บททดสอบของตัวประกอบเสริมความเด่น

วันที่ 23 เดือน 01 ปี 2021

โดย ฉิงเต้า เกาหลีใต้

โอ พระเจ้า! ไม่ว่าข้าพระองค์จะมีสถานะหรือไม่ ตอนนี้ข้าพระองค์เข้าใจตัวเองแล้ว หากสถานะของข้าพระองค์สูง นั่นก็เป็นเพราะการยกให้สูงขึ้นของพระองค์ และหากมันต่ำต้อย นั่นก็เป็นเพราะการลิขิตของพระองค์ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่มีทั้งตัวเลือกใดๆ และการพร่ำบ่นใดๆ พระองค์ได้ทรงลิขิตว่าข้าพระองค์จะถือกำเนิดในประเทศนี้และท่ามกลางผู้คนนี้ และว่าทั้งหมดที่ข้าพระองค์ควรทำก็คือการเชื่อฟังอย่างครบบริบูรณ์ภายใต้อำนาจครอบครองของพระองค์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงลิขิต ข้าพระองค์ไม่ได้นึกถึงสถานะ จะว่าไปแล้ว ข้าพระองค์เป็นเพียงแค่สิ่งที่ทรงสร้างสิ่งหนึ่ง หากพระองค์ทรงวางข้าพระองค์ในบาดาลลึก ในบึงไฟและกำมะถัน ข้าพระองค์ก็ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากสิ่งที่ทรงสร้างสิ่งหนึ่ง หากพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็เป็นสิ่งที่ทรงสร้างสิ่งหนึ่ง หากพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์มีความเพียบพร้อม กระนั้นข้าพระองค์ก็ยังเป็นสิ่งที่ทรงสร้างสิ่งหนึ่ง หากพระองค์ไม่ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์มีความเพียบพร้อม ข้าพระองค์จะยังคงรักพระองค์เพราะข้าพระองค์ไม่ได้เป็นมากไปกว่าสิ่งที่ทรงสร้างสิ่งหนึ่ง ข้าพระองค์ไม่ได้เป็นมากไปกว่าสิ่งที่ทรงสร้างขนาดจิ๋วสิ่งหนึ่งซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งการทรงสร้างได้ทรงสร้างขึ้น ก็แค่สิ่งที่ทรงสร้างหนึ่งท่ามกลางพวกมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นทั้งมวล เป็นพระองค์นั่นเองที่ได้ทรงสร้างข้าพระองค์ขึ้น และตอนนี้พระองค์ได้ทรงวางข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์อีกครั้งหนึ่งเพื่อทำกับข้าพระองค์ตามที่พระองค์จะทรงทำ ข้าพระองค์เต็มใจที่จะเป็นเครื่องมือของพระองค์และตัวประกอบเสริมความเด่นของพระองค์เพราะทุกสิ่งทุกอย่างคือสิ่งที่พระองค์ได้ทรงลิขิตไว้ ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ทุกสรรพสิ่งและเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์(“ข้าพระองค์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างขนาดเล็ก” ใน ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ) การขับร้องบทเพลงสรรเสริญพระวจนะของพระเจ้านี้กำลังดลใจผมอย่างล้ำลึก ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงประสบการณ์ที่ผมได้รับมาในบททดสอบของตัวประกอบเสริมความเด่น

ช่วงต้นค.ศ. 1993 ผมได้ทำหน้าที่ให้น้ำให้กับบรรดาผู้เชื่อใหม่ในคริสตจักร ไม่ว่าไปทางไหนพวกเราก็เสี่ยงที่จะถูกจับกุม เพราะการข่มเหงจับกุมชาวคริสเตียนอย่างบ้าคลั่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แม้สภาพแวดล้อมจะโหดร้ายแต่ผมก็ไม่เคยถอย ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่ของตัวเอง ผมได้อ่านพระวจนะเหล่านี้ของพระเจ้า “มีเพียงบรรดาผู้ที่รักพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถให้คำพยานกับพระเจ้าได้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เป็นพยานของพระเจ้า มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้รับการอวยพรโดยพระเจ้า และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถรับพระสัญญาของพระเจ้าไว้(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าจะดำเนินชีวิตภายในความสว่างแห่งพระองค์ตลอดกาล) แล้วผมก็รู้สึกเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อในการไล่ตามเสาะหาการกลายเป็นใครคนหนึ่งซึ่งรักพระเจ้า ผมคิดว่าการไล่ตามเสาะหาประเภทนั้นจะได้รับการเห็นชอบจากพระเจ้า และผมก็คงจะได้เข้าไปสู่สวรรค์ อีกทั้งได้เป็นหนึ่งในประชากรแห่งราชอาณาจักรของพระองค์อย่างแน่นอน

ในขณะเดียวกับที่ผมกำลังสละตัวเองอย่างมีใจกระตือรือร้น มั่นใจแน่นอนว่าผมจะต้องถูกรับเข้าไปสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ได้ทรงแสดงพระวจนะที่โยนผมเข้าไปสู่บททดสอบของตัวประกอบเสริมความเด่น วันหนึ่งในเดือนมีนาคม พี่น้องชายหญิงได้ส่งถ้อยดำรัสใหม่ของพระเจ้ามาที่คริสตจักรของพวกเรา “ความจริงภายในเกี่ยวกับพระราชกิจแห่งการพิชิตชัย (1)” ผมได้อ่านในพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “วันนี้เราทำงานในประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรในประเทศจีนเพื่อเผยอุปนิสัยที่เป็นกบฏของพวกเขาทั้งหมด และเปิดโปงความน่าเกลียดของพวกเขา และการนี้ให้บริบทสำหรับการพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องพูด หลังจากนั้น เมื่อเราดำเนินขั้นตอนต่อไปของพระราชกิจการพิชิตทั่วทั้งจักรวาลจนเสร็จสิ้นแล้ว เราจะใช้การพิพากษาที่เรามีให้กับพวกเจ้าเพื่อพิพากษาความไม่ชอบธรรมของทุกคนในทั่วทั้งจักรวาล เพราะผู้คนอย่างพวกเจ้าเป็นตัวแทนของความเป็นกบฏท่ามกลางมวลมนุษย์ พวกที่ไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้จะกลายเป็นเพียงตัวประกอบเสริมความเด่นและวัตถุเพื่อการปรนนิบัติ ในขณะที่ผู้ที่สามารถยกระดับขึ้นมาได้จะถูกนำไปใช้ เหตุใดเราจึงพูดว่าพวกที่ไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้จะทำหน้าที่เป็นได้เพียงตัวประกอบเสริมความเด่นเท่านั้น? นั่นเป็นเพราะคำพูดและงานของเราในปัจจุบันทั้งหมดมีเป้าหมายที่ภูมิหลังของพวกเจ้า และเพราะพวกเจ้าได้กลายเป็นตัวแทนและบุคคลตัวอย่างของความเป็นกบฏท่ามกลางมนุษย์ หลังจากนั้นเราจะนำคำพูดเหล่านี้ที่พิชิตพวกเจ้าไปยังชนต่างชาติทั้งหลายและใช้คำพูดเหล่านี้เพื่อพิชิตผู้คนที่นั่น แต่เจ้าจะยังไม่ได้รับคำพูดเหล่านั้น นั่นไม่ได้ทำให้เจ้าเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นหรือ? อุปนิสัยอันเสื่อมทรามของมวลมนุษย์ทั้งปวง การกระทำที่เป็นกบฏของมนุษย์ และรูปลักษณ์และใบหน้าที่น่าเกลียดของมนุษย์—ทั้งหมดนี้ได้รับการบันทึกไว้ในวันนี้ในวจนะที่ใช้เพื่อพิชิตพวกเจ้า จากนั้นเราจะใช้วจนะเหล่านี้เพื่อพิชิตผู้คนจากทุกชนชาติและทุกนิกาย เพราะพวกเจ้าเป็นต้นแบบ เป็นตัวอย่างที่มีมาก่อน อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อจงใจทอดทิ้งพวกเจ้า หากเจ้าล้มเหลวที่จะทำให้ดีในการไล่ตามเสาะหาของเจ้า และดังนั้นเจ้าจึงพิสูจน์ว่าเป็นผู้ที่ไม่สามารถรักษาได้ เจ้าจะไม่เป็นเพียงวัตถุเพื่อการปรนนิบัติและตัวประกอบเสริมความเด่นหรือ? เราเคยพูดว่าเราใช้สติปัญญาของเราโดยมีพื้นฐานอยู่บนกลอุบายของซาตาน เหตุใดเราจึงพูดเช่นนั้น? นั่นไม่ใช่ความจริงที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เรากำลังพูดและกำลังทำในตอนนี้หรือ? หากเจ้าไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้ หากเจ้าไม่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแต่กลับถูกลงโทษแทน เจ้าจะไม่กลายเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นหรือ? บางทีเจ้าอาจได้ทนทุกข์มากมายในช่วงเวลาของเจ้าแล้ว แต่เจ้ายังคงไม่เข้าใจสิ่งใดเลย เจ้าไม่รู้เท่าทันในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับชีวิต ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้รับการตีสอนและพิพากษาแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย และลึกๆ ลงไปภายในนั้น เจ้ายังไม่ได้รับชีวิต เมื่อถึงเวลาที่จะทดสอบงานของเจ้า เจ้าจะได้รับประสบการณ์กับการทดสอบที่ดุเดือดดั่งไฟและแม้กระทั่งความทุกข์ลำบากที่มากยิ่งกว่า ไฟนี้จะเปลี่ยนการดำรงอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของเจ้าให้กลายเป็นขี้เถ้า ในฐานะใครบางคนที่ไม่ได้ครอบครองชีวิต ใครบางคนที่ปราศจากทองคำบริสุทธิ์ภายในแม้สักเสี้ยว ใครบางคนที่ยังคงติดอยู่กับอุปนิสัยเก่าๆ อันเสื่อมทราม และใครบางคนที่ไม่สามารถแม้กระทั่งทำงานที่ดีได้กับการเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น เจ้าจะไม่ถูกกำจัดไปได้อย่างไร?(พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์) ผมมีปฏิกิริยาอย่างหนึ่งขึ้นมาทันทีตอนที่เห็นคำว่า “ตัวประกอบเสริมความเด่น” ถูกกล่าวถึงซ้ำๆ ในพระวจนะของพระเจ้า ผมคิดว่า “ตัวประกอบเสริมความเด่น นะหรือ? พระเจ้าทรงเคยเปรยถึงตัวประกอบเสริมความเด่นในพระวจนะของพระองค์มาก่อน แต่นั่นไม่ได้อ้างอิงถึงพญานาคใหญ่สีแดงหรอกหรือ? ในความเชื่อของผมนั้น ผมได้พลีอุทิศเพื่อพระเจ้า และเสาะแสวงที่จะรักพระองค์ ผมควรเป็นหนึ่งในประชากรแห่งราชอาณาจักรของพระองค์สิ ผมจะเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นได้อย่างไร?” ผมจึงอ่านพระวจนะของพระเจ้าอย่างถี่ถ้วนมากๆ อีกครั้ง พระเจ้าได้ตรัสไว้ว่า พวกเราชาวจีนคือผู้ที่ถูกทำให้เสื่อมทรามอย่างดิ่งลึกที่สุด ว่าการต้านทานของพวกเราที่มีต่อพระเจ้านั้นเลวร้ายที่สุด และว่าพวกเราเป็นตัวแทนแห่งความเป็นกบฏของมวลมนุษย์ทั้งปวง พระองค์ได้ตรัสว่า หากสุดท้ายแล้ว ผู้ติดตามของพระเจ้าไม่ลงเอยด้วยการเปลี่ยนแปลง หากพวกเขาไม่ได้รับชีวิต พวกเขาก็จะทำหน้าที่เป็นตัวประกอบเสริมความเด่นในพระราชกิจของพระเจ้า และพวกเขาก็จะถูกพระเจ้าทรงกำจัดทิ้ง ตอนอ่านพระวจนะนี้ผมรู้สึกแน่นหน้าอก และผมก็สงสัยว่า “ฉันเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นหรอกหรือ? เป็นไปไม่ได้ ถ้าฉันเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นจริง ฉันจะยังเข้าไปสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ได้หรือ?”

ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็ได้อ่านการสามัคคีธรรมนี้จากพระเจ้า “เพราะพวกเจ้านั้นคดโกงและเล่ห์ลวง และเพราะพวกเจ้านั้นขาดพร่องในขีดความสามารถและพวกเจ้ามีสถานภาพอันต่ำต้อย พวกเจ้าไม่เคยอยู่ภายในสายตาของเราหรือในหัวใจของเรา งานของเรากระทำไปด้วยเจตนาที่จะกล่าวโทษพวกเจ้าแต่เพียงประการเดียว มือของเราไม่เคยอยู่ไกลจากพวกเจ้า อีกทั้งการตีสอนของเราก็ไม่เคยอยู่ไกลจากพวกเจ้า เราได้พิพากษาและสาปแช่งพวกเจ้าต่อเนื่องเรื่อยมา เพราะพวกเจ้าไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรา ความโกรธของเราจึงอยู่กับพวกเจ้าเสมอมา ถึงแม้ว่าเราได้ทำงานท่ามกลางพวกเจ้าเสมอมา แต่พวกเจ้าก็ควรรู้ท่าทีของเราที่มีต่อพวกเจ้า มันไม่ใช่สิ่งใดนอกจากความขยะแขยง—ไม่มีท่าทีหรือความคิดเห็นอื่นใด เราเพียงต้องการให้พวกเจ้ากระทำการในฐานะตัวประกอบเสริมความเด่นสำหรับสติปัญญาของเราและฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของเรา พวกเจ้าไม่ใช่สิ่งใดมากไปกว่าตัวประกอบเสริมความเด่นของเราเพราะความชอบธรรมของเราได้รับการเปิดเผยโดยผ่านทางการเป็นกบฏของพวกเจ้า เราให้พวกเจ้ากระทำการในฐานะตัวประกอบเสริมความเด่นสำหรับงานของเรา เป็นส่วนผนวกในงานของเรา…(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เหตุใดเจ้าจึงไม่เต็มใจที่จะเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น?) ผมได้เห็นว่าพระเจ้าทรงระบุไว้อย่างชัดเจน ว่าพวกเราคือตัวประกอบเสริมความเด่น ว่าพวกเราเป็นส่วนต่อท้ายแห่งพระราชกิจของพระองค์ และพระองค์ทรงรู้สึกเพียงเกลียดชังและขยะแขยงพวกเราเท่านั้น ผมอึ้งไปและรู้สึกว่าพระเจ้าได้ทรงทอดทิ้งผม ผมตรอมใจอย่างมาก และก็เกิดการตัดพ้อขึ้นในตัวผม ผมคิดว่า “ฉันเชื่อมาตลอดหลายปี ยอมทิ้งครอบครัวและการงาน แถมยังได้ทนทุกข์กับการสละตัวเองมากมายล้นพ้นเพื่อพระเจ้า ฉันได้ผ่านบททดสอบของพวกคนปรนนิบัติและบททดสอบแห่งความตายมา แล้วฉันก็ได้เริ่มไล่ตามเสาะหาความรักเพื่อพระเจ้า คิดว่ายังไงก็ได้กลายเป็นคนหนึ่งในราชอาณาจักรของพระองค์แน่ๆ ฉันไม่เคยจินตนาการเลยว่าตัวเองจะเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น เป็นวัตถุเพื่อการปรนนิบัติ ที่จะถูกกำจัดทิ้งทันทีที่เสร็จสิ้นการเป็นตัวเปรียบเทียบในขั้วตรงข้ามกับพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้า ถ้าอย่างนั้น ฉันยอมลงทุนลำบากมาตลอดหลายปีเพื่ออะไร? ถ้าเกิดเหล่าญาติมิตรของฉันรู้เรื่องขึ้นมา พวกเขาจะคิดอย่างไรกับฉัน? พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยตอนที่ฉันยอมวางมือจากงานและครอบครัวมาเพื่อความเชื่อของฉัน พวกเขาเคยเยาะเย้ยฉัน ดังนั้น ณ เวลานั้น ฉันจึงต้องการจะเป็นผู้เชื่อที่ดี เพื่อว่า ทันทีที่พระราชกิจของพระเจ้าเสร็จสิ้นและมหาวิบัติมาถึง ฉันจะถูกพาเข้าไปในราชอาณาจักรของพระองค์ แล้วฉันก็จะได้เชิดหน้าชูตา ส่วนพวกเขาทุกคนก็จะต้องอับอาย แต่ใครจะคิดว่า สุดท้ายฉันจะตกต่ำถึงขั้นมาเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น? ตัวประกอบเสริมความเด่นไม่ได้ครองชีวิต พวกเขาเป็นขยะ เทียบเท่าคนปรนนิบัติไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยพวกคนปรนนิบัติยังทำงานปรนนิบัติเพื่อพระเจ้าได้สักพัก ได้ชื่นชมพระคุณและพระพรของพระองค์ ต่อให้เป็นคนปรนนิบัติก็ยังดี จะเป็นอะไรก็ยังฟังดูดีกว่าการเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นทั้งนั้น”

คำว่า “ตัวประกอบเสริมความเด่น” ดังก้องอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมาตลอดสองสามวันถัดจากนั้น และผมหยุดฉงนฉงายไม่ได้เลยว่า “ทำไมฉันถึงเป็นได้แค่ตัวประกอบเสริมความเด่น? ทำไมฉันต้องเกิดในประเทศจีนด้วย? ถ้าพญานาคใหญ่สีแดงไม่ได้ทำให้ชาวจีนเสื่อมทรามดิ่งลึกขนาดนี้ ฉันคงไม่มีวันเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น! ฉันคิดว่าฉันกำลังจะได้เข้าไปสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้า ได้เป็นหนึ่งในประชากรของพระองค์ และได้ชื่นชมสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่า จะลงเอยด้วยการเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นแทน” ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ผมก็ยิ่งผิดหวัง และหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย ผมนึกออกเลยว่า เพราะมันเป็นแบบนั้น ยังไงผมก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับสภาพในชะตากรรมของตัวเอง

หลังจากนั้น แม้ผมจะไปร่วมชุมนุมและทำหน้าที่ของตัวเองตลอด แต่หัวใจของผมกลับไม่ได้อยู่กับมัน ตอนอธิษฐานผมก็ไม่มีอะไรจะพูดกับพระเจ้า และผมก็ไม่มีแก่ใจจะขับร้อง ผมไม่ได้รับความรู้แจ้งจากพระวจนะของพระเจ้าเลย ผมรู้สึกว่าในเมื่อผมเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไล่ตามเสาะหาเพิ่มเติมอีก เพราะสุดท้ายผมก็จะลงเอยด้วยการถูกขับออกและกำจัดทิ้ง ถูกจับโยนลงสู่บาดาลลึกอยู่ดี ผมรู้สึกคิดลบและทุกข์ใจมากจริงๆ ค่ำวันหนึ่งขณะที่ผมนอนไม่หลับอยู่บนเตียง ผมก็คิดถึงพระวจนะเหล่านั้นทั้งหมดที่พระเจ้าได้ดำรัสในพระราชกิจในยุคสุดท้ายของพระองค์ ที่ช่วยให้น้ำและค้ำชูพวกเรา อีกทั้งการทดสอบและกระบวนการถลุงที่ชำระพวกเราให้บริสุทธิ์ ผมคิดถึงบททดสอบของพวกคนปรนนิบัติเป็นพิเศษ ในตอนนั้น แม้พระเจ้าได้ทรงปลดเปลื้องความหวังแห่งเนื้อหนังของพวกเรา และทรงสาปแช่งพวกเราสู่บาดาลลึก มันก็คือการทดสอบแห่งพระวจนะ และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ตกมาถึงพวกเราจริงๆ โดยผ่านทางการทดสอบนั้นเอง ผมจึงได้เข้าใจขึ้นบ้างว่า แรงจูงใจในความเชื่อของผมคือการได้รับพระพร และผมได้รับประสบการณ์แห่งพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าเล็กน้อยเช่นกัน ผมได้เห็นว่า ไม่สำคัญว่าพระเจ้าทรงพระราชกิจอะไร ทั้งหมดก็เพื่อชำระพวกเราให้บริสุทธิ์และช่วยพวกเราให้รอด ผมยังจำได้ที่ผมเคยตกลงใจแน่วแน่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าว่า ผมมีความสุขที่ได้ทำงานปรนนิบัติเพื่อพระองค์ ถึงตอนนั้น ผมจึงรู้สึกตำหนิตัวเองและได้รับแรงจูงใจขึ้นมาบ้าง และคิดว่า “ไม่ว่าฉันจะเป็นคนปรนนิบัติหรือเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น การทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อพระผู้สร้างก็คือสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม และไม่สำคัญว่าในอนาคตพระเจ้าจะทรงจัดการเตรียมการอะไร ต่อให้ฉันไม่ได้มีจุดจบที่ดีหลังเสร็จงานปรนนิบัติ ฉันก็จะยังคงทำงานปรนนิบัติแด่พระองค์ต่อไปจวบจนถึงปลายทาง” ดังนั้น ผมจึงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป แต่เพราะผมไม่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมคิดเรื่องการเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นโดยไม่ได้รับชีวิตหรือจุดจบที่ดี ผมก็จะยังรู้สึกคิดลบและผิดหวัง

ต้นเดือนเมษายน พวกเราได้รับถ้อยดำรัสใหม่ของพระเจ้า ผมได้อ่านในพระวจนะของพระเจ้าว่า “ในการแสวงหาของพวกเจ้านั้น พวกเจ้ามีมโนคติที่หลงผิด ความหวัง และอนาคตของแต่ละคนมากเกินไป พระราชกิจปัจจุบันเป็นไปเพื่อที่จะจัดการกับความอยากของพวกเจ้าที่มีต่อสถานะและความอยากอันฟุ้งเฟ้อของพวกเจ้า ความหวัง สถานะ และมโนคติที่หลงผิดทั้งหมดเป็นตัวแทนชั้นเยี่ยมของอุปนิสัยเยี่ยงซาตาน เหตุผลที่สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในหัวใจของผู้คนนั้นเป็นเพราะพิษของซาตานที่คอยกัดกร่อนความคิดของผู้คนอยู่ตลอดเวลาโดยทั้งสิ้น และผู้คนมักจะไร้ความสามารถที่จะสลัดการทดลองเหล่านี้ของซาตานอยู่ตลอดเวลา พวกเขากำลังใช้ชีวิตในท่ามกลางบาปแต่กระนั้นก็ยังไม่เชื่อว่ามันเป็นบาป และพวกเขายังคงคิดว่า ‘พวกเราเชื่อในพระเจ้า ดังนั้นพระองค์ต้องประทานพระพรแก่พวกเราและทรงจัดการเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับพวกเราอย่างเหมาะสม พวกเราเชื่อในพระเจ้า ดังนั้นพวกเราต้องเหนือกว่าคนอื่น และพวกเราต้องมีสถานะที่มากกว่าและอนาคตที่มากกว่าใครอื่น เนื่องจากพวกเราเชื่อในพระเจ้า พระองค์ต้องทรงมอบพระพรอันไร้ขีดจำกัดแก่พวกเรา มิฉะนั้นแล้ว มันก็คงจะไม่ได้เรียกว่าการเชื่อในพระเจ้า’ เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ความคิดที่ผู้คนได้พึ่งพาเพื่อการอยู่รอดของพวกเขาได้กัดกร่อนหัวใจของพวกเขาเรื่อยมาจนถึงจุดที่ว่า พวกเขาได้กลายเป็นทรยศ ขี้ขลาด และน่ารังเกียจ ไม่เพียงแค่พวกเขาขาดพร่องพลังจิตและความแน่วแน่เท่านั้น แต่พวกเขายังได้กลายเป็นโลภมาก โอหัง และเอาแต่ใจตัวเองด้วยเช่นกัน พวกเขาขาดพร่องความแน่วแน่ใดๆ ซึ่งอยู่เหนือตนเองโดยสิ้นเชิง และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่มีความกล้าหาญแม้แต่น้อยที่จะสลัดการควบคุมของอิทธิพลมืดเหล่านี้ ความคิดและชีวิตของผู้คนนั้นเน่าเปื่อยมากจนกระทั่งมุมมองของพวกเขาต่อการเชื่อในพระเจ้ายังคงน่าขยะแขยงอย่างไม่สามารถทนได้ และแม้กระทั่งเมื่อผู้คนพูดถึงมุมมองของพวกเขาต่อการเชื่อในพระเจ้า ก็ไม่สามารถทนฟังได้อย่างแน่นอน ผู้คนทั้งหมดล้วนขี้ขลาด ไร้ความสามารถ น่ารังเกียจ และบอบบาง พวกเขาไม่รู้สึกถึงความขยะแขยงที่มีต่อกองกำลังของความมืด และพวกเขาไม่รู้สึกถึงความรักที่มีต่อความสว่างและความจริง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับทำอย่างสุดความสามารถที่จะขับไล่สิ่งเหล่านั้น(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เหตุใดเจ้าจึงไม่เต็มใจที่จะเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น?) พระวจนะของพระเจ้าช่างเฉือดเฉือนโดนใจ พระวจนะเหล่านั้นได้เปิดโปงอุปนิสัยเยี่ยงซาตานและความคิดทั้งหลายแหล่เพื่อความอยู่รอดของตัวผมเองอย่างหมดเปลือก ผมรู้สึกละอายใจมากจริงๆ ผมคิดย้อนไปถึงตอนแรกที่ความเชื่อของผมนั้นแค่เป็นไปเพื่อที่จะได้รับพระพร “เนื่องจากพวกเราเชื่อในพระเจ้า พระองค์ทรงต้องมอบพระพรอันไร้ขีดจำกัดแก่พวกเรา มิฉะนั้นแล้ว นั่นก็คงจะไม่ได้เรียกว่า การเชื่อในพระเจ้า” หลังจากผ่านบททดสอบของพวกคนปรนนิบัติและบททดสอบแห่งความตาย ผมก็เริ่มเข้าใจเหตุจูงใจของตัวเองในการที่จะได้รับพระพร และได้กลายเป็นเต็มใจที่จะทำงานปรนนิบัติเพื่อพระเจ้า แต่ลึกๆ ในหัวใจของผม ความอยากได้พระพรนั้นยังคงฝังตัวอยู่จริงๆ และยังไม่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะเวลาผมเห็นพระสัญญาของพระเจ้าเรื่องพระพรสำหรับบรรดาผู้ที่รักพระองค์ ความอยากของผมที่มีต่อพระพรก็ปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง ผมคิดว่าคราวนี้ผมจะได้เข้าไปสู่ราชอาณาจักรแห่งสวรรค์แน่ๆ ผมก็เลยกระตือรือร้นสละตัวเองเพื่อพระเจ้ามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่เมื่อพระเจ้าทรงเปิดโปงพวกเราว่าเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น เป็นส่วนต่อท้าย และเป็นเป้าหมายแห่งความขยะแขยงของพระองค์ ผมก็รู้สึกว่าความหวังในพระพรของผมถูกฟาดทำลายจนพัง รู้สึกว่าผมไม่มีอนาคตหรือสถานะอีกต่อไป ผมรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอย่างเหลือเชื่อ ในตัวผมมีแต่คำตัดพ้อ ผมดึงการพลีอุทิศและการทำงานหนักของตัวเองมาเป็นทุนเพื่อเจรจาต่อรองกับพระเจ้า เพื่อให้ได้รับบัตรฟรีจากพระเจ้าที่จะเข้าไปสู่ราชอาณาจักรของพระองค์ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่เต็มใจที่จะสละตัวเองอีกต่อไป เพิ่งจะตอนนั้นเองที่ผมได้ตระหนักว่า การโหยหาสถานะและอยากได้อยากมีอันฟุ้งเฟ้อของตัวเองนั้นร้ายแรงแค่ไหน ผมไม่ได้มีความรักที่จริงแท้แม้สักเสี้ยวหรือมีความนบนอบต่อพระเจ้าเลย ทั้งหมดล้วนเป็นไปในเชิงธุรกรรมแลกเปลี่ยน เป็นกบฏ และเต็มไปด้วยเล่ห์ลวง เมื่อเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงเหล่านี้ ผมก็กลายเป็นเชื่อขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ผมได้เห็นว่าตัวเองถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามดิ่งลึกแค่ไหน ผมเป็นคนโอหัง คดโกง เห็นแก่ตัว และน่าดูหมิ่น ไร้ซึ่งมโนธรรมและเหตุผลโดยสิ้นเชิง ผมยังได้เห็นถึงพระอุปนิสัยอันบริสุทธิ์และชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งไม่ยอมทนต่อการล่วงเกินด้วยเช่นกัน ใครบางคนที่เสื่อมทรามอย่างผม แปดเปื้อนด้วยเหตุจูงใจและอุปนิสัยเสื่อมทรามมากมาย พระเจ้าจะไม่ทรงขยะแขยงผมได้อย่างไร? ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเรียกผมว่าอะไร ไม่ว่าพระองค์ทรงปฏิบัติกับผมอย่างไร มันก็ย่อมเป็นการชอบธรรม

ต่อมาผมได้อ่านพระวจนะเหล่านี้ของพระเจ้าในการชุมนุมที่ว่า “เจ้าควรอ่านถ้อยดำรัสเหล่านี้ที่พระเจ้าทรงแสดงในระหว่างช่วงเวลานี้ให้มากขึ้น และนำมาเปรียบเทียบเพื่อดูการกระทำของเจ้า กล่าวคือ นี่เป็นข้อเท็จจริงอย่างแน่นอนว่าเจ้าสุขสบายและคือตัวประกอบเสริมความเด่นอย่างแท้จริง! วันนี้ขอบเขตความรู้ของเจ้าเป็นอย่างไร? แนวคิดของเจ้า ความคิดของเจ้า พฤติกรรมของเจ้า คำพูดและความประพฤติของเจ้า—การแสดงออกเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้รวมเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นให้กับความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ของพระเจ้าหรอกหรือ? การแสดงออกของพวกเจ้าไม่ใช่การสำแดงอุปนิสัยที่เสื่อมทรามซึ่งถูกเปิดเผยโดยพระวจนะของพระเจ้าหรือ? ความคิดและแนวคิดของเจ้า แรงจูงใจของเจ้า และความเสื่อมทรามที่ถูกเปิดเผยในตัวเจ้าแสดงให้เห็นถึงพระอุปนิสัยที่ชอบธรรมของพระเจ้า รวมถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์ พระเจ้าประสูติในดินแดนแห่งความโสมมเช่นกัน แต่พระองค์ยังคงมิได้แปดเปื้อนความโสมมนั้น พระองค์ทรงใช้ชีวิตอยู่ในโลกอันโสมมเดียวกันกับเจ้า แต่พระองค์ทรงครอบครองเหตุผลและการล่วงรู้ และพระองค์ทรงดูหมิ่นความโสมม เจ้าอาจไม่แม้แต่จะสามารถสืบหาสิ่งใดที่โสมมในคำพูดและความประพฤติของเจ้า แต่พระองค์สามารถทรงทำได้ และพระองค์ทรงชี้ให้เจ้าเห็นสิ่งเหล่านั้น สิ่งเก่าๆ เหล่านี้ของเจ้า—การที่เจ้าขาดพร่องการปลูกฝัง ความรู้ความเข้าใจเชิงลึก และสำนึกรับรู้ รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตที่ล้าหลังของเจ้า—ตอนนี้ถูกนำเข้ามาอยู่ในความสว่างโดยการเปิดเผยของวันนี้ มีเพียงโดยการที่พระเจ้าเสด็จมาบนแผ่นดินโลกเพื่อดำเนินพระราชกิจเท่านั้น ผู้คนจึงมองเห็นความบริสุทธิ์และพระอุปนิสัยที่ชอบธรรมของพระองค์(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, วิธีที่ขั้นตอนที่สองของพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยสัมฤทธิ์ผล)แน่นอนว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงทำให้พวกเจ้าเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นเพียงเพราะทรงอยากจะทำ ในทางกลับกัน เฉพาะเมื่อพระราชกิจนี้ผลิดอกออกผลเท่านั้นจึงจะกลายเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การเป็นกบฏของมนุษย์เป็นตัวประกอบเสริมความเด่นให้กับพระอุปนิสัยที่ชอบธรรมของพระเจ้า และเป็นเพียงเพราะพวกเจ้าคือตัวประกอบเสริมความเด่น พวกเจ้าจึงมีโอกาสที่จะทราบถึงการแสดงออกอันเป็นธรรมชาติของพระอุปนิสัยที่ชอบธรรมของพระเจ้า พวกเจ้าถูกพิพากษาและตีสอนเนื่องด้วยการเป็นกบฏของพวกเจ้า แต่ก็เป็นการเป็นกบฏของพวกเจ้าเช่นกันที่ทำให้พวกเจ้าคือตัวประกอบเสริมความเด่น และเป็นเพราะการเป็นกบฏของพวกเจ้า พวกเจ้าจึงได้รับพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานแก่พวกเจ้า การเป็นกบฏของพวกเจ้าคือตัวประกอบเสริมความเด่นให้กับฤทธานุภาพอันไม่สิ้นสุดและพระปรีชาญาณของพระเจ้า และยังเป็นเพราะการเป็นกบฏของพวกเจ้าเช่นกัน เจ้าจึงได้รับความรอดและพระพรอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าพวกเจ้าได้รับการพิพากษาจากเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พวกเจ้าก็ได้รับความรอดอันล้นเหลืออย่างที่มนุษย์ไม่เคยได้รับมาก่อน พระราชกิจนี้มีนัยสำคัญสูงสุดสำหรับพวกเจ้า การเป็น ‘ตัวประกอบเสริมความเด่น’ ยังมีค่าอย่างที่สุดสำหรับพวกเจ้าเช่นกัน นั่นคือ พวกเจ้าได้รับการช่วยให้รอดและได้มาซึ่งพระคุณแห่งความรอดเพราะพวกเจ้าคือตัวประกอบเสริมความเด่น ดังนั้นตัวประกอบเสริมความเด่นดังกล่าวไม่ได้มีค่าสูงที่สุดหรอกหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีนัยสำคัญสูงสุดหรอกหรือ? นี่เป็นเพราะพวกเจ้าดำรงชีวิตในอาณาจักรเดียวกัน ดินแดนอันโสมมเดียวกันกับพระเจ้า พวกเจ้าจึงเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นและได้รับความรอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไว้ หากพระเจ้าไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ใดเล่าจะเมตตาพวกเจ้า และผู้ใดเล่าจะเหลียวแลพวกเจ้า พวกผู้คนต่ำต้อยอย่างที่พวกเจ้าเป็น? ผู้ใดเล่าจะดูแลพวกเจ้า? หากพระเจ้าไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อจะทรงพระราชกิจท่ามกลางพวกเจ้า เมื่อใดเล่าพวกเจ้าจึงจะได้รับความรอดนี้ซึ่งบรรดาผู้ที่มาก่อนเจ้าไม่เคยได้รับ? หากเราไม่ได้บังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อดูแลพวกเจ้า เพื่อพิพากษาบาปของพวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่ร่วงหล่นลงสู่แดนคนตายไปนานแล้วหรอกหรือ? หากเราไม่ได้บังเกิดเป็นมนุษย์และถ่อมใจของเราเองท่ามกลางพวกเจ้า พวกเจ้าจะมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นให้กับพระอุปนิสัยที่ชอบธรรมของพระเจ้าได้อย่างไร?…แม้เราได้ใช้ ‘ตัวประกอบเสริมความเด่น’ เพื่อพิชิตพวกเจ้า แต่พวกเจ้าก็ควรรู้ว่าความรอดและพรนี้ได้มอบให้เพื่อได้รับพวกเจ้าไว้ เพื่อประโยชน์ของการพิชิตชัย แต่ก็เพื่อที่เราอาจช่วยพวกเจ้าให้รอดได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ‘ตัวประกอบเสริมความเด่น’ นั้นคือข้อเท็จจริง แต่เหตุผลที่พวกเจ้าเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นนั้นเนื่องมาจากการเป็นกบฏของพวกเจ้า และเป็นเพราะการนี้นั่นเอง เจ้าจึงได้รับพรที่ไม่มีใครเคยได้รับ วันนี้พวกเจ้าได้รับการทำให้เห็นและได้ยิน พรุ่งนี้พวกเจ้าจะได้รับ และยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าจะได้รับพระพรอย่างมหาศาล ดังนั้น ตัวประกอบเสริมความเด่นไม่ได้มีค่าสูงที่สุดหรอกหรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, วิธีที่ขั้นตอนที่สองของพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยสัมฤทธิ์ผล) พระวจนะของพระเจ้าแสดงให้ผมเห็นว่าการเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นคืออะไร พวกเราเกิดในประเทศจีน ดังนั้นพวกเราจึงได้รับการศึกษา ได้รับอิทธิพล และถูกทำให้เสื่อมทรามโดยพญานาคใหญ่สีแดงมาตลอดหลายปี พวกเราเต็มไปด้วยปรัชญา ความไม่เชื่อพระเจ้า วิวัฒนาการ และเหตุผลวิบัติสารพัดเยี่ยงซาตาน ทุกๆ ความคิดของพวกเรานั้น ชั่วและขัดต่อความจริง แต่พวกเราไม่ตระหนักถึงเรื่องนั้น พวกเรากลับคิดว่าตัวเองเป็นคนดี คิดว่าพวกเราตรงต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเปิดโปงอย่างหลักแหลมถึงอุปนิสัยเยี่ยงซาตานทั้งหมดของพวกเรา เช่น ความโอหัง ความเจ้าเล่ห์ และความเลว แล้วพระองค์ก็ทรงโน้มน้าวพวกเราอย่างถึงที่สุดด้วยการเปิดเผยข้อเท็จจริง เมื่อพระเจ้าทรงแสดงให้เห็นถึงความจริงเพื่อที่จะพิพากษาและเปิดโปงความเสื่อมทรามของเรา อุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ซึ่งเกลียดชังบาปและความชั่วก็ย่อมปรากฏออกมาโดยธรรมชาติ พวกเราได้เห็นถึงความบริสุทธิ์และพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ซึ่งไม่ยอมทนต่อการล่วงเกิน ความเสื่อมทรามและความชั่วของเราจึงกลายเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นให้กับพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้า ผมยังเห็นถึงความรักและความรอดสำหรับมวลมนุษย์ในพระวจนะของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พระองค์ตรัสว่า “หากพระเจ้าไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ใดเล่าจะเมตตาพวกเจ้า และผู้ใดเล่าจะเหลียวแลพวกเจ้า พวกผู้คนต่ำต้อยอย่างที่พวกเจ้าเป็น? ผู้ใดเล่าจะดูแลพวกเจ้า?” พระวจนะนั้นดลใจผมอย่างลึกซึ้ง พอใคร่ครวญถึงพระวจนะของพระเจ้า ผมก็ตระหนักได้ ว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงละทิ้งหรือทรงกำจัดพวกเราทิ้งเพราะความโสมมและความเสื่อมทรามของพวกเรา แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงเปี่ยมกรุณากับพวกเราผู้ซึ่งถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามและเสียหายอย่างดิ่งลึก พระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ด้วยพระองค์เอง เพื่อทรงช่วยพวกเราให้รอด ทรงทนทุกข์กับความอัปยศอดสูใหญ่หลวงเพื่อทรงพระราชกิจในหมู่พวกเรา ทรงแสดงความจริงเพื่อให้น้ำและค้ำชูพวกเรา เพื่อพิพากษาและเปิดโปงพวกเรา แม้ว่าพระองค์ได้ทรงเปิดโปงว่าพวกเราเป็นตัวประกอบเสริมความเด่น แต่น้ำพระทัยของพระองค์ก็ไม่ใช่เพื่อทรงกำจัดพวกเราทิ้ง แต่เพื่อทำให้พวกเราระลึกได้ถึงความอยากของพวกเราเองที่มีต่อสถานะ และความหวังที่มีต่ออนาคตของตัวเรา ให้พวกเรารู้ถึงอุปนิสัยเยี่ยงซาตานของพวกเราที่โอหัง เต็มไปด้วยเล่ห์ลวง และชั่ว เพื่อให้พวกเราสามารถไล่ตามเสาะหาความจริง สลัดทิ้งความเสื่อมทราม และได้รับการช่วยให้รอดจากพระเจ้าโดยสมบูรณ์ นี่เองคือความรักและความรอดที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงอย่างมากจากพระเจ้าเพื่อพวกเรา! พอผมเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าแล้ว ผมก็คิดถึงว่าตัวเองเคยประพฤติตัวต่อพระเจ้าอย่างไร และอยากให้ธรณีสูบผมลงไปเลย ผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างตัวกระจ้อย ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามดิ่งลึก ทั้งโสมมและด้อยค่า การที่สามารถรับใช้พระเจ้าองค์ผู้สูงสุดในฐานะตัวประกอบเสริมความเด่น และมีโอกาสได้รับประสบการณ์การทรงพระราชกิจของพระเจ้า อีกทั้งได้เป็นพยานต่อความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ของพระองค์นั้น ช่างเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำหรับผม! หากพระเจ้าไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ตรัสและทรงพระราชกิจในหมู่พวกเรา ผมจะมีโอกาสได้เข้าใจความจริงมากมายได้อย่างไร? ผมจะได้มีโอกาสรู้จักพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ได้อย่างไร? ไม่ใช่แค่ไม่ขอบคุณพระเจ้าเท่านั้น แต่ผมยังพยายามโต้แย้งพระเจ้าเรื่องที่ถูกเรียกว่าเป็นตัวประกอบเสริมความเด่นด้วย ผมไร้ซึ่งเหตุผลหรือสภาวะความเป็นมนุษย์ใดๆ ทั้งสิ้น พอผมตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ ผมก็รู้สึกเลยว่าตัวเองถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามดิ่งลึกแค่ไหน ผมเป็นหนี้พระเจ้าแค่ไหน ผมต้องการกลับใจต่อพระเจ้า และต้องการนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงของพระเจ้า ไม่ว่าพระองค์จะทรงเรียกผมว่าอะไรก็ตาม และไม่ว่าอนาคตกับบั้นปลายของผมจะเป็นเช่นไร ผมก็ต้องการไล่ตามเสาะหาความจริงและเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของผม

ด้วยการก้าวผ่านบททดสอบของตัวประกอบเสริมความเด่น ผมจึงได้เข้าใจเหตุจูงใจของตัวเองในการที่จะได้รับพระพรและอุปนิสัยเยี่ยงซาตานขึ้นมาบ้าง และผมก็ได้ตระหนักว่า ไม่ว่าสถานะจะสูงหรือต่ำ ผมก็เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างตัวกระจ้อยร่อยเท่านั้น และผมควรนบนอบต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดการเตรียมการตลอดเวลา ต่อให้ผมกำลังรับใช้พระเจ้าในฐานะตัวประกอบเสริมความเด่น ผมก็ต้องสรรเสริญความชอบธรรมของพระองค์ ไล่ตามเสาะหาความจริงให้ดี และทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้าง นั่นคือคำพยานที่ถูกต้องเหมาะสมซึ่งสิ่งทรงสร้างหนึ่งควรมี

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

หนทางเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตเหมือนคนที่แท้จริง

โดย ซินเฉิง ประเทศจีน ฉันเคยอ่านนิยายของนักเขียนญี่ปุ่น ที่เป็นเรื่องราว ของพนักงานขายที่สามารถขาย เซรั่มปลูกผม ยาย้อมผม แว็กซ์จัดทรงผม...

มีเพียงความซื่อสัตย์เท่านั้น ที่จะนำความคล้ายมนุษย์มาสู่เราได้

โดย สือไจ้ ประเทศจีน ฉันกับสามีทำธุรกิจด้านเฟอร์นิเจอร์ในสำนักงานค่ะ เราเริ่มทำธุรกิจแบบซื่อสัตย์มาก ทำตามสิ่งที่ลูกค้าขอ...

หลังจากถูกเปลี่ยนตัว

โดย Li Jie, สหรัฐอเมริกา พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตรัสว่า “พระเจ้าทรงพระราชกิจในบุคคลทุกๆ คน และไม่สำคัญว่าวิธีการของพระองค์คือสิ่งใด ผู้คน...

หลังแผ่นดินไหว

โดย เจน, ฟิลิปปินส์ ฉันยอมรับงานแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2019 ต่อมา ฉันอ่านพระวจนะของพระองค์เยอะมาก...

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger