พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การจุติเป็นมนุษย์ | บทตัดตอน 111

วันที่ 10 เดือน 10 ปี 2020

พระเจ้าที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ทรงสำแดงพระองค์เองต่อผู้คนส่วนหนึ่งซึ่งติดตามพระองค์ในช่วงเวลานี้ที่พระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น และไม่ได้ทรงสำแดงต่อสิ่งทรงสร้างทั้งหมด พระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพียงเพื่อเสร็จสิ้นช่วงระยะหนึ่งของพระราชกิจของพระองค์ และหาใช่เพื่อประโยชน์แห่งการแสดงให้เห็นพระฉายาของพระองค์ต่อมนุษย์ไม่ อย่างไรก็ตาม พระราชกิจของพระองค์จำต้องถูกดำเนินการจนเสร็จสิ้นด้วยพระองค์เอง เมื่อเป็นดังนั้น พระองค์จึงจำเป็นต้องทรงทำเช่นนั้นในเนื้อหนัง ครั้นพระราชกิจนี้สรุปปิดตัวลง พระองค์จะทรงไปจากพิภพมนุษย์ พระองค์ไม่ทรงสามารถคงอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์ได้เป็นเวลานาน เนื่องจากทรงเกรงว่าจะเป็นการขวางทางพระราชกิจที่กำลังจะมา สิ่งที่พระองค์ทรงสำแดงต่อมวลชนนั้นเป็นเพียงพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์และกิจการทั้งหมดของพระองค์เท่านั้น และหาใช่พระฉายาของตอนที่พระองค์ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์สองคราวไม่ เนื่องจากพระฉายาของพระเจ้าสามารถแสดงโดยผ่านทางพระอุปนิสัยของพระองค์ได้เท่านั้น และไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยพระฉายาของมนุษย์ที่พระองค์ทรงจุติมาเป็นได้ พระฉายาในเนื้อหนังของพระองค์ถูกแสดงต่อผู้คนจำนวนจำกัดเท่านั้น เฉพาะต่อบรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงพระราชกิจในเนื้อหนังเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ทำไมพระราชกิจซึ่งกำลังถูกดำเนินการให้เสร็จสิ้นอยู่ในขณะนี้จึงถูกทำอย่างลับๆ ยิ่งนัก ในทำนองเดียวกัน พระเยซูได้ทรงแสดงพระองค์เองต่อพวกยิวเท่านั้นเมื่อตอนที่พระองค์ได้ทรงพระราชกิจของพระองค์ และไม่เคยทรงแสดงพระองค์เองต่อชนชาติอื่นใดอย่างเป็นสาธารณะเลย เมื่อเป็นเช่นนั้น ทันทีที่พระองค์ได้ทรงเสร็จสิ้นพระราชกิจของพระองค์แล้ว พระองค์จึงได้ทรงไปจากพิภพมนุษย์โดยพลันและมิได้ทรงพำนักอยู่ นั่นคือ ภายหลังต่อมา พระฉายาของมนุษย์นี้ ที่ได้ทรงแสดงพระองค์เองต่อมนุษย์นั้น หาใช่พระองค์ไม่ แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ซึ่งได้ทรงดำเนินพระราชกิจโดยตรง ทันทีที่พระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ได้แล้วเสร็จอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ พระองค์จะทรงไปจากพิภพมนุษย์ และจะไม่มีวันทรงพระราชกิจใดที่คล้ายคลึงกับที่พระองค์ได้ทรงทำไปเมื่อพระองค์ทรงอยู่ในเนื้อหนังอีก หลังจากนี้ พระราชกิจทั้งหมดได้ถูกปฏิบัติโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยตรง ในระหว่างช่วงเวลานี้ ยากที่มนุษย์จะสามารถมองเห็นพระฉายาของพระวรกายที่เป็นเนื้อหนังของพระองค์ กล่าวคือ พระองค์มิได้ทรงแสดงพระองค์เองต่อมนุษย์เลย แต่ยังคงทรงซ่อนเร้นตลอดกาล เวลาสำหรับพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีจำกัด พระราชกิจนี้ถูกดำเนินไปในยุค ในช่วงเวลา ในชนชาติที่เฉพาะเจาะจง และท่ามกลางผู้คนที่เฉพาะเจาะจง พระราชกิจนี้เป็นเพียงตัวแทนของพระราชกิจในระหว่างช่วงเวลาแห่งการจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าเท่านั้น และเฉพาะยุคนั้นเท่านั้น นั่นคือ มันเป็นตัวแทนพระราชกิจของพระวิญญาณของพระเจ้าในยุคเฉพาะยุคหนึ่ง และไม่ใช่ความครบถ้วนบริบูรณ์ของพระราชกิจของพระองค์ เพราะฉะนั้น พระฉายาของพระเจ้าที่ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์จะไม่ถูกแสดงต่อผู้คนทั้งหมด สิ่งที่ถูกแสดงต่อมวลชนคือความชอบธรรมของพระเจ้าและพระอุปนิสัยของพระองค์ในความครบถ้วนบริบูรณ์มากกว่าที่จะเป็นพระฉายาของพระองค์ตอนที่พระองค์ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์สองคราว มันไม่ใช่สักพระฉายาเดียวที่ถูกแสดงต่อมนุษย์ ทั้งยังไม่ใช่พระฉายาทั้งสองที่ผนึกผสานกัน เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เนื้อหนังซึ่งทรงจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าควรไปจากแผ่นดินโลกทันทีที่พระราชกิจซึ่งพระองค์ทรงจำเป็นต้องทำนั้นเสร็จบริบูรณ์ เนื่องจากพระองค์ทรงมาเพื่อทรงพระราชกิจที่พระองค์ทรงพึงกระทำเท่านั้น และหาใช่เพื่อทรงแสดงพระฉายาของพระองค์ต่อผู้คนไม่ แม้ว่านัยสำคัญแห่งการจุติเป็นมนุษย์ได้ลุล่วงไปแล้วโดยพระเจ้าผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สองคราว แต่พระองค์ก็ยังคงจะไม่ทรงสำแดงพระองค์เองอย่างเปิดเผยต่อชนชาติใดที่ไม่เคยได้เห็นพระองค์มาก่อน พระเยซูจะไม่มีวันทรงแสดงพระองค์เองต่อพวกยิวในฐานะองค์ตะวันแห่งความชอบธรรมอีกแล้ว ทั้งยังจะไม่เสด็จขึ้นไปยังภูเขามะกอกเทศและทรงปรากฏต่อผู้คนทั้งหมด กล่าวคือ ทั้งหมดที่พวกยิวได้เห็นกันไปนั้นเป็นรูปภาพของพระเยซูในช่วงระหว่างกาลสมัยของพระองค์ในแคว้นยูเดีย นี่เป็นเพราะพระราชกิจของพระเยซูในการจุติเป็นมนุษย์ของพระองค์นั้นได้จบลงไปเมื่อสองพันปีที่แล้ว พระองค์จะไม่ทรงกลับไปที่แคว้นยูเดียในภาพลักษณ์ของคนยิว นับประสาอะไรที่จะทรงแสดงพระองค์เองในภาพลักษณ์ของคนยิวต่อชนต่างชาติใดๆ เพราะพระฉายาของพระเยซูที่ทรงบังเกิดเป็นเนื้อหนังนั้นเป็นแค่ภาพลักษณ์ของคนยิว และไม่ใช่พระฉายาของบุตรมนุษย์ที่ยอห์นได้เห็น แม้ว่าพระเยซูได้ทรงสัญญาต่อเหล่าผู้ติดตามของพระองค์ว่าพระองค์จะเสด็จมาอีก แต่พระองค์จะไม่ทรงแสดงพระองค์เองในภาพลักษณ์ของคนยิวอย่างเรียบง่ายต่อบรรดาผู้ที่อยู่ในชนต่างชาติทั้งหมด พวกเจ้าจึงพึงรู้เถิดว่าพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นไปเพื่อเปิดยุคหนึ่งขึ้นมา พระราชกิจนี้จำกัดอยู่ภายในเวลาไม่กี่ปี และพระองค์จึงไม่ทรงสามารถที่จะทำให้พระราชกิจทั้งหมดของพระวิญญาณของพระเจ้าเสร็จสิ้นได้ ในทำนองเดียวกัน พระฉายาของพระเยซูที่เป็นคนยิวก็สามารถเป็นตัวแทนได้เพียงพระฉายาของพระเจ้าในขณะที่พระองค์ได้ทรงงานอยู่ในแคว้นยูเดียเท่านั้น และพระองค์ได้ทรงสามารถปฏิบัติพระราชกิจแห่งการถูกตรึงกางเขนเท่านั้น ในระหว่างช่วงเวลาที่พระเยซูได้ทรงอยู่ในเนื้อหนัง พระองค์ไม่ได้ทรงสามารถปฏิบัติพระราชกิจแห่งการนำพายุคไปสู่บทอวสานหรือสู่การทำลายล้างมวลมนุษย์ เพราะฉะนั้น หลังจากที่พระองค์ได้ทรงถูกตรึงกางเขนและได้ทรงสรุปพระราชกิจของพระองค์ไปแล้ว พระองค์ได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และทรงปกปิดพระองค์เองจากมนุษย์ตลอดกาล จากนั้นมา บรรดาผู้เชื่อที่สัตย์ซื่อจากชนต่างชาติทั้งหลายจึงไร้ความสามารถที่จะมองเห็นการสำแดงขององค์พระเยซูเจ้าได้ มีก็แต่เพียงรูปภาพของพระองค์ที่พวกเขาได้ป้ายไว้บนผนังเท่านั้น รูปภาพนี้เป็นแค่รูปภาพที่มนุษย์วาดขึ้นเท่านั้น และหาใช่พระฉายาที่พระเจ้าพระองค์เองได้ทรงแสดงต่อมนุษย์ไม่ พระเจ้าจะไม่ทรงแสดงพระองค์เองอย่างเปิดเผยต่อมวลชนในพระฉายาของตอนที่พระองค์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สองคราว พระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำท่ามกลางมวลมนุษย์นั้นก็คือการอนุญาตให้พวกเขาได้เข้าใจพระอุปนิสัยของพระองค์ ทั้งหมดนี้ถูกแสดงออกต่อมนุษย์โดยวิถีทางของพระราชกิจของยุคต่างๆ ที่แตกต่างกัน กล่าวคือมันถูกทำให้สำเร็จลุล่วงโดยผ่านทางพระอุปนิสัยที่พระองค์ได้ทรงทำให้เป็นที่รู้กันไปแล้ว และโดยผ่านทางพระราชกิจที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติไปแล้ว มากกว่าจะโดยผ่านทางการสำแดงของพระเยซู นี่กล่าวได้ว่า พระฉายาของพระเจ้าไม่ได้ถูกทำให้เป็นที่รู้จักต่อมนุษย์โดยผ่านทางพระฉายาที่ทรงจุติเป็นมนุษย์ แต่กลับโดยผ่านทางพระราชกิจที่ถูกดำเนินการจนเสร็จสิ้นโดยพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ผู้ซึ่งมีทั้งพระฉายาและพระรูปสัณฐาน และพระฉายาของพระองค์จึงได้ถูกแสดงและพระอุปนิสัยของพระองค์จึงได้ถูกทำให้เป็นที่รู้กันโดยผ่านทางพระราชกิจของพระองค์นี่เอง นี่คือนัยสำคัญของพระราชกิจที่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะทำในเนื้อหนัง

ทันทีที่พระราชกิจของการจุติเป็นมนุษย์สองคราวของพระเจ้ามาถึงบทอวสาน พระองค์จะทรงเริ่มแสดงพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ไปทั่วชนต่างชาติทั้งหลาย เป็นการอนุญาตให้มวลชนได้เห็นพระฉายาของพระองค์ พระองค์จะทรงสำแดงพระอุปนิสัยของพระองค์ และทรงทำให้บทอวสานของมนุษย์ในหมวดหมู่ที่ต่างกันมีความชัดเจนโดยวิถีทางนี้ ด้วยประการฉะนี้จึงเป็นการนำพายุคเดิมไปสู่บทอวสานอย่างบริบูรณ์ เหตุผลที่ทำไมพระราชกิจของพระองค์ในเนื้อหนังจึงไม่ขยายตัวไปทั่วพื้นที่อันไพศาล (เช่นเดียวกับที่พระเยซูได้ทรงพระราชกิจในแคว้นยูเดียเท่านั้น และวันนี้ เราทำงานท่ามกลางพวกเจ้าเท่านั้น) ก็เพราะพระราชกิจของพระองค์ในเนื้อหนังมีอาณาเขตและมีขีดจำกัด พระองค์แค่ทรงกำลังดำเนินช่วงเวลาสั้นๆ แห่งพระราชกิจในภาพลักษณ์ของมนุษย์ปกติและธรรมดาสามัญคนหนึ่งเท่านั้น พระองค์หาได้กำลังใช้เนื้อหนังที่ทรงจุติเป็นมนุษย์นี้เพื่อทรงพระราชกิจแห่งกัลปวสานหรือพระราชกิจแห่งการทรงปรากฏต่อประชาชนของชนต่างชาติทั้งหลายไม่ พระราชกิจในเนื้อหนังนั้นสามารถเพียงถูกจำกัดอยู่ในวงเขตเท่านั้น (ดังเช่น การทรงพระราชกิจแค่ในแคว้นยูเดียเท่านั้น หรือเพียงท่ามกลางพวกเจ้าเท่านั้น) และต่อจากนั้น โดยวิถีทางของพระราชกิจที่ดำเนินเสร็จสิ้นไปภายในอาณาเขตเหล่านี้ วงเขตของมันจึงสามารถขยับขยายได้ แน่นอนว่า พระราชกิจแห่งการขยับขยายนั้นจะถูกดำเนินการโดยตรงโดยพระวิญญาณของพระองค์ แล้วก็จะไม่ได้เป็นพระราชกิจของเนื้อหนังที่ทรงจุติเป็นมนุษย์ของพระองค์อีกต่อไป เพราะพระราชกิจในเนื้อหนังมีอาณาเขตและไม่ได้ยืดขยายออกไปยังทุกมุมของจักรวาล—มันไม่สามารถสำเร็จลุล่วงการนี้ได้โดยผ่านทางพระราชกิจในเนื้อหนัง พระวิญญาณของพระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจซึ่งกำลังจะตามมาให้เสร็จสิ้น เพราะฉะนั้นพระราชกิจที่ทำในเนื้อหนังนั้นเป็นลักษณะของการเปิดตัวซึ่งถูกดำเนินจนเสร็จสิ้นภายในอาณาเขตหนึ่งโดยเฉพาะ กล่าวคือ หลังจากนี้ พระวิญญาณของพระองค์นี่เองที่ทรงดำเนินพระราชกิจนี้ต่อ และพระองค์ทรงทำยิ่งไปกว่านั้นมากเหลือเกินในวงเขตที่ถูกขยับขยายออกไป

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความล้ำลึกแห่งการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ (2)

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

วิดีโอประเภทอื่นๆ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger