พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 116

วันที่ 26 เดือน 02 ปี 2024

พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระผู้สร้างเป็นจริงและแจ่มแจ้ง

เมื่อพระเจ้าได้เปลี่ยนพระทัยต่อผู้คนเมืองนีนะเวห์แล้ว ความปรานีและการทนยอมรับของพระองค์เป็นฉากหน้าเทียมเท็จหรือไม่? แน่นอนว่าไม่! เช่นนั้นแล้ว การเปลี่ยนผ่านระหว่างสองแง่มุมนี้ของพระอุปนิสัยของพระเจ้าในระหว่างที่พระเจ้าทรงจัดการกับสถานการณ์หนึ่งเดียวนี้ได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งใด? พระอุปนิสัยของพระเจ้าคือสิ่งที่ครบถ้วนสมบูรณ์—พระอุปนิสัยของพระเจ้าไม่มีการแบ่งส่วนเลย ไม่ว่าพระองค์จะกำลังทรงแสดงพระโทสะหรือความปรานีและการทนยอมรับต่อผู้คนหรือไม่ก็ตาม ทั้งหมดนี้คือการแสดงออกถึงพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ พระอุปนิสัยของพระเจ้ามีชีวิตชีวาและชัดเจนแจ่มแจ้ง และพระองค์เปลี่ยนพระดำริและท่าทีของพระองค์ตามวิธีที่สิ่งทั้งหลายพัฒนาไป การแปลงรูปของท่าทีของพระองค์ต่อชาวนีนะเวห์บอกมนุษยชาติว่าพระองค์มีพระดำริและแนวคิดของพระองค์เอง พระองค์ไม่ทรงเป็นหุ่นยนต์หรือรูปปั้นดิน แต่ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองผู้ดำรงพระชนม์ พระองค์สามารถกริ้วผู้คนเมืองนีนะเวห์ เช่นเดียวกับที่พระองค์สามารถประทานอภัยให้กับอดีตของพวกเขาเพราะท่าทีของพวกเขา พระองค์สามารถตัดสินพระทัยที่จะนำโชคร้ายมาสู่ชาวนีนะเวห์ และพระองค์ยังสามารถเปลี่ยนการตัดสินพระทัยของพระองค์เพราะการกลับใจของพวกเขาได้เช่นกัน ผู้คนชอบนำกฎเกณฑ์มาใช้อย่างเคร่งครัด และใช้กฎเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อกำหนดขอบเขตและนิยามพระเจ้า เช่นเดียวกับที่พวกเขาชอบใช้สูตรเพื่อพยายามเข้าใจพระอุปนิสัยของพระเจ้า ดังนั้น ในขอบเขตความคิดของมนุษย์ พระเจ้าไม่มีพระดำริ อีกทั้งพระองค์ไม่ทรงมีแนวคิดที่เป็นสาระสำคัญใดๆ แต่ในความเป็นจริง พระดำริของพระเจ้าอยู่ในสภาวะที่มีการแปลงรูปอยู่เสมอ ตามการเปลี่ยนแปลงในสิ่งทั้งหลายและในสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ขณะที่พระดำริเหล่านี้กำลังแปลงรูป แง่มุมที่แตกต่างกันในเนื้อแท้ของพระเจ้าก็ได้รับการเปิดเผย ในช่วงระหว่างกระบวนการแปลงรูปนี้ ในชั่วขณะนั้นๆ ที่พระเจ้าเปลี่ยนพระทัย สิ่งที่พระองค์ทรงแสดงต่อมวลมนุษย์คือการมีอยู่ที่เป็นจริงของพระชนม์ชีพของพระองค์ และการที่พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์นั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง ในขณะเดียวกัน พระเจ้าทรงใช้การเผยที่แท้จริงของพระองค์เองเพื่อพิสูจน์ต่อมวลมนุษย์ถึงความจริงเกี่ยวกับการมีอยู่ของพระพิโรธของพระองค์ ความปรานีของพระองค์ ความเมตตาของพระองค์ และการทนยอมรับของพระองค์ เนื้อแท้ของพระองค์จะได้รับการเปิดเผยในทุกที่และทุกเวลาตามวิธีการที่สิ่งทั้งหลายพัฒนาไป พระองค์ทรงครอบครองความโกรธเกรี้ยวของราชสีห์และความปรานีและการทนยอมรับของมารดา พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ไม่ยอมให้มีการตั้งคำถาม การฝ่าฝืน การเปลี่ยนแปลง หรือการบิดเบือนโดยผู้ใด พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้า—นั่นคือ พระพิโรธของพระเจ้าและความปรานีของพระเจ้า—สามารถได้รับการเปิดเผยทุกที่และทุกเวลาท่ามกลางทุกเรื่องและทุกสิ่ง พระองค์ทรงให้การแสดงออกที่มีชีวิตชีวาแก่แง่มุมเหล่านี้ในทุกมุมของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง และพระองค์ทรงนำสิ่งเหล่านี้มาดำเนินการด้วยความมีชีวิตชีวาในทุกชั่วขณะที่ผ่านไป พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเวลาหรือพื้นที่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าไม่ได้แสดงออกหรือเปิดเผยขึ้นเองตามข้อจำกัดของเวลาหรือพื้นที่ แต่ด้วยความสบายที่สมบูรณ์แบบในทุกที่และทุกเวลา เมื่อเจ้ามองเห็นว่าพระเจ้ามีการเปลี่ยนพระทัยและยุติการแสดงพระพิโรธของพระองค์ และงดเว้นจากการทำลายเมืองนีนะเวห์ เจ้าสามารถพูดได้หรือไม่ว่าพระองค์ทรงเปี่ยมปรานีและเปี่ยมความรักใคร่เท่านั้น? เจ้าสามารถพูดได้หรือไม่ว่าพระพิโรธของพระเจ้ากอปรด้วยพระวจนะที่ว่างเปล่า? เมื่อพระเจ้าทรงเดือดดาลด้วยพระพิโรธที่ดุดันและถอนความปรานีของพระองค์กลับ เจ้าสามารถพูดได้หรือไม่ว่าพระองค์ไม่ทรงรู้สึกถึงความรักที่แท้จริงต่อมนุษยชาติ? พระพิโรธที่ดุดันนี้ได้รับการแสดงออกโดยพระเจ้าเพื่อตอบสนองต่อการกระทำชั่วของผู้คน พระพิโรธของพระองค์ไม่ได้มีข้อตำหนิ พระทัยของพระเจ้าได้รับการกระตุ้นให้ตอบสนองต่อการกลับใจของผู้คน และการกลับใจนี้นี่เองที่ทำให้พระองค์เปลี่ยนพระทัย เมื่อพระองค์ทรงรู้สึกตื้นตัน เมื่อพระองค์เปลี่ยนพระทัย และเมื่อพระองค์ทรงแสดงความปรานีและการทนยอมรับของพระองค์ต่อมนุษย์ ทั้งหมดนี้ปราศจากข้อตำหนิโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดนี้สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีมลทิน และไม่มีสิ่งเจือปน การทนยอมรับของพระเจ้าที่แท้แล้วก็คือการทนยอมรับ เช่นเดียวกับที่ความปรานีของพระองค์ก็ไม่ได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่าความปรานี พระอุปนิสัยของพระองค์เผยถึงพระพิโรธหรือความปรานีและการทนยอมรับตามการกลับใจของมนุษย์ และความผันแปรต่างๆ ในการประพฤติของมนุษย์ ไม่ว่าพระองค์ทรงเผยและแสดงออกสิ่งใดก็ตาม ทั้งหมดนั้นบริสุทธิ์และตรงไปตรงมา เนื้อแท้ของพระองค์แตกต่างจากเนื้อแท้ของสิ่งใดๆ ในการทรงสร้าง เมื่อพระเจ้าทรงแสดงหลักธรรมที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของพระองค์ หลักธรรมเหล่านั้นปราศจากข้อตำหนิหรือมลทินใดๆ และดังนั้นพระดำริของพระองค์ แนวคิดของพระองค์ และทุกๆ การตัดสินพระทัยที่พระองค์ทรงทำ และทุกๆ การกระทำที่พระองค์ทรงมีก็เป็นเช่นเดียวกัน เนื่องจากพระเจ้าได้ตัดสินพระทัยเช่นนี้ และเนื่องจากพระเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนี้ พระเจ้าก็ทรงทำให้ภาระหน้าที่ของพระองค์ครบบริบูรณ์เช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ของภาระหน้าที่ของพระองค์มีความถูกต้องและไม่มีข้อบกพร่องก็เพราะแหล่งกำเนิดของผลลัพธ์นั้นไม่มีข้อบกพร่องและไม่มีมลทินนั่นเอง พระพิโรธของพระเจ้าไม่มีข้อตำหนิ ในทำนองเดียวกัน ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้า—ซึ่งไม่มีสิ่งใดท่ามกลางสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดที่ครอบครอง—ก็ศักดิ์สิทธิ์และไร้ข้อตำหนิ และสามารถทนต่อการตรึกตรองครุ่นคิดและประสบการณ์ได้

จากความเข้าใจของพวกเจ้าเกี่ยวกับเมืองนีนะเวห์ ตอนนี้พวกเจ้ามองเห็นเนื้อแท้อีกด้านของพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าหรือไม่? พวกเจ้ามองเห็นอีกด้านของพระอุปนิสัยอันชอบธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของพระเจ้าหรือไม่? มีผู้ใดในบรรดามนุษยชาติที่ครอบครองอุปนิสัยประเภทนี้หรือไม่? มีผู้ใดครอบครองความพิโรธประเภทนี้ ซึ่งเป็นพระพิโรธของพระเจ้าหรือไม่? มีผู้ใดครอบครองความปรานีและการทนยอมรับเช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงครอบครองหรือไม่? ท่ามกลางสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง ใครสามารถเรียกใช้ความโกรธเกรี้ยวที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นและตัดสินใจที่จะทำลายหรือนำความวิบัติมาสู่มวลมนุษย์ได้? และใครที่มีคุณสมบัติที่จะมอบความปรานีแก่มนุษย์ ทนยอมรับและให้อภัย และด้วยเหตุนั้นจึงเปลี่ยนการตัดสินใจก่อนหน้าของเขาที่จะทำลายมนุษย์? พระผู้สร้างได้แสดงพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์โดยผ่านทางวิธีการและหลักธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของพระองค์เอง และพระองค์ไม่ทรงอยู่ภายใต้การควบคุมหรือข้อจำกัดใดที่กำหนดโดยผู้คน เหตุการณ์ หรือสิ่งใดก็ตาม ด้วยพระอุปนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของพระองค์นี้ จึงไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนพระดำริและแนวคิดของพระองค์ได้ อีกทั้งไม่มีผู้ใดสามารถโน้มน้าวพระองค์และเปลี่ยนการตัดสินพระทัยใดๆ ของพระองค์ได้ ทั้งหมดทั้งปวงของพฤติกรรมและความคิดที่มีอยู่ในการทรงสร้างทั้งหมดนั้นมีอยู่ภายใต้การพิพากษาแห่งพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมได้ว่าพระองค์จะใช้พระพิโรธหรือความปรานี มีเพียงเนื้อแท้ของพระผู้สร้างเท่านั้น—หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระผู้สร้าง—ที่สามารถตัดสินใจในการนี้ได้ เช่นนั้นเองที่เป็นธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระผู้สร้าง!

จากการวิเคราะห์และการทำความเข้าใจการแปลงรูปของท่าทีที่พระเจ้าทรงมีต่อผู้คนเมืองนีนะเวห์ พวกเจ้าสามารถใช้คำว่า "เป็นเอกลักษณ์" เพื่ออธิบายความปรานีที่พบภายในพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้าได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้เราได้พูดไปแล้วว่าพระพิโรธของพระเจ้าเป็นแง่มุมหนึ่งในเนื้อแท้ของพระอุปนิสัยอันชอบธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของพระองค์ ตอนนี้เราจะนิยามสองแง่มุม—คือพระพิโรธของพระเจ้าและความปรานีของพระเจ้า—ในฐานะพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้ามีความศักดิ์สิทธิ์ พระอุปนิสัยของพระองค์ไม่ทนยอมรับการถูกล่วงเกินหรือการถูกตั้งคำถาม พระอุปนิสัยของพระองค์คือบางสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทรงสร้างหรือสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างได้ครอบครอง พระอุปนิสัยนี้ทั้งเป็นเอกลักษณ์และเป็นของพระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว นี่จึงกล่าวได้ว่า พระพิโรธของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์และมิอาจถูกล่วงเกินได้ ในหนทางเดียวกัน อีกแง่มุมในพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้า—กล่าวคือ ความปรานีของพระเจ้า—ก็ศักดิ์สิทธิ์และไม่สามารถถูกล่วงเกินได้ ไม่มีสิ่งใดท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทรงสร้างหรือสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างที่สามารถแทนที่หรือเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการกระทำของพระองค์ได้ อีกทั้งไม่มีผู้ใดจะสามารถแทนที่หรือเป็นตัวแทนของพระองค์ในความย่อยยับของเมืองโสโดมหรือความรอดของเมืองนีนะเวห์ได้ นี่คือการแสดงออกที่แท้จริงถึงพระอุปนิสัยอันชอบธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 2

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger