห่งความจริง และขับไล่ผู้ประพฤติชั่วออกไปจากคริสตจักรอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา ที่การประชุมกับเพื่อนร่วมงาน ผมได้ยินจากเหล่าเพื่อนร่วมงานของผมว่า หานปิงยังคงไม่ได้มาเข้าใจตนเองหรือแสดงการกลับใจใดๆ เลย และเธอยังคงทำให้เกิดการยั่วยุ ปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้ง และพยายามตั้งกลุ่มกอง ตอนที่ผมได้ยินเรื่องนี้ ผมยิ่งโทษตัวเองมากกว่าเดิม ผมเกลียดตัวเองที่ทำตามอารมณ์และไม่รีบขับไล่เธอให้ทันท่วงที ยอมให้เธอสร้างความแตกแยกให้กับชีวิตในคริสตจักร หลังจากนั้น ในการร่วมชุมนุมครั้งถัดมา ผมได้เริ่มใช้พระวจนะของพระเจ้าอย่างมีสติ เพื่อวิเคราะห์และแยกแยะพฤติกรรมชั่วร้ายแต่ละอย่างของหานปิง และโดยใช้การสามัคคีธรรม พี่น้องชายหญิงที่เคยถูกเธอหลอกลวงก็สามารถแยกแยะและเริ่มที่จะปฏิเสธเธอเหมือนกัน ภรรยาของผม หลังจากได้รับความเข้าใจในความจริง ก็แยกแยะธรรมชาติและแก่นแท้ของหานปิงได้ และไม่โต้แย้งอีกต่อไปว่าเธอได้รับการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรม หลังจากที่หานปิงถูกขับไล่ออกจากคริสตจักร คริสตจักรก็ไม่ถูกผู้ประพฤติชั่วสร้างความแตกแยกอีกต่อไป พี่น้องชายหญิงจึงสามารถเข้าร่วมชุมนุมและทำหน้าที่ของตนเองได้ตามปกติอีกครั้ง เราทั้งหมดสรรเสริญพระเจ้าในความชอบธรรมของพระองค์! เหตุการณ์นี้ทำให้ผมเห็นว่าในพระนิเวศของพระเจ้า พระวจนะของพระองค์และความจริงคือสิ่งที่กุมอำนาจ และทุกสิ่งได้รับการจัดการตามหลักปฎิบัติแห่งความจริง และผู้ไม่เชื่อ ผู้ประพฤติชั่ว และศัตรูของพระคริสต์ ไม่สามารถคงอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าได้ ผมยังได้รับประสบการณ์ส่วนตัวด้วยว่า การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาและกฎแบบซาตานนั้นนำแต่ความเจ็บปวดมาให้เรา มันไม่ได้นำประโยชน์อะไรมาให้เราหรือใครอื่นเลย มีเพียงการใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นที่เราจะสามารถรู้สึกปลอดภัยและมีสันติสุขได้อย่างแท้จริง ที่วันนี้ผมไม่ได้ดำเนินชีวิตตามปรัชญาและกฎแบบซาตานอีกต่อไป และที่ผมได้ทลายข้อจำกัดทางอารมณ์ของตัวเอง สามารถปฏิบัติตามความจริงและสามารถใช้ชีวิตด้วยความชอบธรรมได้บ้างนั้น ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความรอดของพระเจ้า และเป็นผลที่บรรลุได้โดยการพิพากษาและการตีสอนในพระวจนะของพระเจ้าทั้งสิ้น ขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์!
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
โดย ซิน จิ้ง, ประเทศจีน ย้อนไปมิถุนายนปี 2015 ฉันไปทำหน้าที่มัคนายกข่าวประเสริฐที่คริสตจักร ผู้หญิงชื่อหลี่เจี๋ยอยู่ในทีมให้น้ำ...
โดย ว่าน ซินผิง, ประเทศจีน เดือนมีนาคมปี 2020 ฉันย้ายไปยังคริสตจักรใหม่ ที่คริสตจักรเก่าฉันเป็นผู้นำ และพี่น้องชายหญิง ก็เคารพฉันมาก...
โดย จง ฉิน ยอมผ่อนปรนให้กับโรคภัยไข้เจ็บของเธอเพื่อที่ลูกๆ ของเธอจะได้ไม่ยุ่งยาก ผู้หญิงสองสามคนกำลังพูดคุยกันอย่างสบายๆ...
โดย หม้อหราน, ประเทศจีน เมื่อมิถุนายนปีก่อน ฉันถูกเลือกเป็นมัคนายกให้น้ำ ได้ดูแลการให้น้ำผู้ที่เพิ่งยอมรับพระราชกิจในยุคสุดท้าย ฉันคิดว่า...