พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การจุติเป็นมนุษย์ | บทตัดตอน 113

วันที่ 31 เดือน 01 ปี 2024

เมื่อพระเจ้าทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ไม่ได้เสด็จมาเพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างหรือขบวนการใดๆ แต่เพื่อทำพันธกิจของพระองค์ให้ลุล่วง แต่ละครั้งที่พระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ มันเป็นไปเพียงเพื่อทำให้พระราชกิจช่วงระยะหนึ่งสำเร็จลุล่วงและเพื่อเปิดตัวยุคใหม่ บัดนี้ยุคแห่งราชอาณาจักรได้มาถึงแล้ว เช่นเดียวกับที่การฝึกฝนเพื่อราชอาณาจักรได้มาถึง พระราชกิจช่วงระยะนี้ไม่ใช่งานของมนุษย์ และนั่นไม่ใช่เพื่อปฏิบัติพระราชกิจในมนุษย์ให้ถึงระดับใดโดยเฉพาะ แต่เป็นเพียงเพื่อทำให้ส่วนหนึ่งของพระราชกิจของพระเจ้าครบบริบูรณ์เท่านั้น สิ่งที่พระองค์ทรงทำไม่ใช่งานของมนุษย์ สิ่งนั้นไม่ใช่เพื่อสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ระดับที่แน่นอนระดับหนึ่งในการปฏิบัติพระราชกิจในมนุษย์ก่อนที่จะจากแผ่นดินโลกไป นั่นเป็นไปเพื่อทำให้พันธกิจของพระองค์ลุล่วงและทำพระราชกิจที่พระองค์ควรทรงต้องทำให้แล้วเสร็จ ซึ่งก็คือการทำการจัดการเตรียมการที่เหมาะสมเพื่อพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก และด้วยการนั้นจึงได้รับการถวายพระเกียรติ พระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์นั้นไม่เหมือนกันกับงานของผู้คนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้งาน เมื่อพระเจ้าเสด็จมาเพื่อทรงพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงสนพระทัยเกี่ยวกับเรื่องการทำพันธกิจของพระองค์ให้ลุล่วงเท่านั้น สำหรับเรื่องอื่นทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวพันกับพันธกิจของพระองค์นั้น พระองค์แทบจะไม่ได้ทรงเข้าไปมีส่วนร่วมเลย แม้กระทั่งในขอบข่ายของการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ พระองค์เพียงแค่ทรงดำเนินพระราชกิจที่พระองค์ควรทรงต้องทำเท่านั้น และอย่างน้อยที่สุดพระองค์ทรงเป็นห่วงงานที่มนุษย์ควรจะทำ พระราชกิจที่พระองค์ทรงทำนั้นเป็นพระราชกิจที่เกี่ยวกับยุคที่พระองค์ทรงประทับอยู่และกับพันธกิจที่พระองค์ควรทรงจะทำให้ลุล่วงเท่านั้น ราวกับว่าเรื่องอื่นทั้งหมดนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงเตรียมพระองค์เองให้พรักพร้อมด้วยความรู้พื้นฐานที่มากขึ้นเกี่ยวกับการดำรงชีวิตเหมือนผู้หนึ่งท่ามกลางมวลมนุษย์ อีกทั้งพระองค์ไม่ทรงเรียนรู้ทักษะทางสังคมมากขึ้น อีกทั้งไม่ทรงเตรียมพระองค์เองให้พร้อมด้วยสิ่งอื่นใดที่มนุษย์เข้าใจ ทั้งหมดที่มนุษย์ควรจะครอบครองนั้นไม่ทำให้พระองค์ทรงกังวลเลย และพระองค์แค่ทรงพระราชกิจที่เป็นหน้าที่ของพระองค์เท่านั้น และดังนั้น ตามที่มนุษย์มองเห็น พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ทรงขาดตกบกพร่องในมากมายหลายสิ่งจนพระองค์ไม่แม้กระทั่งให้ความใส่พระทัยในหลายสิ่งหลายอย่างที่มนุษย์ควรจะมี และพระองค์ไม่ทรงมีความเข้าใจเรื่องทั้งหลายดังกล่าว สิ่งทั้งหลายเช่นความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับชีวิต ตลอดจนหลักการที่ควบคุมดูแลการประพฤติส่วนตัวและการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้นปรากฏว่าไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับพระองค์เลย แต่เจ้าแค่ไม่สามารถสำนึกรับรู้ถึงเบาะแสของความผิดปกติแม้แต่นิดเดียวจากพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์เพียงแต่รักษาพระชนม์ชีพของพระองค์ให้คงอยู่ในฐานะบุคคลปกติคนหนึ่งและการมีเหตุผลตามปกติของพระมัตถลุงค์ของพระองค์เท่านั้น โดยให้พระองค์ทรงมีความสามารถในการหยั่งรู้ระหว่างถูกและผิดได้ อย่างไรก็ตาม พระองค์ไม่ทรงได้รับการเตรียมให้พรักพร้อมด้วยสิ่งอื่นใด ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ (สิ่งมีชีวิตทรงสร้าง) เท่านั้นควรจะมี พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพียงเพื่อทำพันธกิจของพระองค์เองให้ลุล่วงเท่านั้น พระราชกิจของพระองค์ได้รับการชี้นำไปที่ยุคหนึ่งทั้งยุค ไม่ใช่บุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือสถานที่หนึ่งที่ใด แต่ที่ทั่วทั้งจักรวาล นี่คือทิศทางของพระราชกิจของพระองค์และหลักการที่พระองค์ทรงใช้ในการทรงพระราชกิจ ไม่มีผู้ใดสามารถปรับเปลี่ยนการนี้ได้ และมนุษย์ไม่มีทางที่จะกลายมาเป็นเกี่ยวข้องในการนี้ แต่ละครั้งที่พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงนำพาพระราชกิจของยุคนั้นมากับพระองค์ และไม่ทรงมีเจตนารมณ์ที่จะดำเนินพระชนม์ชีพอยู่เคียงข้างมนุษย์เป็นเวลายี่สิบ สามสิบ สี่สิบ หรือแม้กระทั่งเจ็ดสิบ หรือแปดสิบปี เพื่อที่ว่าเขาอาจจะมีความเข้าใจและได้รับความรู้ความเข้าใจเชิงลึกในตัวพระองค์ดีขึ้น ไม่มีความจำเป็นสำหรับการนั้น! การทำดังนั้นคงจะไม่มีทางที่จะทำให้ความรู้ที่มนุษย์มีเกี่ยวกับพระอุปนิสัยโดยธรรมชาติของพระเจ้าลึกซึ้งขึ้น แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มันคงจะเพียงแค่เพิ่มให้กับมโนคติที่หลงผิดของเขา และทำให้มโนคติที่หลงผิดและความคิดของเขากลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ไปเท่านั้น ดังนั้นมันจึงจำเป็นที่พวกเจ้าทั้งหมดจะเข้าใจอย่างแน่ชัดว่าพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์คือสิ่งใด แน่ใจหรือไม่ว่าพวกเจ้าไม่สามารถล้มเหลวที่จะได้มีความเข้าใจคำพูดที่เราพูดกับพวกเจ้าว่า "ที่เรามานั้นไม่ใช่เพื่อได้รับประสบการณ์กับชีวิตของมนุษย์ปกติคนหนึ่ง"? พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือกับคำพูดที่ว่า "พระเจ้าเสด็จมายังแผ่นดินโลกไม่ใช่เพื่อดำเนินพระชนม์ชีพแบบมนุษย์ปกติ"? พวกเจ้าไม่เข้าใจจุดประสงค์ในการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเจ้า อีกทั้งพวกเจ้าไม่รู้ความหมายของ "พระเจ้าจะทรงสามารถมายังแผ่นดินโลกด้วยเจตนารมณ์ที่จะได้รับประสบการณ์กับชีวิตของสิ่งมีชีวิตทรงสร้างได้อย่างไร?" พระเจ้าได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกเพียงเพื่อทำพระราชกิจของพระองค์ให้ครบบริบูรณ์เท่านั้น และดังนั้นพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลกนั้นจึงมีระยะเวลาอันสั้น พระองค์ไม่ได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกด้วยเจตนารมณ์ที่จะทำให้พระวิญญาณของพระเจ้าบ่มเพาะร่างกายฝ่ายเนื้อหนังของพระองค์ให้เป็นมนุษย์ชั้นเลิศผู้ซึ่งจะนำทางคริสตจักร เมื่อพระเจ้าเสด็จมายังแผ่นดินโลก นั่นคือพระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ไม่รู้เกี่ยวกับพระราชกิจของพระองค์และบังคับกำหนดคุณลักษณะสิ่งทั้งหลายให้พระองค์ แต่พวกเจ้าทั้งหมดควรตระหนักว่าพระเจ้าทรงเป็น "พระวจนะที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์" ไม่ใช่ร่างกายฝ่ายเนื้อหนังที่ได้รับการบ่มเพาะโดยพระวิญญาณของพระเจ้าเพื่อเข้ารับบทบาทของพระเจ้าชั่วขณะหนึ่ง พระเจ้าพระองค์เองไม่ได้ทรงเป็นผลผลิตของการเพาะปลูก แต่เป็นพระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และวันนี้ พระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์อย่างเป็นทางการท่ามกลางพวกเจ้าทั้งหมด พวกเจ้าทั้งหมดรู้และยอมรับว่าการจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าคือความจริงที่เป็นข้อเท็จจริง แต่ถึงกระนั้นพวกเจ้ายังคงกระทำการราวกับว่าเจ้าเข้าใจสิ่งนั้น จากพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ไปจนถึงนัยสำคัญและเนื้อแท้แห่งการจุติเป็นมนุษย์ของพระองค์ พวกเจ้าไร้ความสามารถที่จะจับความเข้าใจการเหล่านี้แม้แต่น้อย และเพียงแต่ติดตามผู้อื่นในการท่องพระวจนะทั้งหลายจากความจำอย่างฉะฉาน เจ้าเชื่อว่าพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์จะทรงเป็นอย่างที่เจ้าจินตนาการหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความล้ำลึกแห่งการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ (3)

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger